collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: คัมภีร์กรรม ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า : คำนำ  (อ่าน 144291 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                   คัมภีร์กรรม  เล่ม ๓

                   ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า 

                          วิถีสร้างบุญวาสนา ขจัดภัยพิบัติ 

                                     บทที่หก

                                     ชั่วบาป 

                           คัมภีร์   :  เห็นเขาสามารถควรยกย่องกลับทับถม

อธิบาย   :  เมื่อเห็นความสามารถของคนอื่น ควรยกย่องสรรเสริญเผยแพร่ไปไกล แต่ไม่ยกย่องไม่เผยแพร่ กลับจะสกัดกั้นทับทมเขา  "เห็นความสามารถผู้อื่นกลับทับถม"  ข้อนี้ต่างจากข้อ "ปกปิดการทำดีของผู้อื่น"  กับ  "ขัดขวางความดีของผู้อื่น"  ปกปิดหมายถึงการซ่อนเร้นปิดบัง  ขัดดขวาง หมายถึงการสกัดตัดขาดซึ่งมีอาการของการเจ็บปวด และการยกย่องกลับไม่ยกย่องแต่กลับทับถม  ซึ่งการกระทำเช่นนี้มีโทษเบากว่า  "ปกปิดการทำดีของผู้อื่น" และ  "ขัดขวางความดีของผู้อื่น"  เล็กน้อย  อย่างไรก็ตาม เมื่อวิเคราะห์ด้วยหลักเหตุผลแล้ว ก็จะละเอียดลึกขึ้น ! 

นิทาน   :  ในยุคจ้านกั๊ว นายลี่ซือและหันเฟย ล้วนเป็นศิษย์ของซุ่นเข่ง  ลี่ซือก็รู้ว่าภูมิปัญญาของตนสู้หันเฟยไม่ได้ กษัตริย์ฉินเห็นงานเขียนของหันเฟยที่พูดเกี่ยวกับความลำบาก โกรธแค้นจนออกไปหาหันเฟยทันที  ต่อมากษัตริย์หันส่งหันเฟยไปเป็นทูตไปเมืองฉิน กษัตริย์ฉินสนทนากับหันเฟยจนรู้สึกใจหายขณะนั้น  ลี่ซือกลัวว่า หันเฟยจะได้รับความเอ็นดูจากกษัตริย์ฉิน จึงเท็จทูลเรื่องไม่ดีของหันเฟย จนทำให้หันเฟยถูกจองจำ หันเฟยคิดอยากเข้าเฝ้ากษัตริย์ฉินด้วยตนเอง แต่ลี่ซือไม่ยอมให้โอกาส แถมบังคับให้หันเฟยกินยาพิษตาย  ดังนั้นหันเฟยจึงตายในเรือนจำ  ต่อมาลี่ซือก็ถูกอำมาตย์จ้าวเกาใส่ร้ายจนถูกจองจำ ลี่ซือคิดจะเข้าเฝ้ากษัตริย์ฉินเพื่อเล่าความบ้าง จ้าวเกาก็ไม่ให้โอกาสแก่ลี่ซือเช่นกัน ต่อมาคนทั้งบ้านของลี่ซือก็ถูกตัดหัวทั้งบ้าน คนทีู่้รู้จักธรรมะก็จะรู้ว่าธรรมแห่งฟ้าตอบสนองได้ดี การตอบสนองของเหตุผลต้นกรรม

อธิบายเพิ่ม   :  นายซุนเซี้ยชาวเหมยซันในสมัยซ่ง เขาไม่เคยรู้จักนายถังไก้และนายอู๋จงฟูมาก่อน แต่ได้ยินกิตติศัพท์เป็นคนตรง เพราะฉะนั้น จึงออกแรงสนับสนุนพวกเขาในราชสำนัก ทั้งสองจึงถูกราชสำนักเรียกตัวมารับตำแหน่งราชทูต   

        อีกเรื่องหนึ่ง เจียงซุ่นกง กับเหวินหลู่กง ซึ่งไม่เคยพบหน้ากันมาก่อน เพียงได้ยินกิตติศัพท์ว่า เหวินหลู่กง เป็นคนจริงใจต่อคน ดังนั้นเมื่อได้พบกับเหวินหลู่กงก็รีบสนับสนุนเต็มที่ต่อฮ่องเต้ ต่อมาเหวินหลู่กงจึงออกจากทหารเข้าสู่อำมาตย์ ทำคุณให้แก่ประเทศชาติ 

        อีกเรื่องหนึ่ง นายหยางเจิ้ง เป็นคนรักคนมีวิชา รู้ว่าที่เจียงเปี่ยว  นายหันซือ มีวิชาเหนือคน จึงเขียนกลอนบทหนึ่งมอบให้หันซือว่า "ทุกแห่งเห็นกลอนกลอนนั้นดี รีบดูลักษณะเกินกว่ากลอน ปกติไม่เคยซ่อนคนดี ทุกแห่งเห็นคนพูดถึงหันซือ"   ตัวอย่างข้างต้นจะเห็นว่า  บุคคลเหล่านี้ล้วนไม่มีความเห็นแก่ตัวสักนิดเดียวเขาจะทุ่มแรงสนับสนุนผู้ที่มีความรู้ความสามารถ เพื่อให้เขาได้ช่วยราษฏรช่วยประเทศชาติ คนที่ไม่สามารถช่วยประเทศชาติ หาคนมีวิชามาทำงานแล้ว แถมยังขัดขวางทับถมความก้าวหน้าของคนมีวิชาความรู้อีก ก้เท่ากับตัดขาดคนที่จะมาสร้างบุญวาสนาให้กับประชาชน เหตุดังกล่าวเราก็รู้ว่าการช่วยประเทศชาติให้ได้คนมีวิชาความรู้  เป็นเรื่องมหากุศลที่มีความกรุณายิ่ง ดังนั้น หลักธรรมเดียวกันนี้ก็รู้ได้ว่า การอิจฉาริษยาผู้มีความรู้ คือผู้ที่บาปมหันต์เลย !

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                   คัมภีร์กรรม  เล่ม ๓

                   ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า 

                          วิถีสร้างบุญวาสนา ขจัดภัยพิบัติ 

                                     บทที่หก

                                     ชั่วบาป 

                           คัมภีร์   :  ใช้มนต์ดำฝังรูป

อธิบาย   :  เอาไม้มาแกะสลุกเป็นรูปคน แล้วก็เขียนมนต์คาถาอาคมลงบนรูป จากนั้นก็นำไปฝังดิน เป็นการทำคุณไสยเพื่อทำร้ายคนอื่น ตามกฏของมนต์ดำกล่าวว่า  "หากคนทำชั่วเต็มจำนวนสองพันเจ็ดร้อยข้อ ก็จะเกิดมหันตภัย ในบ้านจะมีพ่อมดแม่มด พวกพ่อมดแม่มดก็คือคนที่ทำชั่วมาแต่อดีตชาติ ปัจจุบันก็มาช่วยคนใช้ลัทธิมารไสยเวท เสกอาคมฝังรูป เท่ากับเพิ่มเติมโทษบาปของตนมากยิ่งขึ้น  ชาติหน้าต้องร่องสู่นรกภูมิแน่นอน !  อย่างไรก็ตามก็มีคนจิตใจชั่ว คิดทำร้ายคนอื่น จึงใช้พ่อมดหมอผีทำพิธีเสกฝังรูปรอย คนชั่วประเภทนี้ มีโทษบาปทำร้ายผู้อื่น ถ้าเป็นกฏหมายบ้านเมือง ก็คือ มีโทษขั้นประหาร  ถ้าเป็นกฏยมโลกยิ่งหนักกว่านี้อีก" 

นิทาน   :  ในสมัยถัง ที่อำเภอหวังอู ปลัดอำเภอนายกงซุนจั้ว เพิ่งจะมารับหน้าที่ก็เกิดตายลงกระทันหัน วันหนึ่ง เขาก็ไปเข้าฝันนายอำเภอว่า "ฉันมีแค้น ขอร้องผู้ใหญ่ช่วยชำระแค้นให้ด้วย !  ชะตาชีวิตของฉันยังไม่ถึงกำหนดตายเลย  แต่ถูกพวกบ่าวในบ้นใช้มนต์ดำฝังรูปลัทธิมารทำร้ายฉัน เพื่อพวกเขาจะได้ขโมยทรัพย์สินของฉันได้สะดวก บ้านของฉันอยูที่เหออิน  หากท่านผู้ใหญ่อาจใช้วิีธีลับ  ใช้ให้ลูกน้องฝึกปรือมาดีแล้ว ถือคำสั่งไปที่เหออินจับคน มั่นใจว่าจับคนได้ไม่หลุด  ที่หน้าบ้านของฉันตรงชายคาด้านตะวันออกนับไปได้ 7 แผ่นกระเบื้อง ใต้กำแพงได้ฝังรูปแกะสลักตัวฉันเป็นไม้ บนหน้ามีผ้าตรึงไว้ เวลาผ่านไปนานแล้ว  ตอนนี้มันกำลังจะเปื่อย"  วันรุ่งขึ้น นายอำเภอก็คัดเลือกคนที่มีความสามารถ ถือคำสั่งไปจับคนที่เหออิน และเขียนหนังสือราชการ รายงานให้นายอำเภอเหออินทราบ ให้จับบ่าวทั้งหมดในบ้านของกงซุนจั้ว แล้วก็ค้นหาตามที่ฝัน ในที่สุดก็ขุดพบไม้ท่อนหนึ่งยาวประมาณฟุตหนึ่งที่ใต้ชายคา หน้าบ้านของกงซุนจั้ว บนใบหน้ามีตะปูตอกเต็มไปหมด ไม้ก็เริ่มเน่าเปื่อย เวลาตีก็ยังมีเสียงโอ้ยออกมา ทั้งข้าวเปลือกและข้าวสาลีของบ้านกงซุนจั้วถูกบ่าวนำไปขายจนเกลี้ยง คำสั่งอำเภอก็รายงานให้ผู้ว่าู้ตามความเป็นจริง แล้วก็ลงโทษพวกบ่าวตามโทษสูงสุด

        ตั้งแต่โบราณกาลมา คาถาอาคมไสยศาสตร์ เริ่มต้นจากผู้หญิงและเมียน้อย  เพราะพวกนางคิดอยากอาศัยเอาสิ่งเหล่านั้นมาเป็นฐานอำนาจ หวังที่จะได้รับความรักใคร่ไปตลอด เทียบกับพวกโลภทรัพย์สิน ร้ายกว่านัก เพราะฉะนั้น เราควรจะบำเพ็ญกายปกครองบ้าน ต้องระมัดระวังประตูหน้าต่าง ไม่ให้พวกพ่อมดหมอผีย่างกายเข้ามาในบ้านเด็ดขาด แม้กระทั่งการพบปะกับพวกเขา  อย่างนี้จึงเป็นการตัดไฟแต่หัวลม ทางการก็ควรที่จะเข้มงวดห้ามไม่ให้มีการกระทำเดรัจฉานวิชา เพื่อเป็นการตัดทางให้มีการทำร้ายชาวบ้านได้ บุญกุศลแบบนี้มากมายนัก

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                  คัมภีร์กรรม  เล่ม ๓

                   ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า 

                          วิถีสร้างบุญวาสนา ขจัดภัยพิบัติ 

                                     บทที่หก

                                     ชั่วบาป 

                           คัมภีร์   :  ใช้ยาฆ่าต้นไม้

อธิบาย   :  เป็นการใช้ยาพิษฆ่าต้นหญ้าต้นไม้  ในโลกนี้ หญ้าต้นหนึ่ง ไม้ต้นหนึ่ง ล้วนฟ้าดินสวรรค์สร้างมอบกลไกการเกิดให้ นักศึกษาของท่านขงจื่อ ชื่อเกาไฉ  พวกต้นไม้ที่กำลังเจริญเติบโต เขาจะไม่ไปฟันหรือตัดมัน เพราะฉะนั้น ท่านขงจื่อจึงยกย่องเกาไฉว่า เป็นผู้ที่มีเมตตา พุทธองค์เคยตรัสว่า "ต้นไม้ที่มีอายุนาน ล้วนมีผี เทพอาศัยสถิตอยู่ข้างบน  เพราะฉะนั้นจะไปตัด ฟันล้มได้อย่างไร ถ้าไปตัด ไปฟันให้ล้มแล้วภัยพิบัติก็จะตามมา เพราะฉะนั้นไปฟันยังไม่ได้เลย มีหรือจะเอายาพิษไปฆ่าต้นไม้ไปใส่มัน

นิทาน   :  หยูเหวินเหยา เป็นชาวเถาหยวน มีนิสัยโหดเหี้ยมไม่ถูกกับข้างบ้าน เขาจึงแอบเอายาพิษไปใส่ที่ต้นไม้ต่าง ๆ ที่ข้างบ้านไว้จนตายหมด อยู่มาวันหนึ่ง ขณะที่หยูเหวินเหยากลับจากข้างนอก ขณะที่ใจป้ำ ๆ เป๋อ ๆ เขาเห็นโคมไฟลุกโชติช่วง  ได้ยินเสียงทหารและอาวุธสับสนในที่สุดเขาก็ถูกทหารจับมัดไว้ ผลักเขาเข้าไปในป่ามีเทพเจ้าตนหนึ่งดุด่าเขาว่า  "ต้นหญ้าต้นไม้ก็มีชีวิต ที่ฟ้าประทานา"  เจ้าทำไมจึงโกรธทำลายพวกมันฆ่าพวกมันตาย การกระทำของเจ้าเช่นนี้ เป็นเพราะอวัยวะภายในของเจ้าไม่ปกติ"  แล้วก็มีคำสั่งให้พวกทหารผ่า้องของเขา และแล้วเขาก็ให้รู้สึกปวดท้องไส้เป็นโรคประหลาดและตายลง 

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                   คัมภีร์กรรม  เล่ม ๓

                   ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า 

                          วิถีสร้างบุญวาสนา ขจัดภัยพิบัติ 

                                     บทที่หก

                                     ชั่วบาป 

                           คัมภีร์   :  โกรธแค้นครูอาจารย์

อธิบาย   :  เนื่องจากครูอาจารย์สั่งสอนตำหนิโทษ เลยทำให้โกรธแค้นต่อครูบาอาจารย์ การโกรธแค้นครูบาอาจารย์กับการเหยียดหยามครูไม่เหมือนกัน การเหยียดหยามครูโดยไม่มีสาเหตุ  เป็นการดูหมิ่นดูแคลน แต่การโกรธแค้นครูอาจารย์เนื่องจากการสั่งสอนหรือตำหนิโทษ ในสมัยโบราณกฏระเบียบที่ศิษย์ต้องรับใช้อาจารย์ จะฝ่าฝืนล่วงเกินอาจารย์ไม่ได้ และจะปิดบังความผิดกับอาจารย์ก็ไม่ได้ โอวาทหรือการชี้แนะของอาจารย์ จะต้องน้อมรับด้วยใจสงบ จะไปโกรธแค้นอาจารย์ได้อย่างไร ?.  ถ้าไม่โกรธแค้นอาจารย์ที่ว่ากล่าวตักเตือนสั่งสอนแล้วละก็ ถือว่าเขาเป็นคนที่มีบุญน้อยไร้วาสนา

นิทาน   :  ในสมัยหมิง นายวังหุ้ยเต้า เป็นคนฉลาดหัวใจเกินคน หนังสือที่อ่านผ่านก็ไม่ลืม แถมยังท่องได้ทั้งที่อายุแค่ 8 ปี ก็เขียนบทความได้ แต่อากัปกิริยาของเขาที่มีต่ออาจารย์ เป็นคนหยิ่งยะโส อะไรที่ไ่พอใจนิดเดียว บังเอิญเกิดสะอึกขึ้นมา ก็มีผีตัวหนึ่งกระโดดออกจากปากของเขาและชี้มาที่เขาแล้วพูดว่า "วังหุ้ยเต้า  อันที่จริงเธอสามารถสอบได้ ตำแหน่งจอหงวน แต่เพราะเธอโกรธแค้นและไม่เคารพอาจารย์ พระเจ้าจึงริบเอาตำแหน่งและบุญของเจ้าไป ข้าก็จะไปจากเธอเหมือนกัน !"  พูดจบผีก็ไม่เห็นแล้ว วังหุ้ยเต้า มาถึงตอนนี้เปิดหนังสือที่เคยอ่านมาแล้ว กลับไม่รู้จักเลย แม้แต่ตัวเดียว

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                      คัมภีร์กรรม  เล่ม ๓

                   ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า 

                          วิถีสร้างบุญวาสนา ขจัดภัยพิบัติ 

                                     บทที่หก

                                     ชั่วบาป 

                           คัมภีร์   :  ขัดต่อพ่อ พี่

อธิบาย   :  กระทบกระทั่งล่วงเกินบิดาและพี่ชาย เป็นการกระทำที่ขัดขืนไม่ตามใจจึงล่วงเกินเข้า ควรรู้ว่าบิดาและพี่ชายอยู่ในอันดับต้น ๆ ของมนุษย์สัมพันธ์ห้า  และความกตัญญู ความรักในพี่น้องก็เป็นอันดับแรก ๆ ของคุณธรรม เพราะฉะนั้นจึงต้องเคารพทำตามบิดาและพี่ชาย การพูดจาต้องนุ่มนวล สีหน้าต้องไม่โกรธหรือแสดงความไม่พอใจ ถึงแม้บางครั้งบิดาจะลำเอียงไปบ้าง ถึงพี่ชายจะรังแกข่มเหงตนเอง ก็ต้องจำยอมและอธิบายให้เข้าใจ ให้มาสำรวจตนเองและบำเพ็ญ แม้บิดาและพี่ชายยังไม่เข้าใจและไม่ยอมเปลี่ยนแปลงก็ยังต้องสงบอารมณ์ นาน ๆ ไป ก็จะรู้สึกว่าการกระทำของตนเหมาะสม ถ้าหากตนเอาแต่โกรธ ก็อาจมีบาปกรรมที่ล่วงเกินบิดาและพี่ชาย ก็จะเป็นการละเมิดกฏมนุษย์สัมพันธ์ ขัดขืนหลักธรรมกตัญญูและความรักในพี่น้อง แล้วฟ้าดินก็จะไม่ยอมรับ

นิทาน   :  เฟ้ยหงชาวเมืองหงอหู กำลังเล่นหมากรุกกับเพื่อนคนหนึ่งต่างก็จะชิงชนะต่อกัน เฟ้ยหงก็เล่นสนุกใช้มือตบเพื่อนไปทีหนึ่ง ทำให้เพื่อนไม่พอ เฟ้ยหงเองก็รู้สึกเสียใจ เขาจะไปที่บ้านของเพื่อนทุกวันเพื่อขอโทษ แต่เพื่อนของเขาก็ไม่ยอมลงมาพบเขาอีกเลย บิดาของเฟ้ยหง รู้เรื่องเข้าก็รู้สึกโกรธ จึงส่งไม้เรียวอันหนึ่งไปที่เมืองหลวง (บิดาอยู่บ้านนอก)  สั่งให้เฟ้ยหงใช้ไม้เรียวตีตนเอง  เมื่อเฟ้ยหงได้รับไม้และจดหมายจากบิดา ก็ไปยังบ้านเพื่อน ตนเองก้เอาไม้นั้นตีตนเองถึง ๓ ครั้ง  ตอนนี้เองเพื่อนจึงยอมออกมาพบหน้า ทั้งสองกอดกันแล้วพากันร้องไห้ เฟ้ยหงพูดว่า "นี่เป็นเพราะข้าหาเรื่องเอง เจ้าจะร้องไห้ทำไม"  เพื่อนตอบว่า "เพราะเจ้ายังมีบิดาคอยกำกับดูแล คอยตักเตือนเธอ ข้าเองแม้ยากหาคนคอยกำกับตักเตือนก็ไม่มีเสียแล้ว"  จากนั้นมาคนทั้งสองก็เพื่อนกันดุจเดิม

        เมื่อพิจารณาจากเรื่องนี้ ถึงแม้บิดาจะตายจากไปแล้ว แต่เมื่อพบกับสภาวการณ์เช่นนี้ ยังรู้สึกเจ็บปวดเลย เราก็สามารถรู้ได้ว่ายามบิดาของเขายังมีชีวิตอยู่ เขาก็จะไม่ขัดต่อบิดาเป็นแน่แท้ !  อย่างไรก็ตามปัจจุบันนี้ แม้บิดาส่วนใหญ่ยังมีชีวิตอยู่ แต่การอยู่ด้วยกันมีไม่มากแล้ว ชีวิตคนเราช่วงสั้น ๆ กับการพลัดพราก คิดแล้วก็ทำให้คนเจ็บปวด แล้วเราจะไม่กตัญญูไม่รักพี่รักน้องอีกหรือ !     

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                   คัมภีร์กรรม  เล่ม ๓

                   ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า 

                          วิถีสร้างบุญวาสนา ขจัดภัยพิบัติ 

                                     บทที่หก

                                     ชั่วบาป 

                           คัมภีร์   :  ใช้แรงขู่เข็ญเอา  ชอบรุกรานแย่งชิง

อธิบาย   :  ใช้วิธีรุนแรงบังคับเพื่อให้ได้เงินมา  หรือใช้พละกำลังเพื่อให้ผู้อื่นจ่ายเงิน หรือชอบใช้วิธีรุกรานคนอื่น หรือใช้วิธีแย่งเอา  ของสิ่งใดก็ตามถ้าไม่ใช่เป็นของที่เราควรได้ แต่ก็คิดจะเอาให้ได้อย่างเดียว อย่างนี้เรียกว่าใช้แรง การให้ผู้อื่นส่งของให้เราต้องการให้เราใช้เรียกว่า ขู่เข็ญเอา การใช้แผนการอันตรายแอบเอาของผู้อื่นมาเรียกว่า รุกราน ใช้อิทธิพลเอาของเขามาเรียกว่าแย่งชิง การได้ของเขามาด้วยวิธีการเหล่านี้ แน่นอนสิ่งของได้มาซึ่งชะตาชีวิตของเราไม่มีไม่ควรได้ อีกหน่อยก็ต้องถูกคนอื่นเขาเอาไป 
        คุณเจิ้นซองกล่าวว่า "เท่าที่ข้าสำรวจดู สิ่งที่เรียกว่าเงินนี้เป็นของที่ทุกคนพอใจอยากได้ แล้วใช้อิทธิพลไปแย่งชิง แม้แต่สายเลือดเดียวกัน เงินก็ก่อให้เกิดการแย่งชิง บุคคลมีชื่อที่เรารู้จัก เพราะเงินจึงทำลายชื่อเสียง นักธุรกิจยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อเงิน แม้แต่ประชาชนในชนบทที่ต่อสู้ฆ่ากันเพื่อเงิน อย่างไรก็ตามเงินทองเป็นสิ่งที่มันมาได้ก็ไปได้ ฐานะก็เปลี่ยนแปลงเห็นได้ชัด และก็กลับกลายเป็นคนยากจนอย่างรวดเร็ว  เงินทองในโลกนี้มันมีเล่ห์กระเท่ห์กล่อมเกลาชาวโลก แต่ส่วนน้อยที่เป็นบุญวาสนาตอบสนอง กลับเป็นเคราะห์ภัยตอบสนองเสียเป็นส่วนใหญ่ เพราะฉะนั้น เงินทองจึงคร่าชีวิตคนไปแล้วมากมายนัก โปรดพิจารณามองกันให้แจ่มชัด จงเป็นนายมันอย่าตกเป็นทาสมัน

นิทาน   :  ที่เมืองจ้าว เหว่ยกงเสวียง ขณะวัยหนุ่มยากจนมาก การเลี้ยงดูมารดาเป็นไปด้วยความฝืดเคือง สองสามีภรรยาจึงร้องไห้คร่ำครวญตลอกคืน พอรุ่งขึ้น ขณะกวาดบ้านอยู่ ก้พบมีเงินก้อนหนึ่งหนัก ๒๕ ตำลึง ด้วยเหตุนี้ชีวิตจึงค่อยดีขึ้นบ้าง ภายหลังเหว่ยกงเสวียงได้เป็นถึงเสนาบดี  มีเงินเดือน ๑๐๐ ตำลึง ตอนที่เบิกจากกองคลังมา พอรับผ่านมาก็หายไป ๒๕ ตำลึง คิดว่าพรุ่งนี้จะไปแจ้งเจ้าหน้าที่แผนกการเงิน คืนนั้นก็ฝันว่าเทพเจ้ามาบอกเขาว่า วันนั้นเดือนนั้น ปีนั้น  เธอได้ยืมไปจำนวนหนึ่งแล้ว  ควรจะรู้ว่า แม้ในชะตาจะมีเงิน แต่เมื่อดวงชะตายังไม่ถึง ก็ไม่ควรใช้แรงขู่เข็ญเอา แล้วพวกที่ในชะตาไม่มีเงินจะไปรุกรานแย่งชิงเอาหรือ ? 

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                   คัมภีร์กรรม  เล่ม ๓

                   ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า 

                          วิถีสร้างบุญวาสนา ขจัดภัยพิบัติ 

                                     บทที่หก

                                     ชั่วบาป 

                           คัมภีร์   :  ปล้นจนร่ำรวย

อธิบาย   :  ใช้พละกำลังปล้นชิงทรัพย์ผู้อื่นจนร่ำรวย ข้าราชการที่รีดนาทาเร้นราษฏร เบียดดบังประโยชน์ส่วนตน หรือพวกแก้งวายร้ายที่ข่มขู่ขูดดอกเบี้ยหนัก ๆ เช่นเจ้าพ่อเจ้าแม่เงินกู้ดอกดหด เหล่านี้คือการปล้นจนร่ำรวย วิธีการเช่นนี้ทำให้บ้านเขาแตกสลาย เป็นธุรกิจชั่วที่ทำให้ลูกเมีย ชาวบ้านน้ำตาตก เพราะเงินที่ได้มาโดยวิธีนี้ จะอยู่เย็นเป็นสุขได้อย่างไร ?. เคยได้ยินนิทานเรื่องกระปุกเต็มไหม กระปุกสมัยก่อนทำ้ด้วยกระเบื้อง ข้างบนจะมีรูให้ใส่เงินเข้าไป ใส่เข้าได้เอาออกไม่ได้ เขาใช้เป็นกระปุกออมสิน ต่อเมื่อใส่เงินเต็มแล้ว ก็ทุบกระปุกแตกเพื่อเอาเงินมาใช้ เพราะฉะนั้นเวลาใส่เงินก็กลัวว่ามันยังไม่เต็ม พอเต็มก็ทุกแตกจึงเลิก ถึงตอนนี้เงินก็หมดไป กระปุกก็แตกไปหรือหมดทั้งสองฝ่าย เพราะฉะนั้น ยิ่งสะสมมากก็หายไปมากเหมือนกระปุกเต็ม การปล้นเขาก็เหมือนหาเงินใส่กระปุกจนเต็ม

นิทาน   :  ในสมัยซ่งเหวินหลู่กง รับตำแหน่งหัวหน้าศาล ที่เมืองฉางอัน วันหนึ่งเขาเดินทางไปที่เขื่อนวิ่งวัว ที่นั่นมีวัวตัวหนึ่ง เกิดพูดภาษาคนขึ้นมาทันใดว่า  "ข้ากับเหวินหลู่กงเป็นข้าราชการร่วมสำนักมา ๒๐ ปี วันนี้ข้าจะเอาหน้าที่ไหนไปพบเขาเล่า "  ทหารที่ดูแลเขื่อนก็เล่าเรื่องนี้ให้เหวินหลู่กงทราบ เหวินหลู่กงก็ให้คนไปจูงวัวตัวนั้นมา วัวตัวนั้นมาถึงก็ได้แต่หมอบกับพื้นแล้วก้มหน้า น้ำตาไหลรินไม่ขาดสาย เหวินหลู่กงจึงพูดกับเขาว่า "เพื่อนร่วมงานฉันตอนมีชีวิตอยู่ก็แอบปปล้นเงินหลวง ปัจจุบันจึงได้รับผลกรรมตอบสนอง"  พูดแล้วก็สั่งให้คนในบ้านที่ดูแลบัญชี เอาเงินไป ๒๐ พวงให้เพิ่มหญ้าแก่วัวตัวนั้นกิน ต้องรู้เอาไว้ว่า ผู้ดูแลเงินแผ่นดิน (สตง.) เป็นเงินภาษีของราษฏร เพื่อนร่วมงานของเหวินหลู่กง ต้องกลายเป็นวัวมาก่อสร้างเขื่อนเพื่อชดใช้หนี้ประชาชน เห็นคดีศึกษาเรื่องนี้แล้ว คนคิดคดโกงต้องพิจารณาให้ดีนะ !   

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                     คัมภีร์กรรม  เล่ม ๓

                   ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า 

                          วิถีสร้างบุญวาสนา ขจัดภัยพิบัติ 

                                     บทที่หก

                                     ชั่วบาป 

                           คัมภีร์   :  ใช้เล่ห์หาก้าวหน้า

อธิบาย   :  ใช้เล่ห์เพทุบายเพื่อความก้าวหน้า ผู้บัณฑิตเมื่อเข้าทำงานเป็นข้าราชบริพารแล้ว ควรจะภักดีซื่อตรงบริสุทธิ์โปร่งใส เอางานหลวงเป็นเหมือนงานตนเอง หากต้องการความก้าวหน้าเลื่อนตำแหน่งแล้วใช้การวิ่งเต้นเล่ห์เหลี่ยมหลอกลวงเพื่อตนเองแล้ว คนประเภทนี้จิตใจก็ไม่เที่ยงตรงเสียแล้ว คนประเภทนี้ทำงานในราชสำนักก็ไม่ภักดี ถ้าเป็นข้าราชการก็จะไม่ซื่อตรง ถ้าหากไปเป็นทูตหรือผู้สำเร็จราชการหรือผู้ว่าราชการ ทำงานปกครองประชาชน เขาจะสามารถรักษาความสุจริตสะอาดได้หรือ เพราะฉะนั้นท่านไท่ชั่ง จึงตักเตือนเป็นพิเศษที่จุดนี้ คน ๆ หนึ่งเมื่อถือกำเนิดมาแล้วไม่ว่ายศฐาบรรดาศักดิ์และทรัพย์ศฤงคารล้วนเบื้องบนกำหนดเอาไว้แล้ว ถึงแม้เขาจะขยันทำมาหากินไปตลอดชีวิต เงินทองก็หาได้เพิ่มขึ้นไม่ !  มันทำให้ผู้รู้ลุถึงหลักธรรมหัวเราะเยาะเอา ถูกผีเทพดุด่าว่าเอา ! 

นิทาน   :  ในสมัยฮ่องเต้ หลิวซ่งเลี้ยวอู ไต้หมิงเป่าและเฉาลั้ง ๓ ผู้ยิ่งใหญ่ในราชสำนัก ถือว่าใช้ได้ พูดว่าให้เรียกฝยเรียกลมได้ทั้งนั้น มีอิทธิพลอำนาจอยู่ระยะหนึ่ง ไม่ว่าผู้ใดถ้าได้รับการสนับสนุนแล้วไม่ผิดหวัง ผ่านฉลุยสะดวกตลอด จะมีก็เพียงแต่นายกู่ไค้ที่ไม่เป็นไปตามนั้น เขาพูดว่า "ตำแหน่งอำนาจวาสนาของคนเบื้องบนได้จดไว้ให้แล้ว ไม่ต้องไปพึ่งพาความฉลาดเล่ห์เพทุบายก็จะเปลี่ยนแปลงได้ มีแต่เพียงการนอบน้อมระมัดระวัง รักษาตนเคร่งครัดเท่านั้น หากคิดเสี่ยงดวงเอาแล้วทำให้การรักษาตนเองเคร่งครัดเสื่อมสูญหรือตามตำแหน่งได้เสียแล้วไม่เกี่ยวข้องกันสักนิด "
        มีผู้ดูคดีศึกษานี้แล้วมาถามฉันว่า "แล้วที่เห็นใช้ความฉลาดเล่ห์เหลี่ยมเพื่อให้ได้ตำแหน่ง ที่เกิดเรื่องราวกันทุกวันนี้ มีเหตุผลอันใดหรือ ?"  ฉันตอบว่า  "นี่ก็เป็นชะตาของเขา ถ้าในชะตาชีวิตไม่มีตำแหน่ง ไม่ว่าจะใช้วิธีการอะไรก็สูญเปล่า แม้จะใช้วิธีหลอกลวงอันตรายก็ได้แต่ปลาซิวปลาสร้อย ถ้าเป็นบัณฑิตก็จะไม่ทำเช่นนี้เด็ดขาด ! " 
        ในสมัยชิง คุณตันถูเฉียนและปันกี่ชังเคยพูดว่า "มนุษย์ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถทะลุฟ้าได้ แต่ก็ไม่สามารถแย่งชิงหรือขัดขืนกับฟ้ากำหนดได้ นอกเสียจากการสั่งสมบุญกุศลก็จะสามารถขืนกับฟ้ากำหนดได้ ถ้าทำแล้วเมื่อวาน วันนี้ก็มีผล การตรวจควบคุมของเทพเจ้าก็ชัดเจนที่สุด อันนี้เป็นทางที่ลัดและเร็วที่สุดด้วย คนที่มีใจเพียงแค่ลองก็จะรู้ได้ ! "

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                    คัมภีร์กรรม  เล่ม ๓

                   ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า 

                          วิถีสร้างบุญวาสนา ขจัดภัยพิบัติ 

                                     บทที่หก

                                     ชั่วบาป 

                           คัมภีร์   :  รางวัลลงโทษไม่เสมอกัน

อธิบาย   :  ให้รางวลัหรือลงโทษเบาหรือหนักเกินไปก็ถือว่าไม่เสมอกัน การให้รางวัลกับผู้ทำงานเหน็ดเหนื่อยหรือลงโทษกับผู้ทำผิด แม้จะผิดพลาดไปนิดเดียวก็ถือว่าไม่เสมอภาคกัน ถ้าหากความเสมอภาคไม่มีอยู่ ใจคนก็จะไม่ยิยยอม อย่างนี้ไม่เพียงไม่สามารถให้รางวัลคนทำงานหรือลงโทษคนทำผิดได้แล้ว กลับกันก็จะเก็บแค้นซึ่งจะนำมาซึ่งภัยเคราะห์ได้มา ! 

นิทาน   :  ท่านขงเบ้งพูดว่า  "ใจของข้าดุจตาชั่ง ไม่สามารถให้คนลดเบาได้นิดหนึ่ง หรือเพิ่มหนักได้หน่อยหนึ่ง !"  เฉินโส่วก็ยกย่องเขาว่า  "ท่านขงเบ้งสามารถพูดได้ว่าเป็นบุคคลที่จงรักภักดีที่สุด เหมาะที่จะเป็นตัวอย่างได้ ! ถึงแม้จะเป็นศัตรู ถ้าหากมีบุญคุณก็ต้องให้รางวัล หากทำผผิด ขี้เกียจไม่ขยันทำงาน แม้จะเป็นญาติมิตร ก็ต้องถูกลงโทษ ถ้าหากยอมรับผิดก็พอมีค่าให้อภัยได้ แม้ที่มีความผิดมากก็จะปล่อยเบาได้ ถ้าหากใช้เล่ห์โต้เถียงแก้ต่างความผิดของตน ถึงแม้ความผิดจะเบาก็ต้องตัดหัวไม่เลี้ยง เพราะฉะนั้นก๊กจ๊วก มีขุนทหารที่สามารถสละชีวิตเพื่อชาติได้ ถึงแม้เหวยเอี้ยงคนขายชาติ ภายใต้การนำของขงเบ้งก็ไม่มีความหมายอะไร ขุนพลลี่ผิงและเหลียวลี  ถึงแม้จะถูกขงเบ้งปลดตำแหน่งลงโทษให้ไปอยู่ชายแดน ก็ไม่มีคำกล่าวแค้นสักคำ เพราะฉะนั้นผู้มีอำนาจให้รางวัลหรือลงโทษ ควรจะเอาขงเบ้งเป็นตัวอย่าง !"   

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                   คัมภีร์กรรม  เล่ม ๓

                   ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า 

                          วิถีสร้างบุญวาสนา ขจัดภัยพิบัติ 

                                     บทที่หก

                                     ชั่วบาป 

                           คัมภีร์   :  เสพสุขเกินเลย

อธิบาย   :  เสพสุขสบายเป็นที่ชอบของทุกคน !  ใบบันทึกธรรมจริยา ว่า  "ความสุขไม่ควรเกินเลย ความหวังไม่ให้ตามอำเภอใจ"  ภาษาชาวบ้านว่า "เมื่อประชาชนทุกข์ลำบากก็จะคิดถึงบุญกุศล เวลาสุขสบายก็นึกถึงเสพกาม !"   จุดมุ่งหมายคือไม่อยากให้ประชาชนจ้องแต่ความสุขสบายถ่ายเดียว ท่านเมิ่งจื่อว่า "มนุษย์มีชีวิตวิตก ตายในสุขสบาย"  นี่ก็ต้องการให้ประชาชนจ้องแต่ความสุขสบาย ถ้าหากเกินเลยก็ไม่มีอะไรมากกว่าสุรานารีทรัพย์ คนปัจจุบันชอบสุราจนไม่สนใจสุขภาพ  เสพกามจนไม่ห่วงเจ็บป่วย  โลภทรัพย์จนไม่สนใจญาติสนิท  เกิดอารมณ์ต่อสู้ก็ไม่คิดถึงชีวิต  ขณะที่ยังไม่พบกับสภาวะเช่นนี้ก็จะไม่รู้จักเหตุผลอันนี้ และก็พูดตักเตือนคนอื่นได้ต่อเมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นกับตัวเองแล้วก็จะเลอะเลือนละเมิดเสียเอง นี่แหละที่เขาว่า เห็นปลงตกแต่ทนไม่ไหว !  ถ้าหากสามารถเข้าใจว่า "เสพสุขเกินเลย"  ก็จะสามารถแก้ไขนิสัยตนเองได้ เจ้าสุรานารีทรัพย์นี่มันคุ้นเคยง่ายและก็ลืมได้ง่าย ถ้าหากบำเพ็ญสนใจใคร่หยากน้อย มีความสบายใจใสสะอาดได้แล้ว ก็สามารถยืนหยัดตั้งฟ้ายันดินได้ ! 

นิทาน   :  พระภิกษุจื้อกง กับ ฮ่องเต้เหลียงอู๋ตี้ สนทนากันเรื่องดนตรี พระภิกษุจิ้อกงจึงทูลให้ฮ่องเต้สั่งให้คนไปนำนักโทษจากคุกมาทดสอบหลายคน ให้เอานักโทษประหารทั้งหมด มีคำสั่งให้นักโทษถือแก้วที่มีน้ำเต็มและให้เดินไปมาหน้าพระที่นั่ง ทั้งพูดว่า "แก้วน้ำของใครไม่หกออกมา ฉันก็จะให้อภัยไม่ต้องโทษประหาร"  พูดจบแล้วก็ให้หน่วยดนตรีบรรเลงดนตรีเพื่อชักจูงพวกเขา ดูว่าพวกเขาจะมีใจลอยหรือไม่ ผลสุดท้ายเมื่อเล่นดนตรีไปนาน ก็ไม่มีน้ำหกออกมาเลยสักคนหนึ่ง ฮ่องเต้ถอนใจยาวและพูดว่า "พวกเจ้าไม่ได้ยินดนตรีหรอกหรือ !"  นักโทษประหารตอบว่า "ไม่ได้"  อาจารย์จื้อกงจึงพูดว่า "พวกเขากำลังหวาดกลัวจะถูกตัดหัว กลัวว่าน้ำในถ้วยจะหกออกมา เขาจะได้ยินดนตรีได้อย่างไร ?. 

อธิบาย   :  ถ้าคนเรามีใจหวาดหวั่นอยู่เสมอ ใจที่เสพสุขก็ไม่มี !  คุณอูเถี่ยวเจียวกล่าวว่า "ก็เหมือนการขนกระเบื้องที่ต้องสนใจระมัดระวัง เมื่อทำงานอยู่ริมตะลิ่ง ตั้งแต่โบราณมาอริยปราชญ์ จะต่อสู่ระวัง แล้วพวกเราเป็นใคร จะไม่กลัวที่จะยังเสพสุขอยู่หรือ ใช้ชีวิตสุรุ่ยสุร่ายเกินเลย"  คัมภีร์อี้จิงว่า "ฟ้าเข้มแข็ง บัณฑิตเข้มแข็งไม่พัก"  ถ้าคนไม่ยอมจะเข้มแข็ง จะต้องให้ถึงคราวฉุกเฉินกดดัน หรือตอนที่เกิดกับตนเอง สำคัญยิ่งใหญ่แล้ว ยิ่งคิดจะยิ่งเที่ยวแตร่สบายได้ ใช้ชีวิตผ่านไปวัน ๆ งั้นหรือ ถ้าหากเป็นคนที่มีอุดมการณ์เข้มแข็ง เป็นเรื่องที่ตนจะต้องทำก็จะมีมากมายไม่มีหมดสิ้น มีแต่รู้สึกว่า เวลาของแต่ละวันก็ไม่พอ มีหรือจะมีเวลามากพอไปสุขสบายเที่ยวแตร่ ถ้าเช่นนี้ก็จะไม่กล้าปล่อยตัวให้สบาย ! 
        ถึงแม้อาคารหลังใหญ่ของสกุลหวี่จะปลูกอยู่ริม ถนนใหญ่ก็ตามแต่ก็นำพาเคราะห์์มาได้เหมือนกัน !  ที่พูดว่าหยิ่งทะนง สุรุ่ยสุร่ายก็มีเคราะห์ภัยมากอยู่แล้ว แต่สาเหตุที่กวักเคราะห์มาไม่ใช่แบบเดียวกัน อย่างไรก็ตาม เคราะห์ภัยความหยิ่งทะนง สุรุ่ยสุร่ายในนั้นก็มีภัยจากผู้หญิงมากที่สุด และมาเร็วที่สุด เป็นฉะนั้นศีลห้ามกามเป็นสิ่งสำคัญ !"  ท่านอุ้งสือเหย่ฟู ก็พูดไว้ว่า "หนังหุ้มห่อกระดูกเนื้อสกปรก ทำจริตมารยาหลอกคน อดีตวีรชนส่วนใหญ่ก็นั่งตรงนี้ ตายแล้วก็ร่วมลงเหวโลกีย์"  ถ้าคนเข้าใจหลักธรรมนี้ และเข้าใจเพิ่มจากหนังสือนี้ นอบน้อมเฝ้ารักษาเคร่งครัด คำสอนและข้อห้าม หากสามารถรักษาเพ่งพิศจิตว่าง ก็จะไม่จมปรักอยู่กับเสพสุขจนกวักเคราะห์ภัยมา ! 

คติพจน์   :  ฟั้นเหวินกงสมัยซ่งกล่าวว่า "ทุกวันก่อนที่จะเข้านอนจะต้องคำนวนก่อนว่าวันนี้ประเทศชาติให้บำเหน็จข้ากับวันนี้ทั้งวันที่ข้าทำให้ต่าง ๆ ว่ามันคุ้มหรือไม่ ถ้าหากว่าคุ้มข้าก็จะนอนได้อย่างสุขใจ  ถ้าหากรู้ว่าไม่คุ้มกับบำเหน็จที่ได้รับก็ให้รู้สึกละอายใจ คืนนั้นทั้งคืนข้าจะนอนไม่หลับ"       

Tags: