ร้อยขันติ
ยี่สิบเอ็ดขันติ : พี่น้องแซ่เต็งทะเลาะกัน
เพื่อนบ้านทางทิศใต้มีพี่น้องแซ่เต็งห้าคนเกิดทะเลาะกันต้องการแบ่งมรดกแยกครอบครัว พร้อมใจกันมาหาท่านกงอี้ เพื่อเป็นคนกลางช่วยเจรจาไกล่เกลี่ย พี่ชายคนโตพูดว่าบิดาจากไปนานแล้ว น้อง ๆ ของข้าก็ยังเด็กอยู่ ภาระครอบครัวจึงตกอยู่กับข้าทั้งหมด ตอนนี้จะมาแบ่งแยกครอบครัว ข้าก็คิดค่าแรง 200 เหรียญก่อน ืั้เหลือค่อยมาแบ่งเท่า ๆ กัน แต่น้อง ๆ ทั้งสี่คนไม่ยอม กงอี้จึงตักเตือนว่า เงินทั้งหมดต้องเอามาแบ่งเท่า ๆ กัน ไม่ต้องทะเลาะกัน พี่น้องก้ไม่ใช่ใครอื่น ไม่คาดคิดว่าพี่น้องคนโตร้ายกาจ ยกมือขึ้นต่อยกงอี้ล้มที่พื้น ปากก็ด่าทอแล้วจากไป กงอี้ลุกขึ้นมาได้ก็พูดกับน้องทั้งสี่คนว่า นิสัยของพี่ชายพวกเธอนักเลงมากพวกเธอทั้งสี่คนต้องอดทน สำหรับข้าไม่ถือสาหรอก พวกเธอยึดเวลาไปหน่อยอย่าใจร้อน มีคติกล่าวว่า กดดันเสือก็จะทำร้ายคน เรื่องร้อนปล่อยให้เย็นจะปลอดภัยกว่า นักปราชญ์สมัยก่อนกล่าวว่า ลิ้นอ่อนทนนาน ฟันแข็งหักเสียก่อน ข้าคิดอย่างนั้น อ่อนโยนที่สุดจะชนะ ที่มุทะลุรนหาภัย พี่น้องทั้งสี่คนถูกตักเตือนแล้วขอโทษกงอี้แล้วลาจากไป กงอี้เฝ้าคร่นคิดก็ไม่มีแผนการณ์อะไรจะตักเตือนเขาได้ ก็ให้มีคนหนึ่งมาบอกว่า พี่ชายบ้านแซ่เต็งเป็นคนเรียนหนังสือแล้วทำไมจึงแบ่งครัวไม่เสมอภาคเล่า เมื่อกงอี้ได้ฟังว่า พี่ชายแซ่เต็งเป็นคนเล่าเรียนมาก่อน ทันใดก็เกิดแผนการณ์ขึ้น จึงพูดว่า แผนการณ์ข้ามีแล้ว จึงเข้าไปยังห้องหนังสือแล้วเขียนกลอนขึ้นหน้าหนึ่ง แล้วส่งคนให้นำหนังสือไปให้ พี่ชายแซ่เต็งจึงเปิดออกอ่านว่า
พี่น้องอย่าทะเลาะกันบ่อยบ่อย แยกครัวถ้อยทีถ้อยเสมอ
พี่น้องฆ่าฟันไฉนเลิศเลอ พี่น้องดุจแก้วเกลอคนยกย่อง
เป็นพี่จัดการบ้านควรแบ่งปัน ทำไมกล้าหลงมุ่งมั่นคิดค่าแรง
ร่ำรวยชะตากำหนดไม่แอบแฝง ที่จนแล้งก็แจ้งอยู่เป็นไปเอง
สะสมทรัพย์คนรุ่นหลังรับ คนรุ่นหลังไม่มีบุญก็จนแล้ง
พ่อแม่ยังไม่คิดเป็นค่าแรง จะยากเข็ญจนแล้งก็เป็นไป
เธอเป็นอย่างนี้ก็ตามแต่เธอ ขอดูเธอจะชำระกรรมอย่างไร
พ่อที่วายแม่ที่อยู่คงไม่พอใจ มนุษย์ไซร์ทำผิดกรรมติดกาย
เอียงบนขืนล่างฟ้าไม่ยอม เอากำลังรังแกคนกวนจิตใจ
สวรรค์มีทางแต่คนไม่ไป นรกไม่มีประตูแส่ไปเอง
เพราะทรัพย์เสียสัตย์ลืมน้องยา ปราชญ์ภัทราหลักธรรมใด
ลองคิดเดรัจฉานมีธรรมไหม คนทำไมหาทุกข์ไม่สัมพันธ์
หากฟังคำข้าคิดกลับใจ ทรัพย์สินไหมหมื่นแสนไม่นำพา
ออกจากหลงเดินตามฝั่งคงคา พี่น้องหนาดีกันไว้เป็นบุญญา
พี่ชายเต็งอ่านจดหมายจบลงก็พูดว่า ท่านจางกงอี้นับว่าเป็นมหาบัณฑิต จึงเดินทางไปยังบ้านท่านกงอี้เพื่อกล่าวขอขมาด้วยตนเอง กว่าวว่าอันยาขมเป็นยาดีต่อโรค ท่านมีปิยะวาจาแม้จะแสลงหู ข้ามีตาหามีแววไม่ ไม่รู้จักขุนเขา หวังว่าท่านกงอี้จะให้อภัย ท่านกงอี้จึงกล่าวโศลกว่า พ่อแม่กำเนิดลูกเหมือนกิ่งก้าน พูดน้อยวาจาอย่าแสลงใจ มาพบกันครั้งหนึ่งให้แก่เฒ่า มีโอกาสสักแค่ไหนเป็นพี่น้องกัน ว่าแล้วนางเต็งก็เชื้อเชิญท่านกงอี้ ไปเลี้ยงที่บ้านเพื่อเป็นการขอขมาบาปที่ได้ล่วงเกินไว้ โดยกล่าวว่าท่านกงอี้มีน้ำใจกว้างขวาง คุณธรรมดุจมหาสมุทร วันนี้ขอเชิญท่านไปที่บ้านก็เพื่อฟังโอวาทท่านกง บัดนี้ข้ายินดีเอาทรัพย์สินมาแบ่งปันให้เสมอหน้ากัน เนื่องด้วยซาบซึ้งคุณธรรมอันยิ่งใหญ่ของท่าน แม้แก่เฒ่าก็จักไม่ลืมเลือน จากนี้ไปพวกเราที่บ้าน 5 คน ก็จะแช่มชื่นยิ้มบานเอามรดกมาแบ่งปันเท่า ๆ กัน ส่วนมารดาก้พลัดเปลี่ยนกันเลี้ยงดู ทั้งหมดนี้ก็ด้วยท่านกงอี้เห็นแก่พวกเราพี่น้องที่ไม่ปรองดองกัน นี่ก็คือขันติที่ยี่สิบเอ็ด ต่อมาคนรุ่นหลังจึงแต่งกลอนให้
ทนลบหลู่อัปยศไม่โกรธชัง หนึ่งพลังผูกพันจิตกาญจนา
หลักการนำคุณธรรมประจักษ์ดินฟ้า แม้ชื่อยังประดับฟ้าแซ่สวรรค์