collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: ร้อยขันติ : คำนำ  (อ่าน 57683 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
             ร้อยขันติ

           เจ็ดขันติ   :  ห้ามบิดาฟ้องวงศ์ญาติ

       เรื่องบิดาท่านกงอี้กับวงศ์ญาติมีความเห็นพ้องกันให้ขายต้นไม้ที่สุสานบรรพชน 8 ต้น  ได้เงินมากกว่าแปดสิบพันอีแปะ  บิดากงอี้ถูกวงศ์ญาติยื้อแย่งเงินไปจนหมด ความตั้งใจของบิดากงอี้ต้องการจะเอาเงินไปบูรณะสุสานบรรพชน  พวกวงศ์ญาติก็ไม่ยอมเอาเงินมาคืนให้  บิดาจึงคิดจะฟ้องร้องเอาเงินมาแบ่งปัน กงอี้จึงห้ามปรามบิดาว่า ด้วยเหตุผลของบิดาเหนือกว่าจึงคิดจะก่อความ บิดาถามว่าทำไม กงอี้จึงกล่าวว่า สมัยก่อนท่านจูเปอหลู่ว่า คนแซ่เดียวกันห้ามฟ้องร้องก่อคดี ผู้ก่อคดีจะพินาศในที่สุด  ท่านปราชญ์ขงจื่อว่า  ต้องไม่มีคดี  ถ้าหากถามบิดาว่าเอาเงินบูรณะสุสานเป็นความเชิดชูคุณธรรมของบรรพชนแล้วก็สมควรแบ่งปันมา แต่ต้นไม้เป็นต้นกำเนิดของน้ำ ต้นธารติดต่อถึงราก มีที่รุ่งเรืองและตกอับไม่เสมอกัน เห็นเขาทุกข์แล้วไม่ช่วยเหลือ  แบบนี้แล้วท่านบิดาจะมีความหมายของหลักบรรพชนสมบูรณ์อย่างไร  วงศ์ญาติยากจนแต่ไม่ประจบประแจงก็เปรียบเหมือนสุภาพชนที่ค่นแค้น เอาเงินนี้ไปทำงานเพราะมันเป็นการบีบคั้นทางครอบครัวที่ทำอะไรไม่ได้ แล้วยังไม่ได้มาร้องทุกข์กับบิดา อาจเป็นเพราะใจไม่หนักแน่นมีความละอายก็ได้ ถ้าหากเขาเอาไปทำทุนแล้วร่ำรวยขึ้นมาก็ถือเป็นหน้าตาของวงศ์ญาติ เมื่อมีหน้าตาก็เป็นหน้าตาของบรรพบุรุษที่คุ้มครองให้ชนรุ่นหลัง ท่านบิดาก็พลอยได้ชื่อไปไม่น้อย หวังว่าท่านบิดาจะตรึกตรอง บิดาว่าตามความเห็นของเธอ คนรุ่นหลังมีประโยชน์อะไร เหมือนท่านจูเปอหลู่ว่า บรรพชนแม้จะห่างไกล (หลายชั่วโคตร) แต่การเซ่นไหว้ไม่ศรัทธาไม่ได้ ถ้าหากจะนับถือศรัทธาไม่บูาณะสุสานให้สวยงาม ให้เป็นแบบอย่างของคนรุ่นหลังได้อย่างไร แถมยังตัดต้นไม้หน้าสุสานให้กระทบกระเทือนวิญญาณสุสาน หากไม่เซ่นสรวงขอบคุณ ที่สุดก็จะไม่เป็นมงคล วงศ์ญาติไม่มีเหตุผลอย่างยิ่ง แล้วยังไม่ถูกฟ้องร้องอีก เธอยังเด็กมาก จะมาขัดขวางข้าได้อย่างไร  กงอี้ร้องไห้กล่าวว่า ผีเจ้าเป็นผู้มีคุณธรรมมาก ไม่มีหรอกที่เจ้าจะไม่ศักดิ์สิทธิ์ เพราะใจทำให้ศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีหรอกที่ผีจะไม่ตอบสนอง มโนกรรมได้ผ่านการตอบสนอง บรรพชนขณะมีชีวิตอยู่เป็นคน ภายหลังตายแล้วเป็นเจ้า วงศ์ญาติเบียดบังเงินขายต้นไม้เป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ท่านบิดาทำร้ายความสัมพันธ์วงศ์ญาติเป็นเรื่องใหญ่ ผู้ใหญ่มาเห็นก็คงไม่สนับสนุน เก้าชั่วโคตรเกรงกลัววิญญาณผีบรรพชนจะทำโทษ การทำลายความสัมพันธ์ไม่เป็นธรรม ขอให้ท่านบิดาพิจารณา ทำไมไม่เอาเงินของบ้านไปบูรณะสุสาน ถ้าจะฟ้องร้องเอามาบูรณะสุสานเกรงว่าจะสูญเสียความมุ่งหมายของกตัญญู  ท่านบิดาโปรดคิดดูให้ดีจะได้ไม่เสียใจภายหลัง บิดาจึงว่า ไปบอกพวกเขาให้ฟังชัดเจนไม่เอาความ ทำให้พวกเขารู้สึกพอใจกันใหญ์ จากนั้นก็อดออมมัธยัสถ์ กินใช้แต่น้อย ในที่สุดก็ร่ำรวยขึ้น  นี่คือการห้ามปรามบิดาฟ้องร้องเป็นขันติที่เจ็ด ต่อมาภายหลังก็มีผู้เขียนกลอนว่า

ห้ามพ่อทำลายความสัมพันธ์วงศ์ญาติ     เหมือนสะพานชำรุดบูรณะใหม่
ผีปู่ซาบซึ้งคอยคุ้มครองให้                    ดั่งนาเงินปลูกหยกได้บัวสุวรรณ

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
             ร้อยขันติ   

            แปดขันติ   :  คบเพื่อนบ้านด้วยธรรม

        วันหนึ่งท่านกงอี้กับบิดาเดินทางผ่าสุสานบรรพชน เห็นเพื่อนบ้านตระกูลหลี่ปล่อยวัวมาเหยียบย่ำสุสาน  บิดากงอี้ก็จูงวัวไล่มาต่อว่าบ้านตระกูลหลี่ กงอี้ห้ามพ่อว่า เรื่องเล็กน้อยทำไมต้องไปทะเลาะกัน บิดาว่า  เหยียบย่ำบ้านบรรพชนเหมือนฆ่าข้า จะว่าเป็นเรื่องเล็กหรือไง  กงอี้ว่า  อันนี้เป็นเพราะท่านบิดายามปกติก็ขาดการติดต่อกับเพื่อนบ้านจึงเกิดเรื่องนี้ขึ้น  ถ้าหากเอามารยาทต้อนรับเพื่อนบ้านก็จะระมัดระวังป้องกัน บิดาว่าทำอย่างไร  กงอี้ว่า  ก็ให้เชิญท่านหลี่มาที่บ้านของเรา จัดอาหารสุรารับรอง เขาก็จะระมัดระวังไปเอง และก็จะเซ่นสรวงสุสานตอบแทน  วันต่อมาก็เชิญท่านหลี่มาที่บ้านแล้วตั้งใจเลี้ยงดูด้วยอาหาร สุรา  แล้วก็เรียนห้ามปราม  ตระกูลหลี่รู้สึกขอบคุณ  เมื่อกลับถึงบ้านก็มีคำสั่งให้คนพากันไปทำพิธีขอขมาที่สุสานกงอี้  และก็ไม่ไปก้าวล้ำอีกเลย นั่นเป็นเพราะกงอี้คบเพื่อนบ้านด้วยธรรมเป็นขันติที่แปด  ต่อมาภายหลังก็มีผู้เขียนกลอนว่า

ซื้อที่ไม่เหมือยผูกบุญสัมพันธ์        กงอี้นั้นคุณธรรมใหญ่ไม่ต้องเดา
ในโลกนี้แก่งแย่งชิงกันไม่เบา        ดอกบานเช้ามากหลายไม่รู้ปลูก

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
             ร้อยขันติ     
 
             เก้าขันติ   :   เจริญธรรมอภัยเพื่อนบ้าน

        เพื่อนบ้านทางทิศตะวันออก แซ่อี้ง  เพราะมีวัวหลุดมาจากที่ขังจึงเข้ามากินต้นกล้าในที่นาของกงอี้ เสียหายไปมากอยู่ บิดาของกงอี้พบเข้าก็จับเอาวัวไว้แล้วแจ้งเรื่องแก่บ้านแซ่อึ้ง  ก็ให้พอดีคนแซ่อึ้งกำลังเมาสุราอยู่จึงพูดจาหยาบคายถือไม้ตะพรตจะตีบิดาของกงอี้  กงอี้รีบเข้าไปห้ามปราม รีบคืนวัวให้กับคนข้างเคียงไป  แล้วก้มศรีษะลงขอขมาโทษเพื่อนบ้าน แล้วก็เตือนบิดาให้กลับบ้าน  แต่บิดาก็ยังโกรธไม่หาย  กงอี้ก็คุกเข่าลงห้ามปรามบิดาว่า ขอท่านบิดาอย่าได้ถือโกรธ  คนเขาว่า  พันชั่งซื้อกิจการแปดร้อยซื้อเพื่อนบ้าน  อาหารสุราผูกญาติแดนไกล  โจรไฟก็มองทั้งสี่ทิศ  ตระกูลอึ้งแม้จะมีความผิด ก็คิดเสียว่าคนเมาสุรา  ก็ควรที่จะหลบหลีกเสียก่อน สุภาพชนต้องมีใจให้อภัยผู้อื่น  บิดาว่า  มิใช่ว่าข้าจะไม่อภัยเขา  แต่ไม่ใช่ปล่อยให้เขาทำอันธพาลจนเคยตัว  กงอี้ว่ายอมให้เขาจะได้ประโยชน์มาก  บิดาว่า  ประโยชน์ได้มาจากไหน  กงอี้ว่า  หลักธรรมฟ้าให้มา  โบราณว่า  ยอมเขาไม่ใช่ขี้ขลาดปล่อยให้เขาเจอะดีอย่างอื่นบ้าง  บิดาก็ว่าใช่  พอวันรุ่งขึ้นคนแซ่อึ้งก็มาที่บ้านเพื่อขอโทษ  พ่อลูกกงอี้ถามว่า ทำไมต้องเหน็ดหเนื่อยมาขอโทษ คนแซ่อึ้งว่า เมื่อวานดื่มเหล้าเมามายทำเสียมารยาทต่อท่านพ่อ พูดมาก พอหายเมาแล้วได้ยินภรรยาบอกถึงเรื่องที่เกิดขึ้น  บอกว่าท่านยอมให้แก่เราแถมยังมาขอโทษเราด้วย  ทำแบบนี้ก็เกรงว่าจะเป็นการหักลดบุญของเราไปหมด หากเราไม่มาขอขมา ก็เกรงว่าฟ้าจะทำโทษ ข้ามันโง่ได้ฟังแม่บ้านว่ามาอย่างนี้ ขอท่านอย่าหัวเราะเยาะข้าเลย  กงอี้ว่าภรรยาของท่านเป็นยอดศรีเรือน นั่นเป็นเพราะกงอี้เจริญธรรมให้อภัยเพื่อนบ้าน เป็นขันติที่เก้า ต่อมาภายหลังก็มีผู้เขียนกลอนว่า

การยอมให้คนได้ประโยชน์มาก        หินหยกหากพูดไปไม่มีค่า
แม่ศรีเรือนช่วยสามีเหนือประชา       นามลือชาให้คติกฏเกณฑ์ดี

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
             ร้อยขันติ   

            สิบขันติ   :  เมาสุราไร้มารยาทตัวตาย

        งานมงคลสมรสของกงอี้แต่งภรรยาแซ่ตั้ง (เฉิน)  งานเลี้ยงมีเพื่อนฝูงญาติมิตรเต็มบ้าน ภายในงานมแขกคนหนึ่งแซ่ชิ้ง ก็มาร่วมงานด้วย พอเมาสุราได้ที่ก็ลุกขึ้นชี้มาที่กงอี้แล้วพูดว่า วันนี้งานศพข้าดื่มเหล้ามากแล้ว รีบส่งข้ากลับบ้านเร็ว ๆ  ญาติมิตรได้ฟังคำไม่เป็นมงคลก็จะเข้ามาทำร้ายเขา กงอี้รีบหยุดยั้งว่า  เมาแล้วพูดจาเลอะเทอะอย่าถือสา สุภาพชนจะไม่ถือสาแขกดื่มสุรา เขาพูดว่างานศพไม่รู้ว่างานศพของใคร เรียกร้องให้ไปส่งเขาอาจมีเหตุปัจจัย  หากข้าไม่ไปส่งเขาก้เกรงว่าจะมีเคราะห์มาถึงข้าได้ พวกท่านญาติมิตรอย่าทำแบบนี้ก็แล้วกัน หมู่ชนพากันหัวเราะกงอี้ว่า ขี้ขลาดอ่อนแอ  กงอี้ก็พาเขาไปส่งที่บ้านแล้วร้องเรียกคนในบ้านเขาให้ออกมารับเข้าบ้าน  แล้วกงอี้ก็กลับมา  วันรุ่งขึ้นได้ข่าวว่า คนบ้านแซ่ชิ้งพอกลับถึงบ้านก็ขึ้นไปนอนที่ห้องนอนชั้นบน  พอนอนจนถึงเที่ยงคืนก็ให้ปวดปัสสาวะ เดินพลาดตกบันไดห้วแตกตาย  นี้ก็เพราะดื่มสุรามากเกินไปจนเสียชีวิต  เพราะฉะนั้น  มนุษย์ผู้ดำเนินชีวิตก็มักถูกทำร้ายจากสุรานารี ทรัพย์สมบัติ  พูดแต่สุราอย่างเดียว ดื่มเล็กน้อยก็บำรุงหัวใจโลหิต ถ้าดื่มมากก็ทำลายร่างกาย ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน สุราทำลายคนนับจำนวนไม่ได้ไม่รู้เท่าไร ก็เหมือนนายชิ้งที่ดื่มสุราเมามายพูดจาไร้มารยาท พบกับกงอี้ที่มีน้ำใจจึงไม่เกิดเรื่องขึ้น ทำให้คนรุ่นหลังสรรเสริญ การให้อภัยคนก็พ้นเคราะห์เป็นขันติที่สิบ  ต่อมาภายหลังก็มีคนเขียนกลอนให้

เมาสุราฟั่นเฟือนเลือนสติ        ธรรมมิติที่มืดซ่อนกลไก
หมู่ชนล้วนไม่รู้เหตุเป็นไป        ฟ้าคุ้มภัยให้กงอี้พ้นเคราะห์

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
            ร้อยขันติ     

           สิบเอ็ดขันติ   :   ผ่อนปรนที่ดินให้ผู้ยาก

        เรื่องมีอยู่ว่าคนในตระกูล จางหยวนมู่ เชิญกงอี้และบิดาไปตรวจดูเขตที่ดินสุสานบรรพชน ด้วยตระกูลหลู่ล้ำเขตที่ดินของสุสานมาหลายวา เพราะฉะนั้นจึงเชิญคนตระกูลหลู่มาพบหน้ากันเพื่อยืนยันเขตที่ดิน  ฝ่ายหลู่ว่าเป็นที่ดินของเขามานานแล้วจะกล่าวหาว่าลุกล้ำได้อย่างไร บิดาของกงอี้ว่า ข้าได้ยินบรรพชนเคยบอกไว้ว่า เขตที่ดินจะมีหลักปูนฝังเอาไว้ทั้งสี่ทิศ  วันนี้เรามาขุดดูหลักปูนกันเพื่อให้เห็นกระจ่าง ก็พบว่าฝ่ายหลู่เป็นผู้บุกรุกที่ดินจริง ทางหลู่ก็เลยพูดไม่ออก คนรอบข้างก็พุดขึ้นว่าบุกรุกที่ทำกินควรเสียค่าเช่า ทำกินไป  8 ปี  ต้องเป็นค่าถั่วหนึ่งตันแปดถัง แล้วให้คืนที่ดินกับตระกูลจาง แต่บ้านแซ่หลู่มีฐานะยากจนคนก็มากทั้งยังจะเอาค่าเช่าอีกหนึ่งตันแปดถัง ก็ถึงกับหลั่งน้ำตา กงอี้ก็ว่า ก็ให้ยึดงวดผ่อนส่ง แล้วจึงเชิญคนรอบข้างมาเลี้ยงสุราอาหารตอบแทน แล้วกงอี้ก็พูดว่า วันนี้ได้รับความอนุเคราะห์จากพวกท่านมาเป็นคนกลาง สมควรตอบแทน แต่ที่ดินบรรพชนจะถูกบุกรุกไปทำกินเพราะมีอาณาเขตกว้างขวางปล่อยให้รกร้าง บ้านหลู่ฐานะยากจน เงินทองขัดสนมีความลำบากก็ขอวอนพวกท่านไปบอกบ้านหลู่ บอกเขาไม่ต้องเสียค่าเช่าที่ดิน ที่ดินที่พวกเขารุกล้ำก็ปล่อยให้พวกเขาทำกินต่อไป คนรอบข้างก้กล่าวว่า บ้านหลู่บุกรุกที่ดินไม่มีเหตุ ดีที่มาพบกับท่านที่มีน้ำใจกว้าง เป็นผู้เมตตา ธรรมโดยแท้ก็ไม่รู้ว่าคนในตระกูลท่านจะว่าอย่างไร  กงอี้ว่า คนในตระกูลข้าก็สามารถจะพูดให้พวกเขายอมผ่อนปรนได้ พวกคนรอบข้างจึงยกย่องว่า ท่านจางเป็นผู้มีน้ำใจกว้างขวางจริง สั่งสมบุญกุศลมากมาย กงอี้จึงว่า ไม่ใช่มารับบุญกุศลอะไร เป็นด้วยสำนึกถึงคนที่ไม่มีความกตัญญูบรรพชนเมื่อมีชีวิต เมื่อปีก่อน ๆ ก็อาศัยโอกาศครั้งนี้ บุญกุศลที่ผ่อนปรนที่อุทิศให้ไปวิญญาณบรรพชนได้รับบุญกุศลในยมโลก เรียกได้ว่าได้ผลประโยชน์ทั้งคนเป็นคนตาย ถ้าไม่ใช่ถึงที่สุดก็ไม่สามารถถอนทุกข์ได้สำเร็จ คนทั้งหลายจึงว่า คำพูดของท่านจาง เหมือนทำให้คนหู้หนวกหายหนวกให้รู้สึกละอายที่ปีก่อน ๆ เราไม่รู้ ถึงแม้คนในตระกูลจะเรียนหนังสือกันมากแต่ก็ไม่ก้าวหน้า เป็นด้วยเรื่องสุสานทำลายบุญกุศล ถ้าหากท่านได้ชี้แจงเสียทีแรกก็จะไม่ต้องแก่งแย่งเขตสุสานกัน ทำให้ต้องฟ้องร้องกันถึง 12 ครั้ง บ้านเราก็ไม่ถึงกับต้องเสียหาย หากตามที่ท่านว่ากล่าวผ่อนปรนเขตแดนเป็นบุญกุศลเต็มเปี่ยมเป็นการอันเชิญญาติบนสวรรค์ ซึ่งเป็นหลักธรรมแท้จริง หมู่ชนแจ้งข่าวให้บ้านหลู่ทราบ  พอบ้านหลู่ได้ฟังก็คลายโศก ต่างพากันยินดี ต่างซาบซึ้งในบุญคุณของกงอี้ จะจดจำพระคุณไปจนแก่เฒ่า เรื่องนี้พูดกันต่อ ๆ จนไกลออกไปถึงร้อยลี้ จากนั้นมาเขตแดนสุสานก็ไม่ถูกบุกรุกอีกเลย การผ่อนปรนของกงอี้ครั้งนี้ถืนเป็นบุญของบรรพชนเต็มเปี่ยม เป็นขันติที่สิบเอ็ด ต่อมาคนรุ่นหลังเขียนกลอนให้

เรื่องดีควรเรียนอย่างปราชญ์อริยะ     ให้คนรุ่นหลังวิริยะปลูกนาบุญ
ชักนำคนรอบข้างพร้อมร่วมบุญ         ย้อนระลึกบรรพบุรุษฉลองสมบูรณ์

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                  ร้อยขันติ     

                 สิบสองขันติ  :   ถูกหลอกให้ช่วยซื้อวัว

        วันหนึ่่ง  กงอี้ถูกไหว้วานจากแม่หม้ายแซ่อื้อ สองแม่ลูก ให้ช่วยซื้อวัวจากตรอกโคกระบือตัวหนึ่งราคาแปดพันห้าร้ายอีแปะ  กงอี้จึงนำเงินไปวางมัดจำกับเจ้าของวัวแซ่กังเป็นเงินห้าพันอีแปะ  เงินที่เหลือจะจ่ายให้ครั้งหน้าเมื่อมาเอาวัว  คาดไม่ถึงเจ้าของวัวแซ่กังคิดจะโกงไม่ยอมมาพบหน้า ส่วนกงอี้ก็รอจนค่ำจึงกลับบ้าน แต่ก้ได้เอาเงินคืนให้แม่ลูกแซื่อื้อครบเต็มจำนวน เวลาผ่านไปหลายเดือน ก็ได้ข่างคนแซ่กังล้มป่วยจนตาย  และในเวลาคืนวันสาร์ทไหว้พระจันทร์ ขณะที่กงอี้นั่งสมาธิอยู่ ทันใดก็เห็นคนแซ่กังมาหา แล้วบอกว่าจะมาชำระเงินค่าวัว กงอี้รู้สึกตกใจพูดว่า ได้ข่าวว่าท่านตายแล้วไม่ใช่เหรอ หรือได้ข่าวผิดพลาดไป เขาไม่ยอมตอบคำถาม แต่ก็เดินไปทางคอกวัว กงอี้ไม่เข้าใจความหมาย จึงจุดตะเกียงแล้วเดินไปที่คอกวัว  ก็ให้เห็นแม่วัวกำลังตกลูกวัวตัวหนึ่ง กงอี้ถึงกับสะดุ้งว่า  เป็นหนี้กลายเป็นวัวมาใช้หนี้ กรรมมีจริงแท้เชียว ต่อมาลูกวัวตัวนี้ก้ขายได้เท่าราคาของหนี้พอดิบพอดี นี้คือประจักษ์พยานที่กงอี้ถูกหลอกลวง ข่าวได้แพร่ออกไปสู่ชาวบ้าน ทำให้ชาวบ้านพลอยไม่กล้าคดโกงเอาเงินทองที่ชอบธรรม  ทุกคนต่างรักษาความเป็นธรมของตนไว้การคดโกงหรือหลอกลวงไม่เกิดขึ้น  สังคมก็อยู่ด้วยความสงบสุข นี่ก็ถือเป็นความอดทนของกงอี้เป็นขันติที่สิบสอง ต่อมาคนรุ่นหลังก็เขียนกลอนให้

แม่หม้ายลูกกำพร้าน่าสงสาร             พบคนพาลหลอกเงินซื้อวัวคืนให้
น่าหัวเราะกลายเป็นวัวทุกข์แบกไถ่    เป็นเหตุให้สังคมต่างร่วมรักษ์ธรรม

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                 ร้อยขันติ   

               สิบสามขันติ  :  สอนภรรยาให้รู้กตัญญู

        กงอี้เห็นภรรยามีนิสัยหยิ่ง  ไม่รู้จักปฏิบัติต่อบิดามารดา  จึงเอ่ยวาจาเอาธรรมะสอนภรรยา ให้หมั่นจดจำก็จะได้รับการยกย่องเป็นกุลสตรี  อันสามีภรรยามีบุพเพสันนิวาสมาก่อน ปัจจุับันจึงได้ร่วมเรียงเคียงหมอน  บิดามารดายิ่งใหญ่ดุจฟ้าดิน  การเลี้ยงดูต้องให้จริงใจศรัทธา  บิดามารดาดุว่าก็ให้ยอมรับโดยดี  จะต่อปากต่อคำไม่ได้  จะมีบาปกรรม  และก็เป็นที่นินทาของชาวบ้าน  ถ้าเธอกตัญญูสุดกำลัง ลูกหลานก็จะเอาอย่าง  หากต้องการร่ำรวยมีความสุขก็ให้รีบ ๆ กตัญญูเสียแต่เนิ่น ๆ  เทพเจ้าก็พลอยยินดีด้วย  ลูกหลานก็มีบุญวาสนายืนยาว    ภรรยาจึงว่า  ท่านที่สอนข้าให้กตัญญู  แล้วเทพเจ้าจะยินดีทำไม  กงอี้ฟังแล้วก็พูดว่า ข้าจะบอกให้  เทพเจ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์เอาความกตัญญูเป็นหลักการ  นอกนั้นก็บ่มเลี้ยงจิตจนสำเร็จเป็นเซียน  เมื่อบารมีเต็มเปี่ยมก็ละร่างลาโลก  ยมทูตก็จะรายงานต่อสวรรค์  ท่านเง็กเซียนฮ่องเต้ก็จะแต่งตั้งเป็นเทพเจ้า จึงได้รับการกราบไหว้จากประชาชน  ขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ไม่รู้จักกตัญญู พอตายก็จะตกนรกหมกไหม้ ถ้าหากตั้งใจกตัญญูถึงที่สุด แม้จะเป็นปุถุชนก็ขึ้นสวรรค์ได้ นับตั้งแจ่โบราณมาบรรดาเทพ  ปราชญ์อริยะ  เซียนพุทธล้วนถือความกตัญญูเป็นอันดับหนึ่ง   ภรรยาจึงถามว่า  ท่านเรียกข้าให้กตัญญู  จะต้องเริ่มต้นทำอย่างไร  ขอท่านช่วยชี้แนะด้วย  กงอี้ว่า  ฟังข้าว่าจะบอกให้   กลางคืน  ให้ตรวจดูที่หลับที่นอน  ทั้งหมอนผ้าห่ม  เสื้อชุดนอนสะอาดหรือไม่  เช้าขึ้นมาก็ถามไถ่ถึงสุขภาพ ตามด้วยยกน้ำให้ล้างหน้า  ยกชาให้ดื่ม  ต่อจากนั้นก็จัดอาหาร เครื่องดื่มให้พร้อม  หากบิดามารดามีอารมณ์ว่ากล่าวตักเตือนให้คล้อยตาม ทุกอย่างก็จะเป็นไปตามธรรม ไม่เอนเอียง
         ภรรยาจึงตอบว่า จะกตัญญูให้ถึงที่สุด  แล้วท่านที่จะกตัญญูต้องทำอย่างไรบ้าง  กงอี้ว่า  ข้าก็ตั้งใจรับเลี้ยงดูด้วยความยินดีด้วยสีหน้าที่ดี  เช้าค่ำก็จะประหยัดไม่เผลอเรอ  จะระมัดระวังไม่ให้หนาวหรือร้อน จะให้เย็นสบายอยู่เสมอ  จะสักการะสิ่งศักดิ์สัทธิ์เพื่อให้เทพเจ้าเมตตาสงสาร ให้เห็นคุณงามความดี จะบอกกล่าววิญญาณบรรพชนปกปักษ์รักษาให้บิดามารดา แข็งแรง  พบเห็นแต่สิ่งเป็นมงคล ให้มีอายุมั่นขวัญยืน
        พระองค์ว่าทำตามที่สอนด้วยความเคารพ  ขอให้ท่านช่วยชี้แนะทุกขณะ  นี่คือความกตัญญูของภรรยากงอี้ เป็นความอดทนที่สิบสาม ต่อมาคนรุ่นหลังจึงแต่งกลอนให้

ธรรมแห่งสามีภรรยาดุจดั่งทอง             ใจงามผ่องวิธีดีเป็นโอวาท
ไม่เหมือนคู่สามัญที่สันนิวาส                สุดสวาทชอบทำหน้าอย่างหลังอย่าง

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
             ร้อยขันติ   

            สิบสี่ขันติ   :    สืบทอดอุดมการณ์บิดา

        มีอยู่วันหนึ่ง  บิดากงอี้สั่งให้กงอี้ไปเตรียมน้ำอาบ  กงอี้ก็ไเตรียมน้ำอาบตามคำสั่ง  ทั้งยังสั่งกงอี้ให้เตรียมเสื้อผ้า  กงอี้ส่งเสื้อผ้าเข้าไปให้ บิดาใส่เสร็จก็ออกมายังห้องโถงแล้วนั่งลง สั่งให้กงอี้คุกเข่าลงฟังโอวาทบิดากงอี้ก็พูดเป็นกลอนออกมาบทหนึ่ง เสร็จแล้วก็ร่ำลาสิ้นชีพ กงอี้เศร้าโศกเสียใจอย่างมาก แล้วก็ตระเตรียมงานศพต่าง ๆ วุ่นวายมาก จนกระทั่งเสร็จงานฝังศพ ก็นอนเฝ้าหลุมศพอย่างยากลำบากเป็นเวลา 49 วัน  จึงกลับมาที่บ้าน เมื่องานศพจบลงแล้ว พวกญาติเห็นงานพิธีเรียบร้อย และเต็มไปด้วยความตั้งใจ ทั้งยังปล่อยสัตว์ไปอีกหนึ่งพันชั่ง เสียค่าใช้จ่ายไปมาก  จึงพูดจาติติง กงอี้ก็เชิญพวกญาติให้มารวมตัวกันที่ห้องโถง แล้วก็นำเอาบทกลอนที่บิดาให้ไว้ อ่านด้วยเสียงกังวาน พร้อมกับอธิบายความหมายของกลอน กลอนโอวาทมีดังนี้

คำโอวาทมอบไว้พึงรักษา             เชิดหน้าชูตระกูลมีศักดิ์ศรี
บุญล้นสั่งสมมงคลสืบพันปี           ทำคุณดีกุศลส่งหมื่นรุ่นโรจน์
ขันติผ่อนปรนพูนทรัพย์ทวี            ธรรมเต็มปรี่ก้าวขึ้นเมฆาลัย
วินัยสามหลักสัมพันธ์มั่นคงไว้        ข้ากลอมเกลาลมเย็นใสเงาเดือนเฉียง

        กงอี้เอาบทกลอนอธิบายให้พวกญาติ ทำให้พวกญาติต่างเข้าใจ นี่ก็คือกงอี้ผู้สืบเจตนารมณ์ของบิดา  ถูกกล่าวตำหนิก็ไม่ถือโกรธเป็นขันติที่สิบสี่  ต่อมาคนรุ่นหลังก็เขียนกลอนให้ว่า

พระคุณค้ำหนักหัวโศกหนักใจ             โอวาทให้สืบทอดเจตนา
เก้าชั่วคนกตัญญูมีเมตตา                    ใจหรรษารับสืบดุจบัวขาวบาน

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
             ร้อยขันติ   

            สิบห้าขันติ   :  กงอี้ซื้อนาให้วงศ์ตระกูล

        กงอี้มีญาติคนหนึ่งเรียกชื่อว่าอาใช้ มีนิสัยดื้อแข็ง ปกติก็ไม่ค่อยยอมฟังกงอี้สอน ด้วยครอบครัวจ่ายสุรุ่ยสุร่าย จึงได้เอามรดกที่เป็นส่วนแบ่งเป็นที่นาออกมาขายให้คนแซ่หวัง โดยที่กงอี้ไม่รู้เรื่อง แต่คนทางตระกูลหวังรู้จักกงอี้ดี รู้ว่ากงอี้เป็นคนซื่อสัตย์อดทนผ่อนปรน แต่ก็ไม่ได้แจ้งให้กงอี้ทราบแต่อย่างไร ต่อมาภายหลังเกิดข้อพิพากฟ้องร้องกันขึ้น เนื่องด้วยราคาของที่นาว่ากันไม่แน่นอน กงอี้ก้พลอยรู้เรื่องเข้า จึงเรียกอาใช้มาถามว่า  นี่น้องใช้ตอนนี้เธออายุยังน้อยก็เลยไม่รู้ว่าบรรพชนก่อร่างสร้างตัวด้วยความยากลำบาก แต่ก็มิใช่ว่าข้าจะซื้อขึ้นมาไม่ได้ เพราะตอนนี้ก็ได้ขายให้กับคนนอกตระกูล  ถามหน่อยว่า วันข้างหน้าจะไปพบหน้าบรรพชนในยมโลกได้อย่างไร  ส่วนอาใช้เมื่อถูกกล่าวตักเตือนเช่นนี้ก็ให้เข้า ก็บอกให้พี่ช่วยซื้อกลับมา กงอี้ก็ยับยั้งว่า  ข้าคงไม่อดทนที่เขาซื้อไปอย่างถูกต้อง แล้วใจของเธอกระอักกระอ่วนทำใจไม่ได้ เลยทำให้คนต่อมาแย่งซื้อ แล้วตอนนี้ก็เกิดเป็นคดีความขึ้น เป็นคดีความแล้วมาแย่งชิงกันอย่างนี้ ข้าอดทนไม่ได้ คนทางแซ่หวังได้ข่าว ก้คิดจะยอมขายให้กับกงอี้ แต่กงอี้ไม่ยอมรับ ญาติมิตรก็ช่วยกันพูดเพื่อให้คดีสิ้นสุดลง  กงอี้ก็เลยตัดสินใจซื้อไว้ครึ่งหนึ่ง  แล้วยกให้บรรพชนเป็นส่วนรวม ให้วงศ์ตระกูลได้ผลประโยชน์ อันนี้ก็เป็นความเมตตาผ่อนปรนของกงอี้เป็นขันติที่สิบห้า ต่อมาคนรุ่นหลังเขียนกลอนให้

ญาติตระกูลสร้างกังวลทำวิบัติ        เอาสมบัติตระกูลขายคนนอก
ระลึกคุณบรรพชนจึงต้องออก          เข้าแทรกสอดซื้อคืนกึ่งเช่นสุสาน

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                ร้อยขันติ   

               สิบหกขันติ   :  ตักเตือนเพื่อนบ้านให้กตัญญู 

        วันหนึ่ง   กงอี้ว่างอ่านหนังสืออยู่กับบ้าน ก็ให้มีคนแก่แซ่่อู๋ เป็นเพื่อนบ้านมาหา เขามาระบายความในใจให้กงอี้ฟังว่า เขามีบุตรอยู่ 4 คน  ต่างก็แยกย้ายกันอยู่คนละที่ ทุกบ้านผลัดกันเลี้ยงดูพ่อแม่ นอกจากบุตรคนที่ 3 ที่ไม่กตัญญู พอไปที่บ้านเขาทีไรก็พูดจาหยาบคาย จึงมาหาท่านเพื่อขอคำปรึกษาว่ามีวิธีไหนพอที่จะแก้ไขได้  กงอี้ว่า สมัยก่อนท่านเมิ่งจื่อว่า ระหว่งบิดากับบุตรไม่หารือไปในทางที่ดี ถ้าหารือดีก็จะไม่ขาดกัน ไม่ทราบว่าบุตรท่านเคยร่ำเรียนโลงกลอนมาหรือไม่  ผู้เฒ่าตอบว่า เคยเรียนหนังสือมา 10 ปี เพราะหลงใหลอยู่กับผลประโยขน์ กงอี้ถามว่าตามความเห็นของท่าน อยากแจ้งทางการแก้ไขหรือไม่ หรืออาศัยคนตักเตือนก็พอ ผู้เฒ่าว่า หวังให้ท่านช่วยสอนแนะ กงอี้ว่า เรื่องบุตรอกตัญญูตามหลักการควรหาทางแก้ไข แต่ด้วยคุณสัมพันธ๋พ่อลูกของท่านมีมาก  ผู้เฒ่าว่าไม่มีใครตักเตือนลูกอกตัญญูให้รู้สึก แล้วจะรู้จักคุณสัมพันธ์พ่อลูกว่าหนักอย่างไร กงอี้จึงรับคำช่วยตักเตือนให้ท่านผู้เฒ่าทันที แล้วผู้เฒ่าก้กราบลาไป  ไม่ทันคาดคิดอู๋ซันลุกอกตัญญูตามมาด่ากงอี้ กล่าวหาว่ากงอี้กับพ่อคิดแผนการทำร้ายเขา  กงอี้พูดจาปลอบเตือนด้วยดี อู๋ซันจึงกลับบ้านไป  กงอี้ใคร่ครวญอยู่ตั้งนาน ไม่ณุ้จะตักเตือนท่าไหนดี  หวนคิดถึงอู๋ซันได้ร่ำเรียนหนังสือมา 10 ปี คิดว่าคงสามารถเข้าใจหลักธรรมได้ จึงเขียนหนังสือมาว่ากล่าวตักเตือน เป็นคำพูดธรรมดา ๆ ฉบับหนึ่ง แล้วเรียกคนนำไปให้อู๋ซัน  ดูซิว่าจะตอบกลับมาหรือไม่  กล่าวฝ่ายอู๋ซันเมื่อได้รับหนัังสือเห็นว่าเป็นของกงอี้เขียนมาก็โยนทิ้งลงพื้น  ภรรยาของอู๋ซันจึงว่า ท่านพี่ควรเปิดอ่านว่าเรื่องอะไร ว่าแล้วก็หยิบขึ้นมาเปิดดูแล้วพยักหน้า ภรรยาจึงว่าท่านอ่านให้ข้าฟังซิ อู๋ซันถอนหายใจแล้วอ่านว่า......

        นี่คือลำนำเพลงท่านพินิจ                  ความในพิจิตรยิ่งเงินไฉไล
ฟูมฟักบุตรที่แท้หวังฝากไข้                        เหนื่อยกายใจแสนเข็ญไม่ปริปาก
รุ่นหนึ่งสืบทอดต่อรุ่นเหมือนน้ำเต้า             แบบอย่างเก่าก่อนให้คนหลังดู
เหมือนรูปน้ำเต้าสอนให้รู้                           วทัญญูไม่ผิดเพี้ยนรูปทรง
กตัญญูกำเนิดกตัญญูบุตร                          เนรคุณกรรมเกิดลูกทรยศ
อกตัญญูแย่กว่าสัตว์นรก                            ลูกแพะเคารพคุกเข่าดูดนมแม่
นกอีกามีค่าสุดน่ายกย่อง                           สนองคุณแม่บินกลับมาเลี้ยงดู

ภรรยาถามว่า  แพะทำไมคุกเข่ากินนม  กาทำไมกลับมาเลี้ยง
สามีตอบว่า    แสดงความกตัญญูถึงที่สุด
ภรรยาว่า       หนังสือนี้เขียนว่าคนยังสู้สัตว์ไม่ได้  ถ้าพูดตามหนังสือนี้ท่านและข้าล้วนทำไม่ถูก ท่านอ่านละเอียดให้ข้าฟังซิ  อู๋ซันจึงอ่านต่อว่า....

        อดีตถึงปัจจุบันที่เจริญ                     ใครบ้างที่ไม่เริ่มจากกตัญญู
ศาสดาสามศาสฯ์เทพเซียนพุทธ               มีหรือจะทนเอื้อผู้เนรคุณ
ท่านหวังเสียนนอนน้ำแข็งทุกข์ไม่เบา        ท่านก๊วยฝังบุตรเจ็บปวดใจ

ภรรยาถามว่า   หวังเซียนนอนบนน้ำแข็งเพื่ออะไร
สามีตอบว่า     นอนบนน้ำแข็งเพื่อหาปลาไนมาเลี้ยงมารดาที่ป่วยอยู่
ภรรยาถามว่า   แม่เขาหายป่วยไหม
สามีตอบว่า     พอได้รับประทานปลาไนแล้วก็หายป่วย
ภรรยาถามว่า   ปลาไนรักษาไข้ได้หรือ  เราก็รับประทานให้มากหน่อย
สามีว่า            เธอไม่รู้จักอะไร  เขาปรนนิบัติด้วยกตัญญูถึงที่สุด จนซาบซึ้งถึงเทวดา จึงช่วยรักษาไข้ให้หาย  แม่หายป่วยใช่ว่า    ปลาไนช่วยรักษาโรค 
ภรรยาจึงว่า     ท่านกับข้าก็ต้องฝึกปรนนิบัติกตัญญูให้ถึงที่สุดซิ  ฟ้าดินเทพเจ้าก็ต้องคุ้มครองเราให้ร่ำรวยแน่

        อู๋ซันก็อ่านต่อว่า  จะนับประสาอะไรกับการผลัดกันเลี้ยงดูบิดามารดา  สี่คนยังเกี่ยงกัน พุทธเดินดินอยู่ที่บ้านยังไม่รู้สึก ไดเกิดมาเป็นคนเป็นหนี้ไม่ชดใช้จะกลายเป็นสัตว์ ได้รับไร่นาพ่อแม่จะไม่เกี่ยวอย่างไร ไม่รู้พระคุณเป็นหนี้จะมีหน้าตาอย่างไร  แม้ว่าข้าเป็นคนนอกยัง้วงใยใจหวดหวั่น หากกลับตัวกลับใจได้เร็วก็เป็นโชค  เซียนเทพฟ้าเบื้องบนก็พอยังให้อภัย ให้คิดถึงพระคุณบิดามารดาทุกวัน ยินดีเลี้ยงดูทั้งสามมื้อ หน้าร้อนหน้าหนาวดูแลให้เย็นและอบอุ่น ต้องมีใจสืบเจตนารมณ์พ่อแม่ให้สบายใจ  หากคิดที่จะร่ำรวยมีบุญวาสนา ก็ต้องตั้งใจกตัญญูปฏิบัติให้ดี
        อู๋ซันอ่านหนังสือจบลง  ภรรยาเอ่ยว่า  ดูจากหนังสือท่านจางแล้วก็ต้องรับคุณพ่อคุณแม่มาเลี้ยงดู  คนแก่ปากก็มากด้วย  หากไม่ทำตาม  ท่านกับข้าคงต้องกลัวฟ้าผ่าลงโทษ  ท่านพี่จะหาวิธีอะไร  สามีว่า  เป็นเพราะข้าเห็นแก่เงินทอง  บาปหนักเท่าขุนเขา โชคดีวันนี้ได้ปิยะวาจาท่านกงอี้ปลุกให้ข้าตื่นจากฝัน หากตอนนี้รีบไปรับพ่อแม่มาดูแลเลี้ยงดูดุจพระเจ้า ถือโอกาสที่พี่น้องยังไม่รู้เป็นการถ่ายโทษที่กระทำผิดเป็นประการแรก หวังว่าบ้านจะเจริญเป็นประการที่สอง  เอาหนังสือนี้ปิดไว้บนฝาบ้านเพื่อให้ลูกน้อยท่องจำและเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีเป็นประการที่ 3  เสร็จแล้วก็ตระเตรียมไปเชิญพ่อแม่ที่บ้านของพี่รองมาอยู่เสียที่บ้านเพื่อเลี้ยงดูอย่างดี  อู๋ซันเองก็เิดินทางไปที่บ้านของจางกงอี้เพื่อเชิญท่านกงอี้  จางกงอี้แลเห็นสีหน้าของอู๋ซันยิ้มระรื่นก็คิดว่าคำพูดที่กล่าวตักเตือนไปได้ผล  อู๋ซันกล่าวว่า   เมื่อวันก่อนผู้น้อยเข้าใจผิดต่อท่าน  ไร้มารยาทต่อท่านมาก หวังว่าท่านจะเปิดใจให้อภัยโทษ  กงอี้ว่าการเกิดมาเป็นคนต้องรู้จักพระคุณบิดามารดา  จึงจะได้ชื่อว่าเป็นสัตว์ประเสริฐ  อู๋ซันว่าเพราะได้รับหนังสือกล่าวตักเตือนของท่านอ่านจบจึงรู้ว่าพระคุณบิดามารดาใหญ่ดุจมหาสมุทร ถ้าไม่ตอบแทนก็หาใช่คนไม่  วันนี้จึงเสียใจต่อความผิดครั้งก่อนแล้วรีบแก้ไข ไปรับบิดามารดามาที่บ้าน  จึงขออยากเชิญท่านผู้มหากุศลไปที่บ้านผู้น้อย เป็นการเพิ่มศิริมงคลซึ่งเป็นความหวังของผู้น้อย  กงอี้ว่า เกิดเป็นคนไม่มีผิดไม่ได้  แต่รู้ผิดก็รีบแก้ไขเสียจึงจะมีคุณสมบัติขของความเป็นคน  วันนี้ท่านอู๋ยอมที่จะฟังคำตักเตือนก้ถือว่าเป็นบุญของข้า จึงขอขอบคุณท่าน  ข้ายังมีงานยุ่งรัดตัวไม่อาจไปที่บ้านของท่านได้ ไม่ได้อวยพรให้บิดามารดาของท่านเป็นการเสียมารยาทแล้ว  อู๋ซันจึงร่ำลาท่านกงอี้กลับบ้าน  นี่คือความรู้สึกกตัญญูของกงอี้ เป็นขันติที่สิบหก  ต่อมาคนรุ่นหลังแต่งกลอนให้

อุทิศสาธารณธรมแห่งฟ้า             อัปยศไม่ถือสาใช้ขันติ
กล่อมเกลาคนดื้อโง่ใช้สติ            ไม่ทิฐิเมตตากตัญญู

Tags: