collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: คัมภีร์กรรม ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า : คำนำ  (อ่าน 144121 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                 คัมภีร์กรรม  เล่ม ๒

                   ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า 

                          วิถีสร้างบุญวาสนา ขจัดภัยพิบัติ 

                                     บทที่หก

                                     ชั่วบาป

                          คัมภีร์  :  กล่าวร้ายเพื่อนร่วมเรียน

อธิบาย  :  กับเพื่อนร่วมเรียนที่มีมากมาย แทนที่จะให้ความสนิทสนมกลับติฉินนินทากล่าวร้าย ทำลายชื่อเสียงเกียรติยศของเขา เพื่อนนักเรียนหรือเพื่อนฝูงมีความสัมพันธ์เหมือนกับพี่น้อง เพื่อนเป็นหนึ่งในมนุษย์สัมพันธ์ห้า แล้วจะไปกล่าวร้ายทำลายเพื่อนทำไม เหมือนกับแอบซ่อนอาวุธอยู่ข้างหลัง  พุทธองค์ตรัสว่า "การคบค้าสมาคมกับมิตรระหว่างกัน มีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ 
ข้อที่หนึ่ง  ระหว่างกัน ที่ทำเรื่องชั่ว ต้องช่วยกันตักเตือนประคองห้ามไปทำชั่วอีก
ข้อที่สอง  ระหว่างกัน หากมีการเจ็บไข้ได้ป่วย ควรช่วยเหลือกันสอดส่องดูแลรักษาการเจ็บป่วย
ข้อที่สาม  ระหว่างกัน ถ้ารู้ความลับส่วนตัว ไม่ควรพูดไปสู่บุคคลภายนอก
ข้อที่สี่     ระหว่างกัน ต้องให้ความเคารพนับถือยกย่องซึ่งกันและกัน ไม่ขาดการติดต่อ และก็ไม่จดจำความแค้นเคือง
ข้อที่ห้า   ระหว่างกัน ถ้าฐานะไม่เสมอกัน ก็ควรช่วยเหลือพยุงเกื้อหนุนกัน ไม่ควรกล่าวร้ายทำลายกัน 
        อาจมีผู้ถามว่า  "ภายหลังคบค้าสมาคมกันแล้วจึงพบว่า เขาไม่ใช่คนดี คิดอยากจะตัดขาดไม่สมาคมกัน ก็กลัวว่าจะทำร้ายน้ำใจระหว่างกัน ถ้าไม่ไปตัดการคบกันกับเขา ก็จะเกิดการเคืองแค้นที่คบค้ากับเพื่อนได้"  ท่านจูจื่อตอบว่า "นี่มิใช่เกิดการเคืองแค้นที่คบค้ากับเพื่อนหรอก แต่ในใจมีความเคืองแค้นอยู่ก่อน ต่อหน้าก็แสดงว่าคบค้ากัน อย่างนี้จึงไม่ใช่เกิดการเคืองแค้น !  ถ้าหากเพื่อนไม่ดี มิตรไมตรีก็จะห่างเหินกันบ้าง แต่ต้องค่อย ๆ ห่างเหิน ถ้าหากเขาไม่เสียหายอย่างร้ายแรง ทำไมจึงต้องตัดเขาให้ห่างกันถึงพันลี้เชียวเล่า ถ้าหากใช้ความจริงใจเรื่อย ๆ ไป ก็สามารถจะกล่อมเกลาเขาได้  ทำให้เขารู้สึกสำนึก อย่างนี้จึงจะเรียกว่า ญาติก็ไม่เสียหลักความเป็นญาติ  เพื่อนก็ไม่เสียหลักความเป็นเพื่อน
        ในสมัยหมิง นายหวังหยางหมิงกล่าวว่า "การคบค้าระหว่างเพื่อน การถ่อมตนเป็นสิ่งสำคัญมาก !  เมื่อเพื่อนคบค้ากัน ระหว่างกันต้องบริสุทธิ์ใจ ถ่อมตัว นับถือเก็บความลับระหว่างกัน ส่วนใหญ่ก็คือตักเตือนห้ามปราม ชี้แนะบ้างนิดหน่อย หากแต่จริงใจเตือนกัน ยกย่องสนับสนุนจะมากหน่อย" 
        คุณอุนเจวียะเสี้ยวกล่าวว่า  "คบเพื่อนต้องสรรเสริญความดีของเขา อย่าถือสาด้านเสียของเขา คบกับเพื่อนที่มีนิสัยแข็งกระด้าง ก็ต้องอดทนอารมณ์ร้ายของเขา  เจอะเพื่อนที่นุ่มนวลลอยชาย ก็ต้องอดทนอารมณ์ที่รวนเรของเขา  พบกับเพื่อนที่ซื่อตรงจริงใจ ก็ต้องอดทนอารมณ์ยืดยาดของเขา  พบกับเพื่อนที่ตุ้งติ้งโอบอ้อม ก็ต้องอดทนอารมณ์โกรธง่ายของเขา  เช่นนี้ไม่เพียงได้สิ่งดี ๆ จำนวนมาก และก็เป็นวิธีที่คบเพื่อนที่ดีที่สุด !"

        วิเคราะห์   :  ด้วยเหตุนี้ ต่อมาคนรุ่นหลังจึงมีคำพูดประโยคหนึ่ง เกี่ยวกับการคบเพื่อนตายว่า  "เป็นตายน้ำใจเซียนไต้"  คำพูดนี้ไม่ใช้โอ้อวดเกินเลย ! คุณเซิ้นตงฮ้วงกล่าวว่า  "การกล่าวหาเพื่อนที่ตายแล้วเทียบกับการกล่าวหาเพื่อนที่ยังมีชีวิต หนักหน่วงร้ายแรงกว่า เป็นการทำลายสัตย์ธรรมของมิตรนะ !  ปัจจุบันการคบเพื่อน ต้องถามตนเองว่า สามารถทำได้โดยไม่เปลี่ยนแปลงตราบจนตัวตายได้หรือไม่เล่า !

        สรุป   :  จากนี้ก็จะเห็นว่า การทำร้ายคนอื่น คู่กรณีไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างไร ตนเองเท่านั้นที่ตกต่ำเพราะถูกกรรมตอบสนอง !   

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                  คัมภีร์กรรม  เล่ม ๒

                   ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า 

                          วิถีสร้างบุญวาสนา ขจัดภัยพิบัติ 

                                     บทที่หก

                                     ชั่วบาป

                          คัมภีร์   :  ใส่ร้ายล่อลวง

อธิบาย   :  ใช้วิธีการใส่ร้ายป้ายความผิด หลอกหลวง ปลอมแปลง  ปล่อยข่าวสารไร้สาระไม่มีหลักฐานเรียกว่าใส่ร้าย  มุสาป้ายสี  ให้ร้าย เรียกว่าป้ายความผิด  วางแผนเล่ห์เพทุบาย เรียกว่าหลอกลวง  แอบอ้างฉ้อฉลลวงโลก เรียกว่าปลอมแปลง  รูปแบบทั้งสี่รวมความก็คือ ไม่ซื่อสัตย์ !  ต้องรู้ว่า  "ผู้ซื่อสัตย์คือธรรมแห่งฟ้า  ส่วนความคิดที่ซื่อสัตย์นั้นเป็นธรรมแห่งมนุษย์"  แต่เมื่อละทิ้งความซื่อสัตย์แล้ว ใช้วิธีการใส่ร้าย  ป้ายความผิด  หลอกลวง  ปลอมแปลง  เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่ละเมิดธรรมแห่งฟ้า  ขาดธรรมแห่งมนุษย์ หรือขาดมนุษยธรรม  จิตใจเช่นนี้แย่มาก  การกระทำแบบนี้อันตรายมาก หากเป็นคนแบบนี้ ก็เป็นคนที่มีบุญวาสนาต่ำต้อยที่สุด คนแบบนี้ชาติต่อไปต้องไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน ผีเปรตและผีนรก อยู่ในสามช่องทางไป เขาจะร่วงหล่นไปถึงไหนนั้น  คุณซุนถิงฉวน เมืองเอี่ยะโจว สมัยชิง เป็นคนที่ซื่อ ๆ เรียบง่าย และให้ความจริงใจกับคนอื่น ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม เพราะฉะนั้นฮ่องเต้ซื่อจูสมัยซิงก็มักจะยกย่องเขาว่า ซุนซื่อสัตย์ แต่ละครั้งเมื่อหน่วยงานไหนขาดแคลนคน ฮ่องเต้ก็มักพูดว่า "ก็ให้ซุนซื่อสัตย์ไปแทนก็แล้วกัน !"  เป็นเช่นนี้อยู่ถึง ๓ ครั้ง  ในที่สุดซุนซื่อสัตย์ก็ได้ตำแหน่งเป็นถึงอัครมหาเสนาบดี !  เพราะฉะนั้น ความเป็นคนซื่อสัตย์มีธรรมสูง ก็จะไม่ทำให้เป็นคนผิดหวัง ! 

