บทที่หก ชั่วบาป : คุยข่มอวดดี
อธิบาย : มักจะดีอกดีใจหยิ่งยโสคุยโอ้อวดคุยข่ม ท่านเหล่าจื้อว่า "ไม่คิดว่าตนเอยังเป็นคนอยู่ จึงสามารถเผยปรากฏความคิดคุยข่มอวดดีออกมาเช่นนั้น คนที่ไม่คุยโอ้อวดบุญคุณของเขาจึงได้ถูกกำหนด กิจการงานของเขาจึงจะสามารถเจริญพัฒนาไปเรื่อย ๆ " คัมภีร์อี้จิงว่า
"หลักธรรมฟ้า ไม่ว่าจะเป็นอะไร ผู้ที่ยโสหยิ่งทะนงเต็มภาคภูมิก็จะให้เขาต้องพร่องขาด
ส่วนผู้ที่อ่อนน้อมถ่อมตนก็จะให้เขาได้ผลประโยชน์
หลักธรรมดิน ไม่ว่าจะเป็นอะไรผู้ที่ยโสหยิ่งทะนงเต็มภาคภูมิก็จะให้เขาแปรเปลี่ยนไม่ให้เขาเต็มสมบูรณ์ไปตลอด
ส่วนผู้ที่อ่อนน้อมถ่อมตนก็จะให้เขาอุดมสมบูรณ์ไม่เหือดแห้ง เหมือนแผ่นดินที่ต่ำ เมื่อน้ำไหลผ่านก็จะเพิ่มความเต็มพร่องขาดของเขา
หลักธรรมผีเทพ ผู้ที่ยโสหยิ่งทะนงก็จะทำให้เขารับความเสียหาย ส่วนผู้ทีอ่อนน้อมถ่อมตนก็จะให้เขาได้รับโชคลาภ
ถ้าหากคนที่สูงศักดิ์ แล้วยังออนน้อมถ่อมตน คุณธรรมของเขายิ่งเผยสว่างประกาย
ถ้าหากคนที่ต่ำต้อยแต่อ่อนน้อมถ่อมตน คุณธรรมของเขาก็ไม่อาจที่จะเลิศลอยได้ เพราะฉะนั้น อ่อนน้อมถ่อมตนเป็นคุณธรรมดีงามที่บัณฑิตต้องรักษาไว้ตั้งแต่เริ่มแรกจนถึงสุดท้าย !" กษัตริย์ต้าอวี่ไม่หยิ่งทะนง ไม่คุยโอ้อวด ท่านกลับกล่าวว่า "จะเป็นชายโง่ หญิงเขลาก็ยังมีส่วนที่ดีชนะข้าอยู่ !" เพราะว่ากษัตริย์ต้าอวี่ไม่หยิ่งทะนง ไม่โอ้อวด ในที่สุดก็สามารถระบายสรรพทุกข์แก่ประชาชน ขุดลอกคูคลองจัดการบริหารน้ำหลากที่ท่วมขังได้จึงกลายเป็นผู้มีบารมีคุณนับหมื่นชาติ ท่านโจวกง มีความรู้ความสามารถและทรัพย์สินล้นฟ้า แต่เพราะไม่หยิ่งทะนง ไม่ตระหนี่ ทั้งยังอ่อนน้อมถ่อมตนรักประชาชน บริหารแผ่นดินด้วยความระมัดระวัง ในที่สุดก็กลายเป็นผู้รวบรวมแผ่นดินเป็นปึกแผ่นจนสำเร็จ กลายเป็นผู้วางรากฐาฯการบริหารของแผ่นดินให้มีความสงบได้ยาวนานของราชวงศ์โจว เพราะฉะนั้น จึงกล่าวได้ว่า มหาอริยปราชญ์ ล้วนเป็นผู้ที่ระมัดระวังเหมือนเดินบนขอบน้ำแข็งที่เปราะบาง แต่ละที่แต่ละจุดจะตั้งอกตั้งใจทำทั้งนั้น ! อย่างเช่นท่านอริยปราชญ์ต้าอวี่กับโจวกงทั้งสอง พวกเขาจะมีหรือที่จะเอาคุณธรรมของตนไปคุยโอ้อวดกับคนได้อย่างไร ?. แต่ทว่าคนในปัจจุบันก็จะคุยโอ้อวดกับคนอื่นด้วยความหยิ่งทะนง ไม่รู้จะทำไปเพืออะไร ?. อันที่จริงแล้วคนที่เห็นเขาก็เหมือนนักเลงกลางคืนที่อวดเบ่งเท่านั้น ! ในสมัยฮั่น นายกู่เสวียงได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าพระยามา 3 วันแล้ว แต่คนในบ้านก็ยังไม่รู้ ในสมัยจิ๋น นายเซี้ยอันกับแขกกำลังเล่นหมากกระดานกันอยู่ การรบที่ได้ชัยชนะที่เฟ้ยซุ่ยส่งข่าวด่วนตรงมา แขกที่อยู่ก็ยังไม่รู้เลย ในสมัยซ่ง ขุนพลใหญ่เฉาปิงปราบปรามแถบเจียนหนานกลับเข้าวัง เข้าเฝ้าฮ่องเต้ ยามที่เฝ้าประตูเข้าวังก็พูดแต่ว่า "มารับราชโองการเรื่องไปปราบเจียนหนานแล้วจะกลับ" (หมายความว่า ทำงานสำเร็จแล้ว ยามเฝ้าประตูยังไม่รู้เรื่องเลย แสดงว่าผู้รับสนองราชโองการไปทำงานสำเร็จกลับมาแล้ว ไม่ได้คุยโอ้อวด คนจึงไม่รู้กัน) ในสมัยซ่ง มีขุนนางปราชญ์หวังเอี้ยนเป้อ ในรัชสมัยเหยินจง ตลอดรัชกาลได้เสนอให้ตั้งพระโอรสอิงจงเป็นรัชทายาท (พระเจ้สอิงจงอยู่ในตำแหน่ง 4 ปี) รอจนพระเจ้าเซินจงสืบสมบัติแล้ว เหวินเอี้ยนก็พูดเพียงว่าเป็นความเหนื่อยยากของหันฉี เท่านั้น พระองค์จึงรู้ว่า เหวินเอี้ยนเป๋อไม่คุยโอ้อวดว่าเป็นความเหนื่อยยากของตน ทั้งหมดที่กล่าวมาล้วนเป็นนักปราชย์อันดับหนึ่งทั้งนั้น มีบุญคุณรับใช้ประเทศ ซึ่งอุทิศตนยิ่งใหญ่มาก พวกเขาก็ยังถ่อมตนไม่หยิ่งทะนง แล้วทำไมพวกเราไม่รู้จักเอาพวกท่านเหล่านั้นเป็นแบบอย่างเล่า ! ผู้ที่มีใจกว้าง บุญวาสนาจะใหญ่มาก แน่นอน คนใจแคบก็บุญวาสนาน้อย การอ่อนน้อมกับหยิ่งทะนง ก็คือเส้นแบ่งระหว่างภัยเคราะห์กับบุญวาสนา แล้วเราจะไม่ระมัดระวังหรอกหรือ ?. แม้แต่ความร่ำรวยมีศักดิ์มีความสามารถจะมีอะไรเต็มเปี่ยมจนน่าถือหรือ ?. ถ้าหากถือเอาสิ่งนี้มาหยิ่งทะนง ไม่ว่าเขาจะมีเคราะห์ภัยด้วยเหตุนี้หรือไม่ก็ไม่ต้องว่าเอาไว้ก่อน เริ่มแรกเขาก็ได้สูญเสียใจของตนเองไปแล้วโดยไม่รู้จักละอายแล้วนะ !