ปรัชญาเมิ่งจื่อ : ปราชญ์เมิ่งจื่อ
๗
บทจิ้นซิน ตอนต้น
ปราชญืเมิ่งจื่อว่า "เจ้าเมืองปฏิบัติตอเมธี หากเอื้อเฟื้อแต่อาหาร ไม่ถนอมรัก จะเหมือนเลี้ยงหมู แต่หากได้แต่ถนอมรัก ไม่ให้เกียรติ ก็จะเหมือนนกเลี้ยงหรือสัตว์สวยงาม จิตใจที่ให้เกียรติ จะต้องมีอยู่ตั้งแต่ก่อนมอบสิ่งกำนัล แแต่หากให้เกียรติเฉพาะหน้า ไม่มีจริงใจ เมธากัลยาณชนนั้น จะไม่รออยู่จนถึงเวลาเสแสร้งให้เกียรติหรอก"
ปราชญ์เมิ่งจื่อว่า "คนที่ปรากฏบุคลิกภาพของคุณธรรมอยู่เสมอนั้น คือผู้ที่ฟ้าประทานจิตวิสัยจากฟ้ามาแต่เดิมที แต่ทว่า จะมีแต่อริยชนเท่านั้น ที่
ปฏิบัติตามจิตวิสัยจากฟ้าได้อย่างแท้จริง"
สิงเซ่อ เทียนซิ่งเอี่ย เอว๋ยเซิ่งเหยิน หยันโฮ่วเขออี่เจี้ยนสิง
พระเจ้าฉีเซวียนอ๋วง ใคร่จะเปลี่ยนแบบแผน ให้ลดเวลาการไว้ทุกข์ลง ขุนนางกงซุนโฉ่ว ศิษย์ครูปราชญ์มาเรียนถามว่า "ลอเวลาการไว้ทุกข์ให้เหลือหนึ่งปี น่าจะดีกว่าเลิกไว้ทุกข์เป็นแน่"
ครูปราชญ์ว่า "ท่านว่าไว้ทุกข์สามปี ลดลงเหลือหนึ่งปี ก็จะเหมือนจับแขนผู้สูงวัยบิดไปข้างหลังอย่างนั้น ให้ผู้สูงวัยสิ้นโอกาสที่จะกราบทูลทัดทาน(หมดสถานภาพความภาคภูมิใจ) ท่านจงไปทัดทานอ๋อง อย่าเพิ่งด่วนตัดสิน ให้ค่อย ๆ หารือกัน ซึ่งการนี้ ก็ยังจะต้องใช้หลักคุณธรรม - กตัญญู และสมานสามัคคีพีน้องเป็นข้อคิดพิจารณา"
ช่วงนั้น บังเอิญมารดาของราชบุตรองค์หนึ่งถึงแก่กรรม เนื่องจากมีฐานะเป็นแค่นางใน ราชบุตรไม่อาจไว้ทุกข์ได้อย่างเต็มที่ได้ จึงส่งพระอาจารย์ไปทูลขอพระบิดา ให้ได้ไว้ทุกข์สักสามเดือนถึงห้าเดือน กงซุนโฉ่ว กลับมาเรียนถามครุปราชญ์อีกว่า "ให้ไว้ทุกข์ได้สามสี่เดือนนี้ จะพิจารณาในแง่ใด"
ครูปราชญ์ว่า "ราชบุตรอยากไว้ทุกข์เต็มสามปี แต่ประเพณีไม่อนุญาต สถานการดังนี้ ไว้ทุกข์หนึ่งวันยังดีกว่าไม่ไว้ทุกข์เสียเลย ครั้งก่อนที่ครูว่าก็คือ น่าจะมีใครไปทัดทาน อย่าให้องค์ประมุขลดเวลาการไว้ทุกข์ลง"
ปราชญ์เมิ่งจื่อว่า "เป้าหมายบุคคลที่กัลยาณชนใคร่จะอบรมสั่งสอนนั้น มีห้าประเภทคือ
- ประเภทปัญญาชนคนรอบรู้ หวังความสำเร็จได้ประหนึ่งฝนชโลมให้ แม้น้ำเพียงหยดเดียว ก็สมบูรณ์งามได้
- ประเภทจิตใจซื่อตรง พอได้รับการส่งเสริม เขาจะค่อย ๆ เพิ่มพูนคุณธรรม
- ประเภทเชาวน์ปัญญาปราดเปรื่อง รอบรู้เรื่องทางโลก
- ประเภทอ่อนน้อมถ่อมใจใฝ่ถาม จึงให้การชี้นำ
- ประเภทคนดีที่ขวนขวายเก็บตกความรู้เอง
คนห้าประเภทนี้ กัลยาณชนยินดีจะอบรมสั่งสอน