collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: ท่องนรก  (อ่าน 72305 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                               เที่ยวเมืองนรก 

                              คำอนุโมทนาของ

                          กุมารเทพ   เง็กฮือทงจื้อ

               กุมารเทพเง็กฮือทงจื้อ  ลงประทับทรงกล่าวว่า   :

                              ฟ้าประทานพจน์วิเศษดุจเข็มทิศ
                      อำมหิตเป็นนิจใช่อำพลาง
                      หากกลับใจนรกนั้นจะปิดทาง
                      สำนึกตัวกลับใจประเสริฐจริง

        ชาวโลกมักจะเห็นความดีความชอบในด้านเสพสุขทางวัตถุ ดูหมิ่นในด้านอบรมศึกษาทางจิตใจ ศีลธรรมเมื่อถูกทอดทิ้งละเลยแล้ว การก่อการลักขโมย ล้างผลาญฆ่าแกงข่มขืนกระทำชำเราก็จะทวีความรุนแรงขึ้นโดยไม่หยุดยั้ง  เมื่อจะยับยั้งแก้ไขเหตุร้ายอันไม่มีวันจะยุติลงได้ จึงควรเริ่มกระทำการอบรมทางศีลธรรม โดยให้บรรยายถึงความเป็นจริงแห่งการตอบสนองจากเหตุและผล ดวงวิญญาณนั้นไม่ได้สูญสลายและไม่ใช่เรื่องเท็จ โชคลาภวาสนาและภัยพิบัต  มิได้เกิดขึ้นโดยปราศจากเหเตุผล แต่อยู่ที่การกระทำดีหรือความชั่วของมนุษย์เอง ถ้าหากตัวเราก่อกรมทำเข็ญในตอนมีชีวิตอยู่ เมื่อตายลงแล้วดวงวิญญาณ ก็จะต้องรับโทษที่ตนได้ก่อขึ้นไปเอง ต้องตกเข้าไปในทางชั่วร้าย รับการฝึกอบรมจากการเวียนว่ายตายเกิด นี่แหละคือต้นกำเนิดแห่งการเกิดขุมนรกขึ้น

        วิญญาณของข้าพเจ้าบริสุทธิ์ผุดผ่อง จึงสามารถท่องไปในแดนศักดิ์สิทธิ์อย่างสบายอารมณ์ได้ เนื่องจากขณะนี้สำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้ง แห่งเมืองไถ่ตงได้รับเทวโอกางให้แต่งหนังสือ "เที่ยวเมืองนรก" ข้าพเจ้าได้รับเกียรติในหน้าที่ให้ใช้ "ทิพยเนตรถ่ายทอดความจริง" จึงกราบรับโดยดุษฏี ในขณะเงียบสงัดของราตรีกาลแห่งการรับประทับทรง ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จลงมานำพาวิญญาณของคุณหยางเซิง ไปท่องชมนรกทุกขุม ในขณะที่ทำการสนทนากับวิญญาณโทษ ข้าพเจ้าจะใช้ทิพยเนตรเก็บเอาเสียงและภาพของเขา ถ่ายทอดออกทันที โดยอาศัยร่างของเขานั่นแหละที่ได้ถือพู่กันไว้ในมือ เขียนออกเป็นตัวอักษรต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันทันด่วน จึงมีข้อความสนทนาโต้ตอบจากแดนนรกแล้วคัดลอกแต่งเป็นหนังสือ เพื่อเป็นการปลอบเตือนกล่อมเกลาชาวโลก

        ความอ่อนไหวพิศดารในการนี้ มีผู้มีจิตศรัทธาเลื่อมใสรุมล้อมสังเกตุการณ์อยู่รอบด้าน ล้วนได้เปล่งคำอุทานว่าหาที่ดูมิได้อีกแล้ว ต่างเชื่อมั่นว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งเทพเจ้านั้นมีจริงพึงเชื่อถือได้ แต่ผู้ที่ยังมิได้ชมด้วยสายตาของท่านเองก็อาจจะเชื่อได้ แต่ไม่สู้จะสนิทนัก เนื่องจากเหตุนี้เอง ข้าพเจ้าจึงหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเห็นชาวโลกทั้งหลายว่า สวรรค์นั้นได้อยู่บน "ดวงจิต"  ของตัวท่านเอง  เมื่อท่านหลอกลวงจิตใจอันดีงามของตัวท่านเองแล้ว ท่านยังมีความ "สุขใจ" ที่จะพักอาศัยในสวรรค์ได้อีกหรือ?.  ผู้ที่ทำความชั่วไว้แล้ว เมื่อตอนสำนึกตัวได้ ทุกครั้งจึงเกิดความตำหนิติเตียนตัวเองอย่างขมขื่นทรมานจิตใจ ขณะนั้นแหละภาพแห่งนรกได้บังเกิดขึ้นในใจท่านแล้ว แต่ว่านรกคือที่คุมขังผู้กระทำความผิด เป็นที่ซึ่งมวลมนุษย์ไม่พึงปรารถนา หรือบางคนจะเห็นเป็นบ้านเดิมของท่านเอง?. มนุษย์เราถือกำเนิดมาจากสวรรค์  บนสวรรค์จึงเป็นแหล่งพำนักพักพิงเดิมของท่าน ดังนั้น จึงหวังเป็นอย่างยิ่ง จงอย่าเร่ร่อนอยู่ในห้วงแห่งการเกิดตาย และต้องตกลงไปในทางเวียนว่ายตายเกิดอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

        อาศัยในโอกาสที่หนังสือ "เที่ยวเมืองนรก" จะคลอดออกสู่ตลาดในขณะนี้ ข้าพเจ้าจึงได้ให้พู่กันอันศักดิ์สิทธิ์นี้ขยายความตามที่ทิพยเนตรได้เห็นมาเป็นเวลาร่วม 2 ปีในแดนนรก ที่มีสภาพเต็มไปด้วยความอเนจอนาถทรมาน หวังว่าผู้อ่าน เมื่ออ่านหนังสือเล่มนี้จบลงแล้ว การกระทำและความประพฤติของท่านทั้งหลายจะขาวสะอาดหมดจดปราศจากด่างพล้อย จะไม่ให้มีเมล็ดพันธุ์แห่งนรกหลงเหลืออยู่อีก จึงจะไม่เป็นการเสียแรงที่ข้าพเจ้าได้อุตสา่ห์ติดตามถ่ายทอดมาตลอด

                             กุมารเทพเง็กฮือทงจื้อ  แห่งพรหมปราสาท

                                  วันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2521   

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                             เที่ยวเมืองนรก                   

                  เทพเลขาลงประทัพทรง   ประกาศว่า 

                  เมื่อวันที่ 19  พฤษภาคม  พ.ศ. 2521

                                 คำบรรยาย

        1.  หนังสือเล่มนี้ได้แต่งขึ้น  โดยเทวโองการท่านเง็กเสียงอ๊วงตี่ แม้ว่าสำนวนนั้นจะเป็นคำพูดพื้น ๆ ง่าย ๆ  แต่ทีเนื้อหาที่เปี่ยมท้นด้วยหลักธรรมความจริง ซึ่งเป็นตำนานอันวิเศษล้ำเลิศ ที่จะอบรมบ่มนิสัยบำเพ็ญธรรมอย่างดีเยี่ยม   

        2.  หากปรากฏว่ามีตัวอักษรใดที่ขาดตกหรือผิดเพี้ยนบ้าง ซึ่งเป็นความสับเพร่าในการคัดลอก ผู้อ่านจงอย่าดูหมิ่นสบประมาทเป็นอันขาด

        3.  ตำนานเล่มนี้ได้สูญสิ้นพลกำลังและจิตใจของเทพเจ้าและมนุษย์อย่างใหญ่หลวง จึงได้ประสบความสำเร็จจนจัดพิมพ์เป็นเล่มขึ้น ซึ่งใช้เวลาถึง 2 ปีเต็ม ในตำนานเล่มนี้ได้เปิดเผยความลี้ลับแห่งยมโลก แนวทางการลงโทษแห่งแดนนรกได้ประกาศให้ทราบอย่างแจ่มแจ้ง ชอบที่เป็นเสียงระฆังเพื่อคอยกล่อมโลก และเป็นตำนานที่หาได้ยากยิ่งในระยะเวลานับหมื่น ๆ ปีที่แล้วมา จึงหวังเป็นอย่างยิ่งที่มวลมนุษย์ควรจะอ่าน ควรจะถนอม ควรจะเข้าใจ  และควรที่จะบำเพ็ญด้วย

        4.  ตำนานเล่มนี้ได้รับความร่วมมือจากแดนสวรรค์ ยมโลก  และชาวมนุษย์  จึงสามารถเขียนแต่งให้สำเร็จลงได้ซึ่งมีความดีความชอบร่วมกันด้วย ดังนั้น  เมื่อผู้ใดได้พิมพ์แจกแม้จะเพียงเล่มเดียวจะต้องได้รับความสนองตอบในทางดี  3  แดนด้วย 

        5.  คำประกาศิตจากท่านจินกวาน ประดาที่พิมพ์แจกตำนานเล่มนี้ เพื่อเป็นการช่วยให้ได้กอบกู้ผู้คน ไม่ว่าจะพิมพ์เอง หรือช่วยพิมพ์หรือช่วยเรี่ยไรเงินเป็นค่าพิมพ์  บรรยาย  หรือช่วยเผยแพร่  ล้วนได้รับอนุมัติให้ลดหย่อนผ่อนโทษที่ตัวเองได้ก่อไว้ในปางก่อน หากสะสมความชอบนี้ได้เต็มขั้นแล้ว จะได้ขึ้นสู่สวรรค์รับความสุขสบายกาย โดยถือเอาความดีที่สร้างสมไว้ในการนี้

        6.  บรรดาที่มีความประสงค์อยากได้อายุยืน หรือหวังในการเลื่อนตำแหน่งหน้าที่ หรือขจัดโรคภัยไข้เจ็บ หรือแก้อาถรรพณ์ในการจองเวรจองกรรมหรือบำเพ็ญธรรม หรือลบล้างบาปที่ตัวสร้างไว้ หรือจะช่วยกอบกู้บรรพบุรุษให้พ้นภัยพ้นทุกข์ หรือประสงค์จะมีความสุขเมื่อตัวเองได้ตายลงไป เมื่อได้ตั้งอธิษฐานจะพิมพ์แจกตำนานเล่มนี้แล้วล้วนต้องได้รับตามความประสงค์นั้น ๆ ทั้งนี้ ควรจุดธูปต่อหน้าเทพเจ้า หรือต่อหน้าวัดวาอารามศาลเจ้าศักดิ์สิทธิ์ หรืออยู่ที่กลางแจ้งแล้วให้อธิษฐานตามที่ประสงค์ เทพเจ้าจะได้ไปทูนให้ทันที มีการสนองตอบอย่างทันใจด้วย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่มีการหลอกลวงแต่อย่างไร

        7.  ตำนานนี้สถิตอยู่แห่งใดแห่งนั้นย่อมมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์จากสากลโลกให้การคุ้มครอง เมื่ออ่านแล้วต้องเก็บไว้  ณ  ที่ ๆ สะอาดห้ามทำให้เปรอะเปื้อนสกปรก ผู้ที่ดูหมิ่นกล่าวร้ายต่อตำนานเล่มนี้ หรือขัดขวางการเผยแพร่ จะต้องตกเข้าในนรกตลอดกาล ซึ่งนับว่าเป็นโทษที่ให้อภัยไม่ได้ หวังว่าชาวโลกทั้งหลายจงกลับเข้าไปในทางธรรม และจงคิดรอบคอบถ้วนถี่เทอญ.         

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                       เที่ยวเมืองนรก

                               นำเที่ยวเมืองนรก ทั่ว 10 ขุมนรก

                           ครั้งที่ 1  วันพฤหัสบดีที่ 9 กันยายน  พ.ศ. 2519

                                    เที่ยวภูเขาหัวใจชมถ้ำนรก

ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จมาแล้วตรัสในบทกลอนความว่า

        อันสวรรค์        นรกนั้น                อยู่ในใจ
บุญบาปใคร             ล้อมจิตตน            มุ่งใฝ่หา
ค่ำคืนนี้                  พระจี้กง               จะนำพา 
ให้อยางเซิง            เที่ยวลอยไป         บนดอกบัว

อรหันต์จี้กง  :  เจ้าหยางเซิง  คืนนี้เราไปเที่ยวเมืองนรก  เจ้ามีความรู้สึกอย่างไร ?.

หยางเซิง    :  กระผมต้องกราบขอบพระคุณในความมหากรุณาจากสวรรค์ก่อนใด ๆ ทั้งสิ้น ที่ท่านได้กรุณาให้โอกาสกระผม ไปเที่ยวชมเมืองนรก กระผมมีความรู้สึกปรีดาอันหาที่เปรียบมิได้

อรหันต์จี้กง  :  สำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้ง  อันขึ้นตรงต่อสวรรค์ทักษิณ ซึ่งมีศิษย์สาวกทั้งหลายต่างบำเพ็ญตนพากเพียรในการสร้างบุญกุศล ชักจูงผู้ลุ่มหลง จำหน่ายแจกจ่ายตำรับการกุศลอย่างมากมายมหาศาล เพื่อให้มวลมนุษย์ท่องอ่าน กุศลบุญแผ่คลุมทั่วพิภพ  ดังนั้นท่านเง็กเสียงอ๊วงตี่ จึงได้ประทานบัญชาให้แต่หนังสือเรื่อง "เที่ยวเมืองนรก"  เพื่อที่จะเปิดเผยความจริงแห่งขุมนรก อันที่จะไปเที่ยวในครั้งนี้ ศิษย์ผู้ร่วมสำนักคนอื่น ๆ ยังมิได้เคยเที่ยวชมมาก่อน เมื่อเจ้าได้ไปเห็นมาแล้วจงนำไปเผยแพร่อบรมแก่ชาวโลกทั้งหลาย เมื่อก่อนเจ้าก็เคยฝึกฝนในเรื่องการประทับทรง ขณะนั้นอาตมาได้จุติมาสั่งสอน เลยทำให้เราทั้งสองกลายเป็นอาจารย์กับศิษย์จนกระทั่งถึงทุกวันนี้   และวันนี้  สวรรค์ท่านได้โปรดให้เราแต่งหนังสือ "เที่ยวเมืองนรก"  ก็เพราะรู้ว่าท่านมีอุปนิสัยใจคอที่ซื่อสัตย์ เที่ยงตรง  ของอาตมาสามารถชักนำชาวโลกไปในทางที่ถูกที่ชอบยิ่งนัก และกระตุ้นเตือนให้สร้างแต่บุญกุศล  เอาละ..... บัดนี้เราเริ่มออกเดินทางได้แล้ว

หยางเซิง  :  ขอขอบพระคุณ น้อมรับคำสั่งสอนของท่านอาจารย์  กระผมเคยได้ยินมาว่าการท่องเมืองนรกนั้นต่างก็ขี่เทพอาชาหรือโดยสารไปในดอกบัว แล้วไฉนอาจารย์จึงสั่งให้เดินเท้าเปล่าเล่า ?.

อรหันต์จี้กง  :  ช่างไร้เดียงสาเสียจริง ๆ เจ้าหยางเซิงเอ๋ย  อันทางไปนรกนั้นน่ะจะเป็นทางดีได้อย่างไร ๆ แล้วคิดจะเหาะเหินเดินอากาศด้วยฤา ?. ทุกวันนี้วิทยาศาสตร์ก้าวหน้าไปไกลมาก ไปไหนก็ต้องนั่งรถเก๋ง เจ้าคิดจะขับบ้างหรือ ?.  อันที่จริงนั้น นรกไม่มีทางเข้า มนุษย์นั้นต่างหากที่พาตัวเข้าไปเอง อย่าเพ้อฝันไปเลย เมื่อผ่านพ้นทางทุรกันดารแล้วจึงสามารถขึ้นสู่สวรรค์

หยางเซิง  :  กระผมว่าอาจารย์ท่านคล้ายเมาเหล้าในยามนี้

อรหันต์จี้กง  :  ความจริงก็ดื่มมาบ้างแล้ว  ในเมื่อฉันรู้แจ้งเห็นจริงต่อสรรพสิ่งของมวลมนุษย์แล้ว ซึ่งจิตใจของคนน่าสะพรึงกลัวมากนัก ยากที่จะชักจูงให้ตลอดรอดฝั่งได้ ทำให้ฉันเสียใจเป็นอย่างยิ่งก็เลยอาศัยสุรายาเมา เพื่อกลบเกลื่อน ฉันว่าเจ้าก็ควรดื่มเสียบ้างให้รู้แล้วรู้รอดไป ให้มันเมาดับจิตไปเสียเลย

หยางเซิง  :  กระผมดื่มเหล้าไม่เป็น  ท่านอาจารย์ล้อเล่นเก่งจังเลย

อรหันต์จี้กง  :  เอาละ เวลามีจำกัดฉันจะเสกบัวช่อหนึ่ง เพื่อเป็นยานพาหนะเดินทางของเรา

หยางเซิง  :  ท่านอาจารย์มีอิทธิฤทธิ์ล้นฟ้า พอเสกคาถาจบบัวขาวช่อหนึ่งก็โผล่ขึ้น แต่ว่าเท้ากระผมไม่สะอาดพอ ไม่กล้าเหยีบย่ำขึ้นบนดอกบัว

อรหันต์จี้กง  :  หากว่าจิตใจเจ้าสะอาดพอแล้ว ก็ไม่เป็นปัญหาอันใด คำสุภาษิตท่านกล่าวไว้ว่า "ดอกบัวนั้นเติบโตจากตมเลน แต่ก็ไม่มีสิ่งเปรอะเปื้อนติดอยู่เลย"

หยางเซิง  :  ถ้างั้น กระผมก็ลองเสี่ยงดูสักครั้ง กระผมนั่งลงเรียบร้อยร้อย จะไปทางไหนกัน

อรหันต์จี้กง  :  ปิดตาของเจ้าทั้งสองข้างเสีย ฉันจะนำเที่ยวแล้วล่ะ

หยางเซิง  :  ขอรับ กระผม

อรหันต์จี้กง  :  เจ้าลืมตาได้แล้ว

หยางเซิง  :  ที่นี้คือแห่งหนตำบลใด ?. ทำไมตรงหน้ามีภูเขาสูงชันลูกหนึ่ง และบนผนังหินนั้นมีตัวอักษรว่า "ภูเขาขั้วหัวใจ"  ส่องแสงแพรวพราวตระการตา

อรหันต์จี้กง  :  ภูเขานั้นแหละชื่อ  "ภูเขาขั้วหัวใจ"  เดินขึ้นไปบนภูเขาก็จะเป็นประตูสวรรค์ เจ้าเห็นบ้างไหมข้างภูเขานั้นมีถ้ำอยู่ถ้ำหนึ่ง มองดูมืดมิดไม่จรดก้นถ้ำ ถ้ำนี้แหละคือ  "ถ้ำนรก"  ชาวโลกผู้มีจิตใจบริสุทธิ์ซื่อตรง เมื่อสิ้นลมปราณแล้วก็จะได้ขึ้นสู่ภูเขานี้  ถ้าหากเป็นคนจิตใจชั่วร้ายทำเวรสร้างบาป เมื่อตัวตายแล้ววิญญาณล่องลอยมาถึง ณ ที่นี้  เมื่อเห็นตัวหนังสือ "ภูเขาขั้วหัวใจ"  ที่ส่องแสงระยิบระยับ นันย์ตามักจะเบิกออกยาก ในขณะที่ไม่ทันจะตั้งตัว ก็ต้องตกลงไปในถ้ำนรกอันลึกล้ำนั้น ดังนั้น นักปราชญ์โบราณ ท่านจึงกล่าวไว้ว่า "จิตเป็นทั้งสวรรค์และเป็นทั้งนรก"  ล้วนขึ้นอยู่กับความรู้สึกผิดชอบบุญบาปวูปหนึ่งเท่านั้นเอง

หยางเซิง  :  ที่แท้เป็นอย่างนี้เอง คนเราจะเลีอกไปทางสวรรค์หรือทางนรกก็ย่อมได้ คนจะเป็นเทวดาเป็นผีก็ได้

อรหันต์จี้กง  :  คืนนี้ เวลาจำกัดมาก เราเที่ยวชมเท่านี้ก่อน รีบขึ้นนั่งบนดอกบัวเสีย

หยางเซิง  :  ขอรับ  กระผม

อรหันต์จี้กง  :  ปิดตาเร็ว  มิฉะนั้นตาของสามัญปุถุชนจะทนต่อลมเย็นที่เชือดเฉือนโชยมาได้ยาก

หยางเซิง  :  ขอรับ  กระผม  ลมจัดมาก กระผมทนไม่ไหวแล้ว

อรหันต์จี้กง  :  ถึงสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้งแล้ว  หยางเซิงลงจากดอกบัว  วิญญาณกลับเข้าร่างดังเดิม

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                             เที่ยวเมืองนรก

          ครั้งที่ 2  วันอาทิตย์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2519

                      ตอนเที่ยวสระน้ำสบายใจ

                            สู่แดนต่อแดน

                   ระหว่างมนุษย์โลกกับยมโลก

ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จปรากฏตัว ตรัสเป็นกลอนความว่า

       มณีวาว                  เดิมสถิต                  บนสวรรค์
เกิดพลาดพลั้ง                 สู่ดินดาล                  เคล้าโคลนตม
ครั้งเห็นแจ้ง                   ปลงสังขาร               ละโสมม
ปัญญาข่ม                     จิตเปี่ยมท้น              สัจธรรม     

อรหันต์จี้กง   :  เจ้าหยางเซิง เตรียมตัวท่องเมืองนรกได้

หยางเซิง   :  ท่านอาจารย์ครับ  วันนี้กระผมได้ไปเมืองเจียงฮ่วย และเพิ่งกลับมา รู้สึกอ่อนเพลีย ใคร่จะขอนอนพัก กระผมว่าวันหลังค่อยไปนะครับ !

อรหันต์จี้กง   :  เจ้านะเกียจคร้านมาก ผู้บำเพ็ญธรรมเมื่อตรากตรำลมฟ้าเพียงเล็กน้อยก็เกิดความท้อ แล้วจะหวังบรรลุธรรมได้อย่างไร ?.

หยางเซิง   :  กระผมจะต้องขอกราบประทานอภัยจากท่านอาจารย์ด้วย กระผมจะเร่งปรุงสติตามท่านอาจารย์ไป

อรหันต์จี้กง   :  รีบขึ้นบนดอกบัว อย่าเปิดตา... เอาละ ลืมตาได้ ลงจากดอกบัวได้แล้ว

หยางเซิง   :  ท่านอาจารย์ครับ วันนี้ไฉนจึงพากระผมมาทางนี้ ตรงข้างหน้ามีบ่อน้ำใหญ่บ่อหนึ่ง น้ำในบ่อใสสะอาด ไร้คลื่นลม น้ำเป็นสีฟ้า และมีตัวหนังสือ ปรากฏความว่า "สระน้ำสบายใจ"

อรหันต์จี้กง   :  วันก่อนท่องนรก เนื่องจากเจ้าเป็นปุถุชนธรรมดา นันย์ตาสามัญชนจึงมองเห็นสรรพสิ่งได้น้อยมาก วันนี้อาตมาพาเจ้ามายังที่นี้ ต้องการให้เจ้าลงไปในสระน้ำ เพื่อชะล้างสิ่งราคีทำให้ตาสามัญชนกลายเป็นทิพยเนตร จึงสามารถมองทะลุปรุโปร่งในแดนนรก

หยางเซิง   :  กระผมว่าน้ำในสระใสเย็นจัดมาก และวันนี้ก็เป็นฟดูใบไม้ร่วง กระผมกลัวความเย็นเกรงจะเป็นหวัด ไม่กล้าลงอาบ

อรหันต์จี้กง   :  ท่องนรกแต่กลัวหนาว !  ผลักให้เจ้าลงไปเลย

หยางเซิง   :  ช่วยด้วย !!!! กระผมว่ายน้ำไม่เป็น อาจารย์ท่านทำให้คนตายแล้ว ! โอย.....

อรหันต์จี้กง   :  ให้เจ้าลงไปแซ่สัก 2 - 3 นาที เพื่อกระตุ้นให้ตื่นขึ้น

นายพลคุมสระ   :  นมัสการท่านอาจารย์ กระผมขอต้อนรับพระคุณท่าน เมื่อครู่นี้ท่านอาจารย์ผลักปุถุชนผู้หนึ่งลงไปในสระ มิทราบว่าท่านมีความประสงค์อันใด ?.

อรหันต์จี้กง   :  ท่านนายพลหารู้ไม่ว่า ชาวโลกทุกวันนี้ ล้วนเมามายลุ่มหลง ราคีเต็มกาย สูญสิ้นไปซึ่งวิญญาณอันผ่องใสปราดเปรื่องแห่งนิสัยดั้งเดิม วันนี้อาตมาผลักปุถุชนผู้นี้ลงไปในสระน้ำ ความหมายก็คือ ชำระล้างราคีที่เปรอะเปื้อน "มุณีจินดา" เพื่อให้แสงที่เจิดจ้าจรัสขึ้นอีกครั้งหนึ่ง           

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                               เที่ยวเมืองนรก

          ครั้งที่ 2  วันอาทิตย์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2519

                      ตอนเที่ยวสระน้ำสบายใจ

                            สู่แดนต่อแดน

                   ระหว่างมนุษย์โลกกับยมโลก

ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จปรากฏตัว ตรัสเป็นกลอนความว่า

       มณีวาว                  เดิมสถิต                  บนสวรรค์
เกิดพลาดพลั้ง                 สู่ดินดาล                  เคล้าโคลนตม
ครั้งเห็นแจ้ง                   ปลงสังขาร               ละโสมม
ปัญญาข่ม                     จิตเปี่ยมท้น              สัจธรรม     

นายพลคุมสระ   :  เช่นนี้แล้ว กระผมจะรีบช่วยกู้เขาขึ้นมาโดยด่วน มิฉะนั้นหากนานเกินควรอาจช่วยไม่ทัน

อรหันต์จี้กง   :  เร็วเข้า ! หากว่าจมลงก้นสระก็จะเกิดความยุ่งยากมาก

นายพลคุมสระ   :  ช่วยขึ้นมาแล้วครับ แต่เขาได้หยุดการหายใจไปแล้ว มิทราบว่าท่านจะช่วยเหลือแก้ไขได้ประการใด ?.

อรหันต์จี้กง   :  เรื่องเล็ก เมื่อชะล้างราคีแล้วก็ย่อมจะฟื้นคืนชีพได้ อาตมาจะใช้พัดโบกเพียงครั้งเดียวก็จะฟื้นคืนชีพมาทันที ดูอาตมาแสดงอภินิหาร.....

นายพลคุมสระ   :  ลืมตาขึ้นทั้งสองข้างแล้ว

หยางเซิง   :  ท่านอาจารย์ไฉนจึงผลักกระผมลงไปในสระ ?.

อรหันต์จี้กง   :  ชาวโลกล้วนแต่ติดนิสัยชอบให้ผลักดัน เออ..... กรุณามากแล้วนะ เหตุผลของเจ้ายังมีอีกมากมายก่ายกอง แต่อาตมาไม่มีอารมณ์ในเรื่องนี้ จึงจำเป็นต้องทำเช่นนั้น

หยางเซิง   :  ขอขอบพระคุณต่อคำสั่งสอนของท่านอาจารย์ เวลานี้กระผมมีความรู้สึกสดชื่นสบายทั่วร่างกาย ผู้ที่แต่งกายแบบนายพลคือผู้ใด ?. 

อรหันต์จี้กง   :  ท่านผู้นี้คือนายพลผู้คุมสระ มีหน้าที่ดูแลรักษาสระน้ำนี้  ผู้ที่มิได้รับคำสั่งจะลงไปอาบไม่ได้ สระน้ำนี้คือ บ่อน้ำทิพย์  นอกจากเทวดาสามแดนลงสรงได้แล้ว บุคคลอื่น ๆ ล้วนห้ามลงอาบ วันนี้เจ้ามีบุญแล้วนะ

นายพลคุมสระ   :  วันนี้ท่านอาจารย์พาปุถุชนผู้นี้มายังที่นี้มิทราบว่ามีธุระปะปังประการใด ?.

อรหันต์จี้กง   :  เพราะเหตุว่าเซี้ยเฮี้ยงตึ้ง ในเมืองไถ่ตง แห่งโลกมนุษย์ได้รับเทวโองการให้แต่งหนังสือเรื่อง "เที่ยวเมืองนรก"  ให้ฉันพาหยางเซิงผู้นี้มาท่องยมโลก เพราะเหตุยังไม่สิ้นกลิ่นไอแห่งปุถุชนยากแก่การมองทะลุปรุโปร่งในเมืองนรก ก็เลยพามาชะล้างในนัยน์ตาในสระน้ำสบายใจ เพื่อที่สะดวกในการท่องชม

นายพลคุมสระ   :  ขอประทานโทษ !  ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง

อรหันต์จี้กง   :  เวลาไม่ค่อยมี เราศิษย์อาจารย์จะรีบไปท่องเมืองนรก ลาก่อนท่านนายพล  เจ้าหยางเซิงรีบขึ้นดอกบัวเสีย

หยางเซิง   :  ขณะนี้เราจะไปทางใดครับ ท่านอาจารย์ ?.

อรหันต์จี้กง   :  ไม่ต้องถาม เมื่อถึงที่แล้วจะรู้เอง รีบปิดตาทั้งสองข้าง.....ลืมได้แล้ว ลงจากดอกบัวได้

หยางเซิง   :  ถนนสายนี้ทำไมไม่ราดยางมะตอย พายุทรายฟุ้งเต็มท้องฟ้า ทำให้เดินกะโผลกกะเผลก

อรหันต์จี้กง   :  นี้แหละคือ แดนต่อแดนระหว่างมนุษย์กับผี

หยางเซิง   :  โอ้โฮ !!  ทางโน้นมีคนมาเยอะแยะ ล้วนแต่ร้องห่มร้องไห้กระจองอแง !

อรหันต์จี้กง   :  นั่นคือวิญญาณของคนที่ตายแล้ว เพิ่งมาถึงเมืองนรก

หยางเซิง   :  ข้างหน้ามีหอสูง มีตัวอักษรว่า "แดนต่อแดนระหว่างมนุษย์โลกกับยมโลก"  ที่นี้เป็นแห่งหนตำบลใด ?.

อรหันต์จี้กง   :  นี่แหละคือ แดนต่อแดนแห่งมนุษย์โลกกับยมโลก

หยางเซิง   :  ข้างหน้ามีตึกแถวสองตึก เราไปเยี่ยมชมกันเถิด

อรหันต์จี้กง  :   ได้ รีบไปกัน

หยางเซิง   :  ตึกเหล่านี้ล้วนเขียนว่า "กรมทะเบียน"  แบ่งเป็นแผนกที่ 1  ที่  2  ประมาณสิบกว่าห้อง

อรหันต์จี้กง   :  เราไปสังสรรค์เยี่ยมชมเถิด

อธิบดีกรมทะเบียน   :  ขอต้อนรับท่านอาจารย์กับคุณหยางเซิง ผู้ทรงเอก แห่งสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้ง จากเมืองไถ่ตงที่มาเยี่ยมเยือน ในวันที่ 15 เดือน 8 ได้รับพระบรมราชโองการจากท่านเง็กเสียงอ๊วงตี่ ทราบว่าสำนักท่านจะแต่งหนังสือ "เที่ยวเมืองนรก"  และจะมาสำรวจเที่ยวชมให้ละเอียด

อรหันต์จี้กง   :  เพราะเวลาหมดลงแล้ว วันอื่นค่อยมาเยี่ยมชมกันใหม่

อธิบดีกรมทะเบียน   :  ได้ครับ เชิญขอรับ

อรหันต์จี้กง   :  เจ้าหยางเซิง เราเตรียมกลับสำนักเถิด  ออกไปขึ้นดอกบัว  ปิดตาทั้งสองข้าง   

หยางเซิง   :  ขอรับ  กระผม.....

อรหันต์จี้กง   :  ถึงสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้งแล้ว   หยางเซิงลงจากดอกบัว วิญญาณกลับเข้าสู่ร่างดังเดิม

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                     เที่ยวเมืองนรก

                 ครั้งที่ 3  วันพฤหัสบดีที่  16  กันยายน  พ.ศ. 2519

                   ตอน ท่องแดนต่อแดนระหว่างมนุษยโลกกับยมโลก

                             เยี่ยมชมหอทะเบียนเมืองนรก 

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จลงตรัสเป็นกลอน  ความว่า 

        พุทธนที                ไร้คลื่น                  ผงธุลี
ตัดราคี                          ทางสวรรค์             ที่จิตไซร้
วันเวลา                         ดั่งจรวด                เคลื่อนผ่านไป
วุ่นวายใจ                       หกทางเกิด            แสนอนาจหนอ

อรหันต์จี้กง   :  เตรียมตัวไปท่องนกกันเถอะ

หยางเซิง    :  ขอรับบัญชา  กระผมขึ้นนั่งบนดอกบัวและได้ปิดตาแล้ว

อรหันต์จี้กง   :  เริ่มเดินทางได้..... เอาละ ลงจากดอกบัวเถิด

หยางเซิง   :  ไฉนทางนี้จึงมีฝูงชนเดินกันขวักไขว่ ล้วนเป็นชาวโลก พวกเขามาที่นี่เพื่อทำการใด ?.

อรหันต์จี้กง   :  ที่นี้คือ แดนติดต่อระหว่างมนุษยโลกกับยมโลก ชนเหล่านี้ล้วนเป็นวิญญาณหลุดลอยมา กำลังจะไปรายงานตัวต่อยมโลก อย่าถามอะไรให้มากเรื่องเลย อาตมาจะพาเจ้าไปกรมทะเบียน (อธิบดี)  เจ้ามีปัญหาสงสัยอันใดก็ถามได้เลย โดยไม่ต้องเกรงใจ

อธิบดีกรมทะเบียน   :  ขอน้อมต้อนรับท่านอาจารย์กับคุณหยางเซิง เชิญข้างใน วันก่อนนี้บกพร่องในการต้อนรับ ต้องขอประทานอภัยด้วย เชิญนั่งขอรับ เนื่องจากวันก่อนนั้นเวลาจำกัด จึงไม่สามารถแจ้งหน้าที่การงานหอนี้ให้ทราบได้ มิทราบว่าท่านหยางเซิงจะมีปัญหาข้อสงสัยอันใด ?.

หยางเซิง   :  ขอทราบว่า "แดนต่อแดนมนุษย์โลกกับยมโลก" เป็นสถานที่เช่นใด ?.

อธิบดีกรมทะเบียน   :  "แดนต่อแดนมนุษยโลกกับยมโลก" สถานที่ ที่ตั้งอยู่ระหว่างกลางของมนุษยโลกกับยมโลก ค่อนข้างจะใกล้เขตยมโลก  เมื่อผู้คนในมนุษยโลกตายลง จะต้องผ่านเข้ามาทางนี้แจ้งต่อกรมทะเบียน  เพื่อเปลี่ยนแปลงทะเบียนจากมนุษยโลกเข้าไว้ที่นี่ เมื่อลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว ผู้ที่ได้สร้างบุญกุศล ก็จะมีกุศลเทพนำพาเข้าไปเยี่ยมชมเมืองนรก  หากเป็นผู้ไร้บุญกุศลก็มีภูตผี "ขาวดำ"  สองตนคุมตัวส่งเข้าไปในประตูผี มอบให้ขุที่หนึ่งชำระโทษต่อไป

หยางเซิง   :  คนในมนุษย์โลกที่แท้ มีทะเบียนบ้านกี่แห่ง ?.

อธิบดีกรมทะเบียน   :  คน ๆ หนึ่งมีสามทะเบียน
"ทะเบียนเดิม"    อยู่บนสวรรค์ ซึ่งเป็นศูนย์รวมถือปฏิสนธิแห่งวิญญาณเดิม  นับได้ว่าเป็นทะเบียนแท้   
"ทะเบียนฝาก"   ปรากฏอยู่ในมนุษยโลก
"ทะเบียนแยก"   เก็บไว้ในแดนนรก

        ฉะนั้น เมื่อคนตายลงแล้ว  ผู้ที่ตอนมีชีวิตอยู่ไม่ได้บุญกุศลก็ถือว่าสู่นรก จึงไม่ใช่ว่าขึ้นสวรรค์  แดนนรกนั้นก็คือคุกตะรางของมนุษยโลก เป็นสถานที่ลงโทษทัณฑ์ผู้มีความผิด ซึ่งไม่ใช่บ้านเดิมของชาวโลก เมื่อเป็นเช่นนี้ผู้คนต้องประพฤติธรรมบำเพ็ญศีล เพื่อมุ่งที่จะกลับคืนสู่สวรรค์บ้านเมืองเดิมของตน

หยางเซิง   :  คนในเมืองมนุษย์ตายลง มักจะเห็นว่าลูกหลานของผู้ตาย เผากระดาษเงินกระดาษทองที่ปลายเท้าผู้ตาย มีความหมายประการใด ?.

อธิบดีกรมทะเบียน   :  เมื่อวิญญาณของผู้คนหลุดพ้นออกจากร่างกาย ในขณะนั้น คล้ายกับละเมอเพ้อฝัน เวิ้งว้างหวิวหวือ ไม่สามารถประคองตนเอง แม้ว่าจะมียมทูตนำทาง แต่ทายาททางแดนมนุษย์เกรงว่าบรรพบุรุษจะลำบากในการท่องเดินทางที่มืดมนในยมโลก  จึงได้เผากระดาษเงินกระดาษทอง เพื่อเป็นค่าเบิกทาง  จุดตะเกียงส่องแสงเพื่อให้เดินได้สะดวก  นับได้ว่ามีความกตัญญูน่าสรรเสริญมาก และมีความคิดที่รอบคอบ แต่ทางนรกไม่ต้องการค่าผ่านทาง จึงผ่านไปได้เอง หากว่าตอนมีชีวิตอยู่เป็นคนใจดำอำมหิต เพียงจะอาศัยตะเกียงดวงสองดวง ก็ไม่สามารถจะช่วยอะไรได้

หยางเซิง   :  ปัจจุบันวิทยาศาสตร์เจริญมาก ระดับการครองชีพก็สูงขึ้น  บางรายเมื่อบรรพชนตายลง ลูกหลานก็ใช้กระดาษตบแต่งก่อเป็นตึกรามบ้านช่องหรือทำเป็นทีวีสี  พัดลม  รถเก๋ง  โซฟาร์  เตียงสปริงต่าง ๆ ล้วนเป็นอุปกรณ์ชั้นสูง เพื่อมอบให้บรรพบุรุษผู้ล่วงลับนำไปใช้สอย  มิทราบว่าของเหล่านี้นำไปใช้ในแดนนรกได้หรือไม่ ?.           

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                      เที่ยวเมืองนรก

                 ครั้งที่ 3  วันพฤหัสบดีที่  16  กันยายน  พ.ศ. 2519

                   ตอน ท่องแดนต่อแดนระหว่างมนุษยโลกกับยมโลก

                             เยี่ยมชมหอทะเบียนเมืองนรก 

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จลงตรัสเป็นกลอน  ความว่า 

        พุทธนที                ไร้คลื่น                  ผงธุลี
ตัดราคี                          ทางสวรรค์             ที่จิตไซร้
วันเวลา                         ดั่งจรวด                เคลื่อนผ่านไป
วุ่นวายใจ                       หกทางเกิด            แสนอนาจหนอ

อธิบดีกรมทะเบียน   :  ความคิดของมนุษย์โง่เง่าสิ้นดี  ไร้เดียงสาเสียจริง ๆ  ระหว่างที่มีชีวิตอยู่ยังมิได้มีใบอนุญาตขับขี่ เมื่อมาเมืองนรกซึ่งมีถนนหนทางคับแคบ แม้จะใช้เดินก็ยังยาก หากจะขับรถก็คงเกิดอุบัติเหตุเป็นแน่ และเมืองนรกก็ไม่มีปั้มน้ำมัน ดังนั้น รถเก๋งในที่นี้จึงไม่เหมาะที่จะใช้  พูดถึงพัดลม  เตียงสปริง อื่น ๆ  ทางที่ดีที่สุดคือ ใช้ในเมืองมนุษย์  ทางนรกได้เตรียมเตียงไม้ไว้คอยต้อนรับพวกวิญญาณบาปอยู่แล้ว ยังคิดจะเสพสุขด้วยหรือ ?. ผู้ก่อกรรมทำเข็ญลุ่มหลงมัวเมา พอหลุดเข้ามายมโลก ต้องตกเข้าไปในคุกนรก  จะสะดวกสะบายได้อย่างไร ?.  ชาวโลกจะเพ้อฝันเกินไปเสียแล้ว

หยางเซิง   :  ท่านอาจารย์ครับ  ท่านำกระผมท่องนรกในวันก่อน ครั้งแรกได้พบเห็น  "ภูเขาขั้วหัวใจ"  ไฉนวันนี้ ก็เป็นแดนต่อแดนระหว่างมนุษยโลกกับยมโลก  ทำให้กระผมรู้สึกสับสนงงงัน ! 

อรหันต์จี้กง   :  เจ้าตามข้าฯไป  ข้าฯจะอธิบายชี้แจงให้เจ้าเข้าใจ  ท่านอธิบดีฯ  เราศิษย์ - อาจารย์  ขอลาก่อน 

อธิบดีกรมทะเบียน   :  หากมีสิ่งใดขาดตกบกพร่อง ขอได้โปรดประทานอภัยด้วย

อรหันต์จี้กง   :  ไม่ต้องเกรงใจ

หยางเซิง   :  ขอขอบพระคุณท่านอธิบดี ฯ มาก ๆ  ที่ได้ชี้แจงอธิบาย เราสองคนขอลาก่อน  ท่านอาจารย์ครับ  เมื่อกี้ท่านว่าจะเล่าเรื่อง  "ภูเขาขั้วหัวใจ" กับ  "แดนต่อแดนมนุษยโลกกับยมโลก"  ขอได้เร่งเล่าให้ทราบด้วย

อรหันต์จี้กง   :  ที่นี่แหละ คือสถานที่พาเจ้ามาเมื่อวันวาน 

หยางเซิง   :  โอ !! อักษร  "ภูเขาขั้วหัวใจ"  เจิดจ้าอยู่ตรงหน้า  สภาพของแดนต่อมนุษย์ - ยมโลกหายไปในทันใดเสียแล้ว

อรหันต์จี้กง   :  "ภูเขาขั้วหัวใจ"  ก็คือ แดนต่อแดน  ถ้าหากผู้คนก่อกรรมทำเข็ญ เมื่อสิ้นลมถูกทูตผี  "ขาวดำ"  สองตนคุมตัวมายังที่นี้ เพราะวิญญาณเดิมไม่สะอาดหมดจด  เมื่อพบแสงอันเจิดจ้าบนยอดเขานัยน์ตาเบิกยาก ก็จะพลัดร่วงตกลงไปในถ้ำลึกไม่มีที่สิ้นสุด  ที่อยู่ข้าง  "ภูเขาขั้วหัวใจ"  ถ้ำนี้ทะลุไปยัง  "แดนต่อแดนมนุษยโลกกับยมโลก"  หากว่าผู้บำเพ็ญธรรมสร้างบุญกุศลมหาศาล เมื่อสำเร็จในการบำเพ็ญแล้ว ดวงวิญญาณผ่านมาทางนี้  บนภูเขาจะปรากฏหนทางที่จะขึ้นสู่สวรรค์ มีแสงทองแพรวพราวสว่างไสวขึ้นมาทันที  แล้วกุมารทองกับนางฟ้า จะมาต้อนรับนำขึ้นสู่สวรรค์  ถ้าว่าผู้ประกอบบุญ ขนาดรองลงมา  หรือมีบุญกุศลน้อยก็จะพบหนทางกว้างสองวาอยู่ข้างภูเขา  โดยมีกุมารเทพนำรายงานตัวต่อเขตแดนมนุษย์ - ยมโลก แล้วจึงเข้าไปยังเมืองนรก  มอบให้ยมบาลสอบสวนเรื่องบุญบาป  จากนั้นก็พาเข้าไปที่ชุมนุมแดนกุศล  มอบให้เทวดารู้มีส่วนบุญติดต่อกัน รับตัวกลับไปยังแดนสวรรค์ต่าง ๆ เพื่อฝึกฝนบำเพ็ญธรรมดาต่อไป  วันนี้เวลาหมดลงแล้ว เราเตรียมกลับกันเถอะ 

หยางเซิง   :  ขอรับบัญชา  นั่งบนดอกบัวเรียบร้อยแล้ว.....

อรหันต์จี้กง   :  ถึงสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้งแล้ว   หยางเซิงลงจากดอกบัว วิญญาณกลับเข้าสู่ร่างดังเดิม   

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                     เที่ยวเมืองนรก

                   ครั้งที่ 4  วันอาทิตย์ที่ 19 กันยายน  พ.ศ. 2519

                         ตอน ผ่านประตูผีรับฟังการบรรยายธรรม

                                   เรื่อง รวมทุกศาสนา 

ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จปรากฏกายตรัสเป็นกลอนความว่า  : 

        หมู่มวลเทพ                  มีน้ำจิต                  คิดสงสาร
ทิพย์อาสน์                           มิทันนั่ง                 สู่โลกดึก
ใบไม้ร่วง                            ลมหนาวเหน็บ          บ่รู้สึก
ในส่วนลึก                           ร้อนระอุ                  ห่วงประชา   

อรหันต์จี้กง   :  เตรียมท่องนรก  เจ้าหยางเซิงรีบขึ้นดอกบัวเร็ว

หยางเซิง   :  น้อมรับคำบัญชา นั่งเรียบร้อยแล้ว เริ่มเดินทางได้

อรหันต์จี้กง   :  ถึงแล้ว  รีบลงจากดอกบัวเสีย

หยางเซิง   :  ข้างหน้ามีประตูเมือง ๆ หนึ่ง ด้านบนมีตัวอักษรสามตัวเขียนไว้ว่า  "ประตูผี"  ที่แท้ประตูผีอยู่ที่นี่เอง แต่เหตุใดประตูเมืองจึงไม่เปิด แต่ได้ยินเสียงฝูงชนภายในร้องดังกระจองอแงสนั่นดังมาก

อรหันต์จี้กง   :  แต่ไหนแต่ไรมาประตูผีไม่เคยเปิดออก ชาวโลกล้วนบุกรุกเข้ามาเอง ข้า ฯ จะใช้พัดโบกทีเดียวก็จะเปิดออกเอง

หยางเซิง   :  ศักดิ์สิทธิ์จริง ๆ ท่านอาจารย์เพียงโบกเบา ๆ เท่านั้น ประตูผิเปิดอ้าออกทันที แต่คนตายไม่มีพัดศักดิ์สิทธิ์ จะเข้าประตูผีได้อย่างไร ?.

อรหันต์จี้กง   :  คนตายแล้วกลายเป็นผีซึ่งสิ้นสุดในทางของมนุษยโลก ประตูผิีก็เปิดเป็นระบบธรรมชาติของโลกและเมืองนรกแยบยลมาก เดินเร็วเข้า  ข้าฯ จะพาเจ้าไปเยี่ยมชมสถานที่ที่หนึ่ง อย่าได้เอาใจใส่ต่อสิ่งไร้สาระเลย

หยางเซิง   :  ขอน้อมรับคำบัญชา แต่ภายในประตูผีฝูงชนมากมายเช่นนี้  เสมือนหนึ่งในตลาดสด มิทราบว่าพวกนั้นจะมุ่งไปแห่งใด?.

อรหันต์จี้กง   :  วิญญาณผีเหล่านี้มุ่งไปรับการพิจารณาโทษ จากสิบขุมนรก  ยมทูตต่างก็ทำหน้าที่นำทางไป วันนี้เราจะไม่เยี่ยมชมสิ่งเหล่านี้ รีบเดินตามข้า ฯ มาเถิด

หยางเซิง   :  ขอรับ กระผม  หนทางนี่ขรุขระกันดารมาก จะไปทางใดเล่า ?.

อรหันต์จี้กง   :  เดินอีกสองลี้  เจ้าก็จะได้รู้ทุกอย่าง

หยางเซิง   :  ผู้ที่เดินอยู่ข้างหน้าเรานั้น เหตุใดจึงถูกยมทูตนำตัวคืบหน้าไป ?.

อรหันต์จี้กง   :  ชนผู้นั้นคือ ผู้บำเพ็ญธรรมแห่งนิกายทรงเจ้า ตอนอยู่ในแดนมนุษย์ไม่สามารถบรรลุธรรมที่แท้จริง เที่ยวบริภาษศาสนาอื่น ๆ ดังนั้นเมื่อตายลงแล้วต้องได้รับการลงโทษยังเมืองนรก

หยางเซิง   :  ตรงหน้ามีหอสูง มีตัวอักษรเขียนไว้ว่า  "รวมทุกศาสนา"  นั้นเป็นแห่งหนตำบลใด ?.

อรหันต์จี้กง   :  ก็คือที่นี่แหละ  เพราะทุกวันนี้มีศาสนามากมาย และนิกายต่าง ๆ ก็ล้วนแต่เปล่งปลั่งจรัสแสงพวกลูกศิษย์ ไม่บรรลุธรรมที่แท้จริง ต่างโจมตีกันและกัน เลยทำให้สูญเสียซึ่งความหมายของการบำเพ็ญธรรม ประพฤติผิดในเรื่องวจีกรรม เมื่อตายแล้วก็ต้องตกเข้าสำนักธรรม  "รวมทุกศาสนา"  เพื่ออบรมบำเพ็ญธรรมอีกครั้งหนึ่ง  ข้างหน้าท่านอาจารย์มาแล้ว เจ้ารีบเข้าไปกราบนมัสการเร็ว

หยางเซิง   :  กระผม  ขอกราบนมัสการท่านอาจารย์ทั้งหลาย

ศาสนาจารย์   :  ยินต้อนรับท่านจี้กงและหยางเซิงผู้ทรงเอกแห่งสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้ง  เราได้รับคำบัญชาให้ต้อนรับท่านอยู่แล้ว เชิญลุกขึ้นเถิด อย่าได้มีพิธีมากนักเลย

อรหันต์จี้กง   :  อาตมาพาหยางเซิงมายังที่นี่ในวันนี้ ขอให้ท่านศาสดาจารย์ได้โปรดพาเยี่ยมชมและให้การชี้แจงอธิบายด้วย

ศาสนาจารย์   :  ไม่ต้องเกรงใจ เชิญตามันเข้ามายังห้องประชุม เชิญท่านทั้งสองนั่งตามสบาย

หยางเซิง   :  "รวมทุกศาสนา"  มีความหมายมากมายจริงจัง แต่กระผมไม่ทราบรายละเอียด ขอท่านได้โปรดอธิบายชี้แจงด้วยเถิด

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                      เที่ยวเมืองนรก

                   ครั้งที่ 4  วันอาทิตย์ที่ 19 กันยายน  พ.ศ. 2519

                         ตอน ผ่านประตูผีรับฟังการบรรยายธรรม

                                   เรื่อง รวมทุกศาสนา 

ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จปรากฏกายตรัสเป็นกลอนความว่า  : 

        หมู่มวลเทพ                  มีน้ำจิต                  คิดสงสาร
ทิพย์อาสน์                           มิทันนั่ง                 สู่โลกดึก
ใบไม้ร่วง                            ลมหนาวเหน็บ          บ่รู้สึก
ในส่วนลึก                           ร้อนระอุ                  ห่วงประชา   

ศาสนาจารย์   :  โลกปัจุจับันนี้มีศานาใหญ่อยู่ห้าศาสนา คือ ศาสนาขงจื้อ  ศาสนาเต๋า  ศาสนาพุทธ  ศาสนาคริสต์  และศานสาอิสลาม  เรียกว่าศาสนาดั้งเดิมถ่องแท้ แต่ทั้งห้าศาสนตร์เดิมเกิดจาก  "เต๋า"  ในบุพกาลนั้นไม่มีคำว่าศาสนา  ต่อเมือ่สวรรค์ได้ดปรดนักปราชญ์เมธีชน ให้ไปสู่มนุษยโลกยังประเทศต่าง ๆ ปรพกาศธรรมแทนสวรรค์ สั่งสอนให้มนุษย์ปฏิบัติกฏแห่งสวรรค์และอยู่ในทางธรรมเพื่อที่มวลมนุษย์จะได้คืนสู่ดั้งเดิม ซึ่งเป็นที่มาของวิญญาณ  หากแต่ละศาสนาจารย์ เมื่อวายปราณหรือนิพพานแล้ว สาวกทั้งหลายมีความคิดเห็นแตกต่างกันแยกออกเป็นคนละทาง กลายเป็นต่อต้านซึ่งกันและกัน ไม่บรรลุถึงคำว่าทะเลเป็นที่รวมของแม่น้ำลำธาร และแต่ละศาสตร์ล้วนเป็นเผ่าเดียวกันแต่เดิม ต่างตั้งนิกายของตนไม่ยอมลงกับใครอวดอ้างตนเองเลิศล้ำสูงส่ง ศาสตร์อื่นต่ำต้อย ดังนั้น เมื่อตายแล้ววิญญาณไม่สามารถหลุดพ้นจากชะตากรรม เลยตกมายังที่นี่  "เง๊กเสียงอ๊วงตี่"  ไม่อาจเห็นมวลชนตกจ่ำลุ่มหลง จึงได้โปรดให้จัดตั้ง  "รวมทุกศาสนา"  คือทุกศาสนาคืนสู่ต้นสังกัดหรือรวมทุกศาสนา เพื่อสั่งสอนอบรมบำเพ็ญธรรมที่หลงใหลให้บรรลุธรรมที่แท้จริง แล้วจึงได้ขึ้นสู่สวรรค์

อรหันต์จี้กง   :  ท่านศาสนาจารย์พูดถูก  แต่เจ้าหยางเซิงยังไม่สามารถเข้าใจถึงความละเอียดอ่อน สู้นำพาไปเยี่ยมชมถึงสถานที่ไม่ได้ ดังที่สุภาษิตกล่าวว่า  "ได้ยินร้อยครั้งก็ไม่เท่ากับตาเห็นครั้งเดียว"

ศาสนาจารย์   :  ก็ได้  ตามฉันมาเถิด

หยางเซิง   :  ห้องโถงนี้มีเนื้อที่หลายร้อยไร่ ข้างในดูคล้ายกับวัดโบสถ์  มีคนหลายหมื่นนั่งเต็มไปหมด มีทุกชาติทุกภาษา ด้วยประหนึ่งว่ากำลังเตรียมตัวเข้าเรียนในโรงเรียน

ศาสนาจารย์   :  ใช่แล้ว  กำลังเตรียมตัวเข้าเรียน ท่านทั้งสองตามข้าฯ ไปข้างหน้า นั่งที่ของแขกผู้มีเกียรติฟังการแสดงธรรม

หยางเซิง   :  ยากที่ในโลกมนุษย์จะพบเห็นสภาพการณือันยิ่งใหญ่มโหฬารแบบนี้ บนกระดานดำข้างหน้ามีตัวอักษรว่า  "รวมทุกศาสนา"  มึครูหัวโล้นผู้หนึ่งแต่งกายคล้ายสงฆ์  ทุกคนลุกขึ้นทำความคารวะ แล้วนั่งลง

ครู   :  วันนี้ หยางเซิงแห่งสำนักเซี่ยเฮี้ยงตึ้งเมืองไถ่ตง เมืองมนุษย์ได้มาร่วมการประชุม  ขอให้ปรบมือแสดงความยินดีต้อนรับ

หยางเซิง   :  ท่านอาจารย์ครับ !  ชนต่างชาติต่างภาษาเหล่านี้ ไฉนจึงสามารถฟังเข้าใจในภาษาจีน ?.

 

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                      เที่ยวเมืองนรก

                   ครั้งที่ 4  วันอาทิตย์ที่ 19 กันยายน  พ.ศ. 2519

                         ตอน ผ่านประตูผีรับฟังการบรรยายธรรม

                                   เรื่อง รวมทุกศาสนา 

ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จปรากฏกายตรัสเป็นกลอนความว่า  : 

        หมู่มวลเทพ                  มีน้ำจิต                  คิดสงสาร
ทิพย์อาสน์                           มิทันนั่ง                 สู่โลกดึก
ใบไม้ร่วง                            ลมหนาวเหน็บ          บ่รู้สึก
ในส่วนลึก                           ร้อนระอุ                  ห่วงประชา   

อรหันต์จี้กง   :  ในโลกใหญ่ไพศาลนี้ แม้ว่าต่างชาติต่างภาษากัน แต่ที่นับถือก็ไม่พ้นจากที่ที่พึ่งทางใจ และก็ทุกคนมีความคิดที่ตรงกันด้วย เมื่อตายลงแล้ววิญญาณเดิมก็ผ่องแผ้วเปล่งปลั่ง จึงไม่แบ่งแยกชาติภาษาในเรื่องของใจ เปรียบเสมือนฟ้าร้องทุกคน ทุกชาติ ทุกภาษาล้วนตระหนักดีว่าฝนจะตก บัดนี้ได้ยินเสียงท่านครูผู้สอนจึงทราบถึงความหมายดังที่พระพุทธท่านตรัสว่า  "พระพุทธเจ้าแสดงธรรมด้วยภาษาเดียว แต่มวลมนุษย์ต่างก็เข้าใจได้"  อย่าถามมากนักเลย ฟังท่านอาจารย์แสดงธรรมเถิด

ครู   :  มนุษย์นั้นแม้ว่าจะอยู่เป็นหมื่นจำพวก แต่ก็มีความนึกคิดเป็นอันเดียวกัน เมื่อมีชีวิตอยู่ต่างอยู่คนละทาง เมื่อตายลงแล้วก็รวมอยู่ที่เดียวกัน มวลมนุษย์ของโลกถึงผิวพรรณจะแตกต่างกัน แต่เมื่อมีความหิวโหยก็รู้จักหากิน กลางคืนรู้จักหลับนอน ปกคลุมด้วยฟ้าและอาศัยอยู่บนดิน ต่างอาบด้วยแสงตะวันและแสงเดือน ชุ่มชะโลมด้วยน้ำทิพย์จากฟากฟ้า นับได้ว่าต่างคนต่างได้รับความเมตตาปราณีจากสวรรค์ด้วยน้ำหนึ่งใจเดียวกัน หากแต่เหตุที่นับถือในศาสนาแตกต่างกัน จึงเกิดการโจมตีกันซึ่งกันและกัน โดยกล่าวว่าพวกตนสามารถขึ้นสู่สวรรค์ ศาสนาอื่นต้องตกนรก  ทำเอาสวรรค์ที่กลมกลืนผ่องแผ้วมาแต่ดั้งเดิมนั้น สร้างเป็นห้องหอบนอากาศ  และจองจำตนเองอยู่ในนั้นเปรียบเสมือนว่าเข้าไปอยู่ในกรงนกที่แขวนไว้กลางเวหาและผยองยิ้มว่าตนเองนั้นสูงส่งยิ่งนัก โดยหาใครเสมอเหมือนได้ไม่ คึกคนองปลื้มใจส่งเสียงหวีดร้อง นี้แหละคือนรกในสวรรค์  นักโทษของสวรรค์ล้วนเป็นแกะ ที่กำลังรอความช่วยเหลือ โดยมิใช่ผู้ที่ได้รับการช่วยเหลือจากพวกเจ้าทั้งหลาย  เมื่ออยู่แดนมนุษย์พร่ำรำพึงว่าจะขึ้นสวรรค์ แต่ว่าบัดนี้กลับตกลงมาอยู่ในนรก พวกท่านตกถึงนรกในวันนี้ เป็นรูปร่างกายหรือรูปร่างนั้นมีผิวดำ  ขาว  เหลือง  นุ่งห่มเสื้อผ้าอาภรณ์ด้วยสีแดงเหลืองเขียวและเสื้อดอก  แต่ว่าใจที่ดั้งเดิมนั้นไม่สามารถจะระบายด้วยสีสัน หากว่าเกิดมีนิสัยกีดกัน ขาดจิตใจที่ร่วมบำเพ็ญธรรม แล้วความโอบอ้อมอารีเมตตาธรรมนั้นจะเกิดขึ้นได้อย่างไร ?. แสงฟ้าแสงจันทร์ฉายส่องผู้คนทั้งบุญทั้งบาป มาแต่โบราณจนถึงปัจจุบัน ก็ไม่เคยที่จะลำเอียงผู้ใด ดังนั้น ท่านจึงฉายแสงเจิดจ้าตลอดกาลหอมฟุ้งไปนับหมื่นนับแสนปี พวกท่านก็ควรสำนึกให้ตนเองอย่าเกิดความรังเกียจ ขณะนี้อยู่ในกาละที่ธรรมปกคลุมแพร่ขยาย ทุกศาสนากลับคืนต้นสังกัดเดิม (หรือเรียกว่ารวมศาสตร์)  คืนสู่สังกัดเดิมก็คือคืนสู่จิตใจ ทุกคนมีใจสมัครสมานเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อกัน เพื่อช่วยเหลือกัน ซึ่งกันและกัน แต่ละศาสตร์ควรเปิดประตูรับผู้ที่มีบุญตามที่ตนสร้างไว้ แม้ว่าตัวศาสนาจารย์จะไม่ใช่คนเดียวกัน แต่จิตใจความมุ่งหมายนั้นตรงกัน  คือหวังให้มวลมนุษย์พร้อมรวมกันไปสู่ทางธรรมะ สร้างโลกมนุษย์ที่วุ่นวายเหลวแหลกให้เป็นอาณาจักรแห่งปทุมโลก ศาสนาจารย์ท่านช่วยจิตใจและวิญญาณของมนุษย์ รูปร่างตัวตนธรรมดาท่านช่วยไม่ได้ ดังนั้น จึงปรากฏความจริงแท้ภายในส่วนลึกของจิตใจ จะช่วยปลดเปลื้องให้สบายใจขึ้นก็ด้วยเหตุนี้เอง จึงสามารถบรรลุถึงขั้นโลกุตรธรรม และทุกผู้ทุกนามสามารถบรรลุอรหันต์หรือเทวดา  สำเร็จเป็นปราชญ์เป็นเทวดา หากตรงกันข้ามกับทางนี้ก็จะต้องตกลงนรกกลับไปสู่ทางเวียนว่ายตายเกิดอีกครั้ง

อรหันต์จี้กง   :  เวลาหมดลงแล้ว ขอลาท่านศาสนาจารย์ โอกาสหน้าจะได้มาเยี่ยมใหม่ เจ้าหยางเซิงรีบคำนับลาท่าน เร็ว

หยางเซิง   :  ท่านศาสนาจารย์ กระผมมีความสงสัยเป็นอย่างยิ่ง เพราะเวลาหมดลง จะต้องรีบกลับคืนไปยังสำนัก ขออภัยในการออกจากที่ประชุมโดยมิทันสิ้นสุด เสียมารยาทมาก

ศาสนาจารย์   :  หาเป็นไรมิได้ เราทั้งหลายพร้อมที่จะส่งท่านกลับ

อรหันต์จี้กง   :  เจ้ารีบขึ้นบนดอกบัวเร็ว ฟังธรรมวันนี้มีความรู้สึกประการใดบ้าง ?.

หยางเซิง   :  ครูผู้นั้นพูดเข้าทีมีเหตุผลมาก ทุกวันนี้แต่ละศาสนาต่างต่อต้านกัน  ตนเป็นผู้ค้าแตง ก็คุยอวดว่าแตงของตนหวาน ถ้าหากว่าคนในโลกมนุษย์จะพูดว่าท่านลองมารับประทานดูเถิด เช่นเดียวกับคนดื่มน้ำร้อน หรือน้ำเย็นย่อมรู้แก่ใจตนเอง ชั่วดีฉันใดให้ผู้ซื้อวิจารณ์เอาเองเห็นจะยุติธรรมมากกว่านั่นคือความรู้สึกที่แท้จริง

อรหันต์จี้กง   :  มนุษย์ล้วนแล้วแต่ดื้อรั้นไม่คมคายนั่นแหละยากที่จะขึ้นสวรรค์ได้ นักปราชญ์อรหันต์เทวดาทั้งหลายล้วนประกาศธรรมแทนสวรรค์ มีความเที่ยงธรรมที่แท้จริง  หากว่าชาติหน้าเจ้าได้ไปเกิดที่ต่างประเทศ เจ้าจะเลื่อมใสนับถือศาสนาของประเทศนั้น ๆ แม้จะเป็นเช่นนี้ อาตมาก็จะต้องช่วยชักนำเจ้าให้พ้นจากทางหลงใหล มิฉะนั้น อาตมาจะสำเร็จเป็นอรหันต์ได้อย่างไรเล่า ?. แม้ทางเดินเป็นทางแคบและลำเอียง อาตมาหวังให้มวลมนุษย์แสดงความมีสาธารณจิต ใจสลัดทิ้งซึ่งความนึกคิดเห็นแก่ตัว  มิฉะนั้นแล้วสวรรค์ของเจ้าก็จะมีเนื้อที่ก้าง 5 ฟุต ไม่สามารถบรรลุรับชนทั่วทั้งโลก เอาละ เซี้ยเฮี้ยงตึ้งถึงแล้ว  หยางเซิงลงจากดอกบัว  วิญญาณกลับเข้าร่างดังเดิม