collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: ท่องนรก  (อ่าน 72318 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                               เที่ยวเมืองนรก

               ครั้งที่ 32  วันที่  2  กรกฏาคม  พ.ศ. 2520

                     ตอน  ท่องแดนพร่าหัวใจนรกน้อย

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จปรากฏกาย ตรัสเป็นกลอนมีความว่า  :

              ข่มทำลาย        ทั้งเจ้า - โคตร        อดสูมาก
ยกต่างชาติ                    หมิ่นตนเอง             ไร้คุณธรรม
ศีลธรรมจีน                     สืบต่อกัน                หลายพันปี
วัฒนธรรม                      เลื่องลือดี               ใหญ่ยิ่งเอย   

อรหันต์จี้กง   :  วัฒนธรรมและศีลธรรมของประเทศจีนนั้น
แรกเริ่มเดิมทีนันซึ่งสะสมก่อตัวขึ้นจากธาตุศักดิ์สิทธิ์แห่งฟ้าดิน ดังนั้นกาลเวลายิ่งนานจึงผุดผ่องใหม่สดอยู่เสมอ สืบต่อเป็นหมื่นปีมิรู้ขาดสิ้น แต่น่าเสียดายที่ผู้คนหลงนิยมในปรากฏการณ์ มุ่งแสดงแตวัตถุ ดูหมิ่นวัฒนธรรมของตนเองแล้วกลับไปนิยมเลียนแบบตะวันตกโดยสิ้นเชิง การเสพเหล้ากินเนื้อ กามลามก  ที่รุนแรงดุเดือด เต็มไปทั่วทุกหัวระแหง ในสังคมพวกที่ลืมชาติ ลืมตระกูลนิยมชาติอื่นการดูหมิ่นตนเองนั้นน่าอับอายที่ตนเองเป็นบุตรหลานแห่ง พระเจ้าอึ้งตี่ (ต้นตระกูลชนชาวจีน)  ยิ่งทุกวันนี้ วิทยาศาสตร์เจริญรุ่งเรือง คิดว่ามนุษย์สามารถเอาชนะธรรมชาติ แต่หารู้ไม่ว่าตนเพียงแต่เป็นข้าวเม็ดหนึ่งในท้องน้ำมหาสมุทร ถึงแม้จะมีฝีมือยอดเยี่ยมก็เปรียบเสมือนฟองน้ำน้อยฟองหนึ่งในทะเลอันกว้างใหญ่ไพศาลเท่านั้น จะใช้วิทยาศาสตร์ทำลายธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ ใช้ความแยบยลเอาชนะธรรมชาติจึงต้องรับผลร้ายในทีสุด เมื่อมนุษย์หลุดพ้นจากธรรมชาติก็ตกอยู่ในความไม่ปกติแห่งความเป็นอยู่ของชีวิต ดังนั้นผู้ที่มีเลือดเนื้อจิตใจควรตระหนักให้มาก ๆ วันนี้เตรียมท่องนรก เจ้าหยางเซิงขึ้นบนดอกบัวเร็ว

หยางเซิง   :  กระผมนั่งเรียบร้อยแล้ว เชิญท่านอาจารย์ออกเดินทางได้.....

อรหันต์จี้กง   :  ถึงแล้วละ ลงจากดอกบัวเร็ว

เซียมล้ออ๊วง   :  ยินดีต้อนรับท่านอาจารย์และท่านหยางเซิงมาเยือนขุมเราอีกครั้ง  การเดินทางคงลำบากนะ

อรหันต์จี้กง   :  ที่ไหนได้ เรามารบกวนขุมของท่านในวันนี้อีกครั้ง ขอท่านยมบาลพาเข้าไปชมดูในคุก

เซียมล้ออ๊วง   :  คราวก่อนข้าพเจ้าได้พูดไว้แล้วว่า จะพาท่านเข้าไปชม "นรกพร่าหัวใจ" ด้วยตนเอง เชิญตามข้าพเจ้าเข้าไปในคุกเถิดนายทหารคอยให้การอารักขา

หยางเซิง   :  ขอบคุณมากที่ท่านยมบาลให้ความเอ็นดู เบื้องหน้านั้นคือ "16 แดนพร่่าหัวใจนรกน้อย" ได้ยินแว่วแห่งความทรมานแผดผ่านมา  ข้าพเจ้าว่าคงจะเป็นสถานที่ลงโทษที่คล้งไปด้วยคาวเลือด

เซียมล้ออ๊วง   :  มวลมนุษย์ล้วนเกิดจาก "เปลี่ยนใจ" ไปแล้วเมื่อตกมาในนรก จึงจำเป็นต้องเฉือนเอาออกมารักษาเสียบ้าง

หยางเซิง   :  พัศดีมาแล้ว ข้าพเจ้าจะไปแสดงความเคารพก่อน

พัศดี   :  ขอน้อมต้อนรับท่านเจ้านายและท่านอาจารย์กับท่านหยางเซิง ที่ได้มาเยือนคุกของข้าพเจ้า ทราบว่าท่านหยางเซิงแห่งสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้งแห่งเมืองไถ่ตง และท่านอาจารย์แห่งฟ้าตะวันตกจะมาเยือนคุกนี้ หากมีมารยาทที่ไม่เรียบร้อย ขอโปรดอภัยให้ด้วย

หยางเซิง   :  ท่านพัศดีเกรงใจมากเกินไปแล้ว ข้าพเจ้าติดตามท่านอาจารย์มาเยี่ยมคุกของท่านในวันนี้เพื่อจะแต่งเรื่อง "เที่ยวเมืองนรก" ขอได้ให้การชี้แจงแนะนำ

เซียมล้ออ๊วง   : 
ให้ทหารรีบเปิดประตู

นายทหาร ขอรับคำบัญชา.....เปิดออกแล้ว เชิญเข้าไปชมข้างในเถิด

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                        เที่ยวเมืองนรก

               ครั้งที่ 32  วันที่  2  กรกฏาคม  พ.ศ. 2520

                     ตอน  ท่องแดนพร่าหัวใจนรกน้อย

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จปรากฏกาย ตรัสเป็นกลอนมีความว่า  :

              ข่มทำลาย        ทั้งเจ้า - โคตร        อดสูมาก
ยกต่างชาติ                    หมิ่นตนเอง             ไร้คุณธรรม
ศีลธรรมจีน                     สืบต่อกัน                หลายพันปี
วัฒนธรรม                      เลื่องลือดี               ใหญ่ยิ่งเอย   

หยางเซิง   :  อุ๊ย ๆ
เสียงร้องอย่างอเนจอนาถใจเหลือที่จะทนฟังได้อีกแล้ว มองเห็นยมทูตในคุกล้วนใช้มีดแหวกอกวิญญาณโทษควักเอาหัวใจราวกับฆ่าหมูแล้วตัดเอาหัวใจออกฉันนั้น วิญญาณโทษถูกมัดตืดอยู่กับเสาไม้ อกถูกผ่าออก ได้ยินเสียงวิญญาณโทษร้องอย่างน่าเวทนาเพียงคำเดียว ก็สลบไปเลย มิทราบว่าพวกมันต้องโทษอะไรบ้าง?.

พัศดี   :  ข้าพเจ้าจะราดน้ำคืนชีพให้ ให้มันได้คืนชีพขึ้น

หยางเซิง   :  ศักดิ์สิทธิ์พิศดารจริง ๆ วิญญาณโทษที่โดนน้ำคืนชีพเข้าหน้าอกแต่ละตนเรียบร้อยดังเดิม ตัวก็ฟื้นตื่นขึ้น

พัศดี   :  ข้าพเจ้าจะพาวิญญาณโทษ 2 - 3 ตนออกมาให้มันเล่าความชั่วของตนเองให้ฟัง

เซียมล้ออ๊วง   :  วิญญาณโทษฟังคำสั่งทางนี้ นี่คือท่านอรหันต์จี้กงและท่านหยางเซิงแห่งสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้ง เมืองไถ่ตงแดนมนุษย์ ตามเทวโองการ มาสืบหาความลับยังที่นี่ พวกแกทำชั่วอย่างไรในโลกมนุษย์ ให้สารภาพโดยเร็ว ห้ามปิดบัง เพื่อความสะดวกในการแต่งหนังสืออย่าขัดคำสั่ง

วิญญาณโทษ   :  ขอรับคำบัญชา ขอให้ท่านยมบาลลดหย่อนผ่อนโทษให้กระผมด้วย มิทราบจะได้หรือไม่ประการใด?.

เซียมล้ออ๊วง   :  แกเล่าไปก่อน แล้วฉันจะพิจารณาให้เอง 

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                        เที่ยวเมืองนรก

               ครั้งที่ 32  วันที่  2  กรกฏาคม  พ.ศ. 2520

                     ตอน  ท่องแดนพร่าหัวใจนรกน้อย

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จปรากฏกาย ตรัสเป็นกลอนมีความว่า  :

              ข่มทำลาย        ทั้งเจ้า - โคตร        อดสูมาก
ยกต่างชาติ                    หมิ่นตนเอง             ไร้คุณธรรม
ศีลธรรมจีน                     สืบต่อกัน                หลายพันปี
วัฒนธรรม                      เลื่องลือดี               ใหญ่ยิ่งเอย   

วิญญาณโทษ   :  เอาครับ
กระผมตอนเป็นนุษย์ได้เล่าเรียนศึกษาไม่น้อย ถึงขั้นมหาลัยได้รับการอบรมจากแผนสมัยใหม่หลงใหลแบบอย่างทางตะวันตก ในมหาวิทยาลัยมีศาสตราจารย์ท่านหนึ่งเป็นผู้ถือศาสนาคริสต์ ท่านปลอบให้กระผมถือคริสต์ด้วย โดยบอกว่าไม่เพียงแต่จะศึกษาภาษาอังกฤษในชั้นสูงแล้วยังมีโอกาสไปเรียนนอกอีกด้วย กระผมคิดถึงหนทางในอนาคตเห็นว่าการนี้ก็เป็นทางที่ดีทางหนึ่งเหมือนกัน เลยตกลงรับคำอย่างง่ายดาย จากนั้นมาพอมีเวลาว่าง ก็ไปโบสถ์ฟังการบรรยายธรรมจากบาทหลวง เรียนภาษาอังกฤษ  สาวกผู้ถือคริสต์ล้วนแต่งกายแบบสากลทันสมัย ฉะนั้นผู้ถือคริสต์จึงมีคนหนุ่มมาก ที่เป็นเพื่อนฝูง ประการแรกจะได้ความรู้  ประการสองสามารถรู้จักคนมาเป็นเพื่อนกันได้มากขึ้น และมีการจัดงานต่าง ๆ เสมอ คิดเป็นคณะสังคมแห่งคนหนุ่มคณะหนึ่ง หลังจากรับการล้างบาปแล้ว ในใจคิดว่าทางบ้านไหว้เจ้าไหว้พระมันไม่เหมาะสมกับกาลสมัยเสียแล้ว ล้วนเป็นการไหว้ตัวรูป เป็นผู้ที่งมงาย ตอนโรงเรียนปิดพักร้อนกระผมกลับไปอยู่บ้าน ก็ตั้งใจเปลี่ยนแปลงความเชื่อถือของคนในบ้าน เริ่มพูดจาหว่านล้อมบิดามารดา ให้ละทิ้งนับถือในตัวรูป เื่องจากบิดามารดาหลงใหลเชื่อถือยึดมั่นมานาน จึงไม่ยอมเชื่อฟังคำกระผม กระผมเกิดความโกรธเคืองขึ้นในแวบหนึ่งก็เลยขนเอาป้ายเจ้าป้ายของบรรพบุรุษไปโยนทิ้งยังพื้นดิน  บิดามารดาเห็นเข้าโกรธจนหน้าเขียวหน้าเหลือง คว้าเอาเก้าอี้ฟาดตีกระผม เมื่อได้รับการเสียดแทงใจจากการนี้ กระผมจึงไม่กลับไปอยู่บ้านอีก เมื่อสำเร็จการศึกษาแล้ว ได้ติดตามบาทหลวงออกไปประกาศธรรมและได้เข้าทำงานในคริสต์สมาคมนั้น ต่อมาตายลงด้วยอุบัติเหตุรถยนต์ขณะที่ตายนั้นพระผู้เป็นเจ้าพระเยซู ก็มิได้ให้เกียรติมารับไปขึ้นสวรรค์ กลับมีแต่ยมทูต ๆ 2 ตนคุมตัวมายังนรกผ่านการตัดสินจากยมบาลแล้วให้คุมขังไว้ใน "นรกพร่าหัวใจ" ขอท่านยมบาล อภัยโทษให้กระผมด้วยเถิด

เซียมล้ออ๊วง   :  การนับถือศาสนานั้นอันที่จริงแล้วก็ิได้แบ่งแยกออกเป็นเขตแดนอันใด ทุก ๆ ศาสนาล้วนจะเลื่อมใสนับถือได้ แต่แกนี่มันลืมตัว(ลืมต้นตระกูล) ทำลายล้างผลาญป้ายเจ้าป้ายบรรพบุรุษ การเชื่อถือแบบแกอย่างนี้จะสอนให้ชาวมนุษย์ที่ดื่มน้ำต้องรำลึกถึงแหล่งต้นน้ำได้อย่างไร(หมายความว่า ระลึกถึงบรรพบุรุษที่ให้กำเนิดสืบต่อ ๆ มา) ถึงแม้ว่าผู้เผยแพร่ศาสนาบอกไม่ให้กราบไหว้ "ตัวรูป"  แต่แกไม่เข้าใจธรรมแห่งความเป็นจริง ไม้กางเขนคัมภีร์คริสต์บาทหลวงนั้นก็เป็นตัวรูปเช่นเดียวกัน และแกทำไมจึงกราบไหว้นับถือเล่า ?. ที่ว่า "สลัดทิ้งซึ่งตัวรูป" ก็คือต้องการให้แกมองเห็นความไม่เที่ยงแท้ในโลกมนุษย์ อย่าไปหลงใหลเสพสุขทางเรือนร่าง (เนื้อหนังมังสา)  ควรเสริมสร้างความว่างเปล่าทางจิตใจให้เต็ที่ "ไม่ไหว้ตัวรูป" ก็คือ ยกย่องการเชื่อถือเลื่อมใสแห่งจิตใจ เพื่อที่จะแสวงหาทางอยู่ยืนยงตลอดไป แกเข้าใจในความหมายนี้ผิดไป การทำลายป้ายชื่อบรรพบุรุษเท่ากับตัดขาดกุศลบุญของบรรพบุรุษ อยากจะถามว่าตัวแกมาจากแห่งใด?. แกแซ่อะไร?.  ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนสืบเนื่องมาจากบรรพบุรุษสวรรค์ "ตั่วเซี่ยงตี่" (พระเจ้าองค์ใหญ่) บรรพบุรุษคือ เสี่ยวเซี่งตี้ (พระองค์เจ้าเล็ก) แกมันลืมต้นตระกูลข่มโคตร ไม่ใช่ความมุ่งหมายอันแท้จริงของพระผู้เป็นเจ้า ดังนั้นสวรรค์จึงไม่รับ ต้องตกลงมาอยู่ในนรกในเมื่อแกสารภาพมาตามความจริงจะลดโทษให้ 2 เดือน เมื่อหมดกำหนดการลงโทษแล้ว ให้ส่งไปยัง 6 ช่องทางเพื่อไปผผุดเกิดอีกครั้ง

อรหันต์จี้กง   :  การเลื่อมใสนับถือศาสนาคือการฝึกฝนอบรมจิตใจ มิใช่ว่าพวกปัญญาอ่อนวุ่นวายกันเอง การต่อต้านซึ่งกันและกันอ้างตนเองถูกต้อง กฏสวรรค์ได้วางไว้แน่วแน่แล้ว ที่โจมตีหาว่าศาสนาอื่นไม่ถูกต้อง อ้างอวดว่าศาสนาตนเองถูกต้องนั้น ได้บังเกิดจิตใจแห่งการแบ่งแยกแล้ว จิตแห่งเมตตากรุณานั้นสูญสิ้นไปแล้วจึงไม่สามารถสำเร็จธรรม ถ้าหากว่าคนพวกนี้สามารถสำเร็จธรรมแล้วก็หมายความว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นเกิดการลำเอียง ต้องดูคนนับถือศาสนาใดแล้วจึงจะให้คุ้มครอง เมื่อนั้นแล้วสิ่งศักดิ์สิทธิ์เทพเจ้าก็จะเกิดขัดแย้งวุ่นวาย สวรรค์ก็จะกลายเป็นสนามรบ จะมีชื่อว่าแดนแห่งความผ่องแผ้วสดใสยอดสุขได้อย่างไร?. วันนี้เวลาหมดแล้ววันอื่นค่อยมาเยี่ยมชมใหม่ เจ้าหยางเซิงเตรียมตัวกลับสำนัก

เซียมล้ออ๊วง   :  นายทหารตั้งแถวนมัสการส่งท่านอาจารย์

หยางเซิง   :  เพราะเหตุเวลาดึกมาก อยู่นานไม่ได้ขอขอบคุณท่านยมบาลและพัศดีกับนายทหารทั้งหลายในการให้คำแนะนำ เราขอลาก่อนละ

อรหันต์จี้กง   :  รีบขึ้นดอกบัว

หยางเซิง   :  กระผมนั่งเรียบร้อยแล้ว เชิญอาจารย์ท่านเดินทางกลับเถิด.....

อรหันต์จี้กง   :  ถึงสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้งแล้ว หยางเซิงลงจากดอกบัว วิญญาณกลับเข้าสู่ร่างดังเดิม

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                        เที่ยวเมืองนรก

               ครั้งที่ 33  วันที่  15  กรกฏาคม  พ.ศ. 2520

                     ตอน  ท่องแดนพร่าหัวใจนรกน้อย  ครั้งที่ 2

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จปรากฏกาย ตรัสเป็นกลอนมีความว่า  :

              ด้วยปัญญา        มักอิจฉา        ผู้ดีกว่า
ชอบกล่าวหา                   ลอบทำร้าย     ด้วยอุบาย
ประพฤติชั่ว                     ก่อทุกข์เข็ญ    กรรมติดกาย
ร้องจนตาย                     ในนรก           พร่าหัวใจ

อรหันต์จี้กง   : 
ในโลกมนุษย์มีคนอยู่ชนิดหนึ่ง ตัวเองนั้นไม่มีภูมิปัญญา พอเห็นผู้อื่นมีความสามารถแสดงออกมา ก็เกิดความริษยาขึ้น โดยแอบใช้อาวุธลับ เข้ายุแหย่ปลุกปั่น หรือเที่ยวโพนทะนาปมด้อยหรือความผิดของผู้นั้นให้ร่ำไป บ้างก็เห็นผู้อื่นบำเพ็ญธรรมที่ต่างกันกับตนที่เชื่อถืออู่ ก็กล่าววาจาให้ร้ายทำลายล้าง เหล่านี้ล้วนต้องตกเข้า"นรกพร่าหัวใจ" เพื่อตัดเฉือนใจที่ริษยาผู้อื่นที่เก่งกว่า ใจที่ให้ร้ายทำลายล้างผู้อื่นนั้นออก วันนี้เตรียมท่องนรก เจ้าหยางเซฺงขึ้นดอกบัวเร็ว

หยางเซิง   :  ขอรับคำบัญชา กระผมนั่งลงเรียบร้อยแล้ว เชิญท่านอาจารย์เดินทางได้.....

อรหันต์จี้กง   :  ถึงแล้วละ ลงจากดอกบัวเร็ว

หยางเซิง   :  "นรกพร่าหัวใจ" ได้ปรากฏต่อหน้าจริง ๆ ด้วย

อรหันต์จี้กง   :  วันนี้เราจะไม่รบกวนท่านยมบาลอีก เราตรงไปยัง "แดน 16 พร่าหัวใจนรกน้อย" เพื่อประหยัดเวลา พัศดีได้เปิดประตูต้อนรับเราแล้ว

หยางเซิง   :  เราเข้าไปข้างในกันเถิด

พัศดี   :  ขอต้อนรับท่านอาจารย์กับท่านหยางเซิงมาเยี่ยมชมอีกครั้ง เชิญท่านทั้งสองเข้าชมภายใน

หยางเซิง   :  การลงโทษของคุกนรกน่าหวาดเสียวสยองเกล้าเหลือเกิน เริ่มจากขุมที่ 1 แล้ว พอย่างเข้าแดนนรกสิ่งที่ได้รู้ได้เห็นล้วนมืดมัวขนลุกน่าสยดสยองทั้งสิ้น เฉพาะอย่างยิ่งความอนาถเมทนาหัวใจของวิญญาณโทษในนรกพร่าหัวใจ ยิ่งทวีความเศร้าสลดใจแสนที่จะทนทานได้

พัศดี   :  หัวใจเป็นเจ้าผู้ครองในตัวมนุษย์ "พร่าหัวใจ" นั้นเป็นการลงโทษที่ทรมานสุดยอดหาที่เปรียบมิได้ หัวใจโดนตัดสะเทือนไปทั่วสรรพางค์กาย ความเจ็บปวดทรมานนั้นยากที่ตัวหนังสือจะถ่ายทอดออกมาได้

อรหันต์จี้กง   :  เราเข้าไปในคุกอีกครั้ง สัมภาษณ์วิญญาณโทษเพิ่มอีกสัก 2-3 ตน เพื่อรวบรวมข้อมูลไปเตือนผู้คนในแดนมนุษย์

พัศดี   :  ท่านรออยู่นอกห้องขังก่อน ข้าพเจ้าจะเข้าไปพาตัววิญญาณโทษออกมาสัก 2-3 ตน ให้นายทหารพักการทำโทษชั่วคราวไว้ก่อน ใช้พัดคืนชีพให้ ทำให้หน้าตาเดิมของมันกลับคืนมา

นายทหาร   :  รับคำบัญชา

พัศดี   :  ปลดวิญญาณโทษ 3 ตนออก เพื่อให้ออกจากห้องขัง ให้เล่าสารภาพหลักฐานการทำชั่วของตนต่อท่านอาจารย์ และท่านหยางเซิงแห่งสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้งเมืองไถ่ตงของแดนมนุษย์ ที่รอคอยอยู่ข้างนอก เพื่อปลอบเตือนชาวโลก

นายทหาร   :  ได้ปลดวิญญาณโทษ 3 ตนออกแล้ว รีบตามท่านพัศดีออกจากห้องขัง

พัศดี   :  ท่านนี้คือ อรหันต์จี้กง  และท่านหยางเซิง แห่งสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้งแห่งเมืองมนุษย์ ท่านศิษย์อาจารย์รับเทวโองการท่องนรกเพื่อแต่งหนังสือ รีบสารภาพความจริงที่ตนสร้างไว้ในตอนมีชีวิตอยู่เพื่อลงในหนังสืิอ เร็ว !  เร็ว !

วิญญาณโทษ   :  ผม
ตอนมีชีวิตอยู่นั้นทำงานเป็นข้าราชการอยู่สถานที่ ๆ หนึ่ง เนื่องจากผมเองไม่มีผลงานที่ดีเด่นเห็นเพื่อน ๆ ร่วมงานเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น ภายในใจก็เกิดความแค้น - ริษยา หาว่าเจ้านายไม่ยุติธรรมจึงคิดจะหาทางแก้แค้น และฉวยโอกาสปั้นแต่งเรื่องเท็จต่าง ๆ ไปฟ้องร้องต่อเจ้านายเสมอ ๆ โดยแจ้งเท็จไปว่า เขาผู้นั้นรายงานการปฏิบัติงานเท็จบ้าง คอรัปชั่นบ้างเพื่อจะใส่ร้ายเขา ก็เพราะเรื่องนี้แหละ เมื่อ 4 ปีก่อนนั้น เกิดป่วยเป็นโรคมะเร็งถึงแก่ความตาย ถูกยมทูตขาวดำนำตัวเข้ามาในนรก คุมขึ้นไปบนหอกระจก (กรรม) วิเศษ  ฉายออกซึ่งเหตุการณ์ความผิดซึ่งผมเล่นสกปรกและใส่ร้ายเพื่อนร่มงาน ต่อมาถูกมอบส่งให้ขุมที่ 5 ให้ท่านยมบาลพิจารณาตัดสิน ท่านยมบาลโกรธมาก ด่าว่าผมไม่มีความสามารถแล้วไม่เจียมตัวไปอิจฉาริษยาผู้มีภูมิปัญญา ทำอุบายให้ร้าย จิตใจโหดเหี้ยมอำมหิต  ตัดสินให้ผมมารับโทษที่นี่โดนยมทูตผ่าอกตัดพร่าหัวใจทุกวี่ทุกวัน เจ็บปวดแสบไส้ ตอนอยู่ในเมืองมนุษย์ไม่เชื่อว่ามีกรรมสนองตอบเรื่องเหตุและผล เมื่อตายลงแล้วจึงมีทุกข์แต่ไม่สามารถพูดได้

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                           เที่ยวเมืองนรก

               ครั้งที่ 33  วันที่  15  กรกฏาคม  พ.ศ. 2520

                     ตอน  ท่องแดนพร่าหัวใจนรกน้อย  ครั้งที่ 2

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จปรากฏกาย ตรัสเป็นกลอนมีความว่า  :

              ด้วยปัญญา        มักอิจฉา        ผู้ดีกว่า
ชอบกล่าวหา                   ลอบทำร้าย     ด้วยอุบาย
ประพฤติชั่ว                     ก่อทุกข์เข็ญ    กรรมติดกาย
ร้องจนตาย                     ในนรก           พร่าหัวใจ

อรหันต์จี้กง   :  จิตใจที่อิจฉาผู้มีปัญญานั้นไม่มควรมี
แกทำลายความสมัครสมานของกลุ่มคณะ เป็นตัวแกะดำไม่ควรอย่างยิ่ง ชาวโลกควรฝึกเรียนความสามารถหาจุดเด่นจากผู้มีปัญญา ต้องให้ความเคารพเทิดทูน ก็จะได้เพิ่มพูนความรักความสามารถไปเรื่อย ๆ มิเช่นนั้นแล้วจิตใจควรแก่การพร่าเฉือนจะต้องลงเอยแบบวิญญาณตนนี้แหละ

พัศดี   :  ตนที่ 2 รีบเล่าความชั่วตนเองครั้งอยู่ในแดนมนุษย์ให้ท่านหยางเซิงฟังว่าผิดอะไรบ้าง

วิญญาณโทษ   :  ตอนมีชีวิตอยู่ ผมเป็นดาบสจำศีลบำเพ็ญธรรมอยู่กับบ้าน ซึ่งได้อธิษฐานสละตัวเป็นสาวกของพระพุทธเจ้าท่าน เนื่องจากได้อ่านพระไตรปิฏกมากพอสมควร จึงถือว่านอกจากพระพุทธเจ้าแล้วล้วนเป็นพวกมาร พวกนอกรีตนอกรอยทั้งนั้น เมื่อไปเจอพวกถือศาสนาอื่นจึงมองดูด้วยสายตาเหยียดหยามหมิ่นแคลน เช่นต่อพวกถือศาสนาเต๋า ผมจะพูดว่า "ที่เธอกราบไหว้นั้นเป็นพวกภูตผีชั้นต่ำนอกรีตนอกรอย ต่อไปจะไม่ได้สำเร็จขึ้นสวรรค์"  มีคนเขาให้หนังสือธรรมจากสำนักรับทรงให้ผมอ่าน ผมก็ไม่สนใจแม้แต่จะมองดูเลย โดยพูดว่า "ภูตผีสิงสู่ร่างพู่กันทรงเป็นของปลอม อย่าไปเชื่อถือ ศาสนาอุบาทว์"  ทั้งชีวิตมีแต่พูดทำลายศาสนาอื่นอย่างสุดความสามารถ คิดว่าตนเองเข้าใจในพระพุทธธรรมดีแล้วเลิศล้ำยิ่งยอด หารู้ไม่ว่าทางนรกกลับเปิดโล่งเดินสะดวก ขณะตายไม่เห็นมีเจ้าผู้ครองธรรมและทูตจากสวรรค์ แต่มียมทูต 2 ตน ควบคุมตัวผมเข้าคุกถูกส่งมาคุมที่ 5 ยมบาลท่านไม่สบอารมณ์ ตวาดว่า "แกเป็นผู้ทรยศต่อพระพุทธท่าน ไม่มีจิตใจที่เมตตากรุณาแม้แต่น้อย มาตรว่าตัวได้รับศีลแล้วแต่ในใจมีแต่ความโกรธหลงอยู่ ใส่ร้ายป้ายสีศาสนาอื่นอย่างสาดเสียเทเสีย ไม่เข้าใจความเสมอภาคแห่งพุทธธรรม ทุก ๆ ศาสน์ทุก ๆ นิกาย ล้วนมีธรรมมีเหตุผล ขอให้สร้างแต่กุศลบำเพ็ญไม่ทำความชั่วร้ายผิดกฏหมายล้วนเป็นศาสนาที่ถูกต้องเที่ยงตรงทั้งนั้น  แกถือว่าเดชฤทธิ์ของพระพุทธกว้างขวางไม่มีที่สิ้นสุด แต่หารู้ไม่ว่าศาสนาอื่นเขาก็มีฤทธิ์เดชอันมหาศาล ไม่น่าไปตบปากผู้อื่น (เหยียดผู้อื่น) แล้วมาคุยอวดว่าตัวเองสูงส่งเลิศล้ำกว่า เพียงแต่โทษตัวเองดื้อรั้น ถือมิจฉาทิฐิ  ตอนมีชีวิตอยู่ยกตัวเองสูงเกินควร ทำให้ตัวเองลุ่มหลงเลยเกิดจิตใจใส่ร้ายป้ายสีผู้อื่น หมิ่นกฏ  หมิ่นธรรม  หมิ่นศาสนา  หมดสิ้นแล้วซึ่งจิตแห่งพุทธธรรม  ก็เลยต้องมาลงเอยอย่างนี้ แหละฝากเตือนชาวพุทธที่อยู่ในศาสน์เดียวกันทั้งหลาย อย่างพึงเลียนแบบอย่างของผมไปสร้างกรรม ไปทำลายล้างความตั้งใจอุตสาหะตอนที่มีชีวิตอยู่

อรหันต์จี้กง   :  แกเทศนาพระธรรมด้วยการปกปิดพุทธจิตเป็นที่น่าเสียดายยิ่ง ไม่เพียงแต่ควรฆ่า (พร่า) เฉือนหัวใจเท่านั้น ต่อไปใน "นรกถอนลิ้น" ยังมีความทุกข์ให้อีก

พัศดี   :  วิญญาณโทษตนที่ 3 ให้รีบสารภาพความผิดที่ทำไว้ในโลกมนุษย์เร็ว

วิญญาณโทษ   :  ผมเป็นนักทรงเอกของสำนักทรงแห่งหนึ่ง ตอนแรกเริ่มก็ตั้งใจจริงรับทรงปลอบเตือนชาวโลก เทวเจ้าท่านมีความศักดิ์สิทธิ์มาก ต่อมาเจ้าสำนักไม่สนใจใยดีต่อผม ผมก็เลยคิดว่าแต่ละงวดก็ได้ทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อย แต่ปราศจากความหมายกำลังใจก็เลยถอยเสื่อมลงไปมาก จึงพูดกับพวกนักทรงว่า "การรับเข้าทรงล้วนเป็นการมายาจากมนุษย์ทั้งสิ้น พวกเธออย่าไปหลงใหลเลย"  พวกศิษย์นักทรงเมื่อได้ยินผมพูดเช่นนี้แล้วต่างก็สูญเสียความเชื่อถือ จากนั้นก็มิได้เข้าสำนักฝึกธรรมบำเพ็ญตัว ผมก็ออกจากสำนักไปไม่รับเข้าทรงอีก 7 ปีผ่านไป ผมป่วยตาย วิญญาณถูกยมทูตคุมมายังขุมที่ 5 ยมบาลท่านด่าว่า "ตัวแกเป็นนักทรงเอก แม้ว่าไม่มีใครสนใจแกจากสำนัก ก็ไม่ควรกล่าวคำละเมิดให้ร้ายต่อการทรงที่ศักดิ์สิทธิ์ แกทำความผิดอย่างใหญ่หลวง ตัดสินให้เข้าอยู่ "นรกพร่าหัวใจ" 15 ปี รับการลงโทษฐานแห่ง "ใจกล่าวร้ายต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์" เสร็จแล้วส่งไปให้ขุมอื่นจัดการลงโทษอีก จะสำนึกตัวได้ก็สายเสียแล้ว ขอท่านอาจารย์โปรดช่วยขออภัยโทษให้ด้วยเถิด

อรหันต์จี้กง   :  การทรงเจ้าคือตัวแทนแห่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ชาวโลกจะละเมิดให้ร้ายไม่ได้เป็นอันขาด มิเช่นนั้นแล้วโทษนั้นจะไม่มีทางอภัยให้ได้ รับทรงเตือนชาวโลก คือการตอบสนองรับจากฟ้าสวรรค์ท่านเพื่อช่วยเหลือกอบกู้มวลมนุษย์ ต้องได้รับอนุญาตจากท่านเง็กเซียนฮ่องเต้ จึงจะตั้งสำนักประกาศธรรมได้ ผู้กล่าวร้ายทำให้เสื่อมเสียก็เท่ากับละเมิดท่านผู้สูงส่งเบื้องบนสวรรค์ โทษนั้นยากยิ่งที่จะให้อภัยได้ เพราะเหตุว่าเวลาดึกแล้ว เจ้าหยางเซิงเตรียมตัวกลับสำนัก

หยางเซิง   :  ขอบคุณท่านพัศดีและนายทหารที่ให้การนำพาเยี่ยมชม ขอลาก่อนละ

พัศดี   :  จะยินดีต้อนรับท่านมาเยี่ยมใหม่อีกครั้ง

อรหันต์จี้กง   :  นรกพร่าหัวใจนี้สำคัญมาก คราวหน้าต้องมาเยี่ยมเยือนอีก

หยางเซิง   :  กระผมนั่งลงเรียบร้อยแล้ว เชิญท่านอาจารย์กลับสำนักเถิด.....

อรหันต์จี้กง   :  สำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้งถึงแล้ว  หยางเซิงลงจากดอกบัว วิญญาณกลับเข้าสู่ร่างดังเดิม

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                          เที่ยวเมืองนรก

               ครั้งที่ 34  วันที่  17  สิงหาคม  พ.ศ. 2520

                     ตอน  ท่องแดนพร่าหัวใจนรกน้อย  ครั้งที่ 3

                       พอดีเป็นเดือนเจ็ดประตูผีเมืองนรกเปิด

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จปรากฏกาย ตรัสเป็นกลอนมีความว่า  :

             เทศกาล        ทิ้งกระจาด        ในเดือนเจ็ด
วิญญาณผั                  ทั้งใหญ่เล็ก        สุขหรรษา
ขุมนรก                      ปลดปล่อยผี       สามสิบเพลา
เหมือนมนุษย์              สุขสมหวัง          ไม่มากนัก

อรหันต์จี้กง   :  เดือนเจ็ดประตูผีเปิด
พวกวิญญาณผีทั้งหลายมีโอกาสขึ้นมาพักผ่อนหย่อนใจและรับส่วนบุญในเมืองมนุษย์ ดังนั้นเดือนเจ็ดจึงเรียกตามประเพณีว่าเป็น  "เดือนผี" กิจการงานหลายเรื่องต้องถูกห้ามทำ เพราะว่าเกรงจะไปปะทะเข้ากับวิญญาณผี ถ้าหากว่าชาวโลกมีความเกรงกลัวเจ้า - ผีอยู่ทุก ๆ ขณะจิตก็จะไม่มีการทำผิดโดยปริยาย เมื่อประตูผีเปิดออก การท่องนรกแต่งหนังสือย่อมมีอุปสรรค ไม่มากก็น้อย  แต่มีตัวข้าฯ อยู่ที่นี่ด้วย พวกผีสางจะหลบหลีกไปเอง เจ้าหยางเซิงอย่าได้เกรงกลัวเลย

หยางเซิง   :  ผีสางนั้นแปรเปลี่ยนมาจากมนุษย์ เห็นสิ่งประหลาดแต่ไม่ประหลาดด้วย สิ่งประหลาดนั้นก็จะดับสูญไปเอง (เมื่อเห็นผีแล้วไม่กลัวผีก็จะดับไปเอง) กระผมหาได้กลัวมันไม่

อรหันต์จี้กง   :  พูดอย่างนี้ถูกต้องแล้ว ขึ้นบนดอกบัวเร็ว เตรียมท่องนรก

หยางเซิง   :  กระผมนั่งลงเรียบร้อยแล้ว เชิญท่านอาจารย์ออกเดินทางได้แล้ว...

อรหันต์จี้กง   :  ถึงแล้วละ ลงดอกบัวเร็ว.....

หยางเซิง   :  เบื้องหน้าคือ "ประตูเมืองผี" ประตูด้านข้างของ "ประตูผี" ได้เปิดออกแล้ว วิญญาณคนตายแก่งแย่งเบียดเสียดแย่งกันออกมา แต่ละตนยิ้มแย้มแจ่มใสคล้ายกับว่าได้รับอากาศบริสุทธิ์ฉันนั้น

อรหันต์จี้กง   :  เดือน 7 ประตูเมืองผีอนุญาตให้เปิดประตูด้านข้างออก ประดาวิญญาณผีพวก "สามัญชน" ล้วนได้เวรผลัดเปลี่ยนออกเที่ยว  แต่ละตนราวกับว่านกที่หลุดพ้นออกจากกรง ต่างดีอกดีใจจนลืมตัว มุ่งไปยังแดนมนุษย์

หยางเซิง   :  พวกวิญญาณผีที่มาเผชิญหน้าเรา ไฉนจึงทำการหลบหลีกเลี่ยงไป?.

อรหันต์จี้กง   :  มิใช่อย่างนั้น แม้ว่าจะเปิดประตูผีในเดือนเจ็ด แต่ปลดปล่อยเอาพวกวิญญาณผีในพวกสามัญชนนั้น ตอนมีชีวิตอยู่มิได้สร้างบุญกุศลหรือทำบาปเอาไว้ ถูกจัดไว้ที่เขต "สามัญชน" ในแดนนรก ดำเนินการเป็นอยู่เหมือนดั่งชาวโลก ตามปรกติแล้วไม่สามารถจะออกจากเขตแดน เมื่อถึงเดือนเจ็ดมีการอภัยโทษครั้งใหญ่จากเจ้าที่เจ้าทาง อนุญาตให้เปลี่ยนเวรกันออกไปพักผ่อน ส่วนช่องทางของผีในยมโลกต้องเป็นวันที่ 15 จึงปล่อยให้บางส่วนออกไปรับส่วนบุญ ทางพุทธศาสนาว่า "อูลั้งเส่งหวย" ทางศาสนาเต๋ากล่าวว่า "ตงง้วนโพวโต่ว" (คือพิธีโปรดวิญญาณในนรก) ข้าราชการของยมโลกตามปรกติมีวันพักผ่อนที่กำหนดอยู่ก่อนแล้วไม่เกี่ยวกับการนี้  นี่แหละเป็นสภาพความเป็นอยู่ของยมโลกโดยสังเขป เจ้าจงรีบขึ้นบนดอกบัวเสีย เราจะตรงไปเยี่ยมชม 16 แดนพร่าหัวใจนรกน้อย"

หยางเซิง   : 
กระผมนั่งเรียบร้อยแล้ว เชิญอาจารย์ท่านออกเดินทางเถิด

อรหันต์จี้กง   :  ถึงแล้ว ลงจากดอกบัวได้

หยางเซิง   :  ขอรับคำบัญชา พัศดีได้มาต้อนรับเราแล้ว ขอแสดงความเคารพต่อท่านพัศดีและเทวทูตทั้หลาย วันนี้เราศิษย์อาจารย์ได้มารบกวนอีก โปรดให้คำแนะนำด้วย

พัศดี   :  ไม่ต้องเกรงใจ เพราะเหตุที่ตรงกับเดือนเจ็ด การจราจรบนถนนในยมโลกจึงค่อนข้างจะวุ่นวายสับสน ท่านทั้งสองคงลำบากมาก

อรหันต์จี้กง   :  หาเป็นไรมิได้ เราเยี่ยมชมจากนอกประตูเมืองแล้ว เห็นความชื่นบานหฤหรรษ์ของวิญญาณผี จึงตระหนักดีถึงคุณค่าแห่งอิสรเสรี

พัศดี   :  เชิญท่านทั้งสองเข้าไปเยี่ยมชมในคุก ข้าพเจ้าจะจัดคดีเรื่องพิจารณาให้เห็น เพื่อเป็นการปลอบเตือนชาวโลก

หยางเซิง   :  ขอบคุณยิ่ง ข้าพเจ้ามองเห็นวิญญาณโทษในที่คุมขัง มีอาการทุกข์โศกเวทนายิ่งกว่าวันก่อนเสียอีก มิทราบว่าเพราะเหตุใด

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                        เที่ยวเมืองนรก

               ครั้งที่ 34  วันที่  17  สิงหาคม  พ.ศ. 2520

                     ตอน  ท่องแดนพร่าหัวใจนรกน้อย  ครั้งที่ 3

                       พอดีเป็นเดือนเจ็ดประตูผีเมืองนรกเปิด

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จปรากฏกาย ตรัสเป็นกลอนมีความว่า  :

             เทศกาล        ทิ้งกระจาด        ในเดือนเจ็ด
วิญญาณผั                  ทั้งใหญ่เล็ก        สุขหรรษา
ขุมนรก                      ปลดปล่อยผี       สามสิบเพลา
เหมือนมนุษย์              สุขสมหวัง          ไม่มากนัก 

พัศดี   :  เนื่องจากเป็นเดือนเจ็ด บรรดาวิญญาณผีที่ไม่มีความผิด สามารถออกจากคุกไปท่องเที่ยว
วิญญาณโทษเหล่านี้ก็เคยได้ยินเขาพูดไว้ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ว่า เดือนเจ็ดเป็นโลกแห่งวิญญาณผี ในใจคิดว่าวันนี้จะได้ปลดทุกข์สบายสักครั้ง แต่หารู้ไม่ขื่อคาถูกมัด ร่างกายมิได้เป็นอิสระ เห็นคนอื่นได้พักผ่อนสนุกสนานด้วยความกระลิ้มกระเหลี่ย ตนเองถูกคุมขัง ยมทูตไม่มีการปราณี ก็ยังลงโทษพร่าหัวใจตามเคย จึงเกิดการกลุ้มอกกลุ้มใจอเนจอนาจใจยิ่งนัก ชาวโลกควรเตรียมใจไว้แต่เนิ่น ๆ เป็นคนดี ทำความดี อย่าทำบาป  ตายลงแล้วอยู่ในแดนนรกจะไม่เห็นดาวเห็นตะวันเลย ซ้ำยังไม่มีความอิสรเสรีด้วยเนื่องจากเวลาน้อย ข้าพเจ้าจะจัดให้วิญญาณโทษ 2 ตนออกจากที่คุมขังให้เล่าความชั่วของตัวมันเองในปางก่อนเป็นการปลอบเตือนชาวโลก

วิญญาณโทษ   :  พูดไปแล้วน่าขายหน้ามาก เนื่องจากผมได้สูญสิ้นภรรยาตอนวัยกลางคน แต่ยังมีกามราคะติดกายติดใจอยู่ อยู่มาวันหนึ่งขณะที่อยู่ในที่เปลี่ยวของชนบท ระหว่างทางได้พบหญิงสาวนางหนึ่ง จึงเกิดความใคร่ขึ้นอย่างรุนแรงเห็นว่าปลอดคนทั้งสี่ทิศจึงตรงเข้าไปสวมกอดเธอแล้วฉุดคร่าเข้าไปในสวนอ้อยที่ใกล้ ๆ นั้นเตรียมการข่มขืนเธอ หญิงสาวนั้นก็ร้องดิ้นขัดขืนร่ำไห้ครวญครางขอร้องให้ปล่อยเธอไป เนื่องจากผมได้สูญสิ้นสติสัมปชัญญะหิริโอตตัปปะแล้ว จึงสำทับข่มขุ๋ว่า หากไม่ยอมจะฆ่าให้ตาย ในที่สุดเธอก็ต้องจำยอม ให้ผมทำการปู้ยี่ปู้ยำ หลังจากเหตุการณ์ผ่านพ้นไปแล้วผมมีความรู้สึกสำนึกตัว รู้สึกเสียใจมาก แม้ว่าเธอผู้นั้นมิได้ไปแจ้งความให้ตำรวจสืบสวนคดี แต่ผมมีความละอายใจต่อตัวเอง ได้แต่ติเตือนตัวเองอยู่เสมอ ๆ ต่อมาไม่นานผมตายลงด้วยโรคไข้ วิญญาณตกไปถึงแดนนรก  ท่านยมบาลมีความโกรธยิ่งเพราะเหตุว่าผมได้รับสารภาพความผิดโดยดี จึงมิได้ผ่านหอกระจก (กรรม) วิเศษ โดยถูกส่งตรงมายังขุมที่ 5 ตัดสินให้ตกเข้า "นรกพร่าหัวใจ" มีกำหนด 10 ปี เพื่อพร่าเฉือน "ใจมักมากในกาม ใจข่มขืน" ของผมได้รับความทรมานมา 4 ปีเศษแล้ว แต่ละวันเจ็บใจสำนึกผิด แต่เมื่อพลั้งพลาดครั้งเดียว จึงต้องระทมเป็นพันปี จะสำนึกตัวได้ก็สายเสียแล้ว

พัศดี   :  ข่มขืนหญิงพรหมจารี ทำลายคนตลอดชาติ บาปกรรมนั้นชั่วร้ายใหญ่ยิ่งสุดซึ้ง แม้แกจะโทษตัวเองจนถึงกับตายลง รู้จักสำนึกผิดแต่โทษอันนี้ไม่มีทางที่จะชดใช้ได้ ความชั่วร้ายทั้งหลายนับได้ว่ากามราคะเป็นความชั่วที่สุดยอด ทำเองรับเอง อย่าไปโทษใครเขาเลย ขอเตือนชาวโลก อย่าได้ทำผิดในเรื่องกามลามกนี้เป็นอันขาด หากว่าผู้ใดผิดไปแล้วควรรีบไปสารภาพบาปต่อหน้าพุทธเทพ บนบานตั้งอธิษฐานแน่วแน่หรือพิมพ์แจกหนังสือ "เที่ยวเมืองนรก" พันเล่มเพื่อปลอบเตือนชาวโลก จะได้ลดโทษให้บ้าง มิเช่นนั้นแล้วแดนนรกต้องมีส้วนด้วยแน่นอน สั่งให้วิญญาณโทษตนที่ 2 รับารภาพปางก่อนได้ทำเวรก่อกรรมอะไรไว้ ไม่งั้นจะลงโทษอย่างหนักไม่ผ่อนคลาย   

วิญญาณโทษ   : 
กระผมแสนจะเจ็บปวดทรมาน จะพูดก็พูดไม่ออกเพราะว่า ความผิดเพียงวูบเดียวในตอนที่มีชีวิตอยู่นั้นเลยก่อกรรมชั่วอันใหญ่หลวงมหาศาลขึ้น ต้องทนทุกข์อย่างไม่รู้จักจบสิ้น น้อมขอนำท่านอรหันต์จี้กงช่วยกอบกู้ด้วยเถิด

อรหันต์จี้กง   :  ตอนมีชีวิตอยู่รับความสุขทางกามมากเกินควร สุขสดชื่นล้นเหลือ จึงนำความชั่วร้ายมาสนองตน ฉันจะอภัยโทษให้แกทางใดได้เล่า คงก้มหน้ารับกรรมไปเถิด

วิญญาณโทษ   :  กระผมชอกช้ำระกำใจยิ่งนัก เมื่อท่านอาจารย์ไม่ช่วยแล้ว กระผมก็หมดปัญยาได้แต่สารภาพบาปในปางก่อน ตอนมีชีวิตอยู่นั้นกระผมเป็นคนขับรถแท็กซี่ ด้วยเหตุว่ามิได้รับการศึกษาสูงจึงมักจะทำอะไรในทางผิด ๆ สารพัดอย่าง "เทียวผู้หญิง เล่นการพนัน เมาสุรา" เอาหมดทุกอย่าง เฉพาะอย่างเรื่องผู้หญิงภายในรถมีเทปสนทนาพูดแต่เรื่องลามก ถ้ามีผู้เช่าใช้รถเป็นหญิงเดี่ยวก็จะเปิดเทป เป็นการเกี้ยวพาราสี บางคนเจอเข้าก็ด่าผมว่า "ไอ้ผี ไม่มีศีลธรรมปีศาจลามก" เป็นการใหญ่ แต่กระผมก็สนุกสนานชอบใจ ไม่มีความอายเลย มีอยู่ครั้งหนึ่งในเวลากลางคืน ได้รับผู้โดยสารสาวคนหนึ่ง มีหน้าตาที่สวยสดบาดใจมาก กระผมก็เกิดความใคร่ขึ้นมาอย่างรุนแรงรีบเปิดเทปลามก และเร่งความเร็วเพิ่มขึ้นพาไปที่ชานเมืองที่เปลี่ยว แล้วใช้มีดข่มขู่บังคับข่มขืนสำเร็จความใคร่รวดเดียว 3 ครั้งติดกัน เมื่อ 5 ปีเกิดโชคร้าย รถเกิดเสียหลักพลิกคว่ำถึงกับชีวิตดับลง ทันใดนั้นเห็นยมบาลหัวควายหน้าม้าใช้โซ่เหล็กล่ามตัวแล้วคุมไปยมโลก ผ่านการพิจารณาจากทุกขุมแล้วส่งมอบมาให้ขุมที่ 5 ให้ตกเข้า นรกพร่าหัวใจ" มีกำหนด 30 ปี ได้รับการทรมานทุกวี่ทุกวัน จะสำนึกผิดมันก็สายเกินการเสียแล้ว  หวังว่าท่านหยางเซิงหลังจากกลับไปยังโลกมนุษย์แล้ว บอกต่อ ๆ ชาวโลกว่า การกระทำตาง ๆ ในตอยอยู่ในโลกมนุษย์ เมื่อตายแล้วต้องไปคิดบัญชีกันทุก ๆ เรื่องที่ยมโลกให้เคลียร์ (เรียบร้อย) จะรอดจากการลงโทษยากนักโทษแต่ตัวเองโง่เง่า ไม่มีความคิด ก่อสร้างโทษมหาศาล

พัศดี   :  วิญญาณโทษตนนี้บาปเวรหนักหนายิ่ง ถูกหักอายุขัย 10 ปี โดนเก็บกับแดนนรกก่อนกำหนดเป็นการตัดตอนปราบปรามพวกคนชั่ว รอจนการลงโทษคุกนี้หมดลง จะส่งเข้านรกโลกันต์ ไม่ให้ไปผุดเกิดได้ตลอดกาล ชาวโลกควรจดจำจากตัวอย่างนี้ เรื่องกามลามกเป็นสิ่งชั่วร้ายสุดยอดแห่งความชั่วทั้งหลาย บรรดาการสมสู่ที่ไม่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม หรือข่มขืนผู้หญิง หรือเปิดเทปเสียงลามกในรถต่าง ๆ โดยความคิดชั่วร้ายนั้นๆ ยมกฏไม่มีการให้อภัยหากไม่ระมัดระวังในการกระทำ วันข้างหน้าจะไม่สามารถช่วยเหลือชดเชยได้เลย

อรหันต์จี้กง   :  การทำโทษแบบ "พร่าหัวใจ" มีความทรมานเจ็บปวดมากกว่าทำโทษอื่น ๆ เป็นหมื่นเท่า ชาวโลกจงอย่ากระทำสิ่งใด ๆ ด้วยใจอธรรมเป็นอันขาด มิเช่นนั้นแล้วต้องได้รับสนองตอบแค่มือเอื้อมเท่านั้น จะสำนึกผิดก็สายเสียแล้ว เพราะเวลาหมดลง เจ้าหยางเซิงเตรียมตัวกลับสำนัก

หยางเซิง   :  ขอบคุณท่านพัศดีและนายทหารมาก

อรหันต์จี้กง   :  รีบขึ้นบนดอกบัวเถอะ

หยางเซิง   :  กระผมได้นั่งลงเรียบร้อยแล้ว เชิญท่านอาจารย์กลับสำนักได้...

อรหันต์จี้กง   :  ถึงสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้งแล้ว หยางเซิงลงจากดอกบัว วิญญาณกลับเข้าสู่ร่างดังเดิม 

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                         เที่ยวเมืองนรก

               ครั้งที่ 35  วันที่  30  สิงหาคม  พ.ศ. 2520

                     ตอน  ท่องแดนพร่าหัวใจนรกน้อย  ครั้งที่ 4

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จปรากฏกาย ตรัสเป็นกลอนมีความว่า  :

            การพนัน        เหมือนแมลงเม่า        โถมกองไฟ
ทรัพย์บรรลัย              แม้นหมื่นแสน            ไม่รู้สึก
หญิงสำส่อน              เมามั่วกาม                ไม่เคยนึก
ตกเหวลึก                 จะร้องโอด                ร้องไปไย 

อรหันต์จี้กง   :  พวกที่กินแล้วก็เที่ยว ไม่คิดจะทำงานทำการ
ไม่ประกอบอาชีพที่ชอบธรรม ดำเนินการครองชีพด้วยเล่นการพนัน มีผู้สุจริตชนไม่น้อยถูกพวกนี้หลอกล่อตกหลุมพรางจนเสียผู้เสียคนถึงกลับต้องล้มละลายบ้านแตกหมดเนื้อหมดตัว เป็นเรื่องที่น่าแค้นเคืองยิ่งนัก เช่นกรณีการปล้นทรัพย์เมื่อเร็ว ๆ นี้ที่เกิดขึ้นในถาคกลางก็เนื่องมาจากการเล่นการพนัน สาเหตุมาจากไม่มีเงินไปใช้หนี้ในการเสียพนันนั้น จึงได้เสี่ยงอันตรายไปปล้นเขา ดังนั้นคดีปล้นจี้ใหญ่น้อยกับการลักเล็กขโมยน้อยจึงเกิดขึ้นเสมอ ๆ การพนันสามารถทำลายมนุษย์ แพร่พิษสงลึกล้ำมากมาย ชาวโลกจงอย่าเข้าใกล้บ่อนการพนันเป็นอันขาดเพื่อที่จะไม่ต้องซ้ำชอกขมขืนไปตลอดกาลนาน กามราคะเป็นที่สุดแห่งความชั่วร้ายทั้งปวง ใครไปทำเข้าจะต้องรับโทษอัปยศอดสูเสียชื่อเสียเสียง เฉพาะผู้หญิงคนดีตามบ้านยิ่งต้องรักเกียรติชื่อเสียงอย่าไปคบชู้สู่ชายลับหลังสามี ก่อเหตุร้ายขึ้น หญิงเจ้าชู้มีบาปนักหนา เฉกเช่นการพนันวิญญาณผีในแดนนรกโอดครวญร้องทุกข์ สุ้มเสียงนั้นเศร้าโศกหดหู่เวทนา ไม่น้อยที่เกิดจากสิ่งเหล่านี้ วันนี้อาตมาจะพาหยางเซิงไปท่อง "16 แดนพร่าหัวใจนรกน้อย" อีกครั้ง  ไปสังเกตการณ์การลงโทษของพวกนี้ เจ้าหยางเซิงเตรียมขึ้นบนดอกบัว

หยางเซิง   :  กระผมนั่งลงเรียบร้อยแล้ว เชิญท่านอาจารย์ออกเดินทางได้.....

อรหันต์จี้กง   :  ถึงแล้วละ เจ้ารีบลงจากดอกบัว

หยางเซิง   :  กระผมลงมาแล้ว เหตุการณ์ของแดนนรกในวันนี้ผิดแปลกต่างกันมาก วิญญาณผีเที่ยวไปเที่ยวมา รู้สึกคึกคักมาก  บรรยายกาศนั้นได้ปลอดโปร่งนุ่มนวลดี มันเนื่องจากอันใดมิทราบ?

อรหันต์จี้กง   :  เพราะเหตุว่ากลางเดือนเจ็ดได้มีการโปรดเวไนยสัตว์ (โปรดสัตว์) สองวันนี้ในโลกมนุษย์ทุกแห่งหนได้จัดแต่งสถานที่ทำพิธีกรรมเพื่อให้ทานแผ่ส่วนบุญแก่วิญญาณผี ถ้าหากวิญญาณตนใดที่มีโทษฐานเบาหน่อยล้วนสามารถออกจากคุก ไปรับการให้ทานโดยทั่วหน้า

หยางเซิง   :  ความจริงเป็นอย่างนี้เอง พัศดีได้มาต้อนรับเราอยู่ข้างหน้าแล้ว

พัศดี   :  ยินดีต้อนรับท่านทั้งสองมาเยือนคุกนี้ เพราะเหตุตรงกับเดือนเจ็ดมีการโปรดสัตว์ ยมโลกให้อภัยโทษครั้งใหญ่ จึงรู้สึกค่อนข้างวุ่นวายสับสน ขอท่านอย่าได้ถือสาหาความเลย

อรหันต์จี้กง   :  ที่ไหนได้ ไม่ต้องเกรงใจ เรารบกวนบ่อยครั้งแล้ว ขอท่านพัศดีและนายทหารทั้งหลายอภัยให้ด้วย

พัศดี   :  นี่เป็นกระทำการตามคำสั่ง แต่งหนังสือเตือนชาวโลก บุญกุศลยิ่งยงนัก กล้าหรือจะทำเฉยเมย เชิญเข้าชมภายในเถิด

หยางเซิง   :  ขอบคุณ ในคุกมีเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดไม่ขาดสาย

อรหันต์จี้กง   :  นรกพร่าหัวใจล้วนเป็นพวกที่มีโทษหนักมาก จึงไม่อยู่ในรายการอภัยโทษครั้งใหญ่นี้ เลยไม่สามารถรับการเซ่นไหว้ของสังเวยจากแดนมนุษย์

พัศดี   :  วันนี้ข้าพเจ้าคุมตัววิญญาณโทษ 2 ตน ที่ต่างจากวันก่อนให้มันบอกเล่าเหตุการณ์ในปางก่อนด้วยตัวมันเอง จงฟังคำสั่งดังนี้ ท่านรูปนี้คืออรหันต์จี้กง อีกท่านหนึ่งคือหยางเซิงแห่งสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้ง เมืองไถ่ตง เมืองมนุษย์ เนื่องจากได้รับเทวโองการให้เข้ามายังยมโลกรวบรวมหลักฐานข้อมูลเตือนชาวโลก หวังว่าวิญญาณโทษ 2 ตนนี้จะรีบสารภาพความชั่วที่สร้างสมไว้ในปางก่อนอย่าได้ชักช้าเสียเวลา 

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                         เที่ยวเมืองนรก

               ครั้งที่ 35  วันที่  30  สิงหาคม  พ.ศ. 2520

                     ตอน  ท่องแดนพร่าหัวใจนรกน้อย  ครั้งที่ 4

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จปรากฏกาย ตรัสเป็นกลอนมีความว่า  :

            การพนัน        เหมือนแมลงเม่า        โถมกองไฟ
ทรัพย์บรรลัย              แม้นหมื่นแสน            ไม่รู้สึก
หญิงสำส่อน              เมามั่วกาม                ไม่เคยนึก
ตกเหวลึก                 จะร้องโอด                ร้องไปไย   

วิญญาณโทษ   : 
ขอรับคำบัญชา ผมตอนมีชีวิตอยู่ทำงานบริษัทแผนกเดินตลาด วันทั้งวันต้องไปติดต่อลูกค้าอยู่นอกร้าน จึงได้ไปพักผ่อนที่โรงแรมเสมอ ๆ เลยรู้จักแม่สื่อคนหนึ่ง มิช้ามินานต่อมา เธอได้ชวนผมร่วมเล่นการพนันด้วย แรกเริ่มเดิมทีเพียงแต่ว่าอยากรู้อยากเห็นเท่านั้น ต่อมาก็เล่นกันเป็นประจำทุกวัน มิเช่นนั้นแล้วมันคันไม้คันมือหงุดหงิดใจไปหมด จากนั้นก็ลุ่มหลงเที่ยวแตร่อยู่กับบ่อนการพนัน แม้ว่ารายได้จากงานนอกร้านพอสมควร แต่มักจะเล่นเสียจนป่นปี้ไปหมด จึงไม่สมดุลกับทุนการพนัน ก็เลยต้องไปหยิบยืมจากเพื่อนฝูงทั่วไป ไม่สนใจดูแลความเป็นอยู่ในครอบครัวผ่านชีวิตด้วยวิธีนี้ไปเรื่อย ๆ  จวบจนกระทั้่งอายุได้ 43 ปี ครั้งหนึ่งได้ขี่รถเครื่อง เกิดอุบัติเหตุขึ้น โดยที่มีอาการมึนเมาด้วยฤทธิ์สุราชีวิตเลยลาโลก เมื่อตายแล้วถูกยมทูตคุมตัวมายังนรกจึงรู้ว่าโดนหักอายุขัย 5 ปีผ่านการพิจารณาจากขุมที่ 1 จนถึงขุมที่4 แล้วจึงส่งมอบให้ขุมที่ 5  ท่านยมบาลโกรธมาก ตัดสินให้ผมตกเข้า"นรกพร่าหัวใจ" 13ปี แต่ละวันโดนพร่าเฉือน "ใจที่รักการพนัน" เจ็บปวดทรมานเหลือที่จะกล่าว ขอให้ชาวโลกจงอย่ารักการพนันเป็นชีวิตจิตใจเป็นอันขาด แดนนรกเกลียดพวกนักการพนันยิ่ง ท่านยมบาลพอเห็นหน้านักการพนันต้องสั่งให้คุมไปเฆี่ยนเสียหนึ่งร้อยหวายก่อนแล้วจึงพิจารณาคดี ท่านว่าก้นของนั่งการพนันนั้นแข็งแกร่งมาก เพราะว่านั่งอยู่กับโต๊ะพนันทุกวี่วัน ขาดการออกกำลังกาย ท่านยมบาลจึงได้ใช้ไม้กระดานเฆี่ยนตีที่ก้น เพื่อเป็นการอกกำลังกาย การกระทำเช่นนี้ไม่เพียงแต่รับการอดสูและยังต้องเจ็บตัวด้วย โอย ผมเจ็บปวดทรมานจริง ๆ ขอท่านอาจารย์โปรดช่วยเหลือด้วย

อรหันต์จี้กง   :  พวกนักการพนัน เมื่อลงมือแล้วไม่เคยมีการปรานีใครเลย แกจะใช้มือข้างไหนขอความช่วยเหลือจากฉัน?. รับโทษแต่โดยดีไปเถอะ อย่าคิดเพ้อเจ้อไปเลย ! 

พัศดี   :  ห้ามขอความช่วยเหลือส่งเดชนะ "ใจรักการพนัน" รักษาให้แกหายดีแล้วยังจะต้องส่งไปลงโทษที่ "นรกไปนาบมือ" อีก ใครใช้ให้แกชอบเล่นการพนันตอนมีชีวิตอยู่เล่า เมื่อตายแล้วก็ต้องรับการสนองอย่างนี้แหละ  อย่าไปโทษฟ้าโทษคนเลย วิญญาณโทษตนที่ 2 รีบสารภาพมาว่าปางก่อนได้ทำอะไรน่าอดสูไว้บ้าง

วิญญาณโทษ   : คนมากหน้าหลายตาอย่างนี้ พูดไปก็อายละซี...ฉันได้แต่งงานแล้ว เนื่องจากมีนิสัยสำส่อนมาแต่เดิม จึงได้เที่ยวคบหาเพื่อนชายทั่วไปหมด เพื่อหาความสุขตื่นเต้น ตอนมีชีวิตอยู่ได้คบชาย 5 คน แอบไปสมสู่กันนอกบ้านเสมอ ๆ สามีไม่มีทางจะรู้ได้เลย ตอนที่อายุได้ 54 ปี เกิดเป็นโรคหัวใจวายถึงกับตายลง วิญญาณถูกนายทหารขาวดำคุมเอาไว้ ผ่านหอกระจก (กรรม) วิเศษฉายเอาความบัดสีในปางก่อนออกมาจึงได้รับสารภาพโดนส่งมอบให้ขุมที่ 5 ตัดสินเข้าอยู่ใน "นรกพร่าหัวใจ" 20 ปี แต่ละวันถูกพร่าเฉือนหัวใจแสนเจ็บปวดจะสำนึกผิดได้ก็สายเสียแล้ว ขอท่านอาจารย์โปรดช่วยขอร้องต่อท่านยมบาล ให้ความปรานีอภัยฉันพ้นจากความทรมานนี้เถิด

อรหันต์จี้กง   :  เธอเป็นเมียคน แต่ไม่รักษาสงวนประเพณีแห่งสตรีเพศ หลงในกาม ใฝ่หาสิ่งฟุ้งเฟ้อไร้แก่นสาร และก็ไมเคยมีการทำบุญสร้างกุศลฉันก็ไม่สามารถจะช่วยได้

พัศดี   :  ท่านอาจารย์อย่าได้ไปสนใจมันเลย ตอนมีชีวิตอยู่ชอบมั่วกาม จึงต้องพร่าเฉือนเอา "ใจมักมากในกาม" ออก นี่คือการทำเองรับเอง จะขอให้พุทธเทพอภัยโทษให้ ตอนมีชีวิตอยู่ความวางมือจากมีดฆ่าสัตว์ (คือสร้างบุญสร้งกุศล)  เช่นนั้นแล้วจึงมาขอพุทธขอเทพ ก็จะได้ให้อภัยโทษทันที ถ้ายังไม่สำนึกตัวจนวันตาย จะอภัยก็ไม่มีทางเสียแล้วล่ะ

อรหันต์จี้กง   :  ท่านพัศดีพูดสมเหตุสมผลมาก บรรดาผู้ที่ชอบเล่นการพนันหรือชอบมั่วกามนั้น ควรรีบสำนึกตัว แล้วตั้งต้นกันใหม่ ทำบุญกุศลให้มาก หากว่าสามารถไปบนบานต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้วพิมพ์แจก "เที่ยวเมืองนรก" ให้มากเข้าโทษนั้นก็จะอภัยให้ได้ วันนี้เวลาดึกมากแล้ว เจ้าหยางเซิงเราเตรียมกลับสำนักกันเถอะ

หยางเซิง   :  ขอรับคำบัญชา ขอบคุณท่านพัศดีและนายทหารที่ให้การรับรอง ขอลาก่อนละ

พัศดี   :  ให้นายทหารตั้งแถวนมัสการส่งท่านอาจารย์

อรหันต์จี้กง   :  เจ้าอยางเซิงรีบขึ้นบนดอกบัวเร็ว เตรียมเดินทางกลับ

หยางเซิง   :  กระผมนั่งลงเรียบร้อยแล้ว เชิญอาจารย์ท่านกลับได้แล้ว...

อรหันต์จี้กง   :  สำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้งถึงแล้ว หยางเซิงลงจากดอกบัว วิญญาณกลับเข้าสู่ร่างดังเดิม

                              นรกขุมที่ห้า

        ขุมที่ห้า             สุดสยอง             แสนน่ากลัว
สุดมีดมัว                    น่าเกรงขาม         อนาถหนอ
วิญญาณบาป              ย่างเข้ามา           น้ำตาคลอ
ผู้บาปรอ                    รับโทษทัณฑ์       โดยทั่วกัน
        ยมบาล             หน้าเหล็ก            สั่งเฉียบขาด
ชี้ชะตา                     ผู้ก่อกรรม             ให้อาสัญ
ถูกแหวกอก               ควักหัวใจ             กรีดร้องกัน
หมิ่นวัฒนธรรม            เห่อต่างชาติ          ดูถูกตัว
        พวกลืมตน         ลืมชาติ                ศาสน์กษัตริย์
ชอบตระบัด               ยักยอก                ทำลายชาติ
พวกริษยา                 เขาได้ดี                เป็นสันดาน
ได้รับการ                 ทุรกรรม                ให้ซ้ำไป
        ทั้งพวกสงฆ์      ไม่เจียมตน            ออกนอกศีล
เที่ยวหากิน               นอกลู่ทาง            เถลไถล
ชอบดูถูก                 ศาสนา                 ของใครใคร
ที่กล่าวไป                ถูกพร่าใจ              ให้สิ้นกรรม

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                         เที่ยวเมืองนรก

               ครั้งที่ 36  วันที่  18  สิงหาคม  พ.ศ. 2520

                                 ขุมที่ 6

                 ตอน  สนทนากับยมบาลเปียงเซี้ยอ๊วง

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จปรากฏกาย ตรัสเป็นกลอนมีความว่า  :

            กลางเดือนแปด        เวียนมาถึง        อย่างง่ายดาย
วุ่นมิคลาย                          ตั้งแต่เช้า          ยันค่ำมา
หงอกขึ้นเต็ม                       ศรีษะ              ด่วนชรา
มัวชะล่า                           ไม่ชำระ            สะสางใจ

อรหันต์จี้กง   :  วันเพ็ญเดือน 8 ใกล้เข้ามาอีกแล้ว
วันเวลาผ่านไปเหมือนสายน้ำ สำนักของท่านรับเทวโองการให้แต่งหนังสือ "เที่ยวเมืองนรก" เมื่อวันเพ็ญปีกลายนี้ พริบตาเดียวเกือบเต็มขวบปีแล้ว ศิษย์ทังหลายได้ทำงานหามรุ่งหามค่ำอย่างเหน็ดเหนือยเพื่อแต่งหนังสือ ได้สร้างแล้วซึ่งความชอบอันยิ่งใหญ่ ชีวิตมิได้อยู่ยืนนานนัก โบราณท่านว่า คนเรามีอายุได้ถึง 70 ปี นั้นหาได้ยากแต่โบราณกาลมา" มาตรแม้นวิชาแพทย์จะเจริญรุ่งเรืองในสมัยปัจจุบัน ระดับการครองชีพยกฐานะสูงขึ้น มีการเผยแพร่แนะนำว่า "ชีวิตเริ่มต้นด้วย 70 (ปี)" แต่ผู้ที่สามารถมีอายุถึง 70 ปีนั้นมีสักกี่คน ที่จริงแล้วสวรรค์ท่านมิได้กำหนดอายุขัยของมนุษย์แต่อย่างไร แต่เนื่องจากมนุษย์เรามักมากในกาม กำลังกายกำลังใจถูกเผาผลาญไปเกินควร จึงทำให้ร่างกายดับลงก่อนวัย ซึ่งเป็นการฆ่าตัวเองของชาวมนุษย์โดยแท้ ดังนั้น จึงขอเตือนชาวโลกรีบบำเพ็ญตนแต่เนิ่น ๆ ปลูกฝังเสริมแต่งวิญญาณและจิตใจ ก็จะสามารถมีอายุขัยได้ยั่งยืนนาน วันนี้เตรียมท่องนรก หยางเซิงขึ้นบนดอกบัวเสีย

หยางเซิง   :  มิทราบว่าวันนี้จะไปแห่งใด?.

อรหันต์จี้กง   :  ขุมที่ 5 ท่องมามากพอสมควรแล้ว วันนี้จะเดินทางไปขุมที่ 6 หวังว่าคงตั้งจิตได้มั่นคง

หยางเซิง   :  ภาระหน้าที่ท่องนรกได้สำเร็จลุล่วงไปได้ครึ่งหนึ่งแล้ว กระผมก็ค่อนข้างจะสบายใจ

อรหันต์จี้กง   :  กิจธุระสำเร็จหรือไม่อยู่ที่ตัวคนทำ ขอให้ตั้งใจมั่นคงแน่วแน่ ปฏิญาณไม่ท้อถอย ภารกิจท่องนรกที่หนักหน่วงนั้นก็จะสำเร็จลงโดยสะดวกรวดเร็ว รีบขึ้นดอกบัวเถอะ เวลามีน้อยมาก

หยางเซิง   :  กระผมนั่งเรียบร้อยแล้ว เชิญท่านอาจารย์ออกเดินทางเถิด.....! 

อรหันต์จี้กง   :  ถึงแล้วละ เจ้ารีบลงจากดอกบัวเร็ว

หยางเซิง   : ศาลาว่าการของขุมที่ 6 ได้อยู่ต่อหน้าเราแล้วนอกปราสาทพวกวิญญาณผีออกกันเป็นกลุ่ม ๆ กำลังออกนั่งบัลลังก์ชำระคดี ผู้ที่นั่งอยู่ตรงกลางเกิดถอนตัวออกโดยฉับพลันทันด่วน พวกวิญญาณผีจึงมองมาทางนี้เป็นตาเดียวกัน

อรหันต์จี้กง   :  เปียงเซี้ยอ๊วง แห่งขุมที่ 6 ได้ลงบันไดมาต้อนรับเราแล้ว เจ้าหยางเซิงจงตามฉันเข้าไปแสดงความเคารพ

หยางเซิง   :  ขอรับคำบัญชา ! ขอแสดงความคารวะต่อท่านยมบาลและเทวทูตทั้งหลาย ข้าพเจ้าศิษย์ผู้ต่ำต้อยคือศิษย์แห่งสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้ง เมืองไถ่ตง ซึ่งเป็นศิษย์แห่งกวนอู เราศิษย์อาจารย์รับเทวโองการแต่งหนังสือ มาหาข้อมูลหลักฐานทางยมโลก เพื่อเป็นการเตือนชาวมนุษย์ การมาถึงที่นี่ในวันนี้ ขอให้ท่านยมบาลโปรดประทานความสะดวกให้ด้วย

ยมบาล   :  ลุกขึ้นเร็ว มิต้อง ยินดีที่ได้พบ ! ได้ยินสำนักของท่านเปิดรับประทับทรงบรรยายธรรมมาเป็นเวลานาน สร้างความดีในการเตือนชาวโลกมากหลาย วันเพ็ญเดือน 8 ปีที่แล้ว ขุมของเราได้รับเทวโองการแล้ว ทราบว่าสำนักของท่านแต่งหนังสือ "เที่ยวเมืองนรก" วันนี้เพิ่งมาถึงที่นี่เชิญท่านอาจารย์และท่านหยางเซิงเข้าไปนั่งพักภายในเถิด

อรหันต์จี้กง   :  ขอบคุณท่านเปียงเซี้ยอ๊วงที่ให้เกียรติต้อนรับมาก เจ้าหยางเซิง เราตามท่านยมบาลเข้าไปข้างในเถิด

ยมบาล   :  เทวทูตรีบเสิร์ฟน้ำชาทิพย์เร็ว

เทวทูต   :  ขอรับคำบัญชา.....เชิญดื่มน้ำชา ! 

ยมบาล   :  ท่านอาจารย์กับท่านหยางเซิง มิต้องเกรงใจ เชิญดื่ม

หยางเซิง   :  ขอบคุณท่านยมบาลในการต้อนรับครั้งนี้้ น้ำชานี้ไม่เหมือนกับชาของเมืองมนุษย์ รู้สึกรสหวานชุ่มคอดี