collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: คัมภีร์กรรม ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า : คำนำ  (อ่าน 144277 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
บทที่หก ชั่วบาป  :  บ้านไม่กลมเกลียว

อธิบาย  :  สามีภรรยาไม่ถูกกัน

คติว่า  :  บ้านกลมเกลียวสรรพเรื่องก็เจริญ
โบราณว่า  "สามีภรรยากลมเกลียวกันแล้วบ้านก็เจริญ" ถ้าหากผู้หญิงไม่ได้เรียนหนังสือไม่เข้าใจเหตุผล หากมีตรงไหนไม่ถูกต้อง สามีก็ต้องอธิบายให้ชัดเจน แก้ไขชักนำเธอต้องไม่ปล่อยตามใจนาง และก็ไม่ควรโกรธหรือต่อว่า แต่ถ้าสามีเจอะภรรยาที่แข็งกระด้าง ร้ายกาจ อาจจะถูกนางข่มเหงรังแก แต่ถ้าเป็นภรรยาที่อ่อนโยนสมถะ แล้วกระทำป่าเถื่อนรุนแรง การที่รังแกคนดี แต่กลัวคนร้ายกาจ การตอบสนองของสามีเป็นเช่นนี้หรือ ?. ก็ถือเป็นสามีที่โง่เขลา รักใคร่เมียน้อย ทำอัปยศเมียหลวง หรือไปหลงนางโลมแล้วมาข่มเหงภรรยา ทั้งยังตบตีอีกด้วย สามีเช่นนี้มักไม่ได้ตายดีนะ ! 

นิทาน   :  นายกู่ไค้จะมีมารยาทกับภรรยาเขาอย่างมาก เขามักออกไปทำธุระแต่เช้าและกลับมาก็มืดค่ำแล้วภรรยาเขาจะเห็นหน้าเขาก็น้อยมาก มีอยู่ครั้งหนึ่ง นายกู่ไค้ป่วยหนักนอนอยู่บนเตียง ภรรยาเข้ามาดูเขาที่เตียง กู่ไค้ก็สั่งให้คนรับใช้ช่วยพยุงเขาขึ้นมาแล้วก็สวมหมวกใส่เสื้อคลุม แล้วก็ถามสารทุกข์สุกดิบกับภรรยา หลังจากคำนับต่อกันแล้วจึงเรียกภรรยากลับไปที่ห้อง

อธิบาย   :  ถ้าเราวิเคราะห์จากตรงนี้แล้ว ระหว่างสามีภรรยาจะไร้มารยาทต่อกัน แม้แต่สักครู่หนึ่งได้อย่างไร ถ้าหากสามีภรรยาปฏิบัติต่อกันด้วยมารยาทแล้ว มีหรือระหว่างสามีกับภรรยาจะไม่กลมเกลียวกัน !  แล้วการที่จะมีมารยาทต่อกันนั้นมันยากนักหรือ !  เพียงทำให้ได้กลมเกลียวโดยมีพิธี จะรักใคร่กันโดยเคารพต่อกันก็พอเพียงแล้วเอย !   

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
บทที่หก ชั่วบาป  :  ไม่นับถือสามี

อธิบาย  : 
ภรรยาไม่นับถือสามี โบราณว่า "สามีนั้นคือฟ้าของภรรยา" สามีเป็นคนที่ภรรยาพึ่งพิงตลอดชีวิต เพราะฉะนั้นภรรยาจะไม่นับถือสามีได้อย่างไร ภรรยาที่ไม่นับถือสามี ไม่ใช่ภรรยาโหด ก็เป็นภรรยาล้มละลาย การใช้วาจาร้ายด่าทอสามี หรือแช่งชักสามี หารู้ไม่ว่าผู้หญิงที่ลงมาเกิด ส่วนใหญ่เพราะชาติที่แล้วได้สร้างบาปเป็นเหตุ ถ้าหากยังจะรังแกสามี ตายแล้วก็ตกสู่ทางสามแพร่งนรกนา !  โดยเฉพาะสามีเพิ่งตายใหม่ ซากกระดูกยังไม่ทันเย็นก็คิดจะหาสามีใหม่ จงมองดูลูก ๆ ที่เกิดจากสามีเหมือนคนเดินร่วมทาง ทำไมนะพอสามีตายก็ยังไม่รู้สึกเสียใจเลย แล้วตอนสามีมีชีวิตอยู่นั้นเธอจะนับถือสามีหรือ ?.
นิทาน   :  นายตู้จือเป็นคนที่ใจเสาะอ่อนแอ ภรรยาของเขานางจาง จึงดูแลเขาตลอดมา เมื่อแก่ตัวลงเขาก็เจ็บป่วยเป็นประจำ ภรรยาก็ไม่ดูแลเขาเลย พูดแล้วก็แปลก นางจางกลับตายก่อนนายตู้จือ หลังจากบรรจุศพนางจางแล้วโลงศพก็แตกออกทันที นางจางกลายเป็นงูเหลือม เลื้อยไปตามพื้นเข้าไปในป่า
อธิบาย   : โอ !  ที่โบราณว่า "สามีนั้นคือฟ้าของภรรยา" เพราะฉะนั้นการดูแลสามีก็เหมือนการดูแลฟ้านะ !  หรือว่าฟ้าก็จะดูแคลนได้ ! ขอคนที่เป็นภรรยาตรึกคิดให้ดี ๆ นะ !  วิธีการที่ภรรยานับถือสามีไม่มีอะไรเทียบเท่า  จารีตปรนนิบัติสามีและการอบรมสั่งสอนลูก เรื่องทั้งสองเป็นเรื่องสำคัญมากดังที่พูดกันว่า "หญิงเหล็กไม่มีสองสามี" หญิงหม้ายรักษาจารีตเพื่อสามี แม้แต่ผีเทพก็จะนับถือหล่อน ตัวอย่างในสมัยหมิง บัณฑิตหวงกวงในสงครามจิงคัง ภรรยาเขานางเอ็งและลูกสาว 2 คนถูกจับ นางเอ็งต้องการหนีความอัปยศอดสู จึงหาโอกาสหลบหนีพร้อมลูกสาว แล้วไปกระโดดน้ำตาย นางเอ็งกระทำสุดจารีตเพื่อสามีเช่นนี้ จึงเป็นที่เทิดทูนมานานนับหมื่นปี แม้ปัจจุบันที่เมืองฉิน ข้างแม่น้ำเหวยเหอ ในศาลเจ้ายังตั้งป้ายวิญญาณนางเอ็งให้ผู้คนมาบูชา  อีกเรื่องหนึ่ง บิดาของนายโอวหยางซิว สมัยซ่ง เสียชีวิตตอนเขามีอายุ 4 ขวบ มารดาเจิ้นฮูหยินก็รักษาจารีตเพื่อสามี ชีวิตมีความลำบากมาก นอกจากต้องทำงานหาเลี้ยงครอบครัวแล้ว ยังต้องสอนหนังสือลูกด้วยตนเอง ทนทุกข์ยากลำบาก ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้โอวหยางซิว มุ่งมานะต่อการเรียนมาก ในที่สุดก็กลายเป็นมหาอำมาตย์ที่สามารถในสมัยซ่ง ส่วนนางเจิ้นฮูหยินก็ได้รับการสถาปนาเป็นท่านผู้หญิงรัชเหย่ก๊ก และอุ้ยก๊ก คดีทั้งสองเกี่ยวกับการนับถือสามีเป็นแบบอย่างให้กับผู้ที่เป็นภรรยาเขา ควรที่จะเอาเรื่องนี้เป็นแบบอย่างให้พากเพียรเองเถิด !

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
บทที่หก  ชั่วบาป  :  คุยข่มอวดดี 

อธิบาย   : 
มักจะดีอกดีใจหยิ่งยโสคุยโอ้อวดคุยข่ม  ท่านเหล่าจื้อว่า "ไม่คิดว่าตนเอยังเป็นคนอยู่ จึงสามารถเผยปรากฏความคิดคุยข่มอวดดีออกมาเช่นนั้น คนที่ไม่คุยโอ้อวดบุญคุณของเขาจึงได้ถูกกำหนด กิจการงานของเขาจึงจะสามารถเจริญพัฒนาไปเรื่อย ๆ " คัมภีร์อี้จิงว่า
        "หลักธรรมฟ้า  ไม่ว่าจะเป็นอะไร ผู้ที่ยโสหยิ่งทะนงเต็มภาคภูมิก็จะให้เขาต้องพร่องขาด
ส่วนผู้ที่อ่อนน้อมถ่อมตนก็จะให้เขาได้ผลประโยชน์
        หลักธรรมดิน  ไม่ว่าจะเป็นอะไรผู้ที่ยโสหยิ่งทะนงเต็มภาคภูมิก็จะให้เขาแปรเปลี่ยนไม่ให้เขาเต็มสมบูรณ์ไปตลอด
ส่วนผู้ที่อ่อนน้อมถ่อมตนก็จะให้เขาอุดมสมบูรณ์ไม่เหือดแห้ง เหมือนแผ่นดินที่ต่ำ เมื่อน้ำไหลผ่านก็จะเพิ่มความเต็มพร่องขาดของเขา
        หลักธรรมผีเทพ  ผู้ที่ยโสหยิ่งทะนงก็จะทำให้เขารับความเสียหาย  ส่วนผู้ทีอ่อนน้อมถ่อมตนก็จะให้เขาได้รับโชคลาภ
        ถ้าหากคนที่สูงศักดิ์  แล้วยังออนน้อมถ่อมตน  คุณธรรมของเขายิ่งเผยสว่างประกาย
        ถ้าหากคนที่ต่ำต้อยแต่อ่อนน้อมถ่อมตน คุณธรรมของเขาก็ไม่อาจที่จะเลิศลอยได้  เพราะฉะนั้น อ่อนน้อมถ่อมตนเป็นคุณธรรมดีงามที่บัณฑิตต้องรักษาไว้ตั้งแต่เริ่มแรกจนถึงสุดท้าย !"  กษัตริย์ต้าอวี่ไม่หยิ่งทะนง ไม่คุยโอ้อวด ท่านกลับกล่าวว่า "จะเป็นชายโง่ หญิงเขลาก็ยังมีส่วนที่ดีชนะข้าอยู่ !" เพราะว่ากษัตริย์ต้าอวี่ไม่หยิ่งทะนง ไม่โอ้อวด ในที่สุดก็สามารถระบายสรรพทุกข์แก่ประชาชน ขุดลอกคูคลองจัดการบริหารน้ำหลากที่ท่วมขังได้จึงกลายเป็นผู้มีบารมีคุณนับหมื่นชาติ  ท่านโจวกง มีความรู้ความสามารถและทรัพย์สินล้นฟ้า แต่เพราะไม่หยิ่งทะนง ไม่ตระหนี่ ทั้งยังอ่อนน้อมถ่อมตนรักประชาชน  บริหารแผ่นดินด้วยความระมัดระวัง ในที่สุดก็กลายเป็นผู้รวบรวมแผ่นดินเป็นปึกแผ่นจนสำเร็จ กลายเป็นผู้วางรากฐาฯการบริหารของแผ่นดินให้มีความสงบได้ยาวนานของราชวงศ์โจว  เพราะฉะนั้น จึงกล่าวได้ว่า มหาอริยปราชญ์ ล้วนเป็นผู้ที่ระมัดระวังเหมือนเดินบนขอบน้ำแข็งที่เปราะบาง แต่ละที่แต่ละจุดจะตั้งอกตั้งใจทำทั้งนั้น !  อย่างเช่นท่านอริยปราชญ์ต้าอวี่กับโจวกงทั้งสอง พวกเขาจะมีหรือที่จะเอาคุณธรรมของตนไปคุยโอ้อวดกับคนได้อย่างไร ?. แต่ทว่าคนในปัจจุบันก็จะคุยโอ้อวดกับคนอื่นด้วยความหยิ่งทะนง ไม่รู้จะทำไปเพืออะไร ?. อันที่จริงแล้วคนที่เห็นเขาก็เหมือนนักเลงกลางคืนที่อวดเบ่งเท่านั้น !  ในสมัยฮั่น นายกู่เสวียงได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าพระยามา 3 วันแล้ว แต่คนในบ้านก็ยังไม่รู้ ในสมัยจิ๋น นายเซี้ยอันกับแขกกำลังเล่นหมากกระดานกันอยู่ การรบที่ได้ชัยชนะที่เฟ้ยซุ่ยส่งข่าวด่วนตรงมา แขกที่อยู่ก็ยังไม่รู้เลย  ในสมัยซ่ง ขุนพลใหญ่เฉาปิงปราบปรามแถบเจียนหนานกลับเข้าวัง เข้าเฝ้าฮ่องเต้ ยามที่เฝ้าประตูเข้าวังก็พูดแต่ว่า "มารับราชโองการเรื่องไปปราบเจียนหนานแล้วจะกลับ"  (หมายความว่า ทำงานสำเร็จแล้ว ยามเฝ้าประตูยังไม่รู้เรื่องเลย แสดงว่าผู้รับสนองราชโองการไปทำงานสำเร็จกลับมาแล้ว ไม่ได้คุยโอ้อวด คนจึงไม่รู้กัน)  ในสมัยซ่ง มีขุนนางปราชญ์หวังเอี้ยนเป้อ ในรัชสมัยเหยินจง ตลอดรัชกาลได้เสนอให้ตั้งพระโอรสอิงจงเป็นรัชทายาท (พระเจ้สอิงจงอยู่ในตำแหน่ง 4 ปี) รอจนพระเจ้าเซินจงสืบสมบัติแล้ว เหวินเอี้ยนก็พูดเพียงว่าเป็นความเหนื่อยยากของหันฉี เท่านั้น พระองค์จึงรู้ว่า เหวินเอี้ยนเป๋อไม่คุยโอ้อวดว่าเป็นความเหนื่อยยากของตน ทั้งหมดที่กล่าวมาล้วนเป็นนักปราชย์อันดับหนึ่งทั้งนั้น  มีบุญคุณรับใช้ประเทศ ซึ่งอุทิศตนยิ่งใหญ่มาก พวกเขาก็ยังถ่อมตนไม่หยิ่งทะนง แล้วทำไมพวกเราไม่รู้จักเอาพวกท่านเหล่านั้นเป็นแบบอย่างเล่า !  ผู้ที่มีใจกว้าง บุญวาสนาจะใหญ่มาก แน่นอน คนใจแคบก็บุญวาสนาน้อย การอ่อนน้อมกับหยิ่งทะนง ก็คือเส้นแบ่งระหว่างภัยเคราะห์กับบุญวาสนา แล้วเราจะไม่ระมัดระวังหรอกหรือ ?. แม้แต่ความร่ำรวยมีศักดิ์มีความสามารถจะมีอะไรเต็มเปี่ยมจนน่าถือหรือ ?. ถ้าหากถือเอาสิ่งนี้มาหยิ่งทะนง ไม่ว่าเขาจะมีเคราะห์ภัยด้วยเหตุนี้หรือไม่ก็ไม่ต้องว่าเอาไว้ก่อน เริ่มแรกเขาก็ได้สูญเสียใจของตนเองไปแล้วโดยไม่รู้จักละอายแล้วนะ !   

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
บทที่หก  ชั่วบาป   :  อิจฉาตาร้อน

อธิบาย   :  มักจะแย่งชิงความรักใคร่จนเกิดอิจฉาตาร้อน
ทั้งผู้ชายผู้หญิงต่างก็มีใจอิจฉา  พวกผู้ชายเห็นผู้อื่นมีชื่อเสียง มีตำแหน่งก็เกิดอิจฉา เห็นผู้อื่นเขาร่ำรวยก็อิจฉา ตำแหน่งการงานของคนอื่นไล่ติดตนเข้ามาทุกทีก็เกิดอิจฉา มีความสามารถเก่งกว่าตนก็เกิดอิจฉา ทั้งหมอนี้ก็เกิดจากใจคอตนเองคับแคบนั่นเอง !  ส่วนผู้หญิงก็ัมักเกิดการแย่งชิงความรักใคร่ อยากให้เขาเอ็นดูตนมากกว่า ผู้อื่นจนผูกความแค้น ซึ่งมักนำมาซึ่งเคราะห์ภัยสู่ครอบครัว แม้กระทั่งขาดผู้สืบสกุล บาปกรรมเช่นนี้หนักหนามาก ตอนที่เธอยังมีชีวิตอยู่ ทุกคนล้วนต้องกัดฟันทนด้วยความเจ็บปวด เมื่อตายไปแล้วก็ร่วงลงสู่นรกเป็นเปรต เพื่อชดใช้กรรมที่เธอก่อเอาไว้ เพราะฉะนั้นการบำเพ็ญตัวมีใจตรง เป็นคนแสดงความบริสุทธิ์ จะว่าเป็นหน้าที่ของพวกผู้ชายอย่างนั้นหรือ ?. 

อธิบาย   :   ในสมัยโจวกง ขุนพลหลงเจียนของก๊กเหว่ย เนื่องด้วยอิจฉาความสามารถของซุนปิง จึงต้อขาของซุนปิงขาด ต่อมากลับถูกซุนปิงฆ่าตาย  ในสมัยถัง ขันทีอวี่เฉาเอิน  เฉินหยวนเจิ้ง  อิจฉาเก๋อจื่ออี่ที่มีคุณงามความดีมาก แต่ละครั้งก็คิดแต่จะกล่าวร้ายวางแผนทำลายเก๋อจื่ออี่ สุดท้ายกลับถูกตัดสินลงโทษ อวี่เฉาเอินถูกฆ่า เฉินหยวนจิ้งก็ถูกเนรเทศไปที่กันดาร ในสมัยซ่ง ขุนนางกังฉินหันปี่เว้ยอิจฉาจูฮีเซิน ที่รับหน้าที่ดูแลตำหนักห่วนจางเก้อ กังฉินหันจึงรวบรวมพรรคพวกแล้วกล่าวหาว่าจูฮีเป็นบัณฑิตปลอม ขณะเดียวกัน พวกบัณฑิตก็ถูกขจัดทิ้งหรือถูกคุกคามข่มขู่ ต่อมากังฉินหันก็ถูกเออหยวนฆ่าตาย  ที่ก๊กเป่ยฉีสือหมิงถั่น ถ้าเขาเห็นว่าผู้อื่นสูงเกินเลยตนก็จะอิจฉามาก ต่อมาสือหมิงถันกลายเป็นงูเหลือมเลื้อยอยู่ในป่ามุ่งไปทางหุบเขา ฮ้องเต้หลียงอู่ตี้มีตำหรับระงับอิจฉาเผยแผ่ให้กว้างขวางสู่ขุนนาง อย่างนี้ก็จะทำให้คนที่ไม่มีความสามารถไม่อิจฉาคนที่มีความสามารถ  คนชั่วที่เห็นแก่ตัวก็จะไม่อิจฉาคนที่ไม่เห็นแก่ตัว ผู้ไม่สะอาดสุจริตก็จะไม่อิจฉาคนสะอาดสุจริต ผู้ที่มีความโลภทรัพย์ก็ไม่อิจฉาคนสุจริตสะอาด เป็นวิธีหนึ่งที่ตักเตือนแปรเปลี่ยนที่ดี !  ฮ่องเต้เหลียงอู่ตี้ก็ทรงเห็นด้วย  จากคดีประวัติศาสตร์ที่ยกมาเหล่านี้ คนที่เป็นโรคอิจฉา ใช่จะมีแต่พวกผู้หญิงเท่านั้น พวกผู้ชายก็มีความอิจฉาเช่นเดียวกัน !   

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
บทที่หก  ชั่วบาป   :  ไม่ดีต่อบุตรภรรยา

อธิบาย   : 
สามีกระทำต่อภรรยาไม่เป็นธรรมไม่มีเมตตา อาการที่กระทำต่อภรรยา ควรจะละมุนละไมให้ความนับถือ กระทำต่อบุตรควรจะเข้มงวดตั้งตรง หากกระทำต่อภรรยาไม่สามารถเอาจริยธรรมมาปฏิบัติต่อกันก็จะสูญเสียหลักธรรมที่ว่า "สามีว่าภรรยาตาม" ถ้าหากไม่สามารถเอาหลักธรรมมาสั่งสอนลูกก็จะเป็นการทำลายบุญคุณที่บิดาเลี้ยงดูอบรมไป การไม่เป็นธรรมและไม่มีเมตตาเป็นสิ่งไม่ดี ปัจจุบันคนที่เป็นสามีที่ปฏิบัติต่อบุตรภรรยา ถ้าไม่ใช่จืดชืดไร้คุณก็จะไร้จริยธรรมกับบุตรถ้าไม่ตามใจจนเลยเถิดก็มักจะดุด่าเกินไป เมื่อตนเองไม่มีธรรม ไม่เมตตาแล้ว แล้วจะไปโทษบุตรภรรยาได้อย่างไร ?.

นิทาน   :  ที่เมืองตู๋โจว นายหวังเหยารักใคร่ลูกชาย 2 คนของเขามาก จนในที่สุดลูกชายก็มีนิสัยชั่วร้าย ตนเองไม่สามารถควบคุมลูกชายได้จนต้องไปร้องต่อศาล ต่อมาลูกชายทั้ง 2 ก็ตายลง คือปีที่ 2  วันที่15  เดือนสอง  ที่ศาลเจ้าหลักเมืองนายหลิวจิ้งผู้ทำหน้าที่บูชาแลเห็นคนหนึ่งในศาลเจ้า มือถือใบฏีกา กำลังถวายฏีการ้องของการเซ่นไหว้วันเซ็งเหม็ง เจ้าหลักเมืองโกรธมากพูดว่า "หวังเหยา เธอมีลูกชายแต่ไม่ดูแลสั่งสอนให้ดี ๆ จนทำให้ตนเองขาดผู้สืบสกุล แล้วจะให้ใครมาเซ่นไหว้เจ้าเล่า ?." หลังจากเจ้าศาลหลักเมืองพูดจบก็สั่งให้ผียามขับไล่หวังเหยาไป นายหวังเหยาได้แต่ร้องไห้โฮ แล้วก็จากไป พอวันรุ่งขึ้นเจ้าหน้าที่ศาลเจ้าหลักเมืองจึงเดินทางไปที่บ้านนายหวังเหยา จึงรู้ว่านายหวังเหยาได้ตายไปกว่าหนึ่งปีแล้ว

อธิบาย   :  โบราณว่า  "ลูกบ้านขงจื่อด่าไม่เป็น ลูกบ้านหุยจื่อทะเลาะกันไม่เป็น" เหล่านี้ล้วนเป็นนิสัยที่ฝึกหัดกันมาเป็นสาเหตุยังพูดอีกว่า "การเลี้ยงดูลูกเหมือนการเลี้ยงต้นจือหลัน (ดอกคล้ายต้นเตยแต่เล็กกว่า ดอกหอม ถือเป็นดอกไม้ผู้ดี) ต้องสั่งสมการศึกษาปลูกฝังลูกหลาน อีกทั้งต้องสั่งสมกุศล เพื่อให้ลูกหลานชุ่มชื่น"  บิดาไม่ควรรักลูกจนเกินเลย ลูกต้องถูกอบรมเคร่งครัดตั้งแต่เล็ก ๆ การกินดื่มเครื่องนุ่งห่มจะต้องแบ่งปันเสมอภาคกัน ต้องมีสัมมาคารวะระหว่างผู้พี่และผู้น้อง จะต้องเคร่งครัดปฏิบัติ จะต้องแยกแยะให้ชัดเจนในเรื่องถูกผิด ความดีความชั่ว ในขณะที่ลูกยังเล็กอยู่ จะต้องสอนเขาให้ยุติธรรมเสมอภาคกัน ต้องมีสัมมาคารวะระหว่างผู้พี่ผู้น้อง จะต้องเคร่งครัดปฏิบัติ จะต้องแยกแยะให้ชัดเจนในเรื่องถูกผิด ความดีความชั่ว ในขณะที่ลูกยังเล็กอยู่ จะต้องสอนเขาให้รู้จักยุติธรรมเสมอภาค เติบโตขึ้นก็จะไม่มีภัย เรื่องแย่งชิงสมบัติต้องสั่งสอนเคร่งครัดตั้งแต่เล็ก พอโตขึ้นก็จะไม่มีภัยจากความหยิ่งทะนง ต้องสอนให้รู้จักดีชั่วบาปบุญตั้งแต่เล็ก โตแล้วก็จะไม่ประสบกับเคราะห์ภัย จากการเป็นอันธพาล รวมกันที่กล่าวมาแต่ต้นก็จะรู้ว่าจะต้องทำอย่างไร" 

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
บทที่หก ชั่วบาป  :  ไร้จริยาต่อพ่อปู่แม่ย่า

อธิบาย   :  สะใภ้ปฏิบัติต่อพ่อปู่แม่ย่า ไม่เคารพ ไม่กตัญญู
เรื่องลูกสะใภ้ปรนนิบัติต่อพ่อปู่แม่ย่านั้นก็เหมือนกับลูกชายที่ปรนนิบัติต่อบิดามารดา  กิริยากับสีหน้าต้องยินดีพอใจ อารมณ์เย็น เสียงนุ่มนวล  จะต้องสนใจความร้อนหนาวและป่วยไข้ของพ่อปู่แม่ย่า การเดินเหินก็ต้องคอยประคอง การปรนนิบัติต่อพ่อปู่แม่ย่า ถ้าบกพร่องเพียงเล็กน้อยก็ถือว่าไม่กตัญญูแล้ว และโทษบาปชนิดนี้สวรรค์รู้ดีนัก มักได้รับการลงโทษจากสายฟ้าตอบสนอง ความเกี่ยวข้องระหว่างลูกสะใภ้กับพ่อปู่แม่ย่าสำเร็จได้ด้วยการแต่งงานกับสามี แต่ลูกชายกับพ่อแม่เกี่ยวข้องกันด้วยสายเลือดสนิท !  ตั้งแต่โบราณมาแล้ว ลูกชายมักไม่กตัญญูต่อพ่อแม่ แต่ลูกสะใภ้กลับจะกตัญญูต่อพ่อปู่แม่ย่า คงไม่มีเหตุผลเช่นนี้หรอกกระมัง !  เพราะการที่ลูกสะใภ้กตัญญูต่อพ่อปู่แม่ย่าก็เป็นเพราะลูกชายกระทำตัวดีสำเร็จดังนั้นผีสางเทวดาคงไม่ใช่จะลงโทษ เพียงแต่ลูกสะใภ้เป็นการเฉพาะหรอกนะ หวังว่าคนที่เป็นลูกชายเขาจะต้องตรึกคิดให้รอบคอบนะ ! 

นิทาน   :  ในสมัยหมิง รัชสมัยฮ่องเต่ฉงเจิน ปีที่ 5 วันนที่ 22  เดือน 3 นางผิงภรรยาของนายเหมาจี่จง อำเภอซันหยาง เมืองเฟ่ยอัน นิสัยของนางมีความกตัญญูสูงสุด แม่ย่าเป็นผู้สูงอายุแล้ว แต่เจ็บป่วยหนัก นายเหมาจี่จงก็บังเอิญลำเลียงเสบียงอาหารเข้าเมืองหลวง นางผิงหมดปัญญา พอตกกลางคืนก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อ แล้วก็อ้อนวอนต่อฟ้าเบื้องบนที่จะยอมตายแทนแม่ย่า ดังนั้นจึงเอามีดแทงเข้าที่ช่องท้อง ส่วนปลายของตับก็แลปออกมา ช่วงขณะนั้นก็ได้ยินเสียงลูกชายร้อง ก็กลัวว่าลูกชายจะร้องหนวกหูแม่ย่า จึงเอามือกดบริเวณแผลไว้ชั่วคราว เข้าไปกล่อมลูกให้หลับ ต่อมาก็เป็นห่วงว่าได้ตับเพียงเล็กน้อยไม่พอที่จะเยียวยาโรคของแม่ย่าได้ จึงตั้งใจศรัทธาภาวนาต่อเบื้องบนอีกครั้ง แล้วก็ตัดเอาตับออกมาอีก ตอนนั้นเองพระจันทร์ก็ยังไม่ขึ้นมาเลย ฉับพลันท้องฟ้าก็สว่างพรึบขึ้นมา ส่องเข้าที่ร่างกายของนางผิง สว่างเหมือนดวงอาทิตย์อย่างใดอย่างนั้น  นางผิงก็ตัดตับออกมาอีกชิ้นหนึ่ง  จากนั้นก็รีบต้มจนสุกเป็นน้ำแกงนำไปให้แม่ย่ารับประทาน ทันทีที่แม่ย่าทานเข้าปากก็ให้รู้สึกหวานอร่อย ยังถามนางว่า "นี่เป็นอะไร ! ทำไมอร่อยอย่างนี้ ?." นางผิงก็แกล้งพูดว่า "ข้างบ้านจับกวางได้ตัวหนึ่ง มันเป็นตับของกวาง !" แม่ย่าก็ทานน้ำแกงตับจนหมด พูดแล้วก็แปลก ! ความเจ็บป่วยก็หายไป เป็นเพราะนางผิงมีความตั้งใจศรัทธามาก บาดแผลจึงไม่เจ็บปวดนัก แต่คราบเลือดอำพลางไม่ได้ น้องสาวสามีคนเล็กเห็นเข้า เรื่องนี้ทำให้คนทั้งบ้านตกใจ แม่ย่าจึงรู้ว่าลูกสะใภ้ได้ช่วยชีวิตตนไว้  รู้สึกซาบซึ้งจนร้องไห้น้ำตาไหล ทำให้ยิ่งรักลูกสะใภ้มาก ในตอนนั้น บัณฑิตในหมู่บ้านก็จะเขียนเรื่องราวนี้เพื่อทูลเกล้าฮ่องเต้ แต่ว่าพวกข้าราชการต้องการเงินตอบแทนไม่รู้พอ จึงไม่อาจนำเรื่องนี้กราบทูลได้  โชคดีที่เมืองเหว่ยโจวมีบณฑิตคนหนึ่งชื่อเจียงเทียนอิก ได้เขียนรวบรวมเรื่องแปลกประหลาดไว้เป็นเล่ม จึงมีเรื่องราวเรื่องนี้สืบทอดมาจนถึงทุกวันนี้

นิทาน   :  ในสมัยซ่ง เจี๋ยเสิ่นดำรงตำแหน่งทูตวัฒนธรรมเมืองกู่โจว สมัยนั้นก็มีแม่บ้านคนหนึ่งปรนนิบัติแม่ย่าไม่ดี เป็นเพราะแม่ย่าอายุมาก ตาก็บอด แม่บ้านก็เอาอาหารสกปรกให้แม่ย่ากิน แม่ย่ารู้สึกกลิ่นไม่ดี พอดีลูกชายไปข้างนอกกลับมา ก็จูงมือลูกชายมาถาม ลูกชายจึงเห็นว่า ภรรยาเอาอาหารสกปรกให้แม่ย่ากิน ได้แต่เหงนหน้าขึ้นฟ้าแล้วร้องไห้ใหญ่ ทันใดนั้น ฟ้าพิโรธสายฟ้าคะนอง แล้วสายฟ้าก็ได้ผ่าตัดคอแม่บ้านออก แล้วก็มีหัวสุนัขเสียบติดแทน เมื่อนายเจี๋ยเสินรู้เรื่องเข้า ก็มีคำสั่งให้แม่บ้านคนนั้นออกมา แห่ไปรอบเมือง เพื่อเป็นการตักเตือนคนที่ไม่กตัญญู

อธิบาย   :  คนปัจจุบัน อะไร ๆ ก็ว่าอารมณ์ผู้หญิงเหมือนน้ำที่เปลี่ยนแปลงเร็ว  เพราะฉะนั้นจึงยากที่จะสั่งสอนจนได้ผล การพูดแบบนี้ถือว่าไร้เหตุผล !  สมัยนี้เกิดเป็นหญิง พ่อแม่ก็ขาดการอบรมสั่งสอน แต่งไปเป็นสะใภ้บ้านอื่น สามีโง่ ๆ ก็ไม่มีปัญญาสั่งสอนภรรยา จึงรู้สึกว่าภรรยาอกตัญญู มีนิสัยริษยาจนควบคุมไม้ได้ ถ้าหากพ่อแม่ฝ่ายหญิงตั้งแต่เล็กจนแต่งงาน ให้การอบรมสั่งสอนเธอให้กตัญญูต่อพ่อปู่แม่ย่า เคารพสามี มีมรายาทอ่อนโยน ถึงแม้ว่าแต่งให้กับสามีที่ไม่เก่ง ก็จะรู้จักว่าตนควรจะทำตัวอย่างไรช่วยสามีสร้างบ้านทำมาหากิน ถ้าบังเอิญแต่งให้กับคนที่มีความสามารถก็ยิ่งสามารถสำแดงความเป็นศรีภรรยา แม่ศรีเรือนได้ดี เพราะฉะนั้น การอบรมลูกสาวและลูกชายมีความสำคัญเหมือนกัน เหตุผลแบบนี้ ควรพูดให้ชัดเจนกับคนทั่วไปด้วยนะ ! 

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
บทที่หก  ชั่วบาป  :  ดูถูกวิญญาณบรรพชน

อธิบาย   :  บรรพชนก็ดี บิดามารดาก็ดี
ภายหลังวายชนม์ไปแล้ว ดวงวิญญาณของพวกเขายังอยู่ เราเรียกวิญญาณบรรพชน ในกรณีจัดพิธีกรรมงานศพไม่มีมรายาท ไม่ให้ความเคารพ ขัดจารีตประเพณี ไม่จัดงานศพโดยเร็ว หรือเครื่องเซ่นไหว้ไม่ตั้งใจศรัทธา  ตระเตรียมไม่ขยัน ทำความสะอาดบริเวณบูชาแท่นบรรพชน การเซ่นไหว้ทำบ้างหยุดบ้าง คือไม่ให้ความสำคัญกับการเซ่นไหว้บรรพชนเหล่านี้ถือว่าดูถูกวิญญาณบรรพชน มีคำกล่าวว่า น้ำมีต้นน้ำ ไม้มีต้นราก แล้วมนุษย์เล่าจะลือวิญญาณบรรพชนหรือ ?. ถ้าหากมีบกพร่องต่อเรื่องดังกล่าวแล้ว ก็ไม่คู่ควรเป็นมนุษย์เลย ! 

นิทาน   :  ในสมัยเหลียง
ราชบุตรเจียงหมิง  นามเชียวทง มีนิสัยกรุณากตัญญู มารดาราชบุตรเจ้าจอมติงกุ้นสิ้นชีพแล้ว ราชบุตรเสียพระทัยไม่ยอมดื่มยอมเสวยเลย แต่ละครั้งที่ทรงกรรแสงก็จะเป็นลมล้มทุกที  พระเจ้าเหลียงอุ่ตี้ จึงตักเตือนเขาว่า "ร่างกายคนถึงแม้จะตายไปแล้ว แต่จิตหาสูญไปไม่ ข้ายังมีชีวิตอยู่ เจ้าจะทำร้ายร่างกายตนเองแบบนี้ได้หรือ ?" ดังนั้น ราชบุตรจึงฝืนเสวยพระกระยาหารเล็กน้อย นับตั้งแต่พระเจ้าเหลียงตักเตือนจนถึงวันที่นำพระศพเจ้าจอมติงกุ้ยลงฝัง  ราชบุตรยอมเสวยข้าวต้ม  เพียงแค่น้ำหนักขีดเดียวเท่านั้นในแต่ละวัน เดิมทีร่างกายของราชบุตรแข็งแรงมาก เข็มขัดรอบเอวลดลงเหลือเพียงแค่ครึ่งเดียว เพราะฉะนั้น ในแต่ละครั้งที่เข้าเฝ้าพระเจ้าเหลียง บรรดาเหล่าขุนนางและประชาชนเห็นเข้าก็ต่างเสียใจน้ำตาไหล ที่เห็นราชบุตรผอมลงเช่นนั้น

อธิบาย   :  ในบทบันทึกบุญบาป "หลังจากพ่อแม่ตายแล้ว ถ้าหากภายใน 3 ปีไม่ฝังศพให้เสร็จ แม้จะเกินเวลาไป 1 เดือน ถือว่าเป็นความผิด 10 บาป ถ้าหากไม่จริงใจจัดฝังศพจนเป็นเหตุทำให้ศพพ่อแม่ชำรุดเสียหาย ถือเป็นความผิด 100 บาป  เมื่อพบว่าชำรุดเสียหายแล้วไม่รีบแก้ไข เวลาผ่านไปหนึ่งวัน ก็มีความผิด 10 บาป"  "เวลาเซ่นไหว้บรรพชน ไม่รักษาเวลาถือว่าไม่เคารพความผิด 1 บาป  ถ้าเพลินเสพสุขจนลืมเวลาเซ่นไหว้ มีความผิด 5 บาป" 

นิทาน   :  นางเติ้งจั่วหมิง 
แต่ละครั้งที่ไปเซ่นไหว้สุสาน เขาต้องค้างคืนหนึ่งที่สุสาน รุ่งขึ้นจึงค่อยกลับบ้าน เขาว่า "ในหนึ่งปีมาที่สสุสานเพียงไม่กี่วัน เพราะฉะนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะมามองดูแล้วก็จากออกไป"

อธิบาย   :  นี่คือวาจาที่พูดออกจากใจจริง !  ปัจจุบันนี้
คนที่ไปสุสานวันเซ็งเหม็ง เพื่อเซ่นไหว้ทำความสะอาดสุสาน เวลาที่เหลืออยู่ก็ไปเที่ยวแตร่ไม่ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบอย่างไร พอถึงเวลาเซ่นไหว้ พี่น้องเพื่อนมิตรกลุ่มใหญ่ก็ปล่อยตัวปล่อยใจเที่ยวแตร่เต็มที่แล้วก็กลับ เพราะฉะนั้น วันเซ็งเหม็งจึงเปลี่ยนไป ไม่ใช่ไปเซ่นไหว้ทำความสะอาด หากแต่ไปเที่ยวปิกนิค ไม่ใช่ไประลึกคุณผู้วายชนม์ หากแต่ไปท่องเที่ยวเท่านั้น โอ ! การเลี้ยงดูบิดามารดาไม่เพียงพอ แต่บุตรภรรยากินอิ่มหมีพีมัน อย่างนี้มีประโยชน์อันใดเล่า ? ขณะที่พ่อแม่มีชีวิตอยู่การเลี้ยงดูก็บกพร่อง ตายไปแล้ว จะใช้เงินมากแค่ไหนจัดงานศพก็จะมีประโยชน์อันใดเล่า ?.

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
บทที่หก ชั่วบาป  :  ขัดขืนคำสั่งเบื้องบน

อธิบาย   :  การขัดคำสั่งหน่วยเหนือ
คนที่อยู่ใต้คำสั่งคือผู้น้อย ผู้อยู่หน่วยเหนือคือผู้ออกคำสั่ง เช่น ข้าราชบริพารรับคำสั่งจากพระราชา  บุตรชายหญิงรับคำสั่งจากบิดามารดา  ลูกศิษย์รับคำสั่งจากอาจารย์  ถ้าหากคำสั่งที่หน่วยบนสั่งลงมา ถ้าไม่มีเหตุผล ไม่อาจปฏิบัติได้ ก็ควรที่จะอธิบายให้ชัดเจนว่า คำสั่งที่ไม่อาจปฏิบัติได้มีเหตุผลอะไรบ้าง ถ้าหากเป็นคำสั่งที่ถูกต้องด้วยเหตุผลควรปฏิบัติ  แต่กลับไม่ไปปฏิบัติก็จะมีโทษ ยิ่งเป็นการฝ่าฝืน ขัดขืนคำสั่งเบื้องบน วันหลังก็จะกลายเป็นข้าราชการโจรที่ก่อกบฏวุ่นวาย ! 

นิทาน   :  ในสมัยหมิง นายเถาอันเป็นชาวตันทูเมืองอันฮุย พระเจ้าหมิงไท่จูมีคำสั่งให้เถาอันมีหน้าที่ปกครองเมืองหวงโจว ทั้งยังกำชับเขาว่า "เจ้าต้องดูแลประชาชนของหวงโจวให้ดี ๆ ! เมื่อเถาอันรับคำสั่งจากฮ่องเต้ ด้วยความพินอบพิเทาแล้วก็เดินทางไปเมืองหวงโจว เขาได้งดเว้นเก็บภาษี  ประหยัดรายจ่าย  ให้การศึกษา  ลดโทษให้เบาขึ้น  ประชาชนต่างพอใจกับการปกครองของเขา ทุกคนรู้สึกดีใจและจริงใจปฏิบัติ ทางราชสำนักก็เลื่อนตำแหน่งให้เป็นบัณฑิต แล้วก็ย้ายเขาไปตรวจตราที่มณฑลเจียงซีด้วย แต่ละเรื่องที่เถาอันจัดการ เขาจะจริงใจลงแรงไปทำ และก็ทำตามคำสั่งของพระราชาทุกประการ หลังจากเถาอันตายแล้ว พระราชายังเขียนคำไว้อาลัยให้เขาด้วยพระองค์เอง ทั้งยังประทานเกียรตินามให้ด้วยเพื่อปกคุ้มลูกหลาน ลูกหลานของเถาอันก็สอบได้ตำแหน่ง เป็นถึงเสนาบดีฝ่ายซ้ายด้วย

อธิบาย   :  ปัจจุบันข้าราชการผู้ใหญ่ที่ปกครองต่างจังหวัด ล้วนเป็นผู้รับผิดชอบที่หน่วยกลางมอบให้อันเป็นภาระหนัก มีบางคนก็ไม่ทำสุดหน้าที่ ทำร้ายประชาชน  เขาไม่เข้าใจถึงพระเจ้าอยู่หัวหวังให้เขาไปอบรมสั่งสอนประชาชนให้อยู่ดีิกินดี  โทษแห่งการขัดขืนคำสั่งเบื้องบนเช่นนี้มีบาปมหันต์ ถ้ามองด้านประชาชน ก็จะทำอะไรเขาไม่ได้เลย มีหรือจะเข้าใจว่าเบื้องบนได้ตรวจตราดูแลไม่รั่วไหลแม้แต่น้อยเลย เพราะฉะนั้น การที่จะกระทำต่อประชาชนอย่างป่าเถื่อนยังไม่ได้เลย นับประสาอะไรกับฟ้าเบื้องบน ยิ่งไม่อาจข่มเหงหลอกลวงได้เลย ! 

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
บทที่หก ชั่วบาป  :  ทำสิ่งไร้ประโยชน์

อธิบาย   :  สิ่งที่กระทำไม่มีประโยชน์ต่อตนเองแม้แต่น้อย
เรื่องต่าง ๆ ในโลกนี้ ฉับพลันก็สูญเสียแล้ว นอกจากการสั่งสมบุญกุศลเท่านั้น การกระทำเป็นเรื่องประโยชน์กับสังคม  ช่วยขจัดความเลวร้ายต่าง ๆ เหล่านี้จะเป็นบุญกุศลสำหรับตนเองใช้ได้ทุก ๆ ชาติไม่หมด เช่นนี้จึงจะเป็นเรื่องที่มีคุณประโยชน์ ถ้าหากเป็นการเรื่องสร้างบ้านอาคารใหญ่โต ซื้อที่ดิน เครื่องนุ่งห่ม รถยนต์ และการสะสมกลอนกวี ภาพวาด วัตถุโบราณ ฯลฯ ต่าง ๆ เป็นต้น ล้วนเป็นเรื่องไม่มีประโยชน์ นอกจากเหน็ดเหนื่อยป่วยใจ ประโยชน์สักนิดก็ไม่มี ตลอดจนการตบแต่งไฟสีเพื่อร้องรำทำเพลง  ดื่มสุรา  สูบบุหรี่  เสพนารี ฯลฯ เป็นต้น  ไม่เพียงไม่มีประโยชน์ยังก่อเกิดเรื่องร้ายต่าง ๆ อีกด้วย

นิทาน   :  ในสมัยซ่ง นายจางหย่งขณะที่ปกครองเมืองเฉินตู ได้คิดคำนึงถึงชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนว่าจะลำบากจนเกิดมีขโมยโจรขึ้น จึงดำเนินเป็นนโยบายกดราคาข้าวให้ลดลง และให้ขอยืมได้ นับตั้งแต่ให้ขอยืมข้าวได้ แม้ว่าจะเกิดภัยแล้งเก็บเกี่ยวไม่ดี  ประชาชนก็ไม่อดข้าวตาย นายเฉินเย้าจั่ว ขณะปกครองเมืองกว่างหนานและประสบกับภัย เขาพบว่าคนท้องถิ่นมีประเพณีอย่างหนึ่งคือ เวลาเจ็บป่วยไม่หายากิน  แต่กลับไปภาวนาอ้อนวอนต่อผีเจ้าให้ช่วยให้หายไข้ ในที่สุดก็มีคนล้มตายไปเป็นจำนวนมาก นายเฉินจึงรวบรวมตำหรับยาที่ครอบครัวสะสมไว้ แล้วก็จารึกไว้บนแผ่นศิลาในโรงเตี้ยมที่พักแรมเพื่อให้ผู้คนเห็น  คนพื้นเมืองจึงใช้ตำหรับยานั้น ๆ ไปรักษาโรค การเจ็บป่วยก็หาย ด้วยเหตุนี้จึงเป็นการแก้ไขนิสัยคนพื้นเมืองที่ไม่ดีได้ สภาพของประชาชนมีสุขภาพดีก็เพราะเขาเป็นคนแก้ไข  ขณะที่ซูตงปอเป็นเจ้าเมืองหันโจว ได้ขุดคลองเชื่อม 2 คลองให้เดินทางได้สะดวก ทั้งยังขุดสระเล็ก 6 สระ สร้างทำนบยาวและปลูกต้นหลิวบนทำนบเพื่อเสริมความแข็งแรงให้กับทำนบ ประชาชนจึงเรียกทำนบนั้นว่า เขื่อนซูตง นายหยูตงกวน เป็นนายอำเภอเมืองซุ่นเซียง นิสัยของคนท้องถิ่น ถ้าคลอดลูกเป็นผู้หญิงเขาจะกดให้จมน้ำตาย  หยูตงกวนจึงเขียนคำตักเตือนขึ้นมาบทหนึ่ง แล้วก้เชิญพวกผู้เฒ่ามาที่จวนแล้วก็ตักเตือนปลอบขวัญ พร้อมนำบทคำเตือนที่เขียนไว้มาอ่านกล่อมเกลาตักเตือนบรรดาผู้เฒ่า เพื่อหวังให้พวกเขาช่วยเหลือแก้ไขนิสัยไม่ดีเหล่านี้ ในที่สุดนิสัยการฆ่าเด็กทารกหญิงก็หมดไป การแก้ไขไปในทางดีเกิดขึ้นด้วยเหจตุนี้เอง

อธิบาย   :  การกระทำดังกล่าวล้วนมีประโยชน์ ด้วยเหตุนี้คุณค่าสำคัญของบัณฑิตอยู่ที่ศักยภาพ ที่ทำประโยชน์แก่คนอื่น และสังคม มิใช่แต่คุยอวดหรือวิจารณ์เท่านั้น ซึ่งความจริงแล้วมันไม่มีประโยชน์ต่อการกระทำเลย ตลอดจนพวกเราควรที่จะบำเพ็ญตัวให้ตรงมีธรรม สำรวจความบกพรอง  แก้ไขนิสัยเลวของตน  ควรรู้ว่าเวลาในแต่ละวันก็ไม่เพียงพออยู่แล้ว ยังจะมีเวลามาทำสิ่งที่ไร้ประโยชน์อีกหรือ ?. นอกเสียจากจิตที่ประภัสสรกลมสมบูรณ์ของเราเท่านั้น ถึงแม้จะผ่านกาลเวลาเป็นกัปกัลป์ ก็จะคงอยู่ไม่แปรเปลี่ยน ที่จริงก็ไม่มีการเกิดและก็ไม่มีการดับหรอก !  คนปัจจุบันมักใช้เวลาไปกับการพูดคุยให้หมดไปวัน ๆ ทำไมหนอจึงไม่ลงแรงสร้างบารมีให้กับจิตใจของตนเองบ้าง ?. 

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
บทที่หก  ชั่วบาป  :  คับแค้นนอกใจ

อธิบาย   :  ในใจมีความคับอกคับใจ
ขุนนางข่มเหงรังแกราชา  ลูกชายหญิงขัดขืนพ่อแม่  ภรรยาหักหลังสามี  พี่น้องต่างทำร้ายกัน  มิตรสหายต่างทำลายกัน  การกระทำเช่นนี้คือการคับแค้นนอกใจ  การนอกใจเช่นนี้ไม่จำเป็นต้องรอจนกว่าเห็นเป็นเรื่องราวขึ้นมา เพียงแค่ใจคิดเท่านั้น คนอื่นแม้จะไม่รู้ แต่เทพผีเจ้าก็ตำหนิกล่าวโทษใจเจ้าแล้ว ! 

นิทาน   :  ในสมัยซ่ง ขุนนางกังฉินชื่อฉินไกว แอบสมคบกับชาวกิม ดังนั้นจึงแสดงความเห็นที่จะสงบศึก ขณะที่ทหารฝ่ายซ่ง กำลังทำสงครามกับชาวกิม และมีทีท่าจะชนะเท่านั้น เขาก็จะออกคำสั่งให้ขุนพลกลับราชสำนัก ด้วยเหตุนี้ กองทหารซ่งที่ยึดเมืองต่าง ๆ ไว้ก็เริ่มจะเสียเมือง ทั้งยังลอบทำร้ายขุนพลเหย่เฟยจนถึงแก่ความตาย ตอนหลังมีคนไปที่ขุมนรก พบว่าฉินไกวกำลังรับโทษอยู่ในนรกอเวจี ปัจจุบันสุสานของขุนพลเหย่เฟยที่เมืองหันโจว ที่หน้าสุสานมีรู้ปหล่อของฉินไกวและภรรยา นักท่องเที่ยวพอมาถึงสุสานก็จะหยิบท่อนไม้ขึ้นมาตีรูปหล่อของฉินไกวและภรรยา มีบางคนเจ็บแค้นถึงกับฉี่รดใส่ก็มี

นิทาน   :  ในสมัยหมิง ที่เมืองเวียตตง มีนายคนหนึ่งดีต่อภรรยามาก แต่ภรรยากลับไปชอบกับหนุ่มน้อยข้างบ้าน ทั้งสองคนต่างเล่นหูเล่นตากันเป็นประจำ ถึงแม้เธอจะยังอยู่กับสามี แต่ในใจกลับคิดถึงแต่หนุ่มข้างบ้าน ตอนหลังสามีก็ตายไป ระยะเวลาไว้ทุกข์ยังไม่ครบกำหนด เธอก็รีบร้อนแต่งไปกับหนุ่มข้างบ้าน คืนนั้นสามีก็มาเข้าฝันว่า "ฉันตายแล้วถึงค่อยไปแต่งงานพ่อปู่แม่ย่าก็จะไม่ว่าอะไร แต่ตอนฉันยังอยู่ เธอกับนอกใจฉัน น่าแค้นใจจริง ๆ "ว่าแล้วเขาก็หยิบค้อนทุบตีหลังของเธอ ต่อมาไม่นานนัก เธอก็อาเจียนเป็นเลือดตาย

Tags: