collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: ท่องนรก  (อ่าน 86051 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                             เที่ยวเมืองนรก

               ครั้งที่ 30  วันที่  30  พฤษภาคม  พ.ศ. 2520

                              ขุมที่  5 

              ตอน  ท่องหอส่องบ้านเดิมพบยมบาลเซียมล้ออ๊วง

          เทพเจ้าหยางเจี๋ยนเสด็จลง ตรัสเป็นกลอนมีความว่า  :
               
             หาความลับ          ในนรก          ถึงขุมห้า   
ย่อมเป็นข้า                       แต่งหนังสือ    ช่วยคนรั้น
ชูกิ่งท้อ                           เหล่าภูตผี      สยบพลัน
เตือนกัน                          ด้วยระฆัง       ก้องกังวาน

เทพเจ้า   : 
เนื่องจากวันนี้ท่านอรหันต์จี้กงติดกิจธุระสำคัญไม่สามารถพาหยางเซิงไปท่องนรก ข้าพเจ้าได้รับเทวโองการจากท่านเง็กเสียงอ๊วงตี่ให้ลงสู่สำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้งพาหยางเซิงท่องแดนนรก ด้วยเหตุว่าเวลาน้อยมาก เราเตรียมการท่องยมโลกกันเถิด

หยางเซิง   :  ท่านเทพเจ้าหยางเจี่ยน ที่รบกวนท่านพาเที่ยวในวันนี้ รู้สึกขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง ท่านได้นำสุนัขฟ้าตัวหนึ่งติดตามไปด้วย เพื่ออะไรมิทราบ?. ก่อนหน้านี้ท่านอาจารย์จี้กงพากระผมไปด้วยการนั่งบนดอกบัว มิทราบว่าใช้พาหนะอันใดที่ท่านจะพากระผมไปในวันนี้ ?.

เทพเจ้า   :  ท่านอาจารย์มีดอกบัว ส่วนฉันไม่มี พุทธกับเทพต่างก็มีเดชด้วยกัน วันนี้เจ้ากับฉันขี่สุนัขตัวนี้ไปด้วยกันเถิด

หยางเซิง   :  สุนัขเดินได้ช้ามาก ยิ่งกว่านั้นดูแล้วสุนัขตัวนี้ดุร้ายเหลือกำลัง คนแปลกหน้าเมื่อเข้าใกล้กลัวมันแผงฤทธิ์จะโดนกัด๙้ำไปทั้งตัว

เทพเจ้า   :  สุนัขนี้มิใช่สุนัขธรรมดา แต่เป็นสุนัขฟ้า เป็นยานพาหนะของฉัน มีฤทธิ์เดชไม่เบาเสียด้วยจะไม่กัดเจ้าให้ช้ำ

หยางเซิง   :  แต่ว่าสุนัขเดินทางในอัตราช้ามาก เกรงว่าจะกระทบต่อการเดินทาง

เทพเจ้า   :  เจ้าจงวางใจได้ เท้าทั้ง 4 ของสุนัขฟ้าเปรียบเสมือนล้อรถยนต์ 4 ล้อของแดนมนุษย์ออกเดินอัตตราความเร็วไม่แพ้ดอกบัว รีบขึ้นมาเถิด

หยางเซิง   :  กระผมนั่งเรียบร้อยแล้ว ท่านนั่งอยู่ข้างหน้าผม ต้องควบคุมให้ดี มิเช่นนั้นกระผมตกหล่นไปแล้ว ก็จะแย่นะครับ

เทพเจ้า   :  เจ้ารีบหลับตาทั้งสองข้างเร็ว ไม่มีการเกิดอุบัติเหตุหรอก เย็นใจไได้

หยางเซิง   :  มิทราบว่าวันนี้จะไปยังแห่งใด ?.

เทพเจ้า   :  วันนี้จะท่อง "นรกขุมที่ 5 " เป็นครั้งแรก อย่าถามอะไรอีกเลย เวลามันน้อยมาก เราเริ่มเดินทางเถิด...ถึงแล้วละ รีบลงมาเร็ว

หยางเซิง   :  หูทั้งสองข้างเพียงแต่ได้ยินเสียงอู้ ๆ พริบตาเดียวเท่านั้นก็ถึงยมโลกแล้ว ของเทวดาก็ไม่ผิดแผกแตกต่างจากของพระอรหันต์

เทพเจ้า   :  เทพกับพุทธที่แท้ก็อันหนึ่งอันเดียวกัน เช่นเดียวกับผู้คนในแดนมนุษย์ ซื้อรถยนต์ 2 คัน ที่มียี่ฮ้อต่างกัน ล้วนพูดว่าของตนเป็นผลิตภัณฑ์ชั้นสูง แต่ไม่รู้เนื้อแท้ จึงไม่สามารถแบ่งแยกได้ว่าสิ่งใดดีสิ่งใดเลว จิตใจคนก็เหมือนเครื่องยนต์ ถ้าหากเครื่องยนต์ดีเลิศ บวกกับพื้นฐานที่เรียบร้อย เมื่อเล่นไปบนถนนที่กว้างใหญ่ก็จะราบรื่นปลอดภัยไปเอง

หยางเซิง   :  เทพเจ้าท่านพูดสมเหตุสมผลมาก เบื้องหน้าฝูงชนแออัดยัดเยียดน่าดู  ล้วนแย่งกันขึ้นไปบนบันไดหอวิญญาณโทษ หญิงชายถูกยมทูตคุมตัวรุดขึ้นหน้าไปแล้ว ยังมีอีกพวกหนึ่งไม่มีใครคุม สีหน้าเบิกบานแย้มระรื่น ปรากฏออกนอกหน้า มิทราบว่าที่นี่คือแห่งใด?.

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                            เที่ยวเมืองนรก

               ครั้งที่ 30  วันที่  30  พฤษภาคม  พ.ศ. 2520

                              ขุมที่  5 

              ตอน  ท่องหอส่องบ้านเดิมพบยมบาลเซียมล้ออ๊วง

          เทพเจ้าหยางเจี๋ยนเสด็จลง ตรัสเป็นกลอนมีความว่า  :
               
             หาความลับ          ในนรก          ถึงขุมห้า   
ย่อมเป็นข้า                       แต่งหนังสือ    ช่วยคนรั้น
ชูกิ่งท้อ                           เหล่าภูตผี      สยบพลัน
เตือนกัน                          ด้วยระฆัง       ก้องกังวาน

เทพเจ้า   :  ที่นี่คือ "หอส่องบ้านเดิม"
วิญญาณโทษเหล่านี้เมื่อตกเข้านรกแล้วจะส่งมอบให้ขุมที่ 5 ใจในคิดว่าจะขึ้นบน "หอส่องบ้านเกิม" ส่องมองดูลูกหลานที่อยู่ในเมืองมนุษย์มีสภาพเป็นอยู่อย่างไรบ้าง จึงอดกลั้นในความเศร้าที่เกิดขึ้นไม่ได้ เลยร้องห่มร้องไห้ตาม ๆ กัน วิญญาณโทษที่มิได้โดนทำโทษนั้นก็มุ่งมาหอส่องบ้านเดิมด้วยความเบิกบานใจ เพื่อมองดูลูกหลานในโลกมนุษย์เป็นอย่างไรบ้าง

หยางเซิง   :  ข้างหน้ามีผู้คนหมู่หนึ่งกำลังเดินมา ท่าทีองอาจสง่างาม น่าเกรงขาม มิทราบว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์จากแห่งใด?. 

เทพเจ้า   :  ยมบาลแห่งเซียมล้ออ๊วงแห่งขุมที่ 5 แล้ข้าราชการบริพารฝ่ายบุ๋นฝ่ายบู๊ (พลเรีอนและทหาร)  ทั้งหลาย ได้ลงบันไดมาต้อนรับเราแล้วรีบเข้าไปแสดงความเคารพเถิด

หยางเซิง   :  กระผมนายหยางเซิง ศิษย์ของท่านกวนอู แห่งสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้งแห่งเมืองไถ่ตง เนื่องด้วยได้รับเทวโองการให้แต่งหนังสือ "เที่ยวเมืองนรก" เพื่อปลอบเตือนชาวโลก วันนี้โดยการนำของเทพเจ้าท่านหยางเจี่ยนเข้ามายังแดนนรก มายังขุมที่ 5 ขอท่านเซียมล้ออ๊วงโปรดให้ความสะดวก เพื่อที่การแต่งหนังสือนี้ได้ลุล่วงไปโดยสะดวกรวดเร็ว

เซียมล้ออ๊วง   :  สำนักเซี้ยงเฮี้ยงตึ้ง สร้างธรรมในทางชอบไม่น้อย ตั้งสำนักประกาศธรรม รับลงทรงแต่งหนังสือ กล่อมเกลากอบกู้ผู้คนนับจำนวนไม่ถ้วน ข้าพเจ้าคุมอำนาจในขุมที่ 5 มีวิญญาณผู้ตายหลายต่อหลายคนเคยได้อ่านหนังสือธรรมคัมภีร์จากสำนักของท่านในแดนมนุษย์ ความผิดพลาดมีน้อย  สะสมความดีในแดนนรก  ข้าพเจ้าล้วนตัดสินให้เขาไปผุดไปเกิดโดยเร็ว หรือจัดตามความชอบให้รับผลสำเร็จธรรมไป

หยางเซิง   :  ขอขอบคุณท่านยมบาลที่ให้การดูแลช่วยเหลือยิ่ง ผิดถูกประการใดจะได้รับการตัดสินอย่างเที่ยงธรรม ผู้ที่มีคุณธรรมจึงได้รับอภัยโทษจากท่าน

เซียมล้ออ๊วง   :  มิต้อง ลุกขึ้นเร็ว  ท่านยี่นึ้งซิ้งกุง (นามเดิมของเทพเจ้าหยางเจี่ยน) และท่านหยางเซิงตามข้าพเจ้าเข้าไปพักในปราสาทสักครู่เถิด

เทพเจ้า   :  เพราะเหตุว่าจะเสียเวลาอีกไม่ได้แล้ว วันอื่นค่อยเข้าไปรบกวนในปราสาท วันนี้ข้าพเจ้าจะพาหยางเซิงขึ้นไปบนหอส่องบ้านเดิมชมดูสักครั้งก่อน

เซียมล้ออ๊วง   :  ถ้าเช่นนั้นแล้ว ข้าพเจ้าก็จะไม่ขอหน่วงเหนี่ยวเวลา ข้าพเจ้าจะพาพวกท่านขึ้นบนหอส่องบ้านเดิม โปรดตรวจชมให้ละเอียด

หยางเซิง   :  ขอบพระคุณท่านยมบาล ที่ทำการนำทางเอง 

เซียมล้ออ๊วง   :  วิญญาณที่จะผ่านไปทางขุมที่ 5 ต้องผ่านหอส่องบ้านเดิมก่อน เพื่อสอดส่องดูลูกหลานของตนที่อยู่ในแดนมนุษย์เป็นอย่างไรบ้าง ดังนั้น วิญญาณผู้ตายโดยทั่วไปล้วนมีความหลงรัก ห่วงใยลูกหลานในแดนมนุษย์ เช่นนี้แล้วไม่ว่าจะมีโทษหรือไม่มี จึงอยากจะขึ้นไปส่องมองทั้งนั้น

หยางเซิง   :  อันนี้เป็นนิสัยธรรมดาของผู้คนที่จะสลัดได้ยากยิ่งจริง ๆ เบื้องหน้ามียมทูตคุมตัวผู้เฒ่าคนหนึ่งเดินผ่านมา ขณะที่ตาแกมองดูหอนี้นั้นน้ำตาร่วงราวกับสายฝน ร่ำไห้คร่ำครวญ มิทราบว่าเนื่องจากเหตุใด ?.   

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                         เที่ยวเมืองนรก

               ครั้งที่ 30  วันที่  30  พฤษภาคม  พ.ศ. 2520

                              ขุมที่  5 

              ตอน  ท่องหอส่องบ้านเดิมพบยมบาลเซียมล้ออ๊วง

          เทพเจ้าหยางเจี๋ยนเสด็จลง ตรัสเป็นกลอนมีความว่า  :
               
             หาความลับ          ในนรก          ถึงขุมห้า   
ย่อมเป็นข้า                       แต่งหนังสือ    ช่วยคนรั้น
ชูกิ่งท้อ                           เหล่าภูตผี      สยบพลัน
เตือนกัน                          ด้วยระฆัง       ก้องกังวาน

เซียมล้ออ๊วง   : 
ผู้เฒ่าคนนี้ได้ทำบาปไว้ตอนที่แกมีชีวิตอยู่ จึงต้องมารับโทษยังแดนนรก เวลานี้การลงโทษยุติลงแล้ว (หมดโทษ) มาส่องมองบนหอเมื่อส่องดูลูกหลานแล้ว เห็นว่าไม่มีอาการเศร้าโศกแม้แต่น้อย บ้างก็เฝ้าดูโทรทัศน์ในห้องโถง บ้างก็เล่นกันอยู่ในลานบ้าน ไม่มีการรำลึกคิดถึงบรรพบุรุษเลย ในใจคิดถึงว่าตอนมีชีวิตอยู่นั้น ตนเองมุทำงานเหมือนวัวเหมือควายเพื่อพวกเขา คิดแล้วไม่สมควรเป็นอย่างยิ่ง จึงเกิดความซ้ำใจขึ้น

เทพเจ้า   :  ตอนมีชีวิตอยู่ถ้าไม่บำเพ็ญธรรมอย่างจริงจัง จะหวังให้ลูกหลานมากอบกู้ชักจูงพ้นทุกข์ เป็นเรื่องที่ยากยิ่งเสียจริง ๆ เพราะเหตุว่าลูกหลานบางคนไม่เชื่อถือสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือเรื่องเหตุและผลแม้แต่นิดเดียว ไหนเลยจะมาทำการช่วยกอบกู้วิญญาณตน เมื่อวิญญาณตกมาถึงยมโลกซึ่งจะสำนึกได้ก็สายเสียแล้ว ดังนี้แล้วจงสร้างบุญทำกุศลไว้ตอนที่ยังมีลมหายใจอยู่ให้มาก ๆ ก็จะปลอดภัยกว่า

หยางเซิง   :  กระผผมเห็นบน "หอส่องบ้านเดิม" ไฉนจึงเวิ้งว้างว่างเปล่า ไม่มีวี่แววแสดงว่ามีอะไรเลย ?.

เทพเจ้า   :  ตาเจ้าน่ะเป็นตาธรรมดาสามัญ ถึงแม้ว่าท่านอรหันต์จี้กงได้เคยพาเจ้าไปอาบใน "สระน้ำสบายใจ" แต่พอนานเข้าฝุ่นแดง(ฝุ่นในโลกียโลก) จับเต็มอีก ดังนั้นตาปุถุชนจึงยากที่จะมองทุลุปรุโปร่งบน "หอส่องบ้านเดิม" สิ่งนี้คือกลไกที่พิศดารอ่อนไหวแยบยลมากเครื่องหนึ่ง แปรเปลี่ยนพลิกแพลงได้สารพัด

เซียมล้ออ๊วง   :  ฝุ่นแดงมากจับตาเลยกลายเป็นตาทราย (ตาเป็นโรคริดสีดวง) จึงมองดูอะไรไม่กระจะชัดแจ้ง  ให้ตุลาการฝ่ายบุ้งรับไปเอาน้ำในมาให้ท่านหยางเซิงชะล้างให้สะอาดสักครั้ง

บุ้งพัวกัว   :  ขอรับคำบัญชา ได้เอาน้ำใสมาแล้ว เชิญเจ้านายท่านจัดการเถิด

เซียมล้ออ๊วง   :  เอามาให้ฉัน ท่านหยางเซิงจงเบิกตาทั้งสองข้างออก ใช้น้ำใสล้างเสีย.....

หยางเซิง   :  ขอบคูรมากที่ท่านได้ประทานน้ำใส ตาทั้งสองเญ้นสบายหาที่เสมอเหมือนมิได้จริง ๆ ด้วย

เซียมล้ออ๊วง   :  ขณะนี้ท่านจงมองไปยัง "หอส่องบ้านเดิม" ได้แล้ว

หยางเซิง   :  โอ้ วิเศษอะไรอย่างนั้น ในหอปรากฏขึ้นซึ่งเหตุการณ์ต่าง ๆ ของสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้งอยู่ต่อหน้าต่อตา ศิษย์นักทรงแยกเป็น 2 แถวอารักขาองค์ทรงอย่างเลื่อมใสจริงใจ ร่างกระผมเองก็ยืนอยู่กลางปราสาท และกำลังประทับทรงเขียนเป็นตัวอักษร เง็กฮือท่งจื้อ (ชื่อของกุมารเทพ) ประคองร่างกระผมไว้ ชูพู่กันเขียนตัวอักษรในถาดทรายอย่างรวดเร็ว ศิษย์ผู้บันทึกคุณเฮ้งศิษย์ผู้พี่คุณลี้ ก็ขีดเขียนอยู่ข้างกาย ศิษย์ผู้อ่านคุณหลินก็อ้าปากอ่านตัวหนังสืออยู่ ราวกับภาพยนต์ฉันนั้น

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                           เที่ยวเมืองนรก

               ครั้งที่ 30  วันที่  30  พฤษภาคม  พ.ศ. 2520

                              ขุมที่  5 

              ตอน  ท่องหอส่องบ้านเดิมพบยมบาลเซียมล้ออ๊วง

          เทพเจ้าหยางเจี๋ยนเสด็จลง ตรัสเป็นกลอนมีความว่า  :
               
             หาความลับ          ในนรก          ถึงขุมห้า   
ย่อมเป็นข้า                       แต่งหนังสือ    ช่วยคนรั้น
ชูกิ่งท้อ                           เหล่าภูตผี      สยบพลัน
เตือนกัน                          ด้วยระฆัง       ก้องกังวาน

เซียมล้ออ๊วง   : 
ความอ่อนไหวพิศดารของ "หอส่องบ้านเดิม" ยากที่จะหาสิ่งใดมาเปรีบยเทียบเสมอเหมือนได้ เง็กฮือท้งจื้อของสำนักท่านใช้ตาทิพย์ถ่ายทอดภาพ โดยประทับทรงอยู่ในกายท่านแล้วถ่ายทอดเหตุการณ์ต่าง ๆ ของท่านที่ท่องเที่ยวในยมโลกเขียนลงบนถาดทราย ดวงตาของเง็กฮือท้งจื้อก็เหมือนกับ "หอส่องบ้านเดิม" สามารถมองทะลุทลวงที่แจ้งที่ลับด้วยแสงทิพย์อย่างปรุโปร่ง

หยางเซิง   :  ความพิศดารแห่งฟ้าดิน ซึ่งไม่สามารถที่จะหยั่งรู้ได้ เบื้องหน้ามีวิญญาณคนตายอีกตนหนึ่ง วิญญาณนี้มิได้ถูกคุมตัวมีแต่ยมทูตนำทาง ได้เชื้อเชิญให้ส่องมองอย่างมีอัธยาศัยดีมาก หลังจากดูแล้วสีหน้าของเขาแสดงออกมาอย่างชื่นชมยินดี มิทราบด้วยเหตุใด?.

เซียมล้ออ๊วง   :  ผู็นี้ตอนอยู่ในแดนมนุษย์มีจิตใจสุจริตบริสุทธิ์งดงาม เคยเข้าบำเพ็ญจำศีลในทางธรรม แต่สำเร็จผลได้ไม่มากนัก เพิ่งตายลงไม่นาน ขณะนี้มองเห็นลูกหลานกำลังกราบไหว้อยู่ที่หน้าตั้งศพ จากความกตัญญูของลูกหลานนี้ ทำให้เขาปลื้มปิติจนสะเทือนอารมณ์ เพราะเหตุว่าเขาปลงตกแล้วซึ่งชีวิตของมนุษย์ ถึงแม้ว่าผลสำเร็จนั้นไม่มากนัก แต่ก็รู้ว่าหนีไม่พ้นจากการเกิดการตาย  ก็จึงไม่มีการโศกเศร้า จะได้เข้าไปฝึกฝนที่ "โรงรวมธรรม" วันหลังจะได้ไปรับตำแหน่งเจ้าต่อ

หยางเซิง    :  ข้าพเจ้ามีข้อข้องใจอยู่ข้อหนึ่ง ขอเรียนถามท่านยมบาลว่า ไฉนวิญญาณโทษพอมาถึง "หอส่องบ้านเดิม" ล้วนสามารถมองเห็นเหตุการณ์ต่าง ๆ ของแดนมนุษย์ แต่ข้าพเจ้ากลับไม่เห็นอะไรเลยเมื่อครู่นี้ ?.

เซียมล้ออ๊วง   :  ก็เพราะเหตุว่าท่านยังเป็นมนุษย์ผู้หนึ่ง ดังนั้นจึงยังมีวิญญาณจิตใจเกี่ยวเนื่องกับร่างกายที่เต็มไปด้วยเลือดเนื้อคือธาตุแจ้งยังไม่หมด จึงไม่สามารถมองทะลุจะแจ้งในเหตุการณ์ของแดนนรกได้หมดสิ้น ร่างกายที่มีเลือดเนื้อของวิญญาณผู้ตายนั้นได้ดับสูญไปแล้ว ทางแจ้งกับทางลับถูกแบ่งออกอยู่คนละฝ่าย วิถีความเป็นอยู่แปรเปลี่ยนลง จึงสามารถอยู่ในทางลับมองเห็นทางแจ้ง และวิญญาณลับนั้นยังสามารถเปลี่ยนแปลงได้สารพัดอีกด้วย แต่คนในโลกมนุษย์ไม่สามารถทำได้

เทพเจ้า   :  เพราะเหตุเวลาดึกมากแล้ว ขอขอบคุณท่านเซียมล้ออ๊วงแห่งขุมที่ 5 และข้าราชการทั้งหลาย เราจะกลับสำนักกันแล้ว

หยางเซิง   :  ขอบพระคุณท่านยมบาลและเทวทูตทั้งหลายที่ได้ให้ความสะดวก เราจะกลับสำนักแล้ว วันอื่นค่อยมาเยี่ยมคำนับท่านใหม่

เซียมล้ออ๊วง   :  ให้ทหารทั้งหลายตั้งแถวส่งท่านกลับ

เทพเจ้า   :  เจ้าหยางเซิงรีบลงบันไดมาเร็ว

หยางเซิง   :  ขอรับกระผม มิทราบว่าระหว่างกลางของคิ้วท่านนั้นมีตาอีกตาหนึ่ง มีเพื่อการใด ?.

เทพเจ้า   :  ฉันมีตาอีกตาหนึ่ง คือตาสวรรค์ สามปัญญารวมเป็นอันเดียวกัน คือพระอาทิตย์  พระจันทร์  ดวงดาวฉายส่องประสานกัน มีอภินิหารสูงมาก จองจับแต่เฉพาะภูตผีปีศาจในแดนมนุษย์เหล่านั้น พวกมันจะขวัญเสียใจสั่นเมื่อมาเจอฉันเข้า

หยางเซิง   :  ที่แท้มีเดชฤทธิ์มากถึงเพียงนี้ มีตาหลายใจเสียจริง ๆ

เทพเจ้า   :  เจ้าอย่าได้ดูหมิ่นนะ ผู้ที่มีสายตา (ดีหรือสูง) นั้น ควรที่จะเงยหัวให้สูงขึ้นสักหน่อย มองดูเทพเจ้าเทวดาเบื้องบนเสียบ้าง ความชั่วจะไม่กล้ากล้ำกราย

หยางเซิง   :  พบกับท่านเทพเจ้าเป็นครั้งแรก มีตาไม่มีแววเสียเปล่า ล้อเล่นนิดหน่อยโปรดอย่าถือโทษ

เทพเจ้า   :  ไม่ถือ ๆ รีบขึ้นนั่งบนหลังสุนัขฟ้า เตรียมกลับสำนัก

หยางเซิง   :  กระผมได้นั่งลงเรียบร้อยแล้ว เชิญท่านเริ่มเดินทางได้

เทพเจ้า   :  ถึงแล้วสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้ง หยางเซิงลง วิญญาณกลับเข้าสู่ร่างดังเดิม   

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                         เที่ยวเมืองนรก

               ครั้งที่ 31  วันที่  15  พฤษภาคม  พ.ศ. 2520

                     ตอน  ฟังยมบาลวิจารณ์การพร่า (ฆ่า) หัวใจ

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จปรากฏกาย ตรัสเป็นกลอนมีความว่า  :

              พวกใจโหด        ตามพร่าเฉือน        เจ้าผีร้าย
กลอุบาย                        แผนร้อยแปด         บ่สมหวัง
ยมบาล                          พักตร์ท่านเครียด     เย็นชาชัง
เมื่อตายปัง                     จึงรู้ตัว                 ว่าผิดทาง

อรหันต์จี้กง   :   
คราวก่อนฉันติดธุระสำคัญ เชิญท่านเทพเจ้าหยางเจี๋ยนพาหยางเซิงท่องนรกแทนฉัน แซ่หยางสองท่านได้ท่องขุมที่ 5 เป็นครั้งแรกได้คุยกันสนุกสนานตลอดทาง และยังได้เผยรสชาติแห่งธรรมะออกอย่างประปราย ขอให้ชาวโลกจงอ่านท่องหนังสือธรรม ตำราธรรมควรพิจารณาความหมายที่เคลือบแฝงอยู่ด้วยอย่างละเอียกละออ อย่าอ่านเฉพาะแต่บทความเบื้องนอกอันผิวเผินเท่านั้น  เปรียบเสมือนการกินผลไม้ควรจะกินเนื้อใน ถ้าเพียงแต่แทะกินเปลือกนอกก็ไม่สามารถลิ้มรสอันแท้จริงฉันนั้น วันนี้เตรียมท่องนรก เจ้าหยางเซิงขึ้นนั่งบนดอกบัวเถอะ

หยางเซิง   :  ขอรับคำำบัญชา ท่านอาจารย์ครับ เมื่อก่อนท่านเคยพูดไว้ว่าพุทธเทพสามารถแปรเปลี่ยนแปลงกายได้สารพัด ไฉนคราวก่อนท่านจึงไม่สามารถแยกกายเล่า ?.

อรหันต์จี้กง   :  มิใช่ว่าไม่สามารถแยกกายได้ แต่เป็นการเจตนาเชิญเทพเจ้าหยางเจี่ยนมาเป็นดารารับเชิญสักครั้ง เพื่อที่จะปลุกปลอบบรรดาศิษยานุศิษย์ทั้งหลายให้มีความสนุกหรรษาเท่านั้นเอง เวลาก็น้อยมากเราเตรียมเดินทางกันเถอะ

หยางเซิง   :  กระผมได้นั่งลงเรียบร้อยแล้ว เชิญท่านอาจารย์เริ่มออกเดินทางได้.....

อรหันต์จี้กง   :  ถึงขุมที่ 5 แล้ว ลงจากดอกบัวเร็ว ยมบาลและเทวทูตทั้งหลายลงบันไดมาต้อนรับเราแล้ว รีบเข้าไปแสดงความเคารพเร็ว

หยางเซิง   :  ขอแสดงความคารวะต่อท่านยมบาลและเทวทูตทั้งหลาย ข้าพเจ้ากับท่านอาจารย์มาท่องนรกเพื่อแต่งหนังสืออีกครั้งในวันนี้ ขอท่านยมบาลได้โปรดให้การชี้แจงแนะนำด้วย

เซียมล้ออ๊วง   :  เชิญท่านอาจารย์ลุกขึ้นเถิด ขอต้อนรับท่านกับท่านอาจารย์ที่ได้มาเยือนขุมของเรา เชิญท่านทั้งสองเข้ามาพักในปราสาท เรามีความจะสนทนาด้วย

อรหันต์จี้กง   :  เราศิษย์อาจารย์รับแต่งหนังสือตามโองการในครั้งนี้ท่องมาถึงขุมที่ 5 ทำหน้าที่เสร็จสิ้นไปได้เพียงครั้งเดียว ขอท่านยมบาลได้โปรดให้การช่วยเหลือให้มาก ๆ เพื่อที่งานการอันศักดิ์สิทธิ์นี้เสร็จสิ้นลงอย่างราบรื่น จะได้กราบถวายส่งคืนตามพระราชโองการอย่างเรียบร้อยสมบูรณ์

เซียมล้ออ๊วง   :  อาจารย์ท่านพูดอย่างหนักหน่วงมาก สมัยปัจจุบันนี้เฟื่องฟูนิยมทางวิทยาศาสตร์ จิตใจผู้คนไม่เจริญดังคนโบราณ ศีลธรรมตกต่ำเสื่อมทราม แต่ยังเคราะห์ดีที่เกาะไต้หวันมีสำนักทรงตั้งขึ้นมากมายก่ายกอง รับทรงประกาศธรรมสนองปฏิบัติตามความประสงค์แห่งสวรรค์ ท่านเลือกสั่งสอนผู้คนตามแต่เหมาะสมช่วยเหลือกอบกู้ผู้คนได้ไม่น้อย เฉพาะอย่างยิ่ง สำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้งแห่งเมืองไถ่ตง เผยแพร่ศาสนา  รับประทับทรง  แพร่ขยายศีลธรรม  วัฒนธรรม  จนได้รับผลสำเร็จล้ำเลิศยิ่งนัก ดังนั้นจึงได้รับเทวโองการจากท่านเง็กเซียนฮ่องเต้ ให้แต่งหนังสือ "เที่ยวเมืองนรก" เขตทุกเขตใน 10 ขุมแห่งยมโลก ต่างได้รับเทวโองการตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2519 นี้ ทราบว่าสำนักท่านมีการแต่งหนังสือและได้รอคอยการเยี่ยมเยือนจากท่านทั้งสองมานานแล้ว เชิญท่านรีบเข้าไปพักผ่อนในปราสาท เพื่อได้สังสรรค์พูดคุยกันบ้าง

หยางเซิง   :  ขอขอบคุณท่านยมบาลที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นสมเกียรติยิ่ง นอกปราสาทนี้มีวิญญาณคนตายเต็มไปหมด แต่ละคนบนใบหน้าไม่ปรากฏมีสีเลือดเลย ต่างประหวั่นพรั่นพรึงแตกตื่นเสียขวัญ บ้างก็เมียงมองมาทางนี้

อรหันต์จี้กง   :  ยมบาลขุมที่ 5  ชาวโลกได้ยินกิตติศัพย์มานานนักหนาแล้ว ท่านหน้าเคร่งขรึมไม่ลำเอียง ตัดสินลงโทษเฉียบขาดรุนแรง วิญญาณโทษได้ยินเข้ากลัวจนขวัญหนีดีฝ่อ ดังนั้นผู้ที่มาถึงที่นี่ล้วนกลัวจนวิญญาณระส่ำระสาย

เซียมล้ออ๊วง   :  ท่านทั้งสองเชิญรีบเข้าไปพักข้างในเร็ว

หยางเซิง   :  ขอบพระคุณมาก

เซียมล้ออ๊วง   :  ท่านทั้งสองเชิญนั่งก่อน บุ้งพั้งรีบเสิร์ฟน้ำชาทิพย์เร็ว

บุ้งพั้ง   :  ขอรับคำบัญชา น้ำชาทิพย์ได้แล้วครับเชิญเจ้านายและท่านเทวเจ้ารับประทานโดยไม่ต้องเกรงใจ   

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                            เที่ยวเมืองนรก

               ครั้งที่ 31  วันที่  15  พฤษภาคม  พ.ศ. 2520

                     ตอน  ฟังยมบาลวิจารณ์การพร่า (ฆ่า) หัวใจ

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จปรากฏกาย ตรัสเป็นกลอนมีความว่า  :

              พวกใจโหด        ตามพร่าเฉือน        เจ้าผีร้าย
กลอุบาย                        แผนร้อยแปด         บ่สมหวัง
ยมบาล                          พักตร์ท่านเครียด     เย็นชาชัง
เมื่อตายปัง                     จึงรู้ตัว                 ว่าผิดทาง   

หยางเซิง    : 
กระผมกำลังหิวน้ำอยู่ ดื่มได้จิบเดียวรสหอมชุ่มคอล้ำเลิศจริง ๆ

เซียมล้ออ๊วง   :  ข้าพเจ้าชอบดื่ม "ตุงเตงทิกวนอิม" ยิ่งนัก

อรหันต์จี้กง   :  คำของท่านยมบาลได้แฝงไว้ซึ่งความหมายอะไรบางอย่าง มิรู้ว่าเจ้าหยางเซิงเข้าใจบ้างไหม ?.

หยางเซิง   :  ยมบาลขุมที่ 5 ชาวโลกมักเปรียบเปรยเสมือน "ท่านเปาบุ้นจิ้น" ออกบัลลังก์ ผิดแผกแตกต่างกับทั่วไปอย่างมากมาย"ตุงเตง" หมายความว่าบนใบหน้าที่เย็นเฉียบ "ทิกวนอิม" หมายถึงโพธิสัตว์ท่านใจเข้มแข็งมั่นคงคือแบบอย่างของท่าน"เปาบุ้นจิ้น" นั่นเอง

เซียมล้ออ๊วง   :  ฮ่า ๆ ชื่อเสียงพู่กันศักดิ์สิทธิ์แห่งสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้งดังมากตามคำบอกเล่าจริง ๆ มีพื้นฐานแห่งปัญญาธรรมผิดมนุษย์มาก ได้ทายคำพูดข้าพเจ้าถูกต้อง

หยางเซิง   :  อันนี้เพียงแต่ทายสุ่ม ๆ ไปเท่านั้นเอง

เซียมล้ออ๊วง   :  วันนี้ที่ท่านทั้งสองได้มาเยือนขุมของเรารู้สึกปิติยินดียิ่ง สภาพของโลกมนุษย์แย่มาก ผู้คนที่ดำเนินชีวิตอยู่ในสังคมปัจจุบัน ต่งแก่งแย่งเอาชื่อเสียงเงินทองสูญสิ้นซึ่งจิตใจที่เป็นธรรมและคุณธรรมทุกหนทุกแห่งจะเห็นว่ามีสภาพการชิงไหวพริบตั้งแง่ตั้งคม ท่านคดมาฉันโกงไป บ้างก็เปิดตั้งร้านค้าลามกหาเงิน เช่น ร้านอาหาร  ห้องโภชนา  ร้านตัดผม  เป็นต้น ใช้ความสวย ๆ ของผู้หญิงเย้ายวนใจคน ทางยมโลกได้ตรวจตราทั้งกลางวันกลางคืนแต่ละวันได้จดบันทึกเหตุการณ์ทำลายศีลธรรมแบบนี้อย่างล้นพ้น นับได้ว่าเหลือที่จะบันทึกไว้ได้  ยิ่งกว่านั้นยังมีผู้ที่เกิดความตายลงขณะเสพสุขอยู่ในสภาพเริงรมย์ วิญญาณผีลามกเหล่านี้ล้วนถูกขังไว้ในคุกนรก รับการลงโทษที่อุกฤษฏ์ร้ายแรงยิ่ง จึงฝากไปยังชาวโลกจงอย่าได้ค้าประเวณี มิเช่นนั้นแล้วโทษบาปนั้น 3 ชาติยังชดใช้ไม่หมด ข้าพเจ้าคุมขุมที่ 5 หน้าเคร่งขรึม (หน้าเหล็ก) ไม่ลำเอียง  บรรดาวิญญาณโทษที่ถูกส่งมอบมายังขุมนี้ แต่ละตนมีสีหน้าแตกตื่น หวั่นกลัวเพราะเหตุว่าข้าพเจ้าตัดสินเที่ยงตรงรุนแรง มวลมนุษย์หากไม่เปลี่ยนจิตเปลี่ยนใจโดยเร็ว วันข้างหน้าตกมาถึงขุมที่ 5 ก็จะรู้เอง ข้าพเจ้าไม่มีการปราณีให้ใคร ขุมนี้คือ แดดแผดร้องนรกใหญ่" บรรดาผู้ที่เข้าคุกได้ยินแต่เสียงครวญครางร่ำร้องเท่านั้นเอง เฉพาะอย่างยิ่งที่ "แดน 16 พร่าหัวใจนรกน้อย" ล้วนทำการพร่า (ฆ่าหรือเฉือน) ชาวโลกที่มีใจพาล  ใจอุบาทว์  ใจร้าย  ใจแค้น  ใจชิงชัง  ใจอยากถาม  ใจริษยา  ใจลำเอียง  ใจแอบแฝง  ใจโหด  ใจหมา  ใจสัตว์ที่มีจิตใจไม่ซื่อสัตย์ ข้าพเจ้าสั่งนายทหารแหวกอกเฉือนเอาหัวใจออก โทษฐานที่โหดเหี้ยมทารุณยิ่ง มิใช่ว่าข้าพเจ้าไม่มีความเมตตา  แต่เป็นที่ผู้คนโหดร้ายเกินไปหาเรื่องถูกพร่าเฉือนหัวใจเอาเองต่างหาก เนื่องจากเวลาหมดลงแล้ว วันหลังจะพาท่านทั้งสองไปตรวจชม "นรกพร่าหัวใจ" ให้เห็นกับตาท่านเอง

อรหันต์จี้กง   :  เพราะเหตุเวลาอยู่ในแดนนรกหมดลงแล้วท่านยมบาลได้เร่งเตือนแล้ว เจ้าหยางเซิงเตรียมกลับสำนักกันเถอะ

หยางเซิง   :  ขอบพระัคุณท่านยมบาลที่ให้การต้อนรับอย่างดีและประทานวาจาที่มีค่ายิ่งกว่าทองคำให้ฟัง เราเตรียมกลับสำนัก ขอลาท่านและเทวทูตทั้งหลายละ

เซียมล้ออ๊วง   :  ให้ข้าราชการทั้งฝ่ายพลเรือนและฝ่ายทหารตั้งแถวนมัสการส่งท่านอาจารย์

อรหันต์จี้กง   :  ขอบคุณมากที่ท่านยมบาลให้เกียรติมาก เราขอลาก่อน เจ้าหยางเซิงรีบขึ้นบนดอกบัวเร็ว

หยางเซิง   :  กระผมได้นั่งลงเรียบร้อยแล้ว เชิญท่านอาจารย์กลับสำนักได้.....

อรหันต์จี้กง   :  ถึงสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้งแล้ว หยางเซิงลงจากดอกบัว วิญญาณกลับเข้าสู่ร่างดังเดิม

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                               เที่ยวเมืองนรก

               ครั้งที่ 32  วันที่  2  กรกฏาคม  พ.ศ. 2520

                     ตอน  ท่องแดนพร่าหัวใจนรกน้อย

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จปรากฏกาย ตรัสเป็นกลอนมีความว่า  :

              ข่มทำลาย        ทั้งเจ้า - โคตร        อดสูมาก
ยกต่างชาติ                    หมิ่นตนเอง             ไร้คุณธรรม
ศีลธรรมจีน                     สืบต่อกัน                หลายพันปี
วัฒนธรรม                      เลื่องลือดี               ใหญ่ยิ่งเอย   

อรหันต์จี้กง   :  วัฒนธรรมและศีลธรรมของประเทศจีนนั้น
แรกเริ่มเดิมทีนันซึ่งสะสมก่อตัวขึ้นจากธาตุศักดิ์สิทธิ์แห่งฟ้าดิน ดังนั้นกาลเวลายิ่งนานจึงผุดผ่องใหม่สดอยู่เสมอ สืบต่อเป็นหมื่นปีมิรู้ขาดสิ้น แต่น่าเสียดายที่ผู้คนหลงนิยมในปรากฏการณ์ มุ่งแสดงแตวัตถุ ดูหมิ่นวัฒนธรรมของตนเองแล้วกลับไปนิยมเลียนแบบตะวันตกโดยสิ้นเชิง การเสพเหล้ากินเนื้อ กามลามก  ที่รุนแรงดุเดือด เต็มไปทั่วทุกหัวระแหง ในสังคมพวกที่ลืมชาติ ลืมตระกูลนิยมชาติอื่นการดูหมิ่นตนเองนั้นน่าอับอายที่ตนเองเป็นบุตรหลานแห่ง พระเจ้าอึ้งตี่ (ต้นตระกูลชนชาวจีน)  ยิ่งทุกวันนี้ วิทยาศาสตร์เจริญรุ่งเรือง คิดว่ามนุษย์สามารถเอาชนะธรรมชาติ แต่หารู้ไม่ว่าตนเพียงแต่เป็นข้าวเม็ดหนึ่งในท้องน้ำมหาสมุทร ถึงแม้จะมีฝีมือยอดเยี่ยมก็เปรียบเสมือนฟองน้ำน้อยฟองหนึ่งในทะเลอันกว้างใหญ่ไพศาลเท่านั้น จะใช้วิทยาศาสตร์ทำลายธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ ใช้ความแยบยลเอาชนะธรรมชาติจึงต้องรับผลร้ายในทีสุด เมื่อมนุษย์หลุดพ้นจากธรรมชาติก็ตกอยู่ในความไม่ปกติแห่งความเป็นอยู่ของชีวิต ดังนั้นผู้ที่มีเลือดเนื้อจิตใจควรตระหนักให้มาก ๆ วันนี้เตรียมท่องนรก เจ้าหยางเซิงขึ้นบนดอกบัวเร็ว

หยางเซิง   :  กระผมนั่งเรียบร้อยแล้ว เชิญท่านอาจารย์ออกเดินทางได้.....

อรหันต์จี้กง   :  ถึงแล้วละ ลงจากดอกบัวเร็ว

เซียมล้ออ๊วง   :  ยินดีต้อนรับท่านอาจารย์และท่านหยางเซิงมาเยือนขุมเราอีกครั้ง  การเดินทางคงลำบากนะ

อรหันต์จี้กง   :  ที่ไหนได้ เรามารบกวนขุมของท่านในวันนี้อีกครั้ง ขอท่านยมบาลพาเข้าไปชมดูในคุก

เซียมล้ออ๊วง   :  คราวก่อนข้าพเจ้าได้พูดไว้แล้วว่า จะพาท่านเข้าไปชม "นรกพร่าหัวใจ" ด้วยตนเอง เชิญตามข้าพเจ้าเข้าไปในคุกเถิดนายทหารคอยให้การอารักขา

หยางเซิง   :  ขอบคุณมากที่ท่านยมบาลให้ความเอ็นดู เบื้องหน้านั้นคือ "16 แดนพร่่าหัวใจนรกน้อย" ได้ยินแว่วแห่งความทรมานแผดผ่านมา  ข้าพเจ้าว่าคงจะเป็นสถานที่ลงโทษที่คล้งไปด้วยคาวเลือด

เซียมล้ออ๊วง   :  มวลมนุษย์ล้วนเกิดจาก "เปลี่ยนใจ" ไปแล้วเมื่อตกมาในนรก จึงจำเป็นต้องเฉือนเอาออกมารักษาเสียบ้าง

หยางเซิง   :  พัศดีมาแล้ว ข้าพเจ้าจะไปแสดงความเคารพก่อน

พัศดี   :  ขอน้อมต้อนรับท่านเจ้านายและท่านอาจารย์กับท่านหยางเซิง ที่ได้มาเยือนคุกของข้าพเจ้า ทราบว่าท่านหยางเซิงแห่งสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้งแห่งเมืองไถ่ตง และท่านอาจารย์แห่งฟ้าตะวันตกจะมาเยือนคุกนี้ หากมีมารยาทที่ไม่เรียบร้อย ขอโปรดอภัยให้ด้วย

หยางเซิง   :  ท่านพัศดีเกรงใจมากเกินไปแล้ว ข้าพเจ้าติดตามท่านอาจารย์มาเยี่ยมคุกของท่านในวันนี้เพื่อจะแต่งเรื่อง "เที่ยวเมืองนรก" ขอได้ให้การชี้แจงแนะนำ

เซียมล้ออ๊วง   : 
ให้ทหารรีบเปิดประตู

นายทหาร ขอรับคำบัญชา.....เปิดออกแล้ว เชิญเข้าไปชมข้างในเถิด

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                        เที่ยวเมืองนรก

               ครั้งที่ 32  วันที่  2  กรกฏาคม  พ.ศ. 2520

                     ตอน  ท่องแดนพร่าหัวใจนรกน้อย

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จปรากฏกาย ตรัสเป็นกลอนมีความว่า  :

              ข่มทำลาย        ทั้งเจ้า - โคตร        อดสูมาก
ยกต่างชาติ                    หมิ่นตนเอง             ไร้คุณธรรม
ศีลธรรมจีน                     สืบต่อกัน                หลายพันปี
วัฒนธรรม                      เลื่องลือดี               ใหญ่ยิ่งเอย   

หยางเซิง   :  อุ๊ย ๆ
เสียงร้องอย่างอเนจอนาถใจเหลือที่จะทนฟังได้อีกแล้ว มองเห็นยมทูตในคุกล้วนใช้มีดแหวกอกวิญญาณโทษควักเอาหัวใจราวกับฆ่าหมูแล้วตัดเอาหัวใจออกฉันนั้น วิญญาณโทษถูกมัดตืดอยู่กับเสาไม้ อกถูกผ่าออก ได้ยินเสียงวิญญาณโทษร้องอย่างน่าเวทนาเพียงคำเดียว ก็สลบไปเลย มิทราบว่าพวกมันต้องโทษอะไรบ้าง?.

พัศดี   :  ข้าพเจ้าจะราดน้ำคืนชีพให้ ให้มันได้คืนชีพขึ้น

หยางเซิง   :  ศักดิ์สิทธิ์พิศดารจริง ๆ วิญญาณโทษที่โดนน้ำคืนชีพเข้าหน้าอกแต่ละตนเรียบร้อยดังเดิม ตัวก็ฟื้นตื่นขึ้น

พัศดี   :  ข้าพเจ้าจะพาวิญญาณโทษ 2 - 3 ตนออกมาให้มันเล่าความชั่วของตนเองให้ฟัง

เซียมล้ออ๊วง   :  วิญญาณโทษฟังคำสั่งทางนี้ นี่คือท่านอรหันต์จี้กงและท่านหยางเซิงแห่งสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้ง เมืองไถ่ตงแดนมนุษย์ ตามเทวโองการ มาสืบหาความลับยังที่นี่ พวกแกทำชั่วอย่างไรในโลกมนุษย์ ให้สารภาพโดยเร็ว ห้ามปิดบัง เพื่อความสะดวกในการแต่งหนังสืออย่าขัดคำสั่ง

วิญญาณโทษ   :  ขอรับคำบัญชา ขอให้ท่านยมบาลลดหย่อนผ่อนโทษให้กระผมด้วย มิทราบจะได้หรือไม่ประการใด?.

เซียมล้ออ๊วง   :  แกเล่าไปก่อน แล้วฉันจะพิจารณาให้เอง 

 

มหาปณิธาน

พระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ (地藏王菩薩)

มหาปณิธานพระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ (地藏王菩薩)

“...เพื่อหมู่สัตว์ทั้งหกภูมิผู้มีบาปทุกข์ ข้าพเจ้าจะใช้วิธีการต่างๆ ช่วยให้หลุดพ้นจนหมดสิ้น แล้วตัวข้าพเจ้าจึงจะสำเร็จพระพุทธมรรค”