collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: คัมภีร์กรรม ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า : คำนำ  (อ่าน 144130 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                   คัมภีร์กรรม  เล่ม ๔

                   ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า 

                          วิถีสร้างบุญวาสนา ขจัดภัยพิบัติ 

                                     บทที่หก

                                     ชั่วบาป 

                           คัมภีร์   :  ไม่เจียมตนหานอกลู่

อธิบาย   :  ไม่ตั้งอยู่บนพื้นฐานส่วนตนหากินนอกลู่นอกทาง  เป็นเพราะคนไม่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของตนเอง มักคิดว่าการมุ่งเสาะแสวงหาเอาก็คงจะได้ประโยชน์ แต่ไม่เคยคิดว่า ความร่ำรวยยากจนของคนล้วนถูกลิขิตไว้แล้ว ดวงชะตาไม่มีจะไปเสาะหาเอานอกลู่นอกทางได้อย่างไร ใจฟุ้งซ่านคิดโลภเผื่อจับพลัดจับผลู หวังได้มันไม่มีประโยชน์แต่อย่างไร แต่เกรงว่าการทำเช่นนั้นจะบั่นทอนบุญวาสนา ทำไมไม่ไปเรียนรู้คำพูดของท่านเมิ่งจื่อที่ว่า "การแสวงหาโดยธรรมการได้โดยดวงชะตา"  กับประโยคของท่านฮุ่ยเหนิงที่ว่า "เนื้อนาบุญทั้งหลาย ไม่เกินเลยแม้เพียงนิ้ว"

นิทาน   :  ในสมัยถังปีแรกในรัชสมัยฉางซิ่ง นายเฟยผูผู้คุมเรือนจำจื่ออัน อำเภอซินผิงตายไปแล้ว ฮัวหยวนลูกพี่ลูกน้องของเฟยผู ขณะมาเป็นแขกที่เมืองหลงอิ่ว เขาไปเจอะเจอข้าราชการฝ่ายบู๊ คนหนึ่งบนถนนมีผู้ติดตามมากมาย พอเพ่งดูดี ๆ ข้าราชการผู้นั้นเป็นนายเฟยผู !  นายฮัวหยวนทั้งตกใจทั้งดีใจพูดกับเขาว่า "ท่านได้ตายไปแล้วไม่ใช่หรือ ?.  ทำไมจึงมารับตำแหน่งฝ่ายบู๊เล่า ?.  นายเฟยผูตอบว่า "หน้าที่ปัจจุบันของข้า คือ  เป็นทูตผู้ชำระปัดถูแห่งเมืองเสฉวน มีหน้าที่ควบคุมจัดการทรัพย์สินของมนุษย์ ยังมีกำหนดในดวงชะตาอยู่แล้วนับประสาอะไรกับเงินทอง !  ที่ยมโลกมีบันทึกไว้ เพราะฉะนั้นการได้มาของเงินทองแต่ละคน ล้วนมีกำหนดแน่นอน ถ้าหากมีเงินเกินเลยตามกำหนดก็จะถูกชำระปัดกวาดออก หรือถูกตนเองใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายทิ้งขว้าง หรือได้ประสบกับเคราะห์ภัย หรือทำการค้าลงทุน จนขาดทุน หรือเจ็บป่วยจนใช้จ่ายหมดตัว เหล่านี้ล้วนถูกควบคุมโดยข้าด้วยการชำระปัดถูกวาดล้าง ในโลกมนุษย์ ชาวนาที่อดทนขยันไถหว่านเพาะปลูกได้ธัญหาร  พ่อค้าขยันทำกการค้าจนเก็นหอมรอบริบได้ บัณฑิตที่ขยันมั่นเรียนจนได้ตำแหน่ง ได้เบี้ยหวัดบำนาญ  เป็นต้น  ล้วนตั้งอยู่บนพื้นฐานส่วนตนที่ได้ทรัพย์มา ทั้งไม่ได้เพิ่มเติมเงินทองนอกลู่นอกทาง ถ้าหากไม่ขยันขันแข็งแล้ว แม้ในพื้นดวงที่ตนมีอยู่ก็ยังอาจสูญไปด้วยเลย !  นี่เธอจะมาเจอะเจอข้า นี่ก็มีในกำหนดการเธอควรจะได้ับทองคำ 2 ชั่ง หากเธอได้ทองเกิน 2 ชั่ง ที่เกินไปก็จะถูกชำระกวาดทิ้งเพราะฉะนั้น ข้าก็จะไม่ให้เธอเกิน 2 ชั่งล่ะ !  พอพูดจบก็ไม่เห็นเฟยผูเลย

นิทาน   :  นายหลิวเป้ยเขียนบทความได้ดีมาก และคิดว่าตนเองน่าจะสอบเอาตำแหน่งราชการได้ ประจวบกับพระเจ้าอวี่เซิ้นเจินจวินลงประทับญาณที่เขาจงหนาน ดังนั้นนายหลิวเป้ย จึงเข้าไปกราบถามถึงอนาคตการสอบเอาตำแหน่งของตนกับท่านเจินจวิน ๆ ตอบว่า "ถึงแม้บทความของเจ้าจะดี แต่ดวงชะตาของเจ้าน้อยมาก  เจ้าน่าจะเจียมตนถอนตัวอยู่ในความสงบจะดีกว่าไปแสวงหานอกลู่ก็จะรักษาชีวิตในช่วงที่เหลือได้ ถ้าหากมัวไปแสวงจนเกินเลยก็จะทำให้ชีวิตของเจ้าสั้น !"  หลิวเป้ยไม่ฟังคำของพระเจ้าอวี่เซิ้นเจินจวิน สุดท้ายก็สอบไม่ได้ วิ่งเต้นเกินเลยจนตายไป

อธิบาย   :  ควรรู้ว่าเรื่องของการสอบเอาตำแหน่งเป็นเกียรติที่ทำให้บรรพชนมีชื่อเสียง และบุญวาสนาของบรรพชนคุ้มครองลูกหลาน ซึ่งไม่อาจใช้วิธีทุจริตหรือเล่ห์เหลี่ยมไปแสวงหาเอาได้ มีแต่ต้องสั่งสมบุญกุศลเอาเท่านั้น  ในความมืดก็จะได้รับตำแหน่งเอง อย่างนี้มิใช่การแสวงหานอกลู่ !  กับเงินทองแล้วหลักธรรมก็อย่างเดียวกัน 

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                   คัมภีร์กรรม  เล่ม ๔

                   ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า 

                          วิถีสร้างบุญวาสนา ขจัดภัยพิบัติ 

                                     บทที่หก

                                     ชั่วบาป 

                           คัมภีร์   :  ใช้จนสุดอำนาจ

อธิบาย   :  การใช้พลังความสามารถของตนจนสุดอำนาจ  หาวิธีการใช้อำนาจ  ใช้อิทธิพลจนหมดใจ โดยไม่เหลือทางข้างหลัง (หลังติดฝา) ถ้าอิทธิพลยังใช้ไม่หมดก็จะไม่ยอมหยุด ดังคำพังเพยที่ว่า  "กางใบเต็มที่แล้วยังเพิ่มแปดฝีพาย" ตัวอย่างเช่น ข้าราชการที่ใช้อำนาจหน้าที่ใช้อิทธิพลบังคับเค้นเอาจากประชาชน  คนร่ำรวยก็ใช้อำนาจอิทธิพลต่อคนจน ตลอดจนมนุษย์ใช้แรงบังคับสัตว์ เหล่านี้ล้วนละเมิดศีลของท่านไท่ซั่งทั้งนั้น เช่น ใช้แรงงานวัว ควายไถนา  ม้าล่อใช้ขี่ลากรถเป็นต้น  ไม่ควรใช้มันจนสุดแรง สัตว์เหล่านี้ล้วนเป็นหนี้ที่ต้องมาชดใช้กรรมทั้งนั้น ควรที่จะให้ความรักดูแลมัน สงสารมัน  เวลาใช้งานก็อย่าใช้จนหักโหมเต็มที่  จะพูดว่า "มันเป็นสัตว์จะต้องทำตามความต้องการของฉันอย่างนั้น"  ไม่ถูกต้อง

นิทาน   :  ในสมัยซ่ง  นายซีเซี้ยนตู้ มีหน้าที่ดูแลรับใช้ท่านเศรษฐี  ฮ่องเต้ลี่อู๋มีคำสั่งให้เข้าไปคุมงานก่อสร้าง เขาเป็นคนที่เข้มงวด และโหดเหี้ยม  ไม่ฟังเหตุผล  เขาไม่ฟังคนงาน  ถ้าไม่พอใจก็ทุบตี ไม่ว่าอากาศจะหนาวร้อน ฝนตกหิมะตก เขาก็ไม่ยอมให้คนงานหยุดงาน คนงานจำนวนมากรับความทารุณไม่ไหว ถึงกับฆ่าตัวตาย หลังจากเรื่องราวเหล่านี้เกิดขึ้นแล้ว ฮ่องเต้จึงสั่งลงโทษประหารชีวิตเขา

นิทาน   :  นายฮัวถิงเฉียน บัณฑิตชาวเห้อทัน เขาสร้างบ้านที่หลินเซี้ย พวกคนงานก็ให้รู้สึกเบื่อหน่ายเจ็บปวด คนในหมู่บ้านก็เหน็ดเหนื่อยตาม ๆ กัน จนเจ็บป่วย มีคนงานอีกคนหนึ่งไม่ยอมทำงานอีกต่อไป บัณฑิตเฉียนก็ดุด่าว่าเขาด้วยความโกรธ  คนงานก็พูดว่า "สมัยก่อนที่นายหวงถีสิงที่สร้างบ้าน ตอนนั้นฉันเป็นผู้รับผิดชอบหน้าที่นี้ก็เหนื่อยจนล้มป่วย ตอนนี้บ้านนายหวงถีสิงก็ผุกร่อน กำแพงพังแล้ว แต่การเจ็บป่วยของข้ายังไม่หายดี เพราะฉะนั้น ฉันจึงไม่กล้ารับงานนี้ !" บัณฑิตเฉียนได้ฟังแล้วก็แจ้งประจักษ์ รีบหยุดงานทันที !   

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                   คัมภีร์กรรม  เล่ม ๔
                 ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า 
                           วิถีสร้างบุญวาสนา ขจัดภัยพิบัติ 
                                       บทที่หก
                                        ชั่วบาป 
                             คัมภีร์   :  เสพกามเกินเลย

อธิบาย   :  สามีภรรยามีกิจกรรมในห้องบ่อย ๆ เกินเลยกว่าปกติ เกินขอบเขต บาปกรรมจากการละเมิดกามซึ่งท่านไท่ชั่งได้กล่าวเอาไว้ข้างต้นแล้ว มาในเรื่องกิจกรรมทางเพศระหว่างสามีภรรยาควรจะมีการยับยั้งด้วย ถ้าจะพูดเรื่องกิจกรรมระหว่างสามีภรรยาไม่ใช่เรื่องละเมิดกามแล้วละก็ เรื่องเคราะห์ภัยกับการฆ่าตัวตายที่เกิดจากความใคร่จะขจัดปัดปเ่าได้อย่างไร เพราะร่างกายมนุษย์ ถ้าความใครกำหนัดเกิดขึ้น ทั้งปราณและโลหิตจะถูกกระตุ้นให้ไหลเวียนรุนแรง ทำให้สูญเสียพลังชีวิตไปมาก หากไม่มีการยับยั้งแล้ว ก็เปรียบเหมือนน้ำในหนองบึงที่หลั่งไหลออกไปจนแห้ง เป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก !  ถ้าหากคนสามารถสงวนพลังไว้ได้มาก พลังชีวิตก็สมบูรณ์ ประสาทก็กระปรี้กระเปร่า ความคิดอ่านปัญญาก็เกิด คนก็จะฉลาดแข็งแรง จะทำกิจการใดก็สำเร็จ ถ้าหาก
อยู่ในวัยหนุ่มสาวหมกมุ่นอยู่กับทางเพศ จนสูญเสียพลังชีวิตหมดไป ความเก่งฉกาจฉกรรจ์ก็หมดไป ชั่วชีวิตก็ไม่มีความเจริญในหน้าที่การงานเลย ! 
        การเจ็บป่วยตลอดชีวิตก็เริ่มจากการแต่งงาน เพราะว่าอายุยังน้อยไม่มีความรู้ อารมณ์เพศไม่รู้จักยับยั้ง  สุดท้ายก็ป่วยด้วยโรคตรากตรำ ถ้าหากร่างกายอ่อนแออยู่แล้วก็ทำให้อายุสั้น ทำให้ลูกเมียเป็นกำพร้า ต้องทุกข์กับการเป็นหม้าย ความคิดจะอยู่ถึงไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพ็ชร ที่จะอยู่คู่ภรรยาไปยาวนาน ก็จงอย่าให้ติดเชื้อโรคซึ่งเป็นรากเหง้าแห่งภัยจากการเริ่มต้นของชีวิตแต่งงาน เพราะฉะนั้น คนที่เป็นพ่อ พี่ชาย ถ้าหากลูกหรือน้องแต่งงาน ก็ควรที่จะสั่งสอนให้เขารู้จักการยับยั้งเสพกาม
        คำพังเพยว่า  "สุขถึงที่สุดโศกเศร้าเกิด  ตามใจความใคร่เกิดโรค"  อีกคำ  "เลือดลมไม่สะดวก ห้ามเสพกาม"  ผู้เฒ่าเพิงว่า "ผู้สูงอายุให้แยกเตียงผู้กลางคนแยกห่มผ้า  ทานยาร้อยขนานสู้นอนคนเดียวไม่ได้"  พุทธองค์ว่า  "รูปหญิงเป็นรากเหง้าของสรรพทุกข์ เป็นรากเหง้าของอุปสรรค  เป็นรากเหง้าของการฆ่าแกง  เป็นรากเหง้าของเศร้าโศก"  พระสูตรหวงถิงจึงว่า "รีบสงวนอสุจิ อย่ามัวหลั่ง ปิดกั้นรักษาไว้อยู่ยืนยาว"  การเสพความใคร่เป็นสาเหตุให้คนสูญเสียจิตเดิม สูญเสียชีวิต มีบางคนได้รับการบาดเจ็บโดยไม่รู้ตัว บางคนทั้ง ๆ รู้ถึงผลร้ายของการเสพใคร่แต่ก็ไม่ยอมยับยั้ง นี่แหละทำให้อริยเจ้าปราชญ์เมธีจึงตักเตือนผู้คนอย่างจริงใจ และปลุกตื่นรู้สาเหตุอยู่ที่ไหน ! 
        คนสามัญที่ไม่รู้อันตรายของมัน ก็จะปล่อยปละตามใจความใคร่ ดังนั้น ไอคาวแห่งการเสพกาม ผีเทพสัมผัสได้จึงโกรธ เคาะห์ภัยอัปมงคลจึงเกิดขึ้นขอให้ชาวโลกสามารถยับยั้งและอดทน ก็จะมีชีวิตยืนยาวและสุขอนามัยได้ประโยชน์ มิฉะนั้น การเสพความใคร่ ก็คือการถวายชีวิต คนแบบนี้ไม่มีทางช่วยได้เลย ท่านเหยินฮุยก้ง ในวัยชราร่างกายกลับแข็งแรงมีคนถามเขาถึงวิธีดูแลสุขภาพ คุณเหยินตอบว่า เป็นเพราะข้าได้อ่านหนังสือเหวินช่วน จึงเข้าใจบางสิ่งบางอย่าง"  ในเหวินช่วนกล่าวว่า "ก้อนหินหากมีเนื้อหยกงามซ่อนอยู่ภายใน ก็จะทำให้สีสันของภูเขาดูสดใส ในน้ำหากมีอัญมณีซ่อนไว้ก็จะทำให้สีสันของสายน้ำอ่อนไหว นี่แหละคือเหตุผล"  ท่านเฉินอีชวนคิดว่า "คนถ้าปล่อยตามอารมณ์ใคร่โดยไม่ห่วงสุขภาพเป็นเรื่องที่น่าละอาย เพราะฉะนั้น เมื่ออายุถึง 70 ปี เลือดลมพลังปราณของเขาก็ยังแข็งแรงเหมือนตอนอายุหนุ่ม ๆ ตอนที่ท่านลีเจียะเหนียนอายุ 100 ปี ผิวพรรณหน้าตาดูเหมือนวัยเด็ก มีคนถามเขาว่ามีเคล็ดลับอะไร ?.  เขาพูดว่า "เป็นเพราะข้าตัดความใคร่ตั้งแต่หนุ่ม ๆ " ส่วนคุณหลิวหยวนเฉินตอนอายุ 80 ปี ร่างกายของเขายังแน่นแข็งปึงปั๋งอยู่เลยเขาพูดว่า ข้าตัดความใคร่ได้ 30 ปีแล้ว เพราะฉะนั้น เลือดลมประสาทก็ยังเหมือนเดิม  ภิกษุจุ่นเจียงอายุกว่า 90 ปีแล้ว เขาสามารถเดินทางไกลได้ ฝีก้าวดุจบิน อีกทั้งผมเคราก้ไม่ขาว เขาว่าไม่มีวิธีการอะไรเพียงตอนหนุ่ม ๆ เขาก็ตัดความใคร่ลงแล้ว  จางชุ่ยชาวเมืองไท่ชั่ง อายุกว่า 90 ปีแล้ว เขายังตาดีหูดีอยู่ เขายังวาดรูปได้ มีคนถามถึงสาเหตุ เขาตอบว่า "ตลอดชีวิตใจใคร่อยากจืดชืด ควบคุมเรื่องความใคร่เท่านั้น"
        ควรรู้ว่าเมื่อยามชรายังมีสุขภาพแข็งแรง เป็นความสุขอันแรกของมนุษย์ ที่เป็นเช่นนั้นได้ก็เพราะการควบคุมการเสพกามให้น้อยนั้นเอง คนทั่วไปจะฝึกเอาอย่างก็ไม่เป็นเรื่องยาก  ท่านเพิ่งจูกล่าวว่า "หนึ่งเดือนหลั่ง 2 ครั้ง ในหนึ่งปีก็ยี่สิบสี่ครั้ง นี่คือวิธีการควบคุมความใคร่"  ซู้หนี่กล่าวว่า "เมื่อคนมีอายุ 60 ปีแล้ว ต้องหยุดรักษาไม่ให้มีการหลั่ง เป็นวิธีที่ระมัดระวังหักห้าม"  สำหรับอาตมาว่าท่านเพิ่งจูกับซู้หนี่เป็นคนสมัยโบราณ ความหนักที่ฟ้าปางก่อนประทานให้มีมาก เพราะฉะนั้น จึงพูดแบบนี้ได้ แต่ในยุคปัจจุบันลมฟ้าเบาบางแบบนี้ จึงไม่สามารถเอาคำพูดของท่านเพิ่งจูและซู้หนี่เป็นแบบมาตรฐาน โดยเฉพาะคนที่มีปราณค่อนข้างอ่อนแอยิ่งต้องเพิ่มทวีในการควบคุมระมัดระวังยับยั้งมากยิ่งขึ้น ! 

นิทาน   :  ในสมัยหมิง มีชายหนุ่มแซ่อวี่ เมืองเอ้อโจ หน้าตารูปหล่อ มีการศึกษาเขาค่อนข้างดีมีชื่อเสียง อายุยังไม่ถึง 20 ก็สอบได้ตำแหน่งจิ้นสือ ทางราชสำนักส่งไปรับตำแหน่งที่เมืองซ่งเจียง ญาติพี่น้องพากันอิจฉา แต่เพราะเขาชอบเสพกามมาก มีภรรยานับสิบคนที่งดงาม ทุกวันก็ปล่อยอารมณ์ใคร่ไม่ยับยั้ง ไปทำงานที่ซ่งเจียงเพียงเดือนกว่า ๆ เท่านั้นก็ตายไป บรรดาภรรยาก็ไปแต่งงานใหม่       

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
บทที่ 6 ชั่วบาป : เสพกามเกินเลย

นิทาน :  นายขื่นอู่เซิง เติบโตหน้าตาดี แต่ชอบเสพกาม มีคืนหนึ่งเขาฝันว่า  พระศาลหลักเมืองดุด่าเขา ทั้งยังตรวจนับจำนวนที่เขาเสพกาม ได้ลงโทษตีเขาไปหลายสิบไม้ หลังจากขื่นอู่เซินตื่นขึ้นมา พบว่าขาทั้งสองข้างเขียวคล้ำ แล้วก็เริ่มเน่าเปื่อย เขาป่วยอยู่ราว 1 เดือนก็ตาย

อธิบาย :  "ละเมิดกามเป็นบาปหนักอันดับหนึ่ง  ความกตัญญูเป็นความดีอันดับหนึ่ง"  เป็นคำพูดของท่านยมบาล จะเห็นได้ว่าแม้แต่ผีเทพก็พอใจกับความกตัญญู แต่ไม่พอใจกับการละเมิดกามเป็นอย่างยิ่ง กฏหมายในโลกอาจมีช่องโหว่ แต่ยากที่จะรอดพ้นจากกฏในยมโลก มนุษย์ทำไมต้องไปละเมิดบาปที่ผีเทพไม่พอใจจนต้องถูกลงโทษ เพราะฉะนั้น ตั้งแต่โบราณมาแล้ว พวกที่ลุ่มหลงจมปลักอยู่กับนารี ไม่มีหรอกที่ต้องตายลง แม้แต่คนแก่ยิ่งไม่สมควรแต่งหาหญิงสาวมาเป็นเมีย เพราะเมื่อเราดูแลเธอไม่ได้ เธอก็จะโกรธมากและแค้นอย่างยิ่ง อารมณ์แค้นที่สั่งสมก็จะทำลายบุญกุศล โดยเฉพาะคนวัย
หนุ่มอารมณ์ใคร่ควบคุมลำบาก ถ้าหากมันยุติกันไม่ได้แล้วจะควบคุมอย่างไร ?. นับประสาอะไรกับผู้ใหญ่อายุมากเหมือนอาทิตย์กำลังตกดิน ชีวิตของตนยามแก่ก็รักษาให้อยู่ได้ยากแล้ว ยังจะดิ้นรนที่ให้ยมทูตมาเร็วขึ้น ลากตัวไปพบยมบาลเร็วขึ้น จะให้โง่ปานนั้นหรือ ?.

