collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: ท่องนรก  (อ่าน 72309 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                               เที่ยวเมืองนรก

              ครั้งที่ 19  วันเสาร์ที่  8  มกราคม  พ.ศ. 2520

                  ตอน ท่องตำหนักวิญญาณสัตว์สี่ชีวิตคืนชีพ

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จปรากฏกาย ตรัสเป็นกลอน มีความว่า   :

        หัวมีเขา        ตัวมีขน        อมนุษย์
กรรมอุดหนุน          นำเกิด         ก่อหนทาง
สรรพสัตว์              หมุนตามกฏ   สวรรค์ร่าง
สัตว์สี่อย่าง            ฝ่าฝืนธรรม    ไร้เมตตา

อรหันต์จี้กง   :  วันนี้เตรียมท่องนรก เจ้าหยางเซิงรีบตามฉันขึ้นบนดอกบัวเร็ว

หยางเซิง   :  ขอรับคำบัญชา  มิทราบว่าวันนี้จะท่องไปในทางใด ?.

อรหันต์จี้กง   :  ที่จะท่องในวันนี้ผิดกับวันก่อน ๆ เป็นอย่างมาก จะมีภาพวิวทิวทัศน์อีกแบบหนึ่ง จงตั้งใจตั้งสติให้ดี ๆ อย่าได้หวาดหวั่น จนต้องกระทบงานแต่งหนังสือเลย

หยางเซิง   :  ขอรับกระผม  กระผมได้นั่งบนดอกบัวแล้ว เชิญท่านอาจารย์เริ่มเดินทางได้ ... เอ๊ะ !.  ไฉนเบื้องล่างมีแสงทองส่องระยิบระยับ บนศรีษะของผู้คนในบ้านก็เกิดมีรัศมีพุ่งขึ้นสู่อากาศ

อรหันต์จี้กง   :  ใครใช้ให้เจ้ารีบลืมตาเล่า ?.  อันนี้แหละ คือรัศมีธรรมที่สำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้งเปล่งบานออก และเรานั่งอยู่บนดอกบัวลอยกลางอากาศ เพราะเหตุว่าเทวดาทั้งหลายที่คุ้มครองศิษยานุศิษย์ที่ตั้งจิตสมาธิอยู่ในสำนักนั้น เมื่อธาตุลับ ธาตุแจ้ง 2 สิ่งมาบรรจบรวมกันเข้าในจุดกลาง จึงเปล่งรัศมีออกโดยปริยาย นั่นคือผลแห่งการตั้งใจมั่นคงปฏิบัติธรรมของศิษย์ทั้งหลายหล่ะ

หยางเซิง   :  ขอเรียนถามท่านอาจารย์ว่า รัศมีบนศรีษะของผู้ร่วมบำเพ็ญทั้งหลายในสำนักจะคงอยู่โดยไม่เปปลี่ยนแปลงหรือไฉน ?. 

อรหันต์จี้กง   :  บรรดาผู้ที่ออกจากสำนักแล้ว จิตใจในธรรมไม่เสื่อมคลาย ขยันหมั่นเพียรในการบำเพ็ญธรรม แสงรัศมีจะยิ่งเข้มขึ้น ยิ่งโชติช่วงรุ่งเรือง หากว่าออกจากสำนักไปแล้ว จิตใจธรรมเสื่อมลง โดยทำตามใจตน แอบทำอกุศล รัศมีนั้นจะกลับมืดลงหมดแสงรุ่งโรจน์ เนื่องจากอยู่ในสำนักผู้ศักดิ์สิทธิ์แห่ง 3 แดน จุติสถิตลง รัศมีแห่งธรรมก็เจิดจ้าโชติช่วงเป็นพิเศษ ดังนั้นถ้ามนุษย์ได้เข้าใกล้ชิดผู้ทรงธรรมหรือเข้าวัดโบสถ์เสมอ ๆ ปีศาจยักษ์มารภายนอกก็ไม่กล้ามารุกรานทำร้าย เมื่อออกจากสำนักแล้วหากทำความชั่วร้ายเสื่อมศีลธรรม  แสงแห่งดวงจิตก็จะดับลงทันทีทันใด ภูติผีนั้นกลัวความสว่างชอบความมืด ดังนั้นจึงง่ายที่จะสิงสู่ในกายมนุษย์ เหมือนกับเมื่อแสงรุ่งอรุณเริ่มส่อง ผีก็ถอยร่นไปชาวโลกตระหนักระวังให้ดี เจ้าหยางเซิงรีบปิดตาเร็ว เพื่อไปท่องชมเมืองนรก

หยางเซิง   :  ขอรับกระผม  ได้ปิดตาทั้งสองข้างแล้ว เชิญท่านอาจารย์รีบเดินทางได้ .....

อรหันต์จี้กง   :  ... ถึงแล้วละ เจ้าจงรีบลงเสีย

หยางเซิง   :  ไฉนเบื้องหน้าจึงมีสัตว์พวกเป็ดไก่นกกา ชุมนุมมุ่งเดินทางไปข้างหน้าตามทางเล็กนี้เล่า ?.

อรหันต์จี้กง   :  นี่แหละคือหนทางสัตว์สี่ชนิด  เมื่อตายลงแล้วกลับคืนสู่นรกละ

หยางเซิง   :  วันก่อนมาที่นี่ เหตุใดจึงมองไม่เห็น สภาพการณ์เช่นนี้ ?.

อรหันต์จี้กง   :  ก็เพราะว่าเจ้าเป็นปุถุชน ฉันเกรงว่าเจ้าจะรู้อะไรมากเกินไป จะทำให้จิตใจหวั่นไหว จึงใช้ฤทธิ์เดชนิดหน่อยใช้ "เดชพลางตา"  ปิดบังสภาพจริงของทางสัตว์สี่ชนิดที่กลับคืนสู่นรก

หยางเซิง   :  ที่แท้ท่านอาจารย์เล่นกลใน 3 ภพเสียแล้ว พวกสัตว์เหล่านี้สู่แดนนรกแล้ว ทำไมจึงต้องตกใจร้องวิ่งพล่าน ราวกับว่าถูกคนไล่ต้อนฉันนั้น ?.

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                             เที่ยวเมืองนรก

              ครั้งที่ 19  วันเสาร์ที่  8  มกราคม  พ.ศ. 2520

                  ตอน ท่องตำหนักวิญญาณสัตว์สี่ชีวิตคืนชีพ

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จปรากฏกาย ตรัสเป็นกลอน มีความว่า   :

        หัวมีเขา        ตัวมีขน        อมนุษย์
กรรมอุดหนุน          นำเกิด         ก่อหนทาง
สรรพสัตว์              หมุนตามกฏ   สวรรค์ร่าง
สัตว์สี่อย่าง            ฝ่าฝืนธรรม    ไร้เมตตา

อรหันต์จี้กง   :  พวกสัตว์สี่ชนิดเหล่านี้เมื่อไปเกิดในแดนมนุษย์ ตอนที่ตายนั้นส่วนมากถูกฆ่าตาย ดังนั้นมันจึงหวาดกลัวแตกตื่น พอหมดธาตุแจ้งลงมาก็ถูกธาตุมืดดูดดึงเข้าไป แต่ละตนต้องกลับคืนสู่นรก เพื่อเสร็จสิ้นเวรเหตุแห่งกรรมใน 3 ชาติแล้ว สัตว์สี่ชนิดมีเวรกรรมหนักหน่อย ดวงวิญญาณมืดมัว พลกำลังอ่อนแอ เวลาตายลงไม่ต้องให้ยมทูตคุมส่ง ถูกธาตุธรณีดูดคืนโดยธรรมชาติอันนี้ ชนชาวโลกส่วนมากยังไม่เข้าใจ

หยางเซิง   :  จริงครับ เป็นเรื่องที่เพิ่งได้ยินในชีวิตนี้เป็นครั้งแรก เราจะเดินไปข้างหน้าหรือครับ

อรหันต์จี้กง   :  ใช่แล้ว  เราจะเดินตามพวกหัวควาย  ม้า  แพะ  และสัตว์เลี้ยงเหล่านี้ไป ส่วนมากที่แยกกายเกิด เช่นสัตว์ที่เกิดในน้ำเน่าเกิดจากความชื้นรูปร่างเล็กมาก  เมื่อตายแล้วดวงวิญญาณคล้ายดินทรายถูกลมโชยจนปลิวว่อน มีความรวดเร็วมากมองด้วยตาเปล่าจะเห็นไม่แจ้ง มันบินกลับโลกมาชุมนุมกัน รอคอยจนเต็มดวงวิญญาณแล้ว จะรับการตัดสินอีกที เพื่อชำระล้างเหตุแห่งกรรมในสามชาติให้เรียบร้อยไป

หยางเซิง   :  ขอขอบคุณท่านอาจารย์ที่ได้อธิบายสั่งสอน มิเช่นนั้นกระผมจะไม่ทราบอะไรเอาเสียเลย ข้างหน้าก็คือประตูผี  เหตุใดพวกวิญญาณสี่ชนิดเหล่านี้ จึงไม่เข้าไปทางประตูใหญ่ ?.

อรหันต์จี้กง   :  เพราะเหตุว่าประตูผีให้วิญญาณมนุษย์เป็นหลักใหญ่ พวกสี่ชนิดเหล่านี้มรกรรมเวรหนักหนา จึงต้องเข้าไปทางประตูเล็กด้านสองข้าง

หยางเซิง   :  เข้าไปในประตูผีแล้ว พวกมันเหตุใดจึงไม่ไปรายงานตัวที่หอทะเบียน ?.

อรหันต์จี้กง   :  มีสถานที่แห่งอื่นจัดำ ห่างจากที่นี่ไม่ไกลนัก เราเดินตามมันไปเถอะ ไปเร็วเข้า .....

หยางเซิง   :  โอ !  เบื้องหน้าพื้นที่เขียวขจีเหมือนสนามเลี้ยงสัตว์ ด้านซ้ายมีปราสาทหลังหนึ่ง ด้านบนเขียนไว้ว่า "ตำหนักวิญญาณสี่ชนิดคืนชีพ"  พวกสี่ชนิดเหล่านี้ล้วนร่ำไห้และมุ่งไปรวมกลุ่มอยู่ที่นั่น สั่นหัวกราบไหว้ไปทางตำหนัก มีอาการคล้ายร้องทุกข์

อรหันต์จี้กง   :  ข้างหน้าคือ "ตำหนักวิญญาณสี่ชนิดคืนชีพ"  บรรดาสี่ชนิดหมุนเวียนไปเกิดเพื่อรับสนองกรรมเวรที่ก่อไว้ เมื่อรับตอบจนหมดเวร หมดกรรมแล้วต้องกลับตำหนักนี้ เพื่อส่งวิญญาณคืนกลับไปเป็นตัวมนุษย์ รีบมุ่งไปหน้าตำหนักเถิด

หยางเซิง   :  หน้าตำหนักมีข้าราชการเดินออกมา 3 คน มิรู้ว่าเป็นผู้ใด ?.

อรหันต์จี้กง   :  เป็น พระพันปี  (ข้าราชการมีศักดิ์ถึงขั้นเจ้าหรือที่เรียกว่าอ๋อง)  และข้าราชบริพาร จงรีบเข้าไปทำความเคารพ

หยางเซิง   :  ขอแสดงคารวะต่อพระพันปี และเทวทูตทั้งหลาย

พระพันปี   :  มิต้อง ลุกขึ้นเร็ว ขอต้อนรับท่านอาจารย์กับหยางเซิงแห่งสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้งที่ได้มาเยี่ยมชมถึงตำหนักนี้

อรหันต์จี้กง   :  วันนี้อาตมาพาหยางเซิงแห่งสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้งจากเมืองไถ่ตง ผู้เป็นศิษย์มาเยี่ยมชมถึงตำหนักของท่าน ขอให้พระพันปีได้โปรดให้คำแนะนำชี้แจงด้วยเถิด

พระพันปี   :  สมควรแล้ว  สมควรแล้ว  เชิญทั้งสองตามข้าพเจ้าเข้ามานั่งพักสักครู่ในตำหนักเถิด

หยางเซิง   :  ขอขอบพระคุรพระพันปีที่ให้เกียรติเป็นอย่างสูง

พระพันปี   :  เชิญท่านทั้งสองนั่งตามสบาย นายทหารรีบเสริร์ฟน้ำชาเร็ว

หยางเซิง   :  สถานที่นี่แปลก  เปลี่ยวมาก  รู้สึกงงงันไปหมดขอพระพันปีได้โปรดอธิบายอย่างละเอียดด้วยขอรับ

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                เที่ยวเมืองนรก

              ครั้งที่ 19  วันเสาร์ที่  8  มกราคม  พ.ศ. 2520

                  ตอน ท่องตำหนักวิญญาณสัตว์สี่ชีวิตคืนชีพ

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จปรากฏกาย ตรัสเป็นกลอน มีความว่า   :

        หัวมีเขา        ตัวมีขน        อมนุษย์
กรรมอุดหนุน          นำเกิด         ก่อหนทาง
สรรพสัตว์              หมุนตามกฏ   สวรรค์ร่าง
สัตว์สี่อย่าง            ฝ่าฝืนธรรม    ไร้เมตตา

พระพันปี   :  "ตำหนักวิญญาณสี่ชนิดคืนชีพ"  นี้ชาวโลกรู้กันน้อยมาก เนื่องจากสำนักของท่านมีพระราชโองการให้แต่งหนัสือ  "เที่ยวเมืองนรก"  ท่านเง็กเสียงอ๊วงตี่ มีเทวโองการบัญชามา จึงได้เปิด  "ตำหนักวิญญาณสี่ชนิดคืนชีพ"  รับท่านเข้ามาเยี่ยมชมเป็นกรณีพิเศษ ซึ่งเป็นเรืองที่ไม่เคยมีมาก่อนเลย

หยางเซิง   :  ขอขอบคุณพระมหากรุณาธิคุณที่ได้โปรดประทานคุณธรรมอันศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์ ขอเชิญพระพันปีได้โปรดชี้แนะด้วย

พระพันปี   :  ข้าพเจ้าปกครอง  "ตำหนักวิญญาณสี่ชนิดคืนชีพ"  อยู่ในตำแหน่งพระพันปี เพราะสี่ชนิดเช่นเต่ามีชีวิตยืนนานถึงพันปี ดังนั้นข้าพเจ้าจึงถูกขนานนามว่า พระพันปี  ไม่เรียกว่ายมบาล  บรรดาผู้ที่มีความชั่วร้ายอุบาทว์กรรมเวรเต็มตัวในเมืองมนุษย์ เมื่อผ่านการลงโทษจากสิบขุมแล้ว ก็ถูกตัดสินเข้าสู่หนทางเกิดของสัตว์  สัตว์สี่ชนิดคืนชีพในหกทางแห่งเวียนว่ายตายเกิด เมื่อไปเกิดยังโลกมนุษย์ก็ถูกเปลี่ยนหน้าเปลี่ยนหัว สูญไปของร่างกายที่มีค่ายิ่ง สัตว์สี่ชนิดแยกออกจากการเกิดเป็นรก  เกิดจากไข่  เกิดจากน้ำ  และเกิดจากการแยกกายสี่จำพวก  เกิดจากรกเป็นชั้นที่หนึ่ง  เกิดจากไข่เป็นชั้นที่สอง  เกิดจากน้ำเป็นชั้นที่สาม  เกิดจากการแยกกายเป็นชั้นที่สี่  เนื่องจากวิบากกรรมมาก จึงไปเกิดในแดนมนุษย์รับกรรมสนองตอบคืน  เมื่อสี่ชนิดตายลงแล้ว  เพราะเหตุว่าเกิดจากรก  เกิดจากไข่นั้น ดวงวิญญาณเหมือนมนุษย์ เป็นดวงวิญญาณที่สมบูรณ์  พวกเกิดจากน้ำ เกิดจากการแยกกายนันมีเวรกรรมหนักมาก ดวงวิญญาณถูกแยกออก ดังนั้นที่เกิดจากน้ำเกิดจากการแยกกายสองชนิดนี้ การคืนชีพจึงค่อนข้างยาก ต้องคอยจนดวงวิญญาณรวมตัวเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน วิญญาณนั้นจึงจะสมบูรณ์แบบ จึงสามารถคืนชีพเป็นตัวมนุษย์ได้

อรหันต์จี้กง   :  เวลาดึกมากแล้ว เราศิษย์อาจารย์จะต้องกลับก่อนแล้ว วันหลังค่อยมารบกวนท่านใหม่

หยางเซิง   :  เสียใจเป็นที่ยิ่ง ในระหว่างที่กำลังรับฟังคำสั่งสอนชี้แจงเกิดลาจากโดยฉับพลัน ขอขอบคุณพระพันปีที่ได้ให้การแนะนำอธิบาย เราจะกลับสำนักแล้วละ

พระพันปี   :  ที่ไหนได้ สิ่งใดที่บกพร่อง ขอโปรดให้อภัยด้วย คราวหน้าเชิญมาเที่ยวชมตำหนักใหม่นี้เถิด

อรหันต์จี้กง   :  เจ้าหยางเซิงรีบออกจากตำหนัก เตรียมตัวกลับสำนัก

พระพันปี   :  ขอนมัสการส่งท่านอาจารย์

อรหันต์จี้กง   :  การทำให้วาจาอันมีค่ายิ่งของพระพันปีขาดหายไปนั้นได้โปรดอภัยด้วย

พระพันปี   :  มิต้อง เพราะว่าเวลาที่จะต้องกลับสู่โลกมนุษย์ของท่านหยางเซิงมาถึงแล้ว ข้าพเจ้าไม่สามารถที่จะเหนี่ยวรั้งให้อยู่ได้อีก

อรหันต์จี้กง   :  หยางเซิงรีบขึ้นบนดอกบัวเร็ว

หยางเซิง   :  กระผมนั่งเรียบร้อยแล้ว เชิญท่านอาจารย์เริ่มเดินทางได้ .....

อรหัยต์จี้กง   :  ถึงแล้ว ..... สำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้ง  หยางเซิงลงจากดอกบัว วิญญาณกลับเข้าสู่ร่างดังเดิม 

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                 เที่ยวเมืองนรก

              ครั้งที่ 20  วันอังคารที่  18  มกราคม  พ.ศ. 2520

                  ตอน ท่องตำหนักวิญญาณสัตว์สี่ชีวิตคืนชีพ 2

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จปรากฏกาย ตรัสเป็นกลอน มีความว่า   :

      กฏแห่งกรรม        ปรากฏชัด        ใครใคร่เถียง 
มิอาจเลี่ยง                กรรมต่างกัน      ร่างต่างไป
หกช่องเกิด               ย่อมมีแน่          ทางสายใหม่
จงอย่าไพล่               เหมืองแมงมุม    ใต้ชายคา

อรหันต์จี้กง   :  ใครหนอว่าหลักธรรมแห่งสากลโลก (หรือที่ทุกวันนี้คนทั้งหลายนิยมเรียกว่า "กฏแห่งกรรม")  ไม่มีการตอบสนองนะ ก็ดูพวกสัตว์สี่ชนิดนั้นเถิด วัว  ม้า  ไก่สัตว์ปีก  ปลา  แมลง  ยุง  ตัวหนอนนั้น  ชาติก่อนต่างก็สร้างเหตุต่าง ๆ ซึ่งไม่เหมือนกัน ดังนั้นชาตินี้จึงมีรูปร่างลักษณะแตกต่างกันไป  คนเป็นสิ่งที่มีค่าสูงยิ่งในบรรดาสรรพสิ่งที่มีชีวิตทั้งหลายในแดนมนุษย์ที่เรียกว่า  "บ่วง"  (สัตว์ประเสริฐ หรือสิ่งประเสริฐนานาพันธุ์)  ต้องถนอมรักที่เกิดมาเป็นมนุษย์ จงรีบแสวงหาธรรมบำเพ็ญศีล และก็ปลอบเตือนสัตว์สี่ชนิดที่รวมอยู่ในมวลสรรพชีวิตทั้งหลายต่างเจียมตัวเจียมกาย เพื่อลบล้างบาปเวรเปิดทางเดินที่สว่างไสวจากช่องทางของสัตว์ขึ้น มุ่งหวังที่จะกลับคืนสู่ร่างมนุษย์โดยเร็ว อย่าให้เหมือนแมงมุมที่ใช้ชายคาบ้านทอใยสร้างข่ายพลางตา ขลุกตัวเองอยู่ในนั้นตลอดชาติ ไม่สามารถหลุดพ้นออกจากร่างแห  เจ้าหยางเซิงเตรียมตัวท่องนรกได้แล้ว

หยางเซิง   :  ขอรับคำบัญชา กระผมนั่งลงเรียบร้อยแล้วครับ .....

อรหันต์จี้กง   :  ถึงแล้วหละ เบื้องหน้าก็คือ " ำหนักวิญญาณสัตว์สี่ชนิดคืนชีพ"  พระพันปีและข้าราชบริพารได้ออกมาต้อนรับเราแล้ว

หยางเซิง   :  ขอแสดงความคารวะต่อพระพันปีและเทวทูตทั้งหลาย วันนี้เราศิษย์อาจารย์ได้มารบกวนท่านอีกครั้ง ขอได้โปรดให้การแนะนำอย่างมากด้วยครับ

พระพันปี   :  มิต้อง  วันก่อนคุยกันไม่มาก วันนี้ขอต้อนรับท่านอาจารย์และท่านหยางเซิงที่อุตส่าห์มาเยี่ยมมอีก เชิญพักข้างในสักครู่ คงจะเหนื่อยอ่อนในการเดินทางนะครับ ?.

หยางเซิง   :  ไม่รู้สึกยากลำบากแต่อย่างไร เพราะว่านั่งบนดอกบัว เพียงแต่ได้ยินเสียงลมเท่านั้น

อรหันต์จี้กง   :  เราตามพระพันปีเข้าไปพักในตำหนักเถิด

หยางเซิง   :  ขอขอบพระคุณที่พระพันปีให้เกียรติต้อนรับเป็นอย่างยิ่ง

พระพันปี   :  มิต้องเกรงใจ เชิญดื่มน้ำชา

หยางเซิง   :  สำนักของกระผมรับเทวโองการแต่งหนังสือ "เที่ยวเมืองนรก"  ให้กระผมรับหน้าที่เที่ยวชมยมโลก รู้สึกเป็นเกียรติเป็นหนักหนา  แต่วิชาความรู้ืทางธรรมของกระผมผิวเผินตื้นเขินมาก เหตุการณ์หลายสิ่งหลายอย่างของยมโลก กระผมยังมิอาจเข้าใจกระจ่างแจ้ง ขอให้พระพันปีโปรดอธิบายรายละเอียดสภาพการณ์ใน  "ตำหนักวิญญาณสี่ชนิดคืนชีพ" ให้ทราบอีกครั้ง เพื่อที่จะให้ชาวมนุษย์เข้าใจแจ่มแจ้งปฏิบัติตามจะได้ไม่หลงไปในทางผิดอีก

พระพันปี   :  ข้าพเจ้าจะพาท่านไปตรวจชมรายละเอียดถึงที่ สถานที่ปัจจุบัน และจะอธิบายเสริมให้ด้วยดังนี้จะค่อยเข้าใจง่ายขึ้น

หยางเซิง   :  ขอขอบพระคุณพะพันปีมาก

พระพันปี   :  ท่านตามข้าพเจ้าไปยังห้องโถงกลางของตำหนัก

หยางเซิง   :  ขอรับกระผม  โอ !  กวางตัวนี้ไฉนจึงสั่นหัวมายังท่านที่หน้าโต๊ะ คล้ายกับจะพูดอะไรกับท่านด้วยอย่างนั้น ?.

พระพันปี   :  ใช่แล้ว  กวางตัวนี้ชาติก่อนเป็นลูกศิษย์ของพระสงฆ์ เกิดป่วยไข้อย่างนัก ในใจจึงโกรธแค้นพระพุทธองค์ว่าไม่ช่วยคุ้มครองรักษาให้ ก็เลยแหกศีลกินของคาว (พระจีนถือนิกายมหายานห้ามฉันของมีชีวิต)  สึกออกไปมีลูกมีเมีย และพูดให้ร้ายบริภาษพระพุทธะเทพยดาเป็นประจำ เมื่อตายแล้วก็ไปเกิดเป็นกวาง  เกิดรอบนี้เวียนว่ายมาเป็นครั้งที่สามแล้ว กวางนั้นเกิดในภูผาเปลี่ยวลึก  กินหญ้าสีเขียว  ดื่มน้ำในลำธาร  ตรากตรำรับทุกข์จากลมฟ้ามาตลอดชีวิต ก็เพื่อสนองรับเหตุที่ก่อไว้ในปางก่อน อยู่ในป่าเขาเปลี่ยวลึก กินแต่หญ้าดื่มแต่น้ำค้าง เสมือนหนึ่งผู้บำเพ็ญธรรมคนหนึ่ง นี่แหละที่ว่าการตอบสนองเหตุแห่งกรรม เวลานี้กวางตัวนี้ได้รับกรรมตอบสนองมาหมดแล้ว ถูกธาตุมืดดูดนำมายังยมโลก สั่นหัวเหมือนดังแสดงความคารวะนั่นคือขอให้ข้าพเจ้าช่วยกอบกู้แก้ไขเพือให้กลับร่างเป็นมนุษย์

หยางเซิง   :  น่าสะพรึงกลัวเสียจริง ๆ ความคิดผิด ๆ ชั่ววูบเดียวได้รับกรรมตอบสนองร้ายถึงเพียงนี้ ยมกฏรอดยากนัก แต่ว่ากระผมก็ยังไม่สู้จะเข้าใจถ่องแท้นักว่า ไฉนสัตว์สี่เท้าตายลงแล้ว ธาตุมืดจะดูดดึงมันเข้ามาในยมโลกโดยอัตโนมัติได้อย่างไรนั้นเป็นเหตุผลจากอะไร ?.

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                   เที่ยวเมืองนรก

              ครั้งที่ 20  วันอังคารที่  18  มกราคม  พ.ศ. 2520

                  ตอน ท่องตำหนักวิญญาณสัตว์สี่ชีวิตคืนชีพ 2

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จปรากฏกาย ตรัสเป็นกลอน มีความว่า   :

      กฏแห่งกรรม        ปรากฏชัด        ใครใคร่เถียง 
มิอาจเลี่ยง                กรรมต่างกัน      ร่างต่างไป
หกช่องเกิด               ย่อมมีแน่          ทางสายใหม่
จงอย่าไพล่               เหมืองแมงมุม    ใต้ชายคา

พระพันปี   :  ข้าพเจ้าจะอธิบายให้ฟัง  ความเป็นอยู่ทั่วพิภพนั้นล้วนอาศัยอากาศธาตุศักดิ์สิทธิ์เป็นพลังโคจรหมุนเวียน ดังนั้นศาสนาเต๋าจึงมีสิ่งที่เรียกว่า อากาศธาตุศักดิ์สิทธิ์  (หรือธาตุอันดับ1) นี้แบ่งออกเป็น 3 ภาค (หริือ 3 ภพ)  ซึ่งความจริงแล้วธาตุอันดับ1 นี้แปลงได้ไม่  ใช่แค่ 3 ภาค (ภพ)  เท่านั้นแต่สามารถแปลงได้เป็นหมื่นภาค เช่นนี้แล้วฟ้าก็มีธาตุฟ้า   ธรณีก็มีธาตุธรณี  มนุษย์ก็มีธาตุมนุษย์  ฟ้าธรณีมนุษย์ มีการหายใจเข้าออกอยู่ตลอดเวลา ถ้าหากธาตุฟ้าขาดลง มนุษย์ก็จะวายปราณ  อากาศธาตุแท้อันนี้ก็คือธาตุจิต  ก่อนหน้านี้ไม่นานนักวิทยาศาสตร์เมืองมนุษย์ได้พิสูจน์ปรากฏว่า "แรงดึงดูดของโลก"  แต่ยังไม่ทราบว่ามี  "แรงดึงดูดของฟ้า"  "แรงดึงดูดของมนุษย์"  สิ่งใดที่ลอยขึ้นฟ้านั่นก็คือเป็นผลแห่งแรงดึงดูดของฟ้า  สิ่งทึบที่ถ่วงลงนั้นก็คือดินเป็นผลลแห่งแรงดึงดูุดของธรณี  เกิดความอยากความใคร่เป็นแรงดึงดูดของมนุษย์  เมื่อมีแรงดึงดูดสามประเภทนี้แล้วจึงร่วมกันสร้างให้มีสัตว์โลกทุกชนิดเพราะเหตุว่าในจำพวกสัตว์สี่ชนิด ทางเกิดของสัตว์ล้วนแล้วแต่มีกรรมเวรหนักหนาในชาติก่อนทั้งนั้น  เมื่อตายลงก็ถูกแรงแห่งธรณีดูดดึงเอา จึงต้องตกลงยมโลกรับการพิจารณาโดยอัตโนมัติ หากว่าผู้ที่ได้บำเพ็ญธรรม ดวงวิญญาณเบาและแจ่มใสเปล่งปลั่ง ก็ลอยขึ้นบนฟ้าโดยอัตโนมัติ ถึงยมทูตจะคุมตัวมาแดนนรกก็ไม่สามารถทำได้ ประหนึ่งว่าลูกโป่งขนาดใหญ่ซึ่งมีแก็สอัดเต็มอยู่ภายใน ลอยอยู่บนอากาศ คนจะดึงมันไว้ แต่กลับถูกมันดึงลอยไป ดังนั้นชาวมนุษย์จะเป็นพระอรหันต์เทวดา  เป็นภูติผี  ล้วนต้องอาศัยธรรมที่ตนบำเพ็ญในมนุษยโลก ส่วนที่จะช่วยกู้วิญญาณบิดามารดานั้น ต้องอาศัยบุญกุศล มิเช่นนั้นแล้วจะจ่ายเงินเป็นพัน ๆ ก็ช่วยอะไรไม่ได้ ผู้ที่จะช่วยเหลือกอบกู้บรรพบุรุษนั้น เจ้าตัวต้องประพฤติดี  บำเพ็ญธรรมในตัวเอง  แล้วยังจะต้องมีการสร้างพิมพ์แจกหนังสือธรรมด้วย  เป็นงานกุศลใหญ่ยิ่งอันดับหนึ่ง ดังนั้น พระอรหันต์เทวดาจุติสู่โลก จุดประสงค์ที่จะช่วยกู้มวลมนุษย์เป็นจุดใหญ่อันดับแรก และพระคัมภีร์หนังสือธรรมก็คือเสียงสวรรค์จากอรหันต์ เทวดา  เป็นหลักแก่นสำคัญในการประพฤติบำเพ็ญทางจิตใจ  ฉะนั้น การเผยแพร่ตำราคัมภีร์พิมพ์หนังสือธรรมนั้น จึงเหมาะสมตรงต่อความมุ่งหมายของพระอรหันต์เทวดา มีความดีความชอบที่ยิ่งใหญ่โดยอาศัยความดีกุศลกรรมนี้ส่งย้อนไปยังวิญญาณของบรรพบุรุษ  เป็นทางเดินที่สะดวกในการพ้นทุกข์  ถ้าหากจะสวดมนต์กอบกู้ชักนำต้องมีตำราหนังสือธรรมเป็นที่พึ่งเสียก่อน  จุดนี้แหละชาวโลกควรตะรู้ไว้ นอกนั้นเช่นช่วยเหลือจุนเจือคนยากคนจน ส่วนสาธารณกุศลก็เป็นสิ่งที่สมควรกระทำอีกอย่างหนึ่ง

หยางเซิง   :  พระพันปีมีเหตุผลอย่างยิ่ง อรหันต์เทวดาประกาศธรรมล้วนได้จดบันทึกลงในหนังสือ พิมพ์แจกหนังสือธรรมจึงสมดังความประสงค์แห่งสวรรค์เป็นกุศลที่ยิ่งใหญ่ไพศาล วิญญาณของบรรพบุรุษนั้น โดยแรงธรรมชาติดึงดูดจากฟ้าจึงขึ้นสู่สวรรค์ได้ 

อรหันต์จี้กง   :  เจ้าหยางเซิงพูดเข้าหลักธรรมเป็นอย่างยิ่ง  "ตำราสวรรค์"  ก็คือ "ความอารีแห่งธรณี"  เมื่อมนุษย์สามารถใช้ความเมตตาอารีอารอบโดยหมดสิ้น ความประพฤติดีแห่งมนุษยชาติก็สมบูรณ์  ก็มีส่วนเป็นเทวดาแล้ว 

พระพันปี   :  กวางตัวนี้เวียนมาเกิดสามชาติได้หมดเหตุปางก่อนลงแล้ว ข้าพเจ้าจะล้างโทษให้มัน ให้นายทหารนำกวางตัวนี้ไปยัง  "ศาลาคืนชีพ"  ให้  "น้ำคืนชีพ"  มันดื่มเสีย

นายทหาร   :  ขอรับคำบัญชา !  เชิญท่านหยางเซิงตามข้าพเจ้าไปสังเกตดูรายละเอียด

หยางเซิง   :  ครับผม  ขอบคุณท่านนายทหารมากด้านนี้มีศาลาอยู่ศาลาหนึ่งจริงอย่างว่า ด้านบนเขียนไว้ว่า "ศาลาคืนชีพ"  ภายในศาลามีผู้เฒ่าอยู่คนหนึ่ง เอาน้ำที่อยู่ในแต่ละถ้วยให้พวกวิญญาณชีวิตดื่มกิน แต่ละคนก็ปรากฏเป็นร่างของมนุษย์ขึ้นมา มีทั้งหญิงชาย แก่หนุ่ม

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                  เที่ยวเมืองนรก

              ครั้งที่ 20  วันอังคารที่  18  มกราคม  พ.ศ. 2520

                  ตอน ท่องตำหนักวิญญาณสัตว์สี่ชีวิตคืนชีพ 2

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จปรากฏกาย ตรัสเป็นกลอน มีความว่า   :

      กฏแห่งกรรม        ปรากฏชัด        ใครใคร่เถียง 
มิอาจเลี่ยง                กรรมต่างกัน      ร่างต่างไป
หกช่องเกิด               ย่อมมีแน่          ทางสายใหม่
จงอย่าไพล่               เหมืองแมงมุม    ใต้ชายคา

นายทหาร   :  ท่านหยางเซิงจงยืนดูอยู่ทางนี้ ข้าพเจ้าจะไปรับเอา "น้ำคืนชีพ"  จอกหนึ่งให้กวางตัวนี้ดื่ม

หยางเซิง   :  ได้ครับ  เชิญตามสบาย  โอย!. คล้ายกับเล่นมายากลเสียจริง กวางป่าดื่มแล้วร่างกายเปลี่ยนแปลงขึ้นทันที กลับกลายเป็นคนแก่อายุประมาณ 50 เศษ ผมก็ไม่ขาว  บนศรีษะมีรอยจุดแห่งการรับศีลอย่างว่าด้วย (การเป็นพระจีนนั้นต้องเข้าพิธีใช้ธูปจี้บนศรีษะ)  นั่นเป็นรูปที่หลังจากสึกออกจากพระแล้วกระมัง

นายทหาร   :  ถูกต้อง  ผู้นี้บวชแล้วสึก กินของคาวทำลายศีลก็เลยต้องโดน 3 รอบ กลายเป็นสัตว์เดียรัจฉาน เพราะดื่มน้ำคืนชีพ เกิดการกลับกลายแปรเปลี่ยน ถอดร่างลอกคราบทันที คืนสู่ร่างเดิม

หยางเซิง   :  มิทราบว่าเวลานี้จะจัดการกับมนุษย์กวางผู้นี้อย่างไรบ้าง?.

นายทหาร   :  มนุษย์กวางผู้นี้อยู่มาจนได้คืนชีพในขณะนี้  เป็นหน้าที่รับผิดชอบของตำหนักนี้ เมื่อคืนชีพแล้วจะส่งขุมที่สิบให้พญายมบาล "จวงลุ้งอ๊วง" ตรวจเหตุปางก่อน ให้ไปเกิดเป็นมนุษย์อีก ตามที่ข้าพเจ้าทราบมา ผู้ที่ไปจากตำหนักนี้ เมื่อหมุนเวียนไปเกิดแล้ว ล้วนเกิดในบ้านยากจนทั้งสิ้น หรือมีร่างกายพิการบางส่วน ต้องรับสนองทุกข์ยากอีก ถ้ารู้ตัวบำเพ็ญธรรมแล้วก็จะค่อย ๆ เข้าสู่แดนสุขสบายขึ้น

อรหันต์จี้กง   :  เพราะเหตุเวลาจำกัด เราขอลาท่านนายทหารและจะไปลาพระพันปีในตำหนักด้วย

หยางเซิง   :  ขอบคุณที่ท่านนายทหารให้คำแนะนำ เพราะได้เวลาที่จะต้องกลับสู่แดนมนุษย์ อยู่ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว พบกันใหม่ในวันอื่นนะครับ

อรหันต์จี้กง   :  ขอขอบพระคุณพระพันปีที่ให้การชี้แจง เนื่องจากเวลาดึกมากแล้ว เราเตรียมจะกลับสำนัก วันอื่นค่อยมาเยี่ยมคารวะใหม่

พระพันปี   :  มิต้อง ข้าพเจ้าก็จะไม่ถ่วงเวลาของท่านละ ยินดีต้อนรับที่จะมาเยือนตำหนักใหม่

อรหันต์จี้กง   "  "วิญญาณสัตว์สี่ชนิดคืนชีพ"  มวลมนุษย์ส่วนใหญ่ไม่รู้จัก ฉันวางแผนให้หยางเเซิงตรวจเยี่ยมสังเกตการณ์ให้ละเอียด เพื่อที่จะเผยให้ชาวโลกเข้าใจ ฉะนั้นจึงขอมารบกวนอีกครั้งหนึ่ง

พระพันปี   :  ยินดีต้อนรับด้วย นายทหารตั้งแถวนมัสการส่งท่านอาจารย์กับท่านหยางเซิง

หยางเซิง   :  ท่านให้เกียรติมากเกินไปแล้ว ขอขอบคุณท่านและเทวทูตทั้งหลาย เราลาละครับ

อรหันต์จี้กง   :  รีบขึ้นดอกบัวเร็ว เตรียมกลับสำนัก

หยางเซิง   :  กระผมนั่งเรียบร้อยแล้ว ท่านอาจารย์เชิยเริ่มได้ .....

อรหันต์จี้กง   :  ถึงแล้ว  หยางเซิงลงจากดอกบัว วิญญาณกลับเข้าสู่ร่างดังเดิม

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                    เที่ยวเมืองนรก

              ครั้งที่ 21  วันพฤหัสบดีที่  27  มกราคม  พ.ศ. 2520

                  ตอน ท่องตำหนักวิญญาณสัตว์สี่ชีวิตคืนชีพ 3

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จปรากฏกาย ตรัสเป็นกลอน มีความว่า   :

        โอ้สัตว์น้ำ        ต้องเวียนว่าย        ทะเลทุกข์
ลมหนาวบุก             โบกพัดสัตว์          ทั้งปีก - บก
เนื่องปางก่อน           รื่นหรรษา            กามลามก
ตื่นภวังค์                 จึงได้พบ             ทุกอย่างสูญ

อรหันต์จี้กง   :  ถนนหนทางในแดนนรกขมุกขมัวนัก แต่ละวันมีแต่เสียงร่ำไห้โอดครวญ  คนตายก็โศกเศร้าร่ำไห้ สัตว์ตายครวญครางไม่หยุดหย่อน สัตว์สี่ชนิดที่ไปเกิดแดนมนุษย์ ส่วนมากถูกชาวโลกเฉือนฆ่า เมื่อชีวิตถูกคมมีดเฉียนเอา ขณะนั้นจะตกใจกลัวจนตะลึงพรึงเพริดขวัญหนีดีฝ่อ อยากจะหาทางเอาชีวิตรอด แต่ด้วยเหตุที่มีกำลังอ่อนแอกว่าจึงไม่สามารถดิ้นหลุด จึงได้แต่แหกเสียงหวีดร้อง ราวกับว่าถูกนำส่งตะแลงแกงทำการประหาร ดวงวิญญาณจุดนั้นล่องลอยไปใต้บาดาล  "ตำหนักวิญญาณสัตว์สี่ชนิดคืนชีพ"  กำลังทำการรับเอาดวงจิตวิญญาณ เพื่อคืนชีพให้อยู่ในร่างมนุษย์ แล้วก็ตามบุญตามกรรมที่ตนก่อไว้สนองรับไปเพื่อที่จะได้ชำระล้างบาปจากเหตุซึ่งสร้างไว้แต่ปางก่อน ศิษย์ทั้งหลายถ้าไม่ตั้งตนอยู่ในทางธรรม จิตใจโหดร้าย  ทำสิ่งไร้ศีลธรรมขัดหลักธรรมแห่งสวรรค์ และไม่กลัวความตายนั้น เมื่อตัวตายแล้วถูกหมุนเวียนไปเกิดเป็นสัตว์พวก  รก  ไข่  น้ำ  แยกกายเกิดเป็นสัตว์สี่ชนิดนั้นอย่างแน่นอน เจ้าหยางเซิงเตรียมตัวท่องนรก

หยางเซิง   :  ท่านอาจารย์ครับ ขณะนี้ เนื่องจากบิดาของศิษย์นักทรงผู้หนึ่งในสำนักเสียชีวิตไป ในใจเจ็บปวดโศกเศร้าไม่รู้คลาย  ไฉนสวรรค์ท่านจึงไม่ละเว้นคนดีใจบุญไว้ให้มาก ๆ เพื่อช่วยกันอุ้มชูรักษากิจการธรรมที่ศักดิ์สิทธิ์ ไฉนจึงรีบเอาคนดีกลับคืนสู่สวรรค์เล่า ?.

อรหันต์จี้กง   :  การเกิดแก่เจ็บตายนั้น  แม้จะเป็นถึงรัฐมนตรี นายพล  ผู้มียศศักดิ์สูงส่ง  ความหวังเพื่ออุทิศตัวเพื่อแผ่นดินแม้ว่างานการนั้นยังมิทันลุล่วงสำเร็จ ยังต้องวางมือคืนสู่สวรรค์เช่นเดียวกัน  สำมะหาอะไรกับผู้คนธรรมดาเล่า ขอเพียงแต่ว่าตอนมีชีวิตอยู่ รู้จักบำเพ็ญสร้างบุญ แม้ตนจะตาย ตัวจะสูญ แต่วิญญาณนั้นจะคงอยู่ในแดนมนุษย์ ที่เรียกว่าวิญญาณนักปราชญ์ ไม่มีวันดับสูญในโลกนี้  ไม่มีผู้ใดไม่ตาย  เจ้าอย่าได้ไปเสียใจสะเทือนจนเกินไป

หยางเซิง   :  กระผมคิดจะพบหน้าแกเหลือเกิน เพื่อที่จะสอบถามถึงสภาพการณ์ เมื่อขึ้นสวรรค์ไปแล้ว ได้ยินลูกหลานแกเล่าว่า ก่อนที่แกจะคืนสู่สวรรค์ 2 วัน แกรู้ตัวว่าความเป็นมนุษยภาพนั้นหมดลงแล้ว จะต้องคืนสู่สวรรค์แล้ว มิทราบการบำเพ็ญธรรมต้องถึงขั้นไหน จึงสามารถบรรลุถึงเขตแดนนี้ ?.

อรหันต์จี้กง   :  เนื่องจากโอกาสยังไม่อำนวย ดังนั้นการพบปะนั้นจึงไม่สามารถจัดการให้ได้  ส่วนที่บำเพ็ฯจนสามารถรู้ถึงวันตายของตัวเองนั้น เป็นที่จิตใจแน่วแน่สัตย์ซื่อ จนไปดลจิตดลใจภูติผีเทวดาฟ้าดิน เลยแสดงปรากฏเป็นลางให้ทราบก่อนและก็จะอาศัยใน (โอกาส)  ครั้งนี้พิสูจน์ได้ว่า ผีสางเทวดานั้น มิใช่เรื่องเหลวไหลไร้สาระ  หากได้ตั้งใจจริงปฏิบัติธรรมแล้ว การเกิดการตายได้กุมอยู่ในอุ้งมือแล้ว เพียงงอนิ้วเท่านั้นก็รู้ได้ทันทีโดยหาใช่เรื่องแปลกประหลาดไม่ นี่แหละเป็นการดลบันดาลใจกันละ อย่าได้คุยต่อเถอะ เพื่อไม่ให้เสียเวลาท่องนรก รับขึ้นบนดอกบัวเร็ว

หยางเซิง   :  ขอรับคำบัญชา กระผมนั่งเรียบร้อยแล้วครับ ท่านอาจารย์

อรหันต์จี้กง   :  ถึงแล้วละ รีบลงจากดอกบัวเร็ว

หยางเซิง   :  เบื้องหน้าพระพันปีกับเทวทูตใน  "ตำหนักวิญญาณสัตว์สี่ชนิดคืนชีพ"  ได้ออกมาแล้ว

อรหันต์จี้กง   :  รีบเข้าไปแสดงความเคารพเร็ว 

หยางเซิง   :  ขอแสดงความคารวะพระพันปี และเทวทูตทั้งหลาย การมารบกวนท่านในวันนี้อีกครั้ง ขอให้ท่านได้โปรดแนะนำด้วย

พระพันปี   :  มิต้อง !  ท่านศิษย์อาจารย์ไม่รังเกียจที่มีสัตว์เดินไปทั่วพื้นที่แห่งนี้ ได้อุตสา่ห์มาเยี่ยมเป็นครั้งที่ 3 ข้าพเจ้าปลื้มปิติยิ่งนักด้วย เชิญท่านทั้งสองตามข้าพเจ้าเข้าไปในตำหนักเถิด   

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                     เที่ยวเมืองนรก

               ครั้งที่ 21  วันพฤหัสบดีที่  27  มกราคม  พ.ศ. 2520

                  ตอน  ท่องตำหนักวิญญาณสัตว์สี่เท้าคืนชีพ  ครั้งที่ 3

       ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จปรากฏกาย ตรัสเป็นกลอน มีความว่า  :

        โอ้สัตว์น้ำ        ต้องเวียนว่าย        ทะเลทุกข์
ลมหนาวบุก             โบกพัดสัตว์          ทั้งปีก - บก
เนื่องปางก่อน           รื่นหรรษา            กามลามก
ตื่นภวังค์                 จึงได้พบ             ทุกอย่างสูญ

อรหันต์จี้กง   : ขอบคุณมาก เพราะเวลาน้อยมาก ขอพระพันปีพาเจ้าหยางเซิงเที่ยวชมตามสำนักงานต่าง ๆ เล่าสภาพการณ์ของวิญญาณสี่ชนิดคืนชีพให้ทราบ เพื่อลงพิมพ์ในหนังสือ "เที่ยวเมืองนรก"

พระพันปี   : 
ถ้าเช่นนั้นแล้ว เชิญตามข้าพเจ้าไปข้างหน้า ตรวจสอบสถานที่ต่าง ๆ เถิด ... ! !

หยางเซิง   :  กลไกตกแต่งของสถานที่นี้รู้สึกพิสดารแยบยลมาก คล้ายกับเครื่องดูดฝุ่นในเมืองมนุษย์  ยุงแต่ละตัว มิทราบว่าถูกดูดมาจากที่ใดเมื่อรวมเป็นกลุ่มแล้วก็ตกลงมา ประหนึ่งว่าดอกหิมะที่รวมตัวเป็นก้อนเดียว แล้วยังกระดุกกระดิกไม่หยุดยั้ง

พระพันปี   :  นั่นคือพวกยุงโดนคนตบตาบ หรือถูกยาพ่นฆ่า ถูกธาตุธรณี (ดิน) ดูดมายังตำหนักนี้ กลุ่มนี้มีประมาณห้าร้อยตัว  ดังนั้นจากวิญญาณแยกมารวมเป็นวิญญาณที่สมบูรณ์ จึงตกอยู่ข้างหน้าโดยปริยาย เมื่อรด "น้ำคืนชีพ" ให้อีก ก็จะสามารถคืนสู่ร่างมนุษย์

หยางเซิง   :  กลไกชนิดนี้ตกแต่งทั่วไปหมด พื้นที่นี้สร้างด้วยวิธีพิศดารอันไหนหนอ ?.

พระพันปี   :  นั่นคือความพิสดารจากแรงดึงดูดแห่งโลก จากการดูดของธาตุธรณี เพราะเหตุว่า ยุง  หนอน เหล่านี้เป็นวิญญาณแยก ธาตุแท้ที่อับทึบ เมื่อตายลงแล้วต้องถูกดูดมาที่นี่โดยปริยาย วิญญาณแยกนั้นอุปมารวมทรายสร้างเจดีย์ ความพิสดารแยบยลของการคืนชีพก็คืออย่างนี้แหละเราไปชมดูที่อื่น ๆ อีกกันเถอะ ! 

หยางเซิง   :  สนามกว้างใหญ่นี้เต็มไปด้วยสัตว์ต่าง ๆ มีสัตว์ที่แปลกประปลาดจำนวนมากล้วนไม่เคยพบเห็นในชีวิตมีทั้งเสือ สิงโต  เหมือนหนึ่งสวนสัตว์อย่างนั้น ยิ่งพวก ไก่ เป็ด หมู แล้วยิ่งนับไม่ถ้วนใหญ่  ได้กลับเข้ามายังในตำหนักแล้ว มิทราบว่าพระพันปีมีคำแนะนำประการใด ?.

พระพันปี   :  ขณะนี้ ข้าพเจ้ากำลังจัดการกับคดีเรื่องหนึ่ง ไก่ตัวผู้ที่อยู่ตรงหน้ากำลังมาทำการร้องทุกข์ ข้าพเจ้าจะเปิดข้อมูลดั่งเดิมให้ท่านชม ไก่ตัวนี้ชาติก่อนไปเกิดเป็นบุตรของครอบครัวคนรวยผู้หนึ่ง เกิดที่แถบเหนือในไต้หวัน เนื่องจากอาศัยความมีเงินแล้วมักจะไปผิดกามกับลูกเขาเมียเขา และใช้เงินทองซื้อหญิงสาวที่ร่างกายกำลังตูม ๆ เพื่อทำการเสพสมหาความสนุกทางกาม โดยเอาหญิงบริสุทธิ์นั้นเป็นที่เสพสุข สร้างเวรบาปมหันต์ จึงโดนหมุนเวียนไปเกิดเป็นไก่ห้าชาติ  บัดนี้เวรกรรมนั้นได้ชดใช้ไปหมดแล้ว วิญญาณกลับมาสู่ตำหนักนี้ วิงวอนร้องขอคืนชีพ

หยางเซิง   :  น่ากลัวเป็นที่สุด ไก้แปลงสภาพมาจากมนุษย์ แล้วผู้ที่กินเนื้อไก่น่ะ จะมีบาปเวรบ้างไหม ?.

พระพันปี   :  แต่ละสิ่งล้วนมีวิญญาณสิงอยู่ เว้นเสียแต่แตกต่างกันในรูปร่างเท่านั้น มีวิญญาณที่ปราดเปรื่องเหมือนมนุษย์ ชาวโลก ที่ชอบกินอาหารพวกเนื้อ แน่นอนล่ะ ต้องการบำำรุง ว่าด้วยไขมัน มีธาตุโปรตีนสูงหน่อย กินเพื่อบำรุงร่างกายให้แข็งแรง  แต่ไม่คิดว่าสัตว์สี่ชนิดล้วนเป็นการแปลงกายมาจากมนุษย์ที่มีบาปเวรชั่วร้าย ร่างของมันมีธาตุแห่งไม่ซื่อสัตย์สุจริตชนิดหนึ่ง และตอนที่มนุษย์ฆ่ามันตายนัน มันก็ดิ้นรนเพื่อจะหนีเอาชีวิตรอดในใจหวาดกลัว การหมุนเวียนของโลหิตทั่วกายก็ผิดปกติ เครื่องในทุกส่วนเกิดมาสารพิษ เมื่อมนุษย์ฆ่ามันตายแล้ว ดื่มกินเลือดเนื้อของมัน แม้จะมีประโยชน์ แต่ส่วนมีโทษได้หลบสิงอยู่ภายใน หากมนุษย์เกิดมีอาการเกร็งเครียดขณะหวาดหวั่นตกใจกลัว โลหิตก็แปรสภาพ ถ้าประสบเหตุการณ์ชนิดนี้บ่อย ๆ เข้า ร่างกายจะต้องเกิดเจ็บป่วยลง มนุษย์ที่แข็งแรง หน้าตามีน้ำมีนวล ราศีเปล่งปลั่ง ถ้าหากตายลง ทั่วทั้งร่างก็ปรากฏสีเขียวดำ เรียกว่า ศพ เมื่อมนุษย์กินซากศพของสัตว์ ก็มีสารที่ไม่สะอาดอยู่แล้ว มีทั้งประโยชน์และให้โทษคู่กัน พวกนักวิทยาศาสตร์ก็เคยแนะนำให้กินแบบมังสวิรัติ (กินเจ) เลี้ยงชีพ  บรรดาผู้ที่บำเพ็ญธรรม แม้ว่าจะไม่สามารถตัดขาดการกินของมีชีวิต ก็ควรทีกินน้อยลงจะดีกว่า เพื่อไม่ให้ธาตุสกปรกเต็มตามร่างมนุษย์ มิเช่นนั้นแล้วจะชำระสะสางผลธรรมให้หมดจดบริสุทธิ์ก็ทำได้ยากมาก การกล่าวถึงว่าจะบาปหรือไม่บาปนั้น ยังเป็นประเด็นที่รองลงมาเป็นอันดับสอง

หยางเซิง   :  คำพูดของพระพันปีสมแก่หลักการของวิทยาศาสตร์เป็นอย่างยิ่ง จะกินหรือไม่ก็ตามแต่ใจของคน เมื่อรู้ชัดแล้วว่า คุณโทษนั้นต่างกันจะทำอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของตนเอง  ขอเรียนถามพระพันปีอีกสักนิดว่า เบื้องหน้ามีลิงและนกแก้ว  ลิงนั้นการเดินเหินคล้ายมนุษย์ นกแก้วยังสามารถพูดจาได้ พวกนี้จะเป็นพวกชั้นสูงสักหน่อยหรือไฉน ?.

พระพันปี   :  ลิง นั้นการเดินเหินคล้ายมนุษย์ สมองก็ฉลาดเฉลียวมาก ต้องโทษตัวเองเมื่อชาติก่อน เป็นผู้ที่หลงตัวเองในความฉลาดของตน ดังนั้นชาตินี้จึงตกลงมาเกิดในร่างของสัตว์ ส่วน นกแก้ว แม้จะสามารถเรียนคำพูดจากมนุษย์ แต่ชาติก่อนที่เป็นมนุษย์อยู่นั้น ชอบเล่นลิ้น เปล่งวาจากล่าวร้ายทำให้ผู้อื่นล้มตาย บ้านแตก ชาตินี้จึงต้องเข้าไปอยู่ในกรง ฟังคนอื่นเขาพูด เรียนคำพูดจากมนุษย์ มีแต่ปากอันคมคายเสียเปล่า ดังเช่น เสียดายที่วีรบุรุษไม่มีทางได้แสดงฝีไม้ลายมือ บรรดาผู้คนในโลกที่ทำอะไรลงไปทุกอิริยาบถ ถ้าขัดต่อหลักกฏและหลักธรรมแล้วเมื่อตายลงต้องตกเป็นสัตว์บก  สัตว์ปีก  ไม่มีวันสิ้นสุด  สมควรจะตระหนักรู้ตัวให้ดี

อรหันต์จี้กง   :  เนื่องจากเวลาจำกัด ฉันว่าการเยี่ยมชม "ตำหนักสัตว์สี่ชนิดคืนชีพ" จะปิดฉากลงเพียงเท่านี้ ชาวโลกก็พอจะรับรู้เข้าใจเป็นสังเขปบ้างแล้ว ที่นี่เพียงแต่จัดการคืนชีพ นอกนั้นที่โดนขุมที่สิบแห่งยมบาล "จ้วงลุ้งอ๊วง" ตัดสินให้เวียนไปเกิดเป็นสัตว์สี่ชนิด วิญญาณที่เวียนยังไม่ครบกำหนดไม่อยู่ในการจัดทำของตำหนักนี้ อันนี้ชาวโลกควรจะเข้าใจให้ถ่องแท้ไว้ เจ้าหยางเซิงเราเตรียมตัวกลับสำนักกันเถอะ

หยางเซิง   :  ขอขอบคุณพระพันปีและเทวทูตทั้งหลายที่ให้การแนะนำชี้แจง และได้เวลาแล้วเราศิษย์อาจารย์จะกลับเมืองมนุษย์ ขอลาทุกท่านแล้วล่ะ ! 

พระพันปี   :  ที่ไหนได้ !  สิ่งใดบกพร่องแล้ว ขอได้อภัยด้วย นายทหารทั้งหลาย นมัสการส่งท่านอาจารย์กับท่านหยางเซิงกลับ

อรหันต์จี้กง   :  รีบออกจากตำหนัก เตรียมขึ้นบนดอกบัว

หยางเซิง   :  กระผมนั่งเรียบร้อยแล้ว เชิญอาจารย์ท่านเดินทางกลับเถิด .....

อรหันต์จี้กง   :  ถึงสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้งแล้ว หยางเซิงลงจากดอกบัว วิญญาณกลับเข้าสู่ร่างดังเดิม

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                เที่ยวเมืองนรก

               ครั้งที่ 22  วันเสาร์ที่  5  มีนาคม  พ.ศ. 2520

                                 ขุมที่ 4

                  ตอน  พบปะท่านยมบาลโหงวกัวอ๊วง

      ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จปรากฏกาย ตรัสเป็นกลอน มีความว่า  :


             ชีวิตคน        เหมือนขี่ม้า        ชมโคมไฟ       
เวลาผ่านไป               อย่างรีบเร่ง        ไม่กลับย้อน
รูปนามใหม่                จิตวิสุทธิ์           ประภัสสร
ครบวงจร                  เริ่มดิถี              ใครเหาะเหิน

อรหันต์จี้กง   :  ปีเก่าผ่านไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ 15  เดือน 8  ปีมะโรง  สำนักเซี็ยเฮี้ยงตึ้งได้รับเทวโองการให้แต่งหนังสือ "เที่ยวเมืองนรก"  พริบตานั้นเวลาได้ผ่านไปแล้วครึ่งปี  ชีวิตคนอุปมาเหมือนโคมไฟ มีภาพต่าง ๆ หมุนวิ่งอยู่ตลอดเวลา วิ่งหมุนไปโดยไม่หยุดยั้ง เวลาบินหายไปทุกขณะ คนเราจะมีโอกาสได้พบวัน "หง่วนเซียว (วันเพ็ญเดือนอ้าย) สักกี่ครั้ง ?. รู้สึกอายุขัยเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ที่เห็นอยู่ต่อหน้าล้วนเป็นพวกเด็กทั้งหลายมือถือดวงโคมหยอกล้อวิ่งเล่นกัน ยกกระจกขึ้นส่องหน้าตัวเอง เห็นหัวหงอกหน้าคล้ำ หากไม่บำเพ็ญตนโดยเร็วจะคอยเวลาใดเล่า ภายในอุ้งกลางแห่งหัวใจของฉันมียาทิพย์เม็ดหนึ่งสถิตย์อยู่ แต่รอจนครบรอบปีใหม่ ขณะที่ทุกสิ่งทุกอย่างในพิภพเปลี่ยนสภาพใหม่หมด ผลสุกขั้วหล่นจะได้สลัดเปลือกทิ้งบินขึ้นสู่สวรรค์ แผนชีวิตเริ่มขึ้นเมื่อฤดูใบไม้ผลิ เวลาอันมีค่าในชีวิตคนอยู่ที่วัยเยาว์ ถนอมรักเวลาหวงแหนชีวิต ตั้งใจแน่วแน่จะไม่หวั่นไหวต่อยักษ์มาร แสงสว่างมองเห็นอยู่เบื้องหน้าแล้ว ก้าวตรงไปเถิด ขออวยพรให้ดำเนินไปด้วยความสวัสดีมีชัย ปราศจากอุปสรรคใด ๆ ทั้งสิ้น วันนี้เตรียมท่องนรก เจ้าหยางเซิงจงรวบรวมสติกำลังให้สมบูรณ์

หยางเซิง   :  ขอแสดงความยินดีในการร่ำรวย !

อรหันต์จี้กง   :  ยินดีด้วย  ยินดีด้วย !
แต่ว่าเราผู้เป็นอาจารย์ของเจ้านี้ ไม่คิดถึงความร่ำรวยมีเงิน ฉันมีเงินทองเต็มบ้านอยู่แล้ว เพียงคิดแต่จะมีลูกแก้วลูกขวัญโดยเร็วเท่านั้น

หยางเซิง   :  ผู้อยู่ในบรรพชิตยังคิดจะมีบุตรโดยเร็ว จะไม่ทำให้เสื่อมเสียแก่วินัยสงฆ์หรือ ?.

อรหันต์จี้กง   :  เจ้านะ่เข้าใจผิดเสียแล้วล่ะ ความคิดฉันนั้นคือ อยากให้สวรรค์ได้โปรดคลอดบุตรที่สูงศักดิ์มีปัญญาปราดเปรื่องมาก ๆ และคลอดพวกที่ฉลาดแกมโกงให้น้อยลง แล้วโลกนี้จะได้สงบสุข ข้าฯก็จะได้สุขสบายเลย ไม่ต้องมาท่องลุยในโลกอันเต็มไปด้วยฝุ่นกิเลส (คือโลกที่สกปรก) เพื่อกอบกู้ชักจูง (คำพระท่านว่าโปรดเวไนยสัตว์) มวลชนโดยไม่ต้องทุ่มเทซึ่งกำลังน้ำใจทั้งหลาย

หยางเซิง   :  ท่านอาจารย์พูดได้วิเศษมาก แต่มนุษย์ในปัจจุบันนี้ที่ว่าอยากมีบุตรที่สูงศักดิ์โดยเร็วนั้น หมายถึงว่าต้องการบุตรที่คลอดออกมาแล้วต่อไปจะได้ร่ำรวยใหญ่โต รวยทางอุบาทว์ ดังนั้นจึงขอแสดงความยินดีที่มีบุตรสูงศักดิ์โดยเร็ว ไม่เหมือนกับคำว่า "ยินดีที่ร่ำรวย" ชาวโลกชอบจะรับฟังมากกว่า

อรหันต์จี้กง   :  ที่หาเงินเก่งก็ใช่ว่าล้วนเป็นบุตรที่สูงศักดิ์เสียหมดก็หาไม่ ยังมีหญิงชั่วอีกมากนะ ! ฮา ! ฮา ! พูดเพลินไปเลย "เวรปาก" ขอประทานโทษ ๆ เราเตรียมท่องนรกแล้ว เจ้าจงรีบขึ้นบนดอกบัวเร็ว

หยางเซิง   :  ไฉนดอกบัวช่อนี้ในปีนี้จึงเพิ่มความใหญ่โตขึ้นเล่าครับ ?.

อรหันต์จี้กง   :  หน้าที่งานหนักและหนทางก็ไกลด้วย ช่อบัวจึงเบิกบานเปล่งขึ้น จงเคร่งธรรมปฏิบัติงาน ที่นั่งดอกบัวของเจ้ามีสัญญลักษณ์บ่งบอกว่ามีความก้าวหน้าขึ้น

หยางเซิง   :  มิได้ ! รู้สึกตัวเองว่า ยังมีเวรบาปอยู่มาก ไฉนจึงมีบัวอาสนะนั่งได้เล่า ?.

อรหันต์จี้กง   :  ดอกบัวเกิดจากโคลนตม "รักคนถนอมตัว"
ก็จะไม่มีวันผิดได้ รีบขึ้นบนดอกบัวเร็ว วันนี้เราจะท่องนรกขุมที่ 4 กันละ

หยางเซิง   :  กระผมนั่งเรียบร้อยแล้ว เชิญท่านอาจารย์เริ่มเดินทางได้ .....

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                เที่ยวเมืองนรก

               ครั้งที่ 22  วันเสาร์ที่  5  มีนาคม  พ.ศ. 2520

                                 ขุมที่ 4

                 ตอน  พบปะท่านยมบาลโหงวกัวอ๊วง

      ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จปรากฏกาย ตรัสเป็นกลอน มีความว่า  :

             ชีวิตคน        เหมือนขี่ม้า        ชมโคมไฟ       
เวลาผ่านไป               อย่างรีบเร่ง        ไม่กลับย้อน
รูปนามใหม่                จิตวิสุทธิ์           ประภัสสร
ครบวงจร                  เริ่มดิถี              ใครเหาะเหิน

อรหันต์จี้กง   :  วันนี้เกิดมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาดลใจ จึงอ่านกลอนปลอบเตือนชาวโลกบทหนึ่ง ดังต่อไปนี้ :-

ถามชาวโลกว่าวุ่นอะไร ?.        วุ่นเรื่องปากท้องอยู่ร่ำไป !
ถามชาวโลกว่าอยากได้อะไร ?.      อยากได้ชื่อเสียงทรัพย์สินจึงต้องระทมไป !
ถามชาวโลกว่าหลงอะไร ?.           หลงเรื่องความรักร่างกายซูบผอมไป !
ถามชาวโลกว่าคิดอะไร ?.             ล้วนถูกความโลภปั่นหัวไป !
ถามชาวโลกว่าทำอะไร ?.             เรื่องชั่วร้ายผิดศีลไม่ควร (ทำ) ไป !
ถามชาวโลกว่าได้อะไร ?.              วุ่นวายจนตัวตายก็มิได้อะไรไป !
ถามชาวโลกว่าใคร่อะไรไป ?.          ลูกเมียโดนมั่วแค้นเคืองไป !
ถามชาวโลกว่าคอยอะไร ?.           จงกลับเนื้อกลับตัวมุ่งธรรมไป ! 
ถามชาวโลกว่าสร้างอะไร ?.           ออกจากตมบ่เปื้อนท่องเที่ยวสบายไป !
ถามชาวโลกว่าเที่ยวอะไร ?.           เราโดยสารกันในกอปรเมตตาธรรม สุขกายสบายใจ !


        ถึงแล้ว รีบลงจากดอกบัวเร็ว "นรกขุมที่ 4" ได้ปรากฏต่อหน้าเราแล้ว

หยางเซิง   :  อ็อ ! ขุมที่ 4 ปรากฏอยู่เบื้องหน้าจริง ๆ แฮะ

อรหันต์จี้กง   :  โหงวกัวอ๊วง และเทวทูตทั้งหลายได้ออกจากปราสาทแล้ว เราเข้าไปแสดงความเคารพเถิด

หยางเซิง   :  ขอแสดงความคาวระต่อท่าน โหงวกัวอ๊วง และเทวทูตทั้งหลาย กระผมซึงเป็นศิษย์สำนักเซี๊ยเฮี้ยงตึ้ง เมืองไถ่ตง ได้รับเทวโองการแต่งหนังสือ วันนี้โดยการนำของท่านอาจารย์ รู้สึกมีบุญวาสนาที่ได้มายังปราสาทของท่าน ขอได้โปรดให้การแนะนำชี้แจงด้วยเถิด

โหงวกัวอ๊วง   :  มิต้อง รีบลุกขึ้นเถิด ปีใหม่ก็เริ่มละเลงพู่กันมาบากบั่นพากเพียรถึงปานฉะนี้ มุ่งสู่ใต้บาดาลเพื่อการแต่งหนังสือ ศิษย์ยานุศิษย์ทั้งหลายของสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้งมีจิตน้ำใจน่าสรรเสริญยิ่งนัก เชิญท่านอาจารย์และหยางเซิงตามข้าพเจ้าเข้าไปนั่งพักในปราสาทสักครู่ เพื่อสังสรรค์สนทนากันบ้าง

หยางเซิง   :  ขอขอบคุณท่านยมบาลที่ให้การต้อนรับอย่างดีเป็นที่ยิ่ง

โหงวกัวอ๊วง   :  เชิญนั่ง เชิญนั่ง  นายทหารรีบเสิร์ฟน้ำอมฤตด่วน

หยางเซิง   :  ขอบคุณท่านยมบาลมาก