collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: ปรัชญาเมิ่งจื่อ : ปราชญ์เมิ่งจื่อ : เริ่มเรื่อง  (อ่าน 68380 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                         ปรัชญาเมิ่งจื่อ  :   ปราชญ์เมิ่งจื่อ

                         ๑. บทเหลียงฮุ่ยอ๋วง ตอนต้น

        จงปฏิการะคนชราของเรา จนถึงขราของเขาอื่น  จงอุปการะผู้อ่อนเยาว์ของเรา จนถึงผู้อ่อนเยาว์ของเขาอื่น (เหล่าอู๋เหล่า อี่จี๋เหยินจือเหล่า อิ้วอู๋อิ้ว อี่จี๋เหยินจืออิ้ว) หากโอบอุ้มรอบรายได้เช่นนี้ การปกครองบ้านเมือง ก็จะอยู่ในอุ้งมือคุณธรรมได้ ดังในคัมภีร์ซือจิงจารึกว่า "เป็นแบบอย่างแก่ภรรยา จนถึงพี่น้อง จนกระทั่งขยายขอบเขตไปถึงการปรกครองบ้านเมือง" (สิงอวี๋กว่าชี จื้ออวี๋ชยงตี้ อี่อวี้อวี๋เจียปัง) คำพูดทั้งหมดคือ ให้ใจนั้นมีความรักเมตตา ปรกแผ่แก่คนทั้งหลายนั้นเอง ฉะนั้น การปรกแผ่เอื้อคุณแก่ประชาราษฏร์ จะสามารถรักษาเขตคามทั่วทิศ หากไม่ปรกแผ่เอื้อคุณ จะมิอาจรักษาแม้บุตรภรรยาตน ผุ้ปกครองแว่นแคว้นแต่โบราณ เหตุที่อยู่เหนือคนทั้งหลายได้นั้น ไม่มีอื่นใด เพียงแต่แผ่ขยายการเอื้อคุณ  ให้กว้างออกไปเท่านั้น บัดนี้้ อ๋องท่านมีเมตตาการุณย์เอื้อคุณไปถึงสัตว์ได้ แต่ยังมิได้เอื้อคุณไปถึงประชาราษฏร์ได้นั้น ด้วยเหตุอันใดหรือ?. "ชั่ง" แล้วจึงรู้ว่าหนักหรือเบา "วัด" แล้วจึงรู้ยาวหรือสั้น สรรพสิ่งล้วนเป็นเช่นนี้ จิตใจเป็นเช่นไร อ๋องท่านเป็นผู้วัดใจดูเอง หากอ๋องท่านยาตราทับ เป็นภัยต่อเหล่าทหารขุนนาง อีกทั้งสร้างความเจ็บแค้นไว้กับเจ้าเมืองต่าง ๆ อย่างนั้นแล้ว จะปรีดาปราโมทย์หรือ  พระเจ้าฉีเซวียนอ๋วงตอบว่า "ไม่ เราจะปราโมทย์ด้วยการกระทำเช่นนั้นได้อย่างไร สิ่งที่ทำให้ปรีดาปราโมทย์ได้คือ เราหวังในความปรารถนาอันยิ่งใหญ่ของเรา" ปราชญ์เมิ่งจื่อถามว่า "ความปรารถนาอันยิ่งใหญ่ของอ๋องท่าน จะให้ข้าได้รับรู้หรือไม่" พระเจ้าฉีเซวียนอ๋วงทรงสรวลแต่ไม่ตอบ ปราชญ์เมิ่งจื่อว่า "ก็เพื่อด้วยเหตุที่อาหารเลิศรสยังไม่อิ่มโอษฐ์ ฉลองพระองค์ยังไม่อบอุ่นเบาสบาย หรือเพื่อด้วยเหตุที่สีสันไม่งดงามชวนชม เสียงเสนาะยังไม่ไพเราะพอ หรือสาวสรรกำนัลในที่เรียงรายอยู่ไม่พอเรียกหาใช้สอย กระนั้นหรือ" ที่ข้าฯ มองดูขุนนางทั้งหลายของอ๋องท่าน การปรนเปรอใช้สอยล้วยสมบูรณ์แล้ว แต่อ๋องท่านยังรู้สึกไม่เต็มอิ่มกับสิ่งเหล่านี้หรือ ฉีเซวียนอ๋วงว่า "หาเป็นเช่นนั้นไม่ เรามิใช่ปรารถนาต่อสิ่งเหล่านี้" ปราชญ์เมิ่งจื่อว่า "ถ้าเช่นนั้น ความปรารถนาอันยิ่งใหญ่ของอ่องท่านก็พอจะรู้ได้แล้วว่า ปรารถนาจะขยายอาณาเขต ต้องการให้เมืองฉิน เมืองฉู่ มาถวายบรรณาการทุกปี ต้องการปกครองแผ่นดินจีนทั้งหมดเป้นเอกเทศ สยบขวัญชนเผ่าน้อยรอบด้าน แต่ทว่า วิธีการปกครองขณะนี้ จะหวังให้เป็นไปตามปรารถนา จะอุปมาดั่งปีนป่ายต้นไม้หาปลา (เอวี๋ยนมู่ฉิวอวี๋) อ๋องว่า "ถ้าทำเช่นนั้นจะมีภัยร้ายแรงเชียวหรือ" ปราชญ์เมิ่งจื่อตอบว่า "เป็นภัยใหญ่หลวงนัก...ปีนต้นไม้หาปลา แม้ไม่ได้ปลา หามีภัยตามมาไม่ แต่การกระทำในขณะนี้ มุ่งหวังให้เป็นไปตามปรารถนา ทุ่มเทแรงใจทำไปภายหน้าแน่นอน" อ๋องว่า "จะพูดให้เราฟังได้หรือไม่" ปราชญ์เมิ่งจื่อตอบว่า "สมมุติเช่น ชาวเมืองโจวกับชาวเมืองฉู่ สู้รบกัน อ๋องท่านประเมินดูว่าฝ่ายใดจะชนะ" อ๋องว่า "คนเมืองฉู่ชนะ" ปราชญ์เมิ่งจื่อว่า " ถ้าเช่นนั้นหมายความว่า บ้านเมืองเล็กไม่อาจรบชนะบ้านเมืองใหญ่ได้แน่ คนน้อยไม่อาจต่อสู้กับคนมาก กำลังอ่อนไม่อาจเอาชนะกำลังกล้า ขณะนี้ แผ่นดินใหญ่โดยรอบทั้งสี่ทืศ อาณาเขตตารางพันลี้ มีเก้าบ้านเมือง เมืองฉีของอ๋องท่านเป็นหนึ่งในจำนวนนั้น อ๋องท่านจะใช้กำลังเพียงหนึ่งส่วนที่มีน้องพิชิตอีกแปดส่วน เช่นนี้ จะแตกต่างอะไรกับชาวเมืองโจวอันน้อยนิด ที่สู้รบกับชาวเมืองฉู่ที่เข้มแข็งกว่าเล่า ซึ่งจะต้องย้อนมองหลักธรรมของความเป็นอ๋องแห่งตนแล้ว"

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                         ปรัชญาเมิ่งจื่อ  :   ปราชญ์เมิ่งจื่อ

                         ๑. บทเหลียงฮุ่ยอ๋วง ตอนต้น

        วันนี้ หากอ๋องท่านใช้การปกครองด้วยการุณยธรรม เพื่อให้เหล่าขุนนาง ทหารทั้งหมด ล้วยอยากอยู่คู่ราชวงศ์อ๋องท่าน  ชาวไร่ชาวนา ล้วนอยากคราดไถบนผืนแผ่นดินของอ๋องท่าน คนค้าขาย ก็ล้วนอยากเก็บสินค้าไว้ภายในตลาดของอ๋องท่าน  คนเดินทาง ก็ล้วนอยากเข้าออกตามถนนหนทางของอ๋องท่าน  ประชาชนที่เกลียดชังเจ้าเหนือหัวของเขา ก้จะพากันมาระบายความทุกข์กับอ๋องท่าน หากเป็นเช่นนี้ ใครหรือจะต่อสู้กับอ๋องท่านได้  พระเจ้าฉีเซวียนอ๋วงว่า "เรารู้ตัวว่าด้อยปัญญา เกรงว่าจะไม่อาจทำเช่นนี้ได้ ขอท่านได้ช่วยให้เราสมความตั้งใจด้วย จงสอนเราให้ชัดเจน แม้เราจะไม่ปราดเปรื่อง ก็จะลองทำตามท่านดู" ปราชญ์เมิ่งจื่อว่า"จะต้องตระหนักอีกว่าชาวบ้านชาวเมืองหากไม่มีสินทรัพย์มั่นคง จิตใจก็จะขาดความหนักแน่น จิตใจหนักแน่นนี้ มีแต่ "สุชนผู้กล้า" เท่านั้นที่เป็นได้ สำหรับชาวบ้านชาวเมืองทั่วไป หากไม่มีสินทรัพย์มั่นคง จิตใจก็จะไม่หนักแน่น เมื่อปราศจากความหนักแน่นมั่นคง ก็จะประพฤติตนนอกลู่นอกทาง เสียหายไปตามความพอใจสุดท้ายก็ต้องตกไปสู่โทษผิด ถูกจับมารับโทษ เช่นนี้ เท่ากับใช้ร่างแหไม่มีรูปขอบข่ายชาวบ้านชาวเมืองไว้ ไหนหรือคือเจ้าเหนือหัวผุ้การุณย์ปกครอง เป็นการปกครองที่ใช้ร่างแห ครอบข่ายประชาราษฏร์ ไว้มิใช่ดอกหรือ  ด้วยเหตุดังนี้ ประมุขผู้ชาญฉลาดกำหนดทรัพย์สินแก่ประชาราษฏร์ จะต้องให้เขาเห็นว่ามีฐานะพอควรแก่การปฏิการะบิดามารดา พอควรแก่การเลี้ยงดูอุปการะลูกเมีย  ในวัยฉกรรจ์ มั่นใจต่อความอุดมสมบูรณ์ได้ตลอดชีวิต  ในวัยชรา มั่นใจว่าจะไม่อดอยากตายอย่างอนาถา จากนั้น ผลักดันให้เข้าสู่คุณความดี ดังนี้ ประชาราษฏร์ก็จะยินดีอยู่ในความปกครองอย่างง่ายดาย  วันนี้นั้น ประมุขควบคุมสินทรัพย์ประชาราษฏร์ เก็บภาษีอากร จนทำให้ไม่พอแก่การปฏิการะบิดามารดาได้เต็มที่ ไม่พอแก่การอุปการะลูกเมียได้ทั่วถ้วน  ในวัยฉกรรจ์ ต้องเหนื่อยยากลำบากชั่วชีวิตเช่นนี้ มิพ้นที่ชราวัยจะต้องอนาถอดตาย  สภาพการณ์ดังกล่าว แม้เพียงช่วยเหลือผู้ที่จะต้องอดตายก็ยังไม่ทั่วถึงเลย ยังจะมีเวลาพูดถึงการปกครองโดยจริยมโนธรรม หรืออ๋องท่านแทนที่จะใช้ระบบศักดินาปกครอง ไฉนไม่เปลี่ยนการปกครองโดยธรรมเล่า ทุกครอบครัวให้มีบ้านอาศัยในเนื้อที่ห้าหมู่ (หนึ่งหมู่เท่ากับหกพันตารางฟุต) ปลูกต้นหม่อนไว้ริมรั้วบ้าน อายุห้าสิบ ก็จะได้สวมใส่ผ้าไหมแพรพรรณแล้ว  สุนัข สุกร ไก่ สัตว์เลี้ยงเหล่านี้ หากไม่ิดต่อการเจริญพันธุ์ตามควรแก่ฤดูกาล คนที่อายุเจ็ดสิบปีจะกินเนื้อสัตว์ ก็จะได้กิน  จัดสรรที่นาทำกินให้ครอบครัวละหนึ่งร้อยหมู่ (6,000 ตารางฟุต X 100) เพาะปลูกให้ถูกต้องตามฤดูกาล สมาชิกครอบครัวมีแปดคน ก็จะไม่มีที่ต้องอดตาย  อีกขั้นหนึ่งคือ ก่อตั้งสถานศึกษา ให้การอบรมธรรมะของความกตัญญู พี่น้องปรองดอง คนผมขาว (ชราวัย) ก็จะไม่ต้องแบกหามของหนักอยู่ตามทาง อายุเจ็ดสิบ (สูงวัย) ได้สวมใส่แพรพรรณ กินอิ่ม ไพร่ฟ้าประชาราษฏร์ไม่ขาดแคลนเสื้อผ้าอาหาร เช่นนี้แล้ว บ้านเมืองยังไม่รุ่งเรืองได้ คงไม่มี
        (บทนี้ ท่านปราชญ์เมิ่งจื่อยกตัวอย่างตักเตือนให้พระเจ้าฉีเซวี๋ยนอ๋วง ละทิ้งความคิดเผด็จการที่จะปกครองบ้านเมืองในระบบศักดินาเบ็ดเสร็จ)

                                      จบบทเหลียงฮุ่ยอ๋วงตอนต้น

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                          ปรัชญาเมิ่งจื่อ  :   ปราชญ์เมิ่งจื่อ

                         ๑. บทเหลียงฮุ่ยอ๋วง ตอนท้าย

        ขุนนางเมืองฉี นามว่าจวงเป้า เข้าพบท่านปราชญ์เมิ่งจื่อ เรียนถามว่า "วันก่อนข้าพเจ้าเข้าเฝ้าท่านอ๋อง ท่านอ๋องว่า องค์ท่านโปรดดนตรี ข้าพเจ้ายังมิได้ตอบว่ากระไร ข้าพเจ้าจึงใคร่เรียนถามท่านปราชญ์ว่า "เป็นอ๋องโปรดดนตรี จะมีผลต่อการปกครองอย่างไรหรือไม่" ตอบว่า "หากอ๋องโปรดดนตรีอย่างยิ่ง (ขวัญวิญญาณเข้าถึงดนตรีได้อย่างแท้จริง) เมืองฉีก็จะสงบสุขได้ในไม่ช้า"  หลายวันต่อมา ปราชญ์เมิ่งจื่อเข้าพบเจ้าเมืองฉี ถามว่า "อ๋องท่านเคยกล่าวแก่ขุนนางจวงเป้าว่าโปรดดนตรี มีเรื่องนี้หรือไม่" อ๋องมีสีหน้าละอายแก่ใจ ตอบว่า "เราจะชื่นชมดนตรีสมัยอดีตอ๋องหาได้ไม่ แต่กลับชื่นชอบดนตรีดนตรีทางโลกสมัยปัจจุบัน" ปราชญ์เมิ่งจื่อว่า "หากอ๋องท่านโปรดดนตรีเป็นที่ยิ่ง เมืองฉีก็จะมีหวัง (สงบสุข) ดนตรีสมัยปัจจุบัน พลิกแพลงมาจากดนตรีโบราณ" อ๋องว่า "เหตุผลนี้จะพูดให้เราฟังได้หรือไม่"ปราชญ์เมิ่งจื่อว่า "ชื่นชมยินดีมีความสุขกับดนตรีคนเดียว หรือชื่นชมยินดีมีความสุขกับดนตรีร่วมกับใคร ๆ ความสุขใดจะดีกว่า" อ๋องว่า "มีความสุขร่วมกับใคร ๆ จะดีกว่า" ถามอีกว่า "มีความสุขร่วมกับคนหมู่น้อยกับหมู่มาก สุขใดจะยิ่งใหญ่กว่า"  อ๋องว่า "มีความสุขกับคนหมู่มากยิ่งใหญ่กว่า" ปราชญ์เมิ่งจื่อว่า "ถ้าเช่นนั้นข้าพเจ้าก็จะพูดหลักเหตุผลนี้แก่อ๋องท่าน"   "สมมุติว่าขณะนี้ อ๋องท่านกำลังทรงดนตรีอยู่ที่นี่ ประชาราษฏร์ได้ยินเสียงดีดสีตีเป่า ทุกคนก็จะปวดหัว หน้านิ่วคิ้วขมวด ตัดพ้อด้วยความขัดเคืองใจ วิพากษ์วิจารณ์กันว่า "อ๋องของเราดปรดดนตรี มีความสุข แต่ทำไมต้องทำให้เราตกอยู่ในความทุกข์เช่นนี้ ดูซิ พ่อลูกต้องจากกัน พี่น้องลูกเมียกระจัดกระจาย"  สมมุติอีกว่า ขณะนี้อ๋องท่านล่าสัตว์อยู่แถบนี้ ประชาราษฏร์ได้ยินเสียงฝีเท้าม้าขบวนล่าสัตว์ เห็นธงทิวสวยงามที่ประดับด้วยขนนก ทุกคนก็จะปวดหัว จะหน้านิ่วคิ้วขมวดกลัดกลุ้มขัดเคือง จะวิพากษ์วิจารณ์ต่อกันว่า "อ๋องของเราโปรดการล่าสัตว์ สนุกเพลิดเพลิน แต่ทำไมต้องทำให้เราตกอยู่ในความทุกข์เช่นนี้ พ่อลูกต้องพลัดพรากจากัน พี่น้องลูกเมียกระจัดกระจาย เหตุดังนี้มิใช่อื่นใด ด้วยไม่ร่วมสุขกับประชาราษฏร์นั่นเอง  
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18/08/2554, 00:24 โดย jariya1204 »

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                         ปรัชญาเมิ่งจื่อ  :   ปราชญ์เมิ่งจื่อ

                         ๑. บทเหลียงฮุ่ยอ๋วง ตอนท้าย

        ในทางตรงข้าม วันนี้หากประชาราษฏร์ได้ยินเสียงกลอง ระฆัง ดีดสีตีเป่า เสียงทรงดนตรีจากอ๋อง ประชาราษฏร์ต่างปลาบปลื้มยินดี บอกต่อกันว่า "อ๋องของเราคงจะทรงพระเกษมสำราญ ไม่เจ็บป่วยเป็นแน่ มิฉะนั้น จะทรงดนตรีได้อย่างไร" วันนี้หากองค์ทรงล่าสัตว์ ประชาราษฏร์ได้ยินเสียงรถ เสียงฝีเท้าม้า ได้เห็นธงทิวประดับขนนก งดงามผ่านมา แล้วต่างบอกกล่าวต่อกันด้วยความปลาบปลื้มยินดีว่า "อ๋องของเราคงจะไม่เจ็บไม่ป่วยกันแน่ มิฉะนั้น จะทรงออกล่าสัตว์ได้อย่างไร" เหตุดังนี้มิใช่อื่นใด ก็ด้วยร่วมสุขกับประชาราษฏร์นั่นเอง วันนี้ หากอ๋องท่านจะร่วมสุขกับประชาราษฏร์ได้ ก็จะเป็นอ๋องผุ้ทรงธรรม พระเจ้าฉีเซวียนอ๋วงถามว่า "อาณาเขตวนอุทยานป่าล่าสัตว์ของพระเจ้าโจวเหวินอ๋วง นั้น ได้ยินมาว่า กว้างใหญ่ไพศาลถึงเจ็ดสิบลี้โดยรอบทีเดียว เป็นความจริงหรือไม่" ปราชญืเมิ่งจื่อตอบว่า "หนังสือพงศาวดารได้จารึกไว่เช่นนั้น"  "กว้างใหญ่ปานนั้นเชียวหรือ" อ๋องทรงอุทาน  ปราชญ์เมิ่งจื่อเสริมว่า"กว้างใหญ่เพียงนี้ ประชาราษฏร์ยังว่าเล็กไป" อ๋องว่า"สวนสัตว์ของเรากว้างใหญ่โดยรอบสี่สิบลี้ ประชาราษฏร์ยังว่ากว้างใหญ่เกินไป นี่เป็นเพราะเหตุใด" ปราชญ์เมิ่งจื่อตอบว่า "วนอุทยานของอริยกษัตริย์โจวเหวินอ๋วงกว้างใหญ่เจ็ดสิบลี้ ผู้ประสงค์ตัดหญ้านำไปเลี้ยงม้า วัว ควาย  ประสงค์จะต้ดไม้แห้งไปทำฟืน ประสงค์จะจับกระต่ายป่า ไก่ป่า ล้วนเข้าไปได้ในบริเวณนี้ ด้วยมิได้เป็นเขตหวงห้ามสำหรับประชาราษฏร์ แต่เป็นสมบัติของกษัตริย์ร่วมกันกับประชาราษฏร์ ประชาราษฏร์จึงว่ายังเล็กเกินไป  พอข้าพเจ้าเหยียบย่างเข้าเขตบ้านเมืองนี้ ข้า ฯ ขอถามทันทีว่า ข้อห้ามสำคัญยิ่งของบ้านเมืองนี้คืออย่างไร จากนั้นจึงกล้าเหยียบย่างเข้ามา ข้าฯ ได้ยินว่า นอกปราการบ้านเมืองหนึ่งร้อยลี้ มีสวน (ล่า) สัตว์กว้างใหญ่สี่สิบลี้โดยรอบ หากมีใครฆ่ากวางเล็กกวงาใหญ่ในสวนหนึ่งตัว จะมีโทษกับฆ่าคนตายไปหนึ่งคน เช่นนี้ สวนสี่สิบลี้โดยรอบจะเท่ากับหลุมพลางของบ้านเมือง ประชาราษฏร์จึงว่ากว้างใหญ่เกิน กล่าวเช่นนี้ มิใช่สมควรดอกหรือ

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                          ปรัชญาเมิ่งจื่อ  :   ปราชญ์เมิ่งจื่อ

                         ๑. บทเหลียงฮุ่ยอ๋วง ตอนท้าย

        พระเจ้าฉีเซวี๋ยนอ๋วงถามว่า "การคบหากับกับบ้านเมืองชิดใกล้ จะถือว่ามีธรรมะไหม" ปราชญ์เมิ่งจื่อตอบว่า "มี" อ๋องผุ้มีการุณยธรรมเท่านั้น ซึ่งจะเห็นได้จากประวัติศาสตร์ครั้งนั้น ที่พระเจ้าซังทังผู้เกรียงไกร ใส่พระทัยชิดเชื้อเกื้อกูลบ้านเมืองเก่ออาณาจักรเล็ก ๆ  อริยกษัตริย์โจวเหวินอ๋วงผู้ยิ่งใหญ่ อุ้มชูดูแลชนเผ่าคุนอี๋บ้านเมืองชาวป่า กษัตริย์โกวเจี้ยน เอื้อเฟื้อเกื้อหนุนบ้านเมืองของกษัตริย์อู๋ผู้อ่อนกำลังกว่า  "การที่เป็นผุ้ใหญ่ โอบอ้อมอารีต่อผู้น้อยผู้ด้อยกำลัง" แสดงถึงความเป็นผุ้ใหญ่ เป็นผุ้สมานสุขประดุจฟ้ากว้าง ในส่วนผู้น้อยผู้ด้อยกำลัง พึงรู้จักสวามิภักดิ์ยำเกรง ผู้สมานสุขดุจฟ้ากว้าง จะคุ้มครองรักษาไพร่ฟ้าในโลกหล้าได้ ผู้สวามิภักดิ์ยำเกรง จะรักษาเขตคามบ้านเมืองได้ ดังคำที่ว่า "เคารพยำเกรงฟ้าอันน่าคร้ามนัก จึงอาจรักษาพระโองการฟ้า (ของบ้านเมือง) (เอว้ยเทียนจือเอวย อวี๋สือเป่าจือ) หมายเหตุ  จากคัมภีร์ซือจิง บทโจวซ่ง ผู้ทำหน้าที่ปกครองดูแลมหาชน  เบื้องหลังของสถานภาพนั้น ล้วนเป็นพระโองการบัญชามาจากฟ้าเบื้องบน ให้ทำการคุ้มครองรักษา บำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่มหาชน ให้อุ้มชูรับใช้ มืใช่ให้วางอำนาจบาตรใหญ่ มิฉะนั้น จะมิอาจรักษาพระโองการฟ้าให้รุ่งเรือง เฟื่องฟูอยู่ได้ยาวนาน  พระเจ้าฉีเซวียนอ๋วง ทรงอุทานด้วยความปลื้อมปิติว่า "โอ คำพูดเหล่านี้ช่างยิ่งใหญ่แท้ แต่เรานั้นมีข้อเสียที่ชอบฮิกหาญ" ปราชญ์เมิ่งจื่อตอบว่า "ขออ๋องท่านจงอย่าได้ยินดีต่อความหึกหาญอันด้อยน้ำหนักขาดปัญญา ไม่ต่างจากผู้ที่มือกุมดาบ ถลึงนันย์ตาท้าทายว่า "เจ้ากล้าพอที่จะสู้เขาข้าหรือ" เช่นนี้คือ ความฮึกหาญของคนระดับล่างที่ประจันกันตัวต่อตัว ขอให้อ๋องท่านจงฮิกหาญการใหญ่เถิด เช่นในคัมภีร์ซือจิง บทต้าอย่าหวงอี่ สรรเสริญอริยกษัตริย์โจวเหวินอ๋วงว่า "เนื่องจากเมืองมี่ ชอบที่จะรบกวนรุกรานแผ่นดินโจวอยู่บ่อย ๆ (เหมือนแมลงหวี่ที่ตอดตอมพญาช้างสาร) เป็นที่น่ารำคาญยิ่งนัก  พระเจ้าโจวเหวินอ๋วงเหลืออด จึงสำแดงความฮึกหาญจัดการยกทัพระงับข้าศึก มิให้เข้าถึงเขตพรหมแดนจวี่ของพระองค์ได้แม้แต่น้อย (จวี่ ปัจจุบันคือมณฑลซันตง) เพื่อรักษาเสถียรภาพเพิ่มพาสันติภาพ นำความสุขสงบมาสู่ราชวงศ์โจวทั้งหมด นี่คือความฮึกหาญของพระเจ้าโจวเหวินอ๋วง เป็นความฮึกหาญที่เมื่อเกิดขึ้น ก็โอบอุ้มให้คุณแก่ประชาราษฏร์ได้ทันที

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                          ปรัชญาเมิ่งจื่อ  :   ปราชญ์เมิ่งจื่อ

                         ๑. บทเหลียงฮุ่ยอ๋วง ตอนท้าย

        ในหนังสือพงศาวดารของราชวงศ์โจว บทไท่ซื่อ ได้จารึกความฮึกหาญมั่งมั่นของพระเจ้าโจวอู่อ๋วงไว้ว่า "ในเมื่อฟ้าเบื้องบนดปรดประทานชีวิตประชาราษฏร์ โปรดยกย่องให้ข้า ฯ (อู่อ๋วง) ขึ้นเป็นเจ้าผู้ปกครอง เป้นครูอาจารย์ ผู้ปรกนำ ก็เพื่อการช่วยงานฟ้าเบื้องบนเท่านั้น (พระมหาเมตตากรุณาคุณแห่งฟ้าเบื้องบน ล้วนประสงค์ให้ทุกข์ชีวิตอยู่ดีมีสุข เจริญธรรมเพื่อความสูงส่งของชีวิต)  ข้าฯ จึงพึงโอบอุ้มให้คุณต่อทุกชีวิตสี่ทิศโดยรอบ ประชาราษฏร์มีโทษหรือไม่ ล้วนอยู่ที่ตัวข้าฯ ใครหรือจะกล้าละเมิดความมุ่งมั่น (อุดมการณ์) นี้" ทรราชอินโจ้วอ๋วง คนเดียวนั้น ทำการเข่นฆ่าระรานพระเจ้าโจวอู่อ๋วงผู้ทรงธรรม ทนเห็นความชั่วร้ายไม่ได้จึงฮึกหาญจัดการปราบปราม นี่ก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่ง ที่ความฮึกหาญของผู้เป็นใหญ่ในแผ่นดิน มีผลต่อการคุ้มครองรักษา บำบัดทุกข์ บำรุงสุขแก่ประชาราษฏร์ วันนี้ หากฉีเซวียนอ๋วงท่านฮึกหาญบันดาลโทสะแล้วสามารถคุ้มครองรักษา บำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่ประชาราษฏร์ได้เช่นเดียวกับอริยกษัตริย์โจวอู่อ๋วง ประชาราษฏร์ยังจะเกรงแต่ว่า อ๋องท่านไม่บันดาลโทสะฮึกหาญเสียอีก" พระเจ้าฉีเซวียนอ๋วงได้พบปราชญ์เมิ่งจือที่เสวี่ยกง (พระราชวังสำหรับแปรพระบาทพักผ่อน) อ๋องโปรดถามว่า "ท่านก็มีรสนิยม (ชอบ) กับความสุขนี้ด้วยหรือ" ปราชญ์เมิ่งจื่อตอบว่า "มี..."  แต่หากประชาราษฏร์มิได้ร่วมรับความสุขนี้ เขาก็จะกล่าวร้ายต่อเบื้องสูง ผู้ที่กล่าวร้ายเบื้องสูงมิใช่อื่นไกล ก็ด้วยเบื้องสูง (รวมทั้งเหล่าขุนนาง) ไม่ให้ ไม่ร่วมสุขกับประชาราษฏร์  มิใช่เพียงเท่านั้น หากเบื้องสูงเห็นความสุขของประชาราษฏร์เป้นเช่นความสุขของตน ประชาราษฏร์จะสุขใจ เบื้องสูงเห็นความทุกข์ของประชาราษฏร์เป็นเช่นความทุกข์ของตน ประชาราษฏร์ก็จะเห็นความทุกข์ของเบื้องสูงเป็นความทุกข์ของตนด้วยเช่นกัน "สุขด้วยทวยราษฏร์สุข ทุกข์ด้วยทวยราษฏร์ทุกข์" (เล่อหมินจือเล่อ อิวหมินจืออิว) แต่ทว่าผู้ขาดความเป็นอ๋อง (ผู้ทรงธรรม) หาเป็นเช่นนี้ไม่" ท่านปราชญ์เมิ่งจื่อยกตัวอย่างอีกว่า " ครั้งนั้น พระเจ้าฉีจิ่งกง ถามขุนนางเอี้ยนผิงจ้งว่า "เราใคร่จะประพาสชมจ่วนฟู่ กับ เฉาอู่ สองบรรพต แล้วเรียบชายทะเลไปทางใต้จนถึงเมืองหลังเสีย  เราจะต้องบำเพ็ญวาสนาเช่นใดหรือ จึงจะเสมอด้วยอดีตอ๋องที่ประพาสท่องเที่ยวไปได้อย่างกว้างไกล

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                          ปรัชญาเมิ่งจื่อ  :   ปราชญ์เมิ่งจื่อ

                         ๑. บทเหลียงฮุ่ยอ๋วง ตอนท้าย

        ขุนนางเอี้ยนจื่อ (เอี้ยนผิงจ้ง) ทูลตอบว่า "ขอจงทรงพระเจริญที่ถามเช่นนี้ กษัตริย์คือบุตรแห่งฟ้า จะประพาสเยี่ยมเยียนตรวจตราหัวเมืองต่าง ๆ (ประพาสใหญ่สิบสองปีต่อหนึ่งครั้ง) เรียกว่า ประพาสตรวจตราความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของเจ้าเมืองหัวเมือง เจ้าเมืองทุกหัวเมืองจะถวายรายงานราชการของหัวเมืองนั้น มิใช่ประพาสโดยปราชจากงานเมือง ยังมีที่ประพาสตรวจตราการเกษตรเพื่อเสิมสิ่งขาดพร่องสงเคราะห์แก่เกษตรกรในฤดูเพาะปลูก (ฤดูใบไม้ผลิ) จากนั้นก็ประพาสสอดส่องการเก็บเกี่ยวของเกษตรกร เพื่อสงเคราะห์เพิ่มเติมความขาดแคลนในฤดูใบไม้ร่วงอีกครั้งหนึ่ง  มีคำพังเพยในราชวงศ์เซี่ย ว่า "หากกษัตริย์ผู้เป็นประมุขแห่งเราไม่เสด็จประพาส เราจะรับความปิติยินดีได้อย่างไร" หากกษัตริย์ผู้เป็นประมุขแห่งเราไม่ทรงปลาบปลื้มชื่นสุข เราจะรับการสงเคราะห์ช่วยเหลือได้อย่างไร" การเสด็จประพาสก็ดี  ความปลาบปลื้มชื่นสุขก็ดี แต่ละครั้งที่เสด็จ ก็เพื่อเป็นแบบอย่างแก่เจ้าเมือง ซึ่งสนองพระบัญชาปกครองดูแลหัวเมืองต่าง ๆ อยู่  แต่บัดนี้ หาเป็นเช่นนั้นไม่ ทุกครั้งที่เจ้าเมืองยกขบวนผ่านมา ชาวบ้านกลับจะต้องกระเสือกกระสน ค้นหาข้าวปลาอาหารต้อนรับเตรียมเสบียงให้ขนไป ดังนั้น ชาวบ้านผู้อดอยากยากไร้ยังคงไม่มีจะกิน ชาวบ้านผู้เหนื่อยหนักยังคงมิได้พักผ่อน ทุกคนก็จะส่งสายตาเคืองแค้นสาปแช่งด่าทอ จากนั้นก็จะประพฤติผิดคิดร้าย แต่เหล่าเจ้าเมืองก้ยังฝ่าฝืนพระบัญชา รีดนาทาเร้น กินเล่น ทิ้งขว้าง ทำตามอำเภอใจไม่สำนึก  ยังคงไหล  เนื่อง  เถื่อน  ต่ำ  ไม่รู้ตัว เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่เจ้าเมืองทั้งหลายน่าจะทุกข์เศร้าห่วงใย มีคำกล่าวว่า "นั่งเรือตามน้ำไปไม่หันหลังเรียกว่า ไหล (หลิว) รั้งเรือทวนน้ำดันทุรังไปไม่เหลียวหลังเรียกว่า เนื่อง (เหลียน) ล่าสัตว์กวดจับไม่ยับยั้งเรียกว่า "เถื่อน" (ฮวง) ดื่มหัวราน้ำเมามายไม่หน่ายพอเรียกว่า "ตาย" (อวั่ง) เจ้าเมืองก่อนเก่า ไม่มีที่จะหาความสุขอย่าง ไหล เนื่อง  ตามใจไม่ขาดสติยั้งคิด ไม่มีการกระทำเถื่อน  ตาย  หายนะ  เป็นภัยมุทะลุขาดสติ  ตัวอย่างนี้  ล้วนแต่อ๋องท่านจะพิจารณาดำเนินองค์เองเถิด"  พระเจ้าฉีจิ่งกงได้ฟังปรัชญาจากท่านปราชญ์เมิ่งจื่อแล้ว ทรงโสมนัสยินดีเป็นที่ยิ่ง ถึงกับบัญชาให้มีการประกาศเผยแพร่ไปทั่วเมือง  อีกทั้งจัดสร้างยุ้งฉางไว้นอกเมือง เพื่อแจกข้าวให้แก่ประชาชนที่อดอยากขาดแคลนแถบนั้น ๆ จากนั้น ก็เรียกอาจารย์ฝ่านดนตรี (ไท่ซือ) เข้าเฝ้า มีรับสั่งว่า ท่านจงแต่งเพลงที่สมานความสุขร่วมกันระหว่างองค์ประมุขกับข้าราชบริพารโดยทั่ว" เพลงที่ไท่ซือแต่งถวายในครานั้น สืบเนื่องเรื่อยมาจนบัดนี้ นั่นก็คือเพลง "เจิงเจา" กับ เพลง "เจี่ยวเจา" ความหมายหลักของเพลงคือ " จงยับยั้งองค์ประมุขไว้มิให้มีผิด  จะให้มีผิดได้อย่างไรกัน "  ผุ้ที่ยับยั้งองค์ประมุขไว้มิให้มีผิด คือผู้เคารพรักองค์ประมุขอย่างแท้จริง" (บทนี้ ท่านปราชญ์เมิ่งจื่อยกตัวอย่างให้เห็นพระการุณย์ คุณธรรม การร่วมทุกข์ร่วมสุขระหว่างองค์ประมุขกับประชาราษฏร์ จากกษัตริย์ก่อนเก่าให้ฉีเซวียนอ๋วงฟัง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                          ปรัชญาเมิ่งจื่อ  :   ปราชญ์เมิ่งจื่อ

                         ๑. บทเหลียงฮุ่ยอ๋วง ตอนท้าย

        พระเจ้าฉีเซวียนอ๋วงถามว่า "ทุกคนขอให้เรารื้อถอนพระราชวังหมิงถัง ที่อดีตกษัตริย์ราชวงศ์โจว ใช้ประชุมเจ้าเมืองหัวเมืองน้อยใหญ่ ในโอกาสเสด็จประพาสตรวจงาน จะรื้อถอนหรือไม่ อย่างไรจึงจะถูกต้อง" ปราชญ์เมิ่งจื่อตอบว่า "พระราชฐานหมิงถัง เป็นพระราชฐานที่อดีตกษัตรย์ทรงสร้างขึ้นเพื่อคุณประโยชน์ หากอ่องท่านจะปกครองแผ่นดินโดยธรรม ก็อย่าได้รื้อถอนเลย" อ๋องว่า "การปกครองแผ่นดินโดยธรรม จะต่องดำเนินการอย่างไร จะว่าให้เราฟังได้หรือไม่" ปราชญ์เมิ่งจื่อว่า " ครั้งนั้นที่กษัตริย์โจวเหวินอ๋วง บริหารเมืองฉีซันนั้น เก็บภาษีจากชาวนาที่นั่น เป็นข้าวเพียงหนึ่งส่วนในสิบส่วน สำหรับข้าราชฯนั้น มีบำนาญ ด่านค้าขาย ตรวจสอบแต่โจรภัย ไม่ตรวจเก็บภาษี หนองน้ำตามเขื่อนดินธรรมชาติ ไม่หวงห้ามชาวบ้านจับสัตว์น้ำ นักโทษให้รับโทษตามความผิดเฉพาะตน ไม่โยงใยไปถึงลูกเมีย (เช่นการฆ่าล้างโคตร) ชายสูงวัยไม่มีภรรยา เรียกว่า กวนฟู  หญิงสูงวัยไม่มีสามี เรียกว่า กว่าฟู่   ชราวัยไม่มีลูก เรียกว่า ตู๋เซิน  เยาว์วัยกำพร้าพ่อแม่ เรียกว่า กูเอ๋อ  ทั้งสี่สถานนี้ ทุกข์ระทมนัก ยากจะบอกกล่าวแก่ใคร อริยกษัตริย์โจวเหวินอ๋วงโปรดประกาศ "บุญทานบัญญัติ" "ดำเนินการปกครองด้วยการุณย์คุณธรรม" จะต้องคุ้มครองคนสี่สถานนี้ก่อนอื่นใด ในคัมภีร์ได้จารึกไว้ว่า "มีชีวิตอยู่ได้ (ไม่ขัดสน) คือ คนมั่งมี" (เข่ออี่ฟู่เหยิน)  "น่าสงสารที่สุด คือ โดดเดี่ยวกำพร้าไม่มีที่พึ่งพิง" (ไอฉื่อฉยงตู๋)  พระเจ้าฉีเซวียนอ๋วงชื่นชอบตอบรับว่า "คำพูดเหล่านี้ช่างดีแท้" ปราชญ์เมิ่งจื่อว่า "ถ้าอ๋องท่านเห็นด้วยต่อการนี้ ไฉนไม่ปฏิบัติเล่า"  อ๋องว่า "เรามีข้อบกพร่องด้วยใฝ่ใจอยากใคร่ในสินทรัพย์" (โลภ ตระหนี่) ปราชญ์เมิ่งจื่อว่า "กาลก่อนฮ่องเต้กงหลิว ต้นราชวงศ์โจวก็อยากใคร่ในสินทรัพย์ ประวัติจารึกไว้ในคัมภีร์ซือจิง บทต้าอย่ากงหลิว ว่า"ด้านโน้นก็สะสม ทับถมกองพะเนิน  ด้านนี้ก็แน่น โกดังโรงเก็บ ยังมีเสบียงกรังที่บรรจุพร้อมในหีบห่อต่าง ๆ อีกนับไม่ถ้วน ล้วนเตรียมการไว้เพื่อรวบรวมบำรุงประชาราษฏร์ เพื่อศักดิ์ศรี  สถานภาพของบ้านเมือง ยังมีเครื่องเกราะ เกาทัณฑ์ หอกดาบ มีดขวาน ก็เตรียมการเรียงรายไว้เป็นระเบียบ พร้อมสรรพแล้วจึงออกเดินทางอพยพไปตั้งถิ่นฐานบ้านเมืองใหม่ที่ปิน  ฉะนั้น ผู้ปกครองหากยินดีสะสมเสบียงอาหารเต็มที่ จากนั้นจึงออกเดินทางอพยบเช่นเดียวกับกงหลิว  บรรพกษัตริย์ต้นราชวงศ์โจว ที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับประชาราษฏร์ ความยินดีต่อทรัพย์สินร่วมกับประชาราษฏร์  มีอะไรที่ผิดต่อความเป็นอ๋องหรือ"  อ๋องว่า "เรายังมีข้อบกพร่องอีกที่ใฝ่ใจในหญิงงาม" ปราชญ์ว่า "กาลก่อน กษัตริย์โจวไท่อ๋วง(บรรพชนของอริยกษัตริย์เหวินอ๋วง) ฝักใฝ่ในหญิงงาม โปรดปรานนางสนม ซึ่งมีเรื่องจารึกไว้ ใน "คัมภีร์กวีธรรมซือจิง" ว่า "บรรพกษัตริย์โจว กู่กงตั้นฟู่ (โจวไท่อ๋วง) ถูกชนเผ่าเหนือรังแกบีบเค้น  เพื่อการหลีกเลี่ยงลี้ภัย เช้าวันรุ่งขึ้น จึงขี่ม้าออกเดินทางนำทหารติดตามเลียบแม่น้ำซีเหอ จากนั้นได้มาดูบ้านพักแรมพร้อมกับสนมเจียง"  สมัยนั้น ในบ้านไม่มี "หญิงสาวตกค้าง" นอกบ้านไม่มี "ชายโสดโดดเดี่ยว" หากอ๋องใฝ่ใจในหญิงงาม ให้เหมือยสมัยไท่อ๋วง ที่ชาวบ้านต่างมีคู่ครองทั่วหน้า เช่นนี้ การครองแผ่นดินโดยธรรม ยังจะมีอะไรยากหรือ" (บทนี้ ท่านปราชญ์เมิ่งจื่ออนุโลมฉีเซวียนอ๋วงในเรื่องใฝ่ใจในหญิงงาม เพื่อจะเดินเรื่องปกครองโดยธรรมให้สำเร็จ) 

Tags:
 

มหาปณิธาน

พระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ (地藏王菩薩)

มหาปณิธานพระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ (地藏王菩薩)

“...เพื่อหมู่สัตว์ทั้งหกภูมิผู้มีบาปทุกข์ ข้าพเจ้าจะใช้วิธีการต่างๆ ช่วยให้หลุดพ้นจนหมดสิ้น แล้วตัวข้าพเจ้าจึงจะสำเร็จพระพุทธมรรค”