collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: คัมภีร์กรรม ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า : คำนำ  (อ่าน 144129 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                    คัมภีร์กรรม  เล่ม ๓

                   ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า 

                          วิถีสร้างบุญวาสนา ขจัดภัยพิบัติ 

                                     บทที่หก

                                     ชั่วบาป 

                           คัมภีร์   :  เคี่ยวเข็ญประชาชน

อธิบาย  :  เคี่ยวเข็ญประชาชน เห็นราษฏรเหมือนวัวควาย ใช้งานไม่สงสารเอ็นดู ประชาชนหมายถึงราษฏรทั้งหมด มีใครบ้างไม่คิดถึงตนเอง อยากได้ความสุขสบายและมั่นคง หากต้องการให้ตนเองมีความสุขและมั่นคง แต่ใจอำมหิตบังคับราษฏรให้ทำงานหนักเพื่อตน โดยไม่รู้ว่าประชาชนมีความทุกข์เหน็ดเหนื่อย อย่างนี้เป็นการกระทำที่ไม่มีความกรุณา

        สมัยซุนชิว (ยุคสามก๊ก) ศิษย์ของท่านขงจื่อ หยวนหยุนได้รายงานท่านติงกงว่า "อริยกษัตริย์ต้าซุ่นสมัยโบราณ มีความสามารถใช้ราษฏรอย่างแยบคลาย ไม่ทำให้ราษฏรเข้าใจว่าถูกเคี่ยวเข็ญจนเหน็ดเหนื่อย ขณะที่ต้าซุ่นครองราชย์อยู่นั้น ภายในประเทศจะไม่มีบันเทิง ถ้าไม่มีงานให้ประชาชนทำในสมัยโจวกษัตริย์หนี้หวัง คนขับรถม้านายเจ้าฝู่ซ่าน ม้าที่เจ้าฝู่ซ่านเลี้ยงเอาไว้ ไม่มีตัวไหนได้ว่างพักเลย ควรรู้ว่าเมื่อนกหิวก็จะจิกไปทั่ว สัตว์หิวก็จะตระกายสุดชีวิต คนจนหิวก็จะกลายเป็นคนโหดร้าย ม้าเหนื่อยก็จะไม่ยอมวิ่ง แต่โบราณมาถึงปัจจุบัน ไม่มีรัฐบาลไหนที่สามารถเคี่ยวเข็ญราษฏรโดยไม่มีอันตรายได้ ! 

นิทาน  :  สมัยฮั่น เริ่มตั้งราชวงศ์ใหม่ ๆ ก็มีปัญหากับชนเผ่าโชงหนู ตามชายแดน มหาอำมาตย์หวังฮุย คิดอยากได้ผลงานปราบปรามชายแดน จึงเสนอฮ่องเต้ว่า "สามารถอาศัยช่วงเวลาผลัดแผ่นดินทำญาติดีกับพวกโซงหนู โดยใช้แผนหลอกด้วยเงินทอง ทำไมตรีก่อน ภายหลังซ่อนกองทหารไว้ภายในป่าเป็นการล่วงหน้า แล้วโจมตีหนักก็จะสามารถพิชิตทหารของโซงหนูได้  ก็จะหมดเสี้ยนหนามตามชายแดนได้"  เหล่าอำมาตย์ไม่เห็นด้วย หวังฮุยก็ำพยายามผลักดันแผนจนฮ่องเต้คล้อยตาม ให้กองทหารไป ๓ แสนนาย หลบซ่อนไว้ในป่าหุบเขา แล้วก็ส่งสอดแนมเข้าไปชักนำพาพวกโซงหนูให้เข้าไปในค่าย เพื่อจะได้ใช้กองกำลังโจมตี ปรากฏว่าความลับถูกเปิดเผยเข้าหูฝ่ายตรงข้าม ฝ่ายโซงหนูก็ถอยทหารออกจากค่ายไปเฝ้าอยู่นอกค่าย ทหารฝ่ายฮั้นไล่ตามไม่ทัน ทำให้ทหารมัารบล้มตายไปจำนวนมากหลายหมื่น เงินทองเสบียงก็สูญเสียไปไม่น้อย พวกราษฏรเหล่าทหารก็กล่าวโทษหวังฮุย ฮ่องเต้พิโรธมากมีคำสั่งลงโทษหวังฮุยให้ฆ่าตัวตาย จากนั้นมา บริเวณชายแดนก็ปะทะกันเรื่อยมา นายทหาเหวยชิงและเซียซี่ปิง นำกองทหารรบกับโซงหนู นองเลือดไม่จบแม้ว่าหวังฮุยจะตายแล้วและภาระก็ยังคาราคาซังอยู่ !" 

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                     คัมภีร์กรรม  เล่ม ๓

                   ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า 

                          วิถีสร้างบุญวาสนา ขจัดภัยพิบัติ 

                                     บทที่หก

                                     ชั่วบาป 

                           คัมภีร์   :  ทำลายครอบครัวเขาเพื่อชิงเอาทรัพย์สิน

อธิบาย   :  ทำลายบ้านคนมีเงินเพื่อฉกเอาทรัพย์สินเงินทอง การทำให้ของ ๆ ผู้อื่นเสียหาย แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม บุญกุศลของเราก็เสียหายไปด้วย นับประสาอะไรที่คิดจะไปแย่งชิงเงินทองของผู้อื่น โดยเฉพาะการใช้กลอุบายไปทำลายครอบครัวผู้อื่น !  หรือใช้อิทธิพลไปแย่งชิงเขาเอาดื้อ ๆ ทั้งยังมีกฏหมายควบคุมอยู่ โทษบาปที่กระทำก็หนักมากน่ะ !  โทษบาปจะฉกาจฉกรรจ์แค่ไหนเล่า ?. ถ้าใช้กฏหมายในโลกมาเปรียบก็ฉกาจฉกรรจ์กว่า ๕ เท่า เพราะว่ากลอุบายหนักกว่าการกระทำผิดที่เห็น ๆ เพราะฉะนั้น ทางยมโลกกฏลงโทษจะหนักกว่ากฏหมายทางโลก

นิทาน   :  ทางแถบตะวันตกของเจ๋อเจียง ในสมัยหยวน มีครอบครัวหนึ่งร่ำรวยมาก พี่น้องเกิดทะเลาะกันหลังบิดาเสียชีวิต นายหมี่สินฟู อาศัยโอกาสสอนพี่น้องสองคนไปฟ้องศาล ในที่สุดครอบครัวก็ถูกทำลายและถือเอาสมบัติทั้งสองมาเป็นของตน มาถึงตอนนี้ทั้งสองคนจึงรู้สึกเสียใจ ด้วยเหตุนี้ก็อัดอั้นกลุ้มใจจนตายไป นายหมี่สินฟูร่ำรวยอยู่จนถึง  ๒๐ ปี พอถีงสมัยหยวน นายหมี่สินฟูพัวพันกบฏ จึงถูกจับไปที่อำเภอ พอพบนายอำเภอซิ่ว หน้าตาคล้ายคนน้องที่ทะเลาะกัน จึงตกใจกลัวมาก เมื่อถูกนายอำเภอขู่เข็ญก็รับสารภาพผิด ถูกบังคับให้ขายสมบัติหมดสิ้นจึงพ้นโทษ นายหมี่สินฟูโกรธไม่หยุด เมื่อรู้ข่าวว่าผู้ว่าการจะเดินทางผ่านมาที่อำเภอ จึงเข้าร้องเรียนผู้ว่า บังเอิญผู้ว่าเป็นพี่ชายนายอำเภอ เขาจึงถูกจับมาเฆี่ยนตีรับโทษจนยอมรับสารภาพ เหตุนี้ ครอบครัวทั้งหมด ๘ คน จึงถูกจับและตายในคุก

สรุป   : โอ้ !  เสี้ยมสอนให้เขาค้าความ เป็นกลอุบายลับคนไม่รู้ ถึงแม้เป็นบาป ๕ คะแนน ก็ถือเป็นบาปเทียบ ๑๐ คะแนนของการกระทำผิดเห็นชัด ๆ

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                      คัมภีร์กรรม  เล่ม ๓

                   ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า 

                          วิถีสร้างบุญวาสนา ขจัดภัยพิบัติ 

                                     บทที่หก

                                     ชั่วบาป 

                           คัมภีร์   :  ปล่อยน้ำวางเพลิงเพื่อทำลายประชาชน

อธิบาย   :  การปล่อยน้ำวางเพลิงเพื่อทำลายที่อยู่ของประชาชน คนโชคไม่ดีพบกับอัคคีภัยหรืออุทกภัย ที่เจ็บปวดทุกข์จนทนได้ยากยิ่งแล้ว ทำไมหนอจึงทนปล่อยน้ำวางเพลิงเพื่อทำชั่วเช่นนี้ บ้านช่องที่อยู่อาศัย เมื่อถูกไฟทำลายล้างทรัพย์สินในบ้านก็สูญไปด้วย  บางครั้งชีวิตคนและสัตว์ก็ต้องตายลง การทำลายล้างแบบนี้ใหญ่หลวงนัก บาปกรรมที่ทำถือว่าหนักหนามาก เพราะฉะนั้น การปล่อยน้ำวางเพลิง ถือว่าฟ้าดินรับไม่ได้ ! 

        ท่านอูเถี่ยวเจียว กล่าวว่า  "การขุดร่องชักน้ำจากแม่น้ำเข้าสระ ระดับน้ำควบคุมลำบาก เหตุนี้จึงคิดผิดไปพังเขื่อนริมน้ำ การจุดประทัดเปลวไฟจากประทัดปลิวตามลม จนทำให้บ้านติดไฟก็ได้ ความผิดแม้จะโดยประมาท แต่ก็ทำความเสียหายให้แก่ประชาชน เพราะฉะนั้นต้องเสียใจสำนึกผิดรักษาศีล !

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                   คัมภีร์กรรม  เล่ม ๓

                   ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า 

                          วิถีสร้างบุญวาสนา ขจัดภัยพิบัติ 

                                     บทที่หก

                                     ชั่วบาป 

                           คัมภีร์   :  ทำลายแผนการณ์ให้เขาล้มเหลว

อธิบาย   :  ทำให้แผนการณ์เขาสับสนยุ่งเหยิง เพื่อทำลายกิจการให้เขาล้มเหลว  แผนการณ์ก็เหมือนกับแผนงานของรัฐบาล  การศึกษา  กฏหมาย  คำสั่งฯ  ซึ่งก็เกี่ยวข้องกับผลได้ผลเสีย ความปลอดภัยและอันตราย คนพาลใจแคบก็จะอิจฉาความสำเร็จของผู้อื่น ก็จะทำให้สับสนยุ่งเหยิง จนทำให้งานเสียหาย แผนการณ์ก็พังทลาย พวกเขาไม่รู้ว่าการทำลายความสำเร็จของผู้อื่น ก็เท่ากับทำลายสังคม ประเทศชาติด้วย ทำให้ประเทศขาดความมั่นคง ความชั่วบาปชนิดนี้ถือว่าร้ายแรงมาก เพราะฉะนั้น บาปกรรมจึงหนักมาก แม้ว่าการทำให้บุคคลหนึ่งหรือครอบครัวหนึ่งวุ่นวายยุ่งเหยิงก็ตาม ก็เป็นการทำลายหลักธรรมฟ้า บาปไม่น้อยเลย       

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                  คัมภีร์กรรม  เล่ม ๓

                   ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า 

                          วิถีสร้างบุญวาสนา ขจัดภัยพิบัติ 

                                     บทที่หก

                                     ชั่วบาป 

                           คัมภีร์   :  ทำลายเครื่องมือไม่ให้เขาใช้

อธิบาย   :  จงใจทำลายเครื่องมือเครื่องใช้ของผู้อื่นให้เสียหาย ทำให้เขาใช้งานไม่ได้ เครื่องใช้ หมายถึง เครื่องมือทำมาหากิน เช่น ปากกา  ดินสอของนักเขียน มีดพร้าของคนใช้ตัดฟืน  จอบเสียมของเกษตรกร  ขวานสิ่วเลื่อยของช่างไม้  และเครื่องเรียนต่าง ๆ ของใช้บางอย่างแม้จะเล็กแค่ไหน แต่เมื่อถึงคราวต้องใช้ก็จะเห็นความจำเป็นของมันแล้ว เมื่อทำลายแล้วทำให้คนอื่นใช้การไม่ได้ การกระทำเช่นนี้น่าเจ็บใจนัก จิตใจคนแบบนี้แย่เอามาก ๆ เลย

นิทาน   :  แถบแม่น้ำหยุยตอนใต้ มีคนสองคนต้องอาศัยเรือทำมาหากิน คนหนึ่งแซ่เฉิน  อีกคนแซ่อวี่  เรือของคนแซ่เฉินขับเคลื่อนคล่องแคล่ว จึงหาเงินได้มาก  คนแซ่อวี่จึงรู้สึกอิจฉาเขา จึงมักจะแอบทำลายเครื่องมือบนเรือของเขาบ่อย ๆ  ทำให้เรือของเขาใช้การไม่ค่อยดี  คืนวันหนึ่ง คนแซ่อวี่จึงแอบขึ้นไปบนเรือของคนแซ่เฉินแล้วก็หักพายของเขาหัก  แต่เขากลัวคนจะมาเห็นตอนใกล้สว่าง จึงรีบถอยเรืออกไป แต่พอเรือมาถึงกลางลำน้ำเรือเกิดพลิกคว่ำ นายเฉินได้ยินเสียงคนในลำน้ำร้องขอความช่วยเหลือ เขารีบไปที่เรือของเขาเพื่อพายออกไปช่วยเหลือ แต่พายหักแล้วจึงพายเรือไม่เคลื่อน ได้แต่เบิ่งตามองดูคนแซ่อวี่จมน้ำตาย

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                    คัมภีร์กรรม  เล่ม ๓

                   ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า 

                          วิถีสร้างบุญวาสนา ขจัดภัยพิบัติ 

                                     บทที่หก

                                     ชั่วบาป 

                           คัมภีร์   :  เห็นเขาได้ดีหวังเขาฉิบหาย

อธิบาย   :  คนใจแคบเห็นคนอื่นร่ำรวยมีเกียรติยศ ก็อยากให้เขาฉิบหาย หรือไม่ก็ให้ถูกไล่ออกจากข้าราชการ หรือถูกย้ายไปที่ธุรดันดาร คนที่มีบุญวาสนา มิใช่ได้มาโดยบังเอิญ นั่นเป็นเพราะชีวิตในอดีตได้สั่งสมบุญกุศล และเพราะบรรพชนเขาได้สร้างสมบุญกุศลเอาไว้ด้วย เขาจึงมีสภาพเช่นนี้ เพราะฉะนั้น เวลาเห็นคนอื่นมีบุญวาสนา ควรต้องมีใจอนุโมทนาชื่นชม มิใช่ชื่นชมบุญวาสนาของเขา แต่อนุโมทนาที่เขาได้สร้างสมบุญกุศลมาแต่ปางก่อน หากหวังให้เขาพ้นตำแหน่งตกต่ำ นั่นมิใช่มองเขาจากที่มุมถูกต้อง หากแต่มองเขาด้วยใจร้าย หวังให้เขามีสภาพเหมือนตัวเราอย่างนี้ไม่ถูกต้อง นี่คือสภาพจิตใจของคนพาลใจแคบ ไม่เพียงแต่อิจฉาริษยา หากแต่โง่เขลา  อันที่จริง การกระทำเช่นนี้สำหรับคนอื่นแล้วไม่มีอะไรเสียหาย แต่ทำให้ตนเองเกิดสร้างกรรมชั่ว ยิ่งทำให้ตนเองยากจนยิ่งตกต่ำก็เท่านั้น

นิทาน   :  ในสมัยถัง นายหลิ่วจงหยวน  และหลิวม่งเต๋อ ถูกไล่ออกจากราชการ ความจริงเกิดจากอู่หยวนเหิงกลั่นแกล้ง ต่อมาภายหลังอู่หยวนเหิงก็ถูกโจรฆ่าตาย โดยที่หลิ่วจงหยวน กับ หลิวม่งเต๋อ สองคนกลับปปลอดภัย  คนที่มีอำนาจมีสิทธิที่กุมชะตาผู้อื่น คิดจะโยกย้ายข้าราชการผู้อื่น เห็นผู้อื่นเหมือนปลวกมดที่ไร้ค่า หารู้ไม่ว่าเพียงแค่พริบตาหัวตัวเองก็รักษาไว้ไม่อยู่ ส่วนคนที่ถูกมองเป็นมดปลวกก็ได้แต่นั่งดู หัวเราะว่าเขาก็มีวันนี้ด้วยหรือ ! 

นิทาน   :  หวังเป่าเหวิน เป็นข้าราชการซื่อสัตย์ในสมัยซ่ง มีคุณธรรมสูง เขาเคยพูดว่า "ตั้งแต่ฉันรับราชการมา ทุกครั้งที่ทำหน้าที่พิพากษา ต้องเนรเทศคน ฉันก็แอบหาที่ดีพอสำหรับคนที่ถูกเนรเทศ"  มหาอำมาตย์เจ่อหยง  แต่ละครั้งที่ต้องเนรเทศข้าราชการที่ทำผิดไปที่ไกล ๆ โดยเฉพาะในที่ทุรกันดารมาก ๆ เขาจะหยุดถือปากกาอยู่นาน และพูดว่า  "ข้าเคยไปยังสถานที่เหล่านั้นมาแล้ว สถานที่เหล่านั้นทุรกันดารมาก ลมฟ้าอากาศไม่ดี ส่วนใหญ่ไปแล้วก็ล้มตาย เพราะฉะนั้น ต้องเลือกสรรสถานที่มีดินน้ำเหมาะสมที่จะอยู่ได้ ค่อยเนรเทศข้าราชการทำผิดไป !" ทั้งยังเสนอแนะต่อฮ่องเต้ จนกลายเป็นฏกหมายของราชสำนักไป นี่คือคนที่มีใจกรุณาโดยแท้   

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                   คัมภีร์กรรม  เล่ม ๓

                   ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า 

                          วิถีสร้างบุญวาสนา ขจัดภัยพิบัติ 

                                     บทที่หก

                                     ชั่วบาป 

                           คัมภีร์   :  เห็นเขาร่ำรวยอยากให้เขาล้มละลาย

อธิบาย   :  เมื่อเห็นบ้านคนอื่นมั่งมีศรีสุข ก็อยากให้เขาล้มละลายฉิบหายในทรัพย์ หารู้ไม่ว่าคนที่ร่ำรวยก็เพราะตัวเขาสั่งสมบุญมา อีกทั้งบรรพบุรุษก็ได้สั่งสมบุญบารมีมาด้วย จึงเป็นผลบุญตอบสนอง ถ้าหากมัวแต่อิจฉาผู้อื่นร่ำรวย อยากให้เขาล้มละลาย คิดดูซิว่านั่นเป็นคนประเภทไหน ! แม้แต่คนโง่ก็จะไม่ควรคิด หลักธรรมธรรมดาก็ยังไม่เข้าใจ เราจะไม่ลองหวนคิดดูสักนิด ถ้าหากฉันร่ำรวยบ้างแล้วคนอื่นอยากให้เราล้มละลาย แล้วใจของเราจะเป็นอย่างไรถ้าหากใจเรารู้สึกโกรธเคือง ก็จะรู้ได้ว่าใจของคนอื่นก็เหมือนเรา จะรู้สึกโกรธเคืองแค้น !  เมื่อใจคนอื่นยังรู้สึกโกรธเคือง แล้วใจของฟ้าจะไม่พลอยโกรธเคืองไปด้วยหรือ ?.  เพราะฉะนั้น เรื่องแบบนี้ควรที่จะแยกพิจารณาเป็นสามประเด็น

        อันที่หนึ่ง   คนที่มีเงินร่ำรวย เป็นเพราะชีวิตชาติก่อนต้องทำเรื่องเป็นประโยชน์กับคนอื่นไว้มาก ต้องสร้างบุญสร้างกุศล ชาติปัจจุบันจึงได้ผลบุญตอบสนอง อย่างนี้จึงมีค่าที่พวกเราควรเอาอย่าง จะไปอิจฉาพวกเขาได้อย่างไร ?.
        อันที่สอง    ความร่ำรวยอาจเกิดจากเขาสู้อดทนเหน็ดเหนื่อยทำมาหากินค้าขาย มัธยัสต์เก็บสะสมมาจนร่ำรวย ถึงแม้เขาได้สร้างเหตุแห่งความมั่งมีแต่ชาติก่อน แต่มาชาติปัจจุบันเขาได้รับความลำบากมาไม่น้อย ควรที่จะสงสารเขาต่างหาก จะไปอิจฉาเขาทำไม ?. 
        อันที่สาม   หากเขาร่ำรวยได้เงินทองจากความไม่ถูกต้อง แม้ร่ำรวยแล้วก็ขาดความเมตตา อย่างไรก็ตาม การรวมเข้าและการแยกออกเป็นอนิจจัง นะ !  เช่น อุทกภัย  อัคคีภัย  โจรปล้น  การทะเลาะกันของคนในบ้าน  หรือลูกไม่รักดี  การเจ็บป่วย  หรือมีคดีความติดตัว ฯลฯ เป็นต้น  สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสาเหตุทำให้เงินทองร่อยหรอ

        นี่คือ การกระทำให้ล้มละลายด้วยตัวของเขาเอง แล้วทำไมต้องไปอิจฉาเขาเล่า หากทำได้ตามทั้งสามข้อความคิดเห็น ใจก็จะสงบลงได้ 

นิทาน   :  ที่เมืองหงเสี้ยบ มีคนหนึ่งชื่อ โจวอี่ฟู  ร่ำรวยมากแต่ไม่ประหยัด แถมยังนิสัยเกกมะเหรกอันธพาล ทำเรื่องแต่ไม่เป็นธรรม เพื่อนของเขา ซุนสือเคยพูดเขาว่า ไม่ควรทำเช่นนี้ แต่โจวอี่ฟูกลับโกรธแล้วพูดว่า "เธอกล้ายุ่งเรื่องของข้าด้วยหรือ ?." เหตุนี้ ซุ่นสือเริ่มโกรธแค้นโจวอี่ฟู ทั้งยังพูดว่า "เอ้อดี ข้าก็จะคอยดูเอ็งฉิบหาย !"  เมื่อซุนสือสอบเข้ารับราชการได้ ทั้งยังบรรจุหน้าที่เป็นคนทำคดีความเป็นผู้พิพากษา ทั้งยังปกครองถึงเมืองหงเสี้ยน ก็ให้พอดีมีคนฟ้องร้องโจวอี่ฟูที่อำเภอด้วย กล่าวหาโจวอี่ฟูตีคนกลางตลาดกลางวันแสก ๆ ดังนั้น โจวอี่ฟูจึงถูกจับมาที่อำเภอ โดยไม่คาดฝัน จำเลยโจวอี่ฟูตายลงกระทันหัน ซุ่นสือก็พิพากษาว่า โจวอี่ฟูฆ่าคนตาย เรื่องนี้ผ่านไปไม่กี่ปี ซุนสือก็ถูกย้ายไปเมืองเหอไปย่  คนทั้งบ้านถูกโจรปล้นฆ่าตายหมด เหมือนโจวอี่ฟู

อธิบาย   :  พูดถึงโจวอี่ฟู เขาอาศัยตนมีเงินจึงรังแกคนไม่เป็นธรรม ที่แท้ควรพบกับความเสียหาย  แต่สำหรับซุนสือเป็นเพราะแค้นเคืองจึงทำให้บ้านโจวอี่ฟูล้มละลาย เพราะฉะนั้น "ให้ความสะดวกคนอื่น ตนเองก็ได้รับความสะดวก"  คนไทยว่า "ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัว" 

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                  คัมภีร์กรรม  เล่ม ๓

                   ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า 

                          วิถีสร้างบุญวาสนา ขจัดภัยพิบัติ 

                                     บทที่หก

                                     ชั่วบาป 

                           คัมภีร์   :  เห็นเขารูปงามคิดข่มขืน

อธิบาย   :  เห็นภรรยา ลูกสาวคนอื่นรูปงาม ใจก็คิดอยากข่มขืนเสพกาม คิดลวนลามแอบมีสัมพันธ์  รูปเป็นเรื่องที่ทำให้ทำบาปได้ง่าย มันร้ายกว่าพวกโลภทรัพย์ ฆ่าสัตว์มาก และเป็นเรื่องที่ควบคุมได้ยากเป็นร้อยเท่า เพราะฉะนั้น การล้างผลาญบุญกุศลจนประสบเคราะห์ภัย จึงร้ายกว่าวิบากกรรมชนิดอื่นมากเป็นร้อยเท่าทีเดียว ถึงแม้ท่านไท้ชั่งจะพยายามห้ามปราบการทำบาปเรื่องโลภทรัพย์และฆ่าสัตว์ ย้ำแล้วย้ำอีกก็ตาม แต่ก็พูดว่า บาปที่ละเมิดประเวณี ถือเป็นบาปที่ชั่วร้ายข้อแรก  มิใช่ว่าท่านไท้ชั่งจะพูดสั้น ๆ เพียงประโยคเดียว เป็นเพราะว่า บาปที่เกิดจากโลภทรัพย์และฆ่าสัตว์ เป็นบาปที่เห็นชัดเจน และหลักธรรมก็ง่าย ๆ สามารถอธิบายจนได้ และโทษบาปจากละเมิดประเวณี มันซ่อนเร้นและหลักธรรมก็ลึกซึ้ง  จึงอธิบายให้จนไม่ง่ายนัก เพราะฉะนั้น ท่านไท้ชั่งจึงเอาเรื่องนี้แก้ด้วยการดับหรือขจัดความคิด เริ่มด้วยความคิดอันดับแรก เรียกร้องให้เวไนยสัตว์รู้สึกตัวตื่นจากความหลง ท่านไท่ชั่งว่า  "เห็นเขารูปงาม ใจตนก็ขึ้น"  เรื่องรูปงาม พอตากระทบรูป ฉับพลันใจก็กระเพื่อม นั่นคือ ใจคิด  คิดถึง  อยากได้  ทำให้พับไปพับมา ผูกมัดอยู่ในใจ แก้ปมไม่หลุด ! ถ้าหากในใจบังเกิดความคิดขึ้น ไม่ทันต้องให้กายไปล่วงเกิน ก็ถือว่าละเมิดหลักธรรมฟ้าแล้ว ยังไม่ทันตายก็ถูกยมบาลบันทึกชื่อไว้ในนรกอเวจีแล้ว !  เพราะฉะนั้น ท่านไท้ชั่งจึงเตือนสติคนว่า  เมื่อพบรูป ใจกระทบสาเหตุที่ใจ จึงให้รีบตัดระงับ ไม่ให้สร้างวิบากกรรมอันนี้ !  ต้องกล้าหาญลงดาบตัดขาดทันที ไม่ให้มีเยื่อใยเหลืออยู่แม้แต่น้อย เพราะฉะนั้น จะเป็นสวรรค์หรือนรก ก็อยู่ที่วินาทีนั้นจะกำหนด ! ถ้าหากตอนนั้นมโนวิญญาณเคลียร์ไม่ออก  ปลงไม่ตก  ไม่สามารถฟันฉับให้ขาดรากแล้ว มันก็จะถูกดึงให้ยาวโดยไม่รู้ตัวก็คงพลัดตกนรกต้นงิ้ว นับว่าเป็นอันตรายยิ่งนัก เพราะฉะนั้นคำพูดของท่านไท้ชั่งลึกล้ำมาก

คติพจน์  ๑  :  เป่าซั่งถังกล่าวว่า  "ถ้าใจติดเสพกาม หิรืโอตัปปะเสื่อม สุจริตติดคาว  ผิดจารีตประเพณี  สูญเสียบุญกุศลที่สั่งสมมา ถ้าหากควบคุมใจอยากเสพกามได้ ชื่อก็ไม่เสีย  แถมเป็นการสร้างบุญวาสนา ฟ้าดินซาบซึ้ง การจะเป็นคนหรือเป็นสัตว์ หัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญก็อยู่ตรงนี้ เพราะฉะนั้น จะไม่จริงใจรู้ตัวอีกหรือ ?"  "เห็นรูปใจอยาก"  เป็นรากของการเจ็บป่วยของชีวิตมนุษย์ เป็นต้นตอของการป่วยของคน หากจะคิดตัดตอนต้นตอการเจ็บป่วยนี้ก็ต้องลงมือที่ "เห็น"  อย่างที่ว่า "ไร้จริยธรรมไม่มอง"  แม้ว่าจะมองอยู่ก็ไม่เห็น ถือเป็นวิทยายุทธ์เยี่ยมยอด มโนธรรมที่มีอยู่เราไม่อาจจะหลอกลวงได้ง่าย ๆ มิฉะนั้นแล้วจริยธรรมเราก็ไม่อาจจะก้าวข้ามไปได้ทัน หากเราป้องกันบังคับเข้มงวด หักห้ามได้ก็เป็นอันว่าหลุดพ้น ถ้ามิฉะนั้นเพียงหนึ่งขณะจิตที่เพี้ยนไปก็จะพลาดตกไปถึงหมื่นกัปป์ทีเดียว อย่างนี้ก็น่าเศร้าโศกทีเดียว

คติพจน์  ๒  :  ในพระสูตร ๔๒ บท กล่าวว่า  "เห็นหญิงที่แก่แล้ว ก็ให้คิดว่าเป็นแม่  ถ้าเป็นหญิงอ่อนกว่าก็คิดว่าเป็นน้องสาว   ถ้าเป็นหญิงแก่กว่าก็คิดว่าเป็นพี่สาว  ถ้าเป็นเด็กสาวก็คิดว่าเป็นลูกสาว"  นี่คืออีกวิธีที่ดีที่สุด

คติพจน์  ๓  :  รูปงามใคร ๆ ก็ชอบ พระเจ้าฟ้าข่มเหงไม่ได้ ฉันเสพเมียเขา เขาก็เสพเมียเรา"  เป็นคำพูดของคนโบราณฝากไว้สอนเรา  ท่านหยางอิ่วซิง เข้าใจแล้วกล่าวว่า "หากเห็นเมียเขา ลูกสาวเขางดงาม เกิดใจชั่วคิดไปยุ่ง ให้รีบทำเหมือนผู้อื่นเห็นเมียเราลูกสาวเรา ก็เกิดใจชั่ว คิดจะมาหลอกลวง สถานการณ์สับเปลี่ยนเช่นนี้ พิจารณาสำรวจดูอย่างนี้ ใจชั่วก็จะมอดดับไป" 

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                 คัมภีร์กรรม  เล่ม ๓

                   ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า 

                          วิถีสร้างบุญวาสนา ขจัดภัยพิบัติ 

                                     บทที่หก

                                     ชั่วบาป 

                           คัมภีร์   :  เห็นเขารูปงามคิดข่มขืน  :  คติพจน์

คติพจน์  ๔  :  บทบันทึกธรรมโบราณว่า "เห็นหรือพบหญิงงาม มีเสน่ห์  ถ้าใจเกิดหวั่นไหว ให้รีบ ๆ คิดถึงเทพที่คอยบันทึกบาปอยู่ข้างตัว  ดาราเทพซินไถ  เทพเจ้าแห่งดาวเหนือ  ล้อมอยู่เหนือศรีษะเรานะ  สามเทพในตัว  เทพแห่งเตาไฟ  สามแสงแห่งดาวเดือนตะวัน สิ่งศักดิ์สิทธิ์นับหมื่นเรียงรายอยู่กลางอากาศ  บ้างกำลังจดบันทึกความคิดชั่วของเรา  บ้างกำลังถมึงตาโกรธเรา  บ้างก็เข้มงวดตรวจสอบเราอยู่  บ้างก็เตรียมตัวลงโทษเรา  ถ้าคิดได้อย่างนี้ในใจก็เกรงกลัวหวั่นไหว  ถึงตอนนี้ใจก็จะเย็นดับลง !" 
        ในสมัยหมิง มีคนหนึ่งที่ชอบหญิงรูปงาม ก็ถามท่านหวังหลงซีให้ช่วยชี้แนะ จะแก้ไขนิสัยนี้ได้อย่างไร ท่านหวังตอบว่า  "ในห้องนี้มีหญิงงามดุจนางคณิกากำลังรอเธออยู่ รอให้เธอไปเปิดประตูดู ที่แท้ก็เป็นน้องสาวหรือลูกสาว ตอนนี้ใจที่อยากเสพ จะมอดดับลงหรือ ? "  คนถามก็ตอบว่า  "โอ้ ! ดับมอดเลย !  ท่านหวังจึงว่า  "เพราะฉะนั้นความคิดอยากเสพกามก็เป็นสูญตา เป็นเพราะเธอคิดว่ามันเป็นของจริง ! " 
        ในบทแลบัญชรสิบบัญญัติ ของพระเจ้าเหวินเซียง เริ่มต้นด้วยการปฏิบัติศีลข้อห้ามผิดประเวณี  ท่านกล่าวว่า "เมื่อยังไม่เห็นรูปไม่ให้คิด ขณะที่เห็นไม่ให้ทำลวนลาม หลังจากนั้นแล้วไม่ให้หวนคิด"  เมื่อยังไม่เห็นไม่ให้คิด เป็นการอบรมตามปกติ โดยปกติเมื่ออยู่คนเดียวต้องเอาความคิดเก็บรวมให้หมดจด ทั้งยังต้องตื่นตัวเหมือนตนทันที  เช่นนี้แล้วธรรมฟ้ายังอยู่ ความใคร่อยากก็จะหยุดลงได้
        คนที่ความคิดลามกสกปรก ก็ไม่อาจมีใจที่สว่างถูกต้อง เป็นความรู้หลักเคารพของบัณฑิต เมื่อใจของเรามีสมาธิแล้ว แม้เราจะพบปะหญิงงามมีเสน่ห์อยู่เฉพาะหน้า ไม่ว่าเธอจะโน้มน้าวหลอกลวงแค่ไหน  ใจของเราก็จะไม่หวั่นไหวแม้แต่น้อย นี่เป็นพลังสมาธิอันดับไหน !  อย่างไรก็ดี สภาวะเช่นนี้ก็มาจากการฝึกฝนอย่างเข้มงวดเสมอ ๆ  ใจจริงตั้งใจจนได้บารมีนี้มา !  เพราะฉะนั้นพระองค์ต้องการให้เรามีหลักตรงใสสะอาดเป็นมูลฐาน ดังนั้น การสอนชาวบ้านปฏิบัติศีลข้อห้ามล่วงประเวณี จะต้องเข้มงวดฝึกฝนตนเองให้ใจตรงจริงใจเสียก่อน
        ขณะที่เห็นไม่ให้ทำลวนลาม และหลังจากเห็นแล้วไม่ให้คิด นั่นคือความต้องการของท่านไท้ซั่ง ที่กล่าวเตือนพวกเรา นั่นคือขณะพปะสัมผัสก็ต้องให้พิจารณาสำรวจตน !  เรามาวิเคราะห์สำรวจอย่างรอบครอบ ถึงพระวาจาของพระเจ้าเหวินเซียง  สามประโยค  เพราะแต่ละประโยคล้วนมีภาวะของมัน

ตรึกคิด   :  คือคิดถึงสิ่งที่ยังมาไม่ถึง 
ลวนลาม  :  คือลวนลวมอยู่ในปัจจุบัน
หวนคิด   :  คือคิดถึงสิ่งที่ผ่านไป คนปัจจุบันล่วงละเมิดบาปผิดประเวณีจนท่วมฟ้าแล้ว 

        การกระทำทั้งสามภาวะนี้  ล้วนเสร็จสิ้นหมดแล้ว !  ถ้าหากสามารถเอาภาวะทั้งสาม ละเว้นขจัดจนหมดสิ้นแล้ว การทำชั่วผิดประเวณีก็ไม่มีสถานที่ให้เกิดขึ้นเฟื่องฟูได้เลย !  บาปทั้งหลาย ล่วงประเวณีเป็นความชั่วอันดับหนึ่ง ทางยมโลกท่านยมบาลได้ตราบนป้ายให้เป็นโทษใหญ่ !  เพราะว่าเมื่อใจเกิดใคร่เสพกามขึ้น ก็สามารถส่งให้ทำชั่วได้ต่าง ๆ นานา  สมมุติว่า เมื่อการล่วงละเมิดยังไม่สำเร็จ ในใจก็จะฟุ้งซ่านคิดเพ้อเจ้อสับสน ถ้าหากไม่สามารถชักจูงฝ่ายตรงข้าม ก็จะเกิดใจเล่ห์เหลี่ยมแผนชั่ว ถ้าแผนนั้นติดขัดมีอุปสรรค ก็จะโกรธแค้นตามมา  เจ้าความใคร่ความอยากจนมืดมัววุ่นวายใจอยู่นั้น ก็ทำให้เกิดความโลภอยากติดอยู่ในใจ ตอนแรกก็ชื่นชมเขาที่มีภรรยาสวย ต่อมาใจก็เกิดอิจฉาใจก็คิดร้าย  คิดอยากได้คนรักของคนอื่น  จึงคิดจะฆ่าเขา เช่นนี้ หิริโอตัปปะและความสุจริตธรรมก็ขาดสูญ หลักมนุษย์สัมพันธ์ก็หมดสิ้น บาปกรรมต่าง ๆ ก็เกิดขึ้น ความดีมีกุศลก็เหือดหายไป นี้แหละครับ เมื่อใจละเมิดประเวณีกระเพื่อมเท่านั้น ถึงแม้การกระทำยังไม่เกิดขึ้น แต่ก็ได้ปลูกฝังเมล็ดกรรมชั่วค่อย ๆ สั่งสมเรื่อย ๆ ไป เช่นนี้นับว่าร้ายแรงอยู่แล้ว นับประสาอะไรถ้าไปกระทำละเมิดประเวณีเข้าจริง ๆ จะร้ายแรงขนาดไหน ?. 

คติพจน์  ๕  :  กฏยมโลก  :  "ข่มขืนลูกเมียเขา จะขาดทายาทสืบสกุลตอบสนอง  ข่มขืนหญิงที่ยังไม่แต่งงาน จะได้ลูกชายหญิงละเมิดประเวณีเสพสมตอบสนอง "

อธิบาย   :  คนที่ฆ่าคนก็เพียงฆ่าเขาตายเพียงคนเดียว แต่หากข่มขืนเขา เหมือนฆ่าคนถึงสามรุ่นเชียวนะ หญิงที่ถูกข่มขืนเสียหายแล้ว พ่อแม่และพ่อแม่สามี สามี และลูก ๆ ทุกคนจะรู้สึกอัปยศเจ็บใจ บางทีความอับอายขายหน้าก็เป็นเหตุให้ถึงชีวิตดับ บางรายสามีอาจฆ่าภรรยา  พ่อกดดันให้ลูกสาวตาย ลูก ๆ ไม่ยอมรับแม่ เวลาญาติ ๆ พบหน้ากันก็ไม่มีหน้ากล้าเผชิญ  ครอบครัวดี ๆ ก็ไม่อยากคบหาสมาคมกับนาง อย่างนี้จะเจ็บปวดแค่ไหน แค่แอบเสพสุขชั่วประเดี๋ยวประด๋าว เป็นการก่อบาปกรรมท่วมฟ้าเลยทีเดียว  ทั้งยังถูกลงโทษให้ไม่มีลูกหลานสืบสกุล แค่นี้ก็ยังไม่สาสมต่อโทษบาปต่อคนที่ข่มขืนลูกเมียเขาน่ะ !  พอมีความสัมพันธ์ของสามีภรรยา  ภายหลังจึงมีความสัมพันธ์ของพ่อลูก  พี่น้อง  เพราะฉะนั้น การข่มขืนเมียชาวบ้าน ก็ทำให้ความสัมพันธ์ของสามีภรรยาเสียหาย   ความสัมพันธ์พ่อลูกพี่น้องเสียหาย  ความสัมพันธ์ห้าของมนุษย์ก็เสียหายแล้ว  ๓ ประการ  ตลอดถึงบรรพชนต้องมัวหมองต่อการกระทำของลูกหลาน ให้รู้สึกเจ็บปวดยามเซ่นไหว้ ด้วยเหตุดังกล่าว คนที่ข่มขืนคนอื่น จึงไม่อาจหลบพ้นการลงโทษของเทพเจ้า ต้องได้รับเคราะห์ร้ายแน่นอน
        เพราะฉะนั้น  คนที่ฆ่าคนตาย เหตุเกิดจากความโกรธแค้น จึงไปฆ่าเขา  แต่การข่มขืนลูกเมียคนอื่นมันสร้างความโกรธแค้นให้กับสามี  พ่อแม่สามี  พ่อแม่  แล้วคนเหล่านี้มีความแค้นอะไรด้วยเล่า  ตลอดจนผู้หญิงที่ถูกข่มขืน เธอมีความโกรธแค้นอะไรด้วยเล่า จึงต้องทำบัดสีบัดเถลิงกับตัวเธอด้วย ทำให้เธอต้องมัวหมอง   ผู้มักมากในกาม เป็นเพราะความคิดกุศลน้อยลง แต่คนมักน้อยในกามเพราะความคิดกุศลมีมาก บุคคลผู้มีความคิดกุศลมาก ๆ ความคิดมักกามจึงหมดไป  ในบุญบารมีห้า ถ้าได้สักสามอย่างตอบสนอง อันที่หนึ่งคืออายุยืน  ที่สองคือสุขสงบดี  ที่สามคือตายดี  คนที่มักมากมักมีโรครุมเร้าและมีฆาตเคราะห์  การเกิดอารมณ์ใคร่ชั่ววูบ ง่ายต่อการขจัดสงบลง ตลอดชีวิตคนเราชื่อเสียงสำคัญมาก จะไม่เจ็บปวดหรือที่ทำให้ชื่อเสียงที่สู้อุตส่าห์สะสมมาหลายรุ่นคน ต้องมัวหมองซึ่งเราเคยพบเห็นมามากต่อมากที่บุคคลมีชื่อเสียงต้องเสียหายต่ออารมณ์ใคร่ชั่ววูบ ถ้าไม่รู้จักใช้สติคิดยับยั้งชั่งใจ ความสุขแค่ชั่วครู่จะคุ้มกับการล่วงละเมิดทางเพศจนนำไปสู่ความเสียหาย ยิ่งบางคนหลังล่วงละเมิดแล้ว เกิดกลัวความผิดจนต้องหนีหลบซ่อนจนเกิดจบป่วย  รักษาตัวก็หายยาก ถ้าถูกคดีฟ้องร้องติดคุก ครอบครัวพังทลาย  คิดได้ตอนนี้ก็สายเสียแล้ว กรรมตอบสนองมีแน่นอน เพียงจะช้าหรือเร็วเท่านั้น  ผลของกรรมคงพูดกันไม่จบเลย !   

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                    คัมภีร์กรรม  เล่ม ๓

                   ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า 

                          วิถีสร้างบุญวาสนา ขจัดภัยพิบัติ 

                                     บทที่หก

                                     ชั่วบาป 

                           คัมภีร์   :  เห็นเขารูปงามคิดข่มขืน  :  คติพจน์

คติพจน์  ๖  :  นายยื้อเฉียงชูเยี้ย กล่าวว่า "สมัยโบราณมีนักปราชญ์คนหนึ่ง เมื่อเขาเกิดอารมณ์ใคร่ขึ้นมา เขาจะเอามือไปอังบนไฟจนรู้สึกปวดแสบปวดร้อน อารมณ์ใคร่อยากก็สงบลง ถ้าหากไม่สงบลงอีก เขาจะนั่งนิ่งอยู่ในที่มืด ทำตัวเสมือนตาย และคิดถึงหลุมศพ และครุ่นคิดตลอดว่า คน ๆ นี้ตอนมีชีวิตอยู่ก็เหมือนฉัน แล้วฉันล่ะเมื่อตายแล้วก็ฝังในสุสานเหมือนกับเขาแบบเดียวกัน !  เมื่อคิดถึงตรงนี้ความใคร่อยากจะมีความสุขอะไร ?"

อธิบาย   :  การป้องกันล่วงละเมิดทางเพศ ล้วนต้องใช้ปัญญาเท่านั้น ท่านเติ้งเหลียงกงเคยพูดว่า "เมื่อคนอยู่ต่อหน้ารูปงาม ต้องรีบคิดว่า หญิงงามผู้นี้ถ้าเธอตายเมื่อวันก่อน ซากศพของเธอก็จะเริ่มเน่าเหม็นและมีหนอนไต่ยั้วเยี้ยไปหมด กลิ่นเหม็นเน่าจะคลุ่งไปทั่ว ทำให้คนรู้สึกอยากอาเจียน ถ้าคิดได้อย่างนี้ความคิดลามกก็จะมลายหายไปสิ้น !"

คติพจน์ที่  ๗  :  ในสมัยเหลียง ปรมาจารย์ตั๊กม้อ อริยเจ้าองค์แรกแห่งเซ็นนิกาย ได้คติพจน์เกี่ยวกัยกายสังขารนี้ว่า "เยี่ยวเอย  ขี้เอยกองโต น้ำหนองน้ำเลือดรวมกันเข้าคิดแล้วกามมีอะไรน่าหรรษา"  ในสมัยถัง อริยเจ้าหลี่ต้งปิง ก็พูดไว้ว่า "หยุดโวเรื่องกามตอนหนุ่ม เข้มแข็งเดินวนเวียนขายกระดูก ไม่เชื่อลองส่องดูในกระจก ใต้ผิวหนังใช่โครงกระดูกไหม"  สาวสวยสองแปดร่างอรชร อาวุธดาบคาดเอวฟันบุรุษโง่ ถึงแม้ไม่เห็นหัวขาดกระเด็น แอบเร่งเร้าคนให้กระดูกแห้งเฉา

คติพจน์ที่  ๙  :  "บันทึกศีลฟ้ากล่าวว่า  พวกเขียนหนังสือประเภทเซ็กซ์หรือพวกพิมพ์หนังสือลามก แพร่สกปรกใจคน ทำให้คนเกิดใจชั่วคนพวกนี้ตายแล้วจะตกนรกอเวจี นานจนกว่าสื่อลามกในโลกที่ตนทำจะถูกทำลายหมด เพราะคนที่ดูสื่อลามกที่ทำบาปก็ได้รับกรรมตอบสนองจนหมดแล้ว นั่นแหละผู้ทำสื่อลามกจึงจะหลุดพ้นจากขุมนรกและไปเกิดยังที่อื่นที่ไม่ใช่เป็นคน" 

คติพจน์ที่  ๑๐  :  ท่านเหลียวฝาน ในสมัยหมิงกล่าวว่า "การเก็บรวบรวมสื่อลามก บทความที่เปิดเผยเรื่องส่วนตัวของผู้อื่น กับการกล่าวร้ายของผู้อื่น แล้วนำมาเผาทำลาย จะต้องมีบุตรหลานผู้ภักดี  กตัญญู  ซื่อสัตย์  ตอบสนองแน่นอน แต่ผู้ที่ชอบอ่านดูสื่อลามก หรือเล่าเรื่องลามก และถ้าอยู่ในบ้านมีรูปภาพหนังสือลามก จะต้องมีลูกโสเภณีเต้นกินรำกินแน่นอน !

Tags: