collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: ท่องนรก  (อ่าน 72310 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                            เที่ยวเมืองนรก

                 ครั้งที่ 5   วันพุธที่ 22 กันยายน  พ.ศ. 2519

                  ตอน ท่องแดนนรกขุมที่ 1 สนทนากับยมบาล

                            "ซิ่งก้วงอ๊วง"

ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จลงตรัสเป็นกลอนมีความว่า  :

        อันความรัก                 โลภโกรธหลง                  ชีวิตหมอง
แม้นป้ายทอง                      ยอดบัณทิต                     ก็ไร้ค่า
แดนสงบ                            ดีเยี่ยม                          ผิดธรรมดา
ดั่งเทวา                             เพลิดเพลิน                     ไร้กังวล

อรหันต์จี้กง   :  วันนี้เตรียมท่องเมืองนรก หยางเซิงไฉนเจ้าจึงมีจิตใจไม่อยู่ในสมาธิ

หยางเซิง   :  มีเรื่องวุ่น ๆ อยู่รอบกาย จิตใจถูกแบ่งแยกไปหลายทาง จึงทำให้ความสมาธิถูกทำลายไปสิ้น

อรหันต์จี้กง   :  การท่องเมืองนรกไม่ใช่เรื่องเล็กดังเด็กเล่นขายของ  หากว่าใจไม่สงบวิญญาณของมนุษย์ก็ยากที่จะเข้าสู่แดนนรกได้  แต่ว่าถ้าคืนนี้ไม่สามารถไปท่องชมยมโลก ก็จะทำให้เสียเวลาในการแต่งหนังสือ อาตมาจะให้ยาบังคับจิตใจให้วงบเม็ดหนึ่ง รีบกินเข้า... เตรียมท่องนรกได้แล้ว

หยางเซิง   :  ขอบพระคุณท่านอาจารย์มาก กระผมกลืนยาลงแล้ว  รู้สึกใจคอกระปรี้กระเปร่า ความวุ่น ๆ อันตรธานไปหมดแล้ว

อรหันต์จี้กง   :  รีบขึ้นดอกบัวเร็ว เริ่มเดินทางได้แล้ว... เอ้าถึงแล้วละ

หยางเซิง   :  ที่นี้คือแห่งหนตำบลใด ?. ข้างหน้ามีปราสาทอยู่หลังหนึ่ง เงาผู้คนขวักไขว่สับสน มองดูแล้วไม่สู้จะแจ้งชัดนัก 

อรหันต์จี้กง   :  ข้างหน้านั้นคือ  "แดนนรกขุมที่ 1"   เรารีบเข้าไปคำนับท่านยมบาลกันเถิด

ยมบาล   :  ขอต้อนรับท่านอรหันต์จี้กงกับคุณหยางเซิง ผู้ทรงพู่กันศักดิ์สิทธิ์แห่งสำนักเซี่ยเฮี้ยงตึ้ง  เมืองไถ่ตง

หยางเซิง   :  ขอแแสดงความคารวะท่านยมบาลซิ่งก้วงอ๊วง   คืนนี้กระผมตามท่านอาจารย์มารบกวนถึงที่ปราสาทของท่าน ขอได้โปรดอภัยให้ด้วย

ยมบาล   :  ไม่ต้องเกรงใจ  เชิญตามฉันเข้ามายังในปราสาท เชิญนั่งพักที่ห้องรับแขก สักครู่จะสั่งให้นายพลนำชาทิพย์มาเสริร์ฟ

นายพล   :  ขอรับคำบัญชาจากท่าน 

ยมบาล   :  ท่านอาจารย์  และท่านหยางเซิง เชิญดื่มน้ำชา

อรหันต์จี้กง   :  หยางเซิง  รีบดื่มเร็ว   ไม่เป็นไรหรอกน่า ไม่ต้องลังเลใจ

หยางเซิง   :  กระผมมิกล้าดื่ม  ได้ยินเขาพูดกันว่าหากคนในโลกมนุษย์มายังยมโลก เมื่อรับประทานอาหาร ของกินของยมโลกแล้วก็จะไม่สามารถกลับคืนสู่แดนมนุษย์โลก  ดังนั้น เชิญท่านรับประทานตามอัธยาศัยเถิด

ยมบาล   :  หยางเซิง ท่านสำคัญผิดเสียแล้วละ  ที่ชาวโลกเล่าลือกันว่ามนุษย์ห้ามรับประทานของยมโลกนั้น เพียงแต่พูดในทางที่เกี่ยวกับคนธรรมดาสามัญเท่านั้น ยมโลกกับโลกมนุษย์นั้นนะต่างก็มีเจ้าปกครองกันทั้งนั้น ก็ควรที่จะไม่ปะปนยุ่งเกี่ยวกัน  แต่ว่าท่านรับโองการมายังที่นี่ อยู่ในฐานะแขกผู้มีเกียรติ และยังมีท่านอาจารย์นำมาด้วย ไฉนจึงไม่สามารถกลับคืนสู่แดนมนุษย์ ?.

อรหันต์จี้กง   :  หยางเซิง เจ้าวางใจเถิด มีเทวโองการอยู่ในตัวแล้ว ภูตผีตนใดกล้ามาขวางทางล่วงเกิน ใครมาละเมิดอำนาจของพระบรมราชโองการ ล้วนต้องถูกทำโทษอย่างนัก อย่าหวั่น ดื่มเร็ว ๆ

ยมบาล   :  ชาวโลกล้วนแต่รักชีวิตกลัวความตาย แต่ท่านหยางเซิงกลัวตายโดยไม่กล้าดื่มน้ำชาอย่างนี้ยังพอที่จะให้อภัยได้ ชาวโลกโดยทั่วไปนั้นรู้ก็รู้อยู่ว่า การก่อกรรมทำเข็ญนั้น จะต้องตกอยู่ในทางหายนะ แต่ก็ยังมิยอมหยุดยั้ง กลับมุ่งไปข้างหน้า ก้าวเข้าไปในหลุมฝังศพเป็นสิ่งที่น่าอนาถใจยิ่งนัก

หยางเซิง   :  กระผมดื่มแล้วละ คอกำลังแห้งอยู่ด้วย ขอเรียนถามว่าข้างนอกมีผู้คนมากมาย เรียงแถวกันมานั้น เพื่อการใดมิทราบ ?.

ยมบาล   :  ฉันควบคุมขุมที่ 1  เมื่อชาวโลกตายฃลงแล้วต้องไปรายงานตัวต่อหอทะเบียนก่อน และยมทูตก็จะคุมตัววิญญาณนั้นมายังที่นี้ และเก็บทะเบียนรายงานเข้ามาอยู่ในแฟ้มของยมโลก ฉันก็จะตรวจดูความดีความชั่ว  ผู้ที่กระทำความดีไว้มาก ก็จะพาเข้าไปเยี่ยมชมนรกแต่ละขุม หรือให้อาจารย์ผู้มีพระคุณเคยร่วมสร้างบุญต่อกันพากลับไปอบรมฝึกฝนใหม่  หรือส่งไปยังกรมสมนาคุณผู้ทำความดี หรือที่โรงผู้ทำความดี  ผู้ทำความชั่วมากกว่าผู้ทำความดี ก็จะสังคุมตัวไปยังขุมที่สองรับการพิจารณาโทษ  หรือคุมตัวส่งไปยังกรมลงทัณฑ์ ผู้กระทำชั่ว ถ้าหากมีโทษสถานหนัก ก็ต้องคุมไปหอกระจกวิเศษ (คือกระจกที่สามารถสะท้อนตัวจริงในครั้งที่มีชีวิตอยู่ของวิญญาณ  เพื่อฉายตัวจริงให้เห็นกระจ่างต่อสายตา ทำให้ต้องก้มกราบรับสารภาพโทษทัณฑ์ ครั้นแล้วจึงส่งไปยังขุมที่ สอง

หยางเซิง  :  ข้างนอกพวกวิญญาณของผู้ตายส่งเสียงร้องไห้ไม่ขาดระยะ  ท่าทีน่าอนาถใจมาก มีทั้งผู้เฒ่าผู้เยาว์ทั้งชายหญิง มิทราบร้องไห้เพื่อการใด?.

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                  เที่ยวเมืองนรก

                 ครั้งที่ 5   วันพุธที่ 22 กันยายน  พ.ศ. 2519

                  ตอน ท่องแดนนรกขุมที่ 1 สนทนากับยมบาล

                            "ซิ่งก้วงอ๊วง"

ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จลงตรัสเป็นกลอนมีความว่า  :

        อันความรัก                 โลภโกรธหลง                  ชีวิตหมอง
แม้นป้ายทอง                      ยอดบัณทิต                     ก็ไร้ค่า
แดนสงบ                            ดีเยี่ยม                          ผิดธรรมดา
ดั่งเทวา                             เพลิดเพลิน                     ไร้กังวล

ยมบาล   :  ชาวโลกเมื่อมาสู่ขุมนี้ เข้าใจแล้วว่าตนเองหลุดพ้นจากมนุษยโลก แต่ขณะมีชีวิตอยู่ไม่เชื่อเรื่องผัสางบาปบุญกรรมตามสนอง เมื่อตกลงมาถึงที่นี่ จึงรู้ว่าไม่ใช่ พอคนตายแล้วทุกอย่างก็จะสูญสิ้นไป  ที่สุภาษิตว่า   "เมื่อสิ้นลมปราณทุกสิ่งก็หมดลง มีแต่กรรมติดตามตนในทางนรก"  วิญญาณนั้นตระหนักดีว่า จะต้องถูกพิจารณาโทษจากยมโลก ทุกวิญญาณใจสั่นขวัญแขวนร่ำร้องคร่ำครวญ พรรณาถึงความหลัง ซ้ำยังพลัดพรากจากญาติมิตรแห่งแดนมนุษย์ ลูกแก้วเมียขวัญเงินทองห้องหอ  ความรักอาลัยยากที่จะตัดออกได้ เมื่อนึกถึงเวลานี้ มีแต่ตัวคนเดียวหลุดลอยในแดนนรก จึงนึกอาลัยอาวรณ์ เกิดความรัญจวนร่ำไห้

หยางเซิง   :  เหตุใดพวกยมทูต จึงไม่สู้นับถือต่อพวกวิญญาณนั้น ต้อนด้วยง่ามเหล็ก เฆี่ยนด้วยแส้ ทุกวิญญาณต่างก็เงียบหงอย ไม่ส่งเสียง น่าสมเพชเป็นอย่างยิ่ง

ยมบาล   :  วิญญาณเหล่านี้ เมื่ออยู่ในแดนมนุษย์ไม่มีศีลธรรม ดังนั้น ยมทูตจึงไม่มีการเกรงใจต่อมัน อันเป็นโทษทัณฑ์ที่สมควรสนองรับ ดังคำกล่าวว่า  "หนามยอกต้องใช้หนามบ่ง  มิควรฉวยโอกาสข้ามแม่น้ำ"  หากว่าเมื่อตอนมีชีวิตอยู่มีใจเป็นธรรมกรุณา เมื่อวายปรารแล้ว ยมทูต  เทพทูต  ก็จะต้องให้ความเคารพ  ซึ่งชาวโลกเป็นผู้กระทำเอง จึงได้รับผลตอบแทนแห่งกรรมนั้น ท่านมิควรให้การเห็นใจสงสารด้วย

หยางเซิง   :  มนุษย์เราถ้าหากไม่ประกอบกรรมดี  ตั้งอยู่ในศีลธรรมบำเพ็ญประพฤติแต่ความดีแล้ว  เมื่อตายลงก็จะน่าสมเพชเป็นยิ่งนัก บุตรหลานของผู้ล่วงลับไปแล้วหารู้ไม่ว่า บรรพบุรุษของตนถูกทรมานในยมโลก ถูกพวกยมทูตเฆี่ยนตี ก็คงจะอดสูใจเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้น ชาวโลกที่จะหาวิธีตอบสนองบุญคุณของบรรพบุรุษ ก็เพียงแต่บำเพ็ญธรรมและสร้างความดี เพื่อนำเอาความดีนี้ไปช่วยกอบกู้วิญญาณของผู้ล่วงลับ เพื่อที่จะได้หลุดพ้นจากแดนนรกโดยเร็ว

อรหันต์จี้กง   :  ชาวโลกผู้ที่ไม่ตั้งตนรักษากฏระเบียบทางบ้านเมืองและทำแต่ความชั่ว ไม่อยู่ในขอบข่ายของกฏหมาย จะต้องทำให้บรรพบุรุษผู้ล่วงลับได้รับความกระทบกระเทือนด้วย  ที่เรียกว่า  "เจ็ดชั่วโคตร"  เลือดเนื้อสืบต่อกัน เวียนว่ายสนองรับกันไป จงสำเหนียกให้หนัก คืนนี้เวลาหมดลงแล้ว เตรียมกลับสำนัก 

บมบาล   :  ขอนมัสการส่งท่านอาจารย์ด้วย

อรหันต์จี้กง   :  หยางเซิงรีบขึ้นดอกบัวเร็ว เตรียมกลับได้.....  ถึงสำนักเซี่ยเฮี้ยงตึ้งแล้ว  หยางเซิงลงจากดอกบัว  วิญญาณกลับเข้าสู่ร่างเดิม 

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                            เที่ยวเมืองนรก

              ครั้งที่ 6  วันพุธที่ 29 กัยนายน  พ.ศ. 2519

                      ตอน  ท่องหอกระจกวิเศษ

                   ชมวิญญาณบาปปรากฏร่างเดิม

 ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จลงตรัสเป็นกลอนมีความว่า  :

        หอกระจก                  ส่องวิญญาณ                  เห็นร่างเดิม
ลักแก้เติม                          ทอนอักษร                     สวดไม่พัก
ยมกฏ                              เที่ยงธรรม                      ลงทัณฑ์หนัก
โทษมหันต์                        คนในโลก                       ที่ทำบาป

อรหันต์จี้กง   :  วันนี้เตรียมท่องนรก ได้เวลาแล้ว เจ้าจงเตรียมตัวเดินทาง

หยางเซิง   :  กระผมเตรียมการเรียบร้อยแล้ว เชินท่านอาจารย์เริ่มการได้แล้ว

อรหันต์จี้กง   :  ถึงแล้ว  รีบลงจากดอกบัวเสีย

หยางเซิง   :  ที่นี่เป็นแห่งหนตำบลใด ?.  เหตุใดดจึงมีฝูงชนแออัดยัดเยียด ด้านหลังมียมทูตควบคุมไปยังหอข้างหน้า ?.

อรหันต์จี้กง   :  ที่นี้คือ  "หอกระจกวิเศษ"  (หอกระจกสะท้อนบาปกรรม)  ชนเหล่านี้ล้วนก่อกรรมทำเข็ญในขณะอยู่เมืองมนุษย์ หรือไม่มีศีลธรรม วิญญาณของผู้กระทำบาป เมื่อตายลงแล้วไปรายงานตัวที่ขุมที่หนึ่ง  แล้วก็ถูกคุมตัวมาขึ้นหอกระจกนี้ ให้ปรากฏร่างกายเดิมเหมือนตอนมีชีวิตอยู่ว่าได้ทำบาปอย่างไร ?.  ทำให้วิญญาณโทษรู้เห็นการทำบาปในโลกมนุษย์นั้น ไม่สามารถรอดพ้นกฏหมายยมโลก เมื่อวิญญาณโทษเหล่านี้ขึ้นไปยังหอแล้วล้วนใจสั่นขวัญเสีย กลัวเกรงเรื่องไม่ดีที่ตนทำไว้ในเมืองมนุษย์จะปรากฏขึ้น  อับอายชาวบ้าน เราเดินตามหลังขึ้นไปชมดูบนหอกันเถิด

หยางเซิง    :  ยินดีครับ  ดูให้ถึงที่สุด เข้าใจให้ถ่องแท้

นายพลคุมหอ   :  ขอต้อนรับท่านอาจารย์และท่านหยางเซิงแห่งสำนักเซี่ยเฮี้ยงตึ้ง  เมืองไถ้้่ตง

อรหันต์จี้กง   :  โปรดอย่าได้มีการแสดงคารวะ เราศิษย์อาจารย์ได้รับเทวโองการให้แต่งหนังสือเรื่องเที่ยวเมืองนรก วันนี้เลยมาเยี่ยมชม  เชิญท่านนายพลนำพาหยางเซิงขึ้นไปตรวจชมบนหอ 

หยางเซิง   :  ท่านอาจารย์ต้องไปกับกระผมด้วยนะครับ  มิฉะนั้นกระผมคนเดียวอยู่ในถิ่นที่แปกใหม่อย่างนี้ ไม่กล้าเดินเหินด้วยตัวคนเดียว

อรหันต์จี้กง   :  ก็ได้.   เราตามนายพอขึ้นไปบนหอเถิด ... ยืนชมอยู่ข้าง ๆ ก่อนเถอะ     

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                            เที่ยวเมืองนรก

              ครั้งที่ 6  วันพุธที่ 29 กัยนายน  พ.ศ. 2519

                      ตอน  ท่องหอกระจกวิเศษ

                   ชมวิญญาณบาปปรากฏร่างเดิม

 ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จลงตรัสเป็นกลอนมีความว่า  :

        หอกระจก                  ส่องวิญญาณ                  เห็นร่างเดิม
ลักแก้เติม                          ทอนอักษร                     สวดไม่พัก
ยมกฏ                              เที่ยงธรรม                      ลงทัณฑ์หนัก
โทษมหันต์                        คนในโลก                       ที่ทำบาป

หยางเซิง   : โอ้ !!!  ผู้เฒ่าคนนั้นถูกยมทูตคุมตัวอยู่หน้ากระจก ไฉนเงาที่ปรากฏกลายเป็นคนหนุ่ม  กำลังปืนข้ามกำแพงบ้านของชาวบ้านแล้วลงไปเปิดหน้าต่าง  โดดเข้าไปในบ้าน ในบ้านมีสามีภรรยากวัยกลางคนกำลังนอนหลับ คนหนุ่มผู้นั้นทำการเปิดตู้เปิดหีบ คล้ายกับว่ากำลังค้นหาสิ่งของอะไร ! ชายวัยกลางคนผู้นอนหลับเกิดตื่นขึ้น ตกใจร้องเสียงดังสนั่น หนุ่มคนนั้นชัดมีดสั้นโดยพลันและจ้วงแทงคนวัยกลางคนผู้ตื่นขึ้น โอย !!! เลือดสด ๆ ไหลทั่วกายกระผมไม่กล้าดู

นายพลคุมหอ   :  ไม่เป็นไร ! ไม่ต้องกลัว นี้แหละเป็นความแยบยลพิศดารของหอกระจกวิเศษ ผู้เฒ่านี้เมื่อสมัยเป็นคนหนุ่มเคยเข้าไปลักทรัพย์ของผู้อื่น เจ้าบ้านรู้สึกตัวก็เลยชัดมีดแทงเจ้าบ้านตาย มาบัดนี้วิญญาณโทษนี้ได้ตายลงแล้ว มายังยมโลกต่อหน้าหอกระจกวิเศษเรื่องบาปที่ก่อไว้ก้ปรากฏออกมาทันที

หยางเซิง   :  หอกระจกวิเศษนี้สร้างขึ้นจากวัสดุอันใด ?. ไฉนจึงวิเศษพิศดารถึงปานนี้

อรหันต์จี้กง   :  กระจกวิเศษนี้ สร้างขึ้นโดยพลังแห่งสวรรค์ และธรณี จากการรวบรวมจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งสากลโลก วิญญาณของปุึถุชนเมื่อลอยมาถึงที่นี่ ก็จะฉายร่างเดิมให้ปรากฏออก ไม่มีการแอบแฝงแต่อย่างใดแม้แต่นิด ที่แท้แล้วนั้นไม่เกี่ยวกับความศักดิ์สิทธิ์ของกระจกวิเศษนี้หรอก เพราะเหตุว่าชาวโลกจากวัยเด็กถึงวัยแก่ ในชีวิตของตนสร้างบากหนักหนา  แต่มนุษย์นั้นเป็นสัตว์ประเสริฐ  การกระทำของตนเองตัวเองย่อมรู้จิตใจของตัวเอง  ก็คือกล้องถ่ายรูปกล้องหนึ่ง  เก็บเอาการกระทำต่าง ๆ ในขณะที่อยู่ในเมืองมนุษย์โลกเอาไว้  นี่แหละคือ  "กระจกใจ"  ถึงแม้ว่าชาวโลกแอบกระทำความผิด โดยผู้อื่นไม่สามารถรู้เห็น  แต่ทุกคนถามใจตัวเอง ตัวเองย่อมรู้ การใช้มือเท้า  การเดินเหิน ก้ไม่อาจพ้นจากการบัญชาของหัวใจ เครื่อง ๆ นี้คือเจ้าแห่งสามแดนสถิตอยู่ในที่ลับ  คอยลอบบันทึกเก็บภาพใหญ่น้อยทุก ๆ เหตุการณ์ เมื่อคนตายลงมาถึงหน้าหอกระจกวิเศษ เนื่องจากหอกระจกนี้ เป็นที่รวมแห่งกระแสบวกและกระแสลบ พอสัมผัสกับกลิ่นไอแห่งวิญญาณ - ร่างกายของมนุษย์กระแสไฟ จะรวมเข้าสู่วงจรทันที  ทำการฉายออกซึ่งภาพของมนุษย์นั้น ๆ ที่ได้กระทำไว้ในปางก่อน ดังนั้นผู้กระทำบาป เมื่อมาถึงหอกระจกวิเศษแล้ว  ความจริงต่าง ๆ ก็จะปรากฏออกมาทันที โดยมิอาจปิดบังอำพรางได้ ดังที่คำพุทธท่านกล่าว  "กฏทุกกฏล้วนเกิดจากใจ"  ก็คือเหตุผลที่แท้จริงของสิ่งนี้

หยางเซิง   :  ที่แท้เป็นดังนี้เอง  แต่ว่าวิญญาณของผู้ทรงธรรมมาถึงทีนี่ หอกระจกวิเศษจะใช้การได้หรือเปล่ามิทราบ

นายพลคุมหอ   :  วิญญาณผู้ทรงธรรมไม่ต้องหลุดมาสู่หอกระจกวิเศษนี้  คุณดูที่หน้าหอเขียนไว้ว่า  หอกระจกวิเศษจะไม่มีคนดีเลย  ผู้ทรงธรรมเมื่อตายลง วิญญาณท่านผ่องแผ้วใสสะอาด  หน้าหอกระจกวิเศษมีแต่ขาวใสว่างเปล่าเสมือนฟีล์มว่างไปแล้ว  เพราะเหตุว่าในจิตใจไม่มีสิ่งชั่วร้ายแออัดอยู่ด้วย จึงมองไม่เห็นร่างเดิมของเขา  หากว่าวิญญาณผู้ทรงธรรมยิ่งสดใสสะอาด  บุญกุศลยิ่งทวีคูณ  ก็มุ่งไปแดนสวรรค์ หรือให้ขุมอื่น ๆ ตรวจสอบ บุญบาปโดยตรง โดยมิต้องมายังที่นี่  ดังนั้นกระจกวิเศษนี้จึงมีอีกชื่อว่า  "กระจกเวรกรรม"  ผู้ใดที่สร้างบาปในแดนมนุษย์เมื่อตกมาถึงที่นี่แล้วก็จะปรากฏร่างเดิมขึ้นทันที  เจ้าจงเยี่ยมชมอีกครั้งเถิด ! 

หยางเซิง   :  หญิงสาวผู้นี้ถูกยมทูตควบคุมตัวไปหน้าหอ เธอไม่กล้าเข้าไป ออดอ้อนร่ำไห้อยู่ไม่หยุดยั้ง ท่าทีน่าสมเพชเวทนามาก ทำให้เกิดความสงสารยิ่งนัก แต่ยมทูตก็ไม่มีการปรานีสงสารเอ็นดู หญิงงามเลยต้องถูกปฏิบัติเช่นเดียวกันกับนักโทษอื่น โดยใช้ง่ามเหล็กคุมให้เข้าไปหน้าหอ  โอย !! สถานที่นี้มีผู้ชายมากหน้าหลายตาเข้า ๆ ออก ๆ ในห้องมีแสงไฟแสงสีต่าง ๆ คล้ายแหล่งโลกีย์ของแดนมนุษย์

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                              เที่ยวเมืองนรก

              ครั้งที่ 6  วันพุธที่ 29 กัยนายน  พ.ศ. 2519

                      ตอน  ท่องหอกระจกวิเศษ

                   ชมวิญญาณบาปปรากฏร่างเดิม

 ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จลงตรัสเป็นกลอนมีความว่า  :

        หอกระจก                  ส่องวิญญาณ                  เห็นร่างเดิม
ลักแก้เติม                          ทอนอักษร                     สวดไม่พัก
ยมกฏ                              เที่ยงธรรม                      ลงทัณฑ์หนัก
โทษมหันต์                        คนในโลก                       ที่ทำบาป

นายพลคุมหอ   :  ใช่แล้ว ที่นี้คือ  "แหล่งโลกีย์"  แห่งแดนมนุษย์ เจ้าจงสังเกตุให้รอบคอบและละเอียดถี่ถ้วนเถิด

หยางเซิง   :  แต่ละห้องมีแต่เสียงอ่อนหวานของสตรีเพศ เป็นสถานที่น่าหลงไหลยิ่งนัก กระผมมิกล้าดูชมมากนัก ท่านอาจารย์ครับ ! เรากลับกันเถิด!

อรหันต์จี้กง   :  เจ้ายังมีความรู้สึกว่าไม่สมควรจะเยี่ยมชม ก็ยังนับว่ามีความเหนียมอายมีมารยาท และศีลธรรมอยู่ในใจ  ไม่ขายหน้าศิษย์โปรดของท่านกวงเฮง (เจ้าสำนักแห่งเซี่ยเฮี้ยงตึ้ง) ดังหญิงงามเมืองผู้นี้ขายทั้งร่างกายและวิญญาณ หลอกลวงฉ้อฉล ทรัพย์สินเงินทองของผู้อื่น พูดจาหยาบคายต่ำช้า มารยามคุณสมบัติประจำของสตรีเพศไม่มีเลยไว้ในตัวเลยแม้แต่น้อย โทษทัณฑ์ใหญ่หลวงเป็นยิ่งนัก  ซ้ำยังเป็นกามโรคทำให้คนตายลงก่อนที่ควร เมื่อวิญญาณตกมาถึงยมโลกจึงยากที่จะรอดพ้น จากการลงทัณฑ์ที่ทรมานได้ ขอเตือนเพศหญิงแห่งมนุษยโลก ควรที่จะรักถนอมตัว ไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะทำตัวเป็นหญิงงามเมืองขายตัว มืออันอ่อนนุ่มเป็นที่รองหนุนของผู้ชายนับเป็นพัน ๆ คน ให้ผู้คนเหยียบย่ำตามชอบใจ ไม่มีราคาแม้แต่สตางค์แดงเดียว และยังสร้างเวรกรรมอันหนักหนาด้วย ส่วนผู้ชายที่ชอบเที่ยวผู้หญิงก็ผิดในเรื่องลามกด้วย ขอให้กลับตัวโดยเร็ว  เจ้าหยางเซิงเราเตรียมตัวกลับสำนักกันเถิด

นายพลคุมหอ   :  ท่านทั้งสองจะไม่รอสักครู่หรือขอรับ ?.

หยางเซิง   :  ต่อหน้ากระจกวิเศษ ทุกสิ่งทุกอย่างก็รู้เห็นปรุโปร่งตลอดแล้วไม่กล้าจะดูอีกต่อไป  เมื่อวิญญาณบาปมากหลายเหล่านี้  แสดงออกถึงความชั่วร้ายต่าง ๆ  ข้าพเจ้ายังเป็นมนุษย์ปุถุชน  อยู่ต่อหน้ายิ่งทำให้พวกนั้นอับอายมากขึ้น  สู้ขอลากลับไปก่อนดีกว่า

อรหันต์จี้กง   :  ขอบคุณมากท่านนายพลได้กรุณาชี้แจงอธิบาย เราจะเตรียมตัวกลับสำนักแล้ววันอื่นค่อนเยี่ยมชม  "โรงซ่อมพระสูตร"   รีบไปเถิดเจ้าอยางเซิง ขึ้นบนดอกบัวเร็ว เตรียมตัวกลับสำนัก

หยางเซิง   :  กระผมกลัวมาก !

อรหันต์จี้กง   :  เหตุใดจึงต้องกลัว ปฏิบัติตัวเองให้เป็นคนดีก็จะสามารถหลีกเลี่ยงการอับอายขายหน้ามายังที่นี้... สำนักเซี่ยเฮี้ยงตึ้งถึงแล้ว  หยางเซิงลงจากดอกบัว  วิญญาณกลับเข้าสู่ร่างเดิม

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
               เที่ยวเมืองนรก

              ครั้งที่ 6  วันพุธที่ 29 กัยนายน  พ.ศ. 2519

                      ตอน  ท่องหอกระจกวิเศษ

                   ชมวิญญาณบาปปรากฏร่างเดิม

 ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จลงตรัสเป็นกลอนมีความว่า  :

        หอกระจก                  ส่องวิญญาณ                  เห็นร่างเดิม
ลักแก้เติม                          ทอนอักษร                     สวดไม่พัก
ยมกฏ                              เที่ยงธรรม                      ลงทัณฑ์หนัก
โทษมหันต์                        คนในโลก                       ที่ทำบาป

                                   นรกขุมที่หนึ่ง

        ยมบาล                  ขุมที่หนึ่ง                   รอท่านอยู่
ท่านพระครู                      ที่โอ้อวด                    ศาสน์ข้าฯเด่น
กล่าวดูถูก                       ย่ำศาสน์อื่น                 ขึ้นข่มเข่น
คงต้องเข็น                      เข้าอบรม                    สำนักธรรม
เมื่อตายโหง                    วิญญาณผี                   มีมากมาย
เด็กแท้งตาย                    โดยพ่อแม่                  ไม่อยากได้
วิญญาณแค้น                    ค่อยรังควาน               ให้เสียไป
อีกพวกไซร์                      ไร้สติ                        ฆ่าตัวตาย
แม้กายตาย                      วิญญาณยัง                ถูกจองจำ
จงเชื่อคำ                        ใช้ปัญญา                  รอดบ่วงกรรม
อุบัเหตุ                           แขนขาขาด                หรือฆาตกรรม
ล้วนถูกจำ                       ในนรก                      ผีตายโหง       

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                               เที่ยวเมืองนรก

              ครั้งที่ 6  วันพุธที่ 29 กัยนายน  พ.ศ. 2519

                      ตอน  ท่องหอกระจกวิเศษ

                   ชมวิญญาณบาปปรากฏร่างเดิม

 ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จลงตรัสเป็นกลอนมีความว่า  :

        หอกระจก                  ส่องวิญญาณ                  เห็นร่างเดิม
ลักแก้เติม                          ทอนอักษร                     สวดไม่พัก
ยมกฏ                              เที่ยงธรรม                      ลงทัณฑ์หนัก
โทษมหันต์                        คนในโลก                       ที่ทำบาป

                              หอกระจกส่องกรรม

        เมืองมนุษย์                  ทำผิด                  อาจปิดบัง
ไม่ถูกขัง                              ถูกทำโทษ           รอดชีวัน
แล้วโทษทัณฑ์                     จะลงใคร               โลกไร้ธรรม
เมืองโลกันตร์                        ยุติธรรม                ไม่เอนเอียง
วิญญาณบาป                        เมื่อตายลง             มิรอดเล็ด
หอวิเศษ                              กระจกส่อง            กรรมอดีต
ปรากฏชัด                            การกระทำ             ครั้งมีชีวิต
มิอาจปิด                             ต้องรับทัณฑ์          พึงสังวร       

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                             เที่ยวเมืองนรก

              ครั้งที่ 6  วันพุธที่ 29 กัยนายน  พ.ศ. 2519

                      ตอน  ท่องหอกระจกวิเศษ

                   ชมวิญญาณบาปปรากฏร่างเดิม

 ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จลงตรัสเป็นกลอนมีความว่า  :

        หอกระจก                  ส่องวิญญาณ                  เห็นร่างเดิม
ลักแก้เติม                          ทอนอักษร                     สวดไม่พัก
ยมกฏ                              เที่ยงธรรม                      ลงทัณฑ์หนัก
โทษมหันต์                        คนในโลก                       ที่ทำบาป

อรหันต์จี้กง   :  วันนีเตรียมท่องนรก  ได้เวลาแล้ว เจ้าจงเตรียมตัวเดินทาง

หยางเซิง   :  กระผมเตรียมการเรียบร้อยแล้ว  เชิญท่านอาจารย์เริ่มการได้แล้ว

อรหันต์จี้กง   :  ถึงแล้ว รีบลงจากดอกบัว

หยางเซิง   :  ที่นี่เป็นแห่งหนตำบลใด ?. เหตุใดจึงมีฝูงชนแออัดยัดเยียด ด้านหลังมียมทูตควบคุมไปยังหอข้างหน้า ?.

อรหันต์จี้กง   :  ที่นี่คือ  "หอกระจกวิเศษ"  (หอกระจกสะท้อนบาปกรรม) ชนเหล่านี้ล้วนก่อกรรมทำเข็ญในขณะอยู่เมืองมนุษย์หรือไม่มีศีลธรรม วิญญาณของผู้กระทำบาป เมื่อตายลงแล้วไปรายงานตัวที่ขุมที่หนึ่ง แล้วถูกคุมตัวมาขึ้นหอกระจกนี้ ให้ปรากฏร่างกายเดิมตอนมีชีวิตอยู่ว่าได้ทำบาปอย่างไร ?. ทำให้วิญญาณโทษรู้เห็นการทำบาปในมนุษย์โลกนั้น ไม่สามารถรอดพ้นกฏยมโลก เมื่อวิญญาณโทษเหล่านี้ขึ้นไปยังหอแล้ว ล้วนใจสั่นขวัญเสีย กลัวเกรงเรื่องไม่ดีที่ตนทำไว้ในเมืองมนุษย์จะปรากฏขึ้น อับอายชาวบ้าน เราเดินตามหลังขึ้นไปชมดูบนหอกันเถิด

หยางเซิง   :  ยินดีครับ ดูให้ถึงที่สุด เข้าใจให้ถ่องแท้

นายพลคุมหอ   :  ขอต้อนรับท่านอาจารย์และท่านหยางเซิงแห่งสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้ง เมืองไถ่ตง

อรหันต์จี้กง   :  โปรดอย่าได้มีการแสดงคารวะ เราศิษย์อาจารย์ได้รับเทวโองการให้แต่งหนังสือเรื่องเที่ยวเมืองนรก วันนี้เลยมาเยี่ยมชม เชิญท่านนายพลนำพาหยางเซิงขึ้นไปตรวจชมบนหอ

หยางเซิง   :  ท่านอาจารย์ต้องไปกับกระผมด้วยนะครับ มิฉะนั้นกระผมคนเดียวอยู่ในถิ่นที่แปลกใหม่อย่างนี้ ไม่กล้าเดินเหินด้วยตัวคนเดียว

อรหันต์จี้กง   :  ก็ได้  เราตามนายพลขึ้นไปบนหอเถิด..... ยืนชมอยู่ข้าง ๆ ก่อนเถอะ

หยางเซิง   :  โอ้ !!!  ผู้เฒ่าคนนั้นถูกยมทูตคุมตัวอยู่หน้ากระจก ไฉนเงาที่ปรากฏกลายเป็นคนหนุ่ม กำลังปีนข้ามกำแพงบ้านของชาวบ้านแล้วลงไปเปิดหน้าต่าง โดดเข้าไปในบ้าน ในบ้านมีสามาีภรรยากลางคนกำลังนอนหลับ คนหนุ่มผู้นั้นทำการเปิดตู้เปิดหีบ คล้ายกับว่ากำลังค้นหาสิ่งของอะไร !  ชายวัยกลางคนผู้นอนหลับเกิดตื่นขึ้น ตกใจร้องเสียงดังสนั่น หนุ่มคนนั้นชักมีดสั้นโดยพลันและจ้วงแทงคนวัยกลางคนผู้ตื่นขึ้น  โอย !!! เลือดสด ๆ ไหลทั่วกาย กระผมไม่กล้าดู

นายพลคุมหอ   :  ไม่เป็นไร !  ไม่ต้องกลัว นี้แหละเป็นความแยบยลพิศดารของหอกระจกวิเศษ ผู้เฒ่านี้เมื่อสมัยเป็นหนุ่มเคยเข้าไปลักทรัพย์ของผู้อื่น เจ้าบ้านรู้สึกตัวก้เลยชักมีดแทงเจ้าบ้านตาย มาบัดนี้วิญญาณโทษได้ตายลงแล้ว มายังยมโลกต่อหน้าหอกระจกวิเศษบางเรื่องที่ก่อไว้ก็ปรากฏออกทันที

หยางเซิง   :  หอกระจกวิเศษนี้สร้างขึ้นจากวัสดุอันใด ?. ไฉนจึงวิเศษพิศดารถึงปานนี้ 

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                             เที่ยวเมืองนรก

              ครั้งที่ 6  วันพุธที่ 29 กัยนายน  พ.ศ. 2519

                      ตอน  ท่องหอกระจกวิเศษ

                   ชมวิญญาณบาปปรากฏร่างเดิม

 ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จลงตรัสเป็นกลอนมีความว่า  :

        หอกระจก                  ส่องวิญญาณ                  เห็นร่างเดิม
ลักแก้เติม                          ทอนอักษร                     สวดไม่พัก
ยมกฏ                              เที่ยงธรรม                      ลงทัณฑ์หนัก
โทษมหันต์                        คนในโลก                       ที่ทำบาป

อรหันต์จี้กง   :  กระจกวิเศษนี้ สร้างขึ้นโดยพลังแห่งสวรรค์และธรณี จากการรวบรวมของสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งสากลโลก วิญญาณของปุถุชนเมื่อลอยมาถึงที่นี่ก็จะฉายร่างเดิมให้ปรากฏออก ไม่มีการแอบแฝงแต่อย่างใดแม้แต่นิด ที่แท้แล้วนั้นไม่เกี่ยวกับความศักดิ์สิทธิ์ของกระจกวิเศษนี้หรอก เพราะเหตุว่าชาวโลกจากวัยเด็กถึงวัยแก่ ในชีวิตของตนสร้างบาปหนักหนา แต่มนุษย์นั้นเป็นสัตว์ประเสริฐ การกระทำของตนเอง ตัวเองย่อมรู้จิตใจของตัวเอง ก็คือกล้องถ่ายรูปกล้องหนึ่ง เก็บเอาการกระทำต่าง ๆ ในขณะที่อยู่ในมนุษย์โลกเอาไว้ นี่แหละคือ  "กระจกใจ"  ถึงแม้ว่าชาวโลกแอบกระทำความผิด โดยผู้อื่นไม่สามารถรู้เห็น แต่ทุกคนถามใจตัวเอง ตัวเองย่อมรู้ การใช้มือเท้า การเดินเหินก็ไม่อาจพ้นจากการบัญชาของหัวใจ เครื่อง ๆ นี้คือเจ้าแห่งสามแดน สถิตอยู่ในที่ลับ คอยลอบบันทึกเก็บภาพใหญ่น้อยทุก ๆ เหตการณ์ เมื่อคนตายลงมาถึงหน้าหอกระจกวิเศษ เนื่องจากหอกระจกนี้เป็นที่รวมแห่งกระแสบวกและกระแสลบ พอสัมผัสกับกลิ่นไอแห่งวิญญาณ - ร่างกายของมนุษย์กระแสไฟจะรวมเข้าสู่วงจรทันที ทำการฉายออกซึ่งภาพของมนุษย์นั้น ๆ ที่ได้กระทำไว้ในปางก่อน ดังนั้นผู้กระทำบาป เมื่อมาถึงหอกระจกวิเศษแล้ว ความจริงต่าง ๆ ก็จะปรากฏออกทันที โดยมิอาจจะปิดบังอำพรางได้ ดังที่คำพุทธท่านกล่าว  "กฏทุกกฏล้วนเกิดจากใจ"  ก็คือเหตุผลที่แท้จริงของสิ่งเหล่านี้

หยางเซิง   :  ที่แท้เป็นดังนี้เอง แต่ว่าวิญญาณของผู้ทรงธรรมมาถึงที่นี่ หอกระจกวิเศษจะใช้การได้หรือเปล่ามิทราบ

นายพลคุมหอ   :  วิญญาณผู้ทรงธรรมไม่ต้องหลุดมาสู่หอกระจกวิเศษนี้ คุณดูที่หน้าหอเขียนไว้ว่า  หอกระจกวิเศษจะไม่มีคนดีเลย  ผู้ทรงธรรมเมื่อตายลงวิญญษณท่านผ่องแผ้วใสสะอาด หน้าหอกระจกวิเศษมีแต่ขาวใสว่างเปล่า เสมือนฟีล์มว่างไปแล้ว เพราะเหตุว่าในจิตใจไม่มีสิ่งชั่วร้ายแออัดอยู่ด้วย จึงมองไม่เห็นร่างเดิมของเขา หากว่าวิญญาณผู้ทรงธรรมยิ่งสดใสสะอาด บุญกุศลยิ่งทวีคูณ ก็มุ่งไปแดนสวรรค์ หรือให้ขุมอื่น ๆ ตรวจสอบบาปบุญโดยตรงโดยมิต้องมายังที่นี่ ดังนั้นกระจกวิเศษนี้จึงมีอีกชื่อว่า  "กระจกเวรกรรม"  ผู้ใดที่สร้างบาปในแดนมนุษย์เมื่อตกมาถึงที่นี่แล้วก็จะปรากฏร่างเดิมขึ้นทันที เจ้าจงเยี่ยมชมอีกครั้งเถิด ! 

 หยางเซิง   :  หญิงสาวผู้นี้ยมทูตควบคุมตัวไปที่หน้าหอ  เธอไม่กล้าเข้าไป ออดอ้อนร่ำไห้ไม่หยุดยั้ง ท่าทีน่าสมเพชเวทนามาก ทำให้เกิดความสงสารยิ่งนัก แต่ยมทูตก็ไม่มีการปรานีสงสารเอ็นดู หญิงงามเลยต้องถูกปฏิบัติเช่นเดียวกันกับนักโทษอื่น โดยใช้ง่ามเหล็กคุมให้เข้าไปหน้าหอ  โอย !! สถานที่นี้มีผู้ชายมากหน้าหลายตาเข้า ๆ ออก ๆ ในห้องมีแสงไฟแสงสีต่าง ๆ คล้ายแหล่งโลกีย์ของแดนมนุษย์

นายพลคุมหอ   :  ใช่แล้ว ที่นี้คือ  "แหล่งโลกีย์"  แห่งแดนมนุษย์ เจ้าจงสังเกตให้รอบคอบละเอียดถี่ถ้วนเถิด

หยางเซิง   :  แต่ละห้องมีแต่เสียงอ่อนหวานของสตรีเพศ เป็นสถานที่น่าหลงใหลยิ่งนัก กระผมมิกล้าดูชมมากนัก ท่านอาจารย์ครับ ! เรากลับกันเถอะครับ  ! 

อรหันต์จี้กง   :  เจ้ายังมีความรู้สึกว่าไม่สมควรจะเยี่ยมชม ก็ยังนับว่ามีความเหนียมอายมีมารยาทและศีลธรรมอยู่ในใจ ไม่ขายหน้าศิษย์โปรดของท่านกวงเฮง  (เจ้าสำนักแห่งเซี้ยเฮี้ยงตึ้ง)  ดังหญิงงามเมืองผู้นี้ขายทั้งร่างกายและวิญญาณหลอกลวงฉ้อฉลทรัพย์สินเงินทองของผู้อื่น ูดจาหยาบคายต่ำช้า มารยาทคุณสมบัติประจำของสตรีเพศไม่มีเหลือไว้ในตัวเลยแม้แต่น้อย โทษทัณฑ์ใหญ่หลวงเป็นยิ่งนัก ซ้ำยังเป็นกามโรคทำให้คนตายลงก่อนที่ควร เมื่อวิญญาณตกมาถึงยมโลกจึงยากที่จะรอดพ้นจากการลงทัณฑ์ที่ทรมานได้ ขอเตือนเพศหญิงแห่งมนุษยโลกควรที่จะรักถนอมตัว ไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะทำตัวเป็นหญิงงามเมืองขายตัว มืออันอ่อนนุ่มเป็นที่รองหนุนของผู้ชายนับเป็นพัน ๆ คน ให้ผู้คนเหยียบย่ำตามชอบใจ ไม่มีราคาแม้แต่สตางค์แดงเดียว และยังสร้างเวรกรรมอันหนักหนาด้วย ส่วนผู้ชายที่ชอบเที่ยวผู้หญิงก็ผิดในเรื่องลามกด้วย ขอให้กลับตัวหลับใจโดยเร็ว เจ้าหยางเซิงเราเตรียมตัวกลับสำนักกันเถิด

นายพลคุมหอ   :  ท่านทั้งสองจะไม่รอสักครู่หรือขอรับ ?.

หยางเซิง   :  ต่อหน้ากระจกวิเศษ ทุกสิ่งทุกอย่างก็รู้เห็นปรุโปร่งตลอดแล้วไม่กล้าจะดูอีกต่อไป มีวิญญาณบากมากมายเหล่านี้ แสดงออกถึงความชั่วร้ายต่าง ๆ ข้าพเจ้ายังเป็นมนุษย์ปุถุชนอยู่ต่อหน้ายิ่งทำให้พวกนั้นอับอายมากขึ้น สู้ขอลากลับไปก่อนดีกว่า

อรหันต์จี้กง   :  ขอบคุณมากท่านนายพลได้กรุณาชี้แจงอธิบาย เราจะเตรียมตัวกลับสำนักแล้ว วันอื่นค่อยเยี่ยมชม  "โรงซ่อมพระสูตร"  รีบไปเถิดเจ้าหยางเซิงขึ้นบนดอกบัวเร็ว เตรียมตัวกลับสำนัก

หยางเซิง   : กระผมกลัวมาก!

อรหันต์จี้กง   :  เหตุใดจึงต้องกลัว ปฏิบัติตัวเองให้เป็นคนดีก็จะสามารถหลีกเลี่ยงการอับอายขายหน้ายังที่นี้...สำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้ง ถึงแล้ว  หยางเซิงลงจากดอกบัว วิญญาณกลับเข้าร่างดังเดิม

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                               เที่ยวเมืองนรก

               ครั้งที่ 7 วันเสาร์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ.2519

                       ตอน ท่องโรงซ่อมพระสูตร

             ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จตรัสเป็นกลอนว่า  :

        พระชีพรามห์        ลวงผู้คน        หารายได้
ผลสุดท้าย                  ต้องรับกรรม    ที่ทำชั่ว
ถูกลงโทษ                 ให้สวดมนต์     ในห้องมัว
ร้องเสียงขรัว               ทั่วหน้ากัน      ท่านจงฟัง 

อรหันต์จี้กง   :  วันนี้เตรียมเที่ยวเมืองนรก เจ้าหยางเซิงจงนั่งบนดอกบัวให้มั่นคง ใจอย่าหวั่นไหว

หยางเซิง   :  ขอรับ กระผม ท่านอาจารย์ครับ ความทารุณโหดร้ายในแดนนรกสุดที่จะทนดูได้

อรหันต์จี้กง   :  วิญญษณโทษเหล่านั้น สมควรแล้วที่จะได้รับการตอบสนองอย่างนั้น เจ้าอย่าได้เห็นใจสงสารเขาหรอก เราเริ่มเดินทางได้แล้ว..... ถึงแล้วละ ลงจากดอกบัวเร็ว

หยางเซิง   :  ห้องนี้เหตุใดจึงมืดมัว ข้างในดูเหมือนมีเสียงคร่ำครวญรัญจวนจิต ?.

อรหันต์จี้กง   :  ที่นี่คือโรงซ่อมพระสูตร เราจะเข้าไปเยี่ยมชมตรวจดูให้ละเอียด

หยางเซิง   :  ไปกันเถิดครับ... บนประตูห้องมีตัวอักษรว่า "โรงซ่อมพระสูตร"  ทางนั้นมีนายทหาร 2 นายกำลังเดินมา มิทราบว่าเป็นผู้ใด ?.

อรหันต์จี้กง   :  นั่นเป็นนายทหารผู้คุมประตู

นายทหาร   :  ขอน้อมรับท่านอาจารย์และคุณหยางเซิงแห่งสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้งแห่งเมืองไถ่ตง

อรหันต์จี้กง   :  โปรดอย่าได้มีการคารวะเลย วันนี้อาตมาพาหยางเซิง ผู้มีสมญานามว่า พู่กันศักดิ์สิทธิ์ มาเยี่ยมชมโรงซ่อมตำราธรรม ขอท่านได้โปรดนำพาเข้าไปด้วย

นายทหาร   :  เชิญครับ เชิญตามกระผมมา ท่านทั้งสองเชิญเข้าประตูข้าง เพราะเหตุว่าประตูกลาง (ประตูใหญ่) เปิดออกได้ต้องเป็นวันเริ่มต้นของวันแรกของแต่ละปักษ์แห่งเดือน เพราะว่าวันดังกล่าวจะมีพระอรหันต์ จอมปราชญ์ เทวดา เสด็จมาแสดงธรรมแก่พวกพระชีพรามห์ทั้งหลาย

หยางเซิง   :  สามารถเข้าได้ก็รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งแล้ว จะเข้าทางประตูไหนหาได้เป็นปัญหาไม่ ในโรงซ่อมพระสูตรมัวมืดไร้แสงสว่าง กระผมว่ายืนชมอยู่ที่นี่ก็พอแล้ว ไม่ต้องเข้าไปในห้องนะครับ

นายทหาร   :  หาเป็นไรมิได้ ข้าพเจ้าจะพาท่านไปเอง ไม่ต้องหวั่นเกรง

หยางเซิง   :  ก็ได้ครับ ห้องนี้สร้างด้วยไม้กระดาน รู้สึกว่า เก่าแก่มาก มีร่องรอยว่าผุกร่อนอยู่บ้างและมีรอยแตกเป็นรูอยู่ทั่วไปคล้ายใกล้จะทลาย ภายในมีผู้แต่งกายเป็นพระ ชี พรามห์ เป็นจำนวนหลายพันคน อาศัยตะเกียงน้ำมันดวงเดียวเปิดพระสูตรพร่ำท่องไปเรื่อย ๆ มีลักษณะว่าระทมขมขื่นมาก

อรหันต์จี้กง   :  พวกพระ ชี พรามห์เหล่านี้ เมื่อตอนอยู่ในแดนมนุษย์ล้วนรับอาสาไปสวดมนต์สะเดาะเคราะห์ให้แก่ชาวบ้าน เพื่อหารายได้ประทังชีวิตไปวัน ๆ แต่มิได้แสดงความจริงใจเพียงแต่ทำแบบซื้อขาย บ้างก็สวดออกเสียงผิดไปจากตำรา เมื่อตายลงแล้วล้วนต้องมายังโรงซ่อมพระสูตรนี้ เพื่อสวดเพิ่ม ซ่อมให้ดีโดยอาศัยแสงไฟที่ริบหรี่ดังแสงหิ่งห้อยนี้สวดกัน ที่สวดตกไปตัวเดียวต้องสวดชดเชยร้อยครั้ง เมื่อสวดชดเชยเสร็จแล้วจึงจะอาศัยผลงานนั้นเป็นการตัดสิน

หยางเซิง   :  ตามที่ท่านอาจารย์ว่า แล้วที่สำนักเราได้แต่งพระสูตรพระเจ้าเง็กเสียงอ๊วงตี่ ทรงโปรดสัตว์และพระสูตร พระบุพวิสุทธิเทพ ไร้ขอบเขตจะมีใครกล้าอ่านเล่า ?. ผู้มีจิตศรัทธามากหลายนำไปท่องอ่านแต่ออกเสียงผิดเพี้ยน ต่อไปก็ต้องตกเข้าไปอยู่ในโรงซ่อมพระสูตรด้วยหรือ ?.

นายทหาร   :  มิใช่เช่นนั้น ผู้ที่มาซ่อมพระสูตรนี้ เป็นพวกที่อาศัยสวดมนต์ทำพิธีทางศาสนาหากินในเมืองมนุษย์ รับเอาเงินทองจากชาวบ้านสะเดาะเคราะห์ให้ชาวบ้าน แต่ไม่ทำการสวดท่องจากตำราคัมภีร์อันศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาเต๋า ศาสนาพุทธ พวกนี้ จึงต้องตกมายังที่นี้ หากว่าเราสวดมนต์กันเองหรือสวดบริการให้แก่ผู้อื่น จุดมุ่งหมายมันต่างกัน คือไม่มุ่งในทางรับทรัพย์หาเงิน ถึงแม้ว่ามีความผิดพลาดบ้าง กฏสวรรค์ท่านได้กรุณายกให้เป็นพิเศษอยู่แล้ว

หยางเซิง   :  แสงไฟริบหรี่ดังแสงหิ่งห้อยเช่นนี้ และยังมีลมเย็นโบกโชยรำ ๆ จะดับมิดับแหล่ และพวกพระชีพรามห์เหล่านี้ อายุมากเสียด้วย นัยน์ตาฝ้าฟางเพ่งดูตัวหนังสือของตำราธรรมซึ่งตัวเล็กเท่าหัวแมลงวัน รู้สึกน่าสงสารเป็นที่ยิ่ง แต่ละคนล้วนแสดงอาการอ่อนเพลียปวดเมื่อย

นายทหาร   :  ค่าของเงินต้องสมกับค่าของสินค้า เมื่อรับเอาเงินทองของผู้จ้างไปแล้ว และไม่ทำงานให้เรียบร้อย ก็สมควรแล้วต้องรับการสนองแบบนี้