ปรัชญาเมิ่งจื่อ : ปราชญ์เมิ่งจื่อ
๖
บทเก้าจื่อ ตอนต้น
ศิษย์กงตู่เรียนถามครูปราชญ์ว่า "คนด้วยกัน บ้างระดับต่ำ บ้างระดับสูง แตกต่างกันอย่างไร" ครูปราชญ์ว่า "ทำการใด ๆ ด้วยจิตวิสัยดีงาม นับเป็นคนระดับสูง ทำตามอายตนะอารมณ์พอใจ ได้แก่คนระดับต่ำ" ศิษย์กงตู่จื่อว่า "คนด้วยกัน บ้างทำตามจิตวิสัยดีงาม บ้างทำตามอารมณ์พอใจ เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้" ครูปราชญ์ว่า "เหตุด้วยอายตนะหูตาฯ เป็นเพียงเครื่องรับรู้ มิอาจใคร่ครวญพิจารณา จึงถูกหลอกล่อ หูตาฯ เป็นเพียงอวัยวะ ถูกรูป รส กลิ่น เสียงสัมผัส หลอกล่อ จึงคล้อยตาม จิตวิสัยเป็นภาวะวิเศษ ใคร่ครวญพิจารณาได้ จึงเข้าใจต่อหลักธรรมความถูกต้อง ใคร่ครวญพิจารณาไม่ได้ ก็จะเข้าไม่ถึงหลักธรรมความถูกต้อง นี่คือสิ่งที่ฟ้าเบื้องบนให้มีในชีวิต หากก่อเกิดความสำคัญสิ่งใหญ่ในชีวิตเป็นเบื้องต้น หูตาฯ อายตนะ ก็อาจจะไม่ล่วงล้ำจิตวิสัยยิ่งใหญ่สำคัญได้ คนระดับสูงที่เป็นได้ ก้ด้วยก่อเกิดความสำคัญที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตเป็นเบื้องต้นได้ เท่านั้นเอง"
ปราชญ์เมิ่งจื่อว่า
"เกียรติศักดิ์ของคนมีสองอย่าง คือ เกียรติศักดิ์ฟ้า และ เกียรติศักดิ์คน
มีกรุณามโนธรรม รักษาความจงรักสัตย์จริง ยินดีสงเคราะห์ให้ไม่หน่าย ได้รับทิพยฐานะจากเบื้องบน เรียกว่า เกียรติศักดิ์ฟ้า
เป็นขุนนางเป็นผู้ใหญ่ทางโลก เรียกว่า เกียรติศักดิ์คน
คนแต่ก่อน เพื่อการบำเพ็ญเกียรติศักดิ์ฟ้า เอาคุณธรรมนำชีวิต จนถึงที่สุด ยังได้เกียรติศักดิ์คนด้วย คนสมัยนี้ แสดงความเป็นผู้มีคุณธรรม เพื่อนำให้ผู้คนสนใจยกย่อง เมื่อได้เกียรติศักดิ์คนแล้ว ก็ละทิ้งการบำเพ็ญเกียรติศักดิ์ฟ้าเสียสิ้น เหลวไหลยิ่งนัก ทำตนดังนี้ จะไม่ได้ไม่มีทั้งเกียรติศักดิ์ฟ้าและเกียรติศักดิ์คน
เหยินอี้จงซิ่น เล่อซั่นปู๋เจวี้ยน ฉื่อเทียนเจวี๋ยเอี๋ย กงชิงต้าฟู
ฉื่อเหยินเเจวี๋ยเอี่ย กู่จือเหยิน ซิวฉีเทียนเจวี๋ย เอ๋อเหยินเจวี๋ยฉงจือ
จินจือเหยินซิวฉีเทียนเจวี๋ย อี่เอี้ยวเหยินเจวี๋ย จี้เต๋อเหยินเจวี๋ย
เอ๋อชี่ฉีเทียนเจวี๋ย เจ๋อฮว่อจือเซิ่นเจ่อเอี่ย จงอี๋ปี้อ๋วงเอ๋ออี่อี่
ปราชญ์เมิ่งจื่อว่า "ความสูงศักดิ์ ทุกคนต่างมุ่งหวัง" แท้จริงทุกคนล้วนสร้างความสูงส่งแก่ตนเองได้ เพียงแต่ขาดการพิจารณาขวนขวาย ความสูงส่งที่รับการแต่งตั้ง หาได้ยั่งยืนจริงแท้ไม่ เช่น "เจ้าเมิ่งแห่งเมืองจิ้น" มนตรีผู้มีอำนาจ เขาแต่งตั้งยศศักดิ์สูงส่ง อีกทั้งถอดถอยยศศักดิ์สูงส่งจากใครผู้นั้นให้สิ้นเนื้อประดาตัวได้ทันที ในคัมภีร์ซือจิง จารึกว่า "คิดใคร่เมามายใช้สุรา ปรารถนาภาคภูมิใช้คุณธรรม" (จี้จุ้ยอี๋จิ่ว จี้เป่าอี่เต๋อ) เต็มภาคภูมิ คือ เต็มด้วยกรุณามโนธรรม เพื่อความเต็มภาคภูมิด้วยกรุณามโนธรรม ก็จะไม่โลภอยากอาหารเลิศหรูของชาวโลก อยากเลื่องชื่อลือเกียรติไว้ในโลก ก็จะไม่ยินดีต่อแพรพรรณบรรณาการ
ปราชญ์เมิ่งจื่อว่า "กรุณาธรรม เอาชนความขาดกรุณาธรรมได้ เหมือนน้ำชนะไฟ (เหยินจือเซิ่งปู้เหยิน อิ๋วสุ่ยเซิ่งหั่ว) แต่กรุณาธรรมของคนสมัยนี้ เหมือนเอาน้ำถ้วยเดียวไปดับไฟฟืนกองใหญ่ แล้วกล่าวว่า "น้ำไม่อาจเอาชนะไฟ" เช่นนี้ จะยิ่งเสียกว่าคนที่ขาดกรุณาธรรม การกระทำดังนี้ มีแต่จะหายนะ" ปราชญ์เมิ่งจื่อว่า "ธัญพืชทั้งห้า เป็นยอดแห่งพืชผล แต่หากไม่อาจตกรวง ก็สู้ข้าวฟ่างอย่างเลวที่เกิดในแถบกันดารไม่ได้ ดำเนินกรุณาธรรมก้อยู่ที่ตกรวงตกผลเป็นสำคัญ" ปราชญ์เมิ่งจื่อว่า "โฮ่วอี้ ผู้ฉมังธนูครั้งโบราณ สอนใครให้ยิงธนู จะต้องตั้งใจแน่วแน่ ง้างคันธนูสุดเหนี่ยว ผู้เรียนรู้ก็จะต้องตั้งใจแน่วแน่ ง้างคันธนูให้สุดเหนี่ยวเต็มกำลังเช่นเดียวกัน ช่างไม้สอนผู้เรียนรู้ให้เคร่งครัดต่อวงเวียน เครื่องวัดฉากมุม ผู้เรียนรู้ก็จะต้องเคร่งครัดต่อการใช้เครื่องมือวัดสัดส่วนนั้น ๆ "
~ จบบทเก้าจื่อ ตอนต้น ~