collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: คัมภีร์กรรม ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า : คำนำ  (อ่าน 144212 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                 คัมภีร์กรรม  เล่ม ๒

                   ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า 

                          วิถีสร้างบุญวาสนา ขจัดภัยพิบัติ 

                                     บทที่หก

                                     ชั่วบาป 

                           คัมภีร์   :  ประจบนายพอใจ

อธิบาย   :  ประจบสอพลอเจ้านายเพื่อให้คล้อยตามใจ ผู้มีตำแหน่งหน้าที่การงานที่สูงกว่า ในขณะที่ยังไม่ได้ตัดสินใจ ถ้ามีผู้ตักเตือนก็ยังมีโอกาสเหนี่ยวรั้งกลับมาได้ แต่ในขณะเดียวกันหากมีคนคอยประจบเห็นดีเห็นงามด้วย เขาก็จะตัดสินใจแน่วแน่ยิ่งขึ้น จนถึงขั้นไม่อาจเหนี่ยวรั้งได้อีกแล้ว อย่างนี้ ไม่ใช่แต่ข้าราชบริพารกับกษัตริย์เท่านั้น  ข้าราชการชั้นผู้น้อยประจบเจ้านายที่ปกครองตน ตลอดจนบ่าวประจบเจ้านายเป็นต้น

        ไม่ว่าเจ้านายหรือผู้บังคับบัญชา การงานใด ๆ ควรมีหลักเหตุผลนำไปปฏิบัติ ไม่ควรเห็นแก่ประโยชน์ส่วนบุคคล ทำให้คนมีโอกาสเลยถือโอกาส มาประจบประแจงตนเอง ผู้ใต้บังคับบัญชา  ทำไมต้องแสวงหาชื่อเสียงที่ไม่มีเหตุผล หวังเงินทองที่ไม่ถูกต้องเช่นนั้นเล่า  ควรรู้ว่าการประจบประแจงคล้อยตามให้นายพอใจ  การคุกเข่าประจบนาย  เป็นเรื่องป่วยการ  เป็นการสูญเสียมโนธรรมและคุณสมบัติของตนไปเปล่า ๆ และเป็นการผูกเวรกรรมกับผู้อื่นไม่รู้จักจบสิ้น

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                 คัมภีร์กรรม  เล่ม ๒

                   ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า 

                          วิถีสร้างบุญวาสนา ขจัดภัยพิบัติ 

                                     บทที่หก

                                     ชั่วบาป 

                         คัมภัร์  :  รับคุณทำไม่รู้

อธิบาย   :  ได้รับบุญคุณจากผู้อื่น เพีบงไม่รู้จักขอบคุณตอบแทน กลับลืมคุณเนรคุณอีก  คนสมัยโบราณ เพียงได้รับคุณข้าวมื้อหนึ่งที่เขาบริจาคก็ต้องตอบแทนคุณ ถึงแม้จะไม่มีปัญญาตอบแทน ก็จะจดจำไว้ในใจ คิดจดจำไม่กล้าลืมคุณ ในคัมภีร์จือตู้ว่า  "ได้รับคุณจากผู้อื่น หากไม่รู้จักขอบคุณตอบแทนคนแบบนี้เหมือนสัตว์เดรัจฉานก็ไม่ปาน"  คำพูดประโยคนี้กินใจเป็นอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม ในบรรดาบุญคุณที่เรียกว่า มหาบุญคุณมี  ๔ ชนิด  หนึ่งคือ ฟ้าดิน  สองคือพ่อแม่  สามคือประเทศชาติ  สี่คืออาจารย์   หากเกิดมาแล้วผ่านไปโดยไม่รู้ไม่ชี้  บุญคุณใหญ่  ๔ อย่างคงไม่ได้ตอบแทน แล้วกับบุญคุณเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ได้ตอบแทนแล้ว ก็กลับรู้สึกยิ้มย่องพอใจ  อย่างนี้เรียกว่า ทิ้งต้น จับปลาย  มิใช่เป็นการตอบแทนคุณ 

อธิบายเพิ่ม  :  ภาษิตว่า  "สัตว์ยังรู้ตอบแทนคุณ"  เราจะเห็นสัตว์หลายชนิดตอบแทนคุณในนิทานต่าง ๆ แล้วทำไมเป็นคนแท้ ๆ กลับไม่รู้จักคุณ แถมยังเนรคุณอีกด้วย  เหมือนเสือบ่ออุ้ยทีต้องกลายเป็นวัวไงเล่า ! 

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                   คัมภีร์กรรม  เล่ม ๒

                   ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า 

                          วิถีสร้างบุญวาสนา ขจัดภัยพิบัติ 

                                     บทที่หก

                                     ชั่วบาป 

                         คัมภีร์   :  บ่นแค้นไม่หยุด

อธิบาย  :  คนที่มีความแค้นเคืองไม่คิดจะเอาคุณธรรมตอบแทนความแค้น กลับเก็บความแค้นไว้ในใจและหวังจะแก้แค้น และบ่นเรื่อย ๆ ไม่ลืม  ไม่ยอมหยุด  อย่างแค้นใหญ่ ๆ ที่ฆ่าพ่อแม่  การพรากเลืดอเนื้อเชื้อไข  สัตบุรุษความแค้นแบบนี้ มันมีวิถีทางตอบสนองของมันโดยตรงอยู่แล้ว ไม่ต้องไปจดจำ แต่ความแค้นเล็ก ๆ น้อย ๆ ของแต่ละบุคคล ก็สามารถใช้เหตุผลมาระบายทิ้งไป สามารถใช้ความสัมพันธ์มาอภัยกันได้  ความแค้นเล็ก ๆ เช่นนี้ ก็จะแก้ไขละลายหมดไปได้  ถ้าหากยังบ่นอุบอิบไม่ลืม และคิดแก้แค้นแล้วก็ไม่มีวันได้จบสิ้น

คำคม  :  คุณอูเที่ยเจียวกล่าวว่า  "ผู้อื่นใช้อำนาจอิทธิพลมาที่ฉัน ฉันก็เปิดใจกว้าง อดทนรองรับอันธพาลนั้น  แบบนี้ก็จะขจัดปัดกวาดเมฆดำเป็นชั้น ๆ ในใจ ดับความคิดแก้แค้นที่เป็นดวงไฟไปได้"  เพราะฉะนั้น สัตบุรุษจะไม่บ่นถึงความเลวร้ายเก่า ๆ เลย !

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                 คัมภีร์กรรม  เล่ม ๒

                   ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า 

                          วิถีสร้างบุญวาสนา ขจัดภัยพิบัติ 

                                     บทที่หก

                                     ชั่วบาป 

                         คัมภีร์  :  ดูแคลนประชาชน

อธิบาย   :  เมื่อคนชั่วรับราชการ ไม่เพียงไม่รักชาติรักประชาชน  แล้วยังกล้าทำตามอำเภอใจ ทั้งยังข่มเหงดูแคลนประชาชนด้วย  ฮ่องเต้ถังไท้จงตรัสว่า "ประชาชนเป็นฐานรากของประเทศ  คุณธรรมเป็นรากฐานของคน  หากคุณธรรมของคน ๆ หนึ่งสูงส่งก็จะเป็นที่กล่าวขานของคนทั่วไป ถ้าประชาชนสา
มารถอยู่เย็นเป็นสุข ประเทศชาติก็มีความแข็งแรงปลอดภัย"  เพราะฉะนั้น หากกษัตริย์ราชามีคุณธรรมสูง ประชาชนก็จะเคารพรัก ก็เหมือนลูกที่รักพ่อแม่ ! เรามองย้อนอดีตจนถึงปัจจุบัน มีอริยกษัตริย์ล้วนกรุณาต่อประชาชน เห็นประชาชนเหมือนผู้บาดเจ็บ รักและดูแลประชาชนเหมือนดูแลลูก ๆ นับประสาอะไรที่ข้าราชการช่วยกษัตริย์บริหารราชการ ควรที่จะเข้าใจถึงหลักการอันนี้นะ !

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                    คัมภีร์กรรม  เล่ม ๒

                   ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า 

                          วิถีสร้างบุญวาสนา ขจัดภัยพิบัติ 

                                     บทที่หก

                                     ชั่วบาป 

                         คัมภีร์   :  ก่อกวนการปกครอง

อธิบาย   :  เมื่อคนชั่วรับราชการ ไม่เพียงไม่รักประชาชน ยังก่อกวนการบริหาร ทำให้ระเบียบสังคมเสื่อมทรามเสียหาย  ประเทศชาติควรบ่มเพาะสันติภาพ เพื่อธำรงความสุขของปวงชาชน  ไม่ใช่จะมาเปลี่ยนแปลงสร้างกฏใหม่ตามใจชอบ ถึงแม้จะเป็นการสร้างสรรเปลี่ยนแปลงแก้ไขให้ดีขึ้น ก็ควรระมัดระวังอย่างรอบคอบ  ถ้าเป็นความเห็นส่วนตัว คิดจะมีการเปลี่ยนแปลงก็ออกคำสั่งเปลี่ยนแปลงง่าย ๆ  ถ้าหากการออกคำสั่งอย่างส่งเดชง่าย ๆ อย่างนี้ก็จะก่อความวุ่นวายเสียหาย ระเบียบที่สมบูรณ์ที่บรรพชนสร้างสมมาแล้ว และข้าราชการทุกระดับชั้นก็ถือปฏิบัติ และใช้มาเป็นเวลานานแล้ว ประชาชนก็ให้ความคุ้นเคยแล้ว  รู้สึกสะดวกสบายดีอยู่แล้ว ทำไมจะต้องเปลี่ยนของเก่าที่มีอยู่เดิม มิเป็นการก่อกวนการปกครองไปเปล่า ๆ หรอกหรือ

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                  คัมภีร์กรรม  เล่ม ๒

                   ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า 

                          วิถีสร้างบุญวาสนา ขจัดภัยพิบัติ 

                                     บทที่หก

                                     ชั่วบาป 

                         คัมภีร์   :  รางวัลคนชั่ว

อธิบาย  :  หากไม่สามารถให้รางวัลคนดี ลงโทษคนชั่ว เพื่อความกระจ่างชัดในกากรเตือนคนให้มุ่งดีและละชั่วแล้ว กลับให้รางวัลคนชั่วที่ใช้ธรรม การให้รางวัลก็เพื่อจะตอบแทนความเหนื่อยยากแก่ผู้มีคุณธรรม  "รางวัล"  จึงเป็นระบอบที่โน้มน้าวใจคนอย่างสำคัญ สิ่งที่ไม่ควรให้รางวัลก็ให้รางวัล จึงเรียกว่าไม่ยุติธรรม  เป็นการละเมิลหลักทำลายกฏกติกา เป็นการเกื้อหนุนให้กระทำชั่ว เกิดความลำเอียงเห็นแก่ตัว  เป็นการเอาคนชั่วมาเปลี่ยนคนดี การกระทำเช่นนี้เป็นการละเมิดฟ้า ให้พิโรธ เพราะฉะนั้น ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบให้รางวัล จะไม่ระมัดระวังหน่อยหรือ !

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                   คัมภีร์กรรม  เล่ม ๒

                   ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า 

                          วิถีสร้างบุญวาสนา ขจัดภัยพิบัติ 

                                     บทที่หก

                                     ชั่วบาป 

                         คัมภีร์   :  ลงทัณฑ์ผู้บริสุทธิ์

อธิบาย  :  การลงโทษผู้ไม่มีความผิด  ทำให้เขาถูกปรักปรำ การลงโทษทัณฑ์มีเป้าหมายเพื่อสั่งสอนคนชั่ว ให้เข็ดและหลาบจำ อริยเจ้าจำใจสร้างกฏมาลงโทษ เพราะฉะนั้น การลงทัณฑ์จึงเป็นเรื่องไม่มงคล และก็ไม่ใช่เรื่องดี ปริมาณการลงโทษและระยะเวลาก็ขึ้นอยู่กับจำนวนโทษของคนผิด ก็ยังต้องมีความเหมาะสมและยังต้องใช้ความเมตตาสงสารพวกเขาด้วย เป็นเพราะว่าไม่เข้าใจเหตุผลจึงล่วงละเมิดกฏหมาย อย่าเป็นเพราะหลุดคดีแล้วก็ดีใจ อย่างนี้เกรงว่าอาจเป็นรูปคดีผิดพลาดก็เป็นได้ เพราะฉะนั้น คนสมัยโบราณที่วางกฏเกณฑ์การลงทัณฑ์ จะระมัดระวังอย่างมาก แม้คดีก็จะตรวจสอบให้ชัดเจน ถ้าหากการลงทัณฑ์ไม่เหมาะสม ทำให้ผู้บริสุทธิ์ได้รับการทำร้าย อย่างนี้ไม่เพียงผู้พิจารณาคดีจะไม่ยุติธรรม มีบกพร่อง ทั้งยังละเมิดถึงฟ้าเบื้องบน ที่มีคุณธรรมให้กำเนิดเกิดมา หากเป็นการฆ่าคนตาย กฏหมายก็กำหนดไว้ชัดเจน ถ้าอันนี้เป็นเพราะตนเองสับเพร่าผิดพลาดไปลงโทษผู้บริสุทธิ์เข้า การประหารก็คงไม่ใช่มีเพียงคนเดียว อนาคตผู้รับกรรมตอบสนองก็จะมีแต่ข้าเพียงคนเดียว เพราะฉะนั้น การฆ่าคนต้องชดใช้ด้วยชีวิต ก็ไม่รู้ว่าจะเอาอย่างไรจึงจะมีความยุติธรรมได้ !  เฮ้อ !  วิบากกรรมอันนี้ แม้จะนับว่าเป็นปกติที่เป็นผู้พิพากษาจะตรงและโปร่งใส แต่ก็หลีกไม่พ้นข้อสงสัยในรูปคดีมากมาย แม้จะมีหลักฐานที่คล้าย ๆ กัน และเอาความเห็นตนเองมากำหนดโทษอย่างลำเอียงหรือยึดถือ ไม่ตรวจตราให้ละเอียดและวางใจเป็นกลาง ถ้าเป็นเช่นนั้น ก็อาจนำมาซึ่งความแค้น และเสียใจในภายหลังได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้บริสุทธิ์ถูกฆ่าตาย วิบากกรรมก็จะตอบสนองติดตามไม่ละเว้น  นับประสาอะไรกับขุนนางที่ไม่ใส่ใจในการตรวจสอบรูปคดี ผลตอบสนองจะยิ่งหนักหน่วงไม่ละเว้น เมื่อคิดมาถึงจุดนี้แล้ว จะไม่หกลัวบ้างหรือ !

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                  คัมภีร์กรรม  เล่ม ๒

                   ไท่ซั่ง กั่นอิ้งเพียน ของเหลาจื่อ ศาสดาแห่งเต๋า 

                          วิถีสร้างบุญวาสนา ขจัดภัยพิบัติ 

                                     บทที่หก

                                     ชั่วบาป 

                         คัมภีร์   :  ฆ่าคนชิงทรัพย์

อธิบาย  :  ตั้งใจฆ่าคนทำลายเขา เพื่อแย่งชิงทรัพย์สมบัติของเขา  ผู้ที่ฆ่าคนเพื่อชิงทรัพย์ การกระทำบาปเช่นนี้ ไม่ใช่ต้องเป็นโจรเสมอไป เช่นข้าราชการที่ฉ้อราฏร์บังหลวง มีความโลภที่จะเอาทรัพย์ในส่วนที่ไม่ใช่เป็นของตน จึงใช้วิธีลงโทษทัณฑ์ผู้ที่ถูกต้องขัง ถูกฆ่าตายในคุก  ยังพวกเศรษฐีที่โลภไม่รู้จักเบื่อ คนที่เป็นหนี้เขา  เมื่อถึงคราวตกอยู่ในภาวะขัดสนลำบาก พวกเศรษฐีเหล่านี้ก็มีมโนธรรมมีดบอด บังคับให้พวกเขาชำระเงินตามกำหนด ทั้งยังเพิ่มดอกเบี้ยหนักขึ้น คนใจเหี้ยมมืออำมหิตพวกนี้ ด้วยความโลกที่ต้องการเอาทรัพย์ของผู้อื่น จึงใช้โอกาสที่ผู้อื่นตกอยู่ในอันตรายแย่งชิงเอามา และก็ไม่สนใจชีวิตคนอื่น ว่าจะเป็นหรือตาย นายแพทย์ที่โลภเงิน ไม่ใส่ใจชีวิตของผู้ป่วย รอเวลาที่อาการป่วยตกอยู่ในภาวะคับขัน ก็จะเรียกร้องขูดรีดค่ารักษา คนเหล่านี้ก็เพราะความโลภทรัพย์ จึงกระตุ้นให้เกิดกลไกการฆ่าขึ้น จึงลงมือกระทำ  อย่างไรก็ตาม คนที่ฆ่าคนเพื่อชิงทรัพย์เหล่านี้ ไม่มีใครสักคนที่จะถูกผีร้ายตามมาทวงเอาชีวิต แล้วเงินทองที่พวกเขาแย่งชิงมา ในที่สุดก็ละลายหายไป

Tags:
 

มหาปณิธาน

พระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ (地藏王菩薩)

มหาปณิธานพระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ (地藏王菩薩)

“...เพื่อหมู่สัตว์ทั้งหกภูมิผู้มีบาปทุกข์ ข้าพเจ้าจะใช้วิธีการต่างๆ ช่วยให้หลุดพ้นจนหมดสิ้น แล้วตัวข้าพเจ้าจึงจะสำเร็จพระพุทธมรรค”