collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: คัมภีร์กรรม ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า : คำนำ  (อ่าน 144132 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                คัมภีร์กรรม  เล่ม ๓

                   ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า 

                          วิถีสร้างบุญวาสนา ขจัดภัยพิบัติ 

                                     บทที่หก

                                     ชั่วบาป 

                           คัมภีร์   :  เป็นหนี้เขา หวังให้เขาตาย

อธิบาย  :  เป็นหนี้เงินทองหรือหยิบยืมสิ่งของ ของเขามาแต่ไม่คิดจะใช้คืน กลับกัน กลับอยากให้เขาตายไปเสีย ที่เป็นหนี้สินหรือยืมของเขามาก็จะได้ไม่ต้องไปใช้  หนี้  หมายถึง ขณะที่เราขาดแคลนและยืมมาใช้เร่งด่วน พอเวลาผ่านไปนานเข้าก้ไม่ยอมใช้คืนเขา แบบนี้ก็เท่ากับเป็นการเนรคุณคนที่ให้ยืมมาใช้ เป็นผู้ทำลายคุณธรรม ในพระสูตรจงเจี้ยกล่าวว่า "เป็นหนี้เงินทองข้าวของ ของผู้อื่น ตอนนี้ยังไม่สามารถใช้คืนเขาก็ต้องคอยจดจำไว้ในใจ ให้คิดอยู่เสมอ ๆ ว่าจะใช้คืนเขาได้อย่างไร แต่ถ้าคิดที่จะไม่ยอมใช้คืนเขาก็จะเป็นคนใจทมิฬหินชาติ ชาติหน้าคงต้องเกิดเป็นสุนัข เป็นม้าชดใช้หนี้เขา อย่างนี้จะว่าเป็นคนไม่โง่เขลาหรอกหรือ ?. 

นิทาน  :  นายไปย่หยวนทง เป็นหนี้หยางเกิง สี่พันห้าร้อยสตางค์ นายหยางเกิงทวงหนี้กับไปย่หยวนทงหลายครั้ง ผลสุดท้ายไปย่หยวนทงห้ไม่ได้ใช้หนี้ต่อมาที่บ้านของหยางเกิงมีลูกฬ่อตัวหนึ่งเกิดมา และเจ้าลูกฬ่อตัวนี้เกิดพูดภาษาคน มันพูดว่า "ข้าคือไปย่หยวนทง เป็นเพราะเป็นหนี้บ้านท่านสี่พันห้าร้อยสตางค์ จึงกลายเป็นลูกฬ่อแบบนี้ !  ตอนนี้ที่ตลาดซีซื่อ ร้านขายลูกฬ่อก็เป็นหนี้เงินฉัน บังเอิญเป็นเงินสี่พันห้าร้อยสตางค์ พวกท่านรีบ ๆ เอาฉันไปขายเพื่อใช้หนี้ แบบนี้ หนี้ของฉันก็จะได้หมดสิ้นกัน ! " ลูกชายหยางเกิงได้ฟังแล้วก็ทำตามที่ลูกฬ่อพูด จึงขายลูกฬ่อให้แก่ร้านขายลูกฬ่อไป ได้เงินมาสี่พันห้าร้อยสตางค์พอดี หลังจากนั้นอีก ๒๐ วัน เจ้าลูกฬ่อก็ตายลง 

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                  คัมภีร์กรรม  เล่ม ๓

                   ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า 

                          วิถีสร้างบุญวาสนา ขจัดภัยพิบัติ 

                                     บทที่หก

                                     ชั่วบาป 

                           คัมภีร์   :  ขอร้องไม่ได้ก็เกิดแค้นสาปแช่ง

อธิบาย   :  เมื่อขอร้องให้ผู้อื่นช่วยเหลือทำอะไร หากไม่สามารถได้ดังใจ หรือไม่สมใจที่ต้องการ ก็เกิดแค้นเคืองสาปแช่ง  บัณฑิตที่สามารถเข้าถึงหลักธรรม และมีความพอใจในดวงชะตา ก็จะไม่เป็นผู้ที่ไม่เที่ยวขอร้องผู้อื่นโดยง่าย ถ้าหากเที่ยวขอร้องผู้อื่นโดยง่าย ถือว่าไม่ใช่บัณฑิิต แม้เมื่อขอร้องผู้อื่นแล้ว แม้ไม่ได้ดังใจก็ควรที่จะหวนคิดให้ดี ๆ แต่ถ้าไม่ได้แล้วก็เจ็บแค้นสาปแช่งเขา นั่นก็คือเป็นอันธพาลโดยแท้

นิทาน  :  ในสมัยซ่ง มีนายหลูโม่ว อาศัยเวลากลางคืนก็นำเอาทองคำจำนวนหนึ่งร้อยตำลึง ไปมอบให้เสนาบดีหวังตั้น ขอร้องให้หวังตั้นช่วยเหลือให้เขาได้ตำแหน่งดำเนินการคมนาคมแม่น้ำเหว่ย หวังตั้นพูดกับเขาว่า "ความสามารถของเธอไม่พอที่จะรับตำแหน่งนี้ ถึงแม้เราจะเป็นเพื่อนกัน แต่ข้าก็ไม่สามารถทำให้ราชการเสียหาย จากนั้นมา ทุกพลบค่ำเขาจะจุดธูปแล้วสาปแช่งให้หวังตั้นตายในเร็ววัน คืนวันหนึ่ง เขาฝันเห็นเทพเจ้าตะคอกใส่เขาว่า "หวังตั้นเป็นผู้จงรักภักดีเพื่อชาติ เจ้ากลับสาปแช่งเขาให้ตายเร็ว ๆ พระเจ้าจึงลงโทษเจ้าในเร็ววันนี้"  จากนั้นมาอีกไม่กี่วัน หลูโม่วก็ถึงแก่ความตาย
         นายอูเถียวเจียวกล่าวว่า  "การขอร้องผู้อื่น สถานการณ์ของฉันจะต้องคับขันมาก ถึงกระนั้นคนที่ฉันขอร้อง หากความสามารถไม่พอแล้ว เรื่องที่ขอร้องสิบเรื่องก็ไม่สำเร็จเก้าเรื่อง ที่สำเร็จมีเรื่องเดียว ซึ่งเป็นเหตุผลปกติ ถ้าหากจะโกรธแค้นแล้วสาปแช่ง ฝ่ายตรงข้ามจะเป็นไรตามที่ตนสาปแช่งก็หาไม่ หรือเกิดการเปลี่ยนแปลงหันมาช่วยเหลือก็หาไม่ นี่เป็นเพียงเพิ่มเติมความกังวลของตนเองเปล่า ๆ คนประเภทนี้ไม่เพียงไม่รู้ชะตาชีวิตและก็ไม่เข้าใจเรื่องของคนด้วย" 
        นายเจี่ยเหลียงเจว่อ ในสมัยซ่ง เคยพูดว่า "เรื่องทั้งหลายในโลก ทุกอย่างมีกำหนดของมันแน่นอน แรงคนจะเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ตลอดชีวิตของข้าไม่เคยจะขอร้องใคร ไม่ว่าเรื่องอะไร และก็ไม่เคยเขียนจดหมายถึงข้าราชการสำคัญ ๆ ในรัฐบาลเลย มีคนบอกข้าว่าให้ทำแบบนี้ จึงจะมีโอกาสเลื่อนตำแหน่ง ข้าก็พูดกับเขาว่า เขาจะมาเลื่อนตำแหน่งข้าได้อย่างไร หากข้าเลื่อนตำแหน่งก็เป็นเพราะข้ามีชะตาในตำแหน่งนั้นต่างหากเล่า !"
        นายฝันตงชวง ในสมัยซ่ง ก็เคยพูดว่า "ถึงแม้ว่าคนนั้นจะโง่เขลาสุด แต่พอเขาปรักปรำคนอื่นนั้น เขาจะเผยความฉลาดอย่างชัดเจน ถึงแม้คนนั้นจะฉลาดสุด แต่เมื่อเขาอภัยให้แก่ตัวเอง กลับเผยความเซ่อเซอะ ควรจะรู้ว่า คนเมื่อสามารถปรักปรำคนอื่นได้แล้วเอามาปรักปรำตนเอง เอาการอภัยตนเองไปอภัยผู้อื่นได้แล้ว ก็ไม่ต้องกลัวว่า การสำเร็จอริยะ สำเร็จปราชญ์จะเป็นไปไม่ได้ !"  ผู้ที่ขอร้องคนอื่นไม่ได้ก็เกิดใจแค้น สาปแช่งเขา ควรที่จะหวนคิดให้ดี ๆ ถึงคำพูดของท่านทั้งสองนี้ 

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                    คัมภีร์กรรม  เล่ม ๓

                   ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า 

                          วิถีสร้างบุญวาสนา ขจัดภัยพิบัติ 

                                     บทที่หก

                                     ชั่วบาป 

                           คัมภีร์   :  เห็นเขาล้มเหลวก็ว่าเขาทำชั่ว

อธิบาย   :  เห็นผู้อื่นล้มเหลวไม่สำเร็จ ก็ว่าเขาทำชั่วเป็นประจำ จึงนำมาซึ่งผลกรรมตอบสนอง ความล้มเหลวคือ การทำงานที่ไม่ประสบความสำเร็จ อยู่ในสภาวะที่ไม่ได้สมดังใจ ในโลกนี้ สภาพการณ์และพื้นที่ล้วนล้มเหลวได้ง่ายสำเร็จยาก อุปสรรคมากกว่าราบรื่น หรือประสบความผิดพลาดหรือเข้าใจผิดเสียใจ คิดจะแก้ไขก็ไม่ทันเสียแล้ว โอ้ !  เรื่องในโลกนี้ยากเย็นนัก ประสบความสำเร็จยาก นับเป็นเช่นนี้มาตั้งแต่อดีตแล้ว  แต่ก็มีคนอีกประเภทหนึ่ง ไม่สู่เป็นคนนัก ยามปกติก็ชอบตีหน้าดี ๆ เวลาคบกัน แต่เมื่อเพื่อนประสบอุปสรรคหรือล้มเหลว เขาก็จะวางตัวเฉยเหมือนคนไม่รู้จัก แถมยังแอบหัวเราะเยาะพูดว่า "นี่ล้วนเป็นเพราะเขาทำไม่ถูกจึงเป็นเช่นนี้ !" เอ่อ ขอให้คนประเภทนี้ย้อนคิดว่า ตลอดชีวิตไม่เคยทำอะไรผิดเลยหรือ ?.

นิทาน  :  ในสมัยหมิง นายหวังเซิน ชาวเมืองฮันโจว ปกติเขามักจะจับผิดคนอื่น วันหนึ่งลูกชายข้างบ้านตายลง หวังเซินก็ชี้ด่าข้างบ้านว่า "เป็นเพราะเจ้าสร้างวิบากกรรมไว้ จึงมีผลกรรมตอบสนอง !"  ต่อมาไม่นาน หวังเซินก็มีลูกชาย ๒ คนเกิดขึ้น แต่แล้วก็เจ็บป่วยตายลง ข้างบ้านเลยหัวเราะเขาพร้อมพูดว่า ฉันคิดว่าเจ้าคงทำวิบากกรรมหนักกว่าฉันกระมัง จึงทำให้ลูกชายสองคนตายไป" อีกครั้ง เมื่อคนบ้านเดียวกันไปสมัครสอบประจำปี ได้อันดับที่ ๔ หวังเซินก็ชี้หน้าด่าว่า "บทความของเธอโป้ปดมาก อย่างนี้จะมีโอกาสสอบได้หรือ !"  ปีถัดไปหวังเซินก็ไปสมัครสอบบ้าง เขากลับสอบได้อันดับที่ ๕ คนที่ถูกชี้หน้าด่าก็มาชี้หน้าด่าหวังเซินว่า "ฉันคิดว่า บทความของเจ้าคงโป้ปดยิ่งกว่าข้าเสียอีก ถึงได้ที่ ๕ !"
        นายก่วงตงกล่าวว่า "ข้าเคยทำงานร่วมกับคุณอาเป่า แต่ข้านี้ยิ่งกลับยากจน แต่คุณอาเป่าไม่คิดว่าข้านี้โง่เขลา ! เพราะว่าเขารู้ว่าโอกาสดีกับไม่ดี ข้าเคยไปราชการถึง ๓ ครั้ง ทั้ง ๓ ครั้งก็ถูกพระราชาขับออกมา แต่คุณอาเป่าไม่คิดว่าข้าใช้ไม่ได้ เพราะว่าเขารู้ว่า ตอนที่ข้าพเจ้าเข้าเฝ้าก็ไม่มีโอกาสได้แสดงนิสัยทัศน์ ! จะเห็นได้ว่า อัจฉริยบุรุษก็มีที่ล้มเหลวด้วย ที่มีค่ายิ่งคือ สามารถที่จะมีเพื่อนรู้ใจในขณะที่ตนเองยากจน ก็มีผู้ให้กำลังใจปลอบประโลม ทำได้อย่างไร ที่ขณะผู้อื่นพบอุปสรรค ก็ถือโอกาสซ้ำเติมผู้อื่น คนประเภทนี้ไม่เพียงแต่สูญเสียเพื่อน ยังต้องเห็นอกเห็นใจสงสารถึงจะถูก แต่กลับละเมิดที่ระหว่างเขาและเรา ต้องรักษาน้ำใจเชื่อเกื้อหนุนด้วยใจการุณย์ คนแบบนี้เวลาโชคดีก็มีภัย เวลาสุขก็มีเคราะห์ เป็นคนที่ไม่มีเมตตา  ไม่ยุติธรรม  เพราะฉะนั้น เขาต้องกวักเคราะห์ภัยมาใส่ตัวแน่

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                    คัมภีร์กรรม  เล่ม ๓

                   ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า 

                          วิถีสร้างบุญวาสนา ขจัดภัยพิบัติ 

                                     บทที่หก

                                     ชั่วบาป 

                           คัมภีร์   :  เห็นเขาไม่สมประกอบก็หัวเราะใส่

อธิบาย   :  เห็นเขาแขนขาพิการทุพพลภาพ หรือหน้าตาหน้าเกลียด ไม่รู้จักสงสารปกป้อง กลับหัวเราะใส่เขา คนที่แขนขาพิการหรือหน้าตาหน้าเกลียด ถ้าไม่เป็นเพราะเขาสร้างบาปไว้แต่ชาติก่อนแล้ว ก็เป็นเพราะพ่อแม่มีมรดกกรรมสืบมาถึงเขา คนพวกนี้น่าสงสาร ควรจะช่วยกันดูแลรักษาทำไมจึงต้องทนที่จะไปหัวเราะเขา ความสำเร็จของคน ๆ หนึ่ง อยู่ที่ความรู้ หาใช่อยู่ที่หน้าตาหรือร่างกาย เช่น โจวฝ่า เป็นคนพูดติดอ่าง ก็ยังเป็นถึงเสนาบดี  อันจื่อ ถึงแม้ร่างกายจะแคระเล็ก แต่ก็เป็นถึงพระราชา ตัวอย่างดังกล่าวมีมากมายในประวัติศาสตร์ พูดได้ไม่หมด
        คนที่ร่างกายไม่สมประกอบ ก็มีความรู้สึกเคียดแค้นตนองอยู่แล้ว เมื่อมาถูกหัวเราะ ถือเป็นการล่วงเกินต่อเรื่องที่ไม่ควรพูด มารดาของฉีหันกง ไปหัวเราะเจี้ยเข่อ เมืองฉีจึงโจมตีจนพ่ายแพ้ คนรักของผิงหยวนจวิน เป็นสาวสวยแต่ไปหัวเราะคนที่ทุพพลภาพจึงถูกฆ่าตาย นอกจากนี้ที่อำเภอจ้าว มีคน ๆ หนึ่งไปหัวเราะเมิ่งสั่งจวินว่าเป็นสามีตัวเล็กจึงถูกฆ่า เหล่านี้เป็นอุทาหรณ์ เป็นกระจกให้เราได้สังวร ! 
        ในพุทธสูตรมีการกล่าวถึงเรื่องทำนองเดียวกัน ถึงผลตอบสนองหมายความว่า ชีวิตคนในโลก หากจิตใจไม่ตรง ชาติต่อไปเกิดมาก็จะไม่มีร่างกายประกอบ บ้างก็ปากเยี้ยว  ตาเข  มือขาพิการเหล่านี้เป็นเพราะอดีตชาติสร้างวิบากกรรม จึงต้องมารับกรรมตอบสนองในปัจจุบันชาติ เพราะฉะนั้นขณะที่ใจไหวคิดจะไม่ระมัดระวังได้หรือ อย่าให้ใจคิดไหลสู่ความคิดที่เลวทราม
        ในปิฏกของเต๋ามีตัวอย่างพูดไว้ว่า  "การมีเพศสัมพันธ์ของสามีภรรยา มีข้อถือลางมากมาย โดยเฉพาะอากาศกำลังแปรปรวนเปลียนแปลงยิ่งสำคัญตัวอย่างเช่น ก่อนเข้าฤดูใบไ้ม้ผลิ ๓ วัน จะมีเสียงฟ้าร้องเกิดขึ้น กำลังเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงฤดูกาล ช่วงเวลาตอนนั้น ห้ามมีเพศสัมพันธ์ หากไม่ยับยั้ง ลูกที่เกิดมาร่างกายร่างกายจะมีอาการครบ ๓๒ ยาก และก็จะมีภัยเคราะห์แน่นอน  เพราะว่าการมีเพศสัมพันธ์ในตอนนั้น ถือเป็นการลบหลู่ฟ้า !"  คนที่เป็นพ่อแม่คนถ้ามีเพศสัมพันธ์ไม่ระมัดระวัง ก็จะนำมาซึ่งไม่สมประกอบของลูกได้

นิทาน   :  ในสมัยถัง มหาเสนาบดีหลูกี้ สีหน้าของเขาทั้งเขียวทั้งคล้ำ  มีอยู่ครั้งหนึ่ง เก๋อจื่ออี้ เจ็บป่วย ข้าราชการทั้งสำนักต่างก็แวะเวียนไปเยี้ยมไข้ พอมีแขกมาเยี่ยม ภรรยาและสาวใช้ต่างก็ออกมาต้อนรับและเก๋อจื่ออี้ก็ไม่ห้ามพวกเขาแต่อย่างไร แต่พอหลูกี้จะมาเยี่ยมไข้ เก๋อจื่ออี้ก็สั่งให้ทุกคนในบ้านเก็บตัวแต่ในห้อง สั่งห้ามพวกเขาออกมา มีคนถามเขาว่า "เป็นเพราะอะไร"  เก๋อจื่อี้พูดว่า  "หน้าตาของหลู่กี้อัปลักษณ์ พื้นจิตโหดเหี้ยม  หากผู้หญิงเห็นแล้ว
จะต้องหัวเราะเขา วันหนึ่งถ้าหลูกี้มีอำนาจ คนทั้งบ้านคงต้องถูกฆ่าหมดแน่นอนเลย !"  ต่อมาหลูกี้ได้เป็นถึงเสนาบดี  ตอนนั้นใครที่เคยล่วงเกินเขา เขาก็ต้องชำระแค้น มีแต่ครอบครัวของเก๋อจื่ออี้ ที่ไม่เป็นอันตราย
        คุณอูเถี่ยเจียว กล่าวว่า  :  คนเราเกิดมาหน้าตาร่างกาย ไม่มีอะไรยึดถือได้ !  หลังโกงทุพพลภาพ ล้วนเป็นโรคที่ไม่อาจรู้ล่วงหน้า ท่านหุยจื่อก่อนจะตาย กวักมือเรียกน้องชายมาที่เตียง พูดว่า "พวกเธอเปิดผ้าห่มดูแขนขาของข้าซิ !  ในกวีสูตรเขียนเอาไว้ว่า  ต้องระมัดระวังหนา ! การถนอมดูแลร่างกายก็เหมือนเดินใกล้ข้างสระน้ำ หรือคิดว่าเดินอยู่บนแผ่นน้ำแข็งที่เปราะบางต้องระมัดระวัง  จากนั้นมา ข้าก็รู้จักหลีกเลี่ยงไม่ให้ร่างกายถูกทำร้าย !  คำพูดของหุยจื่อเป็นการเตือนพวกเราว่า  ร่างกาย  ผิวหนัง  ขน  รับมาจากพ่อแม่ ไม่กล้าทำร้ายเป็นบทเริ่มต้นของกตัญญู เราเฝ้ารักษาถนอมร่างกายของเราก็แย่แล้ว ทำไมจึงไปหัวเราะผู้อื่นเขา ?"

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                   คัมภีร์กรรม  เล่ม ๓

                   ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า 

                          วิถีสร้างบุญวาสนา ขจัดภัยพิบัติ 

                                     บทที่หก

                                     ชั่วบาป 

                           คัมภีร์   :  เห็นเขาสามารถควรยกย่องกลับทับถม

อธิบาย   :  เมื่อเห็นความสามารถของคนอื่น ควรยกย่องสรรเสริญเผยแพร่ไปไกล แต่ไม่ยกย่องไม่เผยแพร่ กลับจะสกัดกั้นทับทมเขา  "เห็นความสามารถผู้อื่นกลับทับถม"  ข้อนี้ต่างจากข้อ "ปกปิดการทำดีของผู้อื่น"  กับ  "ขัดขวางความดีของผู้อื่น"  ปกปิดหมายถึงการซ่อนเร้นปิดบัง  ขัดดขวาง หมายถึงการสกัดตัดขาดซึ่งมีอาการของการเจ็บปวด และการยกย่องกลับไม่ยกย่องแต่กลับทับถม  ซึ่งการกระทำเช่นนี้มีโทษเบากว่า  "ปกปิดการทำดีของผู้อื่น" และ  "ขัดขวางความดีของผู้อื่น"  เล็กน้อย  อย่างไรก็ตาม เมื่อวิเคราะห์ด้วยหลักเหตุผลแล้ว ก็จะละเอียดลึกขึ้น ! 

นิทาน   :  ในยุคจ้านกั๊ว นายลี่ซือและหันเฟย ล้วนเป็นศิษย์ของซุ่นเข่ง  ลี่ซือก็รู้ว่าภูมิปัญญาของตนสู้หันเฟยไม่ได้ กษัตริย์ฉินเห็นงานเขียนของหันเฟยที่พูดเกี่ยวกับความลำบาก โกรธแค้นจนออกไปหาหันเฟยทันที  ต่อมากษัตริย์หันส่งหันเฟยไปเป็นทูตไปเมืองฉิน กษัตริย์ฉินสนทนากับหันเฟยจนรู้สึกใจหายขณะนั้น  ลี่ซือกลัวว่า หันเฟยจะได้รับความเอ็นดูจากกษัตริย์ฉิน จึงเท็จทูลเรื่องไม่ดีของหันเฟย จนทำให้หันเฟยถูกจองจำ หันเฟยคิดอยากเข้าเฝ้ากษัตริย์ฉินด้วยตนเอง แต่ลี่ซือไม่ยอมให้โอกาส แถมบังคับให้หันเฟยกินยาพิษตาย  ดังนั้นหันเฟยจึงตายในเรือนจำ  ต่อมาลี่ซือก็ถูกอำมาตย์จ้าวเกาใส่ร้ายจนถูกจองจำ ลี่ซือคิดจะเข้าเฝ้ากษัตริย์ฉินเพื่อเล่าความบ้าง จ้าวเกาก็ไม่ให้โอกาสแก่ลี่ซือเช่นกัน ต่อมาคนทั้งบ้านของลี่ซือก็ถูกตัดหัวทั้งบ้าน คนทีู่้รู้จักธรรมะก็จะรู้ว่าธรรมแห่งฟ้าตอบสนองได้ดี การตอบสนองของเหตุผลต้นกรรม

อธิบายเพิ่ม   :  นายซุนเซี้ยชาวเหมยซันในสมัยซ่ง เขาไม่เคยรู้จักนายถังไก้และนายอู๋จงฟูมาก่อน แต่ได้ยินกิตติศัพท์เป็นคนตรง เพราะฉะนั้น จึงออกแรงสนับสนุนพวกเขาในราชสำนัก ทั้งสองจึงถูกราชสำนักเรียกตัวมารับตำแหน่งราชทูต   

        อีกเรื่องหนึ่ง เจียงซุ่นกง กับเหวินหลู่กง ซึ่งไม่เคยพบหน้ากันมาก่อน เพียงได้ยินกิตติศัพท์ว่า เหวินหลู่กง เป็นคนจริงใจต่อคน ดังนั้นเมื่อได้พบกับเหวินหลู่กงก็รีบสนับสนุนเต็มที่ต่อฮ่องเต้ ต่อมาเหวินหลู่กงจึงออกจากทหารเข้าสู่อำมาตย์ ทำคุณให้แก่ประเทศชาติ 

        อีกเรื่องหนึ่ง นายหยางเจิ้ง เป็นคนรักคนมีวิชา รู้ว่าที่เจียงเปี่ยว  นายหันซือ มีวิชาเหนือคน จึงเขียนกลอนบทหนึ่งมอบให้หันซือว่า "ทุกแห่งเห็นกลอนกลอนนั้นดี รีบดูลักษณะเกินกว่ากลอน ปกติไม่เคยซ่อนคนดี ทุกแห่งเห็นคนพูดถึงหันซือ"   ตัวอย่างข้างต้นจะเห็นว่า  บุคคลเหล่านี้ล้วนไม่มีความเห็นแก่ตัวสักนิดเดียวเขาจะทุ่มแรงสนับสนุนผู้ที่มีความรู้ความสามารถ เพื่อให้เขาได้ช่วยราษฏรช่วยประเทศชาติ คนที่ไม่สามารถช่วยประเทศชาติ หาคนมีวิชามาทำงานแล้ว แถมยังขัดขวางทับถมความก้าวหน้าของคนมีวิชาความรู้อีก ก้เท่ากับตัดขาดคนที่จะมาสร้างบุญวาสนาให้กับประชาชน เหตุดังกล่าวเราก็รู้ว่าการช่วยประเทศชาติให้ได้คนมีวิชาความรู้  เป็นเรื่องมหากุศลที่มีความกรุณายิ่ง ดังนั้น หลักธรรมเดียวกันนี้ก็รู้ได้ว่า การอิจฉาริษยาผู้มีความรู้ คือผู้ที่บาปมหันต์เลย !

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                   คัมภีร์กรรม  เล่ม ๓

                   ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า 

                          วิถีสร้างบุญวาสนา ขจัดภัยพิบัติ 

                                     บทที่หก

                                     ชั่วบาป 

                           คัมภีร์   :  ใช้มนต์ดำฝังรูป

อธิบาย   :  เอาไม้มาแกะสลุกเป็นรูปคน แล้วก็เขียนมนต์คาถาอาคมลงบนรูป จากนั้นก็นำไปฝังดิน เป็นการทำคุณไสยเพื่อทำร้ายคนอื่น ตามกฏของมนต์ดำกล่าวว่า  "หากคนทำชั่วเต็มจำนวนสองพันเจ็ดร้อยข้อ ก็จะเกิดมหันตภัย ในบ้านจะมีพ่อมดแม่มด พวกพ่อมดแม่มดก็คือคนที่ทำชั่วมาแต่อดีตชาติ ปัจจุบันก็มาช่วยคนใช้ลัทธิมารไสยเวท เสกอาคมฝังรูป เท่ากับเพิ่มเติมโทษบาปของตนมากยิ่งขึ้น  ชาติหน้าต้องร่องสู่นรกภูมิแน่นอน !  อย่างไรก็ตามก็มีคนจิตใจชั่ว คิดทำร้ายคนอื่น จึงใช้พ่อมดหมอผีทำพิธีเสกฝังรูปรอย คนชั่วประเภทนี้ มีโทษบาปทำร้ายผู้อื่น ถ้าเป็นกฏหมายบ้านเมือง ก็คือ มีโทษขั้นประหาร  ถ้าเป็นกฏยมโลกยิ่งหนักกว่านี้อีก" 

นิทาน   :  ในสมัยถัง ที่อำเภอหวังอู ปลัดอำเภอนายกงซุนจั้ว เพิ่งจะมารับหน้าที่ก็เกิดตายลงกระทันหัน วันหนึ่ง เขาก็ไปเข้าฝันนายอำเภอว่า "ฉันมีแค้น ขอร้องผู้ใหญ่ช่วยชำระแค้นให้ด้วย !  ชะตาชีวิตของฉันยังไม่ถึงกำหนดตายเลย  แต่ถูกพวกบ่าวในบ้นใช้มนต์ดำฝังรูปลัทธิมารทำร้ายฉัน เพื่อพวกเขาจะได้ขโมยทรัพย์สินของฉันได้สะดวก บ้านของฉันอยูที่เหออิน  หากท่านผู้ใหญ่อาจใช้วิีธีลับ  ใช้ให้ลูกน้องฝึกปรือมาดีแล้ว ถือคำสั่งไปที่เหออินจับคน มั่นใจว่าจับคนได้ไม่หลุด  ที่หน้าบ้านของฉันตรงชายคาด้านตะวันออกนับไปได้ 7 แผ่นกระเบื้อง ใต้กำแพงได้ฝังรูปแกะสลักตัวฉันเป็นไม้ บนหน้ามีผ้าตรึงไว้ เวลาผ่านไปนานแล้ว  ตอนนี้มันกำลังจะเปื่อย"  วันรุ่งขึ้น นายอำเภอก็คัดเลือกคนที่มีความสามารถ ถือคำสั่งไปจับคนที่เหออิน และเขียนหนังสือราชการ รายงานให้นายอำเภอเหออินทราบ ให้จับบ่าวทั้งหมดในบ้านของกงซุนจั้ว แล้วก็ค้นหาตามที่ฝัน ในที่สุดก็ขุดพบไม้ท่อนหนึ่งยาวประมาณฟุตหนึ่งที่ใต้ชายคา หน้าบ้านของกงซุนจั้ว บนใบหน้ามีตะปูตอกเต็มไปหมด ไม้ก็เริ่มเน่าเปื่อย เวลาตีก็ยังมีเสียงโอ้ยออกมา ทั้งข้าวเปลือกและข้าวสาลีของบ้านกงซุนจั้วถูกบ่าวนำไปขายจนเกลี้ยง คำสั่งอำเภอก็รายงานให้ผู้ว่าู้ตามความเป็นจริง แล้วก็ลงโทษพวกบ่าวตามโทษสูงสุด

        ตั้งแต่โบราณกาลมา คาถาอาคมไสยศาสตร์ เริ่มต้นจากผู้หญิงและเมียน้อย  เพราะพวกนางคิดอยากอาศัยเอาสิ่งเหล่านั้นมาเป็นฐานอำนาจ หวังที่จะได้รับความรักใคร่ไปตลอด เทียบกับพวกโลภทรัพย์สิน ร้ายกว่านัก เพราะฉะนั้น เราควรจะบำเพ็ญกายปกครองบ้าน ต้องระมัดระวังประตูหน้าต่าง ไม่ให้พวกพ่อมดหมอผีย่างกายเข้ามาในบ้านเด็ดขาด แม้กระทั่งการพบปะกับพวกเขา  อย่างนี้จึงเป็นการตัดไฟแต่หัวลม ทางการก็ควรที่จะเข้มงวดห้ามไม่ให้มีการกระทำเดรัจฉานวิชา เพื่อเป็นการตัดทางให้มีการทำร้ายชาวบ้านได้ บุญกุศลแบบนี้มากมายนัก

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                  คัมภีร์กรรม  เล่ม ๓

                   ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า 

                          วิถีสร้างบุญวาสนา ขจัดภัยพิบัติ 

                                     บทที่หก

                                     ชั่วบาป 

                           คัมภีร์   :  ใช้ยาฆ่าต้นไม้

อธิบาย   :  เป็นการใช้ยาพิษฆ่าต้นหญ้าต้นไม้  ในโลกนี้ หญ้าต้นหนึ่ง ไม้ต้นหนึ่ง ล้วนฟ้าดินสวรรค์สร้างมอบกลไกการเกิดให้ นักศึกษาของท่านขงจื่อ ชื่อเกาไฉ  พวกต้นไม้ที่กำลังเจริญเติบโต เขาจะไม่ไปฟันหรือตัดมัน เพราะฉะนั้น ท่านขงจื่อจึงยกย่องเกาไฉว่า เป็นผู้ที่มีเมตตา พุทธองค์เคยตรัสว่า "ต้นไม้ที่มีอายุนาน ล้วนมีผี เทพอาศัยสถิตอยู่ข้างบน  เพราะฉะนั้นจะไปตัด ฟันล้มได้อย่างไร ถ้าไปตัด ไปฟันให้ล้มแล้วภัยพิบัติก็จะตามมา เพราะฉะนั้นไปฟันยังไม่ได้เลย มีหรือจะเอายาพิษไปฆ่าต้นไม้ไปใส่มัน

นิทาน   :  หยูเหวินเหยา เป็นชาวเถาหยวน มีนิสัยโหดเหี้ยมไม่ถูกกับข้างบ้าน เขาจึงแอบเอายาพิษไปใส่ที่ต้นไม้ต่าง ๆ ที่ข้างบ้านไว้จนตายหมด อยู่มาวันหนึ่ง ขณะที่หยูเหวินเหยากลับจากข้างนอก ขณะที่ใจป้ำ ๆ เป๋อ ๆ เขาเห็นโคมไฟลุกโชติช่วง  ได้ยินเสียงทหารและอาวุธสับสนในที่สุดเขาก็ถูกทหารจับมัดไว้ ผลักเขาเข้าไปในป่ามีเทพเจ้าตนหนึ่งดุด่าเขาว่า  "ต้นหญ้าต้นไม้ก็มีชีวิต ที่ฟ้าประทานา"  เจ้าทำไมจึงโกรธทำลายพวกมันฆ่าพวกมันตาย การกระทำของเจ้าเช่นนี้ เป็นเพราะอวัยวะภายในของเจ้าไม่ปกติ"  แล้วก็มีคำสั่งให้พวกทหารผ่า้องของเขา และแล้วเขาก็ให้รู้สึกปวดท้องไส้เป็นโรคประหลาดและตายลง 

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                   คัมภีร์กรรม  เล่ม ๓

                   ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า 

                          วิถีสร้างบุญวาสนา ขจัดภัยพิบัติ 

                                     บทที่หก

                                     ชั่วบาป 

                           คัมภีร์   :  โกรธแค้นครูอาจารย์

อธิบาย   :  เนื่องจากครูอาจารย์สั่งสอนตำหนิโทษ เลยทำให้โกรธแค้นต่อครูบาอาจารย์ การโกรธแค้นครูบาอาจารย์กับการเหยียดหยามครูไม่เหมือนกัน การเหยียดหยามครูโดยไม่มีสาเหตุ  เป็นการดูหมิ่นดูแคลน แต่การโกรธแค้นครูอาจารย์เนื่องจากการสั่งสอนหรือตำหนิโทษ ในสมัยโบราณกฏระเบียบที่ศิษย์ต้องรับใช้อาจารย์ จะฝ่าฝืนล่วงเกินอาจารย์ไม่ได้ และจะปิดบังความผิดกับอาจารย์ก็ไม่ได้ โอวาทหรือการชี้แนะของอาจารย์ จะต้องน้อมรับด้วยใจสงบ จะไปโกรธแค้นอาจารย์ได้อย่างไร ?.  ถ้าไม่โกรธแค้นอาจารย์ที่ว่ากล่าวตักเตือนสั่งสอนแล้วละก็ ถือว่าเขาเป็นคนที่มีบุญน้อยไร้วาสนา

นิทาน   :  ในสมัยหมิง นายวังหุ้ยเต้า เป็นคนฉลาดหัวใจเกินคน หนังสือที่อ่านผ่านก็ไม่ลืม แถมยังท่องได้ทั้งที่อายุแค่ 8 ปี ก็เขียนบทความได้ แต่อากัปกิริยาของเขาที่มีต่ออาจารย์ เป็นคนหยิ่งยะโส อะไรที่ไ่พอใจนิดเดียว บังเอิญเกิดสะอึกขึ้นมา ก็มีผีตัวหนึ่งกระโดดออกจากปากของเขาและชี้มาที่เขาแล้วพูดว่า "วังหุ้ยเต้า  อันที่จริงเธอสามารถสอบได้ ตำแหน่งจอหงวน แต่เพราะเธอโกรธแค้นและไม่เคารพอาจารย์ พระเจ้าจึงริบเอาตำแหน่งและบุญของเจ้าไป ข้าก็จะไปจากเธอเหมือนกัน !"  พูดจบผีก็ไม่เห็นแล้ว วังหุ้ยเต้า มาถึงตอนนี้เปิดหนังสือที่เคยอ่านมาแล้ว กลับไม่รู้จักเลย แม้แต่ตัวเดียว

Tags:
 

มหาปณิธาน

พระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ (地藏王菩薩)

มหาปณิธานพระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ (地藏王菩薩)

“...เพื่อหมู่สัตว์ทั้งหกภูมิผู้มีบาปทุกข์ ข้าพเจ้าจะใช้วิธีการต่างๆ ช่วยให้หลุดพ้นจนหมดสิ้น แล้วตัวข้าพเจ้าจึงจะสำเร็จพระพุทธมรรค”