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                  คัมภีร์กรรม  เล่ม ๒

                   ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า 

                          วิถีสร้างบุญวาสนา ขจัดภัยพิบัติ 

                                     บทที่หก

                                     ชั่วบาป

                           คัมภีร์   :  โจมตีวงศ์ตระกูล

อธิบาย   :  ติเตียนวงศ์ตระกูลและญาติในเรื่องส่วนตัวหรือข้อเสีย ทังยังโจมตีให้เสียหาย  อันที่จิงคนในวงศ์ตระกูลหรือญาติ เราควรให้ความสนิทสนมถึงจะถูก !  ควรมีความรักใคร่จริงใจต่อพวกเขาจึงจะถูก หากตกทุกข์ได้ยากก็ควรร่วมกันค้ำชู ถ้าประสบกับภาวะขาดแคลน ก็ควรช่วยเหลือให้ทันการ ความไม่งามของครอบครัวต้องช่วยกันปกปปิด ถ้าได้รับการเยาะเย้ย ก็ให้ร่วมกันต่อต้าน แล้วทำไมจะต้องแบ่งเขาแบ่งเรามาแย่งชิงกันเล่า  แม้แต่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ยังมาถือสา ตลอดยังช่วยกันปัดแข้งปัดขาระหว่างกัน  ถ้าหากมีโอกาสก็โจมตีตอบโต้ คำคติว่า  "ตัดกิ่งไม้ยังบาดเจ็บถึงแก่น ตักรากขากเท่ากับตัดชีพจรของต้นไม้ ! "  คำพูดนี้มีค่าควรแก่การสังวร

อธิบายเพิ่ม   :  ท่านอันเอาบำเหน็จที่อ๋องฉีประทานให้มาแบ่งปัน โดยเฉพาะบิดาซึ่งเป็นอันดับหนึ่งของวงศ์ตระกูล ต่อไปก็เป็นมารดา ต่อจากนั้นจึงจะเป็นภรรยาและลูก  คนในตระกูล สุดท้ายก็ให้กับคนที่เกี่ยวดองที่ห่างออกไป นี่คือความรักของคนโบราณ ที่พูดว่า  "เอาสิ่งที่รักให้กับที่ไม่รัก !" ท่านอันถือว่าเป็นคนดีอันดับหนึ่ง  ที่มีต่อญาติวงศ์ตระกูล ที่ไม่มีเรื่องความรักความสัมพันธ์เกิดขึ้นเลย

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                    คัมภีร์กรรม  เล่ม ๒

                   ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า 

                          วิถีสร้างบุญวาสนา ขจัดภัยพิบัติ 

                                     บทที่หก

                                     ชั่วบาป

                                อันธพาลไม่การุณย์

อธิบาย  :  คนที่มีนิสัยอารมณ์แข็งกระด้างระเปิดเปิดปังนั้น การกระทำต่อบุคคลสิ่งของของเขา ก็ไม่อาจมีความอบอุ่นละมุน มีความเมตตากรุณาเพียงพอ ท่านขงจื้อกล่าวชมคนที่กล้าแข็งมีความอดทนว่า เพราะว่าเขามีอุดมการณ์แข็งแกร่งตรง  และเป็นผู้มีเหตุมีผล  ส่วนท่านเหลาจื้อที่สั่งสอนคนแข็งแกร่งว่าเพราะว่าเขาเป็นคนโกรธง่าย แพทย์จีนพูดว่าเป็นโรคอัมพาต  คือไม่การุณย์ เพราะว่าคนที่เป็นโรคนี้จะไม่รู้สึกเจ็บแค้น  คนที่ชอบโกรธง่าย เวลากระทำต่อคนอื่นก็จะไม่รู้สึกว่าเจ็บปวดเป็นอย่างไร จึงมักเป็นคนมีวิสัยเพชฌฆาต คนทั่วไปเรียกคนพวกนี้ว่า ใจหินใจเหล็ก  คนแบบนี้จะมีความเมตตากรุณาได้อย่างไร แต่ผลสุดท้ายของการแข็งแกร่ง ไม่มีหรอกที่ไม่ถูกทำลายจนหัก ถ้าหากได้รับการสั่งสอนบ้างสักหลายครั้ง  ก็จะค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นอ่อนนุ่ม ก็ถือว่าเป็นความโชคดีของเขา ! 

อธิบายเพิ่ม  :  คนที่แข็งกล้าแต่โหดเหี้ยม มักไม่ได้ตายดี เหตุผลอย่างนี้ก็ไม่จำเป็นต้องพูด แม้พวกเขาตายแล้วก็ยังต้องตกนรก โดยไม่รู้ว่าอีกนานเท่าไรจึงได้ผผุดได้เกิด เพราะฉะนั้นเมื่อเห็นตัวอย่าง กับความโหดเหี้ยมป่าเถื่อนของเขา จึงควรรู้ตัวตื่นได้แล้ว !                 

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                 คัมภีร์กรรม  เล่ม ๒

                   ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า 

                          วิถีสร้างบุญวาสนา ขจัดภัยพิบัติ 

                                     บทที่หก

                                     ชั่วบาป   

                             ป่าเถื่อนตามอารมณ์

อธิบาย  :  นิสัยที่โหดเหี้ยมป่าเถื่อน  ทั้งยังชอบดันทุรังดื้อร้นคิดว่าตนเองถูกต้อง คนที่มีปัญญาทำงานก็จะรู้จักใช้คนอย่างไร คนที่ไม่มีปัญญาก็จะทำเสียเองทั้งหมด น่าจะรู้ว่าคนโง่เขลาที่ทำเองยังไม่พอ ทั้งยังชอบดื้อรั้นทุรังเอง แบบนี้ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ ! 

พทุธพจน์  :  คนที่โหดเหี้ยมป่าเถื่อนก็เหมือนม้าเลวที่ดุร้าย ซึ่งจะปราบให้เชื่องได้ยาก ถ้าหากเป็นคนโหดเหี้ยมป่าเถื่อนแล้ว ก็มักยึดถือในความคิดเห็นของตนว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องและไม่ยอมคน ถ้าเป็นเช่นนั้น ก็ไม่มีเพื่อนดีเป็นกัลยาณมิตร  หรือมีความรู้อยากเข้าใกล้  ยิ่งหาคนที่ยอมบอกเขาถึงหลักการเป็นคนให้ไม่ได้ เพราะฉะนั้น คน ๆ หนึ่ง ที่ไปก่อเหตุวิบากกรรมเลวร้าย ที่สาหัสสากรรจ์เทียบเท่าเขาคงไม่มีอีกแล้ว !" 

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                 คัมภีร์กรรม  เล่ม ๒

                   ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า 

                          วิถีสร้างบุญวาสนา ขจัดภัยพิบัติ 

                                     บทที่หก

                                     ชั่วบาป

                        คัมภีร์  :  ถูกผิดไม่ถูกต้อง

อธิบาย  :  คนเลวทำชั่วกลับพูดว่าเขาทำถูก คนดีทำดีกลับพูดว่าเขาทำไม่ถูก การกำหนดความถูกผิดแบบนี้ ถือว่าไม่ถูกต้องอย่างยิ่ง  บัณฑิตผู้มีคุณธรรมแท้จริงเป็นผู้มีปัญญาเพียงพอที่สามารถแยกแยอะดีชั่ว เข้าใจเรื่องถูกผิดได้อย่างถูกต้อง  เรื่องถูกผิดนี้ สำหรับบุคคลที่จะเกี่ยวพันเรื่องบุญบาปของแต่ละคน  หากเป็นระดับหมู่บ้านก็จะเกี่ยวพันเรื่องผลได้ผลเสียของหมู่บ้าน ถ้าเป็นระดับชาติก็จะเกี่ยวพันเรื่องความสงบและภัยอันตรายคุกคาม  เพราะฉะนั้น  เรื่องถูกผิดจะไม่ระมัดระวังไม่ได้  หากประมาทปล่อยให้เข้าใจถูกผิดไม่ถูกต้องแล้ว ก็เป็นเรื่องน่ากลัวอันตรายยิ่ง ! 

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                 คัมภีร์กรรม  เล่ม ๒

                   ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า 

                          วิถีสร้างบุญวาสนา ขจัดภัยพิบัติ 

                                     บทที่หก

                                     ชั่วบาป   

                        คัมภีร์ : เข้าหาชั่วหันหลังดี

อธิบาย  :  กับคนชั่วควรหลีกหลบให้ไกล  กลับกันมีใจเข้าหา กับคนดีควรเข้าใกล้ กลับกันมักหันหลังให้ ซึ่งอันที่จริงแล้วไม่สมควรอย่างยิ่ง การมุ่งเข้าหาชั่ว และ หันหลังให้กับดี  เป็นการชักนำตัวให้ตกต่ำเสียชื่อ เพราะฉะนั้น  การหันหลังดีเข้าหาชั่ว ต้องระมัดระวังตัวเป็นอย่างมาก 

อธิบายเพิ่ม   :  ท่านหลูพูดว่า  "สิ่งที่ควรรายงานก็ต้องรายงาน มิใช่เห็นแก่ตัวจึงไปรายงาน  สิ่งที่ควรคัดค้านก็ต้องคัดค้าน อย่างนี้จึงทำเพื่อสาธารณะ  เพื่อประชาชน  เดิมทีก็ไม่มีใครวางแผนเรื่องบุญวาสนาหรือภัยพิบัติ แต่บุญวาสนากับภัยพิบัติก็มาจากเหตุ นี่เป็นการตักเตือนคนที่ไม่ยอม

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                  คัมภีร์กรรม  เล่ม ๒

                   ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า 

                          วิถีสร้างบุญวาสนา ขจัดภัยพิบัติ 

                                     บทที่หก

                                     ชั่วบาป   

                         คัมภีร์  :  กดขี่เอาชอบ

อธิบาย  :  พวกที่รับราชการ วางแผนการณ์บริหารราชการแผ่นดิน ด้วยวิธีรุนแรงกดขี่ประชาชน ด้วยความโลภหาประโยชน์เอาความดีความชอบ  ในความมืดของกลางคืน แสงเทียนมีความดีความชอบในการทำลายความมืดนั้น  น้ำมีความหนาแน่นผลักดันให้เรือลอยอยู่เหนือมันได้ มันมีความดีความชอบในการขนส่ง เมื่อมีน้ำก็มีสะพาน  ความดีความชอบสามารถปรากฏออกมาได้เอง  ตามจริงแล้วก็ไม่ต้องไปหาความดีความชอบเลย !  เพราะฉะนั้น  อะไรก็ตามที่ต้องไปแสวงหาความดีความชอบแล้วละก็  ถ้าเช่นนั้น นายพลกำเริบเหิมเกริม ปล่อยกองทหารออกไปปล้นสะดมภ์ พวกข้าราชการก็เก็บภาษีตามอำเภอใจ  ผู้พิพากษาก็เพิ่มโทษผู้ต้องหาให้หนักขึ้น  เหล่านี้เป็นการกระทำตามใจ โดยไม่มีการไตร่ตรองเลย  เช่นนี้เป็นการรีดนาทาเร้นประชาชน แม้จะได้ชื่อเสียง ความดีความชอบ หารายได้เข้ารัฐได้มาก ผลตอบแทนคือ ได้เลื่อนตำแหน่งเท่านั้นเอง  แต่ว่าจะได้เคราะห์ภัยตามมาเป็นการก่อวิบากกรรม เนื่องจากต้องขูดรีดประชาชน  ทำให้ประชาชนเดือดร้อน  ภัยพิบัติจะไปตกอยู่กับใคร ถ้าไม่ใช่ข้าราชการที่ลุแก่อำนาจออกคำสั่งนั้น 

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                 คัมภีร์กรรม  เล่ม ๒

                   ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า 

                          วิถีสร้างบุญวาสนา ขจัดภัยพิบัติ 

                                     บทที่หก

                                     ชั่วบาป 

                           คัมภีร์   :  ประจบนายพอใจ

อธิบาย   :  ประจบสอพลอเจ้านายเพื่อให้คล้อยตามใจ ผู้มีตำแหน่งหน้าที่การงานที่สูงกว่า ในขณะที่ยังไม่ได้ตัดสินใจ ถ้ามีผู้ตักเตือนก็ยังมีโอกาสเหนี่ยวรั้งกลับมาได้ แต่ในขณะเดียวกันหากมีคนคอยประจบเห็นดีเห็นงามด้วย เขาก็จะตัดสินใจแน่วแน่ยิ่งขึ้น จนถึงขั้นไม่อาจเหนี่ยวรั้งได้อีกแล้ว อย่างนี้ ไม่ใช่แต่ข้าราชบริพารกับกษัตริย์เท่านั้น  ข้าราชการชั้นผู้น้อยประจบเจ้านายที่ปกครองตน ตลอดจนบ่าวประจบเจ้านายเป็นต้น

        ไม่ว่าเจ้านายหรือผู้บังคับบัญชา การงานใด ๆ ควรมีหลักเหตุผลนำไปปฏิบัติ ไม่ควรเห็นแก่ประโยชน์ส่วนบุคคล ทำให้คนมีโอกาสเลยถือโอกาส มาประจบประแจงตนเอง ผู้ใต้บังคับบัญชา  ทำไมต้องแสวงหาชื่อเสียงที่ไม่มีเหตุผล หวังเงินทองที่ไม่ถูกต้องเช่นนั้นเล่า  ควรรู้ว่าการประจบประแจงคล้อยตามให้นายพอใจ  การคุกเข่าประจบนาย  เป็นเรื่องป่วยการ  เป็นการสูญเสียมโนธรรมและคุณสมบัติของตนไปเปล่า ๆ และเป็นการผูกเวรกรรมกับผู้อื่นไม่รู้จักจบสิ้น

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                 คัมภีร์กรรม  เล่ม ๒

                   ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า 

                          วิถีสร้างบุญวาสนา ขจัดภัยพิบัติ 

                                     บทที่หก

                                     ชั่วบาป 

                         คัมภัร์  :  รับคุณทำไม่รู้

อธิบาย   :  ได้รับบุญคุณจากผู้อื่น เพีบงไม่รู้จักขอบคุณตอบแทน กลับลืมคุณเนรคุณอีก  คนสมัยโบราณ เพียงได้รับคุณข้าวมื้อหนึ่งที่เขาบริจาคก็ต้องตอบแทนคุณ ถึงแม้จะไม่มีปัญญาตอบแทน ก็จะจดจำไว้ในใจ คิดจดจำไม่กล้าลืมคุณ ในคัมภีร์จือตู้ว่า  "ได้รับคุณจากผู้อื่น หากไม่รู้จักขอบคุณตอบแทนคนแบบนี้เหมือนสัตว์เดรัจฉานก็ไม่ปาน"  คำพูดประโยคนี้กินใจเป็นอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม ในบรรดาบุญคุณที่เรียกว่า มหาบุญคุณมี  ๔ ชนิด  หนึ่งคือ ฟ้าดิน  สองคือพ่อแม่  สามคือประเทศชาติ  สี่คืออาจารย์   หากเกิดมาแล้วผ่านไปโดยไม่รู้ไม่ชี้  บุญคุณใหญ่  ๔ อย่างคงไม่ได้ตอบแทน แล้วกับบุญคุณเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ได้ตอบแทนแล้ว ก็กลับรู้สึกยิ้มย่องพอใจ  อย่างนี้เรียกว่า ทิ้งต้น จับปลาย  มิใช่เป็นการตอบแทนคุณ 

อธิบายเพิ่ม  :  ภาษิตว่า  "สัตว์ยังรู้ตอบแทนคุณ"  เราจะเห็นสัตว์หลายชนิดตอบแทนคุณในนิทานต่าง ๆ แล้วทำไมเป็นคนแท้ ๆ กลับไม่รู้จักคุณ แถมยังเนรคุณอีกด้วย  เหมือนเสือบ่ออุ้ยทีต้องกลายเป็นวัวไงเล่า ! 

Tags: