collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: ร้อยขันติ : คำนำ  (อ่าน 58272 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                 ร้อยขันติ   

               สิบสามขันติ  :  สอนภรรยาให้รู้กตัญญู

        กงอี้เห็นภรรยามีนิสัยหยิ่ง  ไม่รู้จักปฏิบัติต่อบิดามารดา  จึงเอ่ยวาจาเอาธรรมะสอนภรรยา ให้หมั่นจดจำก็จะได้รับการยกย่องเป็นกุลสตรี  อันสามีภรรยามีบุพเพสันนิวาสมาก่อน ปัจจุับันจึงได้ร่วมเรียงเคียงหมอน  บิดามารดายิ่งใหญ่ดุจฟ้าดิน  การเลี้ยงดูต้องให้จริงใจศรัทธา  บิดามารดาดุว่าก็ให้ยอมรับโดยดี  จะต่อปากต่อคำไม่ได้  จะมีบาปกรรม  และก็เป็นที่นินทาของชาวบ้าน  ถ้าเธอกตัญญูสุดกำลัง ลูกหลานก็จะเอาอย่าง  หากต้องการร่ำรวยมีความสุขก็ให้รีบ ๆ กตัญญูเสียแต่เนิ่น ๆ  เทพเจ้าก็พลอยยินดีด้วย  ลูกหลานก็มีบุญวาสนายืนยาว    ภรรยาจึงว่า  ท่านที่สอนข้าให้กตัญญู  แล้วเทพเจ้าจะยินดีทำไม  กงอี้ฟังแล้วก็พูดว่า ข้าจะบอกให้  เทพเจ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์เอาความกตัญญูเป็นหลักการ  นอกนั้นก็บ่มเลี้ยงจิตจนสำเร็จเป็นเซียน  เมื่อบารมีเต็มเปี่ยมก็ละร่างลาโลก  ยมทูตก็จะรายงานต่อสวรรค์  ท่านเง็กเซียนฮ่องเต้ก็จะแต่งตั้งเป็นเทพเจ้า จึงได้รับการกราบไหว้จากประชาชน  ขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ไม่รู้จักกตัญญู พอตายก็จะตกนรกหมกไหม้ ถ้าหากตั้งใจกตัญญูถึงที่สุด แม้จะเป็นปุถุชนก็ขึ้นสวรรค์ได้ นับตั้งแจ่โบราณมาบรรดาเทพ  ปราชญ์อริยะ  เซียนพุทธล้วนถือความกตัญญูเป็นอันดับหนึ่ง   ภรรยาจึงถามว่า  ท่านเรียกข้าให้กตัญญู  จะต้องเริ่มต้นทำอย่างไร  ขอท่านช่วยชี้แนะด้วย  กงอี้ว่า  ฟังข้าว่าจะบอกให้   กลางคืน  ให้ตรวจดูที่หลับที่นอน  ทั้งหมอนผ้าห่ม  เสื้อชุดนอนสะอาดหรือไม่  เช้าขึ้นมาก็ถามไถ่ถึงสุขภาพ ตามด้วยยกน้ำให้ล้างหน้า  ยกชาให้ดื่ม  ต่อจากนั้นก็จัดอาหาร เครื่องดื่มให้พร้อม  หากบิดามารดามีอารมณ์ว่ากล่าวตักเตือนให้คล้อยตาม ทุกอย่างก็จะเป็นไปตามธรรม ไม่เอนเอียง
         ภรรยาจึงตอบว่า จะกตัญญูให้ถึงที่สุด  แล้วท่านที่จะกตัญญูต้องทำอย่างไรบ้าง  กงอี้ว่า  ข้าก็ตั้งใจรับเลี้ยงดูด้วยความยินดีด้วยสีหน้าที่ดี  เช้าค่ำก็จะประหยัดไม่เผลอเรอ  จะระมัดระวังไม่ให้หนาวหรือร้อน จะให้เย็นสบายอยู่เสมอ  จะสักการะสิ่งศักดิ์สัทธิ์เพื่อให้เทพเจ้าเมตตาสงสาร ให้เห็นคุณงามความดี จะบอกกล่าววิญญาณบรรพชนปกปักษ์รักษาให้บิดามารดา แข็งแรง  พบเห็นแต่สิ่งเป็นมงคล ให้มีอายุมั่นขวัญยืน
        พระองค์ว่าทำตามที่สอนด้วยความเคารพ  ขอให้ท่านช่วยชี้แนะทุกขณะ  นี่คือความกตัญญูของภรรยากงอี้ เป็นความอดทนที่สิบสาม ต่อมาคนรุ่นหลังจึงแต่งกลอนให้

ธรรมแห่งสามีภรรยาดุจดั่งทอง             ใจงามผ่องวิธีดีเป็นโอวาท
ไม่เหมือนคู่สามัญที่สันนิวาส                สุดสวาทชอบทำหน้าอย่างหลังอย่าง

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
             ร้อยขันติ   

            สิบสี่ขันติ   :    สืบทอดอุดมการณ์บิดา

        มีอยู่วันหนึ่ง  บิดากงอี้สั่งให้กงอี้ไปเตรียมน้ำอาบ  กงอี้ก็ไเตรียมน้ำอาบตามคำสั่ง  ทั้งยังสั่งกงอี้ให้เตรียมเสื้อผ้า  กงอี้ส่งเสื้อผ้าเข้าไปให้ บิดาใส่เสร็จก็ออกมายังห้องโถงแล้วนั่งลง สั่งให้กงอี้คุกเข่าลงฟังโอวาทบิดากงอี้ก็พูดเป็นกลอนออกมาบทหนึ่ง เสร็จแล้วก็ร่ำลาสิ้นชีพ กงอี้เศร้าโศกเสียใจอย่างมาก แล้วก็ตระเตรียมงานศพต่าง ๆ วุ่นวายมาก จนกระทั่งเสร็จงานฝังศพ ก็นอนเฝ้าหลุมศพอย่างยากลำบากเป็นเวลา 49 วัน  จึงกลับมาที่บ้าน เมื่องานศพจบลงแล้ว พวกญาติเห็นงานพิธีเรียบร้อย และเต็มไปด้วยความตั้งใจ ทั้งยังปล่อยสัตว์ไปอีกหนึ่งพันชั่ง เสียค่าใช้จ่ายไปมาก  จึงพูดจาติติง กงอี้ก็เชิญพวกญาติให้มารวมตัวกันที่ห้องโถง แล้วก็นำเอาบทกลอนที่บิดาให้ไว้ อ่านด้วยเสียงกังวาน พร้อมกับอธิบายความหมายของกลอน กลอนโอวาทมีดังนี้

คำโอวาทมอบไว้พึงรักษา             เชิดหน้าชูตระกูลมีศักดิ์ศรี
บุญล้นสั่งสมมงคลสืบพันปี           ทำคุณดีกุศลส่งหมื่นรุ่นโรจน์
ขันติผ่อนปรนพูนทรัพย์ทวี            ธรรมเต็มปรี่ก้าวขึ้นเมฆาลัย
วินัยสามหลักสัมพันธ์มั่นคงไว้        ข้ากลอมเกลาลมเย็นใสเงาเดือนเฉียง

        กงอี้เอาบทกลอนอธิบายให้พวกญาติ ทำให้พวกญาติต่างเข้าใจ นี่ก็คือกงอี้ผู้สืบเจตนารมณ์ของบิดา  ถูกกล่าวตำหนิก็ไม่ถือโกรธเป็นขันติที่สิบสี่  ต่อมาคนรุ่นหลังก็เขียนกลอนให้ว่า

พระคุณค้ำหนักหัวโศกหนักใจ             โอวาทให้สืบทอดเจตนา
เก้าชั่วคนกตัญญูมีเมตตา                    ใจหรรษารับสืบดุจบัวขาวบาน

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
             ร้อยขันติ   

            สิบห้าขันติ   :  กงอี้ซื้อนาให้วงศ์ตระกูล

        กงอี้มีญาติคนหนึ่งเรียกชื่อว่าอาใช้ มีนิสัยดื้อแข็ง ปกติก็ไม่ค่อยยอมฟังกงอี้สอน ด้วยครอบครัวจ่ายสุรุ่ยสุร่าย จึงได้เอามรดกที่เป็นส่วนแบ่งเป็นที่นาออกมาขายให้คนแซ่หวัง โดยที่กงอี้ไม่รู้เรื่อง แต่คนทางตระกูลหวังรู้จักกงอี้ดี รู้ว่ากงอี้เป็นคนซื่อสัตย์อดทนผ่อนปรน แต่ก็ไม่ได้แจ้งให้กงอี้ทราบแต่อย่างไร ต่อมาภายหลังเกิดข้อพิพากฟ้องร้องกันขึ้น เนื่องด้วยราคาของที่นาว่ากันไม่แน่นอน กงอี้ก้พลอยรู้เรื่องเข้า จึงเรียกอาใช้มาถามว่า  นี่น้องใช้ตอนนี้เธออายุยังน้อยก็เลยไม่รู้ว่าบรรพชนก่อร่างสร้างตัวด้วยความยากลำบาก แต่ก็มิใช่ว่าข้าจะซื้อขึ้นมาไม่ได้ เพราะตอนนี้ก็ได้ขายให้กับคนนอกตระกูล  ถามหน่อยว่า วันข้างหน้าจะไปพบหน้าบรรพชนในยมโลกได้อย่างไร  ส่วนอาใช้เมื่อถูกกล่าวตักเตือนเช่นนี้ก็ให้เข้า ก็บอกให้พี่ช่วยซื้อกลับมา กงอี้ก็ยับยั้งว่า  ข้าคงไม่อดทนที่เขาซื้อไปอย่างถูกต้อง แล้วใจของเธอกระอักกระอ่วนทำใจไม่ได้ เลยทำให้คนต่อมาแย่งซื้อ แล้วตอนนี้ก็เกิดเป็นคดีความขึ้น เป็นคดีความแล้วมาแย่งชิงกันอย่างนี้ ข้าอดทนไม่ได้ คนทางแซ่หวังได้ข่าว ก้คิดจะยอมขายให้กับกงอี้ แต่กงอี้ไม่ยอมรับ ญาติมิตรก็ช่วยกันพูดเพื่อให้คดีสิ้นสุดลง  กงอี้ก็เลยตัดสินใจซื้อไว้ครึ่งหนึ่ง  แล้วยกให้บรรพชนเป็นส่วนรวม ให้วงศ์ตระกูลได้ผลประโยชน์ อันนี้ก็เป็นความเมตตาผ่อนปรนของกงอี้เป็นขันติที่สิบห้า ต่อมาคนรุ่นหลังเขียนกลอนให้

ญาติตระกูลสร้างกังวลทำวิบัติ        เอาสมบัติตระกูลขายคนนอก
ระลึกคุณบรรพชนจึงต้องออก          เข้าแทรกสอดซื้อคืนกึ่งเช่นสุสาน

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                ร้อยขันติ   

               สิบหกขันติ   :  ตักเตือนเพื่อนบ้านให้กตัญญู 

        วันหนึ่ง   กงอี้ว่างอ่านหนังสืออยู่กับบ้าน ก็ให้มีคนแก่แซ่่อู๋ เป็นเพื่อนบ้านมาหา เขามาระบายความในใจให้กงอี้ฟังว่า เขามีบุตรอยู่ 4 คน  ต่างก็แยกย้ายกันอยู่คนละที่ ทุกบ้านผลัดกันเลี้ยงดูพ่อแม่ นอกจากบุตรคนที่ 3 ที่ไม่กตัญญู พอไปที่บ้านเขาทีไรก็พูดจาหยาบคาย จึงมาหาท่านเพื่อขอคำปรึกษาว่ามีวิธีไหนพอที่จะแก้ไขได้  กงอี้ว่า สมัยก่อนท่านเมิ่งจื่อว่า ระหว่งบิดากับบุตรไม่หารือไปในทางที่ดี ถ้าหารือดีก็จะไม่ขาดกัน ไม่ทราบว่าบุตรท่านเคยร่ำเรียนโลงกลอนมาหรือไม่  ผู้เฒ่าตอบว่า เคยเรียนหนังสือมา 10 ปี เพราะหลงใหลอยู่กับผลประโยขน์ กงอี้ถามว่าตามความเห็นของท่าน อยากแจ้งทางการแก้ไขหรือไม่ หรืออาศัยคนตักเตือนก็พอ ผู้เฒ่าว่า หวังให้ท่านช่วยสอนแนะ กงอี้ว่า เรื่องบุตรอกตัญญูตามหลักการควรหาทางแก้ไข แต่ด้วยคุณสัมพันธ๋พ่อลูกของท่านมีมาก  ผู้เฒ่าว่าไม่มีใครตักเตือนลูกอกตัญญูให้รู้สึก แล้วจะรู้จักคุณสัมพันธ์พ่อลูกว่าหนักอย่างไร กงอี้จึงรับคำช่วยตักเตือนให้ท่านผู้เฒ่าทันที แล้วผู้เฒ่าก้กราบลาไป  ไม่ทันคาดคิดอู๋ซันลุกอกตัญญูตามมาด่ากงอี้ กล่าวหาว่ากงอี้กับพ่อคิดแผนการทำร้ายเขา  กงอี้พูดจาปลอบเตือนด้วยดี อู๋ซันจึงกลับบ้านไป  กงอี้ใคร่ครวญอยู่ตั้งนาน ไม่ณุ้จะตักเตือนท่าไหนดี  หวนคิดถึงอู๋ซันได้ร่ำเรียนหนังสือมา 10 ปี คิดว่าคงสามารถเข้าใจหลักธรรมได้ จึงเขียนหนังสือมาว่ากล่าวตักเตือน เป็นคำพูดธรรมดา ๆ ฉบับหนึ่ง แล้วเรียกคนนำไปให้อู๋ซัน  ดูซิว่าจะตอบกลับมาหรือไม่  กล่าวฝ่ายอู๋ซันเมื่อได้รับหนัังสือเห็นว่าเป็นของกงอี้เขียนมาก็โยนทิ้งลงพื้น  ภรรยาของอู๋ซันจึงว่า ท่านพี่ควรเปิดอ่านว่าเรื่องอะไร ว่าแล้วก็หยิบขึ้นมาเปิดดูแล้วพยักหน้า ภรรยาจึงว่าท่านอ่านให้ข้าฟังซิ อู๋ซันถอนหายใจแล้วอ่านว่า......

        นี่คือลำนำเพลงท่านพินิจ                  ความในพิจิตรยิ่งเงินไฉไล
ฟูมฟักบุตรที่แท้หวังฝากไข้                        เหนื่อยกายใจแสนเข็ญไม่ปริปาก
รุ่นหนึ่งสืบทอดต่อรุ่นเหมือนน้ำเต้า             แบบอย่างเก่าก่อนให้คนหลังดู
เหมือนรูปน้ำเต้าสอนให้รู้                           วทัญญูไม่ผิดเพี้ยนรูปทรง
กตัญญูกำเนิดกตัญญูบุตร                          เนรคุณกรรมเกิดลูกทรยศ
อกตัญญูแย่กว่าสัตว์นรก                            ลูกแพะเคารพคุกเข่าดูดนมแม่
นกอีกามีค่าสุดน่ายกย่อง                           สนองคุณแม่บินกลับมาเลี้ยงดู

ภรรยาถามว่า  แพะทำไมคุกเข่ากินนม  กาทำไมกลับมาเลี้ยง
สามีตอบว่า    แสดงความกตัญญูถึงที่สุด
ภรรยาว่า       หนังสือนี้เขียนว่าคนยังสู้สัตว์ไม่ได้  ถ้าพูดตามหนังสือนี้ท่านและข้าล้วนทำไม่ถูก ท่านอ่านละเอียดให้ข้าฟังซิ  อู๋ซันจึงอ่านต่อว่า....

        อดีตถึงปัจจุบันที่เจริญ                     ใครบ้างที่ไม่เริ่มจากกตัญญู
ศาสดาสามศาสฯ์เทพเซียนพุทธ               มีหรือจะทนเอื้อผู้เนรคุณ
ท่านหวังเสียนนอนน้ำแข็งทุกข์ไม่เบา        ท่านก๊วยฝังบุตรเจ็บปวดใจ

ภรรยาถามว่า   หวังเซียนนอนบนน้ำแข็งเพื่ออะไร
สามีตอบว่า     นอนบนน้ำแข็งเพื่อหาปลาไนมาเลี้ยงมารดาที่ป่วยอยู่
ภรรยาถามว่า   แม่เขาหายป่วยไหม
สามีตอบว่า     พอได้รับประทานปลาไนแล้วก็หายป่วย
ภรรยาถามว่า   ปลาไนรักษาไข้ได้หรือ  เราก็รับประทานให้มากหน่อย
สามีว่า            เธอไม่รู้จักอะไร  เขาปรนนิบัติด้วยกตัญญูถึงที่สุด จนซาบซึ้งถึงเทวดา จึงช่วยรักษาไข้ให้หาย  แม่หายป่วยใช่ว่า    ปลาไนช่วยรักษาโรค 
ภรรยาจึงว่า     ท่านกับข้าก็ต้องฝึกปรนนิบัติกตัญญูให้ถึงที่สุดซิ  ฟ้าดินเทพเจ้าก็ต้องคุ้มครองเราให้ร่ำรวยแน่

        อู๋ซันก็อ่านต่อว่า  จะนับประสาอะไรกับการผลัดกันเลี้ยงดูบิดามารดา  สี่คนยังเกี่ยงกัน พุทธเดินดินอยู่ที่บ้านยังไม่รู้สึก ไดเกิดมาเป็นคนเป็นหนี้ไม่ชดใช้จะกลายเป็นสัตว์ ได้รับไร่นาพ่อแม่จะไม่เกี่ยวอย่างไร ไม่รู้พระคุณเป็นหนี้จะมีหน้าตาอย่างไร  แม้ว่าข้าเป็นคนนอกยัง้วงใยใจหวดหวั่น หากกลับตัวกลับใจได้เร็วก็เป็นโชค  เซียนเทพฟ้าเบื้องบนก็พอยังให้อภัย ให้คิดถึงพระคุณบิดามารดาทุกวัน ยินดีเลี้ยงดูทั้งสามมื้อ หน้าร้อนหน้าหนาวดูแลให้เย็นและอบอุ่น ต้องมีใจสืบเจตนารมณ์พ่อแม่ให้สบายใจ  หากคิดที่จะร่ำรวยมีบุญวาสนา ก็ต้องตั้งใจกตัญญูปฏิบัติให้ดี
        อู๋ซันอ่านหนังสือจบลง  ภรรยาเอ่ยว่า  ดูจากหนังสือท่านจางแล้วก็ต้องรับคุณพ่อคุณแม่มาเลี้ยงดู  คนแก่ปากก็มากด้วย  หากไม่ทำตาม  ท่านกับข้าคงต้องกลัวฟ้าผ่าลงโทษ  ท่านพี่จะหาวิธีอะไร  สามีว่า  เป็นเพราะข้าเห็นแก่เงินทอง  บาปหนักเท่าขุนเขา โชคดีวันนี้ได้ปิยะวาจาท่านกงอี้ปลุกให้ข้าตื่นจากฝัน หากตอนนี้รีบไปรับพ่อแม่มาดูแลเลี้ยงดูดุจพระเจ้า ถือโอกาสที่พี่น้องยังไม่รู้เป็นการถ่ายโทษที่กระทำผิดเป็นประการแรก หวังว่าบ้านจะเจริญเป็นประการที่สอง  เอาหนังสือนี้ปิดไว้บนฝาบ้านเพื่อให้ลูกน้อยท่องจำและเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีเป็นประการที่ 3  เสร็จแล้วก็ตระเตรียมไปเชิญพ่อแม่ที่บ้านของพี่รองมาอยู่เสียที่บ้านเพื่อเลี้ยงดูอย่างดี  อู๋ซันเองก็เิดินทางไปที่บ้านของจางกงอี้เพื่อเชิญท่านกงอี้  จางกงอี้แลเห็นสีหน้าของอู๋ซันยิ้มระรื่นก็คิดว่าคำพูดที่กล่าวตักเตือนไปได้ผล  อู๋ซันกล่าวว่า   เมื่อวันก่อนผู้น้อยเข้าใจผิดต่อท่าน  ไร้มารยาทต่อท่านมาก หวังว่าท่านจะเปิดใจให้อภัยโทษ  กงอี้ว่าการเกิดมาเป็นคนต้องรู้จักพระคุณบิดามารดา  จึงจะได้ชื่อว่าเป็นสัตว์ประเสริฐ  อู๋ซันว่าเพราะได้รับหนังสือกล่าวตักเตือนของท่านอ่านจบจึงรู้ว่าพระคุณบิดามารดาใหญ่ดุจมหาสมุทร ถ้าไม่ตอบแทนก็หาใช่คนไม่  วันนี้จึงเสียใจต่อความผิดครั้งก่อนแล้วรีบแก้ไข ไปรับบิดามารดามาที่บ้าน  จึงขออยากเชิญท่านผู้มหากุศลไปที่บ้านผู้น้อย เป็นการเพิ่มศิริมงคลซึ่งเป็นความหวังของผู้น้อย  กงอี้ว่า เกิดเป็นคนไม่มีผิดไม่ได้  แต่รู้ผิดก็รีบแก้ไขเสียจึงจะมีคุณสมบัติขของความเป็นคน  วันนี้ท่านอู๋ยอมที่จะฟังคำตักเตือนก้ถือว่าเป็นบุญของข้า จึงขอขอบคุณท่าน  ข้ายังมีงานยุ่งรัดตัวไม่อาจไปที่บ้านของท่านได้ ไม่ได้อวยพรให้บิดามารดาของท่านเป็นการเสียมารยาทแล้ว  อู๋ซันจึงร่ำลาท่านกงอี้กลับบ้าน  นี่คือความรู้สึกกตัญญูของกงอี้ เป็นขันติที่สิบหก  ต่อมาคนรุ่นหลังแต่งกลอนให้

อุทิศสาธารณธรมแห่งฟ้า             อัปยศไม่ถือสาใช้ขันติ
กล่อมเกลาคนดื้อโง่ใช้สติ            ไม่ทิฐิเมตตากตัญญู

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                  ร้อยขันติ

                  สิบเจ็ดขันติ  :  ซื้อนาที่ดินขาด  ถูกล้ำเขต 

        กล่าวคือ  วันหนึ่งมีคนแนะนำขายที่นาให้ส่วนหนึ่ง  วันที่นัดโอนนา  เนื่องจากเขตนาที่จะโอนติดกับที่นาของคนแซ่กู่  ซึ่งกำลังขัดแย้งกับผู้ขายแซ่อึ้ง  คนแซ่อึ้งไม่ยอม  กำลังจะบังคับให้คนแซ่กู่สาบาน  พอดีกงอี้มาถึงก็ถามสองคนนั้นว่า  เคยอ่านคัมภีร์ก่ำเอ่งเพียนหรือไม่  กงอี้ชี้ฟ้าดินเป็นประจักษ์พยาน  สิ่งศักดิ์สิทธิ์จะตรวจเรื่องราว  ผู้ขายที่นาก็จะแย่งเอาส่วนที่ขาดมาให้แก่ข้า  อีกฝ่ายก็จะแย่งเอาที่นาไว้ให้คนรุ่นหลัง เรื่องเช่นนี้ไม่ดี แต่คนแซ่กู่ใจอันธพาล ถือโอกาสโกงไปประมาณปลูกข้าวได้กว่าหนึ่งเจียะ  กงอี้ก็ยอมผ่อนปรนไม่ไปทะเลาะเอาคืน  จากนั้นมาคนแซ่กู่ก็ได้ใจ  ต่อมาก็รุกล้ำที่นาของคนแซ่ลี้ที่อยู่ทางตะวันออก  ซึ่งก็เป็นที่ดินที่กงอี้ยอมผ่อนปรนให้ไป  ทั้งกู่และลี้ ต่างทะเลาะกันจนต้องถึงโรงถึงศาล  มีคดีความอยู่นานถึง 3 ปี ก็ยังไม่จบ  ทั้งสองฝ่ายต่างสูญทรัพย์สิน  จึงนำที่นามาขายให้กงอี้  ด้วยกงอี้มีขันติจึงได้ที่ดินทั้ง 3 ครอบครัว  กงอี้มักจะพูดกับคนรุ่นหลังว่า การซื้อที่นาให้ลูกหลานควรต้องได้มาอย่างโปร่งใส  ต้องมีความการุณต่อผู้อื่น  จึงจักครองสุขได้นาน  ด้วยผ่อนปรนจึงได้ที่นามาหมดเป็นขันติที่ 17 ต่อมาภายหลังคนแต่งกลอนให้

ให้ที่นาไถ่หว่านสืบคุณธรรม             แย่งที่นาทำกินย่อมยากจน
ผู่ผ่อนปรนซึ้อที่หมดของสามคน       ให้ผู้คนสรรเสริญนานพันปี

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                 ร้อยขันติ 

                สิบแปดขันติ   :  ลูกนายอมรับโอวาท

        กงอี้มีลูกนาที่เช่าทำำนาแซ่หวัง มาเชิญกงอี้ไปเก็บค่าเช่านา เมื่อกงอี้ไปถึงบ้านของลูกนา โดยไม่คาดคิดลูกนาแซ่หวังมีนิสัยดื้อรั้น พูดจาตะคอกตามอารมณ์ใส่กงอี้ กล่าวหากงอี้ใช้ถังตวงใหญ่ แต่พูดถังตวงเล็ก  กงอี้ก็พูดตอบไปเบา ๆ ว่า ถังตวงใหญ่ใจไม่ใหญ่ ว่าถังตวงเล็กใจไม่เล็ก  ถังที่ใช้ตวงก็เป็นถังที่บ้านเธอ ไม่ต้องใช้ถังของข้า ลูกนาเห็นกงอี้มีสีหน้าตามสบายไม่มีอารมณ์ของความโกรธให้เห้นเลย ก็ให้คิดว่าคนแบบนี้นับว่าเป็นผุ้มีเมตตาและบุญบารมีเต็มเปี่ยม  จึงคุกเข่าขออภัยพูดว่า  ได้ยินว่าท่านเป็นผู้มีคุณธรรมมานานแล้ว นับว่าสมคำล่ำลือ ผู้น้อยมีโทษ หวังว่าจะได้รับอภัย  กงอี้ก็ยังตวงข้าวไปอีกหนึ่งสือแก่ลูกนาแล้วพูดว่า บ้านเธอมีคนอยู่แปดคน ทำนาของข้า  ข้ามีหรือต้องการแต่ยุ้งฉางของข้าเต็มแล้วกดดันให้ครอบครัวเธออดอยาก  ขอเพียงแต่ให้เธอขยันทำนาไถหว่านจึงจะร่ำรวยได้เหมือนกับข้าที่เก็บค่าเช่าก็พอ  ลูกนาได้ฟังก็ให้รู้สึกเป็นพระคุณยิ่ง และก็ยอมรับโอวาทของกงอี้  ต่อมาภายหลังก็ร่ำรวยขึ้นได้  นี่ก็เพราะกงอี้ยอมสูญเสียเพื่อประโยชน์ผู้อื่น  เป็นสิบแปดขันติ  ต่อมาภายหลังคนจึงเขียนกลอนให้

ลูกนาต้องอาศัยเจ้าของที่        สงบดีแปดชีวิตปลอดภัย
ยุติธรรมมาตรตวงอยู่ที่ใจ         รู้จักให้ช่วยคนโลกเจริญ

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                  ร้อยขันติ 

                 สิบเก้าขันติ   :  สงสารบรรพชนเขาที่ก่อสร้าง

        กล่าวถึงกงอี้มีความสงสารเพื่อนบ้านทางด้านซ้ายมือ  ช่วยซื้อบ้านไว้หลังหนึ่ง  กงอี้เห็นสภาพของอาคารมีความแข็งแรงและวิจิตร เห็นแล้วทำให้น้ำตาไหลโดยไม่รู้สึกตัว  จึงพูดกับเจ้าของบ้านว่า  บรรพชนของท่าน  ท่านที่ก่อสร้างบ้านหลังนี้ สิ้นเปลืองแรงกายแรงใจไปมาก  ต้องใช้ความวิริยะอุตสาหะมาก ตอนนี้จะต้องมาขายให้ข้า  ข้าเองก็เกรงว่าจะอยู่เสพสุขไม่ได้นาน  เจ้าของบ้านต่างสรรเสริญว่า ขอเพียงท่านกงอี้ยอมซื้อก็อยู่เสพได้ยืนนาน  ท่านเป็นผู้มีบุญวาสนาแท้จริงย่อมสามารถครองสมบัติชิ้นนี้ได้  พวกเราซิไม่ดีที่ไม่สามารถรักษามรดกของบรรพชนไว้ได้  กงอี้สงสารบรรพชนของเขาจึงยับยั้งชั่งใจ  เวทนาสงสารพวกเขา  ให้การเลี้ยงดูสงสารอย่างเอาอกเอาใจ  ต่อมาภายหลังพวกเขาก็ร่ำรวยขึ้น นี่ก็คือการกระทำต่อผู้อื่นด้วยความจริงใจ  เป็นขันติที่สิบเก้า  ต่อมาคนรุ่นหลังแต่งกลอนให้

เวทนาต่อผู้อื่นอย่างจริงใจ                  ผู้ลับไปกับผู้อยู่น่าเห็นใจ
ยังประโยชน์ทั้งสองฝ่ายผลบุญไว้        ยุติธรรมเป็นหลักชัยหาเลี้ยงชีพ

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                    ร้อยขันติ

                    ยี่สิบขันติ   :  ตักเตือนมิตรสหายให้ปรองดอง

        มีอยู่วันหนึ่ง  ขณะที่กงอี้ออกไปข้างนอก ระหว่างทางเห็นคนสองคนทะเลาะกันอยู่  กงอี้เข้าไปขวางหน้าแล้วห้ามปราม มีคนหนึ่งทำนักเลงชกกงอี้ล้มลง คนที่สองจึงเข้าขวาง  กงอี้ค่อย ๆ ลุกขึ้นแล้วกล่าวว่า ข้าเคยได้ยินมาว่า  ท่านหันสิ้นยอมคุกเข่ารับความอัปยศบรรพชนของข้าจางเหลียงยอมอ่อนน้อม  แต่ข้าก็ไม่กล้าที่จะเทียบกับท่านเหล่านั้น ความเห็นของผู้ใหญ่ และก็ไม่กล้าวิจารณ์เป็นศัตรูกับท่าน ขอถามท่านทั้งสองว่าชื่อเรียงเสียงอะไร ทำไมจึงมาทะเลาะกันที่นี่ คนหนึ่งจึงพูดว่า ข้าเรียก ชูไฉ  อีกคนก็พูดว่าข้าชื่อว่า หล๋อซิง  เพราะซื้อยาสูบมาขายให้ชูไฉ แต่ถูกคนปล้นไปก็ควรเป็นส่วนขาดทุนของเขา มันไม่เกี่ยวอะไรกับข้าหล๋อซิงเลย เขาต้องการให้ข้ารวมขาดทุนด้วย  กงอี้ถามว่าขาดทุนเท่าไร  หล๋อซิงตอบว่า หนึ่งพันสามร้อยอีแปะ  กงอี้พูดว่า ชูไฉท่านจะเอาอย่างไร นายไฉว่า ขาดทุนจะมาคิดที่ข้า ข้าเองก็ไม่มีเงินเลย กงอี้จึงพูดว่า ท่านทั้งสองไปที่บ้านของข้า จะมัวมาต่อยกันที่นี่ไม่ได้ ให้คิดถึงความเป็นมิตรสหายกันบ้าง ข้ายอมที่จะให้ท่านยืมเงินหนึ่งพันสามร้อยอีแปะแก่ชูไฉ  พอได้ยินแค่นั้น คนทั้งสองก็ดีอกดีใจตามกงอี้มาที่บ้าน กงอี้ก็นำเงินมอบให้ยืมตามจำนวนแถมยังนำสุรามาเลี้ยงคนทั้งสองให้คืนดีกัน กงอี้พูดถึงปรัชญาเก่าเคยพูดกันว่า  คนตายเห็นแก่เงินนกตายเห็นแก่กิน  ที่พูดเป็นความจริง ยังพูดต่ออีกว่าคนเป็นสัตว์ที่เยี่ยมที่สุด แล้วยอมตัวเพราะเงินน่าเสียดายนัก คนเราเกิดมามีชีวิตเป็นหลัก เงินทองเป็นสิ่งรอง คนเราจะมีเงินทองสำคัญกว่าชีวิตไม่ได้ หากเห็นเงินทองสำคัญกว่าชีวิตก็จะทำลายอนาคตเสีย เมื่อทั้งนาซูและนายหล๋อได้ฟังกงอี้ที่นำหลักประจักษ์โบราณมาพูดให้ฟังก็ให้รู้สึกเสียใจ ทำให้คิดได้ว่าวันนี้โชคดีที่ได้พบกงอี้ช่วยอธิบายแก่ผู้โง่เขลา ทั้งยังได้รับการต้อนรับอย่างดีทำให้รู้สึกเป็นบุญคุณมาก ก็ยังไม่รู้ว่าเมื่อไรจะได้ตอบแทน กงอี้พูดว่าทำไมต้องกล่าวเช่นนั้น คนเราอยู่ร่วมโลก เมื่อคราวลำบากก็ช่วยกันเกื้อกูล สิ่งที่ทำได้ไม่ได้หวังผลตอบแทนจึงไม่ต้องคิดมาก การเป็นคนก็ต้องรักษาความสุขส่วนตน ทำอาชีพค้าขาย ก็ต้องให้สังคมและประเทศชาติสงบสุข แล้วทั้งสองคนก็ลาจากไป นี่ก็คือกงอี้ช่วยประสานให้คนเชื่อมั่นในมิตรภาพ เป็นขันติที่ยี่สิบ ต่อมาคนรุ่นหลังแต่งกลอนให้

มหาวีรบุรุษเสี่ยงอันตราย             มุ่งหมายให้ปรองดองมิตรภาพ
เปรียบเปรยด้วยบุคคลโบราณ      กงอีหาญห้ามปรามขวางวิวาท

Tags:
 

มหาปณิธาน

พระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ (地藏王菩薩)

มหาปณิธานพระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ (地藏王菩薩)

“...เพื่อหมู่สัตว์ทั้งหกภูมิผู้มีบาปทุกข์ ข้าพเจ้าจะใช้วิธีการต่างๆ ช่วยให้หลุดพ้นจนหมดสิ้น แล้วตัวข้าพเจ้าจึงจะสำเร็จพระพุทธมรรค”