คัมภีร์กรรม ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า
บทที่สาม
ตรวจสอบ
คัมภีร์ : ผู้มีความผิด มหันต์ตัดขัยหนึ่งรอบ ลหุตัดขัยร้อยวัน
อธิบาย : ใครก็ตามที่เคยทำความผิดมาแล้ว ก็ยากที่จะหลบเลี่ยงการตรวจสอบของเทพเจ้าได้ คนที่ทำความผิดไว้มากก็จะถูกตัดอายุขัยหนึ่งรอบ คือ ๑๒ ปี คนที่ทำผิดเล็กน้อยก็จะถูกตัดอายุขัยครั้งละหนึ่งร้อยวัน อันนี้เป็นการกำหนดบทลงโทษ ประโยคนี้มีความหมายคือ ตลอดชีวิตของคน ไม่ว่าจะเป็นกาย ใจ หรือครอบครัว ทุกหนแห่งล้วนมีเทพเจ้าคอยตรวจสอบ จุดมุ่งหมายก็เพื่อให้คนระมัดระวัง ภายหลังคนปฏิสนธิขึ้นในครรภ์แล้ว ช่วงอายุขัยจะเพิ่มหรือลดล้วนมีบันทึกไว้แล้ว ท่านไท่ซั่งได้บัญชาให้เทพเจ้าทั้งหลายว่า "พวกท่านที่เข้าตรวจสอบความดี ความชั่วของคน ต้องกำหนด ๓ วันพูดหนึ่งครั้ง ๑๐วันกราบทูลครั้งหนึ่ง ๑๐๐ วัน หนึ่งสรุปยอดครั้งหนึ่ง หากเป็นการทำความดีสร้างกุศล คน ๆ นี้ก็สามารถที่จะยึดอายุให้ยาวขึ้น หากเป็นการทำชั่วก็ให้ตัดทอนอายุขัยทันที" เพราะฉะนั้น โทษเบาโทษหนัก ก็ตัดทอนร้อยวันหรือหนึ่งรอบ ซึ่งมีความแตกต่างกันอย่างมากนะ !
นิทาน ๑ : ในสมัยราชวงศ์หมิง มีพระภิกษุนิกายเทียนไถ คือ พระธรรมาจารย์หวังปี้หยู ในสมัยหนุ่มเขาสามารถสอบบรรจุรับราชการได้ จึงถูกส่งไปเป็นนายอำเภอชินจิน เขาเป็นผู้รักษาศีลมาแต่เด็กแล้ว เขาจะไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักขโมย ไม่ละเมิดกาม ไม่พูดหลอกลวง ศีล ๔ ข้อนี้เขารักษามาตลอด จนกระทั่งเข้ารับราชการเขาก็เลิกรักษาศีล ต่อมาเขาได้รับคำสั่งให้เ้ข้าเฝ้า เขานั่งเรือมาในระหว่างทาง ขณะที่เรือแวะพักที่ทะเลสาบบู่หู วิญญาณถูกยมทูตพาไปยังยมโลก เขาเห็นเจ้ายมบาลนั่งอยู่บนบัลลังก์ใหญ่ ข้าง ๆ มียมทูต ๒ ตนอยู่ซ้ายขวา เจ้ายมบาลเรียกชื่อของเขา และก็ดุใส่เขาว่า "หวังปี่หยู อายุขัยของเจ้าจบลงแค่เดือน ๘ เมื่อปีก่อนเท่านั้น แต่ที่ยังมีชีวิตอยู่ถึงตอนนี้ ก็ด้วยแรงกุศลที่ถือศีลเจมา แล้วทำไมตอนนี้จึงเลิกเสียเล่า" เจ้ายมบาลพูดจบก็สั่งให้ยมทูตนำสมุดบันทึกให้หวังปี่หยูดู หวังปี่หยูเห็นชื่อเขาและบันทึกรายการของวันเดือนปีต่าง ๆ แต่พอถึงเดือน ๘ ปีกลาย ก็จบลง เขาเห็นแล้วก็ก้มกราบยมบาลว่า "ตอนรับราชการไม่มีความสะดวกในการกินเจ เลยเลิกถือศีลเจ อันนี้เป็นเพราะจำใจ" เจ้ายมบาลว่า "เจ้าพูดพอมีเหตุผลบ้าง แต่อายุขัยของเจ้าหมดแล้ว" พูดจบก็สั่งให้ยมทูตนำเขาเข้าไปในนรก ตอนนี้ผีร้ายต่าง ๆ ก็รุมเข้ามา ทำท่าจะเข้ามาจับอย่างนั้น ขณะนั้นยมทูตที่นั่งอยู่ข้างซ้ายของยมบาลก็พูดขึ้นว่า "หากไม่เป็นไรก็เอาเรื่องต่างๆ ที่หวังปี่หยูเลิกถือศีลมาสำรวจดูบ้าง" ไม่นานนัก เหล่าสมุนยมทูตกนำเอาหีบใหญ่ ๆ ๒ หีบยกมา ล้วนเป็นงานที่หวังปี่หยูทำภายหลังรับราชการ ไม่ว่าจะเป็นจดหมาย หรือบทความ หรือข้อเขียนต่าง ๆ ในแต่ละวัน ล้วนปรากฏมีปราณกระเพื่อมขึ้นมา บ้างสีเขียว สีดำ สีแดง สีขาว แตกต่างกัน เจ้ายมบาลสั่งให้แยกเป็นพวก ๆ แล้วตรวจสีเขียวกับสีดำก่อน วางไว้กองหนึ่ง ต่อไปตรวจสีขาวแล้ววางไว้อีกกองหนึ่ง ตรวจดูสีแดงแล้วไว้ที่เดียวกัน ตอนนี้สีเขียวอันตธานหายไป สีดำก็หดเล็กจนเหลือแค่ตะเกียบอันหนึ่ง ส่วนสีแดงกลับปรากฏเด่นชัดขึ้น หวังปี่หยูเห็นกองสีแดงชัดเจน ที่แท้เป็นบทวัชรปรัชญาปารมิตาสูตร คัมภีร์ปฏิสนธิดี เมื่อสมุนยมทูตตรวจเสร็จ ตอนนี้น้ำเสียงของเจ้ายมบาลนุ่มนวลขึ้นจึงพูดกับยมทูตซ้ายมือว่า "เอ้อ ! เจ้ายังรู้จักสั่งสมบุญกุศล พอมีเหตุผลให้มีชีวิตอยู่ ถ้าอย่างนั้นก็ให้ทำลายอวัยวะของเขาให้กายสังขารเขาอยู่ได้ ให้เขามีชีวิตอยู่ต่อไปเถอะ ! พูดจบก็ให้สมุนยมทูต เข้ามาควักลูกตาสองข้าง แล้วเอาวางไว้บนหัวเสาบนบัลลังก์ แวตาก็ยังแวววับส่องได้รอบ ๆ ตอนนี้หวังปี่หยูนึกขึ้นได้ "ตาของฉันถูกควักออกไป จะมองเห็นได้อย่างไร" แค่พริบตาเขาก็เป็นลมล้มลง ยมบาล ยมทูตก็หายวับไป ต่อมาก็มีใครตบหลังเขาเบา ๆ พูดว่า "หวังปี่หยู เดินเถอะไปได้แล้ว ! " แพล็บเดียวเขาก็ล้มลงตกใจตื่นขึ้นมา วันรุ่งขึ้นตาเขาก็บอดทั้งสองข้าง ดังนั้น เขาจึงละทิ้งครอบครัวไปปฏิบัติธรรม ต่อมาเขาก็บรรลุธรรม ตาทั้งสองก็กลับมองเห็นได้อีก หวังปี่หยูก็ออกจาริกไปทั่ว เห็นสัจธรรมประจักษ์แจ้ง บำเพ็ญวิถีมหาเมตตา จึงมีชีวิตต่อมาอีก ๑๒ ปี จากชีวะประวัติของหวังปี่หยู นอกจากปราชอริยเจ้าแล้ว คนต้องรู้ว่าแต่ละวันไม่มีหรอกที่ไม่ทำผิด หากสามารถหันกลับแก้ไขเปลี่ยนแปลง ก็สามารถแก้ไขความผิดได้ มิฉะนั้นแล้วเหตุที่ก่อไว้อยู่ไม่ไกลนักหรอกทั้งวิบากกรรมที่สร้างเพิ่มอีกในภายหลัง แม้จะมีบุญตอบสนองที่มีมากหรือลูกหลานมีมากก็ตามเถอะ เมื่อลมหายใจขาดผึงลง อะไร ๆ ก็เอาติดตัวไปไม่ได้ มีแต่เวรกรรมที่ตนทำเอาไว้ติดตามตัวไป ตอนนั้นก็จะเห็นเจ้ายมบาลตรวจสอบก็ทุกข์ลำบากเสียแล้ว สมบัติเอาไปได้ไหม ลูกหลานรับหนี้แทนเธอได้ไหม เราต้องคิดใคร่ครวญให้ดี ๆ !
นิทานที่ ๒ : ในสมัยราชวงศ์ซ่ง นางหูจงสิ้ง มีฐานะร่ำรวยและชอบบริจาคมาก แต่พออายุได้ ๓๕ ปี เขาก็ล้มป่วยกะทันหัน การเจ็บป่วยทรุดหนักจนอันตราย ทั้งตนเองก็พูดถึงเรื่องยมโลก เขาได้พบกับเพื่อนเก่า ๆ หลายคนถามเขาว่า "ท่านผู้มีพระคุณ ! ทำไมท่านจึงมาถึงที่นี่เล่า ! เพื่อนเก่า ๆ ต่างพากันช่วยก้มคำนับต่อยมทูตตนหนึ่งเพื่อไต่ถาม ยมทูตพูดว่า "หูจงสิ้ง คนนี้เดิมทีมีดวงชะตาเป็นผู้อดอยากเพราะว่าเขาเป็นผู้ชอบช่วยเหลือคนอื่น เพราะฉะนั้น จึงตั้งตัวได้และจะมีอายุขัยถึง ๕๙ ปี แต่ว่าตนเองไม่จุดธูป นอนดึก บุ,กุศลหมดสิ้นแล้วตอนนี้" เพื่อนเก่ายังพูดว่า "ไม่จุดธูปเพราะใจไม่เคารพฟ้าดิน นอนดึกเพราะมีใจหมกมุ่นในกาม ทำไมจึงว่าเป็นเรื่องที่ผิดเล็ก ๆ " พอพวกเขาได้ยิน ต่างพากันตกใจมองมาทางหูจงสิ้งแล้วพุดว่า "ผู้มีบุญกุศลเช่นหูจงสิ้ง เป็นเพราะแค่เรื่อง ๒ เรื่องก็ถูกตัดอายุขัย แล้วคนทั่ว ๆ ไปจะปล่อยปละละเลยตนเองได้หรือ" ต่อมาไม่นานนัก หูจงสิ้งก็ตายไป
สรูป : ควรรู้ว่าอายุขัยเป็นสิ่งที่คนได้มาด้วยยาก มักถูกตัดอายุขัยไปโดยไม่รู้ตัว เพราะฉะนั้นท่านไท่ชั่งจึงสอนหลักธรรมเหล่านี้ให้ฟังก็เพื่อตักเตือนชาวโลก ต้องสนใจระมัดระวังความคิดของตน อย่าได้คิดผิดไปนิดเดียว บุญวาสนาที่สามารถเสวยได้ก็จะหลุดลอยไป ท่านไท่ชั่งมีมหาเมตตาต่อชาวโลกเสียจริงเลย