collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: คัมภีร์กรรม ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า : คำนำ  (อ่าน 144272 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                 คัมภีร์กรรม  เล่ม ๒

                   ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า 

                          วิถีสร้างบุญวาสนา ขจัดภัยพิบัติ 

                                     บทที่หก

                                     ชั่วบาป 

                           ห้ามการพนัน ๑๐ บัญญัติ

                   ที่ห้า  :  สูญเสียการสั่งสอนที่บ้าน

        การพนันเสพติดได้ง่าย ยิ่งในบ้านยิ่งเห็นได้ยินจึงเรียกได้ง่าย ปกติพ่อแม่ก็จะสั่งสอนลูก ๆ ให้เอาอย่างที่ดี ถ้ากหากในบ้านมีการเล่นการพนัน ลูก ๆ ก็แอบเห็นพ่อแม่หรือพี่ชายจึงเรียนเอาอย่าง พวกเขาก็จะพูดว่า  "ก็เห็นผู้ใหญ่ทำได้ก็เอาอย่างบ้าง"  จึงกลายเป็นเล่นการพนันกันทั้งบ้าน นับตั้งแต่พ่อพี่เรื่อยมาจนถึงคนใช้  ครอบครัวอย่างนี้จะมีธรรมในบ้านได้อย่างไร ในที่สุด การพนันก็เล่นกันทั้งกลางวันกลางคืนแอบเล่นกันในห้องลับ ซึ่งก็ง่ายต่อการล่วงละเมิดทางเพศ การสั่งสอนของบ้านก็เสียไป  คิดแล้วก็ใจหาย !

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                คัมภีร์กรรม  เล่ม ๒

                   ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า 

                          วิถีสร้างบุญวาสนา ขจัดภัยพิบัติ 

                                     บทที่หก

                                     ชั่วบาป 

                           ห้ามการพนัน ๑๐ บัญญัติ

                              ที่หก  :  ล้มละลาย

        เริ่มแรกเล่นได้ก็เห็นท่าทางสง่าผึ่งผาย ตีหน้าตาเขม็ง พอเล่นไปแพ้พนันอารมณ์ขุ่นข้องหมองใจ เอามรดกที่บรรพชนให้ไว้ขายมาเล่น ความลำบากของพ่อแม่ปู่ย่าที่ก่อร่างสร้างตัวมาถึงลูกหลาน เพียงไม่นานก็ล้มละลาย เสียชื่อเสียงของตระกูล บางคนถึงกับเสื้อผ้าก็เอาไปจำนำมาเล่นเหลือแต่ตัว ถึงตอนนี้ เพื่อนฝูงญาติพี่น้องจะมีใครมาสงสาร ไร่นาสาโทบ้านช่องขายหมด หนี้สินก็ยังให้ไม่หมด ฟ้ากว้างแผ่นดินใหญ่จะไปอยู่ที่ไหน นึกมาถึงจุดนี้แล้วก็น่าสงสารยิ่ง ! 

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                 คัมภีร์กรรม  เล่ม ๒

                   ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า 

                          วิถีสร้างบุญวาสนา ขจัดภัยพิบัติ 

                                     บทที่หก

                                     ชั่วบาป 

                           ห้ามการพนัน ๑๐ บัญญัติ

                           ที่เจ็ด  :  เป็นบ่อเกิดเรื่อง

        การพนันมักจะเล่นกันตลอดวันตลอดคืน บ้านช่องก็ไม่ได้ปิด ขะโมยขะโจรก็ถือโอกาสแอบเข้ามาขโมย  ฟืนไฟก็ไม่ได้ดับ บางครั้งก็ก่อให้เกิดไฟไหม้ขึ้น พวกคนร้ายก็อาศัยโอกาสวางแผนเข้ามาดับไฟมาเคาะประตู ทั้งเจ้าบ้านกับแขกผู้มาเล่นต่างวุ่นวายสับสน บ้างก็ถอดเสื้อผ้าเล่นสัปดนไร้ยางอาย นี่แหละที่ว่าเคราะห์ภัยก็ถือโอกาสเข้ามาเยือน ทำไมคนจึงคิดไม่รอบคอบนา !

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                 คัมภีร์กรรม  เล่ม ๒

                   ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า 

                          วิถีสร้างบุญวาสนา ขจัดภัยพิบัติ 

                                     บทที่หก

                                     ชั่วบาป 

                           ห้ามการพนัน ๑๐ บัญญัติ

                           ที่แปด  :  แยกความรักความสัมพันธ์

        ทุกคนต่างมีอาชีพทำมาหากิน ทำงานด้วยความขยันขันแข็ง ลูกเมียต่างรักใคร่กลมเกลียว ต่างห่วงใยซึ่งกันและกัน นี่คือความสุข ของมนุษยสัมพันธ์ที่ธรรมชาติให้มา นับตั้งแต่ย่างเข้ามาบ่อนการพพนันแล้วความสุขของมนุษยสัมพันธ์ก็สูญหายไป กลายเป็นทะเลทุกข์ ทองหยองของลูกเมียถูกนำไปขายจำนำ ลูกเมียทำอะไรไม่ได้แต่ทนกล้ำกลืนเก็บอารมณ์ โกรธแต่พูดไม่ออก ไร่นาบ้านช่องถูกขาย พ่อแม่ก็เศร้าเสียใจ หน้าย่นคิ้วขมวดตรอมใจ เพราะลูกเอาแต่สนุกไม่ห่วงครอบครัว ถามใจตนเองหน่อยเถิด สบายใจไหม ?.

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                     คัมภีร์กรรม  เล่ม ๒

                   ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า 

                          วิถีสร้างบุญวาสนา ขจัดภัยพิบัติ 

                                     บทที่หก

                                     ชั่วบาป 

                           ห้ามการพนัน ๑๐ บัญญัติ

                           ที่เก้า  :  ละเมิดกฏหมายบ้านเมือง

        กฏหมายสมัยก่อนมีโทษหนักกว่าสมัยนี้มาก โทษเล่นการพนันถ้าเบาก็โบยหนึ่งร้อยทีจำคุกสองเดือน โทษหนักก็จำคุก ๓ ปี  ทั้งยังต้องเนรเทศจากบ้านเกิดไปอยู่ไกลเป็นพัน ๆ ลี้ในถิ่นถุรดันดาร ผู้ถูกจับต้องโทษกลับมาก็ให้อับอายขายหน้าไม่กล้าพบเพื่อนฝูง หากเป็นเจ้าหน้าที่เล่นการพนันถูกจับได้ก็เพิ่มโทษหนักเป็น ๒ เท่า  เพราะฉะนั้นหน้าที่การงานก็ไม่มี ลูกเมียก็หมดที่พึ่ง เมื่อถูกจับแล้วก็มาสำนึกผิดเสียใจ ทำไมจึงไม่คิดเสียแต่แรกเล่า ?.

        สมัยนี้โทษเล่นการพนันแม้จะเบากว่าก็ตาม แต่โทษทางสังคมก็หนักอยู่แล้ว คนเล่นการพนันสังคมจะไม่เชื่อถือเครดิต หมดอนาคตเหมือนกัน

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                คัมภีร์กรรม  เล่ม ๒

                   ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า 

                          วิถีสร้างบุญวาสนา ขจัดภัยพิบัติ 

                                     บทที่หก

                                     ชั่วบาป 

                           ห้ามการพนัน ๑๐ บัญญัติ

                           ที่สิบ  :  ได้รับผลลงโทษจากฟ้าดิน

        พวกเราลองดูก็ได้ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน คนที่เปิดบ่อนพนันส่วนใหญ่จะได้รับภัยพิบัติทั้งนั้น คนที่ชนะการพนัน ภายหลังก็จะจบลงจนเห็นได้ชัด สรุปคือ เพราะพวกเราได้สูบเลือดกินเนื้อของชาวบ้านเพื่อให้ตนร่ำรวย แต่ทำให้ผู้อื่นเจ็บแค้นทุกข์ยาก ตนเองสนุกสนานเฮอา แต่ผีเทพจะโกรธแค้นคนประเภทนี้ เพราะฉะนั้นการตอบสนองจึงไม่มีการให้อภัยแม้แต่น้อย ต้องรู้ว่าธรรมแห่งฟ้า คืนสนอง กรรมตามสนองไม่มีผิดเพี้ยน ทำไมจึงไม่เลิกเสียเล่า

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                    คัมภีร์กรรม  เล่ม ๒

                   ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า 

                          วิถีสร้างบุญวาสนา ขจัดภัยพิบัติ 

                                     บทที่หก

                                     ชั่วบาป 

                           ห้ามการพนัน ๑๐ บัญญัติ

                                     สรุป

        เมื่อเห็นภาพลักษณ์ที่แท้จริงเช่นนี้แล้ว การพนันมีดีตรงไหน สิบข้อบัญญัติที่กล่าวมา แม้หลักการจะไม่ละเอียดนักแต่ความหมายก็ถึงแก่น จึงขอเตือนและตั้งความหวังว่า  ชาวโลกต้องใคร่ครวญด้วยความสงบ ตรึกตรองให้เข้าใจละทิ้งนิสัยการพนันตัดขาดเสีย แล้วตั้งปฏิญาณว่าจะไม่ไปเล่นอีกเพราะการพนันเหมือนตกสู่หลุมของสัตว์ร้าย เพียงกลับตัวก็ฟื้นขึ้นมาได้ก็จะถือเป็นโชคดี  การพนันนั้นร้ายกว่าภัยจากน้ำ ไฟ หรือ ขโมยเสียอีก  เพราะฉะนั้นคนจึงหลงใหลกับมันมากและยึดติดจนถอนไม่ขึ้น บ้างถึงกับต้องสังเวยด้วยชีวิตแบบจำยอม น่าสงสารจริง ๆ  น่าเวทนายิ่งนัก !  ทำไมอาตมาจึงเจ็บปวดต้องร้องไห้ขี้มูกโป่ง เพื่อบอกเล่าถึงสาเหตุให้พวกท่านฟัง ถ้าหากได้ฟังแล้วยังไม่ยอมกลับตัว ก็นับว่าเขานี่ช่างโง่เขลานัก !

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                   คัมภีร์กรรม  เล่ม ๒

                   ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า 

                          วิถีสร้างบุญวาสนา ขจัดภัยพิบัติ 

                                     บทที่หก

                                     ชั่วบาป 

                           คัมภีร์   :  พรากสายเลือดเขา

อธิบาย  :  ทำให้สายเลือดเขาแตกแยกไม่ปรองดองกัน คำว่า พราก นี้คือ ทำให้ครอบครัวเขาแตกแยก บ้างก็กดดันบังคับให้ขายลูก บ้างก็หาเรื่องทำให้พี่น้องเขาต้องแตกแยก  พี่น้องทะเลาะกัน พ่อลูกหรือแม่ลูกไม่รักใคร่กัน เหล่านี้คือการพรากสายเลือดทั้งนั้น เป็นการทำลายความดีงามของฟ้า เพราะว่าความสัมพันธ์ทางสายเลือดคือความสุขของมนุษยสัมพันธ์ที่มีอยู่ เพราะฉะนั้นผู้ได้ชื่อว่ามีเมตตา เมื่อเห็นครอบครัวเขาตกระกำลำบากจนดำรงชีพอยู่ไม่ได้ ก็จะเอาเงินไปช่วยเหลือให้เขาผ่านพ้นอุปสรรค ให้พวกเขาสามารถอยู่ร่วมกันได้ปลอดภัย การที่สายเลือดไม่ปรองดองกันก็ต้องเข้าไปตักเตือนแนะนำให้ทัั้งสองฝ่ายที่เข้าใจผิดกันให้อภัยกัน จะได้กลับมาสามัคคีปรองดองกันใหม่ นี่คือวิถีของผู้บำเพ็ญธรรมต้องปฏิบัติ

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                 คัมภีร์กรรม  เล่ม ๒

                   ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า 

                          วิถีสร้างบุญวาสนา ขจัดภัยพิบัติ 

                                     บทที่หก

                                     ชั่วบาป 

                           คัมภีร์   :  แย่งของรักเขา

อธิบาย  :  แย่งชิงสิ่งของที่เขารักหวงแหน ของรักของหวงแหนของผู้อื่นเช่น ที่ดิน  บ้าน  หนังสือ  ของเล่น  เครื่องใช้ไม้สรอย ฯ  เป็นต้น  เราคิดหาวิธีที่จะไปยึดครองมาเป็นของตนเอง การกระทำเช่นนี้ก็เหมือนโจรที่แย่งชิงปานกัน  คุณอูเถียเจียวกล่าวว่า  "สิ่งของโดยตัวของมันเองไม่มีคำว่าสวยไม่สวย ถ้าหากมีคนชอบก็จะถูกดูว่าเป็นของมีค่า หากคนอื่นมาแย่งชิงไป ใจเราจะรู้สึกว่าอย่างไร ?. หยูจื่อจิ้น กล่าวว่า " ตอนนี้ถ้าเป็นของที่ฉันรักแล้วถูกผู้อื่นแย่งไปก็กลัวใจจะคิดไม่หยุด !"

        นิทาน  :  สมัยก่อน จางไกมีห้องชุดใหญ่ห้องหนึ่งสวยงามมาก เป็นเพราะร้อนเงิน จึงเอาห้องไปจำนองไว้หนึ่งพันเหรียญ ไว้กับจางจุ่น  จางจุ่นคิดอยากได้ห้องนี้อยู่แล้ว จึงหาวิธีครอบครองเอาห้องนี้ให้ได้  จึงเอาของขวัญอันมีค่ามากไปให้นายหน้าคนที่แนะนำมาจำนอง โดยให้เขาปลอมใบซื้อขายห้องเป็นสัญญาเก็บไว้ ต่อมาจางไกเดือดร้อนมาก ก็มาหาจางจุ่นเพื่อหยุดสัญญาจำนองแก้ไขมาเป็นซื้อขายขาด จะได้มีเงินมาหมุนให้คล่องขึ้น ขณะนั้น จางจุ่นจึงหยิบสัญญาซื้อขายปลอมมาให้จางไกดู  จางไกพูดไม่ออกเป็นใบ้ รู้ว่าสัญญาจางจุ่นแก้ไขไป จึงหลั่งน้ำตาสบถต่อฟ้าว่า "ขอให้ลูกของเธอให้เหมือนข้าและก็ให้ลำบากเหมือนข้า ! "  ต่อมาลูกหลานของจางจุ่นก็กลายเป็นใบ้ ในที่สุดป่วยหนักก็ตายไป

       โอ้ !  ที่ดินบ้านช่องเป็นของนอกกาย คิดจะแย่งมาครอบครองเป็นของตนเอง แล้วต้องมาให้ลูกหลานที่ตนรักไปใช้หนี้กรรมอันนี้ ทำไมจึงกระทำโง่เขลาเช่นนี้ คนที่ชอบแย่งของรักของคนอื่น ควรเอาเรื่องนี้เป็นสังวร       

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                  คัมภีร์กรรม  เล่ม ๒

                   ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า 

                          วิถีสร้างบุญวาสนา ขจัดภัยพิบัติ 

                                     บทที่หก

                                     ชั่วบาป 

                           คัมภีร์   :  ช่วยเหลือเขาทำชั่ว

อธิบาย  :  ช่วยเหลือเขาไปทำชั่ว หรือร่วมกันไปทำชั่ว ช่วยเหลือส่งเสริมเขาไปทำชั่ว โดยที่ไม่สามารถชักจูงเขาไปทางดี ล้วนถือว่าช่วยเหลือให้เขาทำช่วย พุทธองค์ว่า  "การพูดธรรมสั่งสอนกล่อมเกลาเวไนยเรียกว่าการให้ธรรมทาน การให้ธรรมทานสามารถทำให้เวไนยได้ฟังพุทธธรรม เพราะเหตุปัจจัยนี้ก็จะได้รับกุศลตอบสนองจำนวนนับไม่ได้"  ในบันทึกบาปบุญเขียนไว้ว่า  "สอนคนไปทำชั่ว ทำให้คนอื่นได้ไปทำชั่ว ตนเองก็มีบาปหนึ่ง ถ้าเรื่องชั่วนั้นใหญ่ บาปของคนสอนก็ใหญ่ตามไปด้วย เมื่อสั่งสมบาปไว้เป็นเหตุปัจจัย ก็จะได้ชั่วตอบสนองนับจำนวนไม่ได้  อาตมาคิดว่า การเตือนให้คนทำดี วานดีที่เขาทำก็เหมือนกับเราได้ทำเอง เพราะฉะนั้นกุศลที่ตนทำก็ยิ่งเพิ่มขึ้นทุกวัน แต่ถ้าชั่วให้ผู้อื่นทำก็เหมือนตนได้ทำ เพราะความชั่วที่ทำก็นับวันเพิ่มขึ้น พอถึงผลสรุปบาปบุญก็จะห่างกันราวฟ้ากับดิน ผลบาปบุญตอบสนองก็เทียบได้กับเมฆกับตมเลน !  เพราะฉะนั้นพวกเราควรต้องรู้จักคัดเลือก

คติ  :  มหาปณิธาน ๑๐ ของภัทรโพธิสัตว์มีข้อหนึ่งว่า  "เห็นผู้อื่นทำกุศลแล้วก็ดีใจอนุโมทนาด้วย"  พุทธสูตรว่า "ผลบุุญตอบสนองที่ร่วมอนุโมทนาก็เหมือนคนที่กำลังขายธูป เมื่อมีคนหนึ่งมาซื้อธูป คนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็ได้กลิ่นหอมของธูปรมไปด้วย กับคนสองคน ๆ หนึ่งขายธูป อีกคนซื้อธูป บุญกุศลของพวกเขาก็ไม่ได้ลดน้อยลงไป เพราะฉะนั้น คนที่ร่วมอนุโมทนาจะมีผลบุญตอบสนอง ดีเหลือหลายอย่างนี้ ทำไมต้องไปช่วยเขาทำชั่ว ต้องย้อนพิจารณาให้ดี หวนคิด ๆ เถิด ! "

Tags: