คัมภีร์กรรม เล่ม ๔
ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า
วิถีสร้างบุญวาสนา ขจัดภัยพิบัติ
บทที่หก
ชั่วบาป
คัมภีร์ : ทำทานแล้วเสียดาย
อธิบาย : ภายหลังการให้ทานแล้วรู้สึกเสียดาย เรื่องการให้บริจาค เป็นการสร้างกุศลที่รวดเร็ว แต่ต้องมีความยินดี มีความสบาย มีความสุขกับกุศล โดยไม่เบื่อหน่ายจึงจะก้าวหน้า แม้นว่ากำลังเงินของตนจะไม่เพียงพอก็ตามก็ต้องมีใจยินดีในการบริจาค การกระทำเช่นนี้เป็นการขจัดความตระหนี่ถี่เหนียวของใจ เพื่อไม่ให้ใจดำริขึ้นแต่แรกต้องห่อเหี่ยวดับไป ยังไม่ทันได้บริจาคทานก็คิดเสียดายก่อน จึงทำให้หมดโอกาสการบริจาคทานไป ถ้าหากบริจาคทานแล้วเกิดเสียดาย ก็จะไม่ไปบริจาคอีก ใจคอแบบนี้เหมือนความกรุณาถูกปล้นทำร้ายธรรม นี่ก็เป็นรากเหง้าของใจที่ป่วย ท่านไท่ชั่ง จึงไม่เขียนเรื่องทำความดีโดยบริจาคของคนด้านนี้ แต่ชี้ให้เห็นถึงคนที่บริจาคแล้วนึกเสียดายว่ามีโทษบาปอย่างไร เป็นเพราะอริยเจ้าสรรเสริญก็คือการแก้ไขความผิดเป็นคนดี และน่าเบื่อที่สุดก็คือ ผู้ที่ทำดีไม่ตลอด ! เมื่อศึกษาค้นคว้าของใจแรกเริ่มของเขาที่ภายหลังให้ทานแล้วรู้สึกเสียดาย เป็นคนที่ไม่จริงใจที่ยินดีต่อการทำดีเป็นเพียงแค่ชั่ววูบที่ดีใจ อยากได้ชื่อดี และก็หวังได้แต่บุญเท่านั้น เพราะฉะนั้นพอเริ่มต้นก็ผิดเสียแล้ว ทำอย่างไรจึงไม่รู้สึกเสียดาย ?. หากมีความจริงใจที่จะบริจาค เป็นผู้ที่ฝึก "ทั้งเขาและเราล้วนว่าง" ก็คือ ภายในไม่พบตัวฉันผู้ให้บริจาค ภายนอกไม่เห็นตัวเขาผู้รับบริจาค ท่ามกลางไม่เห็นทรัพย์สินสิ่งของที่บริจาค ทำได้แบบนี้ก็ย่อมไม่เกิดทำทานแล้วเสียดาย ถ้าหากให้ทานแล้วนึกเสียดาย คนที่ทำดีจะต้องใส่ใจ จริงใจไปพิจารณาตนเองที่บังเกิดใจจะทำความดี !
นิทาน : นายหูหยาเป็นผู้ยินดีในการให้ทาน หน้าบ้านจะมีขอทานเต็มไปหมด เขามักพูดกับคนทั่วไปว่า "ทรัพย์สินในโลกนี้เป็นสิ่งไม่แน่นอน วันนี้ร่ำรวยแล้ว วันข้างหน้าก็เปลี่ยนเป็นคนจนแล้ว เหมือนวงกลมที่เคลื่อนไหว ! ถ้าหากไม่ให้ทานสักวันหนึ่ง ฉันก็ไม่มีความสุขวันหนึ่ง !" ผู้คนในสมัยนั้นก็มีคำคมพูดกันว่า "ไม่เป็นเศรษฐีเหมือนนายค่วนซิ่ง ขอเป็นยาจกเหมือนนายหูหยา" (นายค่วนซิ่ง เป็นเศรษฐีที่ตระหนี่ต่อการให้ทาน) ต่อมานายหูหยาได้เลื่อนตำแหน่งเป็นถึงซั่งซุ ลูกหลานของเขายิ่งร่ำรวยมาก
นิทาน : นายซีไป่ซันยากจนมาก บังเอิญเห็นนักพรตคนหนึ่งกำลังบริจาคอยู่หน้าร้านค้าร้านหนึ่ง ไม่มีร้านค้าให้ทาน นายซีไป่ซันก็คลำหาที่เอว ในถุงเงินเหลือเพียงอีแปะเดียว ก็ให้ทานแก่นักพรตไป คืนวันนั้นก็ฝันเห็นนักพรต ช่วยขจัดเนื้องอกที่หน้าผากเขาพอตื่นขึ้นมาก็ปรากฏว่า เนื้องอกบนหน้าผากหลุดออก หนึ่งอีแปะของซีไป่ซัน ยังทำให้เขาพ้นทุกข์จากโรคจะเห็นได้ว่า การให้ทานไม่ใช่อยู่ที่เงินจำนวนมากน้อย หากแต่อยู่ที่จริงใจให้ทาน ! ชาวโลกควรจริงใจ ขยันทำดีให้ทาน ไปเตือนชาวบ้านช่วยกันทำก้อาจจะช้าไปแล้ว นับประสาอะไรกับการให้ทานแล้วนึกเสียดายเล่า