collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: คัมภีร์กรรม ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า : คำนำ  (อ่าน 144140 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                 คัมภีร์กรรม  เล่ม ๓

                   ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า 

                          วิถีสร้างบุญวาสนา ขจัดภัยพิบัติ 

                                     บทที่หก

                                     ชั่วบาป 

                           คัมภีร์   :  เห็นเขารูปงามคิดข่มขืน  :  คติพจน์

คติพจน์ ๘   :  วิธีห้ามกาม กล่าวว่า  "มันหลอกลวงฆ่าฉันให้บ้านล่มจม  ตัดอายุขัยหมดบุญวาสนา เป็นเรื่องที่ทำร้ายชีวิตหนา !  ฉันควรที่จะเห็นมันเหมือนมีดคม  เหมือนเสือพยัคฆ์  เหมือนงูพิษ  เหมือนผี  เหมือนคู่แค้นอดีตชาติ หากสามารถเห็นดังที่กล่าวมาแล้ว เพิ่มการตรวจ ก็เหมือนใช้น้ำมาดับไฟ เช่นนี้แล้วความคิดอยากเสพกามก็สงบลงได้ !" 

อธิบาย   :  ท่านเกาจงเซี้ยน ในสมัยหมิง กล่าวว่า "กายดุจหยกขาว สะดุดแตกละเอียด ดุจพิษสุรานกติม เข้าปากตายทันที"  ปัจจุบันถูกตัวความรักผิดพลาดทั้งชีวิต ไม่รู้จัก ความรัก คือฟ้าประทานให้ฉันภักดี  กตัญญู  เป็นมิตร รักพี่น้อง กรุณาต่อประชาชนและสัตว์  เพราะฉะนั้น ถ้าใช้อักษร "ความรัก" ถูกต้อง ก็สามารถสำเร็จเป็นปราชญ์เป็นอริยะ ถ้าใช้ผิดก็เป็นสัตว์เดรัจฉาน  เพราะฉะนั้น จะไม่ระมัดระวังหวาดกลัวหรอกหรือ ?.  หนังสือเต๋า กล่าวว่า "ข่มขืนคนโทษบาปมากกว่าฆ่าคนหลายเท่านัก"  ยังกล่าวต่อว่า  "คนที่ปฏิบัติบำเพ็ญธรรม โทษบาปที่เขาทำแ่ต่ก่อน สามารถขจัดหายได้  นอกเสียจากคนที่เคยข่มขืนหญิงดีมาก่อน ถึงแม้ต่อมาจะปฏิบัติบำเพ็ญจนได้ธรรมสูงสมบูรณ์ก็ตาม ก็ไม่สามารถนิรโทษได้ ต้องได้รับกรรมตอบสนองเสียก่อน จึงจะสามารถสำเร็จธรรมได้"  พุทธองค์ตรัสว่า  "คนในโลกนี้้ ถ้าไม่ล่วงประเวณีหญิงอื่นใจก็ไม่คิดลามก ด้วยเหตุอันนี้ ก็จะได้ผลดีตอบสนอง  ๕ ประการ

ที่หนึ่ง  :  จะไม่เป็นผู้สูญเสียเงินทอง
ที่สอง  :  ไม่ต้องกลัวเกรงข้าราชการ ศาลอาญา
ที่สาม  :  ไม่หวาดกลัวผู้อื่น
ที่สี่     :  ตายแล้วได้ขึ้นสวรรค์ได้เป็นนางฟ้าเป็นภรรยา
ที่ห้า   :  จุติจากฟ้ามาเกิดเป็นคน เป็นชายที่สง่างาม ที่เห็นหน้าตาสวยงาม ล้วนมีเหตุการณ์ดีมาแต่ชาติก่อน คือไม่ล่วงเกินหญิงชาวบ้าน

        กลับกัน หากคนปล่อยตัวมั่วกามละเมิดประเวณี ก็จะได้รับโทษ   ๕ ประการ
ที่หนึ่ง  :  สามีภรรยาไม่ปรองดองกัน มักสูญเสียเงินทอง
ที่สอง  :  กลัวเกรงข้าราชการ ศาลอาญา มักได้รับโทษจากทางราชการ
ที่สาม  :  ตนเองหลอกลวงตนเอง  มักจะหวาดกลัวคนอื่น
ที่สี่     :  ตายไปแล้วก็ตกนรกมหานรก ในนั้นต้องรับโทษกอดเสาทองแดงที่ร้อนแรง เพราะจะเห็นเสาทองแดงเหมือนสาวงาม จึงวิ่งเข้ากอด ต้องทุรนทุรายจนกว่าจะหมดกรรม โทษบาปเหล่นี้ก็มาจากตนเองก่อกรรมมาทั้งนั้น ต้องรับโทษกรรมนับพันนับหมื่นปีทีเดียวจึงจะหมด ! 
ที่ห้า   :  เมื่อพ้นจากนรกแล้วก็ไปเกิดเป็นพวกสัตว์ปีก เป็นไก่เป็นนก  สัตว์พวกนี้จะเสพกามโดยไม่คำนึงว่าเป็นแม่ลูก และก็ไม่มีการหยุดยั้ง แต่ลูกม้าจะมีศีลธรรม  ห่านป่าก็รักเดียว  นี่เป็นเรื่องที่ทุกคนควรรู้ สัตว์พวกไก่ พวกนกยังถูกฆ่าเป็นอาหารอีกด้วย ความทุกข์เช่นนี้พูดกันไม่หมดน่ะ ! 

        พระพุทธองค์ยังตรัสอีกว่า  หนึ่งในศีลห้าคือ ห้ามล่วงประเวณี ถ้ารักษาศีลข้อนี้ได้ ก็ได้ผลตอบสนอง คือได้พ่อแม่ญาติที่มีอายุยืน และปรองดองรักใคร่ดี ได้ลูกเมียดี ในพระสูตรกรรมกล่าวว่า  "มีผีตนหนึ่งถามว่า ตั้งแต่เกิดเป็นผีแล้ว ก็ให้รู้สึกหวาดกลัว กลัวว่าจะถูกจับไปผูกมัดและก็ทำร้ายต่าง ๆ ไม่มีความรู้สึกสบายใจเลยสักนิด ที่จริงแล้วฉันทำผิดอะไรมา !  พระโมคลานะตอบว่า "นี่เป็นเพราะตอนที่เจ้าเกิดเป็นคน ชอบล่วงประเวณี ละเมิดลูกเมียผู้อื่น เพราะกลัวจะถูกเขาจับได้ เพราะฉะนั้นใจจึงไม่สบาย ปัจจุบันเธอได้รับโทษเจ็บปวด เป็นเพราะผลกรรมตอบสนอง ต้องได้รับโทษในขุมนรก นอนเตียงเหล็ก  กอดเสาทองแดง  โทษเจ็บปวดน่าหวาดกลัวเช่นนี้พูดไม่หมด !   

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                  คัมภีร์กรรม  เล่ม ๓

                   ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า 

                          วิถีสร้างบุญวาสนา ขจัดภัยพิบัติ 

                                     บทที่หก

                                     ชั่วบาป 

                           คัมภีร์   :  เห็นเขารูปงามคิดข่มขืน  :  คติพจน์

        พระเจ้าเหวินเซียง บันทึกในบทศีลธรรมฟ้าว่า  :   ข่มขืนลูกเมียเขา  ทำให้หญิงมีราคี จะต้องได้รับโทษในนรก ๕๐๐ กัปป์  จึงจะพ้นจากขุมนรกแล้วต้องเกิดมาเป็นวัวควายอีก ๕๐๐ กัปป์  จึงจะได้เกิดเป็นคนอีกครั้ง และจะเป็นหญิงโสเภณีหรือพวกเล่นละคร ถ้าไปข่มขืนหญิงหม้ายหรือหญิงออกบวชทำให้คุณธรรมเขามัวหมอง จะต้องได้รับโทษในนรก  ๘๐๐ กัปป์  จึงจะได้เกิดเป็นคน แต่เป็นใบ้หรือหูหนวก หรือเป็นคนไม่ครบอาการ ๓๒  เป็นคนทุพพลภาพ หรือถ้าทำลามกอนาจารกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือผู้ใหญ่ลวนลามผู้เยาว์ เป็นผู้ทำให้สัมพันธภาพมนุษย์เสื่อมเสีย  จะต้องได้รับโทษในนรก ๑,๕๐๐กัปป์ จึงได้เกิดเป็นคน หรือเกิดมาก็ตายในครรภ์มารดา  หรือตายตั้งแต่เด็กที่สุดแล้วก็ไม่มีอายุยืนเป็นผลตอบสนอง เพราะฉะนั้น การได้ผลกรรมตอบสนองจากโทษบาปของศีลล่วงประเวณีน่าเวทนายิ่งนัก !  กัลยาณธรรมกล่าวว่า  นางผู้ออกเรือนแล้ว หากล่วงละเมิดประเวณี ตราบาปไม่อาจชำระล้างให้สะอาดหมดจดได้  ถึงแม้นางจะมีลูกกตัญญูหรือหลานที่ปราณี  ก็ไม่อาจช่วยชำระล้างให้นางสะอาดได้ เพราะฉะนั้น นามว่ากุลสตรี จะต้องรักษากายดุจหยกขาวไม่ให้มีด่างพร้อย  แม้ประสบกับพวกหื่นกาม ก็ต้องเข้มแข็งปกป้อง ฝ่ายตรงข้ามก็ไม่กล้าล่วงละเมิด นี่แหละจึงได้ชื่อว่า  "กุลสตรีแท้"  แม้แต่ผีหรือเทพเจ้าก็ยังให้ความคุ้มครองปกป้อง !  หากหญิงมีเรือนมักมากในกาม คิดหรือว่าจะไม่มีความผิดตอบสนอง กฏยมโลกจะลงโทษให้นางไปเกิดเป็นหมูเป็นหมา ชดใช้กรรม หาใช่แต่เพียงถูกเขาด่าประจานเป็นหญิงสำส่อนเพียงแค่ในโลกนี้เท่านั้น ! 

        การวิเคราะห์   :  คนมักจะพลาดท่าเสียที ก็ตอนที่ความงามอรชรอยู่ต่อหน้า ช่วงระยะเวลาที่ความใคร่อยากโถมเข้าใส่ก็เป็นเวลาช่วงที่หวั่นไหว เพราะตอนนั้นกำลังประสบกับมาร ๓ ชนิด

ชนิดที่หนึ่ง  :  ขณะที่ตาเธอเห็นรูป ความอรชรอ่อนช้อยของรูปก็เจาะเข้ากลางใจ ทำให้เลือดพล่านตัวร้อน จิตวิญญาณพลอยฟุ้งเหมือนควันหมอกที่มีไฟลุกโชติ เปลวเพลิงร้อนลน  นี่คือไฟโลกีย์หรือมารไฟ ต่อไปเป็นรากแห่งความอยากเริ่มขยับ เลือดเริ่มไหลพล่านประดุจว่าเขื่อนทำนบกำลังจะพังทลาย น้ำหลากกำลังจะไหลทะลักอย่างใดอย่างหนึ่ง  นี่เรียกว่า "มารน้ำ" เมื่อน้ำถูกไฟเผา ไฟน้ำโลมดับพันตู ร่างกายกับวิญญาณเดือดพล่าน ประดุจกงล้อหมุนเวียนไปไม่หยุด ตีวงกว้างออกไปไร้ขอบเขต นี่คือมารลม หรือมารพายุ มารทั้งสามนี้คือด่าน ๓ ด่าน  คิดจะประหารมารเพื่อผ่านด่าน มีวิธีเดียวคือ ดาบปัญญา  หมายความว่า มีขันติ  ความอดทน  มั่นคงอดทน  ทนแล้วทนอีก  จะอดอยากปากแห้งแค่ไหน จะหิวโหยปานใด ก็จะไปกินไปเสพไม่ได้ ขณะที่สองคนกำลังต่อสู้กัน ต่างคนต่างถวายชีวิตเพื่อแย่งมีดใบมีดของคู่ต่อสู้ ถึงแม้มีดบาดจนเลือดไหลก็ไม่ยอมที่ปล่อยมีดในมือ ! ดุจทหารที่พ่ายแพ้เอาชีวิตรอด แม้มีธนูปักกลางหลังก็ต้องอดทนเจ็บปวดไม่กลับไป เป็นวิธีฑูดถึงมั่นคงอดทน เหมือนถูกงูพิษฉกกัดที่มือ ผู้ฉกรรจ์ยังต้องตัดมือทิ้ง ถูกศรพิษยิงถูก ผู้กล้าต้องรับทนเจ็บปวด ตัดเนื้อทิ้งไป เพื่อรักษาชีวิต นี่คือความอดทนแล้วอดทนอีก ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ หากสามารถมีสติระงับได้ ก็จะซาบซึ้งถึงฟ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ด ดังนั้น การถือปฏิบัติของตนก็เพียงพอทำได้สำเร็จสมบูรณ์ ถ้าหากจิตผันผวนก็ไม่อาจมีสมาธิ ให้คิดเสียว่าที่เห็นเป็นดอกไม้ริมทางพริบตาก็ว่างเปล่า ถ้าหากไปละเมิดล่วงประเวณีเข้า อายุขัยของเราก็ถูกตัดลดน้อยลง บุญวาสนาก็ลดลง แม้กระทั่งเป็นการกวักหาภัย จนตัวตายก็ได้ บางคนเดิมทีเป็นผู้มีบุญวาสนาด้วยเหตุดังกล่าวจึงกลายเป็นคนตกอับยากจน บางคนชีวิตน่าสุขสบาย ด้วยเหตุดังกล่าวเป็นคนไร้ผู้สืบสกุล บางคนก็มีบุญได้อภิชาตบุตรและหลานดีกลายเป็นมีลูกหลานไพร่ต่ำทราม นอกจากนี้ก็ยังมีนรกเป็นผลกรรมผลตอบสนองในอนาคตชาติ บ้างก็เกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน หรือลูกเมัยสำส่อน ลูกหลานยากจน หรือเป็นหญิงโสเภณี เป็นคนเต้นกินรำกิน ตอบสนองทั้งหมดนี้ล้วนจากการผิดพลาดเพียงหนึ่งขณะจิตที่เผลอไผล เพราะฉะนั้น จึงนำพาเอาเคราะห์ภัยมาตอบสนอง มันน่าเวทนาเจ็บปวดขนาดไหน ทำไมจะไม่ยอมอดทน ไม่ระงับชั่งใจมั่งหรือ ! 

       การหยุดยั้งไม่ให้ละเมิดกาม วิธีที่ได้ผลและมีประสิทธิภาพที่สุดคือ การป้องปราม  ก็คือคนที่เป็นพ่อ  พี่ชาย  ครูอาจารย์  เพื่อนเขา  ยามปกติก็ต้องสั่งสอนลูก แนะนำลูกศิษย์หรือตักเตือนเพื่อน ให้เขาเชื่อมั่นในเหตุต้นผลกรรม การทำเรื่องชั่วช้าแม้ในที่ลับไม่มีคนเห็น แต่ตาของเทพเจ้าประดุจดังสายฟ้าจะเห็นชัดเจน คนที่มีความเชื่อมั่น รู้จักจริยธรรม  เหตุต้นผลกรรมกับเคราะห์ภัยบุญวาสนาตอบสนองโดยไม่เคลือบแคลงสงสัยแล้ว เมื่อพบหรือสัมผัสสิ่งหลอกลวงภายนอกก็สามารถจะเห็นเข้าใจก็จะรีบย้อนมองส่องตน ก็จะไม่ทำเรื่องที่เสียหายได้

        ในสังคมที่เต็มไปด้วยสิ่งยั่วยวนไร้ศีลธรรมในปัจจุบัน ผู้คนพลาดพลั้งเสื่อมเสียมีมากมากเหลือเกิน จึงนำมาซึ่งชีวิตที่ล้มเหลวตกต่ำไปชั่วชีวิต คนพวกนี้แม้แต่มองเงาตนเองก็ยังให้รู้สึกสะอิดสะเอียนน่าหวาดหวั่น มีสักกี่คนที่สามารถรักษาศีลให้มั่นคงไม่เปรอะเปื้อนได้ ตลอดวันสามารถรักษาศีลไม่ให้เกิดอยากละเมิดกามหรือมีใจไม่คิดละเมิดกาม กลับเป็นเพลิงราคะกับลุกโชติช่วง เมื่อพบกับคนอื่นก็จะพูดถึงการลดละใคร่อยากให้น้อยลง แต่เมล็ดพันธ์ใคร่กลับเติบโตจนน่ากลัว ถ้าหากเป็นเช่นนี้ ปล่อยกายปล่อยใจไม่คิดแก้ไขแล้วละก็ กำลังจะกวักหาเคราะหืภัยมาเต็มเลย ท่านเจี่ยชิงไฉ สมัยซ่ง พูดไว้ว่า "หลักธรรมฟ้า จะเพิ่มโทษลงโทษให้กับผู้ล่วงละเมิดประเวณี และก็จะเพิ่มเคราะห์ภัยให้กับผู้สำนึกผิดแก้ไข" นี่คือสัจวาจา ! 

        โทษตอบสนองผู้ละเมิดประเวณี แม้จะรุนแรงอย่างนี้ เพราะฉะนั้น บุญกุศลจากการป้องปรามละเมิดประเวณี หรือโทษจากหลอกลวงให้ละเมิดกาม ผลบุญตอบสนองก็ไม่น้อยเลย ด้วยเหตุนี้ก็หวังให้ทุก ๆ ท่านช่วยกันพูดธรรมะ ให้ทุก ๆ คนรู้สึกเพื่อฉุดช่วยเวไนยสัตว์ให้หลุดพ้น ช่วยกันตักเตือนชักนำป่าวประกาศให้ก้องสู่มวลชน แม้แต่ในห้องลับก็ให้ตักเตือนพร่ำบอก อย่าหวังว่าผู้อื่นจะหัวเราะเยาะเอา และก็ไม่ต้องไปหลบหนีหน้าคนอื่นที่กล่าวหาว่าเราต่อละ แต่ต้องรู้จักพูดชักนำให้ผู้ฟังรู้จักสำรวจตน ก็จะได้ประโยชน์มหาศาล คนที่ทำแบบนี้ จะไม่ใช่เป็นคนที่รักผู้อื่นด้วยธรรมหรอกหรือ เป็นบัณฑิตผู้ใฝ่หาบุญกุศลหรือ ?.  วจีกรรมของคนปัจจุบัน ไม่มีอะไรจะชอบมากที่สุดถึงเรื่องผู้หญิง พูดถึงความลามกจกเปรตที่สกปรกโสมม ทั้งยังช่วยกันวิจารณ์ คนหนึ่งพูดร้อยคนก็คล้อยตาม พูดกันจนออกรสชาติ แถมผู้ฟังแล้วก็กระดิกกระเดี้ยอยากลอง ควรรู้เอาไว้ว่าโทษบาปของการละเมิดกาม ทำเรื่องที่หลบซ่อนไม่ให้คนรู้ เกี่ยวข้องกับเกียรติยศ สะอาดหมดจด ของคนทั้งชีวิต ถ้าหากพูดผิดแค่คำเดียวก็จะก่อเกิดเคราะห์ภัยไม่สิ้นสุด การทำให้ฟ้าโกรธไม่มีอะไรเกินไปกว่านี้แล้วถ้ายังพูดสิ่งสะอาดสร้างสรรค์ ช่วยกันผดุงศีลธรรมจริยธรรม ก็จะได้รับบุญวาสนาจากฟ้าจะไม่ดีกว่าหรือ ?.

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                  คัมภีร์กรรม  เล่ม ๓

                   ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า 

                          วิถีสร้างบุญวาสนา ขจัดภัยพิบัติ 

                                     บทที่หก

                                     ชั่วบาป 

                           คัมภีร์   :  เห็นเขารูปงามคิดข่มขืน  :  บทผนวก

        บทความทะเลใคร่ปั่นป่วนของอันสือ ได้เขียนเรื่องศีลห้ามกามรูปแบบต่าง ๆ ไว้ชัดเจน จึงนำเอาตอนที่สำคัญเพื่อพิจารณา

        หญิงพรหมจรรย์  :  ชื่อว่าหญิงพรหมจรรย์ก็คือนามเกียรติยศเริ่มต้นของสตรี หากผู้ขาดมโนธรรมทำลายหญิงพรหมจรรย์ ทำให้นามของเธอต้องมัวหมอง พ่อแม่และญาติของเธอต้องพลอยรู้สึกอับอายขายหน้าไปด้วย !  แม้ว่าเธอจะได้แต่งงานไปแล้วก็ตาม แต่ถ้าความลับถูกเปิดเผย เธอก็ไม่ใช่หญิงเบญจกัลยาเสียแล้ว ดีไม่ดีอาจถูกฝ่ายสามีขับนางกลับสู่บ้านแม่ เพราะฉะนั้น จึงมักเิกิดความอัปยศจนต้องฆ่าตัวตายก็ได้ แม้แต่การแต่งงานก็ยังปกปิดเรื่องคาวโลกีย์ที่ผ่านมา ในใจของเธอก็มักรู้สึกอับอายและหวาดหวั่นตลอดเวลา เพราะนามเกียรติยศถูกทำลายไปแล้ว แม้เวลาจะผ่านไปพันปีก็ชำระล้างให้สะอาดได้ยาก เพราะฉะนั้น ผู้มีมโนธรรมควรป้องปรามศีลห้ามกามก่อน ! 

        หญิงหม้าย  :  หญิงแม่หม้ายที่คงความเป็นกุลสตรี แม้แต่ผีเทวดาก็ยังให้เกียรติยกย่อง แม้แต่ราชสำนักยังทำป้ายเชิดชูประทานให้ติดไว้เชิดชูเกียรติให้นางด้วย ถ้าเกิดมีผู้ไปทำลายเกียรติของนาง นางและคนในครอบครัวก็จะขายหน้า สามีผู้ล่วงลับในยมโลกก็ต้องเจ็บปวดแค้นเคือง !  เราลองเปรียบเทียบดู เอาใจเขามาใส่ใจเราแล้วคิด ๆ ดูก็ให้รู้สึกหนาวเหน็บเข้าไปในขั้วหัวใจเลยทีเดียว ! ดังนั้นเราจึงต้องคิดหาวิธีปกป้องคุ้มครองชื่อเสียงของนาง เพื่อให้นางได้เกียรติฐานะของกุลสตรี เป็นการบ่มเพาะคุณธรรมให้สูงยิ่งขึ้น อย่าคิดเอาแต่เพียงไม่ละเมิดกามนางเท่านั้นหรอกหนา ! 

        สาวรับใช้  :  หรือว่านางมิใช่กุลสตรีหรือ ?. ลูกสาวของตนเองก็ยังคิดให้นางเป็นผู้สะอาดดีงามเลย แล้วลูกสาวชาวบ้านล่ะ ก็จะสามารถทำลายความสะอาดดีงามของนางหรือ ?. สาวใช้ นางก็เป็นลูกเมียของชาวบ้าน ที่ลูกเมียของตนเองก็คิดให้นางรักษาเกียรติยศ แล้วทีลูกเมียชาวบ้านก็คิดจะทำลายเกียรติยศของนางให้มอดม้วยหรือ ?.  ความยากดีมีจนของคน ถึงแม้จะมีความแตกต่าง แต่ชื่อเสียงเกียรติยศต่างก็มีความสำคัญเหมือน ๆ กัน มโนธรรมมอดม้วยแล้วหรือจึงไปก่อกรรมทำเข็ญ สร้างโทษบาปที่หนักหน่วง บางทีผู้เป็นภรรยาที่ขี้อิจฉาก็จะตบตีสาวใช้ ตลอดจนทำร้ายพวกนางถึงชีวิตพวกคนใช้ที่ดุร้ายก็จะตอบโต้ทำเย้ยหยันเป็นกบฏกับเจ้านาย สิ่งเลวร้ายคือเล่นสวาทกับพ่อและลูกชาย เนื่องจากต่างฝ่ายต่างไม่รู้จึงทำให้มนุษย์สัมพันธ์สับสน พ่อลูกร่วมโลกีย์ บางทีก็เป็นพี่ชายและน้องชาย นอนร่วมกับหญิงคนเดียวกัน หรือทำให้เกิดท้องขึ้นมาและก็ไม่อาจเรียกลำดับญาติได้ กลายเป็นไพร่นางบำเรอ พอตกไปอีกชั่วอายุคน ความลับนี้ก็ไม่มีใครรู้ ด้วยเพราะไม่รู้ก็ทำให้ผิดพลาดก่อชั่วขึ้น ระหว่างพวกเขาแยกกันไม่ออก นอกจากเป็นนายและบ่าว แต่ความจริงพวกเขามีสายเลือดเป็นพี่น้องกันก็ได้ การกระทำที่เสื่อมเสียประเพณีเช่นนี้เป็นเรื่องที่จะทนไม่พูดก็ไม่ได้ ทำไมเมื่อคนมีการแบ่งแยกเป็นนายกับบ่าวเกิดขึ้น ก็ทำให้พวกที่ถือเป็นนายจึงมีพฤติกรรมกล้าละเมิดกามข่มขืนพวกเธอ และก็ไม่มีความคิดของคุณธรรมเหลืออยู่เลย !

        แม่นม  :  แม่นมถือเป็นหนึ่งในแปดมารดาที่เคารพ และภิกษุณี แม่ชีเป็นผู้รักษาศีลในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งธรณีสงฆ์ หากไปล่วงเกินพวกเธอเข้า ก็จะเป็นการสร้างวิบากกรรม ในวิบากกรรมผู้ที่พบแต่คดีขึ้นโรงขึ้นศาล และภัยพิบัติต่าง ๆ ก็ยังถือว่าเป็นโทษที่เบากว่าโทษจากการละเมิดกามพระภิกษุณี และแม่ชี  หญิงที่เคียดแค้นหนีตามผู้ชาย กระแทกกระทั้นตนเองแล้วมาหาเรา ถ้าหากเราถือโอกาสก่อบาปละเมิดกาม ซึ่งคนส่วนใหญ่ถือโอกาสทำแบบนั้น อย่าได้ทึกทักเอาว่านางเป็นฝ่ายมาหาเราเอง มาสู่อ้อมกอดเรา ถ้าไปตัดรอนนางจะมิเป็นการตัดเยื่อใยไมตรีหรอกหรือ ?.  ในช่วงเวลาขณะนี้หากเราสามารถปลงตก สามารถอดทนได้เช่นนี้ก็จะเป็นเหตุให้เราได้สั่งสมบุญกุศลใหญ่  การสัมฤทธิ์ผลก็จะวิเศษมาก ฟ้าเบื้องบนก็รู้เองไม่จำเป็นต้องคนอื่นรับรู้เลย !  นี่คือจุดหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญของการสร้างกุศลและบาป เป็นเส้นเขตของบุญวาสนาและเคราะห์ภัย โดยเฉพาะตนเองนั่นแหละควรจะเร่งรัดหมั่นเพียร

        โอบกอดอุ้มหญิงโสเภณีเล่นสนุก หลายคนเห็นว่าไม่น่าจะเป็นโทษบาปอะไรนี่นา ! หารู้ไม่ว่าตนได้ตกสู่วงล้อมของนางแล้ว และนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้บ้านแตกสลาย นำมาซึ่งพ่อแม่ก็จะละทิ้งลูกชายที่ติดหญิงโสเภณี ญาติ ๆ ก็พากันเหินห่าง ลูกเีมียก็จะโกรธแค้นเขา นี่ตนเองเป็นผู้ขัดหลักมนุษยสัมพันธ์ แล้วก็ยังกลายเป็นผู้เสียเกียรติปล่อยกายเกลือกกลั้วสกปรก ถ้าหากเกิดติดโรคขึ้น เนื้อตัวเป็นตุ่มเน่าพุพอง บ้างก็ขนคิ้วหลุด จมูกโหว่ เป็นคนน่าเกียจอัปลักษณ์ไปเลย  มีเพื่อนคนหนึ่ง ต้องสูญเสียอวัยวะเพศไปเลย เขาพูดว่า " นี่เป็นเพราะความคึกคนอง เพียงชั่วครู่ ที่ยับยั้งไม่อยู่ในสภาพน่าเวทนาเช่นนี้ แม้จะสำนึกผิดก็สายเสียแล้ว "  มีชายคนหนึ่งชาวเมืองอันฮุยเป็นกามโรคจนลำตัวเป็นแผลเน่าพุพอง เขามีลูกชายคนหนึ่ง เกิดมาร่างกายแดงเถือกไม่มีผิวหนัง เลี้ยงไม่รอด มีคนพูดว่า "เที่ยวโสเภณี ไม่ทำลายบุญกุศล"  ช่างเป็นวาจาบาปยิ่ง !  รู้ไหม ?. เหมือนได้เจอะคนกล่าวโทษในยมโลกเลย หวังว่าพวกเราจะรักษาศีล !  เพราะผู้ชายที่ชอบมั่วเซ็กซ์ โดยเฉพาะพวกรักร่วมเพศ มี ๖ ชนิดที่ไม่ควรทำ
         พวกรักร่วมเพศเป็นเรื่องลามกที่ใช้ไม่ได้ เป็นพวกขายขี้หน้า ทำร้ายร่างกายและเสื่อมคุณธรรม  เป็นผู้สูญสิ้นความน่านับถือ ความละอายใจไม่มี นี่คือชนิดที่ ๑
        ทิ้งขว้างตนเองไม่พอยังทิ้งขว้างเมียด้วย แล้วไปหลงรักหนุ่มน้อย เป็นการละเมิดกฏของฟ้าดินขัดธรรมชาติ นำมาซึ่งความถูกผิดบิดเบือนไป นี่คือสิ่งที่ไม่ควรทำ ชนิดที่ ๒
        คนรักร่วมเพศเป็นคนที่ไม่หนักแน่น และไม่คอยตรวจสอบ ทั้งยังชอบแอบกินขโมยกิน  ทำบัดสีกับลูกสาวในบ้าน นี่คือไม่ควรทำชนิดที่ ๓
        เหนือหัว ๓ ฟุต มีเทพเจ้า เทพเจ้าจะรู้สึกโกรธกับพวกรักร่วมเพศลามกสกปรก เพราะฉะนั้น จึงลงโทษพวกเขาไม่น้อย นี่คือไม่ควรทำชนิดที่ ๔
        กฏของพระราชามีกำหนดไว้ ให้ลงโทษผู้ชำเราทางทวารหนัก โดยให้ประหาร เพราะฉะนั้นผู้รักร่วมเพศทางทวารหนัก คือผู้ใกล้ประหาร ผู้รักร่วมเพศจึงเป็นผู้กระตุ้นกลไกประหาร ทำให้ต้องเสียชีวิตอันล้ำค่าไป  นี่คือชนิดที่ ๕ ที่ไม่ควรทำ
        ถ้าหากไม่เป็นไปเพื่อสืบวงศ์ตระกูล ถ้าให้หลั่งอสุจิตามอำเภอใจ ถือเป็นการกระทำของผู้โง่เขลาสุด ๆ เป็นผู้ทำร้ายชีวิตตนเอง นี่คือไม่ควรทำ ชนิดที่๖
        ขอเตือนชาวโลกว่า ผู้ที่ไม่เคยล่วงละเมิดกามจะต้องรักษาไม่ให้ล่วงละเมิดอย่างจริงจัง เพื่อหลบพ้นภัยเคราะห์ พบแต่มงคลตลอดชีวิตต้องไม่มีหญิงสอง นอกจากภรรยาตัวเอง จะไปเกี่ยวข้องกับคนอื่นเรื่องกามไม่ได้  ยิ่งผู้เคยล่วงละเมิดทางเพศมาแล้ว ต้องตั้งใจแก้ไขและต้องรีบทำมหากุศล เช่น พิมพ์หนังสือประเภทห้ามละเมิดกาม เพื่อตักเตือนชาวโลกให้กว้างขวาง จะได้ไถ่บาปที่ล่วงละเมิดมา อย่างนี้จึงจะสามารถเปลี่ยนเคราะห์เป็นบุญได้

        สมัยก่อน นายเหยาถิงยั่ว ชาวเมืองอันฮุยทง ได้พิมพ์ใบปลิวตั้งสัตย์ปฏิญญาห้ามละเมิดกาม เขาเขียนไว้ว่า "ร้อยกุศล กตัญญูเป็นเลิศ  หมื่นบาปชำระเป็นหนึ่ง เพราะคนต่างจากสัตว์ ก็อยู่ที่ใจเขานี่แหละ นกห่านป่าแม้เป็นสัตว์บิน แต่ก็ไม่บินสับสน  มนุษย์มีคุณธรรมสี่  ทำไมจะไม่สู้สัตว์ เหตุนี้จึงเอามาเป็นที่พึ่ง ตั้งปฏิญญาขจัดการชำเรา ถ้าหากคิดร้ายย่อมมีภัยถึงตัว ถ้าหากละเมิดศีลข้อนี้ห้าม ภัยพิบัติสืบทอดลูกหลาน ให้ปณิธานมหาเมตตา สงสารประจักษ์ร่วมปฏิญญานี้  ช่วยคุ้มครองปกปักเงียบหมายให้รักษาข้ามีชีวิตต่อไป" ผู้ที่ได้รับใบปลิวนี้ ร่วมกับเพื่อนร่วมใจ ใช้กระดาษเขียนข้อความนี้ และเขียนที่อยู่ตนเองลงไป และตีตราประทับหรือพิมพ์นิ้วมือ อยู่ต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พระเจ้าเหวินเซียง  พระเจ้ากวนอู  หรือต่อหน้ารูปพระพุทธโพธิสัตว์ ตั้งปฏิญญาแล้วเผาไป ต่อไปก็รักษาศีลไม่ละเมิด ทำแบบนี้เป็นหลักฐานปีละครั้ง ผู้ร่วมปฏิญญา ร่วมตั้งสัตย์อธิษฐานแล้วก็ให้พิมพ์ใบปลิวนี้แจกต่อเป็นหมื่น ๆ ใบส่งให้ผู้อื่น ให้วิธีการดี ๆ เช่นนี้ สามารถถ่ายทอดสืบไปไม่หยุด ด้านหลังใบปลิว ยังเขียนคติพจน์ และผลตอบสนอง เพื่อเป็นการตักเตือนชาวโลก

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                  คัมภีร์กรรม  เล่ม ๓

                   ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า 

                          วิถีสร้างบุญวาสนา ขจัดภัยพิบัติ 

                                     บทที่หก

                                     ชั่วบาป 

                           คัมภีร์   :  เห็นเขารูปงามคิดข่มขืน  :  นิทาน

นิทาน ๑  :  ที่กุ้ยซี มีนักศึกษาคนหนึ่ง ไปสอบเข้ารับราชการหลายครั้งก็ไม่ได้ ไม่รู้ว่าสาเหตุเพราะอะไร เขาจึงไปวอนขอพระอริยเจ้าจางเจินเหยิน จุดธูปก้มกราบให้ตรวจกระดานฟ้า เทพเจ้าก็ชี้แจงว่า "นักศึกษาผู้นี้ ในชะตามีตำแหน่ง แต่เพราะแอบชะเราอาสะใภ้ ตำแหน่งจึงถูกริบ"  หลังจากอริยเจ้าจางเจินเหยิน ตรวจสอบเสร็จ ก็ลุกขึ้นบอกนักศึกษาว่าถึงสาเหตุ นักศึกษาฟังแล้วก็พูดว่า "ข้าไม่เคยลวนลามอาสะใภ้เลย !"  ดังนั้น เขาจึงเขียนใบคำร้องต่อเทพเจ้าเพื่อแก้ต่างให้กับตนเอง เทพเจ้าก็ได้อธิบายชี้แจงว่า "ถึงแม้ว่าเจ้าจะไม่ได้กระทำชำเราอาสะใภ้ แต่เจ้าก็เคยคิดลวนลามอาสะใภ้ใช่ไหม !"  ตอนนี้นักศึกษาให้รู้สึกอับอายและเสียใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะว่าตอนที่เขาเป็นเด็กหนุ่ม เห็นอาสะใภ้สวยบาดตา ดังนั้น จึงเป็นเหตุให้เกิดคิดมิดีมิร้ายขึ้น !

นิทาน ๒  :  ในสมัยหมิง รัชสมัยเจิ้นเต๋อ มีนักศึกษาคนหนึ่งชื่อ จ้าวยงเจิน  ตอนเป็นหนุ่มน้อย เจอคน ๆ หนึ่งเคยบอกกับเขาว่า "เมื่อเจ้าอายุ ๒๓ จะได้ตำแหน่งราชการ"  พออายุ ๒๓ ปี ก็ไปสอบที่อำเภอเขียนเรียงความได้ดีมาก ผู้คุมสอบได้ตัดสินใจคัดเลือกเรียงความของเขาเอาไว้แล้ว โดยไม่คาดคิดหลังการสอบเขากลับพลาดสอบไม่ได้อีก ใจของจ้าวยงเจินรู้สึกไม่สบาย ดังนั้น จึงอธิษฐานให้พระเจ้าเหวินเซียงมาเข้าฝันถึงสาเหตุที่สอบไม่ได้ พระเจ้าเหวินเซียงตอบว่า "ที่จริงเจ้าควรสอบได้ที่อำเภอของเจ้าแล้ว แต่เพราะตอนหลังนี่ เจ้าพูดจาลวนลามสาวใช้ ไปหลอกลวงลูกสาวข้างบ้าน ถึงแม้จะไม่ถึงขั้นละเมิดกาม แต่ใจของเจ้าก็ปั่นป่วน  ใจลวนลามไม่ขาด  ใจมืด  ถึงแม้ชะตาชีวิตจะมีตำแหน่ง แต่เพราะเหตุนี้จึงถูกขจีดไป"  ย่งเจินฟังแล้วปวดใจจนน้ำตาไหล ตั้งปฏิญญาว่าจะแก้ไข ทำกุศลให้มาก และพิมพ์หนังสือห้ามละเมิดกาม เพื่อตักเตือนชาวโลก ในที่สุดเขาก็สอบได้ในการสอบครั้งต่อไป ได้ตำแหน่งเจวี๊ยะหยวนและเลื่อนไปถึงผู้พิพากษา

นิทาน ๓  :  นายหลี่เติ้ง เมื่ออายุได้ ๑๘ ปี ก็สอบเข้ารับราชการตำแหน่งเจี๊ยะหยวน ที่อำเภอได้ ตั้งแต่นั้นมาจนถึงอายุ ๕๐ ปี เขาก็สอบเลื่อนชั้นอะไรไม่ได้อีกเลย  นายหลี่เติ้งจึงไปหาธรรมาจารย์เหยี้ยจิ้ง เพื่อถามหาสาเหตุที่แท้จริง  ธรรมาจารย์เหยี้ยจิ้ง จึงช่วยเขากราบถามพระเจ้าเหวินเซียง พระเจ้าเหวินเซียงให้เทพเจ้าไปเอาใบชะตาชีวิตรับราชการมาให้ธรรมาจารย์ดู  ในใบชะตาเขียนเอาไว้ว่า "อายุ ๑๘ สอบเจี๊ยะหยวนได้  อายุ ๑๙ ได้เป็นจอหงวน  อายุ ๕๒ ปี ได้เป็นถึงเสนาบดีฝ่ายขวา สาเหตุเป็นเพราะหลังจากสอบเจี็ยะหยวนได้แล้ว ได้แอบดูลูกสาวข้างบ้านอาบน้ำ ด้วยเหตุนี้อายุราชการจึงเลื่อนช้าออกไปอีก ๑๐ ปี  ทั้งยงัถูกลดขั้นไป ๒ ขั้น และก็ได้ครอบครองเอาบ้านและที่ดินของพี่ชายเหลี่ยง อายุราชการจึงถูกเลื่อนไปอีก ๑๐ ปี แถมถูกลดขั้นไปอีก ๓ ขั้น  (รวมช้าไป ๓๐ ปี)  มาถึงตอนนี้ก็ไปข่มขืนลูกสาวข้างบ้านเข้าอีก เป็นผู้สร้างบาปไใม่หยุด ไม่รู้สึกตัวผิดคิดแก้ไข เบื้องบนจึงลบชื่อเขาออก ดังนั้น นายหลี่เติ้งจึงสอบอะไรไม่ได้อีกเลย"  ธรรมาจารย์เหยี้ยจิ้งจึงเล่าเรื่องนี้ให้หลี่เติ้งฟัง หลี่เติ้งจึงเจ็บใจแค้นและอับอายจนตาย

อธิบาย   :  บรรพชนสู้อุตส่าห์สั่งสมกุศลไม่รู้สักเท่าไร จึงจะสามารถมีลูกหลานถึงตำแหน่งจอหงวนได้ หลี่เติ้งทำชั่วบาปจนทำให้ตำแหน่งจอหงวนและเสนาบดีถูกลบออกไป เป็นผู้เนรคุณฟ้าเบื้องบน  เนรคุณบรรพชน  เอาความสนุกเป็นสำคัญ  ชื่อเสียงเกียรติศักดิ์ปัดทิ้ง มันไม่ใช่เป็นแค่เรื่องเดียว การข่มขืนแม้จะปิดบังได้ แต่ก็ทำให้บุญวาสนาของตนเองต้องสูญเสียไปด้วย เป็นเรื่องน่าเศร้านัก !   ท่านอูเถี่ยเจียวกล่าวว่า "ถึงท่านจะมีชะตาของจอหงวนเสนาบดี แต่ก้ไม่ยากที่จะลบออกด้วยปากกาอันเดียว"  แล้วคนที่ไม่มีชะตาถึงจอหงวนเสนาบดี แล้วไม่ต้องพูดถึงเลย ! 

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                   คัมภีร์กรรม  เล่ม ๓

                   ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า 

                          วิถีสร้างบุญวาสนา ขจัดภัยพิบัติ 

                                     บทที่หก

                                     ชั่วบาป 

                           คัมภีร์   :  เห็นเขารูปงามคิดข่มขืน  :  บทผนวก

        ผนวก  :  บทประพันธ์เรื่อง ซุยสี่ต่วน  ของชีไน่อัน ได้เขียนถึงเรื่องการละเมิดกาม  ลักขโมย  และฆ่าตัดชีวิตไว้อย่างพิศดาร โดยเฉพาะสอนให้ขโมย  สอนให้ละเมิดกาม ผลที่สุดลูกหลานของชีไน่อันเกิดมาล้วนเป็นใบ้  นักประพันธ์เรื่อง "ชีเซียงจี่" (ไชเซียงจี่)  คือนายหวังสือปู่ ได้เขียนจินตนาการสภาพของชายหญิงที่ลักลอบล่วงประเวณีได้อย่างยอดเยี่ยม จนทำให้คนอ่านเรื่องของเขาแล้วก็คิดอยากล่วงประเวณี ในที่สุด นิยายเรื่องนี้ยังแต่งไม่ทันจบ นายหวังสือปู่ก็ไม่สามารถบังคับตัวเองได้ จนต้องกัดลิ้นตาย  นักกวีหยวนจิงในสมัยถัง เห็นน้องสาวลูกพี่ลูกน้อง ซุ่ยหยางหยาง มีหน้าตาสวยดุจนางฟ้า ก็คิดอยากได้นางเป็นภรรยา แต่ถูกต่อต้าน นายหยวนจิงจิงโกรธจัดแล้วประพันธ์นิยายเรื่อง "หุ้ยเจินจี่"  แล้วก็สาธยายถึงการลักลอบมีเพศสัมพันธ์ระหว่างเขากับน้องสาว เป็นการทำลายชื่อเสียงของซุ่ยหยาง ทำให้ชื่อของนางมัวหมองไปตลอดชาติ อีกทั้งยังเป็นการชักนำให้นักประพันธ์รุ่นหลังฝึกเขียนถึงการลักลอบมีเพศสัมพันธ์ ผลสุดท้าย ตอนที่หยวนเจินตาย เจ็บปวดทรมานมาก แม้ตายแล้วศพของเขายังถูกฟ้าผ่าเผาจนมอดไหม้เป็นกรรมตอบสนอง

        นอกจากนั้น ยังมีนักประพันธ์สมัยซ่ง  นายหวงซันกู่ ชอบเขียนกลอนเกี่ยวกับเซ็กซ์ มีอยู่คราวหนึ่ง เขากับนักวาดรูปหลี่เป้อ ที่ชอบวาดรูปม้า ทั้งคู่ไปนมัสการหลวงพ่อหยวนทงเถ้า หลวงพ่อหยวนได้เตือนหลี่เป้อว่า "อย่าทุ่มเทใจทั้งชีวิตเขียนรูปม้า ถ้าหากใจคิดแต่ม้า กลัวว่าชาติหน้าจะล่วงสู่ท้องม้าหวังซันกู่ได้ยินแล้วก้หัวเราะ หลวงพ่อก็ดุเอาว่า "เจ้าอยาหัวเราะคนอื่น" ซันกู่ตอบว่า "หรือว่าข้าจะเข้าสู่ท้องม้าหรือ ?" หลวงพ่อว่า "หลี่เป้อคิดถึงม้า ร่วงสู่ตัวม้า  ก็เป็นเรื่องของแต่ละคน แต่ที่เธอเขียนกวีร่วมเพศ ทำให้ผู้คนมีใจหวั่นไหว อยากร่วมเพศ ทำให้คนหลายคนไม่รักษาพรหมจรรย์ บาปกรรมอันนี้ จะยับยั้งไม่ให้ร่วงสู่ท้องม้าได้อย่างไร กลัวว่านรกรอเธออยู่น่ะ !"  หลวงพ่อหยวนเป็นพระที่มีชื่อเสียงมากในสมัยนั้น หลังจากหวงซันกู่ได้ฟังวาจาแล้วก็ให้รู้สึกหวาดกลัวและอับอายจึงหยุดเขียนตั้งแต่นั้นมาก็เลิกเขียนเรื่องเซ็กซ์ 

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                 คัมภีร์กรรม  เล่ม ๓

                   ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า 

                          วิถีสร้างบุญวาสนา ขจัดภัยพิบัติ 

                                     บทที่หก

                                     ชั่วบาป 

                           คัมภีร์   :  เห็นเขารูปงามคิดข่มขืน  :  นิทาน - สรุป

นิทาน ๔  :  ในสมัยถัง ผู้ตรวจราชการคนหนึ่งมีชื่อว่า หลี่เอวี๋ย รับสั่งจากราชสำนักไปตรวจราชการที่มณฑลกวางตุ่ง ระหว่างทางพบเสือคัวหนึ่ง กระโดดเข้าไปในพงหญ้า ทั้งยังพูดภาษาคนกับเขาว่า "โอ้ย !  เกือบไปแล้ว แค่นิดเดียวก็จะทำร้ายเพื่อนของตน !"  หลี่เอวี๋ยพูดว่า "เสียงนี้เหมือนเพื่อนร่วมเข้าสอบที่เข้าสอบไล่พร้อมกัน !"  เสือตอบว่า "ตั้งแต่ข้าแยกจากัน นานแล้วไม่ได้เจอะกัน" ทั้งสองฝ่ายต่างสนทนาถึงเรื่องครั้งกระโน้น มีความรู้สึกสนิทกัน หลี่เอวี๋ยก็ถามเสือว่า "หลี่เหวย ทำไมเธอถึงกลายเป็นเสือล่ะ !"  เสือตอบว่า "วันหนึ่งขณะที่ข้านั่งสมาธิอยู่ ทันใดก็ได้ยินเสียงฮู ๆ จากข้างนอกทันใดฉันก็กลายเป็นเสือ วันนี้ได้พบเพื่อนเก่า จะไม่ให้ข้ารู้สึกเสียใจได้อย่างไร" หลี่เอวี๋ยจึงถามหลี่เหวยว่า "ตอนปกติเธอเคยทำเรื่องเจ็บแค้นอะไรไว้บ้างหรือไม่" หลี่เหวยตอบว่า "ข้าตอนที่อยู่เมืองหนานหยาง เคยข่มขืนแม่หม้ายคนหนึ่ง สุดท้ายทางบ้านของนางรู้เข้า ก็แอบวางแผนทำร้ายข้า ดังนั้นข้าจึงดื่มสุราจนเมาแล้วก็เข้าไปฆ่านางทั้งบ้าน เป็นเรื่องเจ็บแค้นของชีวิตที่ข้าได้ทำ !"  พูดจบเสือก็คำรามแล้วจากไป

นิทาน ๕  :  นายหวังเซิ่นเจิ่น ชาวเมืองเถียงหยาง แอบมีชู้กับหญิงข้างบ้าน ทั้งสองนัดแนะกันหลบหนี แต่นายหวังเซิ่นเจิ่นกลัวสามีนางจะจับได้ และติดตามไป โดยไม่คาดคิดนางก็ฆ่าสามีของนางทิ้ง หวังเซิ่นเจิ่นรู้เข้าก็รู้สึกหวาดกลัว จึงหลบหนีไปแต่ลำพังเพียงคนเดียว เขาหนีเตลอดไป ๗๐ ลี้ ที่อำเภอเจียงซัน และก็คิดว่าตนเองหนีมาไกลพอแล้ว คงหลบพ้นเคราะห์ภัยได้ !  ตอนนี้ก็รู้สึกหิวขึ้นมาจึงเข้าไปยังร้านอาหารเพื่อทานข้าว ไม่รู้มีใครช่วยเตรียมอาหารไว้ ๒ ที่ หวังเซิ่นเจิ่นจึงถามเจ้าของร้านว่า ข้ามาคนเดียวทำไมจึงจัดอาหารไว้ ๒ ที่  เจ้าของร้านว่า เมื่อครู่นี้ฉันเห็นคนที่โกนผมตามหลังท่านมา หรือว่าพวกท่านไม่ได้มากัน ๒ คนหรอกหรือ หวังเซิ่นเจิ่นฟังคำพูดของเจ้าของร้านแล้วเขาก็รู้ทันทีว่า ผีที่โกรธแค้นตามเขามาตลอด ดังนั้น เขาจึงเข้าไปร้องบอกกับนายอำเภอว่า เขาได้ทำอะไรไว้ ในที่สุดทั้งหวังเซิ่นเจิ่นกับหญิงข้างบ้าน ก็ถูกประหารชีวิตพร้อมกัน

นิทาน ๖  :  นายลี่ชิง สมัยหมิง ปกติเป็นคนชอบพูดเรื่องลามกจกเปรต และแอบดูผู้หญิง พอเขาอายุได้ ๓๐ ปี ครอบครัวจนถึงที่สุดและลูกก็ตายติดต่อกัน ๒ คน วันหนึ่ง นายลี่ชิงเกิดตายกระทันหัน  ได้พบคุณปู่กำลังโกรธมาก พูดกับเขาว่า "บ้านเราสั่งสมกุศลมี ๒ ชั่วคน ในชะตาชีวิตของเจ้าต้องร่ำรวยมาก ไม่คิดว่าความเเจ้าชู้มักมากในกาม ทั้งปากทั้งตากำลังสร้างวิบากกรรม บุญตอบสนองกำลังสิ้นสุดลง  ข้ากลัวว่าเจ้าต้องไปล่วงละเมิดกามแน่ ๆ ถ้าเช่นนั้นลูกหลานสกุลลี่คงจบสิ้นไม่มีหวัง เพราะฉะนั้น ข้าจึงอ้อนวอนขอกับยมบาลให้เขาจับเจ้ามาดูอะไรที่ยมโลก เจ้าจะได้รู้ว่าน่ากลัวแค่ไหน !  ลี่ชิงพูดว่า "ได้ยินมาว่าข่มขืนลูกเมียเขา ก็จะไร้ลูกหลานสืบสกุล  เรื่องนี้ข้าก็กลัวการตอบสนองเหมือนกัน เพราะฉะนั้น ข้าก็ยังไม่ได้ล่วงละเมิดกามเลย !"  ยมทูตข้าง ๆ ตนหนึ่งก็พูดว่า "ใช่ว่าแต่ขาดลูกหลานสืบสกุลเท่านั้น แม้แต่ผู้หญิงที่เข้ามาเกี้ยวจีบเราแล้ว เราก็เออวยไปตามน้ำไม่ขัดขืน นี่คือวิบากกรรม ก็จะขาดลูกสืบสกุลเป็นผลตอบสนอง แต่ถ้าตนเองไม่หลอกลวง ข่มขืนผู้อื่นละก็ ก่อกรรมทำชั่วเป็นการทำลายมนุษย์สัมพันธ์ ทำให้คนอื่นต้องไปทำแท้งฆ่าลูกหรือฆ่าสามีเขา อย่างนี้มีโทษหนักสถานใด เพียงแต่ขาดลูกสืบสกุลหรือ ?. โทษของการล่วงละเมิดกาม กฏหมายบ้านเมืองผ่อนปรนมาก แต่ในยมโลกจะเข้มงวดมากแม้แต่คนที่เกิดใจคิดข่มขืน เทพประจำตัวทั้งสามก็ยังยอมรับโทษ เทพเจ้าในบ้านและเจ้าหลักเมืองก็จะรายงานไปตามจริง ถ้าหากเทพเจ้าผิดพลาดตกหล่นก็จะเป็นเคราะห์หนัก !  เธอดูการเจริญและตกอับในปัจจุบันก็จะรู้ได้ สักครู่หนึ่ง พวกยมทูตก็นำคนที่ทำบาปละเมิดประเวณีมาที่หน้าบัลลังก์ พวกเขาถูกล่ามโซ่ด้วยขื่อ คุกเข่าอยู่ต่อหน้า ท่านยมทูตตวาดว่า "เจ้าไปเป็นขอทานบ้าใบ้ !  เจ้าไปเป็นโสเภณีตาบอด !  เจ้าไปเกดิเป็นวัว ๒ ครั้ง !  เจ้าไปเป็นหมู ๑๐ ครั้ง !" เมื่อยมบาลสั่งเสร็จ ยมทูตก็นำตัวออกไปให้ไปเกิด ลี่ชิงกลัวจนตัวสั่น ยมบาลว่า "ยังมีที่หนักกว่านี้อีก เธออย่าได้เห็นแก่ความสนุกชั่วครู่ชั่วยาม จะสูญสิ้นกายมนุษย์ ควรหลบหลีกรูปกามดังหลบหลีกธนู และพิมพ์หนังสือธรรมะตักเตือนโลก !  อีกครู่หนึ่ง ยมบาลก็ปล่อยลี่ชิงกลับมนุษย์โลก ลี่ชิงรีบพิมพ์หนังสือเที่ยวนรกหมื่นใบ เพื่อตักเตือนชาวโลก และสร้างกุศลสุดกำลัง พออายุ ๔๐ ปี ก็ได้บุตรชาย ๒ คน และมีเงินร่ำรวยมาก ต่อมา ลี่ชิงตัดสินใจตัดโลกไปบำเพ็ญธรรมที่หนานไห่ นี่คือบทบันทึกของไฉชิง คนบ้านเดียวกัลลี่ชิง

        สรุป  :  สองเรื่องสุดท้ายเป็นเรื่องที่สำนึกบาป ที่ล่วงละเมิดทางเพศ และได้รับผลดีตอบสนอง เพื่อให้แก่บุคคลที่พลาดพลั้งไปแล้วจะได้มีใจมั่นคง สำนึกผิด  และก็เป็นการเปลี่ยนเคราะห์ภัยเป็นบุญวาสนา โอ้ ! เสพกาม บาปอันนี้ไม่ใช่ใช้ปากกาและเวลาก็จะพูดได้หมด !  ขอตั้งความหวังไม่ว่าจะเป็นคนฉลาดหรือคนโง่เขลา ที่ยังไม่ล่วงละเมิด หรือคนที่ล่วงละเมิดไปแล้ว ขอให้ตรึกตรองและหวนคิดเพื่อจะได้พบเห็นมโนธรรมของตนได้เร็ว เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว 

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                คัมภีร์กรรม  เล่ม ๓

                   ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า 

                          วิถีสร้างบุญวาสนา ขจัดภัยพิบัติ 

                                     บทที่หก

                                     ชั่วบาป 

                           คัมภีร์   :  เป็นหนี้เขา หวังให้เขาตาย

อธิบาย  :  เป็นหนี้เงินทองหรือหยิบยืมสิ่งของ ของเขามาแต่ไม่คิดจะใช้คืน กลับกัน กลับอยากให้เขาตายไปเสีย ที่เป็นหนี้สินหรือยืมของเขามาก็จะได้ไม่ต้องไปใช้  หนี้  หมายถึง ขณะที่เราขาดแคลนและยืมมาใช้เร่งด่วน พอเวลาผ่านไปนานเข้าก้ไม่ยอมใช้คืนเขา แบบนี้ก็เท่ากับเป็นการเนรคุณคนที่ให้ยืมมาใช้ เป็นผู้ทำลายคุณธรรม ในพระสูตรจงเจี้ยกล่าวว่า "เป็นหนี้เงินทองข้าวของ ของผู้อื่น ตอนนี้ยังไม่สามารถใช้คืนเขาก็ต้องคอยจดจำไว้ในใจ ให้คิดอยู่เสมอ ๆ ว่าจะใช้คืนเขาได้อย่างไร แต่ถ้าคิดที่จะไม่ยอมใช้คืนเขาก็จะเป็นคนใจทมิฬหินชาติ ชาติหน้าคงต้องเกิดเป็นสุนัข เป็นม้าชดใช้หนี้เขา อย่างนี้จะว่าเป็นคนไม่โง่เขลาหรอกหรือ ?. 

นิทาน  :  นายไปย่หยวนทง เป็นหนี้หยางเกิง สี่พันห้าร้อยสตางค์ นายหยางเกิงทวงหนี้กับไปย่หยวนทงหลายครั้ง ผลสุดท้ายไปย่หยวนทงห้ไม่ได้ใช้หนี้ต่อมาที่บ้านของหยางเกิงมีลูกฬ่อตัวหนึ่งเกิดมา และเจ้าลูกฬ่อตัวนี้เกิดพูดภาษาคน มันพูดว่า "ข้าคือไปย่หยวนทง เป็นเพราะเป็นหนี้บ้านท่านสี่พันห้าร้อยสตางค์ จึงกลายเป็นลูกฬ่อแบบนี้ !  ตอนนี้ที่ตลาดซีซื่อ ร้านขายลูกฬ่อก็เป็นหนี้เงินฉัน บังเอิญเป็นเงินสี่พันห้าร้อยสตางค์ พวกท่านรีบ ๆ เอาฉันไปขายเพื่อใช้หนี้ แบบนี้ หนี้ของฉันก็จะได้หมดสิ้นกัน ! " ลูกชายหยางเกิงได้ฟังแล้วก็ทำตามที่ลูกฬ่อพูด จึงขายลูกฬ่อให้แก่ร้านขายลูกฬ่อไป ได้เงินมาสี่พันห้าร้อยสตางค์พอดี หลังจากนั้นอีก ๒๐ วัน เจ้าลูกฬ่อก็ตายลง 

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                  คัมภีร์กรรม  เล่ม ๓

                   ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า 

                          วิถีสร้างบุญวาสนา ขจัดภัยพิบัติ 

                                     บทที่หก

                                     ชั่วบาป 

                           คัมภีร์   :  ขอร้องไม่ได้ก็เกิดแค้นสาปแช่ง

อธิบาย   :  เมื่อขอร้องให้ผู้อื่นช่วยเหลือทำอะไร หากไม่สามารถได้ดังใจ หรือไม่สมใจที่ต้องการ ก็เกิดแค้นเคืองสาปแช่ง  บัณฑิตที่สามารถเข้าถึงหลักธรรม และมีความพอใจในดวงชะตา ก็จะไม่เป็นผู้ที่ไม่เที่ยวขอร้องผู้อื่นโดยง่าย ถ้าหากเที่ยวขอร้องผู้อื่นโดยง่าย ถือว่าไม่ใช่บัณฑิิต แม้เมื่อขอร้องผู้อื่นแล้ว แม้ไม่ได้ดังใจก็ควรที่จะหวนคิดให้ดี ๆ แต่ถ้าไม่ได้แล้วก็เจ็บแค้นสาปแช่งเขา นั่นก็คือเป็นอันธพาลโดยแท้

นิทาน  :  ในสมัยซ่ง มีนายหลูโม่ว อาศัยเวลากลางคืนก็นำเอาทองคำจำนวนหนึ่งร้อยตำลึง ไปมอบให้เสนาบดีหวังตั้น ขอร้องให้หวังตั้นช่วยเหลือให้เขาได้ตำแหน่งดำเนินการคมนาคมแม่น้ำเหว่ย หวังตั้นพูดกับเขาว่า "ความสามารถของเธอไม่พอที่จะรับตำแหน่งนี้ ถึงแม้เราจะเป็นเพื่อนกัน แต่ข้าก็ไม่สามารถทำให้ราชการเสียหาย จากนั้นมา ทุกพลบค่ำเขาจะจุดธูปแล้วสาปแช่งให้หวังตั้นตายในเร็ววัน คืนวันหนึ่ง เขาฝันเห็นเทพเจ้าตะคอกใส่เขาว่า "หวังตั้นเป็นผู้จงรักภักดีเพื่อชาติ เจ้ากลับสาปแช่งเขาให้ตายเร็ว ๆ พระเจ้าจึงลงโทษเจ้าในเร็ววันนี้"  จากนั้นมาอีกไม่กี่วัน หลูโม่วก็ถึงแก่ความตาย
         นายอูเถียวเจียวกล่าวว่า  "การขอร้องผู้อื่น สถานการณ์ของฉันจะต้องคับขันมาก ถึงกระนั้นคนที่ฉันขอร้อง หากความสามารถไม่พอแล้ว เรื่องที่ขอร้องสิบเรื่องก็ไม่สำเร็จเก้าเรื่อง ที่สำเร็จมีเรื่องเดียว ซึ่งเป็นเหตุผลปกติ ถ้าหากจะโกรธแค้นแล้วสาปแช่ง ฝ่ายตรงข้ามจะเป็นไรตามที่ตนสาปแช่งก็หาไม่ หรือเกิดการเปลี่ยนแปลงหันมาช่วยเหลือก็หาไม่ นี่เป็นเพียงเพิ่มเติมความกังวลของตนเองเปล่า ๆ คนประเภทนี้ไม่เพียงไม่รู้ชะตาชีวิตและก็ไม่เข้าใจเรื่องของคนด้วย" 
        นายเจี่ยเหลียงเจว่อ ในสมัยซ่ง เคยพูดว่า "เรื่องทั้งหลายในโลก ทุกอย่างมีกำหนดของมันแน่นอน แรงคนจะเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ตลอดชีวิตของข้าไม่เคยจะขอร้องใคร ไม่ว่าเรื่องอะไร และก็ไม่เคยเขียนจดหมายถึงข้าราชการสำคัญ ๆ ในรัฐบาลเลย มีคนบอกข้าว่าให้ทำแบบนี้ จึงจะมีโอกาสเลื่อนตำแหน่ง ข้าก็พูดกับเขาว่า เขาจะมาเลื่อนตำแหน่งข้าได้อย่างไร หากข้าเลื่อนตำแหน่งก็เป็นเพราะข้ามีชะตาในตำแหน่งนั้นต่างหากเล่า !"
        นายฝันตงชวง ในสมัยซ่ง ก็เคยพูดว่า "ถึงแม้ว่าคนนั้นจะโง่เขลาสุด แต่พอเขาปรักปรำคนอื่นนั้น เขาจะเผยความฉลาดอย่างชัดเจน ถึงแม้คนนั้นจะฉลาดสุด แต่เมื่อเขาอภัยให้แก่ตัวเอง กลับเผยความเซ่อเซอะ ควรจะรู้ว่า คนเมื่อสามารถปรักปรำคนอื่นได้แล้วเอามาปรักปรำตนเอง เอาการอภัยตนเองไปอภัยผู้อื่นได้แล้ว ก็ไม่ต้องกลัวว่า การสำเร็จอริยะ สำเร็จปราชญ์จะเป็นไปไม่ได้ !"  ผู้ที่ขอร้องคนอื่นไม่ได้ก็เกิดใจแค้น สาปแช่งเขา ควรที่จะหวนคิดให้ดี ๆ ถึงคำพูดของท่านทั้งสองนี้ 

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                    คัมภีร์กรรม  เล่ม ๓

                   ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า 

                          วิถีสร้างบุญวาสนา ขจัดภัยพิบัติ 

                                     บทที่หก

                                     ชั่วบาป 

                           คัมภีร์   :  เห็นเขาล้มเหลวก็ว่าเขาทำชั่ว

อธิบาย   :  เห็นผู้อื่นล้มเหลวไม่สำเร็จ ก็ว่าเขาทำชั่วเป็นประจำ จึงนำมาซึ่งผลกรรมตอบสนอง ความล้มเหลวคือ การทำงานที่ไม่ประสบความสำเร็จ อยู่ในสภาวะที่ไม่ได้สมดังใจ ในโลกนี้ สภาพการณ์และพื้นที่ล้วนล้มเหลวได้ง่ายสำเร็จยาก อุปสรรคมากกว่าราบรื่น หรือประสบความผิดพลาดหรือเข้าใจผิดเสียใจ คิดจะแก้ไขก็ไม่ทันเสียแล้ว โอ้ !  เรื่องในโลกนี้ยากเย็นนัก ประสบความสำเร็จยาก นับเป็นเช่นนี้มาตั้งแต่อดีตแล้ว  แต่ก็มีคนอีกประเภทหนึ่ง ไม่สู่เป็นคนนัก ยามปกติก็ชอบตีหน้าดี ๆ เวลาคบกัน แต่เมื่อเพื่อนประสบอุปสรรคหรือล้มเหลว เขาก็จะวางตัวเฉยเหมือนคนไม่รู้จัก แถมยังแอบหัวเราะเยาะพูดว่า "นี่ล้วนเป็นเพราะเขาทำไม่ถูกจึงเป็นเช่นนี้ !" เอ่อ ขอให้คนประเภทนี้ย้อนคิดว่า ตลอดชีวิตไม่เคยทำอะไรผิดเลยหรือ ?.

นิทาน  :  ในสมัยหมิง นายหวังเซิน ชาวเมืองฮันโจว ปกติเขามักจะจับผิดคนอื่น วันหนึ่งลูกชายข้างบ้านตายลง หวังเซินก็ชี้ด่าข้างบ้านว่า "เป็นเพราะเจ้าสร้างวิบากกรรมไว้ จึงมีผลกรรมตอบสนอง !"  ต่อมาไม่นาน หวังเซินก็มีลูกชาย ๒ คนเกิดขึ้น แต่แล้วก็เจ็บป่วยตายลง ข้างบ้านเลยหัวเราะเขาพร้อมพูดว่า ฉันคิดว่าเจ้าคงทำวิบากกรรมหนักกว่าฉันกระมัง จึงทำให้ลูกชายสองคนตายไป" อีกครั้ง เมื่อคนบ้านเดียวกันไปสมัครสอบประจำปี ได้อันดับที่ ๔ หวังเซินก็ชี้หน้าด่าว่า "บทความของเธอโป้ปดมาก อย่างนี้จะมีโอกาสสอบได้หรือ !"  ปีถัดไปหวังเซินก็ไปสมัครสอบบ้าง เขากลับสอบได้อันดับที่ ๕ คนที่ถูกชี้หน้าด่าก็มาชี้หน้าด่าหวังเซินว่า "ฉันคิดว่า บทความของเจ้าคงโป้ปดยิ่งกว่าข้าเสียอีก ถึงได้ที่ ๕ !"
        นายก่วงตงกล่าวว่า "ข้าเคยทำงานร่วมกับคุณอาเป่า แต่ข้านี้ยิ่งกลับยากจน แต่คุณอาเป่าไม่คิดว่าข้านี้โง่เขลา ! เพราะว่าเขารู้ว่าโอกาสดีกับไม่ดี ข้าเคยไปราชการถึง ๓ ครั้ง ทั้ง ๓ ครั้งก็ถูกพระราชาขับออกมา แต่คุณอาเป่าไม่คิดว่าข้าใช้ไม่ได้ เพราะว่าเขารู้ว่า ตอนที่ข้าพเจ้าเข้าเฝ้าก็ไม่มีโอกาสได้แสดงนิสัยทัศน์ ! จะเห็นได้ว่า อัจฉริยบุรุษก็มีที่ล้มเหลวด้วย ที่มีค่ายิ่งคือ สามารถที่จะมีเพื่อนรู้ใจในขณะที่ตนเองยากจน ก็มีผู้ให้กำลังใจปลอบประโลม ทำได้อย่างไร ที่ขณะผู้อื่นพบอุปสรรค ก็ถือโอกาสซ้ำเติมผู้อื่น คนประเภทนี้ไม่เพียงแต่สูญเสียเพื่อน ยังต้องเห็นอกเห็นใจสงสารถึงจะถูก แต่กลับละเมิดที่ระหว่างเขาและเรา ต้องรักษาน้ำใจเชื่อเกื้อหนุนด้วยใจการุณย์ คนแบบนี้เวลาโชคดีก็มีภัย เวลาสุขก็มีเคราะห์ เป็นคนที่ไม่มีเมตตา  ไม่ยุติธรรม  เพราะฉะนั้น เขาต้องกวักเคราะห์ภัยมาใส่ตัวแน่

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                    คัมภีร์กรรม  เล่ม ๓

                   ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า 

                          วิถีสร้างบุญวาสนา ขจัดภัยพิบัติ 

                                     บทที่หก

                                     ชั่วบาป 

                           คัมภีร์   :  เห็นเขาไม่สมประกอบก็หัวเราะใส่

อธิบาย   :  เห็นเขาแขนขาพิการทุพพลภาพ หรือหน้าตาหน้าเกลียด ไม่รู้จักสงสารปกป้อง กลับหัวเราะใส่เขา คนที่แขนขาพิการหรือหน้าตาหน้าเกลียด ถ้าไม่เป็นเพราะเขาสร้างบาปไว้แต่ชาติก่อนแล้ว ก็เป็นเพราะพ่อแม่มีมรดกกรรมสืบมาถึงเขา คนพวกนี้น่าสงสาร ควรจะช่วยกันดูแลรักษาทำไมจึงต้องทนที่จะไปหัวเราะเขา ความสำเร็จของคน ๆ หนึ่ง อยู่ที่ความรู้ หาใช่อยู่ที่หน้าตาหรือร่างกาย เช่น โจวฝ่า เป็นคนพูดติดอ่าง ก็ยังเป็นถึงเสนาบดี  อันจื่อ ถึงแม้ร่างกายจะแคระเล็ก แต่ก็เป็นถึงพระราชา ตัวอย่างดังกล่าวมีมากมายในประวัติศาสตร์ พูดได้ไม่หมด
        คนที่ร่างกายไม่สมประกอบ ก็มีความรู้สึกเคียดแค้นตนองอยู่แล้ว เมื่อมาถูกหัวเราะ ถือเป็นการล่วงเกินต่อเรื่องที่ไม่ควรพูด มารดาของฉีหันกง ไปหัวเราะเจี้ยเข่อ เมืองฉีจึงโจมตีจนพ่ายแพ้ คนรักของผิงหยวนจวิน เป็นสาวสวยแต่ไปหัวเราะคนที่ทุพพลภาพจึงถูกฆ่าตาย นอกจากนี้ที่อำเภอจ้าว มีคน ๆ หนึ่งไปหัวเราะเมิ่งสั่งจวินว่าเป็นสามีตัวเล็กจึงถูกฆ่า เหล่านี้เป็นอุทาหรณ์ เป็นกระจกให้เราได้สังวร ! 
        ในพุทธสูตรมีการกล่าวถึงเรื่องทำนองเดียวกัน ถึงผลตอบสนองหมายความว่า ชีวิตคนในโลก หากจิตใจไม่ตรง ชาติต่อไปเกิดมาก็จะไม่มีร่างกายประกอบ บ้างก็ปากเยี้ยว  ตาเข  มือขาพิการเหล่านี้เป็นเพราะอดีตชาติสร้างวิบากกรรม จึงต้องมารับกรรมตอบสนองในปัจจุบันชาติ เพราะฉะนั้นขณะที่ใจไหวคิดจะไม่ระมัดระวังได้หรือ อย่าให้ใจคิดไหลสู่ความคิดที่เลวทราม
        ในปิฏกของเต๋ามีตัวอย่างพูดไว้ว่า  "การมีเพศสัมพันธ์ของสามีภรรยา มีข้อถือลางมากมาย โดยเฉพาะอากาศกำลังแปรปรวนเปลียนแปลงยิ่งสำคัญตัวอย่างเช่น ก่อนเข้าฤดูใบไ้ม้ผลิ ๓ วัน จะมีเสียงฟ้าร้องเกิดขึ้น กำลังเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงฤดูกาล ช่วงเวลาตอนนั้น ห้ามมีเพศสัมพันธ์ หากไม่ยับยั้ง ลูกที่เกิดมาร่างกายร่างกายจะมีอาการครบ ๓๒ ยาก และก็จะมีภัยเคราะห์แน่นอน  เพราะว่าการมีเพศสัมพันธ์ในตอนนั้น ถือเป็นการลบหลู่ฟ้า !"  คนที่เป็นพ่อแม่คนถ้ามีเพศสัมพันธ์ไม่ระมัดระวัง ก็จะนำมาซึ่งไม่สมประกอบของลูกได้

นิทาน   :  ในสมัยถัง มหาเสนาบดีหลูกี้ สีหน้าของเขาทั้งเขียวทั้งคล้ำ  มีอยู่ครั้งหนึ่ง เก๋อจื่ออี้ เจ็บป่วย ข้าราชการทั้งสำนักต่างก็แวะเวียนไปเยี้ยมไข้ พอมีแขกมาเยี่ยม ภรรยาและสาวใช้ต่างก็ออกมาต้อนรับและเก๋อจื่ออี้ก็ไม่ห้ามพวกเขาแต่อย่างไร แต่พอหลูกี้จะมาเยี่ยมไข้ เก๋อจื่ออี้ก็สั่งให้ทุกคนในบ้านเก็บตัวแต่ในห้อง สั่งห้ามพวกเขาออกมา มีคนถามเขาว่า "เป็นเพราะอะไร"  เก๋อจื่อี้พูดว่า  "หน้าตาของหลู่กี้อัปลักษณ์ พื้นจิตโหดเหี้ยม  หากผู้หญิงเห็นแล้ว
จะต้องหัวเราะเขา วันหนึ่งถ้าหลูกี้มีอำนาจ คนทั้งบ้านคงต้องถูกฆ่าหมดแน่นอนเลย !"  ต่อมาหลูกี้ได้เป็นถึงเสนาบดี  ตอนนั้นใครที่เคยล่วงเกินเขา เขาก็ต้องชำระแค้น มีแต่ครอบครัวของเก๋อจื่ออี้ ที่ไม่เป็นอันตราย
        คุณอูเถี่ยเจียว กล่าวว่า  :  คนเราเกิดมาหน้าตาร่างกาย ไม่มีอะไรยึดถือได้ !  หลังโกงทุพพลภาพ ล้วนเป็นโรคที่ไม่อาจรู้ล่วงหน้า ท่านหุยจื่อก่อนจะตาย กวักมือเรียกน้องชายมาที่เตียง พูดว่า "พวกเธอเปิดผ้าห่มดูแขนขาของข้าซิ !  ในกวีสูตรเขียนเอาไว้ว่า  ต้องระมัดระวังหนา ! การถนอมดูแลร่างกายก็เหมือนเดินใกล้ข้างสระน้ำ หรือคิดว่าเดินอยู่บนแผ่นน้ำแข็งที่เปราะบางต้องระมัดระวัง  จากนั้นมา ข้าก็รู้จักหลีกเลี่ยงไม่ให้ร่างกายถูกทำร้าย !  คำพูดของหุยจื่อเป็นการเตือนพวกเราว่า  ร่างกาย  ผิวหนัง  ขน  รับมาจากพ่อแม่ ไม่กล้าทำร้ายเป็นบทเริ่มต้นของกตัญญู เราเฝ้ารักษาถนอมร่างกายของเราก็แย่แล้ว ทำไมจึงไปหัวเราะผู้อื่นเขา ?"

Tags: