collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: คัมภีร์กรรม ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า : คำนำ  (อ่าน 144256 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                      คัมภีร์กรรม  เล่ม ๓

                   ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า 

                          วิถีสร้างบุญวาสนา ขจัดภัยพิบัติ 

                                     บทที่หก

                                     ชั่วบาป 

                           คัมภีร์   :  ขัดต่อพ่อ พี่

อธิบาย   :  กระทบกระทั่งล่วงเกินบิดาและพี่ชาย เป็นการกระทำที่ขัดขืนไม่ตามใจจึงล่วงเกินเข้า ควรรู้ว่าบิดาและพี่ชายอยู่ในอันดับต้น ๆ ของมนุษย์สัมพันธ์ห้า  และความกตัญญู ความรักในพี่น้องก็เป็นอันดับแรก ๆ ของคุณธรรม เพราะฉะนั้นจึงต้องเคารพทำตามบิดาและพี่ชาย การพูดจาต้องนุ่มนวล สีหน้าต้องไม่โกรธหรือแสดงความไม่พอใจ ถึงแม้บางครั้งบิดาจะลำเอียงไปบ้าง ถึงพี่ชายจะรังแกข่มเหงตนเอง ก็ต้องจำยอมและอธิบายให้เข้าใจ ให้มาสำรวจตนเองและบำเพ็ญ แม้บิดาและพี่ชายยังไม่เข้าใจและไม่ยอมเปลี่ยนแปลงก็ยังต้องสงบอารมณ์ นาน ๆ ไป ก็จะรู้สึกว่าการกระทำของตนเหมาะสม ถ้าหากตนเอาแต่โกรธ ก็อาจมีบาปกรรมที่ล่วงเกินบิดาและพี่ชาย ก็จะเป็นการละเมิดกฏมนุษย์สัมพันธ์ ขัดขืนหลักธรรมกตัญญูและความรักในพี่น้อง แล้วฟ้าดินก็จะไม่ยอมรับ

นิทาน   :  เฟ้ยหงชาวเมืองหงอหู กำลังเล่นหมากรุกกับเพื่อนคนหนึ่งต่างก็จะชิงชนะต่อกัน เฟ้ยหงก็เล่นสนุกใช้มือตบเพื่อนไปทีหนึ่ง ทำให้เพื่อนไม่พอ เฟ้ยหงเองก็รู้สึกเสียใจ เขาจะไปที่บ้านของเพื่อนทุกวันเพื่อขอโทษ แต่เพื่อนของเขาก็ไม่ยอมลงมาพบเขาอีกเลย บิดาของเฟ้ยหง รู้เรื่องเข้าก็รู้สึกโกรธ จึงส่งไม้เรียวอันหนึ่งไปที่เมืองหลวง (บิดาอยู่บ้านนอก)  สั่งให้เฟ้ยหงใช้ไม้เรียวตีตนเอง  เมื่อเฟ้ยหงได้รับไม้และจดหมายจากบิดา ก็ไปยังบ้านเพื่อน ตนเองก้เอาไม้นั้นตีตนเองถึง ๓ ครั้ง  ตอนนี้เองเพื่อนจึงยอมออกมาพบหน้า ทั้งสองกอดกันแล้วพากันร้องไห้ เฟ้ยหงพูดว่า "นี่เป็นเพราะข้าหาเรื่องเอง เจ้าจะร้องไห้ทำไม"  เพื่อนตอบว่า "เพราะเจ้ายังมีบิดาคอยกำกับดูแล คอยตักเตือนเธอ ข้าเองแม้ยากหาคนคอยกำกับตักเตือนก็ไม่มีเสียแล้ว"  จากนั้นมาคนทั้งสองก็เพื่อนกันดุจเดิม

        เมื่อพิจารณาจากเรื่องนี้ ถึงแม้บิดาจะตายจากไปแล้ว แต่เมื่อพบกับสภาวการณ์เช่นนี้ ยังรู้สึกเจ็บปวดเลย เราก็สามารถรู้ได้ว่ายามบิดาของเขายังมีชีวิตอยู่ เขาก็จะไม่ขัดต่อบิดาเป็นแน่แท้ !  อย่างไรก็ตามปัจจุบันนี้ แม้บิดาส่วนใหญ่ยังมีชีวิตอยู่ แต่การอยู่ด้วยกันมีไม่มากแล้ว ชีวิตคนเราช่วงสั้น ๆ กับการพลัดพราก คิดแล้วก็ทำให้คนเจ็บปวด แล้วเราจะไม่กตัญญูไม่รักพี่รักน้องอีกหรือ !     

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                   คัมภีร์กรรม  เล่ม ๓

                   ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า 

                          วิถีสร้างบุญวาสนา ขจัดภัยพิบัติ 

                                     บทที่หก

                                     ชั่วบาป 

                           คัมภีร์   :  ใช้แรงขู่เข็ญเอา  ชอบรุกรานแย่งชิง

อธิบาย   :  ใช้วิธีรุนแรงบังคับเพื่อให้ได้เงินมา  หรือใช้พละกำลังเพื่อให้ผู้อื่นจ่ายเงิน หรือชอบใช้วิธีรุกรานคนอื่น หรือใช้วิธีแย่งเอา  ของสิ่งใดก็ตามถ้าไม่ใช่เป็นของที่เราควรได้ แต่ก็คิดจะเอาให้ได้อย่างเดียว อย่างนี้เรียกว่าใช้แรง การให้ผู้อื่นส่งของให้เราต้องการให้เราใช้เรียกว่า ขู่เข็ญเอา การใช้แผนการอันตรายแอบเอาของผู้อื่นมาเรียกว่า รุกราน ใช้อิทธิพลเอาของเขามาเรียกว่าแย่งชิง การได้ของเขามาด้วยวิธีการเหล่านี้ แน่นอนสิ่งของได้มาซึ่งชะตาชีวิตของเราไม่มีไม่ควรได้ อีกหน่อยก็ต้องถูกคนอื่นเขาเอาไป 
        คุณเจิ้นซองกล่าวว่า "เท่าที่ข้าสำรวจดู สิ่งที่เรียกว่าเงินนี้เป็นของที่ทุกคนพอใจอยากได้ แล้วใช้อิทธิพลไปแย่งชิง แม้แต่สายเลือดเดียวกัน เงินก็ก่อให้เกิดการแย่งชิง บุคคลมีชื่อที่เรารู้จัก เพราะเงินจึงทำลายชื่อเสียง นักธุรกิจยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อเงิน แม้แต่ประชาชนในชนบทที่ต่อสู้ฆ่ากันเพื่อเงิน อย่างไรก็ตามเงินทองเป็นสิ่งที่มันมาได้ก็ไปได้ ฐานะก็เปลี่ยนแปลงเห็นได้ชัด และก็กลับกลายเป็นคนยากจนอย่างรวดเร็ว  เงินทองในโลกนี้มันมีเล่ห์กระเท่ห์กล่อมเกลาชาวโลก แต่ส่วนน้อยที่เป็นบุญวาสนาตอบสนอง กลับเป็นเคราะห์ภัยตอบสนองเสียเป็นส่วนใหญ่ เพราะฉะนั้น เงินทองจึงคร่าชีวิตคนไปแล้วมากมายนัก โปรดพิจารณามองกันให้แจ่มชัด จงเป็นนายมันอย่าตกเป็นทาสมัน

นิทาน   :  ที่เมืองจ้าว เหว่ยกงเสวียง ขณะวัยหนุ่มยากจนมาก การเลี้ยงดูมารดาเป็นไปด้วยความฝืดเคือง สองสามีภรรยาจึงร้องไห้คร่ำครวญตลอกคืน พอรุ่งขึ้น ขณะกวาดบ้านอยู่ ก้พบมีเงินก้อนหนึ่งหนัก ๒๕ ตำลึง ด้วยเหตุนี้ชีวิตจึงค่อยดีขึ้นบ้าง ภายหลังเหว่ยกงเสวียงได้เป็นถึงเสนาบดี  มีเงินเดือน ๑๐๐ ตำลึง ตอนที่เบิกจากกองคลังมา พอรับผ่านมาก็หายไป ๒๕ ตำลึง คิดว่าพรุ่งนี้จะไปแจ้งเจ้าหน้าที่แผนกการเงิน คืนนั้นก็ฝันว่าเทพเจ้ามาบอกเขาว่า วันนั้นเดือนนั้น ปีนั้น  เธอได้ยืมไปจำนวนหนึ่งแล้ว  ควรจะรู้ว่า แม้ในชะตาจะมีเงิน แต่เมื่อดวงชะตายังไม่ถึง ก็ไม่ควรใช้แรงขู่เข็ญเอา แล้วพวกที่ในชะตาไม่มีเงินจะไปรุกรานแย่งชิงเอาหรือ ? 

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                   คัมภีร์กรรม  เล่ม ๓

                   ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า 

                          วิถีสร้างบุญวาสนา ขจัดภัยพิบัติ 

                                     บทที่หก

                                     ชั่วบาป 

                           คัมภีร์   :  ปล้นจนร่ำรวย

อธิบาย   :  ใช้พละกำลังปล้นชิงทรัพย์ผู้อื่นจนร่ำรวย ข้าราชการที่รีดนาทาเร้นราษฏร เบียดดบังประโยชน์ส่วนตน หรือพวกแก้งวายร้ายที่ข่มขู่ขูดดอกเบี้ยหนัก ๆ เช่นเจ้าพ่อเจ้าแม่เงินกู้ดอกดหด เหล่านี้คือการปล้นจนร่ำรวย วิธีการเช่นนี้ทำให้บ้านเขาแตกสลาย เป็นธุรกิจชั่วที่ทำให้ลูกเมีย ชาวบ้านน้ำตาตก เพราะเงินที่ได้มาโดยวิธีนี้ จะอยู่เย็นเป็นสุขได้อย่างไร ?. เคยได้ยินนิทานเรื่องกระปุกเต็มไหม กระปุกสมัยก่อนทำ้ด้วยกระเบื้อง ข้างบนจะมีรูให้ใส่เงินเข้าไป ใส่เข้าได้เอาออกไม่ได้ เขาใช้เป็นกระปุกออมสิน ต่อเมื่อใส่เงินเต็มแล้ว ก็ทุบกระปุกแตกเพื่อเอาเงินมาใช้ เพราะฉะนั้นเวลาใส่เงินก็กลัวว่ามันยังไม่เต็ม พอเต็มก็ทุกแตกจึงเลิก ถึงตอนนี้เงินก็หมดไป กระปุกก็แตกไปหรือหมดทั้งสองฝ่าย เพราะฉะนั้น ยิ่งสะสมมากก็หายไปมากเหมือนกระปุกเต็ม การปล้นเขาก็เหมือนหาเงินใส่กระปุกจนเต็ม

นิทาน   :  ในสมัยซ่งเหวินหลู่กง รับตำแหน่งหัวหน้าศาล ที่เมืองฉางอัน วันหนึ่งเขาเดินทางไปที่เขื่อนวิ่งวัว ที่นั่นมีวัวตัวหนึ่ง เกิดพูดภาษาคนขึ้นมาทันใดว่า  "ข้ากับเหวินหลู่กงเป็นข้าราชการร่วมสำนักมา ๒๐ ปี วันนี้ข้าจะเอาหน้าที่ไหนไปพบเขาเล่า "  ทหารที่ดูแลเขื่อนก็เล่าเรื่องนี้ให้เหวินหลู่กงทราบ เหวินหลู่กงก็ให้คนไปจูงวัวตัวนั้นมา วัวตัวนั้นมาถึงก็ได้แต่หมอบกับพื้นแล้วก้มหน้า น้ำตาไหลรินไม่ขาดสาย เหวินหลู่กงจึงพูดกับเขาว่า "เพื่อนร่วมงานฉันตอนมีชีวิตอยู่ก็แอบปปล้นเงินหลวง ปัจจุบันจึงได้รับผลกรรมตอบสนอง"  พูดแล้วก็สั่งให้คนในบ้านที่ดูแลบัญชี เอาเงินไป ๒๐ พวงให้เพิ่มหญ้าแก่วัวตัวนั้นกิน ต้องรู้เอาไว้ว่า ผู้ดูแลเงินแผ่นดิน (สตง.) เป็นเงินภาษีของราษฏร เพื่อนร่วมงานของเหวินหลู่กง ต้องกลายเป็นวัวมาก่อสร้างเขื่อนเพื่อชดใช้หนี้ประชาชน เห็นคดีศึกษาเรื่องนี้แล้ว คนคิดคดโกงต้องพิจารณาให้ดีนะ !   

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                     คัมภีร์กรรม  เล่ม ๓

                   ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า 

                          วิถีสร้างบุญวาสนา ขจัดภัยพิบัติ 

                                     บทที่หก

                                     ชั่วบาป 

                           คัมภีร์   :  ใช้เล่ห์หาก้าวหน้า

อธิบาย   :  ใช้เล่ห์เพทุบายเพื่อความก้าวหน้า ผู้บัณฑิตเมื่อเข้าทำงานเป็นข้าราชบริพารแล้ว ควรจะภักดีซื่อตรงบริสุทธิ์โปร่งใส เอางานหลวงเป็นเหมือนงานตนเอง หากต้องการความก้าวหน้าเลื่อนตำแหน่งแล้วใช้การวิ่งเต้นเล่ห์เหลี่ยมหลอกลวงเพื่อตนเองแล้ว คนประเภทนี้จิตใจก็ไม่เที่ยงตรงเสียแล้ว คนประเภทนี้ทำงานในราชสำนักก็ไม่ภักดี ถ้าเป็นข้าราชการก็จะไม่ซื่อตรง ถ้าหากไปเป็นทูตหรือผู้สำเร็จราชการหรือผู้ว่าราชการ ทำงานปกครองประชาชน เขาจะสามารถรักษาความสุจริตสะอาดได้หรือ เพราะฉะนั้นท่านไท่ชั่ง จึงตักเตือนเป็นพิเศษที่จุดนี้ คน ๆ หนึ่งเมื่อถือกำเนิดมาแล้วไม่ว่ายศฐาบรรดาศักดิ์และทรัพย์ศฤงคารล้วนเบื้องบนกำหนดเอาไว้แล้ว ถึงแม้เขาจะขยันทำมาหากินไปตลอดชีวิต เงินทองก็หาได้เพิ่มขึ้นไม่ !  มันทำให้ผู้รู้ลุถึงหลักธรรมหัวเราะเยาะเอา ถูกผีเทพดุด่าว่าเอา ! 

นิทาน   :  ในสมัยฮ่องเต้ หลิวซ่งเลี้ยวอู ไต้หมิงเป่าและเฉาลั้ง ๓ ผู้ยิ่งใหญ่ในราชสำนัก ถือว่าใช้ได้ พูดว่าให้เรียกฝยเรียกลมได้ทั้งนั้น มีอิทธิพลอำนาจอยู่ระยะหนึ่ง ไม่ว่าผู้ใดถ้าได้รับการสนับสนุนแล้วไม่ผิดหวัง ผ่านฉลุยสะดวกตลอด จะมีก็เพียงแต่นายกู่ไค้ที่ไม่เป็นไปตามนั้น เขาพูดว่า "ตำแหน่งอำนาจวาสนาของคนเบื้องบนได้จดไว้ให้แล้ว ไม่ต้องไปพึ่งพาความฉลาดเล่ห์เพทุบายก็จะเปลี่ยนแปลงได้ มีแต่เพียงการนอบน้อมระมัดระวัง รักษาตนเคร่งครัดเท่านั้น หากคิดเสี่ยงดวงเอาแล้วทำให้การรักษาตนเองเคร่งครัดเสื่อมสูญหรือตามตำแหน่งได้เสียแล้วไม่เกี่ยวข้องกันสักนิด "
        มีผู้ดูคดีศึกษานี้แล้วมาถามฉันว่า "แล้วที่เห็นใช้ความฉลาดเล่ห์เหลี่ยมเพื่อให้ได้ตำแหน่ง ที่เกิดเรื่องราวกันทุกวันนี้ มีเหตุผลอันใดหรือ ?"  ฉันตอบว่า  "นี่ก็เป็นชะตาของเขา ถ้าในชะตาชีวิตไม่มีตำแหน่ง ไม่ว่าจะใช้วิธีการอะไรก็สูญเปล่า แม้จะใช้วิธีหลอกลวงอันตรายก็ได้แต่ปลาซิวปลาสร้อย ถ้าเป็นบัณฑิตก็จะไม่ทำเช่นนี้เด็ดขาด ! " 
        ในสมัยชิง คุณตันถูเฉียนและปันกี่ชังเคยพูดว่า "มนุษย์ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถทะลุฟ้าได้ แต่ก็ไม่สามารถแย่งชิงหรือขัดขืนกับฟ้ากำหนดได้ นอกเสียจากการสั่งสมบุญกุศลก็จะสามารถขืนกับฟ้ากำหนดได้ ถ้าทำแล้วเมื่อวาน วันนี้ก็มีผล การตรวจควบคุมของเทพเจ้าก็ชัดเจนที่สุด อันนี้เป็นทางที่ลัดและเร็วที่สุดด้วย คนที่มีใจเพียงแค่ลองก็จะรู้ได้ ! "

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                    คัมภีร์กรรม  เล่ม ๓

                   ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า 

                          วิถีสร้างบุญวาสนา ขจัดภัยพิบัติ 

                                     บทที่หก

                                     ชั่วบาป 

                           คัมภีร์   :  รางวัลลงโทษไม่เสมอกัน

อธิบาย   :  ให้รางวลัหรือลงโทษเบาหรือหนักเกินไปก็ถือว่าไม่เสมอกัน การให้รางวัลกับผู้ทำงานเหน็ดเหนื่อยหรือลงโทษกับผู้ทำผิด แม้จะผิดพลาดไปนิดเดียวก็ถือว่าไม่เสมอภาคกัน ถ้าหากความเสมอภาคไม่มีอยู่ ใจคนก็จะไม่ยิยยอม อย่างนี้ไม่เพียงไม่สามารถให้รางวัลคนทำงานหรือลงโทษคนทำผิดได้แล้ว กลับกันก็จะเก็บแค้นซึ่งจะนำมาซึ่งภัยเคราะห์ได้มา ! 

นิทาน   :  ท่านขงเบ้งพูดว่า  "ใจของข้าดุจตาชั่ง ไม่สามารถให้คนลดเบาได้นิดหนึ่ง หรือเพิ่มหนักได้หน่อยหนึ่ง !"  เฉินโส่วก็ยกย่องเขาว่า  "ท่านขงเบ้งสามารถพูดได้ว่าเป็นบุคคลที่จงรักภักดีที่สุด เหมาะที่จะเป็นตัวอย่างได้ ! ถึงแม้จะเป็นศัตรู ถ้าหากมีบุญคุณก็ต้องให้รางวัล หากทำผผิด ขี้เกียจไม่ขยันทำงาน แม้จะเป็นญาติมิตร ก็ต้องถูกลงโทษ ถ้าหากยอมรับผิดก็พอมีค่าให้อภัยได้ แม้ที่มีความผิดมากก็จะปล่อยเบาได้ ถ้าหากใช้เล่ห์โต้เถียงแก้ต่างความผิดของตน ถึงแม้ความผิดจะเบาก็ต้องตัดหัวไม่เลี้ยง เพราะฉะนั้นก๊กจ๊วก มีขุนทหารที่สามารถสละชีวิตเพื่อชาติได้ ถึงแม้เหวยเอี้ยงคนขายชาติ ภายใต้การนำของขงเบ้งก็ไม่มีความหมายอะไร ขุนพลลี่ผิงและเหลียวลี  ถึงแม้จะถูกขงเบ้งปลดตำแหน่งลงโทษให้ไปอยู่ชายแดน ก็ไม่มีคำกล่าวแค้นสักคำ เพราะฉะนั้นผู้มีอำนาจให้รางวัลหรือลงโทษ ควรจะเอาขงเบ้งเป็นตัวอย่าง !"   

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                   คัมภีร์กรรม  เล่ม ๓

                   ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า 

                          วิถีสร้างบุญวาสนา ขจัดภัยพิบัติ 

                                     บทที่หก

                                     ชั่วบาป 

                           คัมภีร์   :  เสพสุขเกินเลย

อธิบาย   :  เสพสุขสบายเป็นที่ชอบของทุกคน !  ใบบันทึกธรรมจริยา ว่า  "ความสุขไม่ควรเกินเลย ความหวังไม่ให้ตามอำเภอใจ"  ภาษาชาวบ้านว่า "เมื่อประชาชนทุกข์ลำบากก็จะคิดถึงบุญกุศล เวลาสุขสบายก็นึกถึงเสพกาม !"   จุดมุ่งหมายคือไม่อยากให้ประชาชนจ้องแต่ความสุขสบายถ่ายเดียว ท่านเมิ่งจื่อว่า "มนุษย์มีชีวิตวิตก ตายในสุขสบาย"  นี่ก็ต้องการให้ประชาชนจ้องแต่ความสุขสบาย ถ้าหากเกินเลยก็ไม่มีอะไรมากกว่าสุรานารีทรัพย์ คนปัจจุบันชอบสุราจนไม่สนใจสุขภาพ  เสพกามจนไม่ห่วงเจ็บป่วย  โลภทรัพย์จนไม่สนใจญาติสนิท  เกิดอารมณ์ต่อสู้ก็ไม่คิดถึงชีวิต  ขณะที่ยังไม่พบกับสภาวะเช่นนี้ก็จะไม่รู้จักเหตุผลอันนี้ และก็พูดตักเตือนคนอื่นได้ต่อเมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นกับตัวเองแล้วก็จะเลอะเลือนละเมิดเสียเอง นี่แหละที่เขาว่า เห็นปลงตกแต่ทนไม่ไหว !  ถ้าหากสามารถเข้าใจว่า "เสพสุขเกินเลย"  ก็จะสามารถแก้ไขนิสัยตนเองได้ เจ้าสุรานารีทรัพย์นี่มันคุ้นเคยง่ายและก็ลืมได้ง่าย ถ้าหากบำเพ็ญสนใจใคร่หยากน้อย มีความสบายใจใสสะอาดได้แล้ว ก็สามารถยืนหยัดตั้งฟ้ายันดินได้ ! 

นิทาน   :  พระภิกษุจื้อกง กับ ฮ่องเต้เหลียงอู๋ตี้ สนทนากันเรื่องดนตรี พระภิกษุจิ้อกงจึงทูลให้ฮ่องเต้สั่งให้คนไปนำนักโทษจากคุกมาทดสอบหลายคน ให้เอานักโทษประหารทั้งหมด มีคำสั่งให้นักโทษถือแก้วที่มีน้ำเต็มและให้เดินไปมาหน้าพระที่นั่ง ทั้งพูดว่า "แก้วน้ำของใครไม่หกออกมา ฉันก็จะให้อภัยไม่ต้องโทษประหาร"  พูดจบแล้วก็ให้หน่วยดนตรีบรรเลงดนตรีเพื่อชักจูงพวกเขา ดูว่าพวกเขาจะมีใจลอยหรือไม่ ผลสุดท้ายเมื่อเล่นดนตรีไปนาน ก็ไม่มีน้ำหกออกมาเลยสักคนหนึ่ง ฮ่องเต้ถอนใจยาวและพูดว่า "พวกเจ้าไม่ได้ยินดนตรีหรอกหรือ !"  นักโทษประหารตอบว่า "ไม่ได้"  อาจารย์จื้อกงจึงพูดว่า "พวกเขากำลังหวาดกลัวจะถูกตัดหัว กลัวว่าน้ำในถ้วยจะหกออกมา เขาจะได้ยินดนตรีได้อย่างไร ?. 

อธิบาย   :  ถ้าคนเรามีใจหวาดหวั่นอยู่เสมอ ใจที่เสพสุขก็ไม่มี !  คุณอูเถี่ยวเจียวกล่าวว่า "ก็เหมือนการขนกระเบื้องที่ต้องสนใจระมัดระวัง เมื่อทำงานอยู่ริมตะลิ่ง ตั้งแต่โบราณมาอริยปราชญ์ จะต่อสู่ระวัง แล้วพวกเราเป็นใคร จะไม่กลัวที่จะยังเสพสุขอยู่หรือ ใช้ชีวิตสุรุ่ยสุร่ายเกินเลย"  คัมภีร์อี้จิงว่า "ฟ้าเข้มแข็ง บัณฑิตเข้มแข็งไม่พัก"  ถ้าคนไม่ยอมจะเข้มแข็ง จะต้องให้ถึงคราวฉุกเฉินกดดัน หรือตอนที่เกิดกับตนเอง สำคัญยิ่งใหญ่แล้ว ยิ่งคิดจะยิ่งเที่ยวแตร่สบายได้ ใช้ชีวิตผ่านไปวัน ๆ งั้นหรือ ถ้าหากเป็นคนที่มีอุดมการณ์เข้มแข็ง เป็นเรื่องที่ตนจะต้องทำก็จะมีมากมายไม่มีหมดสิ้น มีแต่รู้สึกว่า เวลาของแต่ละวันก็ไม่พอ มีหรือจะมีเวลามากพอไปสุขสบายเที่ยวแตร่ ถ้าเช่นนี้ก็จะไม่กล้าปล่อยตัวให้สบาย ! 
        ถึงแม้อาคารหลังใหญ่ของสกุลหวี่จะปลูกอยู่ริม ถนนใหญ่ก็ตามแต่ก็นำพาเคราะห์์มาได้เหมือนกัน !  ที่พูดว่าหยิ่งทะนง สุรุ่ยสุร่ายก็มีเคราะห์ภัยมากอยู่แล้ว แต่สาเหตุที่กวักเคราะห์มาไม่ใช่แบบเดียวกัน อย่างไรก็ตาม เคราะห์ภัยความหยิ่งทะนง สุรุ่ยสุร่ายในนั้นก็มีภัยจากผู้หญิงมากที่สุด และมาเร็วที่สุด เป็นฉะนั้นศีลห้ามกามเป็นสิ่งสำคัญ !"  ท่านอุ้งสือเหย่ฟู ก็พูดไว้ว่า "หนังหุ้มห่อกระดูกเนื้อสกปรก ทำจริตมารยาหลอกคน อดีตวีรชนส่วนใหญ่ก็นั่งตรงนี้ ตายแล้วก็ร่วมลงเหวโลกีย์"  ถ้าคนเข้าใจหลักธรรมนี้ และเข้าใจเพิ่มจากหนังสือนี้ นอบน้อมเฝ้ารักษาเคร่งครัด คำสอนและข้อห้าม หากสามารถรักษาเพ่งพิศจิตว่าง ก็จะไม่จมปรักอยู่กับเสพสุขจนกวักเคราะห์ภัยมา ! 

คติพจน์   :  ฟั้นเหวินกงสมัยซ่งกล่าวว่า "ทุกวันก่อนที่จะเข้านอนจะต้องคำนวนก่อนว่าวันนี้ประเทศชาติให้บำเหน็จข้ากับวันนี้ทั้งวันที่ข้าทำให้ต่าง ๆ ว่ามันคุ้มหรือไม่ ถ้าหากว่าคุ้มข้าก็จะนอนได้อย่างสุขใจ  ถ้าหากรู้ว่าไม่คุ้มกับบำเหน็จที่ได้รับก็ให้รู้สึกละอายใจ คืนนั้นทั้งคืนข้าจะนอนไม่หลับ"       

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                   คัมภีร์กรรม  เล่ม ๓

                   ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า 

                          วิถีสร้างบุญวาสนา ขจัดภัยพิบัติ 

                                     บทที่หก

                                     ชั่วบาป 

                           คัมภีร์   :  ทารุณผู้ใต้บังคับ

อธิบาย   :  การทารุณโหดเหี้ยมผู้ใต้บังคับหรือทาสของตนเอง  ผู้ทำงานราชการมีตำแหน่งสูงกว่ามีนิสัยที่โหดร้าย ชอบทำทารุณผู้ใต้บังคับบัญชาหรือประชาชน หรือเจ้านายที่ลงโทษเกินควรตบตีบ่าวทาสในบ้าน เหล่านี้คือการทารุณผู้ใต้บังคับทั้งนั้น การทารุณผู้ใต้บังคับหรือประชาชนซึ่งเคยพูดกันมาแล้วในเล่มนี้ แต่มาในข้อนี้ก็จะเพิ่มรายละเอียดของเจ้านายในบ้านที่กระทำต่อบ่าวคนใช้
        พุทธองค์กล่าวแก่สุชาต บุตรเศรษฐีเมืองราชคฤห์ (สิคาลมานพหรือสิคาโลวาทสูตร) ว่า  "ชาวโลกทั้งหลายที่ปฏิบัติต่อทาสบ่าวไพร่ของตนเอง มีห้าประการที่ควรเข้าใจ
หนึ่ง   ควรรู้ถึงการร้อนหนาวกระหายหิวของพวกเขาเสียก่อน ค่อยให้เขาทำงาน
สอง   หากเจ็บป่วยต้องให้การรักษาพวกเขา
สาม   ถ้าหากพวกเขากระทำผิด ไม่อาจเฆี่ยนตีได้ตามใจ ต้องถามหาต้นตอให้กระจ่างเสียก่อน ภายหลังจึงค่อยดำเนินการ ที่อภัยได้ก็อภัยเสีย ที่อภัยไม่ได้ก็ให้สั่งสอนดำเนินการ
สี่   หากพวกเขามีทรัพย์สินเก็บส่วนตัว ไม่อาจชิงมาเป็นของตน
ห้า   ของที่แบ่งให้บ่าวไพร่ต้องมีความเสมอภาคกัน ไม่ควรลำเอียง
        โอวาทของท่านหยวน  "คุณภาพของบ่าวไพร่ก็จะด้อยกว่าคนปกติทั่วไปอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นมักจะทำผิดบ่อย ๆ ทั้งยังลืมเก่งด้วย บางครั้งเรื่องที่สั่งให้ทำก็ลืมหมด  นิสัยส่วนใหญ่จะติดยึดคิดว่าตัวเองถูกต้อง นิสัยของบ่าวบางคนก็โมโหร้าย พูดจาไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ไม่รู้จักหลักของนายกับบ่าว ดังนั้น เจ้าของบ้านเวลาเรียกเขาทำงานต้องเปิดใจให้กว้างปฏิบัติต่อเขา ควรสั่งสอนให้มาก อย่าให้เกิดโทสะมีอารมณ์ เช่นนี้จิตใจของเจ้าของบ้านก็จะรู้สึกสบายถ้าหากบ่าวไพร่ทำผิดที่ต้องลงโทษสั่งสอน ก็ควรกระทำด้วยความสงบอารมณ์ เมื่อการลงโทษว่ากล่าวผ่านพ้นไปแล้ว เวลาจะใช้เรียกหาก็ควรใช้อารมณ์และทำสีหน้าให้ปกติ อย่างนี้ก็จะไม่เกิดเรื่องอย่างอื่น ตลอดจนถึงพวกผู้หญิง ที่มีจิตใจคับแคบติดยึดมาก นายจ้างจะต้องให้การอบรมชี้แนะบ่อย ๆ ลูกหลานในบ้านก็ไม่ให้ตบตีด่าว่าบ่าวไพร่ หากมีเรื่องใดเกิดขึ้นก็ควรบอกกับเจ้าบ้าน หากเห็นว่าลูกจ้างเป็นบุคคลที่ป่าเถื่อนโหดเหี้ยมก็ต้องใช้วิธีที่ดี เพื่อให้เขาออกไป ไม่ไปใช้มาตรการที่เข้มงวดต่อเขา เพราะเกรงว่าคนประเภทนี้จะโกรธแค้นแล้วทำการแก้แค้นภายหลัง" 
        คุณอู่เถี่ยวเจียวกล่าวว่า "การปฏิบัติต่อคนด้วยความรุนแรงก็เป็นสิ่งไม่ควรทำ แต่ปล่อยตามใจเขาก็จะไม่เกรงกลัวใคร ก็หยิ่งไม่ได้ เพราะถ้าไม่ระมัดระวังบ่าวไพร่ก็จะทำเรื่องเสียหายเกิดขึ้นใหญ่โตก็ได้" 

นิทาน   :  นักกวีสมัยจิ้น เถาหยุนหมิงได้สอบลูกชายเขาว่า "ทุกวันงานของเจ้าก็วุ่นวายมากอยู่แล้ว จึงไม่ค่อยมีเวลามาดูแลตนเอง ตอนนี้พ่อหาคนใช้คนหนึ่งมาช่วยเจ้าตักน้ำผ่าฟืนจะได้ลดภาระของเจ้าไปบ้าง แต่บ่าวไพร่ก็ยังเป็นลูกของชาวบ้าน เจ้าต้องปฏิบัติต่อเขาให้ดีด้วย !

นิทาน   :  ในสมัยซ่ง คุณนายของหยางวั้นหลี่ นางเฉินจี้ อายุกว่า ๗๐ ปีแล้ว ทุกวันในฤดูหนาวนางจะตื่นแต่เช้า เข้าครัวไปต้มข้าวต้มให้บ่าวไพร่ แต่ละคนได้กินข้าวต้มร้อน ๆ เสียก่อนจึงให้ไปทำงาน ลูกชายนางชื่อ ชันตงพูดกับมารดาว่า "คุณแม่ อากาศหนาวอย่างนี้ ท่านแม่ทำไมต้องลำบากอย่างนี้?" นางเฉินจี้ตอบว่า "บ่าวไพร่พวกเขาก็เป็นลูกของชาวบ้านเหมือนกัน !  เวลาเช้าฤดูหนาวอากาศจะหนาวมาก เพราะฉะนั้นต้องการให้ร่างกายของพวกเขาได้อบอุ่นเสียก่อน จึงจะเรียกเขาไปทำงาน !"

นิทาน   :  ที่เมืองหงโจว ท่านหวังเจียนอี้ ตำแหน่งซือหม่า เกิดเป็นลมดันขึ้นจนถึงแก่ความตาย เขาตายแล้วฟื้นมาใหม่ เขาบอกแก่ภรรยาว่า "เมื่อก่อนฉันใช้สอยพวกบ่าว มีครั้งหนึ่งฉันลงโทษเขาหนักเกินไป ทำให้เขาบาดเจ็บจนตาย  เมื่อกี้ฉันอยู่ที่ยมบาลก็ถูกบ่าวมันฟ้องร้องทุกข์อยู่ ดูแล้วตกลงกันไม่ได้ ตอนนี้ฉันเจ็บป่วยเป็นโรคนี้ก็เพราะบ่าวคนนี้มันเล่นงานเอา " ภรรยาพูดว่า "ทำไมแค่บ่าวเล็ก ๆ คนหนึ่ง ทำไมจึงกล้าทำแบบนี้ ?." หวังเจียนอี้ตอบว่า "โลกมนุษย์คน มีสูงมีต่ำแตกต่างกัน แต่ไปถึงยมโลก ก็เสมอภาคกัน"  หลังจากหวังเจียนอี้พูดจบ ไม่นานก็หายไป     

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                 คัมภีร์กรรม  เล่ม ๓

                   ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า 

                          วิถีสร้างบุญวาสนา ขจัดภัยพิบัติ 

                                     บทที่หก

                                     ชั่วบาป 

                           คัมภีร์   :  ข่มขู่เขาหวาดกลัว

อธิบาย   :  ข่มขู่เขาทำให้เขาเกิดความหวาดกลัว  การข่มขู่แบ่งเป็น ๒ ชนิด ชนิดแรกคือเห็นเขากำลังตกทุกข์ฉุกเฉินแล้ว ไม่ปลอบประโลมเขา กลับตั้งใจใช้อำนาจข่มขู่เขา ทำให้ใจเกิดความหวาดกลัว  อีกชนิดหนึ่ง เพราะเห็นแก่ประโยชน์จึงใช้วิธีแสดงความมีอำนาจเพื่อให้เขากลัวเรา  เพื่อให้ตนได้ประโยชน์ เคยได้ยินพระโพธิสัตว์กวนอิมตรัสว่า ขณะอยู่ที่ในเวไนยสัตว์หวาดกลัวแล้วสามารถให้ทานไม่ให้เกิดความหวาดกลัวแก่เวไนย์สัตว์ได้เหตุนี้จึงแจ้งประจักษ์ลุถึงความกลมสมบูรณ์ได้ เพราะฉะนั้นวิถีแห่งกวนอิม จึงเรียกได้ว่าเป็นวิถีธรรมที่แพร่ได้หลายที่สุด เวไนยแห่งชมพูทวีป ล้วนยกย่องพระโพธิสัตว์กวนอิม  เป็นผู้ปลดทุกข์ เป็นผู้ไม่กลัวการให้ทาน ดังนั้น คนที่ข่มขู่เขาให้หวาดกลัว เมื่อเห็นพระโพธิสัตว์กวนอิมที่ไม่เกรงกลังให้ทานแล้ว ไม่รู้ว่าเขาจะมีความรู้สึกอย่างไร  เพราะฉะนั้นบัณฑิตเมื่อพบคนอื่นกำลังหวาดกลัวอยู่ ก็จะจริงใจไปปลอบประโลมเขาให้เขาสงบใจไม่หวาดกลัว  น่าเสียดายที่ชาวโลกไม่รู้จัก  ชอบแต่จะข่มขู่ให้เขาหวาดกลัว พอตายไปแล้ว ก็จะไม่เกิดเป็นสัตว์ประเภทเดียวกับกวาง ตอนกลางวันกวางเห็นสัตว์ดุร้ายก็หวาดกลัวหลบหนี เวลากลางคืนตอนจะนอนก็จะเอาเขาเกยไว้กับผิวของต้นไม้ ทำเช่นนี้เพราะมันเกิดอะไรขึ้น มันก็จะหวาดกลัวรีบหลบหนี หลังหวาดกลัวแล้วจะหลับอีก หลับแล้วก็จะหวาดกลัวตื่น ตั้งแต่ตกเย็นจนถึงเช้า ไม่มีสักชั่วยามหนึ่งที่สงบสุขนี่คือผลกรรมตอบสนองล่ะ ! 

นิทาน   :  ที่หูโจวมีพ่อค้าชายคนหนึ่ง ไปขายขิงที่ย่งเกียเมืองเจ๋อเจียง ที่ย่งเกีย มีเศรษฐีคนหนึ่งมาซื้อขิง การต่อรองราคาจนทำให้เศรษฐีหวังเซินเกิดโทสะมาก จึงตีหลังพ่อค้าจนเขาล้มลงพื้น แล้วก็ตาย หวังเซินรีบช่วยเหลือแกเฉินจนพ่อค้าฟื้นคืนสติมา หวังเซินขอโทษพ่อค้า ทั้งยังให้ผ้าแพรดิบไม้พับหนึ่งให้แก่เขา เมื่อพ่อค้ามาขึ้นเรือ เจ้าของเรือก็ถามเขาว่า "ผ้าแพรดิบไม้นี้ได้้มาแต่ไหน?. พ่อค้าจึงเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง เจ้าของเรือจึงเอาเงินซื้อผ้าแพรดิบและซื้อหาบขิงของพ่อค้าด้วย หลังจากพ่อค้าจากไปแล้ว ก็ให้บังเอิญเจ้าของเรือเห็นศพลอยน้ำมาจึงนำศพขึ้นมาและนำไปที่บ้าน จากนั้นก็ไปที่บ้านหวังเซิน พูดว่า "วันนี้หลังเที่ยงมีพ่อค้าขิงมาจากหูโจว จะมาขึ้นเรือกลับบ้าน แต่เพราะถูกท่านตีหนักบาดเจ็บ ตอนที่เขาใกล้ตายก็ไหว้วานฉันให้ไปบอกพ่อแม่และเมียเขาว่าต้องไปฟ้องร้องท่าน ทั้งยังมีผ้าแพรดิบและหาบขิงเป็นหลักฐาน พอเขาพูดจบก็ขาดใจตาย  เพราะฉะนั้นจะไม่มาบอกท่านก็ไม่ได้ หวังเซินได้ยินแล้วก้พากันร้องไห้ทั้งบ้าน และรู้สึกหวาดกลัวมาก จึงเอาเงิน ๒ แสน ติดสินบนเจ้าของเรือ ครั้งแรกเจ้าของเรือก็แกล้งทำเป็นไม่เอา ต่อมาก็ทำแข็งขืนรับมา หวังเซินและเจ้าของเรือก็ช่วยกันฝังศพไว้ในป่า ก็ให้บังเอิญที่บ้านหวังเซินมีคนใช้คนหนึ่งนำเรื่องนี้ไปฟ้องร้องที่อำเภอก็ถูกตัดสินให้จำคุกและตายในคุก ปีถัดปี พ่อค้าขิงก็มาที่ย่งเกียและก็ไปเยี่ยมที่บ้านหวังเซิน ลูกหวังเซินเห็นพ่อค้าขิงคิดว่าเป็นผี พ่อค้าพูดว่า "ฉันยังไม่ตาย วันนี้มาจากหูโจวเอาของมาฝาก เพื่อขอบคุณท่าน" ลูกหวังเซินจึงรั้งพ่อค้าไว้แล้วรีบจับคนใช้ไปส่งอำเภอ ทางอำเภอจึงจับทั้งคนใช้และเจ้าของเรือเข้าคุกและในที่สุดก็ตายลงในคุก

Tags:
 

มหาปณิธาน

พระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ (地藏王菩薩)

มหาปณิธานพระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ (地藏王菩薩)

“...เพื่อหมู่สัตว์ทั้งหกภูมิผู้มีบาปทุกข์ ข้าพเจ้าจะใช้วิธีการต่างๆ ช่วยให้หลุดพ้นจนหมดสิ้น แล้วตัวข้าพเจ้าจึงจะสำเร็จพระพุทธมรรค”