collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: คัมภีร์กรรม ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า : คำนำ  (อ่าน 144070 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                    คัมภีร์กรรม  เล่ม ๒

                   ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า 

                          วิถีสร้างบุญวาสนา ขจัดภัยพิบัติ 

                                     บทที่หก

                                     ชั่วบาป 

                           ห้ามการพนัน ๑๐ บัญญัติ

                                     สรุป

        เมื่อเห็นภาพลักษณ์ที่แท้จริงเช่นนี้แล้ว การพนันมีดีตรงไหน สิบข้อบัญญัติที่กล่าวมา แม้หลักการจะไม่ละเอียดนักแต่ความหมายก็ถึงแก่น จึงขอเตือนและตั้งความหวังว่า  ชาวโลกต้องใคร่ครวญด้วยความสงบ ตรึกตรองให้เข้าใจละทิ้งนิสัยการพนันตัดขาดเสีย แล้วตั้งปฏิญาณว่าจะไม่ไปเล่นอีกเพราะการพนันเหมือนตกสู่หลุมของสัตว์ร้าย เพียงกลับตัวก็ฟื้นขึ้นมาได้ก็จะถือเป็นโชคดี  การพนันนั้นร้ายกว่าภัยจากน้ำ ไฟ หรือ ขโมยเสียอีก  เพราะฉะนั้นคนจึงหลงใหลกับมันมากและยึดติดจนถอนไม่ขึ้น บ้างถึงกับต้องสังเวยด้วยชีวิตแบบจำยอม น่าสงสารจริง ๆ  น่าเวทนายิ่งนัก !  ทำไมอาตมาจึงเจ็บปวดต้องร้องไห้ขี้มูกโป่ง เพื่อบอกเล่าถึงสาเหตุให้พวกท่านฟัง ถ้าหากได้ฟังแล้วยังไม่ยอมกลับตัว ก็นับว่าเขานี่ช่างโง่เขลานัก !

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                   คัมภีร์กรรม  เล่ม ๒

                   ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า 

                          วิถีสร้างบุญวาสนา ขจัดภัยพิบัติ 

                                     บทที่หก

                                     ชั่วบาป 

                           คัมภีร์   :  พรากสายเลือดเขา

อธิบาย  :  ทำให้สายเลือดเขาแตกแยกไม่ปรองดองกัน คำว่า พราก นี้คือ ทำให้ครอบครัวเขาแตกแยก บ้างก็กดดันบังคับให้ขายลูก บ้างก็หาเรื่องทำให้พี่น้องเขาต้องแตกแยก  พี่น้องทะเลาะกัน พ่อลูกหรือแม่ลูกไม่รักใคร่กัน เหล่านี้คือการพรากสายเลือดทั้งนั้น เป็นการทำลายความดีงามของฟ้า เพราะว่าความสัมพันธ์ทางสายเลือดคือความสุขของมนุษยสัมพันธ์ที่มีอยู่ เพราะฉะนั้นผู้ได้ชื่อว่ามีเมตตา เมื่อเห็นครอบครัวเขาตกระกำลำบากจนดำรงชีพอยู่ไม่ได้ ก็จะเอาเงินไปช่วยเหลือให้เขาผ่านพ้นอุปสรรค ให้พวกเขาสามารถอยู่ร่วมกันได้ปลอดภัย การที่สายเลือดไม่ปรองดองกันก็ต้องเข้าไปตักเตือนแนะนำให้ทัั้งสองฝ่ายที่เข้าใจผิดกันให้อภัยกัน จะได้กลับมาสามัคคีปรองดองกันใหม่ นี่คือวิถีของผู้บำเพ็ญธรรมต้องปฏิบัติ

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                 คัมภีร์กรรม  เล่ม ๒

                   ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า 

                          วิถีสร้างบุญวาสนา ขจัดภัยพิบัติ 

                                     บทที่หก

                                     ชั่วบาป 

                           คัมภีร์   :  แย่งของรักเขา

อธิบาย  :  แย่งชิงสิ่งของที่เขารักหวงแหน ของรักของหวงแหนของผู้อื่นเช่น ที่ดิน  บ้าน  หนังสือ  ของเล่น  เครื่องใช้ไม้สรอย ฯ  เป็นต้น  เราคิดหาวิธีที่จะไปยึดครองมาเป็นของตนเอง การกระทำเช่นนี้ก็เหมือนโจรที่แย่งชิงปานกัน  คุณอูเถียเจียวกล่าวว่า  "สิ่งของโดยตัวของมันเองไม่มีคำว่าสวยไม่สวย ถ้าหากมีคนชอบก็จะถูกดูว่าเป็นของมีค่า หากคนอื่นมาแย่งชิงไป ใจเราจะรู้สึกว่าอย่างไร ?. หยูจื่อจิ้น กล่าวว่า " ตอนนี้ถ้าเป็นของที่ฉันรักแล้วถูกผู้อื่นแย่งไปก็กลัวใจจะคิดไม่หยุด !"

        นิทาน  :  สมัยก่อน จางไกมีห้องชุดใหญ่ห้องหนึ่งสวยงามมาก เป็นเพราะร้อนเงิน จึงเอาห้องไปจำนองไว้หนึ่งพันเหรียญ ไว้กับจางจุ่น  จางจุ่นคิดอยากได้ห้องนี้อยู่แล้ว จึงหาวิธีครอบครองเอาห้องนี้ให้ได้  จึงเอาของขวัญอันมีค่ามากไปให้นายหน้าคนที่แนะนำมาจำนอง โดยให้เขาปลอมใบซื้อขายห้องเป็นสัญญาเก็บไว้ ต่อมาจางไกเดือดร้อนมาก ก็มาหาจางจุ่นเพื่อหยุดสัญญาจำนองแก้ไขมาเป็นซื้อขายขาด จะได้มีเงินมาหมุนให้คล่องขึ้น ขณะนั้น จางจุ่นจึงหยิบสัญญาซื้อขายปลอมมาให้จางไกดู  จางไกพูดไม่ออกเป็นใบ้ รู้ว่าสัญญาจางจุ่นแก้ไขไป จึงหลั่งน้ำตาสบถต่อฟ้าว่า "ขอให้ลูกของเธอให้เหมือนข้าและก็ให้ลำบากเหมือนข้า ! "  ต่อมาลูกหลานของจางจุ่นก็กลายเป็นใบ้ ในที่สุดป่วยหนักก็ตายไป

       โอ้ !  ที่ดินบ้านช่องเป็นของนอกกาย คิดจะแย่งมาครอบครองเป็นของตนเอง แล้วต้องมาให้ลูกหลานที่ตนรักไปใช้หนี้กรรมอันนี้ ทำไมจึงกระทำโง่เขลาเช่นนี้ คนที่ชอบแย่งของรักของคนอื่น ควรเอาเรื่องนี้เป็นสังวร       

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                  คัมภีร์กรรม  เล่ม ๒

                   ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า 

                          วิถีสร้างบุญวาสนา ขจัดภัยพิบัติ 

                                     บทที่หก

                                     ชั่วบาป 

                           คัมภีร์   :  ช่วยเหลือเขาทำชั่ว

อธิบาย  :  ช่วยเหลือเขาไปทำชั่ว หรือร่วมกันไปทำชั่ว ช่วยเหลือส่งเสริมเขาไปทำชั่ว โดยที่ไม่สามารถชักจูงเขาไปทางดี ล้วนถือว่าช่วยเหลือให้เขาทำช่วย พุทธองค์ว่า  "การพูดธรรมสั่งสอนกล่อมเกลาเวไนยเรียกว่าการให้ธรรมทาน การให้ธรรมทานสามารถทำให้เวไนยได้ฟังพุทธธรรม เพราะเหตุปัจจัยนี้ก็จะได้รับกุศลตอบสนองจำนวนนับไม่ได้"  ในบันทึกบาปบุญเขียนไว้ว่า  "สอนคนไปทำชั่ว ทำให้คนอื่นได้ไปทำชั่ว ตนเองก็มีบาปหนึ่ง ถ้าเรื่องชั่วนั้นใหญ่ บาปของคนสอนก็ใหญ่ตามไปด้วย เมื่อสั่งสมบาปไว้เป็นเหตุปัจจัย ก็จะได้ชั่วตอบสนองนับจำนวนไม่ได้  อาตมาคิดว่า การเตือนให้คนทำดี วานดีที่เขาทำก็เหมือนกับเราได้ทำเอง เพราะฉะนั้นกุศลที่ตนทำก็ยิ่งเพิ่มขึ้นทุกวัน แต่ถ้าชั่วให้ผู้อื่นทำก็เหมือนตนได้ทำ เพราะความชั่วที่ทำก็นับวันเพิ่มขึ้น พอถึงผลสรุปบาปบุญก็จะห่างกันราวฟ้ากับดิน ผลบาปบุญตอบสนองก็เทียบได้กับเมฆกับตมเลน !  เพราะฉะนั้นพวกเราควรต้องรู้จักคัดเลือก

คติ  :  มหาปณิธาน ๑๐ ของภัทรโพธิสัตว์มีข้อหนึ่งว่า  "เห็นผู้อื่นทำกุศลแล้วก็ดีใจอนุโมทนาด้วย"  พุทธสูตรว่า "ผลบุุญตอบสนองที่ร่วมอนุโมทนาก็เหมือนคนที่กำลังขายธูป เมื่อมีคนหนึ่งมาซื้อธูป คนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็ได้กลิ่นหอมของธูปรมไปด้วย กับคนสองคน ๆ หนึ่งขายธูป อีกคนซื้อธูป บุญกุศลของพวกเขาก็ไม่ได้ลดน้อยลงไป เพราะฉะนั้น คนที่ร่วมอนุโมทนาจะมีผลบุญตอบสนอง ดีเหลือหลายอย่างนี้ ทำไมต้องไปช่วยเขาทำชั่ว ต้องย้อนพิจารณาให้ดี หวนคิด ๆ เถิด ! "

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                    คัมภีร์กรรม  เล่ม ๒

                   ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า 

                          วิถีสร้างบุญวาสนา ขจัดภัยพิบัติ 

                                     บทที่หก

                                     ชั่วบาป 

                           คัมภีร์   :  อวดอำนาจข่มขู่

อธิบาย  :  พอใจอวดอำนาจเพื่อข่มขู่ผู้อื่น บัณฑิตเป็นคนซื่อตรง มีระเบียบเคร่งครัดตน และกับผู้อื่นจะผ่อนปรนนุ่มนวลน่าใกล้ชิด คนอื่นก็จำนับถือยำเกรงรักใคร่และชื่นชม หากใครก็ตามพอขยับตัวก็อวดอำนาจข่มขู่ผู้อื่น ถึงแม้จะสามารถทำให้คนกลัวถูกทำร้ายจึงยอมอ่อนให้ แต่ใจและปากนั้นไม่ยอมอ่อนให้ทั้งไม่สำนึกคุณด้วย คนที่ชอบอวดอำนาจข่มเหงคนอย่างนี้ มันจะอยู่ในใจคนได้อย่างไร ?. 

คติ  :  โคว่ไหลกง ในสมัยซ่งกล่าวว่า  "ขุนนางกระทำคต ยามหมดอำนาจก็เสียใจ ร่ำรวยไม่ประหยัดใช้ ยามจนแล้วก็เสียใจ ฝีมือไม่เรียนตั้งแต่เด็ก ยามเวลาผ่านไปแล้วก็เสียใจ เวลาเห็นไม่เรียน ยามจะใช้ก็เสียใจ  ตอนเมาอาละวาด ยามสร่างก็เสียใจ  ตอนสบายไม่พักผ่อน ยามป่วยก็เสียใจ"  คำพูดแบบนี้เป็นเรื่องที่สามารถลดความเสียใจได้ดี พวกเราควรจำจำไว้ในใจ และตักเตือนตนเองบ่อย ๆ

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                  คัมภีร์กรรม  เล่ม ๒

                   ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า 

                          วิถีสร้างบุญวาสนา ขจัดภัยพิบัติ 

                                     บทที่หก

                                     ชั่วบาป 

                           คัมภีร์   :   ทำเขาอัปยศเพื่อชนะ

อธิบาย   :  ทำเขาให้อัปยศอดสูเพื่อชัยชนะ การใช้เหตุผลทำให้เขายอมรับ บางครั้งก็เกรงว่าเหตุผลนี้จะไปกระตุ้นให้ใจเขาอยากเอาชนะ ตลอดจนเหตุผล
ที่ใช้ ก่อให้เกิดการกระทบกระทั่งกันจนยอมรับไม่ได้ ยิ่งเป็นเหตุผลของตนเองแล้วก็ยังไม่เพียงพอ จึงไปใช้ความรุนแรงด่าทอหรือทุบตีทำให้เขาได้รับความอัปยศเพียงเพื่อเอาชนะหรือ ?  หลูจื่อจิ้นพูดว่า  "ใจที่อับอายมีอยู่ในแต่ละคน  ใครบ้างจะยินยอมรับความอัปยศจากผู้อื่นเล่า ?  ให้บังเอิญมีคนใช้ความอัปยศทำกับผู้อื่น  เพียงเพื่อให้ตนได้ชัยชนะแล้วควรรู้ว่าธรรมแห่งฟ้าตอบแทนได้ดี การทำอัปยศคนอื่นถึงที่สุดแล้วกลายเป็นอัปยศตนเองนะ !"

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                   คัมภีร์กรรม  เล่ม ๒

                   ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า 

                          วิถีสร้างบุญวาสนา ขจัดภัยพิบัติ 

                                     บทที่หก

                                     ชั่วบาป 

                           คัมภีร์   :  ทำลายไร่นาเขา

อธิบาย  :  การทำลายพืชผลการเกษตรของผู้อื่น  ที่เกษตรกรอาศัยผลิตผลดำรงชีพ ชาวนาไถหว่านในฤดูร้อนเพื่อหวังเก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ร่วง เขาทำงานด้วยความเหน็ดเหนื่อยทุกข์ยาก ยิ่งสำหรับชาวนาที่ต้องอาศัยผลิตผลเลี้ยงชีพอย่างเดียว เราจะไปทำลายเขาโดยการกั้นน้ำไม่ให้เข้านาเขา ให้ต้นกล้าต้องแห้งตาย หรือไม่ก็พังทำนบให้น้ำท่วมต้นข้าว หรือปล่อยวัวควายเข้าไปเหยียบย่ำกินต้นข้าวเขา ทำให้เขาเก็บเกี่ยวได้ไม่พอเพียง ชาวนาเหน็ดเหนื่อยแล้วยังไม่ได้เก็บเกี่ยว คนทำได้แบบนี้นับว่าโหดร้ายมาก อีกทั้งเจ้าหน้าที่ชลประทานที่ไม่เห็นความสำคัญของการเกษตรว่าระยะไหนเวลาใด เกษตรกรต้องการน้ำ แล้วก็จะกระทบกระเทือนถึงการเก็บเกี่ยว อย่างนี้ก็ถือเป็นการทำลายไร่นาเขาด้วย

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                     คัมภีร์กรรม  เล่ม ๒

                   ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า 

                          วิถีสร้างบุญวาสนา ขจัดภัยพิบัติ 

                                     บทที่หก

                                     ชั่วบาป 

                           คัมภีร์   :  ทำลายการแต่งงานเขา

อธิบาย  :  ทำลายการแต่งงานทำให้เขาไม่ได้แต่งงานกัน เมื่อมีความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยา  จึงจะมีความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับลูก เพราะฉะนั้น การแต่งงานจึงเป็นเรื่องใหญ่ของชีวิต  การทำลายการแต่งงานมีหลายวิธีซึ่งก็มีการวางแผนการณ์ได้ร้อยแปด เช่นการทำลายก่อนแต่งงาน ขณะแต่งงานและหลังแต่งงาน ตั้งแต่ไม่มีเรื่องราวสร้างเรื่องขึ้น เป็นต้น  หารู้ไม่ว่าการแต่งงานเป็นเรื่องของฟ้ากำหนด คนจะไปทำลายเขาได้อย่างไร ? การแต่งงานที่ถูกทำลายไปแล้ว ที่สุดการแต่งงานนี้จึงมิใช่การแต่งงาน !  อย่างไรก็ตามการแต่งงานจะแยกหรืออยู่ด้วยกันเป็นเรื่องของฟ้ากำหนด หากคนตั้งใจไปทำลายการแต่งงานของผู้อื่น บาปกรรมอันนี้เหมือนบาปกรรมฆ่าคน  ผู้ทำชั่วทำไมจึงต้องทำลายมโนธรรมของตนเองเล่า !  อันที่จริงสามีภรรยาปรองดองกัน อาจเป็นเพราะผู้ใหญ่ฝ่ายหญิง เห็นเขยเป็นคนจนต้อยต่ำจึงเกิดแตกต่าง หรือพ่อแม่สามีเห็นลูกสะใภ้ยากจนจึงฟังคำยุแหย่นี้ก็คือโจรฆ่าญาติ เมื่อเทียบกับการใช้อาวุธฆ่าคนยังน่ากลัวกว่าอีก จึงควรเป็นข้อห้าม การติเตียนความยากจนแยกทาง โดยใช้อิทธิพลไปฉุดเอา เหล่านี้คือการทำลายหลักธรรมฟ้าทั้งสิ้นหรือ
การใช้กฏหมายอำนาจตำแหน่งราชการไปข่มเหงบังคับให้เขาแยกทาง ก็เป็นการสูญบุญกุศลอย่างมหาศาล อาจต้องได้รับโทษจากฟ้า อันที่จริงควรใช้ตำแหน่งข้าราชการชักจูงตักเตือนห้ามปรามจึงจะถูกต้อง

คติ  :  ซือหม่าอุน สมัยซ่ง เขียนคำสอนครอบครัวไว้ว่า  "เมื่อจะหมั้นหมายก็ควรสืบสวนคุณสมบัติทั้งสองฝ่ายและประเพณีให้ดีก่อน ทุกอย่างต้องถามให้รู้ชัด อย่าเพียงพอใจความร่ำรวยของฝ่ายตรงข้าม ถ้าหากเขยมีศักยภาพ แม้ตอนนี้จะยังจนอยู่ จะรู้ได้อย่างไรว่าวันข้างหน้าจะไม่ร่ำรวย ?.  ถ้าหากเขยไม่รักดี แม้ตอนนี้จะร่ำรวยจะรู้ได้อย่างไรว่าวันข้างหน้าจะไม่ยากจน ยิ่งผู้หญิงมีความสำคัญต่อครอบครัว ต่อความเจริญหรือเสื่อมอย่างยิ่ง ถ้าหากเห็นแก่ความรวยของฝ่ายเธอแล้วเลือกมาเป็นภรรยา แล้วเธอยังติดความรวยของพ่อแม่มาดูถูกสามี ไม่เคารพพ่อแม่สามีกลายเป็นนิสัยหยิ่งทะนง บ้านก็จะไม่มีความสงบสุข ถึงแม้จะอาศัยฝ่ายหญิงร่ำรวยหรือได้ตำแหน่งข้าราชการ เลื่อนตำแหน่ง ฝ่ายชายก็มีอุดมการณ์จึงไม่รู้สึกละอายบ้างหรือ ! 

        ชาวโลกที่ชอบคลุมถุงชนหมั้นหมายไว้ตั้งแต่เด็ก พอภายหลังเติบโตแล้ว เป็นคนไม่รักดีก็พึ่งพาไม่ได้ หรือเจ็บป่วย หรือยากจน  หรือโยกย้ายไปต่างถิ่น และไม่รักษาสัญญา ละเมิดการแต่งงาน  ดังนั้น  จึงเกิดการฟ้องร้องกันขึ้นเป็นต้น แบบนี้มีมากให้เห็น ทำไมไม่รอให้พวกเขาเติบโตกันก่อน จึงค่อยหมั้นหมาย ต่อไปก็ให้ติดต่อคบหากัน ฝ่ายชายอาจส่งของขวัญมาบ้านฝ่ายหญิง เพื่อแสดงหใายของแต่งงาน ดูกันไปมาหลายเดือนแล้วจึงแต่งงาน อย่างนี้ก็จะไม่เกิดเรื่องเสียใจในภายหลัง แบบนี้เป็นเรื่องของคนรุ่นหลังควรศึกษาไว้ ! "

                                            จบเล่ม ๒

Tags:
 

มหาปณิธาน

พระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ (地藏王菩薩)

มหาปณิธานพระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ (地藏王菩薩)

“...เพื่อหมู่สัตว์ทั้งหกภูมิผู้มีบาปทุกข์ ข้าพเจ้าจะใช้วิธีการต่างๆ ช่วยให้หลุดพ้นจนหมดสิ้น แล้วตัวข้าพเจ้าจึงจะสำเร็จพระพุทธมรรค”