เตือนสติ :  หลังจากร่วมเพศระหว่างสามีภรรยา หรือฝันเปียกภายใน 3 - 5 วัน ไม่ควรลงน้ำเย็น เช่น อาบน้ำเย็น ทั้งยังไม่ควรทานข้าวเย็น หรือดื่มของเย็น  หรือยาเย็น  แต่ถ้ามีไข้ต้องกินยาเย็นแล้วควรบอกหมอให้ชัดเจน ฤดูร้อนก็อย่าโลภอยู่ในที่เย็น ๆ  ฤดูหนาวก็ไม่ให้ตากลมฝน ถ้าหากละเมิดกฏข้อห้ามเหล่านี้แล้ว ไปมีเพศสัมพันธ์ ผู้ชายก็อาจมีเพศเสื่อมง่าย  ผู้หญิงก็มีถันเหี่ยว  ถ้าหากมีแขนขาหนาวเย็น ปวดท้องก็ถึงตายได้ ถ้าสามีภรรยาไม่ระมัดระวังป้องกันรักษาข้อห้าม หญิงมีครรภ์ก็แท้งลูก เพราะฉะนั้น มักจะเห็นว่ามีครรภ์ได้แค่ครึ่งเดือนก็แท้งลูกเสียแล้ว โดยไม่รู้ว่าทำไมจึงเป็นเช่นนี้ ถ้าหากมีการแท้งอยู่หลายครั้งก็จะทำให้ตับอักเสบ ตลอดชีวิตก็จะไม่มีครรภ์  วิธีป้องกัน ภายหลังที่ตั้งครรภ์ สามีภรรยาต้องแยกเตียงหรือหยุดมีเพศสัมพันธ์ จึงจะไม่แท้งลูก ถ้าหากตั้งครรภ์แล้วยังมีเพศสัมพันธ์อีก ถ้าโชคดีลูกเกิดขึ้นมาก็มักจะอ่อนแอเลี้ยงให้โตยาก เพราะได้รับบาดเจ็บขณะอยู่ในครรภ์ เพราะฉะนั้น สามีภรรยาต้องระมัดระวัง จะได้ไม่ต้องเจ็บปวดทุกข์ทรมานในภายหลัง มีบางคนคิดอยากได้ลูกถึงกับใช้ยาปลุกกำหนัด หรือใส่ยาเม็ดเข้าไปในมดลูก วิธีการไม่ถูกต้องเหล่านี้ ไม่มีทางได้ลูก ยังเป็นการสร้างบาปทำลายกุศล ทำลายร่างกาย เหตุผลเหล่านี้ ควรที่คนเป็นพ่อ แม่จะพูดให้ลูกชายลูกสะใภ้เข้าใจ ดังนั้นการพูดให้พวกเราเข้าใจก็หวังให้พวกเรารักถนอมร่างกาย และรักลูกรักสะใภ้ให้แข็งแรง  ท่านอริยเจ้าซุนกล่าวว่า ร่างกายของคนสำเร็จด้วยเลือดลม ไม่ใช่เหล็กไหลทองแดงสร้างขึ้น เพราะฉะนั้น ถ้าไม่ควบคุมความใคร่ในตอนเริ่มต้นจะไม่รู้สึกว่าเป็นอะไร แต่นาน ๆ ไป บาดเจ็บสะสมเพิ่มก็จะทำลายไขกระดูก เลือดลมเสื่อมสุดท้ายก็ล้มตาย  เพราะว่าเลือดลมของคนต้องทะลุผ่านด่าน 6 ด่าน  (อาทิตย์มาก  อาทิตย์สว่าง  อาทิตย์น้อย  จันทร์มาก  จันทร์น้อย  และจันทร์มืด  6 ด่าน)  จึงได้ครบวงจรเลือดลม จึงเดินครบวงจรหนึ่งรอบ  ดังนั้น การร่วมเพศครั้งหนึ่ง เลือดลมจะถูกกระทบหนึ่งด่าน จึงต้องรอถึงเจ็ดวัน เลือดลมจึงเดินมาถึงด่านนี้ แล้วก้เริ่มต้นใหม่ ในตำราอี้จิงว่า "เจ็ดวันเวียนครบ"  ก็คือต้องการให้คนนี้ต้องพักผ่อน 7 วันนั่นเอง แต่หลายคนยังไม่ทันถึง 7 วันก้มีเพศสัมพันธ์อีก  จึงทำให้บาดเจ็บแล้วบาดเจ็บอีก ดังนั้นจึงมีโรคต่าง ๆ เกิดขึ้น ดังนั้น จึงต้องมีการควบคุมเป็นพื้นฐานการรักษาร่างกายให้มีสุขภาพ  อายุ 20 ปีเพศสัมพันธ์ 7 วันครั้ง  30 ปี 14 วันครั้ง  40 ปี 28 วันครั้ง  50 ปี 45 วันครั้ง   พอ 60 ปีแล้วไขกระดูกเลิกผลิตเลือดแล้ว ควรตัดขาดมีเพศสัมพันธ์ การร่วมเพศดังกล่าวให้ใช้จำเพาะฤดูใบไม้ผลิ และฤดูใบไม้ร่วงเท่านั้น  ในฤดูร้อนอากาศร้อน ปราณไหลออกเกินเลย  ในฤดูหนาวลมปราณหนาวเหน็บก็จะปิดกั้น  ดังนั้น ใน 2 ฤดูนี้จึงไม่ควรมีเพศสัมพันธ์ ถ้าทำตามวิธีนี้ได้ อายุจะยืน  ถ้าฝ่าฝืนจะมีโรคมาก อายุสั้น
        การรักษาร่างกาย  รักษาชีวิต  ระหว่างสามีภรรยามีข้อกำหนดห้ามตลอดจนฟ้าห้าม  ดินห้าม  คนห้าม  ใน "หนังสืออายุสุขภาพ"  มีรายละเอียดอธิบายชัดแจ้ง หากไม่ห้าม ไม่งดเว้น มีลูกไม่สมประกอบ ร่างกายไม่ครบ 32 ทั้งมีเคราะห์ภัย นับอะไรกับร่างกาย คนที่เลือดลมไหลเวียนซึ่งตอบรับกับฟ้าดิน ถ้าหากมีเพศสัมพันธ์ในเวลาที่ไม่เหมาะสม ก็จะทำให้ลมปราณเลือดไม่เข้ากัน เกิดการบาดเจ็บมากกว่าธรรมดา จึงต้องเข้มงวดกว่าปกติหลายเท่า แม้กระทั่งวันสำคัญ เช่น วันพระ  วันเทพสมภพของพุทธโพธิสัตว์ ถ้าหากสามีภรรยาไม่รักษาศีล ละเมิดเสพกามก็จะเป็นการละเมิดเหยียดหยามต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์อาจได้รับโทษภัย ทั้งยังเสียกุศลด้วย ด้วยเหตุนี้ แม้ชาวโลกถึงแม้เป็นคนซื่อสัตย์ ถ้าละเมิดก้เจ็บป่วยอายุสั้น ตลอดจนตำแหน่งถูกริบถอดถอน ถูกตัดทอนอายุขัย  ทั้งหมดล้วนเกิดจากจริยธรรมของสามีภรรยา ในเรื่องเพศสัมพันธ์ที่ไม่รู้จักระงับยับยั้งชั่งใจทั้งนั้น     
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27/06/2012, 16:19 โดย ติ๊กน้อย »

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
บทที่หก ชั่วบาป  :  หน้าซื่อใจอำมหิต

อธิบาย   : 
คนจิตใจร้าย แต่หน้าตาดูดีมีเมตตา จิตใจคนร้ายกาจก็ทำให้คนเขาระวังลำบาก แล้วถ้ามีใบหน้าเหมือนคนใจดีมีเมตตาด้วยแล้ว ยิ่งทำให้คนคาดเดาได้ยาก คนเมื่อพบกับเสือสิงห์หรืองูก็ต้องหลบหลีกหนี ก็เพราะว่ามันดุร้าย แต่กับคนที่หน้าดีใจดำ เพราะเห็นหน้าก็ทำให้คนคิดอยากเข้าใกล้ แต่พอคนเผลอไม่ระวังก็จะปล่อยความร้ายกาจออกมา คนแบบนี้นับว่าน่ากลัวยิ่งกว่าเสือสิงห์เสียอีก คนแบบนี้ตายแล้วต้องตกนรกและก้เร็วยิ่งกว่าลูกศรออกจากคันเสียอีก ทุกชาติเขาต้องได้รับทุกข์ไม่มีวันสิ้นสุดเลย ! 

นิทาน  :  นายฉั่วหยวนตู้จะต้อนรับผู้คนด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส แม้บางคนจะเป็นแขกที่เขาไม่ชอบก็ตาม แต่อากัปกิริยาที่เขาแสดงออกมาเหมือนผู้มีเมตตากับทุกคน ด้วยเหตุนี้ คนจึงคาดเดาความคิดของเขาไไม่ได้ ทุกคนจึงขนานนามเขาว่าหน้ายิ้มใจยักษ์ ต่อมาเมื่อเขาถูกไล่ออกจากข้าราชการและถูกเนรเทศไปอยู่ที่ทุรกันดารและตายไป คนแบบฉั่วหยวนตู้มีมากมายในสังคม เราต้องใช้ความซื่อสัตย์และจริยธรรมปฏิบัติต่อเขา ถ้าหากจะ
เอาแบบตรงไปตรงมาปฏิบัติต่อเขา เช่นดีมาก็ดีไป ร้ายมาก็ร้ายไป ถึงแม่เขาจะอันตรายโหดเหี้ยมก็ไม่มีทางจะทำอะไรเราได้ !   
        ท่านอูเถี่ยเจียว กล่าวว่า "คนที่สายตามองต่ำ ไม่พูดจา และที่ระหว่างคิ้วไม่มีวี่แววแห่งมงคลเมตตา นิ่งสงบแม้แต่น้อย เขาก็เป็นคนที่มีจิตใจโหดเหี้ยม คนแบบนี้คบเป็นเพื่อนไม่ได้ และต้องหลบหลีกให้ไกลไปเลย  สมัยก่อนมีพระสงฆ์รูปหนึ่ง เขานอนหลับตอนกลางวัน จิตวิญญาณเคลื่อนออกทางจมูกกลายเป็นงูสีดำตัวหนึ่ง เลื้อยไปมาที่พื้น หลายคนเห็นมาแล้ว ต่อมาเมื่อพระสงฆ์ตายลง ร่างกายก็แตกแยกออกกลายเป็นงู ดังนั้น เวลาเราคบเพื่อนควรที่อยู่ห่างเอาไว้ก็คือคนพวกนี้ !  ถ้าหากเขาว่าพื้นจิตของเขาดุร้ายเช่นนี้เขาควรเจ็บปวดและสำนึกผิดเพื่อชำระล้าง ก็เหมือนหมอดีรักษาโรคฝีร้ายจะต้องดูดเอาหัวหนองแบบถอนรากถอนโคน จึงจะรักษาหายได้ คนแบบนี้เข้าสู่ทางธรรมไม่ได้ และเขาก็คงไม่ยอมทำตามนี้แน่อยู่แล้ว ทำอย่างไรได้ ! เรื่องมันน่าเศร้านะ !

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
บทที่หก ชั่วบาป  :  ให้ของกินสกปรกเขา

อธิบาย   :
  ทำอาหารสกปรกขายหรือให้เขากิน อาหารที่สกปรกอาจเกิดจากการทำไม่สะอาด หรือมีหนูมีแมลงมาตอมกินหรือของค้าคืนในเดือนที่อากาศร้อนทั้งสีและรสก็เปลี่ยนไปแล้ว หรือตกค้างนานเกินไป หรือของกินเลยกำหนดจนเสีย เป็นต้น เมื่อกินแล้วทำให้เกิดโรคเจ็บป่วย หรือเอาอาหารสกปรกขายไปให้คนกิน คนอื่นต้องโกรธแค้น เทพเจ้าก็คงไม่ชอบเช่นกัน หรือไม่ก้พวกบ่าวไพร่ในบ้านทำของมากเกินไปจนกินไม่หมด แล้วเททิ้งในท่อหรือโถส้วม การกระทำเช่นนี้ถือมีโทษมาก !  โทษบาป  เหล่านี้กึ่งหนึ่งตกอยู่กับเจ้าของบ้าน ที่ไม่สั่งสอนบ่าวไพร่ เพราะฉะนั้น ทั้งเขาและเราจึงต้องช่วยกันห้าม !

นิทาน :  ที่ตลาดเมืองหางโจวมีร้านอาหารขายห่านย่างแห่งหนึ่ง วันหนึ่งเจ้าห่านถูกงูพิษรัดตัวจนตาย ก็ให้บังเอิญคุณครูโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งเห็นเข้า คุณครูคิดว่า "ถ้าห่านตัวนี้ขายให้คนเอาไปกิน คนที่กินต้องถูกพิษเป็นแน่"  ดังนั้นจึงซื้อห่านตัวนี้มา ตกลงราคากับเจ้าของห่านว่าเป็นเงิน 2 ร้อยอีแปะ ในตัวมีเงินอยู่แค่ร้อยอีแปะ ก็ไปขอยืมคนข้างบ้านอีกร้อยอีแปะ ซื้อห่านตัวนี้มา ทั้งสามก็เดินไปที่ว่างเปล่าเพื่อฝังกลบห่านตัวนี้ แต่ตอนขุดหลุมอยู่ก็ปรากฏพบเงินจำนวนหนึ่ง คนข้างบ้านก็พูดว่า "เงินจำนวนนี้ข้าเอามาซ่อนเอง"  เจ้าร้านขายห่านก็พูดว่า "เงินนี้ข้าเป็นคนมาทิ้งเอาไว้" ก็ให้พอดีปลัดอำเภอเดินผ่านมาจึงถามเอาความชัดเจน แล้วก็ถอนใจพูดว่า "นี่เป็นผลตอบสนองของคุณครูที่ใจบุญสุนทาน"  เธอทั้งสองคิดจะแย่งชิงผลประโยชน์ของเขา อย่างนี้เป็นการละเมิดฟ้านะ" ว่าแล้วปลัดอำเภอก็สั่งลงโทษโบยคนทั้งสองไปหลายไม้ และนำเงินนี้ให้กับคุณครูไป

นิทาน  :  มีข้าราชการคนหนึ่งที่เมืองเหวินโจวชื่อลีถี เนื่องจากเขาต้องการเก็บดอกเบี้ยที่ปล่อยกู้ไป เขาจึงใช้บ่าวให้ไปทวงหนี้แทนเขา มีอยู่ครั้งหนึ่งบ่าวคนนี้เก็บเงินไม่ได้ จึงจับลูกหนี้ผูกกับต้นไม้  แล้วเอาน้ำอุจจาระกรอกปากจนลูกหนี้ยอมนำเงินหนึ่งพันอีแปะมาใช้หนี้ เมื่อบ่าวคนนี้เดินทางผ่านหน้าวัดผูอันซื่อ ก็ให้บังเอิญสายฟ้าผ่าเปรี้ยงเข้าใส่จนเขาตาย และเพราะบ่าวคนนี้ผูกเงินไว้ที่เอว ปรากฏว่าเงินทั้งหมดถูกฝังเข้าไปในเนื้อของเขาโดยหนังบิดอยู่ข้างบน

สรุป  :  คดีนี้ ไม่เพียงตักเตือนให้คนรู้ว่าการเอาของสกปรกให้คนกินเท่านั้น ยังตักเตือนบ่าวร้ายที่อาศัยอิทธิพลเจ้านายรังแกคนอื่นด้วย !  เพราะมีบ่าวไพร่บางคนอาศัยอิทธิพลเจ้านาย มักบุกเข้าไปในบ้านจนถึงห้องนอนของพวกผู้หญิงและข่มขืนกระทำชำเราก่อเกิดบาปมหันต์จนเป็นที่มาของมหาภัยเคราะห์ และนี่แหละ ทำไมสายฟ้ามักฝ่าลงมาบนหัวของบ่าวไพร่ร้ายพวกนี้ !   

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
บทที่หก ชั่วบาป  :  ใช้ทางมารหลอกประชาชน

อธิบาย   :  ท่านอูอวี่ไก้กล่าวว่า "ธรรม  เป็นทางตรงที่ทุกคนร่วมกันน้อมนำทำตาม" ศานสนาทั้งสามคือ  หยู  พุทธ  เต๋า  ล้วนเป็นธรรมของอริยเจ้า ถึงแม้ทั้งสามศาสนามีรูปแบบที่ไม่เหมือนกันทั้งหมด แต่เป้าหมายสูงสุดของพวกท่านล้วนต้องการให้คนเข้าใจจิตตน เห็นจิตเดิม  ต่อไปก็เปลี่ยนจากชั่วไปสู่ดี เพราะฉะนั้น อริยเจ้าของสามศาสนาที่พูดธรรมะเหมือนออกจากปากเดียวกัน และก้ไม่ชอบที่จะใช้วิชามารลี้ลับมาหลอกลวงชาวโลก !  อย่างไรก็ตามก็มีบางคนที่จิตใจไม่ดี ก็นำเอาหลักธรรมของ 3 ศาสนาบิดเบือนเพื่อใช้หลอกลวงคน  เหล่านี้แหละที่เรียกว่าใช้ทางมารหลอกประชาชน ซึ่งไม่ใช่เป็นธรรมแท้ !  อาทิเช่น ในสมัยฮั้น ก็มีนายจงเจียะ  สมัยจิ้นมีนายซุนซือ  นายหลู่ซุ่น  สมัยหยวนมีนายหงจิน  หลิวผู่ทง  และยุคใกล้เป็นอู๋เหว่ยหวังเทียน กับลัทธิดอกบัวขาว เป็นต้น  พวกผู้นำเหล่านี้ จิตใจไม่ตรงการกระทำไม่ดี ใช้วิชามารมาหลอกลวงประชาชน ละเมิดฝ่าฝืนกษัตริย์ สร้างบาปมหันต์ท่วมฟ้า สร้างเหตุแห่งทางนรก พวกนี้ล้วนเป็นพวกโจรขุนนางชั่ว กฏหมายบ้านเมืองต้องกำจัดและยมบาลตอบสนองเข้มงวดไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด !

นิทาน   :  สมันสุย นายซ่งจือเสียน มีความสามารถทางมายากล เขาจะปล่อยแสงจากที่พักอาศัยให้เห็นเหมือนพุทธรูป ทั้งยังตั้งตนว่าเป็นพระศรีอริยเมตไตรยจุติมาสู่โลก เพื่อฉุดช่วยผู้คน เขาแขวนกระจกที่ห้องโถง ถ้ามีใครมาเยี่ยมเยียน เขาก็จะใช้กระจกส่องผู้มาเยือนถึงอดีตชาติว่าเป็นสัตว์เดรัจฉาน แล้วก็สอนให้ผู้มาเยือนกราบไหว้ก่อนจึงจะเห็นเป็นรูปคน การกระทำของซ่งจือเสียนแบบนี้ทำให้มีคนพากันมาชุมนุมนับพันคน จากนั้นก็เริ่มอาละวาดก่อจลาจล ทางการส่งทหารมาปราบ เขาสร้างภาพนิมิตรอบ ๆ บ้านที่เขาอยู่ว่ามีคูเพลิง คนที่เห็นก็ไม่กล้าเข้าไป นายทหารก็พูดว่า "บริเวณนี้ไม่เคยมีคูเพลิงมาก่อน อันนี้เป็นภาพมายาเท่านั้น !  พวกกองทหารได้ยินแล้วก็พากันเข้าไป ก็ปรากฏว่าไม่ใช่คูเพลิง จึงจับซ่งจือเสียนได้ จับมาแล่เนื้อทีละชิ้นจนตาย

อธิบาย   :  ท่านหยวนโมวอิง สมัยหมิงกล่าวว่า "ผู้ที่มีวิชามาร (ไสยศาสตร์)  ที่ใช้ข่มเหงคนได้แต่ไม่ยอมถ่ายทอดสอนคน บุญตอบสนองของเขาก็จะมาก !  โบราณว่า "ได้วิชาพลางตัว ในสามปีไม่ได้ใช้ ก็สามารถสำเร็จเป็นเซียน ! ยังมีอีก "ชาวเต๋าที่มีวิชา หลอมทอง แต่ไม่ใช้ คน ๆ นี้มีจิตใจสูง สามารถเข้าสู่ธรรมได้"  เพราะคนที่บำเพ็ญจริง จะบ่มเลี้ยงบังแสงฉุดช่วยคนเป็นหลัก ถ้าได้วิชาอะไรมานิดหน่อยก็นำมาหลอกลวงคน แสดงว่ายังเป็นคนที่ตัดไม่ขาดจากชื่อเสียงเกียรติยศ คิดจะเข้าสู่ธรรมยังห่างไกลนัก !  นับอะไรกับคนใช้วิชามารหลอกลวงคน ไม่ต้องพูดถึงเลย !     

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
บทที่หก ชั่วบาป  :  มาตราชั่งวัดตวงโกง

อธิบาย   : 
การใช้มาตราชั่งวัดตวงที่ไม่ได้มาตรฐาน ทั้งนี้เพื่อผลประโยชน์ การกระทำเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องของพ่อค้าแม้ค้าที่ต้องการกำไรมาก  มาตราชั่งวัดตวงล้วนเป็นเครื่องมือเพื่อตีค่าของสินค้าที่ทุกคนยอมรับ  แต่บางคนก็ใช้มาตราชั่งวัดตวงที่โกงในการค้าขาย เช่น ซื้อเข้าได้มากขายออกได้น้อย ศึกษาวิเคราะห์คนที่ทำแบบนี้ก็ต้องการเอาเปรียบเท่านั้น !  พวกเขารู้ไหมว่า โกงเขาครึ่งขีด ตนเองเสียบุญกุศลหนึ่งขีด แล้วคนที่ทำลายเขาจะยังประโยชน์อะไรเล่า ต้องถูกฟ้าดินลงให้โทษได้รับภัยพิบัติต่าง ๆ แต่บางเรื่องเจ้าของกิจการก็ไม่รู้ไม่เป็นใจด้วย ลูกน้องลูกจ้างแอบทำเอง อย่างไรเสีย บาปก็ยังตกสู่เจ้าของ เพราะฉะนั้นเจ้าของต้องตรวจตราให้ดี ๆ

นิทาน   :  ท่านหยงเหมยกง ในสมัยหยวน ประหยัดและซื่อตรงยินดีให้ทาน เครื่องชั่งตวงวัดในบ้านจะมีมาตราฐานอันเดียวกันหมด เขาจะสลักอักษรบนมาตราทุกอันว่า "ออกก็อันนี้ เข้าก็อันนี้ ลูกหลานก็อย่างนี้ตลอดกาล ! ลูกหลานของเขาแต่ละรุ่นก็ตั้งใจเคารพกฏหมาย ลูกหลานแต่ละรุ่นก็เจริญรุ่งเรือง

นิทาน   :  ที่เมืองกวางหลง มีตาเฒ่าหวัง ใช้มาตราวัดสั้นขายผ้า พอตายไปก็เข้าฝันลูกชายว่า "ตอนข้ามีชีวิตใช้ไม้เมตรสั้นโกงคน ท่านยมบาลก็ลงโทษ ให้ข้าไปเกิดเป็นวัวที่บ้านตระกูลเฮ่า หมู่บ้านซีซี ที่ท้องวัวตัวนี้มีอักษรหวังอยู่" ลูกชายของเขาก็ติดตามไปถึงบ้านตระกูลเฮ่า ก็ให้มีแม่วัวบ้านนั้น กำลังตกลูกวัวอยู่พอดี พอลูกวัวออกมาแล้วที่ใต้ท้องของมันก็มีขนสีขาวเหมือนอักษรหวัง ลูกชายจึงซื้อวัวตัวนี้มาที่บ้าน และก็หาอาหารดี ๆ ให้กิน มันก็ไม่ยอมกิน พอให้มันกินหญ้ามันจึงยอมกิน ถ้าให้มันแบกของหนักหรือไปไถนา เจ้าวัวก็ทำท่าสบายใจ ถ้าปล่อยเลี้ยงไว้เฉย ๆ มันก็จะกระโดดและชนดูอาการไม่สบาย เพราะมโนธรรมมืดบอดที่เอาแต่ได้ รู้จักกรรมตอบสนองเช่นนี้ไหม ?.

นิทาน   :  ในสมัยหมิงที่เมืองหยางโจว มีร้านค้าร้านหนึ่งคือ ร้านไต้หนาน ก่อนที่เจ้าของร้านจะสิ้นใจ เขาบอกกับลูกชายว่า "ข้าตั้งตัวได้ก็อาศัยตาชั่งอันนี้ มันทำด้วยไม้ดำตรงไส้กลางกลวงว่างใส่ปรอทเอาไว้ เวลาชั่งออกก็ขยับปรอทเทไปทางหัว เวลาชั่งเข้าก็ขยับปรอทเทไปทางปลาย แบบนี้ซื้อเข้าหนักขายออกเบา นี่แหละคือสาเหตุที่ทำให้ข้ารวย !"   ลูกชายฟังแล้ว ในใจก็กล่าวโทษบิดา แต่ไม่กล้าพูดออกมา หลังจากบิดาตายแล้วก็เผาตาชั่งทิ้ง ควันที่เผาตาชั่งกลายเป็นมังกรดำที่ลอยขึ้นฟ้า ต่อมาลูกชาย 2 คนของเขาตายโดยไม่ทราบสาเหตุ เขาก็ถึงกับพูดว่า "บิดาของข้าใจไม่เป็นธรรมก็ยังมีความสงบสุข แต่ปัจจุบันเขาซื้อเข้าขายออกเป็นธรรมไม่กล้ารังแกผู้อื่น ลูกก็ตายไป 2 คน ธรรมแห่งฟ้าคงพูดยากอย่างนี้ ?." พอพูดจบเขาก้เข้านอน ทันใดก็ฝันว่า ได้ไปที่สำนักทางการ ภายในตำหนักมีหัวหน้าข้าราชการบอกแก่เขาว่า  "พ่อของเธอทำมาค้าขาย ออกเบาเข้าหนัก รังแกคนเอาเปรียบ ถึงแม้ได้ผลประโยชน์มาก แต่ในดวงชะตาของเขาเป็นผู้มีทรัพย์อยู่แล้ว แต่เพราะเขาใจโกงสร้างบาป จึงได้รับโทษจากฟ้า พระเจ้าได้ส่งดาวทำลาย 2 ดวงมาเกิดเป็นลูกของเธอ พอมันโตแล้วก็จะผลาญเงินของเธอ จากนั้นบ้านของเธอก็จะไฟไหม้ ทรัพย์สินก็จะถูกทำลายเกลี้ยง ลูกชายตายหมดไม่มีผู้สืบสกุล เพื่อเป็นการตอบแทนที่พ่อเจ้าสร้างกรรมชั่ว ปัจจุบันเธอได้แก้ไขความชั่วของพ่อเธอ ปิดบังความชั่วของพ่อที่ทำไว้  แล้วก็ทำแต่เรื่องที่เป็นธรรม ทำดีกับทุกคน ด้วยเหตุนี้พระเจ้าจึงได้ทำลายดาวร้าย 2 ดวง เก็บกลับมา อีกไม่นานก็จะเปลี่ยนลูกให้เธอ 2 คน จะทำให้บ้านเธอมีชื่อเสียง เพราะฉะนั้นเธอยังต้องสร้างบุญกุศลให้มากขึ้น อย่าได้ฟุ้งซ่านฝังตนอยู่ในความแค้นเลย !"  หลังจากเขาตื่นขึ้นเขาก็ยังจดจำสิ่งที่พระเจ้ารัชฟ้าบอกแก่เขา ขยันสร้างบุญกุศลในเวลา  3 ปี เขาก็มีลูกชายอีก 2 คน พอพวกเขาโตก็สอบได้ตำแหน่งจิ้นสือ และมีลูกหลานหลายคน เจริญรุ่งเรืองมาก

สรุป  : ท่านจางหงจิ้นพูดว่า "ตอนที่ข้าอยู่กันกวน มีความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกหลานของคน ๆ นี้ เพราะฉะนั้นข้าจึงรู้ละเอียดเรื่องนี้ดี ดังนั้น ข้าจึงไม่พูดถึงชื่อของเขา สาเหตุเพื่อไม่ให้พูดถึงความชั่วที่คนรุ่นก่อนทำไว้นั่นเอง ! "   

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
บทที่หก ชั่วบาป  :  ฆ่าลูกทำแท้ง

อธิบาย   :  ฆ่าลูกคือการทำลายลูกที่กำเนิดออกมาแล้ว การทำแท้งคือฆ่าลูกที่ยังอยู่ในครรภ์
กายคนเป็นสิ่งล่ำค่า การที่จะได้เกิดเป็นคนนั้นยากแสนยากที่มนุษย์ถือกำเนิดเกิดมา เทพเทวาก็ยังให้การเฉลิมฉลอง เทพเจ้าแห่งเตาไฟก็กำหนดดวงชะตา อาจพูดได้ว่าฟ้าดินเคลื่อนไหวจึงถือว่ามีคุณค่ายากแก่การบรรยาย !  ยิ่งเด็กทารกที่เพิ่งคลอดอกกมาเขาเป็นหนี้อะไรกับพ่อแม่หรือ ?. พ่อแม่ที่ใจโหดเหี้ยมบางคนถึงกับฆ่าทิ้งเด็กทารก พวกหญิงที่สำส่อนกับคน พอท้องขึ้นมาก็ทำแท้ง การกระทำเช่นนี้ไม่ต่างอะไรกับสัตว์เดรัจฉานก็ไม่ปาน หมดปัญญาที่จะเยียวยาสั่งสอน !  บางครอบครัวมีฐานะยากจนและมีลูกมาก จึงฆ่าลูกทั้ง ๆ ที่เพิ่งเกิดมา หรือไม่ก็ทำแท้งเสียก่อน พวกเขาควรรู้ว่าบาปกรรมฆ่าคนไม่อาจสำนึกบาปไถ่โทษได้ แม้แต่สัตว์เล็ก ๆ ก็ยังห้ามฆ่าสัตว์ต้องปลดปล่อยชีวิต นับประสาอะไรกับลูกของเรา ! คนที่ชาตินี้ไม่มีลูก หรือมีลูกแล้วพอเลี้้ยงโตก็ตาย หรือลูกตายก่อนพ่อแม่แก่ เหล่านี้ล้วนเป็นผลกรรมตอบสนองที่คนกระทำมาในอดีตชาติ

นิทาน  : 
ขณะที่นายเฉียนปังเหว่ย เป็นนายอำเภอเมืองกุ้ยซีอยู่นั้น เป็นเพราะนิสัยของคนท้องถิ่น ถ้าให้กำเนิดลูกหญิงส่วนใหญ่ไม่อยากเลี้ยงก็ฆ่าเด็กทารกตายเลย บางทีก็ลงโทษกันถึง  5 ครัวเรือน จึงเป็นเหตุให้เด็กทารกรอดพ้นถูกฆ่าตาย ต่อมาภายหลังนายเฉียนปังเหว่ยได้เลื่อนยศเป็นผู้ว่าเมืองติ่งโจ่ว และมีอายุยืนมาก ลูกหลานก็มีความเจริญยิ่ง

อธิบาย  :  คนอย่างเฉียนปังเหว่ย ที่ห้ามไม่ให้ทำแท้ง ฆ่าเด็กทารกจึงมีบุญกุศลมาก ปัจจุบันควรรีบตักเตือนผู้อื่นไม่ให้ทำบาป เช่นนี้ก็จะมีบุญกุศลมาก

นิทาน  :  สมัยก่อนลูกสาวนายเก๋ออิ้ง นางเก๋ออิ่งหงษ์ ถูกผี 2 ตนพาวิญญาณนางไปเที่ยวนรกถึง 18 ขุม เธอดูตั้งแต่แรกจนถึงนรกขุมสุดท้าย มีเจ้าพญายมซึ่งอยู่บนบัลลังก์ ข้างหน้าบัลลังก์ก็มีแม่บ้านจำนวนมากยืนเข้าแถวอยู่ แต่ละคนก็มีเด็กเล็ก ๆ เกาะที่ขาของนางแล้วร้องไห้พูดว่า "เอาชีวิตฉันคืนมา ! พวกแม่บ้านเหล่านี้เป็นเพราะมีลูกมากจึงฆ่าลูกตาย บ้างก็เป็นเพราะครอบครัวยากจน  เลี้ยงลูกไม่ไหวก็ฆ่าทิ้ง บางคนก็อิจฉาเมียน้อยมีลูกจึงบังคับให้ทำแท้ง บ้างเมื่อตั้งครรภ์โดยลักลอบมีเพศสัมพันธ์จึงกินยาทำแท้ง  บ้างเป็นเพราะทะเลาะวิวาทตีกันจนแท้งลูก บ้างก็มีโทสะลูกร้องไห้ไม่หยุดจึงตบตีเหวี่ยงลูกจนตาย บ้างก็เลี้ยงดูลูกไม่ดีทำให้ลูกตาย  ท่านยมบาลจะถามอย่างละเอียด บนตัวของแม่บ้านถูกขื่อแปใส่ไว้  หน้าตาอิดโรยกังวล ร่างกายผ่ายผอม  เห็นแล้วก็น่าสงสาร หลังจากเก๋ออิ่งหงษ์กลับสู่โลกจึงเล่าเรื่องต่าง ๆ ให้บิดาฟัง และพิมพ์เผยแพร่และเขียนไว้บนผนังวัดเทียนหนิงเพื่อเป็นการตักเตือนชาวโลก

นิทาน  :  แม่บ้านหยางเค่อเซิน ยากจนขี้โรคตั้งแต่เด็ก พอแก่ตัวลงยิ่งโหดร้าย นางพูดเองเออเองว่า "เมื่อชาติก่อนเดิมทีเป็นนายแพทย์เวลาตรวจโลกไม่ใส่ใจตรวจถึงสาเหตุของโรค มีอยู่ครั้งหนึ่ง มีแม่บ้านคนหนึ่งพูดว่า ในท้องของนางมีพยาธิตัวยาว ฉันเองก็ไม่แยกแยะตรวจตราให้ถูกต้อง ที่จริงนางมีครรภ์อยู่ จึงให้นางดื่มเหล้าหยวนฮวา ซึ่งจะฆ่าพยาธิให้ตาย ในที่สุด หลังจากนางดื่มเหล้าหยวนฮวาแล้ว ลูกแฝดในท้องก็ตายลง เป็นเพราะฉันวินิจฉัยผิดจึงให้ยาผิด ดังนั้นจึงฆ่าทั้งสามชีวิต เจ้าพญายมจึงลงโทษฐานฆ่าคนตาย หลังจากรับโทษในนรกแล้ว ก็ลงโทษให้ฉันไปเกิดเป็นหญิงชาตินี้เป็นชาติที่สามแล้ว ทุกชาติก็จะยากจนและเป็นทาส ต้องได้รับความหิวโหยยากจนทรมาน หาความสุขไม่ได้เลย ชะตากรรมของฉันอยากจะบอกบรรดานายแพทย์ต้องดูฉันเป็นตัวอย่าง" พอพูดจบนางก็สิ้นใจตาย

สรุป  :  พระเจ้าเหวียนเชียงกล่าวว่า "ลูกไม่กตัญญู กฏสวรรค์ก็มีบทลงโทษอยู่แล้ว ลูกไม่มีความผิดพ่อแม่กลับฆ่าทิ้ง เท่ากับฆ่าประชาชน ถ้าพ่อแม่จะฆ่าลูกของตนเอง แล้วทำไมจึงไม่ยับยั้งความใคร่อยาก ?.  เมื่อกล้าที่จะฆ่าคนไม่สนใจหลักธรรมฟ้า คนแบบนี้ในปัจจุบันจะรับว่าไม่มีหรือ ข้าเห็นเมืองนรก ผีที่รับโทษกรรมมีมากมาย ที่ทำความชั่วเช่นนี้ !  ดังนั้น หวังว่าคนต้องย้อนสำรวจตนและรู้สึกเข้าใจ อย่าให้ตนเองต้องถูกฟ้าลงโทษโดนเร็วเถิด ! "

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
บทที่หก ชั่วบาป  :  ปลอมปนสินค้า

อธิบาย   :
เอาของเก๊ปนไปกับสินค้า ปัจจุบันสินค้าปลอมมีเกลื่อนไปทั่ว ดูเหมือนว่าจะมีมากกว่าสินค้าแท้เสียอีก นี่เพราะจิตใจชาวโลกกำลังเปลี่ยนแปลง !  ไม่ว่าเครื่องดื่มยารักษาโรค โลหะฯ เป็นต้น ดูเหมือนจะหลอกลวงมากขึ้น เพราะใจคนมันตายด้านไปแล้ว ! ตลอดจนธนบัตรปลอมบาปกรรมยิ่งนักขึ้น เพราะฉะนั้นเบื้องบนจึงสงเคราะห์ภัยมาให้และเร็วขึ้นทุกที !

นิทาน  :
ในสมัยชิง รัชสมัยฮ่องเต้คังซี มีพ่อค้าชาฟูเจียน คนหนึ่งชื่อ กู่โหม่ว  อยู่ที่อำเภอเจียนอิน แอบขายเงินปลอม เขาเอาเงินปลอมไปที่ตลาด ไม่มีใครจับได้ว่าเป็นเงินปลอม แต่เงินปลอมอยู่ได้ไม่ถึง 10 วัน ถ้าเลย 10 วัน คุณภาพก็เปลี่ยน แต่นายเกอรู้เรื่องดีจึงเอาทอง 2 ตำลึงไปแลกเงินปลอม 20 ตำลึง จากนั้นก็นั่งเรือกลับบ้าน คืนนั้น ตอนเรื่อผ่านเมืองฮัวทัง ก็เกิดลมพายุขึ้น ทำให้เรือจม ของที่นายกอซื้อมาและข้าวของที่ติดตัวจมน้ำไปหมด ดีที่นายกอว่ายน้ำเก่งจึงรอดมาไม่จมน้ำตาย เหลือแต่ตัวกลับบ้าน แต่นายกู่โหม่วถูกฟ้าผ่าตายในคืนนั้น และเตาหลอมที่ทำเงินปลอม ก็ถูกฟ้าผ่าจนแตกกระจุยไปหมด

อธิบาย  : โอ้ ! น่าชังเสียจริง ๆ นายกู่โหม่วใช้เล่ห์กลหลอกคนถูกฟ้าผ่าตาย เป็นหลักเหตุผลที่ควรเป็นเช่นนั้น แต่นายกอเป็นเพราะเกิดความโลภชั่วขณะจิต จึงสูญเสียทองไป 6 ตำลึงที่ตนมีอยู่ แต่เสื้อผ้าข้าวของไม่รู้มีราคาเท่าไหร่  ถ้าหากทำการค้าถึงระดับนี้ พูดได้ว่าขาดทุนย่อยยับ ถ้าพลาดอีกนิดเดียวชีวิตก็จมอยู่ในสายน้ำ อันตรายเสียจริง ๆ เพราะฉะนั้น พวกคนโกงที่ไม่รู้ น่าสงสารเหลือเกิน ! 

คติพจน์  :  จุดมั่งหมายของการทำการค้าก็เพื่อการดำรงชีวิต !  เมื่อตนเองต้องการดำรงชีวิตให้คงอยู่ แล้วคนอื่นเล่า เขาไม่อยากดำรงชีวิตหรอกหรือ เราต้องการเลี้ยงดูครอบครัว แล้วคนอื่นเขาไม่เลี้ยงดูครอบครัวหรือ ?. นับอะไรกับการหลอกลวงใจตนละเมิดฟ้าดิน การตอบสนองรุนแรง ไม่มีหรอกที่ตัวไม่ตาย ทั้งยังทำลายครอบครัวจบชีวิต ! เพราะฉะนั้น นี่จึงไม่ใช่ใจของคนที่ทำมาค้าขายหรอก !

Tags: