ปรัชญาเมิ่งจื่อ : ปราชญ์เมิ่งจื่อ
๑. บทเหลียงฮุ่ยอ๋วง ตอนท้าย
ปราชญ์เมิ่งจื่อกล่าวต่อไปว่า "หากสมมุติว่า ขุนนางของอ๋องท่านได้ฝากภรรยาไว้ในความดูแลของเพื่องสนิท ตนเองต้องเดินทางไปเมืองฉู่ พอกลับมาได้พบว่า ภรรยาของตนถูกทอดทิ้งอยู่กับความหิวหนาว เพื่อนอย่างนี้ควรจะทำอย่างไรกับเขา" อ๋องว่า "ตัดขาดกัน" ปราชญ์เมิ่งจื่อสมมุติอีกว่า "หากผู้บังคับการในลหุฯ ไม่อาจควบคุมจำกัดลูกน้องของตนได้เล่า ควรทำอย่างไร" อ๋องตอบว่า "ไล่ออกจากงาน" ปราชญ์เมิ่งจื่อสมมุติอีกว่า "หากประมุขของบ้านเมือง ไม่อาจควบคุมความสงบภายในเขตบ้านเมืองรอบด้านได้เล่า ควรจัดการอย่างไร" อ๋องเหลียวดูขุนนางซ้ายขวา หาคำตอบไม่ได้ แล้วเฉไฉพูดเรื่องอื่นไป (บทนี้ ปราชญ์เมิ่งจื่อยกตัวอย่างเพื่อให้อ๋องตื่นใจ ได้ข้อคิดพิจารณาตน) อีกครั้งหนึ่ง ที่ปราชญ์เมิ่งจื่อได้พบกับฉีเซวียนอ๋วง กล่าวว่า "อันบ้านเมืองเก่าแก่นั้น มิใช่เห็นได้ด้วยต้นไม่เก่าแก่ยืนต้นเต็มบ้านเมือง แต่เห็นได้จากขุนนางเก่าแก่จงรักภักดีมาหลายชั่วคน ขณะนี้ อ๋องท่านไม่มีแม้แต่ขุนนางที่สนิท ที่เพิ่งแต่งตั้งเมือ่วันก่อน วันนี้ก็ยังมิรู้ว่า จะยั่งยืนหรือไม่เพียงไร" อ๋องว่า "ถ้าเช่นนั้น ทำอย่างไรเราจึงจะดูออกว่านั่นไม่ใช่คนที่มีคุณสมบัติ จะได้เพิกถอนเสีย" ปราชญ์เมิ่งจื่อว่า "กษัตริย์จะคัดขุนนางเข้าวังถ้าจำเป็นจะต้องยกย่องผู้อยู่ตำแหน่งล่างให้สูงขึ้นกว่าคนที่อยู่เหนือกว่า ยกย่องขุนนางที่อยู่ห่าง ให้ขึ้นมาใกล้ชิดกว่าคนสนิทที่มีอยู่ก่อน การนี้ จะไม่รอบคอบระมัดระวังไม่ได้ หากบุคคลผู้รับการยกย่องนั้น ขุนนางซ้ายขวาต่างชื่นชมว่าดีเช่นนี้ ก็ยังรับไม่ได้ หากขุนนางทั้งหมดล้วนว่าดี ก็ยังเชื่อไม่ได้ แต่ถ้าชาวเมืองทั้งหมดชมว่าดี อย่างนี้สมควรที่จะพิจารณา เมื่อเห็นเป็นเมธีแท้ จากนั้นจึงแต่งตั้ง คนซ้ายขวาล้วนว่าใช้ไม่ได้ อย่าได้เชื่อความ แต่คนทั้งบ้านเมืองล้วน
ว่าใช้ไม่ได้ จึงพิจารณา เมื่อเห็นว่าใช้ไม่ได้จริง จากนั้นจึงปลดไป หากคนซ้ายขวาว่าประหารได้ อย่าฟัง ขุนนางทั้งหมดล้วนว่าประหารได้ อย่าฟัง คนทั้งบ้านเมืองว่าประหารได้ จึงพิจารณา เมื่อเห็นว่าประหารได้จึงประหาร จึงกล่าวได้ว่า "เป็นโทษประหารจากมติของคนทั้งบ้านเมือง" ทำดังนี้ได้ จึงเป็นพระบิดาแห่งประชาราษฏร์" พระเจ้าฉีเซวียนอ๋วง ถามอีกว่า "กษัตริย์ซังถัง เนรเทศกษัตริย์เซี่ยเจี๋ย (ทรราช) กษัตริย์อู่อ๋วงยกทัพปราบกษัตริย์โจ้วอ๋วง (ทรราช) เรื่องนี้เป็นจริงหรือไม่" ปราชญ์เมิ่งจื่อตอบว่า "มีประวัติจารึกไว้" ถามอีกว่า "ถ้าเช่นนั้น ขุนนางล้มล้างปลงพระชนม์กษัตริย์ได้หรือ" ตอบว่า "คนที่ทำลายกรุณาธรรม เรียกว่า "ปล้น" (เจ๋ย) คนที่ทำลายหลักมโนธรรม เรียกว่า "โหด" (ฉัน) คนที่ปล้นฆ่ากรุณามโนธรรม เรียกว่า "ทรชน คนโฉด" (ตู๋ฟู) ข้าพเจ้าได้ยินแต่ว่า กษัตริย์โจวอู่อ๋วงนั้น ได้ล้มล้างทรชนคนหนึ่งนามว่าโจ้ว ไม่ได้ยินว่า กษัตริย์โจวอู่อ๋วงปลงพระชนม์กษัตริย์เลย"