collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: ท่องนรก  (อ่าน 72311 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                            เที่ยวเมืองนรก

               ครั้งที่ 2ึ8  วันที่  26  พฤษภาคม  พ.ศ. 2520

                     ตอน  ท่องแดนผึ้งพิษนรกน้อย ครั้งที่ 2

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จปรากฏกาย ตรัสเป็นกลอนมีความว่า  :

              อาจารย์เทพ        ทรงโปรดเรา        พระคุณนำ
คุณธรรมล้ำ                       เอื้ออาทร            มิรู้วาย
ในโลกนี้                          นักธรรมชั่ว           มีมากมาย
บำเพ็ญกาย                     ลวงสังคม             ต้องรับกรรม 

วิญญาณโทษ   :  ผมไม่ควรเลย
เป็นความจริง ขณะที่ผมอยู่ในแดนมนุษย์ มีตำแหน่งเป็นผู้ใหญ่บ้านอยู่ในตำบลหนึ่ง เนื่องจากในหมู่บ้านจะสร้างศาลเจ้า ผมจึงออกทำการเรี่ยไรเงินแทนชาวบ้าน แต่ไม่เคลียร์เงินทองให้เรียบร้อย โดยเอาเงินที่เรี่ยไรมา อมไว้ส่วนหนึ่งเข้ากระเป๋าตัวเอง เมื่อตายแล้วจึงรู็ว่าการอมเงินของเทพเจ้านั้นมีบาปหนักหนา ดังนั้นจึงถูกตัดสินให้มารับโทษในคุกนี้ ผึ้งพิษต่อยคนเจ็บปวดมากโดยไม่มีการปราณี ทั้งปวดทั้งคัน ยากที่จะทนทานได้ ท่านก็เห็นตามตัวผมแดงซ้ำไปหมด เงินทองเทพเจ้าแม้สตางค์แดงเดียวก็อมไม่ได้ การที่ผึ้งพิษต่อยนั้นเป็นการสนองตอบของผม ผมผิดครั้งเดียวในชีวิตเท่านั้น นอกจากนี้ไม่ได้ทำอะไรผิดเลย

พัศดี   :  แกเป็นผู้ใหญ่บ้าน ต้องบริการผู้เป็นลูกบ้านของแก ทำความดีให้แก่บ้านเกิดเมืองนอน  หมู่บ้านจะสร้างศาลเจ้า เพื่อเป็นการระลึกถึงสิ่งศีักดิ์สิทธิ์ปางก่อนและให้ความเคารพเลื่อมใส แต่แกกลับฉวยโอกาสรวบทรัพย์ โทษนั้นอภัยให้ไม่ได้  ตนที่ 2 รีบสารภาพผิดระหว่างมีชีวิตอยู่โดยเร็ว

หยางเซิง   :  ขอถามอาจารย์รูปนี้ ท่านออกบวช แล้วไฉนท่านไม่ไปทางทิศตะวันตกแดนผุดผ่อง แต่กลับมาอยู่นรกด้วยเล่า?.

วิญญาณโทษ   :  นโมพุทโธ !  ประทานอภัย ๆ ! ฉันเมื่อตอนอายุได้ 15 ปี ออกบวชเป็นชีเป็นศิษย์ของพระพุทธเจ้าท่าน ศึกษาบำเพ็ญในธรรมใจคิดว่าจะบำเพ็ญธรรมจนสำเร็จขั้นอรหันต์ แต่จิตใจตนไม่มั่นคงถาวรพอ เงินทองที่ประดาญา๖ิโยมถวายแด่วัดนั้น ฉันก็แอบยักยอกไว้ใช้เองบ้าง  เก็บสะสมไว้บ้าง มิได้มอบเงินทั้งหมดนั้นไปใช้จ่ายในการบูรณะปฏิสังขรณ์วัด  หรือซื้อของที่ทางวัดจำเป็นต้องใช้หากมีญาตฺโยมให้ช่วยสวดสะเดาะเคราะห์ก็ทำไปอย่างลวก ๆ ขอไปที หากมีคนมานิมนต์ไปสวดศพ ก็จะทำแบบซื้อขายตีราคาเป็นเงินเป็นทองจะสวดกี่กัณฑ์ ก็แล้วแต่เงินมากเงินน้อยที่เรียกว่า "เงินมากของก็มาก เงินน้อยขอก็ได้"  หมายความว่าสวดตามราคาที่ตกลงกันไว้ หากมีญาติโยมที่ค่อนข้างยากจนมานิมนต์ ก็จะแสดงออกว่าไม่ค่อยพอใจด้วย หรืออ้างโน่นอ้างนี่ไม่คิดจะไป ถ้าเผื่อเจอผู้ดีคนรวยก็จะทำสุดความสามารถจัดการให้อย่างมโหฬารเพื่อเอาใจเจ้าภาพ  เพราะเหตุว่าตอนมีชีวิตอยู่มักมากในทรัพย์ เมื่อตายลงแล้วพระพุทธท่าจึงไม่ต้อนรับ ยังโดนดันลง "นรกผึ้งน้อย" มารับโทษ  เจ็บปวด  ทุกข์เข็ญอย่างสาหัสสากรรจ์

พัศดี   :  เธอเป็นพระเป็นชี สละตนออกบวช ควรมีพื้นฐานที่สะอาดหมดจด (คือตัดกิเลสออก) ฝึกฝนอบรมบ่มนิสัย  แต่สลัดกิเลสออกไม่ได้  นิยมชมชอบเรื่องสุขกายสบายใจ  เห็นเงินเป็นพระเจ้า  ขัดต่อหลักธรรมพระพุทธท่าน จึงตัดสินให้เธอมารับโทษยังที่นี่

อรหันต์จี้กง   :  เมื่อบวชเป็นพระเป็นชี ก็ต้องเปลี่ยนชื่อเปลี่ยนสกุลเดิมมาเป็นชื่อทางพระ แต่ละรูปจึงมีชื่อว่า  พระ  ศักดิ์ศรีนั้นหาที่เสมอเหมือนมิได้เลย ก็คือเท่ากับพระพุทธนั่นแหละ แต่ทนต่อกิเลสสิ่งยั่วยวนไม่ได้  ไม่ใช่ความเมตตาปราณีช่วยกอบกู้มวลชน ใจคออันสามานย์ธรรมดานี้ ยากที่จะเสมอเหมือนจิตของท่านพระโพธิสัตว์ได้ ทำใจให้ถึง 3 กำหนดได้ 4  จึงสามารถเข้าเฝ้าพระพุทธ พิษ 3   ธาตุไม่ละทิ้ง ก็ต้องไป 6 ช่องทาง เพื่อเวียนว่ายตายเกิดดังเดิม ขอมวชมลในทั่วพื้นพิภพไม่ว่าจะบำเพ็ญในทางเต๋า  ทางพุทธ  หากว่าไม่ตัดกิเลสทิ้งเสีย  ก็ยากที่จะขึ้นสู่สวรรค์  วันนี้เวลาหมดลงแล้ววันอื่นค่อยมาเยี่ยมชมใหม่ เจ้าหยางเซิงเตรียมตัวกลับสำนัก

หยางเซิง   :  ขอบคุณมากที่ท่านพัศดีและนายทหารในการรับรองที่อบอุ่นมาก เราจะกลับสำนักกันแล้ว ขอลาท่านก่อนละ

พัศดี   :  สิ่งใดที่ขาดตกบกพร่อง ขอท่านทั้งสองโปรดให้อภัยด้วย หวังว่าท่านจะมาให้การสั่งสอนอีกครั้ง

อรหันต์จี้กง   :  รีบขึ้นดอกบัวเร็ว

หยางเซิง   :  กระผมนั่งลงเรียบร้อยแล้ว เชิญท่านอาจารย์เดินทางกลับเถิด...

อรหันต์จี้กง   :  ถึงสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้งแล้ว  หยางเซิงลงจากดอกบัว วิญญาณกลับเข้าร่างดังเดิม   

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                            เที่ยวเมืองนรก

               ครั้งที่ 2ึ9  วันที่  20  พฤษภาคม  พ.ศ. 2520

                     ตอน  ท่องแดนผึ้งพิษนรกน้อย ครั้งที่ 3

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จปรากฏกาย ตรัสเป็นกลอนมีความว่า  :

             เทพลงทรง        ช่วยชาวโลก        เมตตาจิต
ฝึกฝนฤทธิ์                     แลธรรมะ             อยู่เนืองนิตย์
แนะคนหลง                    ด้วยวาจา            อันศักดิ์สิทธิ์
พ้นวิกฤต                       ขจัดเคราะห์         แก่มวลชน

อรหันต์จี้กง   :  เทพเทวะ
ท่านลงประทับทรงเพื่อกอบกู้ช่วยเหลือชาวโลกตั้งใจใช้เมตตาจิต  ความปราณี  ปลดความทุกข์ยากของมวลชน  แต่ถูกพวกนักบวชปลอม  เทพปลอม  ฉกฉวยพาไปในทางผิด เพื่อหาผลประโยชน์โดยทรัพย์ สมควรลงโทษเพิ่มขึ้นอีกขั้นหนึ่ง พวกหมอดูยกตัวเองว่า "ปากเหล็ก" แต่มีบางคนกัดคนโดยไม่ให้เห็นเลือด โหดร้ายเท่ากับเสือสิงห์ พวกศิษย์ทรยศต่อท่าน "กุ้ยก๊กเซียนซือ" ศาสดาจารย์แห่งต้นตำหรับหมอดู ทำให้เสื่อมเสียไปถึงท่านนั้น เมื่อตายลงแล้วโดนยมบาลทำโทษอย่างหนัก หลังจากนั้นให้หมุนไปเกิดเป็นพวกนก กา ใน "หุบเขาผีเปลี่ยน" อาศัยปากเหล็กนั้น ๆ ร้องเสียงเจี้ยว ๆ อันไพเราะเท่านั้นเอง วันนี้ได้เวลาท่องนรกแล้ว เจ้าหยางเซิงเตรียมตัวขึ้นบนดอกบัวเร็ว 

หยางเซิง   :  ขอรับคำบัญชา อากาศร้อนมากมิทราบว่าหนทางแห่งนรกจะเย็นสบายกว่านี้บ้างไหม?.

อรหันต์จี้กง   :  บรรยากาศในนรกหนาวเหน็บ จะทำให้เจ้าขนลุก รีบขึ้นบนดอกบัวเร็ว อย่าเสียเวลาอีกเลย

หยางเซิง   :  ขอรับกระผม นั่งเรียบร้อยแล้ว เชิญท่านอาจารย์เริ่มได้ ...

อรหันต์จี้กง   :  ถึงแล้ว รีบลงเสีย

พัศดี   :  ขอต้อนรับท่านทั้งสอง ที่มาเยี่ยมคุกนี้อีกครั้งหนึ่ง

หยางเซิง   :  วันนี้มาเยี่ยม "นรกผึ้งน้อย" อีกครั้งท่านพัศดีและนายทหารได้ออกมาต้อนรับเราแล้ว

อรหันต์จี้กง   : ในโลกมนุษย์มีพวกทรชนอาศัยชื่อของเทพเจ้า แต่ทำสิ่งที่เสื่อมเสียคุณธรรมชื่อเสียงของท่าน ดังนั้น จึงทำให้เราต้องเวียนมาถึง 3 ครั้ง ยังที่ "นรกผึ้งพิษ" เพื่อรวบรวมข้อมูลประกาศเปิดเผยสิ่งที่ได้รู้ได้เห็นในแดนนรก เพื่อปลอบเตือนกอบกู้ชาวโลก

พัศดี   :  ท่านทั้งสอง เชิญตามข้าพเจ้าเข้าไปข้างใน พักผ่อนดื่มน้ำชากันเถิด

หยางเซิง   :  วันนี้ได้เสียเวลาไปบ้างแล้ว กระผมว่าไม่ต้องก็ได้นะครับ

พัศดี   :  ถ้างั้น เชิญท่านอาจารย์ และท่านหยางเซิงเข้าไปในคุกกันเถิด

หยางเซิง   :  ผึ้งพิษอยู่เต็มห้อง เอาตัวคนเป็นรัง ล้วนบินไปปตอมอยู่บนร่างของวิญญาณโทษนั้น มิได้ทำการผลิตน้ำผึ้งนะ แต่ทำการพ่นยิงน้ำพิษ

อรหันต์จี้กง   :  อยู่ในแดนมนุษย์กินของหวานมามากแล้ว มาอยู่ที่นี่ให้มันลิ้มรสขมเสียบ้าง

หยางเซิง   :  วิญญาณโทษร้องลั่น ด้วยความเจ็บปวดแตกตื่น วิ่งพล่านแต่ไม่มีทางออก

อรหันต์จี้กง   :  นี่แหละคือ "สวรรค์" มีทางมันไม่ไป นรกไม่มีประตู ดันจะเข้า "เป็นอย่างนี้ละ

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                             เที่ยวเมืองนรก

               ครั้งที่ 2ึ9  วันที่  20  พฤษภาคม  พ.ศ. 2520

                     ตอน  ท่องแดนผึ้งพิษนรกน้อย ครั้งที่ 3

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จปรากฏกาย ตรัสเป็นกลอนมีความว่า  :

             เทพลงทรง        ช่วยชาวโลก        เมตตาจิต
ฝึกฝนฤทธิ์                     แลธรรมะ             อยู่เนืองนิตย์
แนะคนหลง                    ด้วยวาจา            อันศักดิ์สิทธิ์
พ้นวิกฤต                       ขจัดเคราะห์         แก่มวลชน 

พัศดี   : 
ขณะนี้โลกมนุษย์มีผู้จัดการโรงเจ้าโรงธรรมหลายคนอาศัยชื่อเสียงสิ่งศักดิ์สิทธิ์หลอกล่อทรัพย์สินและผู้หญิง  ทางสังคมก็ติเตียนกล่าวโทษอยู่เนืองนิตย์ ทำให้กระทบต่อเกียรติศักดิ์อันผุดผ่องของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ "นรกผึ้งน้อย" มีวิญญาณโทษเพิ่มขึ้นเสมอ ๆ ทำให้เสทือนในอารมณ์ข้าพเจ้าเป็นอย่างยิ่ง ข้าพเจ้าจะให้วิญญาณโทษ 2 - 3 ตนที่มีสัญญลักษณ์ซึ่งจะเป็นตัวแทนได้มาเล่าความชั่ว ทำลายศีลที่ตนก่อไว้ในโลกมนุษย์ เพื่อลงพิมพ์ใน "เที่ยวเมืองนรก"

หยางเซิง   :  รบกวนท่านพัศดี ที่ให้ความช่วยเหลือที่จะทำให้เราศิษย์อาจารย์สามารถบรรลุถึงหน้าที่อันศักดิ์สิทธิ์นี้ รู้สึกขอบคุณเป็นที่ยิ่ง

พัศดี   :  นี่เป็นสิ่งที่ควรกระทำอยู่แล้ว อย่าได้เกรงใจเลย ได้ให้นายทหารคุมตัววิญญาณโทษ 3 ตนออกมาแล้วฟังคำสั่ง ท่านผู้นี้คือหยางเซิงแห่งสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้ง เมืองไถ่ตงในแดนมนุษย์ โดยมีท่านอรหันต์จี้กงพาเข้ามายังยมโลก สืบเสาะและสำรวจความลับในแดนนรก เพื่อแต่งหนังสือเตือนชาวโลก ให้รีบเล่าสารภาพตอนอยู่เมืองมนุษย์ ได้ทำชั่วอย่างไรบ้างอย่างหมดเปลือก

วิญญาณโทษ   :  ผมเป็นเด็กทรง ของจอมพลหอกลาง สำนักหนึ่งในเมืองไถ่ตง ตอนมีชีวิตอยู่เริ่มแรกเทพเจ้ามาอาศัยตัวผมลงประทับทรงช่วยชาวโลก  ก็ได้ช่วยกอบกู้ผู้คนนับจำนวนไม่น้อยจริง ผู้ป่วยที่นายแพทย์ไม่สามารถรักษาให้หาย มีหลายรายล้วนได้รับการรักษาจากเดชเทพเจ้าแห่งจอมพลหอกลางนี้ ต่อมา ผมเห็นว่ามีคนศรัทธามากยิ่งขึ้น บางครั้งท่านจอมพลหอกลางไม่อยู่ ผมก็จะเกล้งทำกระโดดโลดเต้นว่าเจ้าลงประทับทรงแล้ว ให้โทษแก่ร่างกายที่เจ็บไข้ของผู้มาเฝ้าทรง และก็อาศัยโอกาสนี้บอกกับผู้มาเฝ้าทรงว่า มีฆาตเคราะห์หรือมีภูตผีปีศาจสิงสู่ตัวก็บ่อยครั้ง ต้องทำการสะเดาะถึงจะแก้ไข แต่ผู้ที่สะเดาะเคราะห์ต้องเผากระดาษทองเป็นจำนวนมาก รีดเอาเงินทีละพัน  สองพัน  สามพัน  ต่าง ๆ นานา  ทั้งนี้ล้วนมิใช่ความประสงค์ของเทพเจ้า ในชีวิตหาเงินทองได้มิใช่น้อย ยังซื้อตึกสูงหลายชั้น ได้เสพสุขชนิดชั้นยอด เมื่อตายแล้วถูกยมทูตคุมตัวไปยังขุมที่ 4  ท่านยมบาลโกรธมาก ดุว่าตัวแกเป็นเด็กนักทรง แห่งจอมพลหอกลาง ตามหลักแล้วต้องรอจนกว่าธาตุทุกส่วนสมบูรณ์เรียบร้อยแล้วจึงจะทำการกอบกู้ผู้คนได้ แต่แกบังอาจเอาชื่อเจ้าไปหลอกลวงโกยทรัพย์ ความดีที่ช่วยกอบกู้ผู้คนหักล้างกับความชั่วที่โกยทรัพย์ไปแล้ว ความชั่วมากกว่าความดี จึงตัดสินให้ตกเข้า"นรกผึ้งพิษนรกน้อย" ไปรับโทษลงทัณฑ์ทุก ๆ วัน โดนผึ้งพิษกัดต่อย จนปวดแสบเหลือจะทนทานได้ ตอนมีชีวิตอยู่แม้เอามีดดาบมาแทงฟันตามตัว ยังไม่รู้สึกเจ็บปวดเลย แต่บัดนี้โดนผึ้งตัวเดียวปล่อยเหล็กไนเข้าทีเดียว จะเจ็บปวดถึงขั้วหัวใจ สำนึกตัวได้ก็สายเสียแล้ว ขอฝากคำไปยังเด็กนักทรงในแดนมนุษย์ด้วย ต้องตั้งอยู่ในจิตที่ช่วยกอบกู้ผู้คนอันดั้งเดิมนั้นไว้ อย่าไปเปลี่ยนใจกลางทาง เข้ากับเจ้าเพื่องานการ อย่าอาศัยเจ้ามาหลอกคน จึงจะไม่ต้องเดินตามรอยของผมอย่างนี้

อรหันต์จี้กง   :   
เทพเจ้าลงประทับทรงเพื่อช่วยมวลชนเป็นปฏิบัติสืบต่อกันมาของศาสนาเดิม ทำขึ้นเพื่อช่วยเหลือบรรดาคนป่วยที่นายแพทย์ไม่สามารถให้การรักษาได้ ช่วยรักษาในทางไสยศาสตร์ ซึ่งเป็นคุณธรรมที่เมตตาชีวิตมนุษย์ของฟ้าสวรรค์ท่าน  ต่อมามนุษย์ได้ถือเอาเป็นเครื่องมือกอบโกยรวบทรัพย์ขัดกับความมุ่งหมายแห่งการช่วยชีวิตของสวรรค์ท่านเป็นอย่างยิ่ง นับได้ว่าผู้ทรงเป็นเหตุในการทำบาป การรับประทับทรงเพื่อช่วยกอบกู้ชาวโลก หากจะทำเพื่อยังชีพ ก็แล้วแต่ผู้เฝ้าทรงจะบริจาค ก็ยังไม่ผิดอะไรนักหนา  ถ้าอาศัยสิ่งนี้ทำการรับทรัพย์แบบซื้อขาย "รักษาโดยเทพเจ้า" ก็จะกลายเป็น "อาศัยเทพเจ้าหากิน" กฏหมายของบ้านเมืองอนุญาตให้ ยมกฏแห่งนรกก็ไม่ให้อภัย

พัศดี   :  สั่งให้วิญญาณโทษตนที่ 2 เล่าเรื่องความชั่วที่ตนทำไว้ในแดนมนุษย์ ให้ท่านหยางเซิงฟัง 

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                             เที่ยวเมืองนรก

               ครั้งที่ 2ึ9  วันที่  20  พฤษภาคม  พ.ศ. 2520

                     ตอน  ท่องแดนผึ้งพิษนรกน้อย ครั้งที่ 3

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จปรากฏกาย ตรัสเป็นกลอนมีความว่า  :

             เทพลงทรง        ช่วยชาวโลก        เมตตาจิต
ฝึกฝนฤทธิ์                     แลธรรมะ             อยู่เนืองนิตย์
แนะคนหลง                    ด้วยวาจา            อันศักดิ์สิทธิ์
พ้นวิกฤต                       ขจัดเคราะห์         แก่มวลชน 

วิญญาณโทษ   : 
ตอนอยู่ในโลกมนุษย์ ผมเป็นหมอดูคนหนึ่ง ศึกษาทางโหราศาสตร์ หากินไปทั่ว มักจะตั้งโต๊ะดูหมอตามตลาดโต้รุ่ง ช่วยแก้ปัญหาช่วยเหลือผู้คน มีอยู่ครั้งหนึ่ง ในขณะที่การค้าซบเซา ก็มีเจ้าหนุ่มผู้หนึ่งมาขอให้ตรวจโชคชะตาราศี ผมสังเกตดูเห็นการแต่งกายเป็ฯคนต่างถิ่น  จึงรัวลิ้นอันติดสปริงนั้นบอกเขาว่า อนาคตอันใกล้นี้ชะตาจะถึงฆาต ต้องทำการสะเดาะเคราะห์  มิเช่นนั้หนทางข้างหน้าจะมืดมน ผมก็เรียนจบทางเวทย์มนต์ของขลังจะย้ายดวงย้ายดาวได้  เจ้าหนุ่มนั้นเชือว่าเป็นความจริง ก็เลยตกหลุมพลางของผม หลังทำสะเดาะเคราะห์แล้ว ผมเรียกเอาเงิน 1,500 เหรียญเป็นค่าบริการ  ต่อจากนั้นจึงใช้ลูกไม้หลอกลวงทรัพย์ เมื่อตายลงแล้วยมบาลตวาดดุด่าผมว่า เรียนจบตำราหมอดู ขาดศีลธรรม หลอกลวงเงินทองผู้อื่น ตัดสินผมเข้าคุก "นรกผึ้งพิษ"  12 ปี ขณะนี้รับโทษมาแล้วเพียง 3 ปีเศษ วันข้างหน้าความทุกข์ยังมีอีกมาก ผึ้งพิษไม่ประทานน้ำหวานให้ ล้วนฉีดให้แต่เข็มพิษ  ทั่วกายบวมซ้ำ และคันเหลือกำลัง จึงสำนึกได้ว่าเมื่อก่อนนั้นเราไม่ควรทำเลย

อรหันต์จี้กง   :  ตอนมีชีวิตอยู่ คำพูดคำจา หวานดังน้ำผึ้ง พูดอย่างน้ำไหลไฟดับ คุยว่ามีฤทธิ์เดชสารพัด ที่แท้เหมือนกับผึ้งพิษตัวหนึ่ง ให้โทษเขามาก ช่วยคนได้น้อยจึงต้องรับการตอบสนองดังทุกวันนี้แหละ  ขอเตือนหมอดูในโลกมนุษย์ จงฝึกอบรมธรรม บำเพ็ญตนใช้หลักความจริง ช่วยกอบกู้ผู้คน ช่วยแก้ไขปัญหาสับสนยุ่งยากแก่ผู้อื่น ก็จะสร้างบุญสร้างกุศลอันใหญ่หลวง การตรวจดวงตรวจดาวอันชุ่ย ๆ ส่งเดช เป็นการตรวจเฉพาะเงินในกระเป๋าของผู้อื่นก็จะไม่สมชื่อว่าหมอดู นรกจะมีส่วนกำนัลให้ วันนี้เวลาดึกมากแล้ว เราเตรียมกลับสำนักเถอะ

หยางเซิง   :  ขอถามท่านพัศดีว่า ผู้อาศัยเจ้าหากินพวกนั้น เมื่อตายลงแล้วมารับโทษที่คุกนี้ทั้งหมดหรือไฉน?.

พัศดี   :  มันก็ไม่แน่หรอก  บ้างก็ลวงหญิงโดยเฉพาะ หรือมีพฤติการณ์พิเศษกว่านี้ก็ขังไว้ที่อื่น ที่ขังอยู่ในคุกนี้เพียงแต่บางส่วนเท่านั้นเอง

หยางเซิง   :  เนื่องจากเวลาหมดแล้ว ขอบคุณท่านพัศดีและนายทหารที่ให้การแนะนำ เราศิษย์อาจารย์ขอลาก่อนละ

พัศดี   :  ให้นายทหารตั้งแถวนมัสการส่งท่านอาจารย์ 

อรหันต์จี้กง   :  ขอบคุณท่านพัศดีมาก เราขอลาแล้ว เจ้าหยางเซิงเตรียมออกจากคุก รีบขึ้นบนดอกบัว

หยางเซิง   :  กระผมนั่งเรียบร้อยแล้ว เชิญอาจารย์ท่านกลับได้...

อรหันต์จี้กง   :  ถึงสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้งแล้ว หยางเซิงลงจากดอกบัว วิญญาณกลับเข้าสู่ร่างดังเดิม

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                             เที่ยวเมืองนรก

               ครั้งที่ 30  วันที่  30  พฤษภาคม  พ.ศ. 2520

                              ขุมที่  5 

              ตอน  ท่องหอส่องบ้านเดิมพบยมบาลเซียมล้ออ๊วง

          เทพเจ้าหยางเจี๋ยนเสด็จลง ตรัสเป็นกลอนมีความว่า  :
               
             หาความลับ          ในนรก          ถึงขุมห้า   
ย่อมเป็นข้า                       แต่งหนังสือ    ช่วยคนรั้น
ชูกิ่งท้อ                           เหล่าภูตผี      สยบพลัน
เตือนกัน                          ด้วยระฆัง       ก้องกังวาน

เทพเจ้า   : 
เนื่องจากวันนี้ท่านอรหันต์จี้กงติดกิจธุระสำคัญไม่สามารถพาหยางเซิงไปท่องนรก ข้าพเจ้าได้รับเทวโองการจากท่านเง็กเสียงอ๊วงตี่ให้ลงสู่สำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้งพาหยางเซิงท่องแดนนรก ด้วยเหตุว่าเวลาน้อยมาก เราเตรียมการท่องยมโลกกันเถิด

หยางเซิง   :  ท่านเทพเจ้าหยางเจี่ยน ที่รบกวนท่านพาเที่ยวในวันนี้ รู้สึกขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง ท่านได้นำสุนัขฟ้าตัวหนึ่งติดตามไปด้วย เพื่ออะไรมิทราบ?. ก่อนหน้านี้ท่านอาจารย์จี้กงพากระผมไปด้วยการนั่งบนดอกบัว มิทราบว่าใช้พาหนะอันใดที่ท่านจะพากระผมไปในวันนี้ ?.

เทพเจ้า   :  ท่านอาจารย์มีดอกบัว ส่วนฉันไม่มี พุทธกับเทพต่างก็มีเดชด้วยกัน วันนี้เจ้ากับฉันขี่สุนัขตัวนี้ไปด้วยกันเถิด

หยางเซิง   :  สุนัขเดินได้ช้ามาก ยิ่งกว่านั้นดูแล้วสุนัขตัวนี้ดุร้ายเหลือกำลัง คนแปลกหน้าเมื่อเข้าใกล้กลัวมันแผงฤทธิ์จะโดนกัด๙้ำไปทั้งตัว

เทพเจ้า   :  สุนัขนี้มิใช่สุนัขธรรมดา แต่เป็นสุนัขฟ้า เป็นยานพาหนะของฉัน มีฤทธิ์เดชไม่เบาเสียด้วยจะไม่กัดเจ้าให้ช้ำ

หยางเซิง   :  แต่ว่าสุนัขเดินทางในอัตราช้ามาก เกรงว่าจะกระทบต่อการเดินทาง

เทพเจ้า   :  เจ้าจงวางใจได้ เท้าทั้ง 4 ของสุนัขฟ้าเปรียบเสมือนล้อรถยนต์ 4 ล้อของแดนมนุษย์ออกเดินอัตตราความเร็วไม่แพ้ดอกบัว รีบขึ้นมาเถิด

หยางเซิง   :  กระผมนั่งเรียบร้อยแล้ว ท่านนั่งอยู่ข้างหน้าผม ต้องควบคุมให้ดี มิเช่นนั้นกระผมตกหล่นไปแล้ว ก็จะแย่นะครับ

เทพเจ้า   :  เจ้ารีบหลับตาทั้งสองข้างเร็ว ไม่มีการเกิดอุบัติเหตุหรอก เย็นใจไได้

หยางเซิง   :  มิทราบว่าวันนี้จะไปยังแห่งใด ?.

เทพเจ้า   :  วันนี้จะท่อง "นรกขุมที่ 5 " เป็นครั้งแรก อย่าถามอะไรอีกเลย เวลามันน้อยมาก เราเริ่มเดินทางเถิด...ถึงแล้วละ รีบลงมาเร็ว

หยางเซิง   :  หูทั้งสองข้างเพียงแต่ได้ยินเสียงอู้ ๆ พริบตาเดียวเท่านั้นก็ถึงยมโลกแล้ว ของเทวดาก็ไม่ผิดแผกแตกต่างจากของพระอรหันต์

เทพเจ้า   :  เทพกับพุทธที่แท้ก็อันหนึ่งอันเดียวกัน เช่นเดียวกับผู้คนในแดนมนุษย์ ซื้อรถยนต์ 2 คัน ที่มียี่ฮ้อต่างกัน ล้วนพูดว่าของตนเป็นผลิตภัณฑ์ชั้นสูง แต่ไม่รู้เนื้อแท้ จึงไม่สามารถแบ่งแยกได้ว่าสิ่งใดดีสิ่งใดเลว จิตใจคนก็เหมือนเครื่องยนต์ ถ้าหากเครื่องยนต์ดีเลิศ บวกกับพื้นฐานที่เรียบร้อย เมื่อเล่นไปบนถนนที่กว้างใหญ่ก็จะราบรื่นปลอดภัยไปเอง

หยางเซิง   :  เทพเจ้าท่านพูดสมเหตุสมผลมาก เบื้องหน้าฝูงชนแออัดยัดเยียดน่าดู  ล้วนแย่งกันขึ้นไปบนบันไดหอวิญญาณโทษ หญิงชายถูกยมทูตคุมตัวรุดขึ้นหน้าไปแล้ว ยังมีอีกพวกหนึ่งไม่มีใครคุม สีหน้าเบิกบานแย้มระรื่น ปรากฏออกนอกหน้า มิทราบว่าที่นี่คือแห่งใด?.

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                            เที่ยวเมืองนรก

               ครั้งที่ 30  วันที่  30  พฤษภาคม  พ.ศ. 2520

                              ขุมที่  5 

              ตอน  ท่องหอส่องบ้านเดิมพบยมบาลเซียมล้ออ๊วง

          เทพเจ้าหยางเจี๋ยนเสด็จลง ตรัสเป็นกลอนมีความว่า  :
               
             หาความลับ          ในนรก          ถึงขุมห้า   
ย่อมเป็นข้า                       แต่งหนังสือ    ช่วยคนรั้น
ชูกิ่งท้อ                           เหล่าภูตผี      สยบพลัน
เตือนกัน                          ด้วยระฆัง       ก้องกังวาน

เทพเจ้า   :  ที่นี่คือ "หอส่องบ้านเดิม"
วิญญาณโทษเหล่านี้เมื่อตกเข้านรกแล้วจะส่งมอบให้ขุมที่ 5 ใจในคิดว่าจะขึ้นบน "หอส่องบ้านเกิม" ส่องมองดูลูกหลานที่อยู่ในเมืองมนุษย์มีสภาพเป็นอยู่อย่างไรบ้าง จึงอดกลั้นในความเศร้าที่เกิดขึ้นไม่ได้ เลยร้องห่มร้องไห้ตาม ๆ กัน วิญญาณโทษที่มิได้โดนทำโทษนั้นก็มุ่งมาหอส่องบ้านเดิมด้วยความเบิกบานใจ เพื่อมองดูลูกหลานในโลกมนุษย์เป็นอย่างไรบ้าง

หยางเซิง   :  ข้างหน้ามีผู้คนหมู่หนึ่งกำลังเดินมา ท่าทีองอาจสง่างาม น่าเกรงขาม มิทราบว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์จากแห่งใด?. 

เทพเจ้า   :  ยมบาลแห่งเซียมล้ออ๊วงแห่งขุมที่ 5 แล้ข้าราชการบริพารฝ่ายบุ๋นฝ่ายบู๊ (พลเรีอนและทหาร)  ทั้งหลาย ได้ลงบันไดมาต้อนรับเราแล้วรีบเข้าไปแสดงความเคารพเถิด

หยางเซิง   :  กระผมนายหยางเซิง ศิษย์ของท่านกวนอู แห่งสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้งแห่งเมืองไถ่ตง เนื่องด้วยได้รับเทวโองการให้แต่งหนังสือ "เที่ยวเมืองนรก" เพื่อปลอบเตือนชาวโลก วันนี้โดยการนำของเทพเจ้าท่านหยางเจี่ยนเข้ามายังแดนนรก มายังขุมที่ 5 ขอท่านเซียมล้ออ๊วงโปรดให้ความสะดวก เพื่อที่การแต่งหนังสือนี้ได้ลุล่วงไปโดยสะดวกรวดเร็ว

เซียมล้ออ๊วง   :  สำนักเซี้ยงเฮี้ยงตึ้ง สร้างธรรมในทางชอบไม่น้อย ตั้งสำนักประกาศธรรม รับลงทรงแต่งหนังสือ กล่อมเกลากอบกู้ผู้คนนับจำนวนไม่ถ้วน ข้าพเจ้าคุมอำนาจในขุมที่ 5 มีวิญญาณผู้ตายหลายต่อหลายคนเคยได้อ่านหนังสือธรรมคัมภีร์จากสำนักของท่านในแดนมนุษย์ ความผิดพลาดมีน้อย  สะสมความดีในแดนนรก  ข้าพเจ้าล้วนตัดสินให้เขาไปผุดไปเกิดโดยเร็ว หรือจัดตามความชอบให้รับผลสำเร็จธรรมไป

หยางเซิง   :  ขอขอบคุณท่านยมบาลที่ให้การดูแลช่วยเหลือยิ่ง ผิดถูกประการใดจะได้รับการตัดสินอย่างเที่ยงธรรม ผู้ที่มีคุณธรรมจึงได้รับอภัยโทษจากท่าน

เซียมล้ออ๊วง   :  มิต้อง ลุกขึ้นเร็ว  ท่านยี่นึ้งซิ้งกุง (นามเดิมของเทพเจ้าหยางเจี่ยน) และท่านหยางเซิงตามข้าพเจ้าเข้าไปพักในปราสาทสักครู่เถิด

เทพเจ้า   :  เพราะเหตุว่าจะเสียเวลาอีกไม่ได้แล้ว วันอื่นค่อยเข้าไปรบกวนในปราสาท วันนี้ข้าพเจ้าจะพาหยางเซิงขึ้นไปบนหอส่องบ้านเดิมชมดูสักครั้งก่อน

เซียมล้ออ๊วง   :  ถ้าเช่นนั้นแล้ว ข้าพเจ้าก็จะไม่ขอหน่วงเหนี่ยวเวลา ข้าพเจ้าจะพาพวกท่านขึ้นบนหอส่องบ้านเดิม โปรดตรวจชมให้ละเอียด

หยางเซิง   :  ขอบพระคุณท่านยมบาล ที่ทำการนำทางเอง 

เซียมล้ออ๊วง   :  วิญญาณที่จะผ่านไปทางขุมที่ 5 ต้องผ่านหอส่องบ้านเดิมก่อน เพื่อสอดส่องดูลูกหลานของตนที่อยู่ในแดนมนุษย์เป็นอย่างไรบ้าง ดังนั้น วิญญาณผู้ตายโดยทั่วไปล้วนมีความหลงรัก ห่วงใยลูกหลานในแดนมนุษย์ เช่นนี้แล้วไม่ว่าจะมีโทษหรือไม่มี จึงอยากจะขึ้นไปส่องมองทั้งนั้น

หยางเซิง   :  อันนี้เป็นนิสัยธรรมดาของผู้คนที่จะสลัดได้ยากยิ่งจริง ๆ เบื้องหน้ามียมทูตคุมตัวผู้เฒ่าคนหนึ่งเดินผ่านมา ขณะที่ตาแกมองดูหอนี้นั้นน้ำตาร่วงราวกับสายฝน ร่ำไห้คร่ำครวญ มิทราบว่าเนื่องจากเหตุใด ?.   

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                         เที่ยวเมืองนรก

               ครั้งที่ 30  วันที่  30  พฤษภาคม  พ.ศ. 2520

                              ขุมที่  5 

              ตอน  ท่องหอส่องบ้านเดิมพบยมบาลเซียมล้ออ๊วง

          เทพเจ้าหยางเจี๋ยนเสด็จลง ตรัสเป็นกลอนมีความว่า  :
               
             หาความลับ          ในนรก          ถึงขุมห้า   
ย่อมเป็นข้า                       แต่งหนังสือ    ช่วยคนรั้น
ชูกิ่งท้อ                           เหล่าภูตผี      สยบพลัน
เตือนกัน                          ด้วยระฆัง       ก้องกังวาน

เซียมล้ออ๊วง   : 
ผู้เฒ่าคนนี้ได้ทำบาปไว้ตอนที่แกมีชีวิตอยู่ จึงต้องมารับโทษยังแดนนรก เวลานี้การลงโทษยุติลงแล้ว (หมดโทษ) มาส่องมองบนหอเมื่อส่องดูลูกหลานแล้ว เห็นว่าไม่มีอาการเศร้าโศกแม้แต่น้อย บ้างก็เฝ้าดูโทรทัศน์ในห้องโถง บ้างก็เล่นกันอยู่ในลานบ้าน ไม่มีการรำลึกคิดถึงบรรพบุรุษเลย ในใจคิดถึงว่าตอนมีชีวิตอยู่นั้น ตนเองมุทำงานเหมือนวัวเหมือควายเพื่อพวกเขา คิดแล้วไม่สมควรเป็นอย่างยิ่ง จึงเกิดความซ้ำใจขึ้น

เทพเจ้า   :  ตอนมีชีวิตอยู่ถ้าไม่บำเพ็ญธรรมอย่างจริงจัง จะหวังให้ลูกหลานมากอบกู้ชักจูงพ้นทุกข์ เป็นเรื่องที่ยากยิ่งเสียจริง ๆ เพราะเหตุว่าลูกหลานบางคนไม่เชื่อถือสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือเรื่องเหตุและผลแม้แต่นิดเดียว ไหนเลยจะมาทำการช่วยกอบกู้วิญญาณตน เมื่อวิญญาณตกมาถึงยมโลกซึ่งจะสำนึกได้ก็สายเสียแล้ว ดังนี้แล้วจงสร้างบุญทำกุศลไว้ตอนที่ยังมีลมหายใจอยู่ให้มาก ๆ ก็จะปลอดภัยกว่า

หยางเซิง   :  กระผผมเห็นบน "หอส่องบ้านเดิม" ไฉนจึงเวิ้งว้างว่างเปล่า ไม่มีวี่แววแสดงว่ามีอะไรเลย ?.

เทพเจ้า   :  ตาเจ้าน่ะเป็นตาธรรมดาสามัญ ถึงแม้ว่าท่านอรหันต์จี้กงได้เคยพาเจ้าไปอาบใน "สระน้ำสบายใจ" แต่พอนานเข้าฝุ่นแดง(ฝุ่นในโลกียโลก) จับเต็มอีก ดังนั้นตาปุถุชนจึงยากที่จะมองทุลุปรุโปร่งบน "หอส่องบ้านเดิม" สิ่งนี้คือกลไกที่พิศดารอ่อนไหวแยบยลมากเครื่องหนึ่ง แปรเปลี่ยนพลิกแพลงได้สารพัด

เซียมล้ออ๊วง   :  ฝุ่นแดงมากจับตาเลยกลายเป็นตาทราย (ตาเป็นโรคริดสีดวง) จึงมองดูอะไรไม่กระจะชัดแจ้ง  ให้ตุลาการฝ่ายบุ้งรับไปเอาน้ำในมาให้ท่านหยางเซิงชะล้างให้สะอาดสักครั้ง

บุ้งพัวกัว   :  ขอรับคำบัญชา ได้เอาน้ำใสมาแล้ว เชิญเจ้านายท่านจัดการเถิด

เซียมล้ออ๊วง   :  เอามาให้ฉัน ท่านหยางเซิงจงเบิกตาทั้งสองข้างออก ใช้น้ำใสล้างเสีย.....

หยางเซิง   :  ขอบคูรมากที่ท่านได้ประทานน้ำใส ตาทั้งสองเญ้นสบายหาที่เสมอเหมือนมิได้จริง ๆ ด้วย

เซียมล้ออ๊วง   :  ขณะนี้ท่านจงมองไปยัง "หอส่องบ้านเดิม" ได้แล้ว

หยางเซิง   :  โอ้ วิเศษอะไรอย่างนั้น ในหอปรากฏขึ้นซึ่งเหตุการณ์ต่าง ๆ ของสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้งอยู่ต่อหน้าต่อตา ศิษย์นักทรงแยกเป็น 2 แถวอารักขาองค์ทรงอย่างเลื่อมใสจริงใจ ร่างกระผมเองก็ยืนอยู่กลางปราสาท และกำลังประทับทรงเขียนเป็นตัวอักษร เง็กฮือท่งจื้อ (ชื่อของกุมารเทพ) ประคองร่างกระผมไว้ ชูพู่กันเขียนตัวอักษรในถาดทรายอย่างรวดเร็ว ศิษย์ผู้บันทึกคุณเฮ้งศิษย์ผู้พี่คุณลี้ ก็ขีดเขียนอยู่ข้างกาย ศิษย์ผู้อ่านคุณหลินก็อ้าปากอ่านตัวหนังสืออยู่ ราวกับภาพยนต์ฉันนั้น

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                           เที่ยวเมืองนรก

               ครั้งที่ 30  วันที่  30  พฤษภาคม  พ.ศ. 2520

                              ขุมที่  5 

              ตอน  ท่องหอส่องบ้านเดิมพบยมบาลเซียมล้ออ๊วง

          เทพเจ้าหยางเจี๋ยนเสด็จลง ตรัสเป็นกลอนมีความว่า  :
               
             หาความลับ          ในนรก          ถึงขุมห้า   
ย่อมเป็นข้า                       แต่งหนังสือ    ช่วยคนรั้น
ชูกิ่งท้อ                           เหล่าภูตผี      สยบพลัน
เตือนกัน                          ด้วยระฆัง       ก้องกังวาน

เซียมล้ออ๊วง   : 
ความอ่อนไหวพิศดารของ "หอส่องบ้านเดิม" ยากที่จะหาสิ่งใดมาเปรีบยเทียบเสมอเหมือนได้ เง็กฮือท้งจื้อของสำนักท่านใช้ตาทิพย์ถ่ายทอดภาพ โดยประทับทรงอยู่ในกายท่านแล้วถ่ายทอดเหตุการณ์ต่าง ๆ ของท่านที่ท่องเที่ยวในยมโลกเขียนลงบนถาดทราย ดวงตาของเง็กฮือท้งจื้อก็เหมือนกับ "หอส่องบ้านเดิม" สามารถมองทะลุทลวงที่แจ้งที่ลับด้วยแสงทิพย์อย่างปรุโปร่ง

หยางเซิง   :  ความพิศดารแห่งฟ้าดิน ซึ่งไม่สามารถที่จะหยั่งรู้ได้ เบื้องหน้ามีวิญญาณคนตายอีกตนหนึ่ง วิญญาณนี้มิได้ถูกคุมตัวมีแต่ยมทูตนำทาง ได้เชื้อเชิญให้ส่องมองอย่างมีอัธยาศัยดีมาก หลังจากดูแล้วสีหน้าของเขาแสดงออกมาอย่างชื่นชมยินดี มิทราบด้วยเหตุใด?.

เซียมล้ออ๊วง   :  ผู็นี้ตอนอยู่ในแดนมนุษย์มีจิตใจสุจริตบริสุทธิ์งดงาม เคยเข้าบำเพ็ญจำศีลในทางธรรม แต่สำเร็จผลได้ไม่มากนัก เพิ่งตายลงไม่นาน ขณะนี้มองเห็นลูกหลานกำลังกราบไหว้อยู่ที่หน้าตั้งศพ จากความกตัญญูของลูกหลานนี้ ทำให้เขาปลื้มปิติจนสะเทือนอารมณ์ เพราะเหตุว่าเขาปลงตกแล้วซึ่งชีวิตของมนุษย์ ถึงแม้ว่าผลสำเร็จนั้นไม่มากนัก แต่ก็รู้ว่าหนีไม่พ้นจากการเกิดการตาย  ก็จึงไม่มีการโศกเศร้า จะได้เข้าไปฝึกฝนที่ "โรงรวมธรรม" วันหลังจะได้ไปรับตำแหน่งเจ้าต่อ

หยางเซิง    :  ข้าพเจ้ามีข้อข้องใจอยู่ข้อหนึ่ง ขอเรียนถามท่านยมบาลว่า ไฉนวิญญาณโทษพอมาถึง "หอส่องบ้านเดิม" ล้วนสามารถมองเห็นเหตุการณ์ต่าง ๆ ของแดนมนุษย์ แต่ข้าพเจ้ากลับไม่เห็นอะไรเลยเมื่อครู่นี้ ?.

เซียมล้ออ๊วง   :  ก็เพราะเหตุว่าท่านยังเป็นมนุษย์ผู้หนึ่ง ดังนั้นจึงยังมีวิญญาณจิตใจเกี่ยวเนื่องกับร่างกายที่เต็มไปด้วยเลือดเนื้อคือธาตุแจ้งยังไม่หมด จึงไม่สามารถมองทะลุจะแจ้งในเหตุการณ์ของแดนนรกได้หมดสิ้น ร่างกายที่มีเลือดเนื้อของวิญญาณผู้ตายนั้นได้ดับสูญไปแล้ว ทางแจ้งกับทางลับถูกแบ่งออกอยู่คนละฝ่าย วิถีความเป็นอยู่แปรเปลี่ยนลง จึงสามารถอยู่ในทางลับมองเห็นทางแจ้ง และวิญญาณลับนั้นยังสามารถเปลี่ยนแปลงได้สารพัดอีกด้วย แต่คนในโลกมนุษย์ไม่สามารถทำได้

เทพเจ้า   :  เพราะเหตุเวลาดึกมากแล้ว ขอขอบคุณท่านเซียมล้ออ๊วงแห่งขุมที่ 5 และข้าราชการทั้งหลาย เราจะกลับสำนักกันแล้ว

หยางเซิง   :  ขอบพระคุณท่านยมบาลและเทวทูตทั้งหลายที่ได้ให้ความสะดวก เราจะกลับสำนักแล้ว วันอื่นค่อยมาเยี่ยมคำนับท่านใหม่

เซียมล้ออ๊วง   :  ให้ทหารทั้งหลายตั้งแถวส่งท่านกลับ

เทพเจ้า   :  เจ้าหยางเซิงรีบลงบันไดมาเร็ว

หยางเซิง   :  ขอรับกระผม มิทราบว่าระหว่างกลางของคิ้วท่านนั้นมีตาอีกตาหนึ่ง มีเพื่อการใด ?.

เทพเจ้า   :  ฉันมีตาอีกตาหนึ่ง คือตาสวรรค์ สามปัญญารวมเป็นอันเดียวกัน คือพระอาทิตย์  พระจันทร์  ดวงดาวฉายส่องประสานกัน มีอภินิหารสูงมาก จองจับแต่เฉพาะภูตผีปีศาจในแดนมนุษย์เหล่านั้น พวกมันจะขวัญเสียใจสั่นเมื่อมาเจอฉันเข้า

หยางเซิง   :  ที่แท้มีเดชฤทธิ์มากถึงเพียงนี้ มีตาหลายใจเสียจริง ๆ

เทพเจ้า   :  เจ้าอย่าได้ดูหมิ่นนะ ผู้ที่มีสายตา (ดีหรือสูง) นั้น ควรที่จะเงยหัวให้สูงขึ้นสักหน่อย มองดูเทพเจ้าเทวดาเบื้องบนเสียบ้าง ความชั่วจะไม่กล้ากล้ำกราย

หยางเซิง   :  พบกับท่านเทพเจ้าเป็นครั้งแรก มีตาไม่มีแววเสียเปล่า ล้อเล่นนิดหน่อยโปรดอย่าถือโทษ

เทพเจ้า   :  ไม่ถือ ๆ รีบขึ้นนั่งบนหลังสุนัขฟ้า เตรียมกลับสำนัก

หยางเซิง   :  กระผมได้นั่งลงเรียบร้อยแล้ว เชิญท่านเริ่มเดินทางได้

เทพเจ้า   :  ถึงแล้วสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้ง หยางเซิงลง วิญญาณกลับเข้าสู่ร่างดังเดิม   

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                         เที่ยวเมืองนรก

               ครั้งที่ 31  วันที่  15  พฤษภาคม  พ.ศ. 2520

                     ตอน  ฟังยมบาลวิจารณ์การพร่า (ฆ่า) หัวใจ

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จปรากฏกาย ตรัสเป็นกลอนมีความว่า  :

              พวกใจโหด        ตามพร่าเฉือน        เจ้าผีร้าย
กลอุบาย                        แผนร้อยแปด         บ่สมหวัง
ยมบาล                          พักตร์ท่านเครียด     เย็นชาชัง
เมื่อตายปัง                     จึงรู้ตัว                 ว่าผิดทาง

อรหันต์จี้กง   :   
คราวก่อนฉันติดธุระสำคัญ เชิญท่านเทพเจ้าหยางเจี๋ยนพาหยางเซิงท่องนรกแทนฉัน แซ่หยางสองท่านได้ท่องขุมที่ 5 เป็นครั้งแรกได้คุยกันสนุกสนานตลอดทาง และยังได้เผยรสชาติแห่งธรรมะออกอย่างประปราย ขอให้ชาวโลกจงอ่านท่องหนังสือธรรม ตำราธรรมควรพิจารณาความหมายที่เคลือบแฝงอยู่ด้วยอย่างละเอียกละออ อย่าอ่านเฉพาะแต่บทความเบื้องนอกอันผิวเผินเท่านั้น  เปรียบเสมือนการกินผลไม้ควรจะกินเนื้อใน ถ้าเพียงแต่แทะกินเปลือกนอกก็ไม่สามารถลิ้มรสอันแท้จริงฉันนั้น วันนี้เตรียมท่องนรก เจ้าหยางเซิงขึ้นนั่งบนดอกบัวเถอะ

หยางเซิง   :  ขอรับคำำบัญชา ท่านอาจารย์ครับ เมื่อก่อนท่านเคยพูดไว้ว่าพุทธเทพสามารถแปรเปลี่ยนแปลงกายได้สารพัด ไฉนคราวก่อนท่านจึงไม่สามารถแยกกายเล่า ?.

อรหันต์จี้กง   :  มิใช่ว่าไม่สามารถแยกกายได้ แต่เป็นการเจตนาเชิญเทพเจ้าหยางเจี่ยนมาเป็นดารารับเชิญสักครั้ง เพื่อที่จะปลุกปลอบบรรดาศิษยานุศิษย์ทั้งหลายให้มีความสนุกหรรษาเท่านั้นเอง เวลาก็น้อยมากเราเตรียมเดินทางกันเถอะ

หยางเซิง   :  กระผมได้นั่งลงเรียบร้อยแล้ว เชิญท่านอาจารย์เริ่มออกเดินทางได้.....

อรหันต์จี้กง   :  ถึงขุมที่ 5 แล้ว ลงจากดอกบัวเร็ว ยมบาลและเทวทูตทั้งหลายลงบันไดมาต้อนรับเราแล้ว รีบเข้าไปแสดงความเคารพเร็ว

หยางเซิง   :  ขอแสดงความคารวะต่อท่านยมบาลและเทวทูตทั้งหลาย ข้าพเจ้ากับท่านอาจารย์มาท่องนรกเพื่อแต่งหนังสืออีกครั้งในวันนี้ ขอท่านยมบาลได้โปรดให้การชี้แจงแนะนำด้วย

เซียมล้ออ๊วง   :  เชิญท่านอาจารย์ลุกขึ้นเถิด ขอต้อนรับท่านกับท่านอาจารย์ที่ได้มาเยือนขุมของเรา เชิญท่านทั้งสองเข้ามาพักในปราสาท เรามีความจะสนทนาด้วย

อรหันต์จี้กง   :  เราศิษย์อาจารย์รับแต่งหนังสือตามโองการในครั้งนี้ท่องมาถึงขุมที่ 5 ทำหน้าที่เสร็จสิ้นไปได้เพียงครั้งเดียว ขอท่านยมบาลได้โปรดให้การช่วยเหลือให้มาก ๆ เพื่อที่งานการอันศักดิ์สิทธิ์นี้เสร็จสิ้นลงอย่างราบรื่น จะได้กราบถวายส่งคืนตามพระราชโองการอย่างเรียบร้อยสมบูรณ์

เซียมล้ออ๊วง   :  อาจารย์ท่านพูดอย่างหนักหน่วงมาก สมัยปัจจุบันนี้เฟื่องฟูนิยมทางวิทยาศาสตร์ จิตใจผู้คนไม่เจริญดังคนโบราณ ศีลธรรมตกต่ำเสื่อมทราม แต่ยังเคราะห์ดีที่เกาะไต้หวันมีสำนักทรงตั้งขึ้นมากมายก่ายกอง รับทรงประกาศธรรมสนองปฏิบัติตามความประสงค์แห่งสวรรค์ ท่านเลือกสั่งสอนผู้คนตามแต่เหมาะสมช่วยเหลือกอบกู้ผู้คนได้ไม่น้อย เฉพาะอย่างยิ่ง สำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้งแห่งเมืองไถ่ตง เผยแพร่ศาสนา  รับประทับทรง  แพร่ขยายศีลธรรม  วัฒนธรรม  จนได้รับผลสำเร็จล้ำเลิศยิ่งนัก ดังนั้นจึงได้รับเทวโองการจากท่านเง็กเซียนฮ่องเต้ ให้แต่งหนังสือ "เที่ยวเมืองนรก" เขตทุกเขตใน 10 ขุมแห่งยมโลก ต่างได้รับเทวโองการตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2519 นี้ ทราบว่าสำนักท่านมีการแต่งหนังสือและได้รอคอยการเยี่ยมเยือนจากท่านทั้งสองมานานแล้ว เชิญท่านรีบเข้าไปพักผ่อนในปราสาท เพื่อได้สังสรรค์พูดคุยกันบ้าง

หยางเซิง   :  ขอขอบคุณท่านยมบาลที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นสมเกียรติยิ่ง นอกปราสาทนี้มีวิญญาณคนตายเต็มไปหมด แต่ละคนบนใบหน้าไม่ปรากฏมีสีเลือดเลย ต่างประหวั่นพรั่นพรึงแตกตื่นเสียขวัญ บ้างก็เมียงมองมาทางนี้

อรหันต์จี้กง   :  ยมบาลขุมที่ 5  ชาวโลกได้ยินกิตติศัพย์มานานนักหนาแล้ว ท่านหน้าเคร่งขรึมไม่ลำเอียง ตัดสินลงโทษเฉียบขาดรุนแรง วิญญาณโทษได้ยินเข้ากลัวจนขวัญหนีดีฝ่อ ดังนั้นผู้ที่มาถึงที่นี่ล้วนกลัวจนวิญญาณระส่ำระสาย

เซียมล้ออ๊วง   :  ท่านทั้งสองเชิญรีบเข้าไปพักข้างในเร็ว

หยางเซิง   :  ขอบพระคุณมาก

เซียมล้ออ๊วง   :  ท่านทั้งสองเชิญนั่งก่อน บุ้งพั้งรีบเสิร์ฟน้ำชาทิพย์เร็ว

บุ้งพั้ง   :  ขอรับคำบัญชา น้ำชาทิพย์ได้แล้วครับเชิญเจ้านายและท่านเทวเจ้ารับประทานโดยไม่ต้องเกรงใจ   

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                            เที่ยวเมืองนรก

               ครั้งที่ 31  วันที่  15  พฤษภาคม  พ.ศ. 2520

                     ตอน  ฟังยมบาลวิจารณ์การพร่า (ฆ่า) หัวใจ

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จปรากฏกาย ตรัสเป็นกลอนมีความว่า  :

              พวกใจโหด        ตามพร่าเฉือน        เจ้าผีร้าย
กลอุบาย                        แผนร้อยแปด         บ่สมหวัง
ยมบาล                          พักตร์ท่านเครียด     เย็นชาชัง
เมื่อตายปัง                     จึงรู้ตัว                 ว่าผิดทาง   

หยางเซิง    : 
กระผมกำลังหิวน้ำอยู่ ดื่มได้จิบเดียวรสหอมชุ่มคอล้ำเลิศจริง ๆ

เซียมล้ออ๊วง   :  ข้าพเจ้าชอบดื่ม "ตุงเตงทิกวนอิม" ยิ่งนัก

อรหันต์จี้กง   :  คำของท่านยมบาลได้แฝงไว้ซึ่งความหมายอะไรบางอย่าง มิรู้ว่าเจ้าหยางเซิงเข้าใจบ้างไหม ?.

หยางเซิง   :  ยมบาลขุมที่ 5 ชาวโลกมักเปรียบเปรยเสมือน "ท่านเปาบุ้นจิ้น" ออกบัลลังก์ ผิดแผกแตกต่างกับทั่วไปอย่างมากมาย"ตุงเตง" หมายความว่าบนใบหน้าที่เย็นเฉียบ "ทิกวนอิม" หมายถึงโพธิสัตว์ท่านใจเข้มแข็งมั่นคงคือแบบอย่างของท่าน"เปาบุ้นจิ้น" นั่นเอง

เซียมล้ออ๊วง   :  ฮ่า ๆ ชื่อเสียงพู่กันศักดิ์สิทธิ์แห่งสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้งดังมากตามคำบอกเล่าจริง ๆ มีพื้นฐานแห่งปัญญาธรรมผิดมนุษย์มาก ได้ทายคำพูดข้าพเจ้าถูกต้อง

หยางเซิง   :  อันนี้เพียงแต่ทายสุ่ม ๆ ไปเท่านั้นเอง

เซียมล้ออ๊วง   :  วันนี้ที่ท่านทั้งสองได้มาเยือนขุมของเรารู้สึกปิติยินดียิ่ง สภาพของโลกมนุษย์แย่มาก ผู้คนที่ดำเนินชีวิตอยู่ในสังคมปัจจุบัน ต่งแก่งแย่งเอาชื่อเสียงเงินทองสูญสิ้นซึ่งจิตใจที่เป็นธรรมและคุณธรรมทุกหนทุกแห่งจะเห็นว่ามีสภาพการชิงไหวพริบตั้งแง่ตั้งคม ท่านคดมาฉันโกงไป บ้างก็เปิดตั้งร้านค้าลามกหาเงิน เช่น ร้านอาหาร  ห้องโภชนา  ร้านตัดผม  เป็นต้น ใช้ความสวย ๆ ของผู้หญิงเย้ายวนใจคน ทางยมโลกได้ตรวจตราทั้งกลางวันกลางคืนแต่ละวันได้จดบันทึกเหตุการณ์ทำลายศีลธรรมแบบนี้อย่างล้นพ้น นับได้ว่าเหลือที่จะบันทึกไว้ได้  ยิ่งกว่านั้นยังมีผู้ที่เกิดความตายลงขณะเสพสุขอยู่ในสภาพเริงรมย์ วิญญาณผีลามกเหล่านี้ล้วนถูกขังไว้ในคุกนรก รับการลงโทษที่อุกฤษฏ์ร้ายแรงยิ่ง จึงฝากไปยังชาวโลกจงอย่าได้ค้าประเวณี มิเช่นนั้นแล้วโทษบาปนั้น 3 ชาติยังชดใช้ไม่หมด ข้าพเจ้าคุมขุมที่ 5 หน้าเคร่งขรึม (หน้าเหล็ก) ไม่ลำเอียง  บรรดาวิญญาณโทษที่ถูกส่งมอบมายังขุมนี้ แต่ละตนมีสีหน้าแตกตื่น หวั่นกลัวเพราะเหตุว่าข้าพเจ้าตัดสินเที่ยงตรงรุนแรง มวลมนุษย์หากไม่เปลี่ยนจิตเปลี่ยนใจโดยเร็ว วันข้างหน้าตกมาถึงขุมที่ 5 ก็จะรู้เอง ข้าพเจ้าไม่มีการปราณีให้ใคร ขุมนี้คือ แดดแผดร้องนรกใหญ่" บรรดาผู้ที่เข้าคุกได้ยินแต่เสียงครวญครางร่ำร้องเท่านั้นเอง เฉพาะอย่างยิ่งที่ "แดน 16 พร่าหัวใจนรกน้อย" ล้วนทำการพร่า (ฆ่าหรือเฉือน) ชาวโลกที่มีใจพาล  ใจอุบาทว์  ใจร้าย  ใจแค้น  ใจชิงชัง  ใจอยากถาม  ใจริษยา  ใจลำเอียง  ใจแอบแฝง  ใจโหด  ใจหมา  ใจสัตว์ที่มีจิตใจไม่ซื่อสัตย์ ข้าพเจ้าสั่งนายทหารแหวกอกเฉือนเอาหัวใจออก โทษฐานที่โหดเหี้ยมทารุณยิ่ง มิใช่ว่าข้าพเจ้าไม่มีความเมตตา  แต่เป็นที่ผู้คนโหดร้ายเกินไปหาเรื่องถูกพร่าเฉือนหัวใจเอาเองต่างหาก เนื่องจากเวลาหมดลงแล้ว วันหลังจะพาท่านทั้งสองไปตรวจชม "นรกพร่าหัวใจ" ให้เห็นกับตาท่านเอง

อรหันต์จี้กง   :  เพราะเหตุเวลาอยู่ในแดนนรกหมดลงแล้วท่านยมบาลได้เร่งเตือนแล้ว เจ้าหยางเซิงเตรียมกลับสำนักกันเถอะ

หยางเซิง   :  ขอบพระัคุณท่านยมบาลที่ให้การต้อนรับอย่างดีและประทานวาจาที่มีค่ายิ่งกว่าทองคำให้ฟัง เราเตรียมกลับสำนัก ขอลาท่านและเทวทูตทั้งหลายละ

เซียมล้ออ๊วง   :  ให้ข้าราชการทั้งฝ่ายพลเรือนและฝ่ายทหารตั้งแถวนมัสการส่งท่านอาจารย์

อรหันต์จี้กง   :  ขอบคุณมากที่ท่านยมบาลให้เกียรติมาก เราขอลาก่อน เจ้าหยางเซิงรีบขึ้นบนดอกบัวเร็ว

หยางเซิง   :  กระผมได้นั่งลงเรียบร้อยแล้ว เชิญท่านอาจารย์กลับสำนักได้.....

อรหันต์จี้กง   :  ถึงสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้งแล้ว หยางเซิงลงจากดอกบัว วิญญาณกลับเข้าสู่ร่างดังเดิม