collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: ร้อยขันติ : คำนำ  (อ่าน 57686 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                  ร้อยขันติ

                  สิบเจ็ดขันติ  :  ซื้อนาที่ดินขาด  ถูกล้ำเขต 

        กล่าวคือ  วันหนึ่งมีคนแนะนำขายที่นาให้ส่วนหนึ่ง  วันที่นัดโอนนา  เนื่องจากเขตนาที่จะโอนติดกับที่นาของคนแซ่กู่  ซึ่งกำลังขัดแย้งกับผู้ขายแซ่อึ้ง  คนแซ่อึ้งไม่ยอม  กำลังจะบังคับให้คนแซ่กู่สาบาน  พอดีกงอี้มาถึงก็ถามสองคนนั้นว่า  เคยอ่านคัมภีร์ก่ำเอ่งเพียนหรือไม่  กงอี้ชี้ฟ้าดินเป็นประจักษ์พยาน  สิ่งศักดิ์สิทธิ์จะตรวจเรื่องราว  ผู้ขายที่นาก็จะแย่งเอาส่วนที่ขาดมาให้แก่ข้า  อีกฝ่ายก็จะแย่งเอาที่นาไว้ให้คนรุ่นหลัง เรื่องเช่นนี้ไม่ดี แต่คนแซ่กู่ใจอันธพาล ถือโอกาสโกงไปประมาณปลูกข้าวได้กว่าหนึ่งเจียะ  กงอี้ก็ยอมผ่อนปรนไม่ไปทะเลาะเอาคืน  จากนั้นมาคนแซ่กู่ก็ได้ใจ  ต่อมาก็รุกล้ำที่นาของคนแซ่ลี้ที่อยู่ทางตะวันออก  ซึ่งก็เป็นที่ดินที่กงอี้ยอมผ่อนปรนให้ไป  ทั้งกู่และลี้ ต่างทะเลาะกันจนต้องถึงโรงถึงศาล  มีคดีความอยู่นานถึง 3 ปี ก็ยังไม่จบ  ทั้งสองฝ่ายต่างสูญทรัพย์สิน  จึงนำที่นามาขายให้กงอี้  ด้วยกงอี้มีขันติจึงได้ที่ดินทั้ง 3 ครอบครัว  กงอี้มักจะพูดกับคนรุ่นหลังว่า การซื้อที่นาให้ลูกหลานควรต้องได้มาอย่างโปร่งใส  ต้องมีความการุณต่อผู้อื่น  จึงจักครองสุขได้นาน  ด้วยผ่อนปรนจึงได้ที่นามาหมดเป็นขันติที่ 17 ต่อมาภายหลังคนแต่งกลอนให้

ให้ที่นาไถ่หว่านสืบคุณธรรม             แย่งที่นาทำกินย่อมยากจน
ผู่ผ่อนปรนซึ้อที่หมดของสามคน       ให้ผู้คนสรรเสริญนานพันปี

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                 ร้อยขันติ 

                สิบแปดขันติ   :  ลูกนายอมรับโอวาท

        กงอี้มีลูกนาที่เช่าทำำนาแซ่หวัง มาเชิญกงอี้ไปเก็บค่าเช่านา เมื่อกงอี้ไปถึงบ้านของลูกนา โดยไม่คาดคิดลูกนาแซ่หวังมีนิสัยดื้อรั้น พูดจาตะคอกตามอารมณ์ใส่กงอี้ กล่าวหากงอี้ใช้ถังตวงใหญ่ แต่พูดถังตวงเล็ก  กงอี้ก็พูดตอบไปเบา ๆ ว่า ถังตวงใหญ่ใจไม่ใหญ่ ว่าถังตวงเล็กใจไม่เล็ก  ถังที่ใช้ตวงก็เป็นถังที่บ้านเธอ ไม่ต้องใช้ถังของข้า ลูกนาเห็นกงอี้มีสีหน้าตามสบายไม่มีอารมณ์ของความโกรธให้เห้นเลย ก็ให้คิดว่าคนแบบนี้นับว่าเป็นผุ้มีเมตตาและบุญบารมีเต็มเปี่ยม  จึงคุกเข่าขออภัยพูดว่า  ได้ยินว่าท่านเป็นผู้มีคุณธรรมมานานแล้ว นับว่าสมคำล่ำลือ ผู้น้อยมีโทษ หวังว่าจะได้รับอภัย  กงอี้ก็ยังตวงข้าวไปอีกหนึ่งสือแก่ลูกนาแล้วพูดว่า บ้านเธอมีคนอยู่แปดคน ทำนาของข้า  ข้ามีหรือต้องการแต่ยุ้งฉางของข้าเต็มแล้วกดดันให้ครอบครัวเธออดอยาก  ขอเพียงแต่ให้เธอขยันทำนาไถหว่านจึงจะร่ำรวยได้เหมือนกับข้าที่เก็บค่าเช่าก็พอ  ลูกนาได้ฟังก็ให้รู้สึกเป็นพระคุณยิ่ง และก็ยอมรับโอวาทของกงอี้  ต่อมาภายหลังก็ร่ำรวยขึ้นได้  นี่ก็เพราะกงอี้ยอมสูญเสียเพื่อประโยชน์ผู้อื่น  เป็นสิบแปดขันติ  ต่อมาภายหลังคนจึงเขียนกลอนให้

ลูกนาต้องอาศัยเจ้าของที่        สงบดีแปดชีวิตปลอดภัย
ยุติธรรมมาตรตวงอยู่ที่ใจ         รู้จักให้ช่วยคนโลกเจริญ

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                  ร้อยขันติ 

                 สิบเก้าขันติ   :  สงสารบรรพชนเขาที่ก่อสร้าง

        กล่าวถึงกงอี้มีความสงสารเพื่อนบ้านทางด้านซ้ายมือ  ช่วยซื้อบ้านไว้หลังหนึ่ง  กงอี้เห็นสภาพของอาคารมีความแข็งแรงและวิจิตร เห็นแล้วทำให้น้ำตาไหลโดยไม่รู้สึกตัว  จึงพูดกับเจ้าของบ้านว่า  บรรพชนของท่าน  ท่านที่ก่อสร้างบ้านหลังนี้ สิ้นเปลืองแรงกายแรงใจไปมาก  ต้องใช้ความวิริยะอุตสาหะมาก ตอนนี้จะต้องมาขายให้ข้า  ข้าเองก็เกรงว่าจะอยู่เสพสุขไม่ได้นาน  เจ้าของบ้านต่างสรรเสริญว่า ขอเพียงท่านกงอี้ยอมซื้อก็อยู่เสพได้ยืนนาน  ท่านเป็นผู้มีบุญวาสนาแท้จริงย่อมสามารถครองสมบัติชิ้นนี้ได้  พวกเราซิไม่ดีที่ไม่สามารถรักษามรดกของบรรพชนไว้ได้  กงอี้สงสารบรรพชนของเขาจึงยับยั้งชั่งใจ  เวทนาสงสารพวกเขา  ให้การเลี้ยงดูสงสารอย่างเอาอกเอาใจ  ต่อมาภายหลังพวกเขาก็ร่ำรวยขึ้น นี่ก็คือการกระทำต่อผู้อื่นด้วยความจริงใจ  เป็นขันติที่สิบเก้า  ต่อมาคนรุ่นหลังแต่งกลอนให้

เวทนาต่อผู้อื่นอย่างจริงใจ                  ผู้ลับไปกับผู้อยู่น่าเห็นใจ
ยังประโยชน์ทั้งสองฝ่ายผลบุญไว้        ยุติธรรมเป็นหลักชัยหาเลี้ยงชีพ

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                    ร้อยขันติ

                    ยี่สิบขันติ   :  ตักเตือนมิตรสหายให้ปรองดอง

        มีอยู่วันหนึ่ง  ขณะที่กงอี้ออกไปข้างนอก ระหว่างทางเห็นคนสองคนทะเลาะกันอยู่  กงอี้เข้าไปขวางหน้าแล้วห้ามปราม มีคนหนึ่งทำนักเลงชกกงอี้ล้มลง คนที่สองจึงเข้าขวาง  กงอี้ค่อย ๆ ลุกขึ้นแล้วกล่าวว่า ข้าเคยได้ยินมาว่า  ท่านหันสิ้นยอมคุกเข่ารับความอัปยศบรรพชนของข้าจางเหลียงยอมอ่อนน้อม  แต่ข้าก็ไม่กล้าที่จะเทียบกับท่านเหล่านั้น ความเห็นของผู้ใหญ่ และก็ไม่กล้าวิจารณ์เป็นศัตรูกับท่าน ขอถามท่านทั้งสองว่าชื่อเรียงเสียงอะไร ทำไมจึงมาทะเลาะกันที่นี่ คนหนึ่งจึงพูดว่า ข้าเรียก ชูไฉ  อีกคนก็พูดว่าข้าชื่อว่า หล๋อซิง  เพราะซื้อยาสูบมาขายให้ชูไฉ แต่ถูกคนปล้นไปก็ควรเป็นส่วนขาดทุนของเขา มันไม่เกี่ยวอะไรกับข้าหล๋อซิงเลย เขาต้องการให้ข้ารวมขาดทุนด้วย  กงอี้ถามว่าขาดทุนเท่าไร  หล๋อซิงตอบว่า หนึ่งพันสามร้อยอีแปะ  กงอี้พูดว่า ชูไฉท่านจะเอาอย่างไร นายไฉว่า ขาดทุนจะมาคิดที่ข้า ข้าเองก็ไม่มีเงินเลย กงอี้จึงพูดว่า ท่านทั้งสองไปที่บ้านของข้า จะมัวมาต่อยกันที่นี่ไม่ได้ ให้คิดถึงความเป็นมิตรสหายกันบ้าง ข้ายอมที่จะให้ท่านยืมเงินหนึ่งพันสามร้อยอีแปะแก่ชูไฉ  พอได้ยินแค่นั้น คนทั้งสองก็ดีอกดีใจตามกงอี้มาที่บ้าน กงอี้ก็นำเงินมอบให้ยืมตามจำนวนแถมยังนำสุรามาเลี้ยงคนทั้งสองให้คืนดีกัน กงอี้พูดถึงปรัชญาเก่าเคยพูดกันว่า  คนตายเห็นแก่เงินนกตายเห็นแก่กิน  ที่พูดเป็นความจริง ยังพูดต่ออีกว่าคนเป็นสัตว์ที่เยี่ยมที่สุด แล้วยอมตัวเพราะเงินน่าเสียดายนัก คนเราเกิดมามีชีวิตเป็นหลัก เงินทองเป็นสิ่งรอง คนเราจะมีเงินทองสำคัญกว่าชีวิตไม่ได้ หากเห็นเงินทองสำคัญกว่าชีวิตก็จะทำลายอนาคตเสีย เมื่อทั้งนาซูและนายหล๋อได้ฟังกงอี้ที่นำหลักประจักษ์โบราณมาพูดให้ฟังก็ให้รู้สึกเสียใจ ทำให้คิดได้ว่าวันนี้โชคดีที่ได้พบกงอี้ช่วยอธิบายแก่ผู้โง่เขลา ทั้งยังได้รับการต้อนรับอย่างดีทำให้รู้สึกเป็นบุญคุณมาก ก็ยังไม่รู้ว่าเมื่อไรจะได้ตอบแทน กงอี้พูดว่าทำไมต้องกล่าวเช่นนั้น คนเราอยู่ร่วมโลก เมื่อคราวลำบากก็ช่วยกันเกื้อกูล สิ่งที่ทำได้ไม่ได้หวังผลตอบแทนจึงไม่ต้องคิดมาก การเป็นคนก็ต้องรักษาความสุขส่วนตน ทำอาชีพค้าขาย ก็ต้องให้สังคมและประเทศชาติสงบสุข แล้วทั้งสองคนก็ลาจากไป นี่ก็คือกงอี้ช่วยประสานให้คนเชื่อมั่นในมิตรภาพ เป็นขันติที่ยี่สิบ ต่อมาคนรุ่นหลังแต่งกลอนให้

มหาวีรบุรุษเสี่ยงอันตราย             มุ่งหมายให้ปรองดองมิตรภาพ
เปรียบเปรยด้วยบุคคลโบราณ      กงอีหาญห้ามปรามขวางวิวาท

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                    ร้อยขันติ   

                   ยี่สิบเอ็ดขันติ    :  พี่น้องแซ่เต็งทะเลาะกัน

         เพื่อนบ้านทางทิศใต้มีพี่น้องแซ่เต็งห้าคนเกิดทะเลาะกันต้องการแบ่งมรดกแยกครอบครัว พร้อมใจกันมาหาท่านกงอี้ เพื่อเป็นคนกลางช่วยเจรจาไกล่เกลี่ย พี่ชายคนโตพูดว่าบิดาจากไปนานแล้ว น้อง ๆ ของข้าก็ยังเด็กอยู่ ภาระครอบครัวจึงตกอยู่กับข้าทั้งหมด ตอนนี้จะมาแบ่งแยกครอบครัว ข้าก็คิดค่าแรง 200 เหรียญก่อน ืั้เหลือค่อยมาแบ่งเท่า ๆ กัน แต่น้อง ๆ ทั้งสี่คนไม่ยอม กงอี้จึงตักเตือนว่า เงินทั้งหมดต้องเอามาแบ่งเท่า ๆ กัน ไม่ต้องทะเลาะกัน พี่น้องก้ไม่ใช่ใครอื่น ไม่คาดคิดว่าพี่น้องคนโตร้ายกาจ  ยกมือขึ้นต่อยกงอี้ล้มที่พื้น ปากก็ด่าทอแล้วจากไป กงอี้ลุกขึ้นมาได้ก็พูดกับน้องทั้งสี่คนว่า นิสัยของพี่ชายพวกเธอนักเลงมากพวกเธอทั้งสี่คนต้องอดทน สำหรับข้าไม่ถือสาหรอก พวกเธอยึดเวลาไปหน่อยอย่าใจร้อน มีคติกล่าวว่า  กดดันเสือก็จะทำร้ายคน  เรื่องร้อนปล่อยให้เย็นจะปลอดภัยกว่า  นักปราชญ์สมัยก่อนกล่าวว่า ลิ้นอ่อนทนนาน  ฟันแข็งหักเสียก่อน ข้าคิดอย่างนั้น อ่อนโยนที่สุดจะชนะ  ที่มุทะลุรนหาภัย  พี่น้องทั้งสี่คนถูกตักเตือนแล้วขอโทษกงอี้แล้วลาจากไป  กงอี้เฝ้าคร่นคิดก็ไม่มีแผนการณ์อะไรจะตักเตือนเขาได้  ก็ให้มีคนหนึ่งมาบอกว่า พี่ชายบ้านแซ่เต็งเป็นคนเรียนหนังสือแล้วทำไมจึงแบ่งครัวไม่เสมอภาคเล่า เมื่อกงอี้ได้ฟังว่า  พี่ชายแซ่เต็งเป็นคนเล่าเรียนมาก่อน ทันใดก็เกิดแผนการณ์ขึ้น จึงพูดว่า แผนการณ์ข้ามีแล้ว จึงเข้าไปยังห้องหนังสือแล้วเขียนกลอนขึ้นหน้าหนึ่ง แล้วส่งคนให้นำหนังสือไปให้  พี่ชายแซ่เต็งจึงเปิดออกอ่านว่า

พี่น้องอย่าทะเลาะกันบ่อยบ่อย             แยกครัวถ้อยทีถ้อยเสมอ
พี่น้องฆ่าฟันไฉนเลิศเลอ                    พี่น้องดุจแก้วเกลอคนยกย่อง
เป็นพี่จัดการบ้านควรแบ่งปัน              ทำไมกล้าหลงมุ่งมั่นคิดค่าแรง
ร่ำรวยชะตากำหนดไม่แอบแฝง            ที่จนแล้งก็แจ้งอยู่เป็นไปเอง
สะสมทรัพย์คนรุ่นหลังรับ                    คนรุ่นหลังไม่มีบุญก็จนแล้ง
พ่อแม่ยังไม่คิดเป็นค่าแรง                   จะยากเข็ญจนแล้งก็เป็นไป
เธอเป็นอย่างนี้ก็ตามแต่เธอ                 ขอดูเธอจะชำระกรรมอย่างไร
พ่อที่วายแม่ที่อยู่คงไม่พอใจ                 มนุษย์ไซร์ทำผิดกรรมติดกาย
เอียงบนขืนล่างฟ้าไม่ยอม                    เอากำลังรังแกคนกวนจิตใจ
สวรรค์มีทางแต่คนไม่ไป                      นรกไม่มีประตูแส่ไปเอง
เพราะทรัพย์เสียสัตย์ลืมน้องยา             ปราชญ์ภัทราหลักธรรมใด
ลองคิดเดรัจฉานมีธรรมไหม                 คนทำไมหาทุกข์ไม่สัมพันธ์
หากฟังคำข้าคิดกลับใจ                       ทรัพย์สินไหมหมื่นแสนไม่นำพา
ออกจากหลงเดินตามฝั่งคงคา              พี่น้องหนาดีกันไว้เป็นบุญญา

        พี่ชายเต็งอ่านจดหมายจบลงก็พูดว่า ท่านจางกงอี้นับว่าเป็นมหาบัณฑิต จึงเดินทางไปยังบ้านท่านกงอี้เพื่อกล่าวขอขมาด้วยตนเอง กว่าวว่าอันยาขมเป็นยาดีต่อโรค ท่านมีปิยะวาจาแม้จะแสลงหู ข้ามีตาหามีแววไม่ ไม่รู้จักขุนเขา หวังว่าท่านกงอี้จะให้อภัย  ท่านกงอี้จึงกล่าวโศลกว่า  พ่อแม่กำเนิดลูกเหมือนกิ่งก้าน  พูดน้อยวาจาอย่าแสลงใจ มาพบกันครั้งหนึ่งให้แก่เฒ่า มีโอกาสสักแค่ไหนเป็นพี่น้องกัน ว่าแล้วนางเต็งก็เชื้อเชิญท่านกงอี้  ไปเลี้ยงที่บ้านเพื่อเป็นการขอขมาบาปที่ได้ล่วงเกินไว้ โดยกล่าวว่าท่านกงอี้มีน้ำใจกว้างขวาง คุณธรรมดุจมหาสมุทร  วันนี้ขอเชิญท่านไปที่บ้านก็เพื่อฟังโอวาทท่านกง  บัดนี้ข้ายินดีเอาทรัพย์สินมาแบ่งปันให้เสมอหน้ากัน เนื่องด้วยซาบซึ้งคุณธรรมอันยิ่งใหญ่ของท่าน แม้แก่เฒ่าก็จักไม่ลืมเลือน  จากนี้ไปพวกเราที่บ้าน 5 คน  ก็จะแช่มชื่นยิ้มบานเอามรดกมาแบ่งปันเท่า ๆ กัน  ส่วนมารดาก้พลัดเปลี่ยนกันเลี้ยงดู ทั้งหมดนี้ก็ด้วยท่านกงอี้เห็นแก่พวกเราพี่น้องที่ไม่ปรองดองกัน  นี่ก็คือขันติที่ยี่สิบเอ็ด  ต่อมาคนรุ่นหลังจึงแต่งกลอนให้

ทนลบหลู่อัปยศไม่โกรธชัง                  หนึ่งพลังผูกพันจิตกาญจนา
หลักการนำคุณธรรมประจักษ์ดินฟ้า       แม้ชื่อยังประดับฟ้าแซ่สวรรค์

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                  ร้อยขันติ     

                ยี่สิบสองขันติ    :  ส่งเสริมงานมงคลสมรส

        ท่านกงอี้มีเพื่อนอยู่คนหนึ่ง  มีชื่อว่า ชิงหวิน  แซ่หยาง  แต่ฐานะครอบครัวจึงไม่สามารถหาเมียได้ กงอี้จึงยื่นมือเข้าช่วยเหลือส่งเสริมจัดงานมงคลสมรสให้  ใช้จ่ายเงินทองไป 30 ตำลึง  ต่อมาภายหลังเพื่อนของนายหยาวชิงหวินหลงลืมบุญคุณ ไม่คำนึงถึงมิตรภาพ จึงพุดจาโอหังกับคนว่า  การที่กงอี้ช่วยข้านั้นก็ด้วยชาติก่อนเขาเป็นหนี้ข้า  เมื่อกงอี้ได้ยินเพื่อนพูดจาเช่นนี้ จึงเชิญเพื่อนนายหยางชิงหวินมาที่บ้าน ตามที่ท่านพูดจาว่า ชาติก่อนข้าเป็นหนี้ท่าน ช่างไร้สาระอ้างอิงไม่ได้ ตามที่ข้าดุแลเพื่อน ล้วนอ้างอิงได้ทั้งนั้น ข้าเองก้ไม่ว่างที่จะถกลายละเอียดกับเพื่อน กลัวว่าเมื่อคนได้ยินคำพูดของเพื่อน เขาจะตัดความช่วยเหลือเพื่อนได้ เพื่อนต้องตรึกตรองให้ดี ชิงหวินอับอายหน้าแดงที่ตนเองลืมบุญคุณคน  ภายหลังเมื่อท่านกงอี้มีเรื่องราวต่าง ๆ  เขาก็รีบเร่งทำงานทดแทนบุญคุณ นี่คือความดีของกงอี้ เป็นขันติที่ 22 ต่อมาภายหลังคนก้แต่งกลอนให้

แม้เพื่อนเปลี่ยนไม่ลืมมิตรภาพ             ปิยะวาจาซึมซาบบังเกิดสัตย์
จัดสมรสให้เพื่อนเห็นประจักษ์              เตือนตระหนักทำกุศลภักดีธรรม

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
             ร้อยขันติ   

           ยี่สิบสามขันติ     : หยุดยั้งขายเมีย

        ครั้งหนึ่ง กงอี้เดินเที่ยวมาตามถนนทางทิศตะวันออก พบกับชายคนหนึ่งชื่อ จือหลัน  แซ่ไอ้  ด้วยครอบครัวยากจนจึงฝังศพมารดาเลี้ยงไม่มีเงิน จึงต้องนำเมียไปขายให้กับเฉินหยวนเป็นเงินหนึ่งชั่งสองตำลึง  แล้วกำหนดให้นำคนมาส่งให้ภายในสามวันกงอี้ฟังข่าวนี้แล้วนิ่งอึ้งไปนาน ใคร่ครวญแล้วถอนใจพูดว่า ไม่อยากให้สามาภรรยาต้องแตกแยกกันเลย ว่าแล้วกงอี้ก็เดินทางไปยังบ้านแซ่ไอ้เพื่อไต่ถามเรื่องราว  นายจือหลันก้เล่าความจริง พร้อมหลั่งน้ำตาให้ฟังว่า  กงอี้พูดว่า นอกจากค่าใช้จ่ายจัดงานศพของมารดาแล้ว การขายเมียเป็นการแสดงความกตัญญูเพื่อธำรงคุณธรรมสัมพันธ์ห้าจึงยอมเสียหาย  หากจะหาทางทั้งสองให้อยู่ร่วมกันก็ถือเป็นการสร้างกุศล  นายจือหลันกล่าวว่า ไม่มีทางออกอื่นเลย ภรรยาที่อยู่ในห้องได้ยินเรื่องราวก็ปล่อยโฮ แล้วออกมาคุกเข่าต่อกงอี้พร้อมกับกราบลงไปที่พื้น กงอี้รีบหยุดเอาไว้ แล้วพุดว่าเพราะครอบครัวยากจนจึงจะรู้ว่าลูกกตัญญู เงินจำนวนนี้ข้าจะออกให้  แต่ต้องให้เธอสองคนอยู่กันยาวนาน  สามีพูดภรรยาก็ว่าตาม  ตอนนั้น นายจือหลันก็นั่งลงคุกเข่าแล้วให้คำสาบานว่าจะครองรักกันให้ยาวนาน  หากขัดขืนขอให้ฟ้าผ่า  กงอี้ยกคนทั้งสองให้ลุกขึ้น  แล้วเรียกให้นายจือหลันไปเชิญนายเฉินหยวนมารับเงินที่บ้านจาง  ไม่นานนักนายจือหลันก็เชิญนายเฉินหยวนมาพบกับกงอี้  นายเฉินหยวนถามว่าหญิงคนนี้ท่านต้องการหรือ  กงอี้บอกว่าไม่ใช่  พร้อมพูดว่าบ้านแซ่ไอ้ต้องการขายเมียเพื่อกตัญญู  ข้าทนเห็นสามีภรรยาต้องแยกกันอยู่ไม่ได้ จึงรบกวนให้ท่านมารับเงินคืนไปเสีย นายเฉินหยวนพูดว่า เป็นไปไม่ได้  เรียกนายไอ้ไปหาผู้หญิงเอาใหม่ ข้าไม่ไปหาใหม่ หากจะให้ข้าเอาเงินคืนนอกเสียจากให้ข้าสองเท่าจึงจะยอม  พูดจาอันธพาล   กงอี้พูดว่า เอาเงินคืนอีกเท่าได้อย่างไร  นายเฉินจึงพุดว่า มันไม่เกี่ยวกับท่านอย่ามายุ่งจะแส่เอามีดหรือขณะนั้นกงอี้จึงเรียกชิงหวินมาปรึกษา  ชิงหวินแนะให้จ่ายเขาไปอีกเท่าตัว แล้วชิงหวินก็พูดกับนายเฉินหยวนว่า ก็ตามที่ใจท่านต้องการชดเชยให้อีกเท่าหนึ่ง  นายเฉินไม่มีคำพูดรับเงินแล้วก็ด่ากงอี้แล้วจากไป
        ต่อมาภายหลังก็จะไปซื้อเมียของนายเฉินเป็นเงินสองชั่งสามตำลึง  นางหวงซื่อภรรยานายเฉินรู้ข่าวนี้ก็ชิงวิ่งหนีไปที่บ้านเดิมของนางแล้วแจ้งเรื่องนี้กับน้องชาย  หวงอาชิง  น้องชายบอกว่าคนนี้โหดไม่มีใครปาน เมื่อฟังคำพี่สาวแล้วก้เอามีดแล้วรีบไปหานายเฉินหยวนที่บ้านเพื่อถามความ  นายเฉินหยวนไม่พูดจึงถูกนายหวงอาชิงจ้วงแทงจนใส้ทะลักเต็มพื้นแล้วตาย  เรื่องราวไปยุติกันที่ศาล  นายไอ้จือหลันและภรรยารู้สึกเป็นหนี้บุญคุณกงอี้ ไม่ลืมเลือนจนแก่เฒ่า แล้วอดออมเลี้ยงชีพ ต่อมาก็ร่ำรวยและมีบุตรได้รับราชการ ล้วนด้วยบุญบารมีของกงอี้โดยแท้ นี่คือขันติที่ 23 ต่อมาภายหลังคนแต่งกลอนให้

ช่วยเขาอยู่ร่วมกันบุญดังขุนเขา               ทำบาปถูกบาปสนองเอาไม่ผิดคน
บาปบุญทางสองแพร่งแบ่งร่างบน             ทำให้คนมีตาเห็นรู้กลไก

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
               ร้อยขันติ   

               ยี่สิบสี่ขันติ    :   ไกล่เกลี่ยการค้า

        วันหนึ่งท่านกงอี้อยู่ที่ตลาด พบเห็นคนสองคนกำลังทะเลาะกัน กงอี้จึงเข้าไปถามความ คนหนึ่งแซ่เกาคนหนึ่งแซ่เซียวได้ความว่าสองคนทำการค้ามาร่วมกันเจ็ดปี บัญชีไม่สะอาด กงอี้ถามหาบัญชี ทั้งสองคนต่างก็นำเอาบัญชีออกมา กงอี้ตรวจดูอย่างละเอียดบัญชีทั้งสองไม่เหมือนกัน  คนแซ่เซียวไม่ยอมความกล่าวหากงอี้ลำเอียง  พูดจาจาบจ้วงแล้วจากไป กงอี้กลับมาถึงบ้านตรึกตรองดูคิออยากให้คนสองคืนดีกัน  จึงเขียนขันติโศลกหนึ่งหน้า แล้วใช้ให้คนนำไปให้คนแซ่เซียว  คนแซ่เซียวกำลังดื่มชาอยู่กับเพื่อนเจ็ดคน จึงนำหนังสืออกมาอ่านว่า

สอบสำนวนไม่มีเรื่องอื่นใด                  ขอเพียงได้ตักเตือนที่งเซียวเกา
ข้าพบเห็นไม่เจียมตัวหวังเตือนเจ้า       นำบัญชีชำระเอาหวังกระจ่าง
ทุกสิ่งทำให้แจ้งหยุดเคลือบแคลง        พี่เซียวฉุนเฉียวแรงแล้วจากไป
เหนื่อยข้าสอบสำนวนด้วยห่วงใย         เพื่อนดีไซร์รักษ์สัตย์ดีตลอด
ค้าขายไม่ม้วยมอดต้องยุติธรรม            กำไรหักทุน  เป็นหลักธรรม
สองคนนำเป็นผู้ใหญ่ทันสมัย               เจ็ดปีค้าขายครอบครัวอุดม
หาเงินสะสมต้องยุติธรรม                     อย่าหาเงินด้วยกลโกงต่อบาปกรรม   
วิบากกรรมสั่งสมไว้ตกทอด                  สะสมเงินทองไม่เคล้วให้ลูกหลาน
ลูกหลานรับมรดกช่วยล้างผลาญ          ถือความสัตย์มีเมตตาเป็นหลักการ
กล้าหาญผู้โปร่งใสแผนการณ์ยาว         อย่าหวังลาภหากังวลเผาวิญญาณ
โทษไพศาลไม่ราบรื่นชอบเมามัว          โบราณว่าให้ร้ายเขาร้ายถึงตัว
เจ้าเหนือหัวเพียรธรรมเสมอภาค           ฟังข้าตักเตือนค่าควรคืนดีกัน
สมานฉันท์มิตรภาพสืบสร้างสรรค์         อย่ากล่าวจาบจ้วงธรรมซื่อสัตย์
ฟังแล้วน้อมปฏิบัติค่าสูงยิ่ง

        พออ่านจบทุกคนก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ท่านกงอี้เป็นผู้มีคุณธรรมยิ่งนัก  แล้วทุกคนก็ช่วยกันออกเงินนำบทความนี้ ลงตีพิมพ์เป็นเอกสารส่งให้กับคนที่ทำการค้าขายเพื่อใช้เป็นแบบอย่าง  นายเกาและเซียว  พากันไปเชิญกงอี้มารับประทานอาหารและสุราเพื่อขอขมาและยอมที่ปฏิบัติตามตลอดไป  นี่คือความเมตตาของท่านกงอี้  เป็นขันติที่ยี่สิบสี่ ต่อมาภายหลังคนก้แต่งกลอนให้

สั่งสมบุญบารมีหลากชนิด            ความคิดสร้างธรรมะไม่ธรรมดา
เมตตาคุณดุจฝนทิพย์หลั่งมา        ประโยชน์หนาตอบแทนสวรรค์ 

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                  ร้อยขันติ   

                ยี่สิบห้าขันติ   :  ถูกข่มเหงวางเฉย

        กล่าวถึงกงอี้เมื่อครั้งยังไม่มีบุตร  มีคนร่วมตระกูลชื่่่อ จางชวี่  มีผืนนาติดต่อกับกับกงอี้  บุตรชายคนที่สามของจางซวี่อันธพาลข่มเหงกงอี้มากนัก  ป่าวร้องกงอี้ว่าเป็นผีไร้ทายาท  กงอี้ล่วงรู้ก็ทำเป็นไม่ได้ยิน  แถมยังเข้ามาตัดต้นไม้ในที่ดินกงอี้อีกสามกอ  กงอี้มาพบเข้าคิดจะเข้าขัดขวางก็ให้คิดว่าเป็นคนตระกูลเดียวกันไม่ควรกระทบกระเทือนสายสัมพันธ์ ทั้งยังเรียกคนให้มาช่วยหาม เลยทำให้จางซวี่ได้ใจคิดว่ากงอี้เกรงกลัวเขา ต่อมาภายหลังก็หักหาญแย่งนาของกงอี้ไปส่วนหนึ่งโดยขุดเอาหินหลักทิ้ง  กงอี้ก็วางเฉยไม่สนใจ  กงอี้ได้เขียนหนังสือฉบับหนึ่งแล้วให้คนส่งไปให้จางซวี่  จางซวี่เปิดออกอ่านว่า

รังแกคนเป็นบาปแกรงฟ้าลงโทษ             คนใจโหดอันธพาลขวางเจริญ
ไร้สัตย์ได้เงินบ้านกระเจิง                        มีเมตตาร่าเริงสุขนิรันดร์
ยุติธรรมต่อโลกรุ่งธำรง                            ซื่อตรงประดับใจอายุวัฒน์
อันความร่ำรวยฟ้ากำหนดชัด                    บุญหนักกรรมลิขิตฟ้าขจร

        จางซวี่อ่านจบก็ขยำหนังสือทิ้งลงพื้น แล้วก็แจ้งบอกกับบุตรเขาว่า  กงอี้เขียนหนังสือมาลบหลู่ข้า  กล่าวหาว่าข้าไม่ดี  ถ้างั้นก็ฆ่ามันเสียเลย แล้วแย่งทรัพย์มันมาเสีย  มีหรือจะทำไม่ได้ พวกลูก ๆ ก็พูดว่า ต้องคิดหากลอุบายเสียก่อนคงไม่ช้าไป  ตอนนี้ทำเป็นไม่รู้ไว้ก่อนเพื่อให้เขาไม่สงสัย  ไม่คาดคิดมาก่อนว่าฟ้าจะลงโทษส่งวิบากกรรมมาให้  ครอบครัวของจางซวี่เป็นโรคไข้จับสั่นกันทั้งบ้าน  ในชั่วเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือน  พ่อลูกตายทั้งบ้าน  ต่อมาภายหลังกงอี้ก็อธิบายเรื่องนี้กับคนในตระกูลให้เข้าใจ พร้องทั้งยกที่นาที่ถูกคดโกงไปให้แก่ศาลเจ้าของตระกูลเพื่อเก็บค่าเช่านาไว้ใช้จ่ายกลองกลาง  นี่ก็ถูกข่มเหงแล้ววางเฉยของกงอี้  เป็นขันติที่ยี่สิบห้า  ต่อมาภายหลังคนแต่งกลอนให้

ข่มแหงรังแกคนบาปท่วมฟ้า              เทวดาลงโทษทันตาเห็น
ทิ้งเหลือแต่ฉาวโฉ่คนแค้นแค้น         กงอี้เน้นสร้างกุศลปลูกนาบุญ

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                  ร้อยขันติ   

                 ยี่สิบหกขันติ   :   ยึดมั่นคุณธรรม

        มีวันหนึ่ง  ท่านกงอี้ไปเก็บค่าเช่านาที่บ้านแซ่ฉิน ลูกนาสองสามีภรรยามีการวางแผนการณ์ไว้ล่วงหน้า หากต้องจ่างค่าเช่านาแปดเจี๊ยะ  ปีหน้าก็จะไม่มีข้าวพอกินตั้งสองเดือน หากไม่ยอมจ่ายค่าเช่านาตามนี้ก็คิดว่าการเจรจาจะไม่สมหวัง จึงพูดกับภรรยาว่า ตอนที่เจ้าของนามาข้าจะหลบไปก่อน  ขอให้ภรรยาเตรียมสุราอาหารคอยต้อนรับ ระหว่างการดื่มสุราก็ขอให้ทอดอารมณ์แล้วอยู่ร่วมกับเจ้าของนา ก็คงเจรจากันได้ ภรรยากล่าวว่า การจ่ายค่าเช่านาเป็นเรื่องเล็ก แต่ว่าชื่อเสียงนั้นเรื่องใหญ่ ฉันไม่กล้าที่จะทำตามสามีได้ แม้ตายก็ไม่ยินยอม สามีจึงกล่าวว่า เจ้านายเป็นผู้มีบุญหนักสักใหญ่ หากเขายอมนอนกับเธอ ข้าก็ยินยอม หากเกิดมีบุตรขึ้นก็มีบุญวาสนา วันก่อนข้าได้เห็นบนศรีษะของเจ้านาย ขณะนอนหลับอยู่มีแสงรัศมีใหญ่ขนาดถังตวงข้าว ภายหน้าต้องมีปรากฏการณ์ใหญ่ หากได้อยู่กับท่าน อาจได้เป็นเจ้าของนา ภรรยาจึงกล่าวว่า บ้านขัดสนหมดทาง จารีตความซื่อสัตย์รักษาไว้ไม่ครบถ้วน ไม่รู้ว่าเจ้าของนาจะมาหรือไม่ จึงตระเตรียมให้พร้อมไว้  วันรุ่งขึ้น ท่านกงอี้ก็มา นายฉินลูกนาได้ข่าวก็รีบหลบไปซ่อนตัว เมื่อกงอี้มาถึงบ้านลูกนา ถามหานายฉินไม่อยู่บ้านก็จะกลับไปก่อน แต่ภรรยารั้งให้อยู่ แล้วนำสุรามาต้อนรับอย่างเอาอกเอาใจ ภรรยาก็ส่งสายตาทอดสะพาน แต่กงอี้ก็ทำเฉยไม่สนใจ  ภรรยาก็ดึงแขนเสื้อกงอี้แล้วหัวเราะยั่วยวน  กงอี้สะบัดแขนแสดงอาการโกรธแล้วกล่าวว่า เกิดเป็นผู้หญิงต้องรักนวลสงวนตัวอยุ่ในคุณธรรม อยู่ในกฏสามตามสี่ธรรม  หากไม่รู้จักสิ่งนี้ก็จะเป็นหญิงชั้นต่ำตายแล้วตกนรก  ภรรยานายฉินจึงปล่อยมือแล้วคุกเข่าลงรายงานว่า ขอให้เจ้านายโปรดอภัยให้ผู้น้อยด้วย  สาเหตุด้วยสามียากจนมาเช่าทำนา ขอบารมีเจ้านายคุ้มครอง เนื่องจากทำนาครั้งนี้เก็บเกี่ยวได้ผลน้อย มีข้าวพอที่จะจ่ายค่าเช่านาได้เพียงหกเจี๊ยะเท่านั้น  อีกทั้งราคาข้าวขณะนี้ก็ตกต่ำจึงไม่พอ ถ้าจ่ายค่าเช่านาแปดเจี๊ยะแล้วก็จะไม่มีข้าวไว้รับประทานอีกสองเดือน จึงได้ขอให้ฉันทำตัวตกต่ำเช่นนี้เพื่อสนองพระคุณท่าน เพื่อขอให้ท่านอนุญาตให้เช่านาต่อไป เรื่องก็มีเพียงเท่านี้ ไม่มีเจตนาอื่น  กงอี้กล่าวว่าชั่วช้ามาก ให้เช่านานั้นเป็นเรื่องเล็ก ชื่อเสียงเรื่องใหญ่ ทำเหลวไหลได้อย่างไรเช่นนี้  ภรรยานายเฉินคุกเข่าลงไหว้ แล้วจึงเล่าเรื่องที่สามีเคยเห็นว่ามีแสงที่ศรีษะเจ้านายให้กงอี้ฟัง ท่านกงอี้จึงสอนว่า เป็นคนทำตัวสกปรกตกต่ำชั่วช้า หากตั้งมั่นฟันฝ่าอุปสรรคเจ้าจะซาบซึ้ง บุญญาวาสนาฟ้ากำหนดอย่าเห็นว่ายากจนแล้วทำตัวชั่วช้า พอพูดจบแล้วก็จากไป นี่เพราะท่านกงอี้มีคุณธรรม เป็นขันติที่ยี่สิบหก ต่อมาภายหลังคนแต่งกลอนให้

พบอุปสรรคแน่วแน่ถือยุติธรรม             รูปงามขำไม่เสพย่ำเลิศอริยะ
ด้วยเข้าถึงแยบยลแห่งธัมสัจจะ            สอนจาคะเยื่องบาทวังทักษิณ

Tags: