คัมภีร์กรรม เล่ม ๓
ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า
วิถีสร้างบุญวาสนา ขจัดภัยพิบัติ
บทที่หก
ชั่วบาป
คัมภีร์ : เห็นเขารูปงามคิดข่มขืน : คติพจน์
พระเจ้าเหวินเซียง บันทึกในบทศีลธรรมฟ้าว่า : ข่มขืนลูกเมียเขา ทำให้หญิงมีราคี จะต้องได้รับโทษในนรก ๕๐๐ กัปป์ จึงจะพ้นจากขุมนรกแล้วต้องเกิดมาเป็นวัวควายอีก ๕๐๐ กัปป์ จึงจะได้เกิดเป็นคนอีกครั้ง และจะเป็นหญิงโสเภณีหรือพวกเล่นละคร ถ้าไปข่มขืนหญิงหม้ายหรือหญิงออกบวชทำให้คุณธรรมเขามัวหมอง จะต้องได้รับโทษในนรก ๘๐๐ กัปป์ จึงจะได้เกิดเป็นคน แต่เป็นใบ้หรือหูหนวก หรือเป็นคนไม่ครบอาการ ๓๒ เป็นคนทุพพลภาพ หรือถ้าทำลามกอนาจารกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือผู้ใหญ่ลวนลามผู้เยาว์ เป็นผู้ทำให้สัมพันธภาพมนุษย์เสื่อมเสีย จะต้องได้รับโทษในนรก ๑,๕๐๐กัปป์ จึงได้เกิดเป็นคน หรือเกิดมาก็ตายในครรภ์มารดา หรือตายตั้งแต่เด็กที่สุดแล้วก็ไม่มีอายุยืนเป็นผลตอบสนอง เพราะฉะนั้น การได้ผลกรรมตอบสนองจากโทษบาปของศีลล่วงประเวณีน่าเวทนายิ่งนัก ! กัลยาณธรรมกล่าวว่า นางผู้ออกเรือนแล้ว หากล่วงละเมิดประเวณี ตราบาปไม่อาจชำระล้างให้สะอาดหมดจดได้ ถึงแม้นางจะมีลูกกตัญญูหรือหลานที่ปราณี ก็ไม่อาจช่วยชำระล้างให้นางสะอาดได้ เพราะฉะนั้น นามว่ากุลสตรี จะต้องรักษากายดุจหยกขาวไม่ให้มีด่างพร้อย แม้ประสบกับพวกหื่นกาม ก็ต้องเข้มแข็งปกป้อง ฝ่ายตรงข้ามก็ไม่กล้าล่วงละเมิด นี่แหละจึงได้ชื่อว่า "กุลสตรีแท้" แม้แต่ผีหรือเทพเจ้าก็ยังให้ความคุ้มครองปกป้อง ! หากหญิงมีเรือนมักมากในกาม คิดหรือว่าจะไม่มีความผิดตอบสนอง กฏยมโลกจะลงโทษให้นางไปเกิดเป็นหมูเป็นหมา ชดใช้กรรม หาใช่แต่เพียงถูกเขาด่าประจานเป็นหญิงสำส่อนเพียงแค่ในโลกนี้เท่านั้น !
การวิเคราะห์ : คนมักจะพลาดท่าเสียที ก็ตอนที่ความงามอรชรอยู่ต่อหน้า ช่วงระยะเวลาที่ความใคร่อยากโถมเข้าใส่ก็เป็นเวลาช่วงที่หวั่นไหว เพราะตอนนั้นกำลังประสบกับมาร ๓ ชนิด
ชนิดที่หนึ่ง : ขณะที่ตาเธอเห็นรูป ความอรชรอ่อนช้อยของรูปก็เจาะเข้ากลางใจ ทำให้เลือดพล่านตัวร้อน จิตวิญญาณพลอยฟุ้งเหมือนควันหมอกที่มีไฟลุกโชติ เปลวเพลิงร้อนลน นี่คือไฟโลกีย์หรือมารไฟ ต่อไปเป็นรากแห่งความอยากเริ่มขยับ เลือดเริ่มไหลพล่านประดุจว่าเขื่อนทำนบกำลังจะพังทลาย น้ำหลากกำลังจะไหลทะลักอย่างใดอย่างหนึ่ง นี่เรียกว่า "มารน้ำ" เมื่อน้ำถูกไฟเผา ไฟน้ำโลมดับพันตู ร่างกายกับวิญญาณเดือดพล่าน ประดุจกงล้อหมุนเวียนไปไม่หยุด ตีวงกว้างออกไปไร้ขอบเขต นี่คือมารลม หรือมารพายุ มารทั้งสามนี้คือด่าน ๓ ด่าน คิดจะประหารมารเพื่อผ่านด่าน มีวิธีเดียวคือ ดาบปัญญา หมายความว่า มีขันติ ความอดทน มั่นคงอดทน ทนแล้วทนอีก จะอดอยากปากแห้งแค่ไหน จะหิวโหยปานใด ก็จะไปกินไปเสพไม่ได้ ขณะที่สองคนกำลังต่อสู้กัน ต่างคนต่างถวายชีวิตเพื่อแย่งมีดใบมีดของคู่ต่อสู้ ถึงแม้มีดบาดจนเลือดไหลก็ไม่ยอมที่ปล่อยมีดในมือ ! ดุจทหารที่พ่ายแพ้เอาชีวิตรอด แม้มีธนูปักกลางหลังก็ต้องอดทนเจ็บปวดไม่กลับไป เป็นวิธีฑูดถึงมั่นคงอดทน เหมือนถูกงูพิษฉกกัดที่มือ ผู้ฉกรรจ์ยังต้องตัดมือทิ้ง ถูกศรพิษยิงถูก ผู้กล้าต้องรับทนเจ็บปวด ตัดเนื้อทิ้งไป เพื่อรักษาชีวิต นี่คือความอดทนแล้วอดทนอีก ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ หากสามารถมีสติระงับได้ ก็จะซาบซึ้งถึงฟ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ด ดังนั้น การถือปฏิบัติของตนก็เพียงพอทำได้สำเร็จสมบูรณ์ ถ้าหากจิตผันผวนก็ไม่อาจมีสมาธิ ให้คิดเสียว่าที่เห็นเป็นดอกไม้ริมทางพริบตาก็ว่างเปล่า ถ้าหากไปละเมิดล่วงประเวณีเข้า อายุขัยของเราก็ถูกตัดลดน้อยลง บุญวาสนาก็ลดลง แม้กระทั่งเป็นการกวักหาภัย จนตัวตายก็ได้ บางคนเดิมทีเป็นผู้มีบุญวาสนาด้วยเหตุดังกล่าวจึงกลายเป็นคนตกอับยากจน บางคนชีวิตน่าสุขสบาย ด้วยเหตุดังกล่าวเป็นคนไร้ผู้สืบสกุล บางคนก็มีบุญได้อภิชาตบุตรและหลานดีกลายเป็นมีลูกหลานไพร่ต่ำทราม นอกจากนี้ก็ยังมีนรกเป็นผลกรรมผลตอบสนองในอนาคตชาติ บ้างก็เกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน หรือลูกเมัยสำส่อน ลูกหลานยากจน หรือเป็นหญิงโสเภณี เป็นคนเต้นกินรำกิน ตอบสนองทั้งหมดนี้ล้วนจากการผิดพลาดเพียงหนึ่งขณะจิตที่เผลอไผล เพราะฉะนั้น จึงนำพาเอาเคราะห์ภัยมาตอบสนอง มันน่าเวทนาเจ็บปวดขนาดไหน ทำไมจะไม่ยอมอดทน ไม่ระงับชั่งใจมั่งหรือ !
การหยุดยั้งไม่ให้ละเมิดกาม วิธีที่ได้ผลและมีประสิทธิภาพที่สุดคือ การป้องปราม ก็คือคนที่เป็นพ่อ พี่ชาย ครูอาจารย์ เพื่อนเขา ยามปกติก็ต้องสั่งสอนลูก แนะนำลูกศิษย์หรือตักเตือนเพื่อน ให้เขาเชื่อมั่นในเหตุต้นผลกรรม การทำเรื่องชั่วช้าแม้ในที่ลับไม่มีคนเห็น แต่ตาของเทพเจ้าประดุจดังสายฟ้าจะเห็นชัดเจน คนที่มีความเชื่อมั่น รู้จักจริยธรรม เหตุต้นผลกรรมกับเคราะห์ภัยบุญวาสนาตอบสนองโดยไม่เคลือบแคลงสงสัยแล้ว เมื่อพบหรือสัมผัสสิ่งหลอกลวงภายนอกก็สามารถจะเห็นเข้าใจก็จะรีบย้อนมองส่องตน ก็จะไม่ทำเรื่องที่เสียหายได้
ในสังคมที่เต็มไปด้วยสิ่งยั่วยวนไร้ศีลธรรมในปัจจุบัน ผู้คนพลาดพลั้งเสื่อมเสียมีมากมากเหลือเกิน จึงนำมาซึ่งชีวิตที่ล้มเหลวตกต่ำไปชั่วชีวิต คนพวกนี้แม้แต่มองเงาตนเองก็ยังให้รู้สึกสะอิดสะเอียนน่าหวาดหวั่น มีสักกี่คนที่สามารถรักษาศีลให้มั่นคงไม่เปรอะเปื้อนได้ ตลอดวันสามารถรักษาศีลไม่ให้เกิดอยากละเมิดกามหรือมีใจไม่คิดละเมิดกาม กลับเป็นเพลิงราคะกับลุกโชติช่วง เมื่อพบกับคนอื่นก็จะพูดถึงการลดละใคร่อยากให้น้อยลง แต่เมล็ดพันธ์ใคร่กลับเติบโตจนน่ากลัว ถ้าหากเป็นเช่นนี้ ปล่อยกายปล่อยใจไม่คิดแก้ไขแล้วละก็ กำลังจะกวักหาเคราะหืภัยมาเต็มเลย ท่านเจี่ยชิงไฉ สมัยซ่ง พูดไว้ว่า "หลักธรรมฟ้า จะเพิ่มโทษลงโทษให้กับผู้ล่วงละเมิดประเวณี และก็จะเพิ่มเคราะห์ภัยให้กับผู้สำนึกผิดแก้ไข" นี่คือสัจวาจา !
โทษตอบสนองผู้ละเมิดประเวณี แม้จะรุนแรงอย่างนี้ เพราะฉะนั้น บุญกุศลจากการป้องปรามละเมิดประเวณี หรือโทษจากหลอกลวงให้ละเมิดกาม ผลบุญตอบสนองก็ไม่น้อยเลย ด้วยเหตุนี้ก็หวังให้ทุก ๆ ท่านช่วยกันพูดธรรมะ ให้ทุก ๆ คนรู้สึกเพื่อฉุดช่วยเวไนยสัตว์ให้หลุดพ้น ช่วยกันตักเตือนชักนำป่าวประกาศให้ก้องสู่มวลชน แม้แต่ในห้องลับก็ให้ตักเตือนพร่ำบอก อย่าหวังว่าผู้อื่นจะหัวเราะเยาะเอา และก็ไม่ต้องไปหลบหนีหน้าคนอื่นที่กล่าวหาว่าเราต่อละ แต่ต้องรู้จักพูดชักนำให้ผู้ฟังรู้จักสำรวจตน ก็จะได้ประโยชน์มหาศาล คนที่ทำแบบนี้ จะไม่ใช่เป็นคนที่รักผู้อื่นด้วยธรรมหรอกหรือ เป็นบัณฑิตผู้ใฝ่หาบุญกุศลหรือ ?. วจีกรรมของคนปัจจุบัน ไม่มีอะไรจะชอบมากที่สุดถึงเรื่องผู้หญิง พูดถึงความลามกจกเปรตที่สกปรกโสมม ทั้งยังช่วยกันวิจารณ์ คนหนึ่งพูดร้อยคนก็คล้อยตาม พูดกันจนออกรสชาติ แถมผู้ฟังแล้วก็กระดิกกระเดี้ยอยากลอง ควรรู้เอาไว้ว่าโทษบาปของการละเมิดกาม ทำเรื่องที่หลบซ่อนไม่ให้คนรู้ เกี่ยวข้องกับเกียรติยศ สะอาดหมดจด ของคนทั้งชีวิต ถ้าหากพูดผิดแค่คำเดียวก็จะก่อเกิดเคราะห์ภัยไม่สิ้นสุด การทำให้ฟ้าโกรธไม่มีอะไรเกินไปกว่านี้แล้วถ้ายังพูดสิ่งสะอาดสร้างสรรค์ ช่วยกันผดุงศีลธรรมจริยธรรม ก็จะได้รับบุญวาสนาจากฟ้าจะไม่ดีกว่าหรือ ?.