พุทธศาสนิกชนไทยชอบทำบุญโดยเฉพาะอย่างยิ่งทำบุญกับพระศักดิ์สิทธิ์ด้วย ความเชื่อว่าผลบุญนั้นแรงและส่งผลเร็วเพราะเป็นเนื้อนาบุญ แต่เขาขาดสติปัญญามองไม่เห็น พระศักดิ์สิทธิ์อันแท้จริงจึงหลงไปทำบุญกับพระอรหันต์ปลอมเสียเป็นจำนวนมากและผลร้ายนั้นก็ส่งผลแรงและเร็วเฉกเช่นเดียวกันด้วยเหตุที่เป็น "เนื้อนาบุญ" ถ้าพุทธศาสนิกชนจดจำพระวจนะแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าได้แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องตะเกียกตะกายไปหาพระอรหันต์ที่ไหนให้ถูกต้มตุ๋นจนเปื่อยยุ่ยเลย พระพุทธเจ้าตรัสว่า "พ่อแม่เป็นพระอรหันต์สำหรับลูก" แต่เพราะผู้คนในยุคนี้ไม่รู้จักกราบไหว้พ่อแม่เหมือนพระ ตนเองจึงไร้พระศักดิ์สิทธิ์อันแท้จริง ดังนั้นชีวิตจึงตกทุกข์ระกำซ้ำซากอยู่เช่นนี้
ผู้ชายคนหนึ่งไร้การศึกษาและยากจนตั้งบ้านเรือนอยู่ที่นครชัยศรี เหลือแม่ที่แก่ชราอยู่เพียงท่านเดียว ชายคนนี้ย้ายภูมิลำเนาไปตั้งรกรากอยู่ที่จังหวัดขอนแก่น และจัดตั้งห้างหุ้นส่วนเพื่อประมูลงานของทางราชการ เมื่อยื่นประมูลต่อทางราชการแล้วตนเองก็ไม่รู้จักพระเด่นพระดังที่ไหน เห็นแต่แม่อยู่ผู้เดียว จึงเข้าไปกราบแม่แล้วเอาฝ่าเท้าของแม่เจิมหน้าผากพร้อมทั้งพูดว่า "แม่ครับ ผมอยากรวยขอให้ผมรวยนะครับ" แม่นั้นชราภาพและเป็นอัมพาตมิได้เอ่ยวาจาแต่ประการใดเลย แต่ชายคนนี้ไปประมูลงานที่ไหนก็สะดวกได้รับชัยชนะทุกงาน จนบัดนี้ร่ำรวยเป็นเศรษฐีอยู่ที่เมืองขอนแก่น ชาวบ้านเรียกขานกันว่า "เสี่ยเม้ง" "พ่อแม่จึงเป็นเนื้อนาบุญอันแท้จริงของลูก"
พระธรรมาจารย์ฮุ่ยเหนิง กว่าจะเป็นเนื้อนาบุญของโลก ต้องผ่านความยากลำบากมาไม่น้อยเฉกเช่นเดียวกับพ่อแม่ กว่าจะเป็นเนื้อนาบุญของลูกย่อมต้องลำบากยากเข็ญเช่นเดียวกัน ดังนั้นการเป็น "เนื้อนาบุญ" จึงมิใช่เป็นกันได้ง่ายดังที่ผู้มืดบอดทั้งหลายคิดและปฏิบัติกันอยู่ วันหนึ่งพระธรรมาจารย์ต้องการซักจีวรที่ได้รับมอบหมายเป็นมรดกตกทอดมา แต่ไม่สามารถหาลำธารที่เหมาะ ๆ ได้ ท่านจึงเดินทางไปหลังวัดประมาณห้าไมล์ ณ ที่นั้นท่านสังเกตุเห็น ผักหญ้าและต้นไม้ขึ้นงอกงามหนาแน่น สิ่งแวดล้อมทำให้ท่านรู้ว่า ที่นี่เป็นที่อันเหมาะสม จึงได้สั่นไม้เท้าประจำตัวทำให้เกิดเสียงดังกริ่ง ๆ แล้วปักลงไปบนพื้นดิน ทันใดก็มีน้ำพวยพุ่งขึ้นมา และไม่นานก็กลายเป็นสระน้ำ ขณะที่พระธรรมาจารย์คุกเข่าลงบนก้อนหินเพื่อจะซักจีวร ทันใดนั้นก็ปรากฏภิกษุรูปหนึ่งขึ้นตรงหน้าทำความเคารพท่าน "กระผมชื่อฟังเปี้ยน เป็นชาวเสฉวน เมื่อครั้งที่อยู่ในประเทศอินเดียตอนใต้ กระผมได้พบพระธรรมาจารย์โพธิธรรม ท่านได้แนะนำให้กลับมายังประเทศจีนโดยบอกแก่กระผมว่า "ธรรมหฤทัยอันถูกต้อง พร้อมทั้งบาตร จีวร อันเราได้รับมอบต่อ ๆ ลงมาจากพระมหากัสสปะเถระนั้น บัดนี้ได้ตกทอดมาถึงพระสังขปรินายกองค์ที่หก ซึ่งอยู่ที่เฉาซี แห่งเซ่าโจว ท่านจงไปที่นั่นเพื่อจะได้ดูสิ่งเหล่านี้ และได้ถวายความเคารพแด่พระธรรมาจารย์องค์นั้น กระผมเดินทางมาเป็นเวลานานจนมาถึงที่นี่ ขอให้กระผมได้เห็นจีวรและบาตรที่ใต้เท้าได้รับมอบเป็นทอด ๆ ลงมานั้นเถิด "
ภายหลังได้ดูเจดีย์วัตถุทั้งสองอย่างแล้ว พระธรรมาจารย์ฮุ่ยเหนิง จึงถามพระภิกษุฟังเปี้ยน ว่ามีความเชี่ยวชาญในงานชนิดใดบ้าง " กระผมถนัดมือในงานแกะสลัก ขอรับ" "ถ้าอย่างนั้นจงทำอะไรให้ฉันดูสักอย่างหนึ่ง"พระธรรมาจารย์ฮุ่ยเหนิงระบุความต้องการ ภิกษุฟังเปี้ยน รู้สึกหัวหมุนในขณะนั้น แต่ต่อมาอีกสองสามวัน ท่านก็สามารถแกะสลักรูปพระธรรมาจารย์ฮุ่ยเหนิงอย่างประณีตเหมือนกับมีชีวิตอยู่จริงๆ ได้สำเร็จรูปหนึ่งสูงประมาณเจ็ดนิ้วนับเป็นงานชิ้นเอกชิ้นหนึ่ง เมื่อได้เห็นรูปแกะสลักพระธรรมาจารย์ฮุ่ยเหนิงหัวเราะและกล่าวแก่พระภิกษุฟังเปี้ยน "เธอมีความรู้เชี่ยวชาญในด้านหนึ่งของวิชาการแกะสลักจริง ๆ แต่ดูเหมือนว่าเธอไม่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องราวอันลึกซึ้งของพระพุทะเจ้าเสียเลย" พระธรรมาจารย์ฮุ่ยเหนิงจึงเอื้อมมือไปลูบศรีษะภิกษุฟังเปี้ยนแล้วประกาศว่า "เธอจงเป็นเนื้อนาบุญของมนุษย์และเทวดาทั้งหลาย ตลอดกาลนานเป็นนิจเถิด" พระธรรมาจารย์ฮุ่ยเหนิงได้ตอบแทนงานด้วยการมอบจีวรผืนนั้นเป็นรางวัลซึ่งภิกษุฟังเปี้ยนได้ต้ดออกแบ่งเป็นสามส่วน ส่วนหนึ่งตกแต่งรูปสลัก ส่วนหนึ่งสำหรับใช้เอง และอีกส่วนหนึ่งท่านได้ห่อด้วยใบลานแล้วฝังลงในดิน ขณะที่กำลังฝังได้ตั้งสัตยาทิษฐานว่า "เมื่อใดผ้านี้ถูกขุดขึ้นมา เมื่อนั้นขอให้ขัาพเจ้าได้เกิดใหม่มาเป็นเจ้าอาวาสวัดนี้ และให้ได้รับภาระซ่อมแซมพระเจดีย์โบสถ์วิหารทั้งปวง"
เหตุการในครั้งเป็นเครื่องยืนยันให้รู้ว่าการถ่ายทอดธรรมะ โดยอาศัยสัญลักษณ์ของบาตรและจีวรได้จบลงตามคำพยากรณ์ของพระธรรมาจารย์หงเหยิน การถ่ายทอดธรรมะด้วยรูปลักษณ์ล้วนแต่ก่อให้เกิดการแย่งชิงเจดีย์วัตถุซึ่งมิใช่สัจธรรม แม้แต่ภิกษุฟังเปี้ยน ยังอุตสาหะรอนแรมด้วยความยากลำบากเพียงเพื่อได้มองเห็นเจดีย์วัตถุนั้น พระธรรมาจารย์ฮุ่ยเหนิงจึงกล่าวว่า ไม่มีความรู้สึกอันลึกซึ้งเกี่ยวกับพระพุทธเจ้าเสียเลย แต่เหตุไฉนท่านจึงได้ประกาศให้เป็นเนื้อนาบุญของมนุษย์และเทวดา ย่อมเป็นเครื่องยืนยันว่าภิกษุฟังเปี้ยนได้รับถ่ายทอด "หัวใจแห่งธรรมะ" ย่อมไม่อาจเป็นเนื้อนาบุญ มีแต่จะก่อสร้างเนื้อนาบาปขึ้นโดยไม่รู้ตัวเท่านั้น