ปรัชญาเมิ่งจื่อ : ปราชญ์เมิ่งจื่อ
๓. บทเถิงเหวินกง ตอนต้น
มีผู้สวมรอยทฤษฏีของอริยเจ้าเสินหนง บรมครูเภสัช สมุนไพร เขาผู้นั้นชื่อสวี่สิง จากเมืองฉู่เดินทางมาเมืองเถิง เมื่อย่างเข้าประตูราชฐาน ก็ทูลแก่พระเจ้าเถิงเหวินกงทันทีว่า "ข้าฯ มาจากแดนไกล ได้ยินว่าพระองค์จะใช้แผนปกครองกรุณาธรรม หวังจะได้บ้านสักหลังอยู่อาศัยเป็นข้าแผ่นดินในพระองค์" เถิงเหวินกงโปรดประทานบ้านให้ ลูกศิษย์ผู้ติดตามเขาหลายสิบคน ล้วนสวมผ้าเนื้อหยาบ ดำรงชีวิตจากการทำรองเท้าหญ้า และทอเสื่อขาย เฉินเหลียงปราชญ์เมืองฉู่ มีศิษย์ชื่อเฉินเซียง กับน้องชายของเขาชื่อเฉินซิน แบกคราด คันไถจากเมืองซ่งมาเมืองเถิง กล่าวว่า "ได้ยินว่าองค์ประมุขจะปกครองแผ่นดินเช่นอริยชน นั่นก็คืออริยกษัตริย์ ข้า ฯ ขอเป็นชาวเมืองอริยะ" เฉินเซียงได้พบกับสวี่ซิงที่มาถึงก่อน ได้ยินทฤษฏีที่เขาพูดดีใจมากถึงกับละทิ้งวิชาชีพที่เรียนรู้มา ขอศึกษาทฤษฏีของอริยเจ้าเสินหนง จาก สวี่สิง ภายหลัง เฉินเซียง ไปพบท่านปราชญ์เมิ่งจื่อ บอกกล่าวคำพูดของสวี่สิงแก่ปราชญ์เมิ่งจื่อว่า "พระเจ้าเถิงเหวินกงถือเป็นประมุขเมธีโดยแท้ แต่ถึงกระนั้น พระองค์ยังไม่เคยฟังหลักธรรมของอริยะ ประมุขเมธีมีคุณธรรม น่าจะต้องใช้ชีวิตทำงานคราดไถร่วมไปกับชาวบ้าน หุงหาอาหารพร้อมกับปกครองบ้านเมือง แต่บัดนี้เล่าเมืองเถิงมียุ้งฉางใหญ่ ท้องพระคลังมีทรัพย์สินมากมาย นี่ก็คือ เอาความเหนื่อยยากของประชาชนมาปรนเปรอหลวง จะเรียกว่า ประมุขเมธีมีคุณธรรมได้อย่างไร" ปราชญ์เมิ่งจื่อว่า "สวี่สิงผู้นั้นคงทำนาปลูกข้าวเอามากินใช่หรือไม่" ตอบ : ใช่
ถาม : เขาได้ทอผ้ามาตัดเย็บสวมใส่เองหรือ
ตอบ : มิได้ แต่เขาสวมผ้าหยาบ ( ผ้ากระสอบ )
ถาม : เขาสวมหมวกหรือไม่
ตอบ : สวม
ถาม : หมวกอะไร
ตอบ : หมวกเรียบๆ ทอด้วยไหมดิบ
ถาม : ทอเองหรือ
ตอบ : มิได้ เอาข้าวเปลือกแลกมา
ถาม : ทำไมจึงไม่ทอเอง
ตอบ : จะเสียเวลาที่ต้องทำนา
ถาม : สวี่สิงผู้นั้นหุงข้าวด้วยหม้อโลหะ คราดไถด้วยเครื่องมือโลหะหรือไม่
ตอบ : ใช่
ถาม : เครื่องมือเครื่องใช้ทั้งหมด เขาทำเองหรือ
ตอบ : หามิได้ เอาข้าวเปลือกแลกมา
ปราชญ์เมิ่งจื่อว่า "เอาข้าวเปลือกไปแลกเครื่องมือทำนา แลกหม้อโลหะดินเผา จะไม่เหนื่อยยากแก่ช่างตีเหล็กคนทำงานเตาเผาหรอกหรือ ส่วนคนทำงานเตาเผา ช่างตีเหล็กก็เอาสินค้าของตน ไปแลกข้าวเปลือกกับชาวนา จะไม่เหนื่อยยากแก่ชาวนาหรอกหรือ ไฉนสวี่สิงผู้นั้นจึงไม่เป็นช่างเผา ช่างเหล็กเสียเอง ทำได้เองจะมิดีกว่าหรือ ต้องการสิ่งใดก็ทำได้เองในบ้านตน ทำไมจะต้องวุ่นวายไปแลกเปลี่ยนกับใคร ๆ เขา ไม่เกรงว่าจะยุ่งยากลำบากแก่ใคร ๆ หรือ" เฉินเซียงตอบว่า "คงเป็นไปไม่ได้ ขณะทำนากับทำอย่างอื่น ๆ ไปพร้อมกัน ปราชญ์เมิ่งจื่อว่า "ถ้าเช่นนั้น ก็มีแต่ผู้บริหารบ้านเมืองเท่านั้นสิ ที่ต้องทำนาไปด้วย อย่างที่ท่านว่า พึงรู้ว่า งานนั้นมีงานของผู้ใหญ่ มีงานของผู้น้อย หากทุกงานรวมอยู่บนตัวคน ๆ เดียว จะต้องทำของใช้ทุกอย่างด้วยตัวเองแล้วจึงได้ใช้ ถ้าเช่นนั้น ผู้นำบ้านเมืองก็จะต้องตระเวณไปรอบบ้านเมืองไม่หยุดหย่อน" โบราณกล่าวว่า บางคนจะต้องเหนื่อยยากใจ บางคนจะต้องเหนื่อยยากแรงกาย หเนื่อยยากใจ ทำหน้าที่ปกครองดูแลคน เหนื่อยยากแรงกาย ได้รับการปกครองดูแล คนที่ได้รับการปกครองดูแล ทำหน้าที่เลี้ยงดูผู้ปกครองดูแล ผู้ปกครองดูแล ได้รับการเลี้ยงดูจากคนภายใต้ปกครอง นี่เป็นหลักการที่เป็นไปในโลก