collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: ร้อยขันติ : คำนำ  (อ่าน 57687 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                         ร้อยขันติ   

                   เก้าสิบแปดขันติ  :  เพื่อนบ้านตู่เอาลูกหมู

        เพื่อนบ้านทางซ้ายแซ่แปะ ซื้อลูกหมูมาตัวหนึ่ง พอตกดึกลูกหมูก็หลุดจากคอกหมูหายไป เจ้าของเที่ยวหาอยู่นาน 3 วัน นายแปะ มาที่บ้านกงอี้ เห็นที่บ้านกงอี้มีลูกหมูเลี้ยงอยู่ตัวหนึ่ง ดูคลับคล้ายคลับคลากับลูกหมูที่หายไป จึงพูดกับกงอี้ว่า เจ้านาย หมูตัวนี้เป็นลูกหมูที่หายไปของข้า กงอี้ว่า ถ้าหากเป็นของเจ้าก็นำกลับไป นายแปะก็จับลูกหมูกลับไปจริง ๆ คนในบ้านต่างโกรธไม่ยอม กงอี้รีบระงับไว้ว่า ปล่อยให้เขาเอาไป ข้าไม่มีหมูจะเลี้ยง หมูตัวนี้ราคาค่างวดไม่กี่อีแปะ พอนายแปะเอาหมูจับไปไม่กี่เวลา ลูกหมูที่หายไปก็วิ่งออกมาจากราวป่า นายแปะจึงรู้ตัวว่าตนทำผิดมาก มีคนบอกนายแปะให้จัดโต๊ะเลี้ยงอาหารตอบแทนกงอี้เป็นการขอขมา บางคนก็เรียกนายแปะให้เอาหมูไปคืนท่านกงอี้ แล้วนายแปะก็จับหมูไปคืนให้กงอี้แล้วพูดว่า ข้ายอมรับผิด เพราะหมูของข้าหาเจอแล้ว ขอให้เจ้านายยกโทษให้ด้วย กงอี้ว่า เรื่องเล็กน้อยน่า ทำไมต้องพูดแบบนี้ นี่คือการให้อภัยแก่กงอี้ เป็นขันติที่ 98 ต่อมาภายหลังคนก็แต่งกลอนให้ว่า

ใจกว้างจริงให้อภัยไม่ถือสา             ได้ชื่อว่าปราชญืสมปราชญ์หนา
เมฆลอยกระจายทั่วนภา                  มหากรุณาธิคุณฟ้าสดใส

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                      ร้อยขันติ   

                เก้าสิบเก้าขันติ  :  เตือนพี่น้องให้คืนดีกัน

        กล่าวคือ กงอี้มีญาติสนิทคนหนึ่งชื่อ เอี้ยฮู้ยิ้ง มาหาเพื่อขอยืมเงินและก็เรียนเชิญกงอี้ ช่วยพูดเหตุผลให้เขาสามพี่น้องฟัง ด้วยสาเหตุ น้องชายสามคนได้ยืมเงินบำนาญของบิดาไปใช้ แต่ละคนก็ยืมกันไปคนละ 2 หมื่นอีแปะ เขาสามคนฐานะยากจน กงอี้ว่า บ้านของเจ้าร่ำรวย ทำไมต้องมายืมเงินข้าเล่า มาดว่าขอยืมเงินแต่ว่าเมื่อเปรียบเทียบเจ้ากับน้อง ๆ แล้ว เงินกองกลางของบิดาจะสูญเปล่าก็สมเหตุผล ทำไมจึงไปถือสากับพวกน้อง ๆ นายฮู้ยิ้งพูดว่า พวกเรามีบิดาคนเดียวกัน กงอี้จึงตักเตือนว่า หากบ้านมีฐานะร่ำรวย ญาติพี่น้องมาพึ่งพาก็ควรช่วยเหลือ ให้สงสารผู้ยากจนด้วยการเกื้อหนุน นับประสาอะไรที่เป็นพี่น้องคลานตามกันออกมา พวกน้อง ๆ ยากจนเพราะครอบครัวมีคนมากและก็ไม่เป็นคนขี้เกียจ หากเป็นความคิดของข้า ลูกโทนจะไม่เลี้ยงพ่อแม่หรือ  ในโลกนี้มีเหตุผลเหมือนกัน ใครบ้างจะไม่อยากให้ลูก ๆ รักใคร่สนิทสนมกัน มีทุกข์ร่วมทุกข์มีสุขร่วมเสพ ถ้าพี่น้องกล่าวหากัน พ่อแม่ใจไม่สบาย แม้พ่อแม่ตายไปแล้ว วิญญาณก็ไม่สงบสุข ถึงแม้วิญญาณมีอยู่ก็เป็นการทำร้ายวิญญาณ สู้เอาพวกน้อง ๆ มาอยู่รวมกัน ไม่ว่าจะมีเงินหรือไม่มีเงิน ยอมผ่อนปรนกัน ก็สามารถทำให้ใจพ่อแม่สงบ ลูกหลานก็จะปรองดองกัน จะมีประโยชน์ทั้งคนเป็นคนตาย นายฮู้ยิ้งกล่าวว่า จะน้อมรับโอวาทนำไปปฏิบัติ ข้าจะเชิญน้อง ๆ มาพูดให้เข้าใจ พร้อมทั้งเอาเงินมาดำเนินการตามธุระนั้น แล้วกงอี้ก็ตักเตือนพี่น้องกลับมาอยู่ร่วมกัน ต่อมาลูกชายของฮ้งยิ้งก็สอบเข้าราชการได้  นี่คือกงอี้ตักเตือนพี่น้องให้กลับมาคืนดีกันใหม่ มีความรักใคร่สนิทสนมกัน เป็นขันติที่ 99 ต่อมาภายหลังคนก็แต่งกลอนให้ว่า

พี่น้องต้องหนักแน่นรักใคร่             ไม่รักใคร่ก็ฝ่าฝืนธรรมหลาย
ใจมีกตัญญูรักมิตรสหาย                สมมุ่งหมายรวมกันได้สมยศ

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                        ร้อยขันติ  

                        ร้อยขันติ  :  สำเร็จได้ร้อยขันติ เกียรติปรากฏ

        วันหนึ่งกงอี้เดินอยู่ริมแม่น้ำ เห็นชาวประมงเหวี่ยงแหติดปลาใหญ่ตัวหนึ่งยาวกว่าศอกหนึ่งเกินสี่นิ้ว มีคลีบหางเป็นคู่ ตาทั้งสองมีน้ำตาไหล มองมาทางกงอี้จึงถามว่า ปลาตัวนี้จะขยไหม ชาวประมงตอบขายก็ได้ ข้ากำลังขาดแคลนอาหาร จะขายหนึ่งพันอีแปะ  ถ้าน้อยกว่านั้นก็ไม่ขาย กงอี้เห้นปลาตัวนี้มีลักษณะพืเศษ จึงซื้อและปล่อยลงน้ำไป ปลานั้นได้กลายเป็นมังกรแล้วทำคลื่นกลบจนไม่เห็นตัว กงอี้กลับถึงบ้านไม่นาน ลูกชายตงหยิ้ง และ ตงหงี กลับมาจากโรงเรียน ก็เข้ามารายงานให้กงอี้ฟังว่า ระหว่างทางได้พบกับผู้หญิงคนหนึ่ง ขอร้องจะมาขอพึ่งอาศัย กงอี้จึงเรียกเข้ามาถามว่า เธอเป็นคนที่ไหน นางตอบว่า บ้านอยู่ที่ปักไห้  อำเภอลิ้มจั๊ว แซ่เล้ง  ชื่อ เง็กเตียง  เพราะพ่อแม่ตายหมดแล้ว ญาติพี่น้องก็ไม่มี จะหนีความลำบากมาถึงที่นี่ ได้ยินว่าท่านกงอี้เป็นผู้มีใจกุศล โปรดรับฉันไว้ด้วย กงอี้เห็นลักษณะของนางไม่ใช่คนสามัญ จึงพูดว่า ก็มาเป็นบุตรสาวบ้านข้าก็แล้วกัน จึงเรียกตงหยิ้งตงหงีและบุตรสาวเล็กในบ้านมาอยู่พร้อมหน้ากันที่ห้องโถง แล้วก็ให้มาเป็นพี่น้องกันกับลูกสาว หญิงทั้งสองอยู่ร่วมห้องด้วยกัน มีความขยันเรียนงานของผู้หญิง  กล่าวถึงหลานชายฝ่ายภรรยา แซ่ตั้ง ชื่อเง็กเช็ง ได้มาที่บ้านกงอี้เพื่อขอยืมเสื้อคลุมกับเงินสักก้อนหนึ่งเพื่อเป็นค่าเดินทางไปสอบเมืองหลวง กงอี้ได้พบกับเง็กเช็ง ถึงแม้เขาจะมีความรู้ แต่เป็นลูกที่ทารุณโหดร้าย ทำให้ครอบครัวล้มสลาย กงอี้ได้สั่งสอนตักเตือนเขาไปหลายครั้งแล้ว เขาก็ยังไม่เชื่อฟัง ดังนั้น กงอี้จึงพูดกับเง็กเช็งว่า เธอได้คิดถึงมรดกที่บรรพบุรุษที่สะสมเหลือไว้ให้เธอบ้างไหม แล้วเธอก็มาเที่ยวใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายเช่นนี้ แล้วมาตอนนี้ซิ เสื้อผ้าเงินทองที่จะเป็นค่าเดินทาง เธอก็ต้องมาขอจากคนอื่น เง็กเช็งได้ฟังวาจาเช่นนั้นก็ไม่ปริปากพูดแล้วก็จากไป  อีกสักครู่ พี่น้องสองคน ตงหยิ้งกับตงหงี ก็เตรียมตัวจะออกเดินทางไปสอบไล่ที่เมืองหลวงเช่นกัน กงอี้จึงพูดกับลูกทั้งสองว่า ลูกพี่ลูกน้องของเจ้าได้เข้ามาเมื่อเช้านี้ จะมาขอยืมเสื้อและเงินค่าเดินทาง ข้าก็ด่าว่าเขาไปหลายคำแต่ก็เป็นการตักเตือนเขา แต่เขาไม่พูดอะไรแล้วก็ออกไป ขอให้ลูกเอาเสื้อผ้าและเงินค่าเดินทางไปให้เขาด้วย แล้วให้รีบ ๆ เดินทางจะได้ไปทันเขาแล้วช่วยพูดให้บิดาด้วย  ทั้งตงหยิ้งและตงหงี รีบเก็บสัมภาระแล้วก็รีบออกเดินทาง ไม่นานนักก็มาทันกับเง็กเช็ง  เมื่อพบหน้ากันก็พูดจาตามที่บิดาบอกเอาไว้ แล้วนำเสื้อผ้ากับเงินค่าใช้จ่ายมอบให้แล้วพูดว่า บิดาของน้องเช้าวันนี้ดื่มสุรามากไปหน่อยจึงพูดจาทำให้พี่โกรธ น้องหวังว่าพี่คงยกโทษให้  ระหว่างเดินทางก็หวังให้พี่ชายช่วยเหลือด้วย เง็กเช็งว่า คนมีเงินมีอำนาจมากจะเป็นไรเล่า ตลอดทาง ตงหยิ้ง ตงหงี ก็เอาอกเอาใจเพื่อชดเชยความโกรธ ตกกลางคืนก็พัก และเดินทางตอนกลางวัน เวลาผ่านไปได้สิบกว่าวัน ก็ลุถึงเมืองหลวง หาที่พักแรมได้แล้วพักอยู่อีกหลายวันก็ถึงวันเข้าสอบ ทั้งสามคนเข้าไปสอบที่พระที่นั่งบุ้นฮั้ว สอบเขียนเรียงความ เมื่อสอบเสร็จก็กลับพักคอยที่โรงแรม  รออยู่นานกว่าเดือนจึงมีพระราชโองการปิดประกาศ ตงหยิ้งสอบได้ตำแหน่งจอหงวน  ตงหงีสอบได้ตำแห่งทำ้ฮวย  และตั้งเง็กเช็งสอบได้พั่งงั้ง  มีพระราชโองการให้ตงหยิ้ง  ตงหงี  เข้าอยู่ที่จวนจอหงวน  ฝ่ายเง็กเช็ง เห็นลูกพี่ลูกน้องได้รับตำแหน่งสูงกว่าเช่นนั้นก็รู้สึกไม่พอใจ จึงนำเอาเงินที่น้องเอามาให้ไปติดสินบนขุนนางเพื่อที่จะได้ถวายงานหน้าพระที่นั่ง ฮ่องเต้อนุญาตแต่งตั้งให้ตั้งเง็กเช็งเป็นหงื้อซือ ประจำหน้าพระที่นั่ง เป็นตำแหน่งสอดส่องความประพฤติของข้าราชการ พอมาถึงตอนนี้เง็กเช็งก็มีอิทธิพลมาก ในใจก็คิดจะหาช่องทางทำลายพี่น้อง ตงหยิ้ง ตงหงี ให้ได้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29/07/2011, 11:26 โดย jariya1204 »

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                        ร้อยขันติ   

                        ร้อยขันติ  :  สำเร็จได้ร้อยขันติ เกียรติปรากฏ (2)

        มีอยู่วันหนึ่ง ฮ่องเต้ออกว่าราชการแต่เช้า ด้วยมีข้าราชการจากชายแดน มีเรื่องด่วนจะขอเข้าถวายรายงาน ความว่า ชายแดนทะเลเหนือ จิงเทียนอ๋องเป็นกบฏฮ่องเต้จึงถามบรรดาขุนนางว่าจะให้ใครเป็นแม่ทัพไปปราบ เง็กเช็งก็ถวายรายงานว่า จอหงวนคนใหม่ เตียตงหยิ้ง เป็นผู้ชำนาญในยุทธวิถีควรให้เป็นแม่ทัพ เง็กเช็งถวายรายงานว่า ท้ำฮวยเตียตงหงี มีความชำนาญในวิชาเพลงอาวุธ  สามารถรับหน้าที่นี้ได้ จึงมีพระราชโองการแต่งตั้งให้ตงหยิ้งเป็นแม่ทัพ และ ตงหงีเป็นทัพหน้านำทหารไปสิบหมื่นให้เตรียมออกศึกภายใน 5 วัน  กล่าวฝ่าย ตงหยิ้ง ตงหงี เกิดความกลัวที่ต้องรับภาระหนักเช่นนี้ จึงมาอำลาเง็กเช็ง เง็กเช็งหัวเราะว่า คนมีเงินเคลื่อนทัพมีอะไรจะทำไม่ได้ ทั้งสองคนพี่น้องกัดฟันโกรธ พอครบวันที่ 5 ก็มาอำลาฮ่องเต้เพื่อออกศึก นำกองกำลังสิบหมื่นเดินทัพไปถึงปักไห้ ตั้งทัพอยู่ที่อำเภอลิ้มจั้ว แล้วเลือกวันเข้าตีจิวเทียนอ๋อง ในที่สุดก็ถูกล้อม  จะเดินหน้าหรือถอยหลังก็ไม่ได้  กล่าวฝ่าย ตั้งเง็กเช็งที่อยู่เมืองหลวง จิตใจโหดเหี้ยมดุจสุนัขจิ้งจอก วางแผนทำลาย ตงหยิ้ง ตงหงี  ยังไม่สะใจ ตอนนี้ก็คิดหาทางทำลายกงอี้ทั้งครอบครัว จึงกราบทูลเท็จต่อฮ่องเต้ว่า ผู้น้อยเป็นคนบ้านเดียวกัน จอหงวนคนใหม่ จึงรู้ว่าบิดาของจอหงวน จางกงอี้มีของวิเศษอยู่ 3 อย่าง ตามเหตุผลแล้วควรนำมาถวายฮ่องเต้จึงจะถูก ของวิเศษ 3 อย่างคือ 1. เสื่อหนวดมังกร  2. พรมหนวดกุ้ง  3. มุกราตรีเม็ดใหญ่  ฮ่องเต้ตรัสว่า เอ้อดีมาก ข้าจะมีราชโองการให้เจ้าเอาไปสู่จางกงอี้เพื่อให้เขานำมาถวายด้วยตนเองจะได้แต่งตั้งยศให้ เง็กเช็งจึงทูลเท็จต่อไปอีกว่า จางกงอี้เป็นคนที่ตระหนี่ เป็นคนไม่ซื่อสัตย์ ชอบกระทำป่าเถื่อน เกราว่าเขาจะไม่เอามาถวาย ฮ่องเต้ตรัสว่าถ้ามีของมาถวายก็็จะแต่งตั้งให้เป็นจอหงวนถวายงานวิเศษ ถ้าไม่ยอมก็ประหารทั้งบ้านให้หมดสิ้น  เง็กเช็งรับพระราชโองการ แล้วกลับไปที่จวนเพื่อเตรียมตัวออกเดินทางในวันรุ่งขึ้นระหว่างทางมาถึงเมืองไหนก็มีเจ้าเมืองมาต้อนรับ มาถึงอำเภอไหนอำเภอนั้นก็ต้อนรับ ตลอดทางก็รีดไถมาได้ไม่น้อย เมื่อมาถึงอำเภอที่ตนอยู่ก็ให้ม้าเร็วรีบรุดหน้ามาแจ้งแก่จางกงอี้ ให้กงอี้ออกมาต้อนรับที่ศาลาสิบลี้  กล่าวฝ่ายกงอี้ ซึ่งไม่ทราบเหตุผลกลใด ที่มีฝูงอีกาบินมาทางทิศใต้ มาลงที่หน้าบ้าน แต่ละตัวปากจะคาบกิ่งไม้มากิ่งหนึ่งแล้วก็ปล่อยลง กระโดดโลดเต้นร้องหนวกหู กงอี้ทั้งตกใจและดีใจ กงอี้กับคนในบ้านพากันมาดู ก็มีคนหนึ่งพูดว่าเพราะท่านกงอี้ปล่อยสัตว์ บุญกุศลซาบซึ้ง พวกนกพิราบบินมาถึงบ้านแล้วคาบกิ่งไม้ลงมา คงเป็นเจ้านายจะได้โชคลาภ ขณะที่ทุกคนกำลังดูอยู่ ก็ให้มีนกเหยี่ยวก็บินมาแต่ทิศใต้ แล้วก็คว้าเอานกพิราบไปตัวหนึ่ง พวกคนงานก็ถือไม้ตีมันไป บังเอิญตีถูกหัวนกมันจึงตกตายอยู่ที่พื้น นกพิราบก็เลยบินหนีไป กงอี้ถอนหายใจว่า ไม่ทำร้ายที่เลวก็ยากที่จะปกป้องที่ดี  ทันใดก้ได้ยินที่หน้าประตู มีเสียงม้าดังอยู่ที่หน้าบ้าน พอออกมาดูกัน ก็เห็นม้าเร็วมาแจ้งให้กงอี้ไปรับราชโองการที่ศาลาสิบลี้ รอต้อนรับขุนนางใหญ่ที่มาจากเมืองหลวง กงอี้เรียกคนในบ้านให้จัดสุราอาหารไว้คอยต้อนรับ แล้วกงอี้ก็แต่งตัวเพื่อเดินทางไปที่ศาลาสิบลี้เพื่อรอต้อนรับ ก็ได้เห็นว่าขุนนางผู้ใหญ่คือหลานชายนั่นเอง กงอี้ดีใจพูดว่า หลานผู้สูงศักดิ์ กงอี้มาต้อนรับเป็นพิเศษ เชิญดื่มสักจอกหนึ่งแล้วค่อยว่ากัน ตั้งเง็กเช็งไม่คารวะตอบ และก็ไม่ลงจากรถด้วย คือทำเป็นไม่สนใจ จนกระทั่งเดินทางมาถึงบ้านของกงอี้จึงลงจากรถ  แล้วออกคำสั่งให้กงอี้จัดโต๊ะบูชา ให้หันหน้าไปทางทิศใต้ แล้วคุกเข่าคารวะสี่ตอนแปดกราบเสร็จแล้วให้คุกเข่ารับราชโองการ แล้วเง็กเช็งก็อ่านราชโองการว่า ตั้งเง็กเช็งได้แจ้งว่าบ้านจางกงอี้ได้เก็บเมื่อหนวดมังกร  พรมหนวดกุ้ง  และมุกราตรีเม็ดใหญ่ทั้งสามอย่างเป็นของวิเศษคู่บ้านเมือง จึงมีโองการให้จางกงอี้ไปเข้าเฝ้าถวายของด้วยตนเอง ก็จะเป็นที่รักใคร่ทั้งครอบครัว จะปูนบำเหน็จแต่งตั้งให้เป็นจอหงวน หากตระหนี่ไม่ยอมมอบให้ก็ต้องอาญาตายทั้งบ้าน  กงอี้กล่าวขอบพระทัยจบแล้วจึงถามเง็กเช็งว่า ของวิเศษบ้านข้ามีที่ไหน เธอรายงานเหนือหัวได้อย่างไร เง็กเช็งไม่ตอบแล้วก็มีคำสั่งให้เดินทางกลับ กงอี้ลั้งไม่อยู่ โกรธจัดจนล้มลง คนในบ้านหามเข้าห้องข้างใน หน้าตาซีดหมองคล้ำ ภรรยาตั้งฮูหยินออกมาถามสามี มีเรื่องอะไร กงอี้ไม่ตอบ ภรรยาเซ้าซี้ถามอยู่หลายครั้ง กงอี้จึงร้องเสียงดังว่า หลานตัวเองของเธอ ตั้งเง็กเช็ง ใจโหดเหมือนเสือ อยากจะทำลายครอบครัวของข้าทั้งหมด ฮูหยินว่า เง็กเช็งหลานชายของข้าถือราชโองการมาถึงที่นี่ ยังไม่ทันพบหน้าก็กลับไปแล้ว คงคิดมุ่งทำร้ายแน่นอน

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                      ร้อยขันติ   

                     ร้อยขันติ  :  สำเร็จได้ร้อยขันติ เกียรติปรากฏ (3)

        กงอี้จึงเล่าเรื่องเง็กเช็งที่เท็จทูลฮ่องเต้ให้ภรรยาฟัง ฮูหยินฟังแล้วถึงกับเป็นลมล้มพับไป พวกสาวใช้ประคองตัวแล้วช่วยกันแก้ไขให้ฟื้น ลูกสาวทั้งสองรีบออกมาถามไถ่มารดาว่าเป็นเรื่องอะไรจึงโกรธจนเป็นลม ฮูหยินว่า ลูกพี่ลูกน้องตั้งเง็กเช็งกับพี่ชายของเจ้าอยู่ที่วังหลวง ถูกฮ่องเต้แต่งตั้งเป็นแม่ทัพให้ไปรบที่ปักไห้ ก็เป็นเพราะเง็กเช็งเป็นผู้ถวายรายงานทั้งนั้น เพื่อที่จะทำลายเราทั้งบ้าน แค่นี้เง็กเช็งยังไม่สาแก่ใจ ก็ยังต้องเท็จทูลฮ่องเต้ว่า บ้านเราซ่อนของวิเศษ เท็จทูลให้พ่อเจ้ากงอี้เอาไปถวายที่วังหลวง ถ้าไม่เช่นนั้น ก็จะต้องตายกันทั้งบ้าน เง็กเตียงถามว่า ของวิเศษอะไรช่วยบอกหน่อยได้ไหม ต้องไปถามพ่อเจ้าก็จะรู้ เง็กเตียงคุกเข่าต่อหน้าพ่อแล้วถามว่า ลูกได้ยินมารดาพูดว่ามีคำสั่งให้บิดาเข้าเฝ้าถวายของวิเศษ ไม่ทราบว่าของวิเศษอะไร  กงอี้ว่าเจ้าเป็นเด็กอยู่จะรู้จักอะไร  เง็กเตียงพูดว่า บิดาพูดให้กระจ่างอย่าหาว่าลูกไม่เข้าใจ  ตั้งเง็กเช็งเท็จทูลฮ่องเต้ว่า บ้านเรามีของวิเศษ 3 อย่างคือ เสื่อหนวดมังกร  พรมหนวดกุ้ง  และมุกราตรี  เง็กเตียงพูดว่าของวิเศษ 3 อย่างนี้ ที่อื่นไม่มีนอกจากที่วังบาดาล กงอี้ว่า ข้าบำเพ็ญกุศลด้วยความลำบาก ตั้งใจปฏิบัติความซื่อสัตย์การุณยธรรม ใครจะคิดว่าวันนี้จะมาพบกับจุดจบเช่นนี้ เง็กเตียงว่า ขอบิดาท่านอย่ากังวล ลูกขอรับอันตรายนี้ กงอี้ว่าลูกผู้หญิงจะทำอะไรได้ เรียนท่านบิดาโปรดฟังลูกพูดก่อน คือลูกเป็นลูกสาวคนที่ 3 ของพญานาคเป็นเพราะทำผิดต่อการให้ฝน พระเจ้าฟ้าจึงลงโทษให้ลูกออกจากวัง 10 ปี  ลูกจึงออกมาท่องเที่ยวพร้อมกัลขุนพลปลาไน มาถึงแม่น้ำโชคไม่ดีถูกชาวประมงจับได้ โดยการเหวี่ยงแห ชีวิตคงม้วยมรณาถ้าไม่ได้บิดาท่านมาช่วยเหลือ มาซื้อลูกปล่อยลงน้ำไป  พระเจ้าฟ้าก็ให้ลูกเปลี่ยนหน้าตาเป็นหญิงเพื่อมาตอบแทนพระคุณของบิดา รอจนกว่ากุศลบารมีของพ่อสมบูรณ์ ฟ้าได้เผยทั้งเกียรติและอัปยศในคราวเดียวกัน  ให้มาช่วยแก้ไขอัปยศไปเป็นเกียรติยศเสร็จแล้วจึงจะได้รับโองการให้กลับวังได้ แต่ของวิเศษทั้ง 3 อย่างนี้ ลูกสามารถตอบสนองบิดาได้  กงอี้ว่า ฟ้าสามารถให้ลูกมาช่วยเหลือได้หรือ เง็กเตียงว่า ลูกมิพูดเท็จ บิดาท่านคอยดูลูกไปที่วังบาดาลเพียงโบกแขนเสื้อ ลมเย็นก็พัดสบัด เมฆมงคลก็มาถึง เง็กเตียงเหยียบบนหัวเมฆ ชั่วครู่เดียวก็ไม่เห็นแล้วชั่วครู่ใหญ่ก้กลับมาพร้อมกับของวิเศษทั้ง 3 มาวางไว้ที่หน้าบิดา บิดามองดูของทั้ง 3 ทั่ว ๆ แล้วพูดว่า ของทั้ง 3 ไม่มีแล้วในโลกนี้ แล้วเรียกให้เง็กเตียงให้นั่งเพื่อรับการคารวะของข้า 3 ครั้ง เพื่อขอบคุณในการช่วยเหลือ เง็กเตียงก็คารวะตอบ แล้วพูดว่า บิดาท่านไปเอาของวิเศษนี้ที่เมืองหลวง ลูกเอาธูปให้ 3 ดอก ถ้าไปถึงเมืองหลวงแล้วให้ไปหาเง็กเช็งที่จวนแล้วร้องขอเง็กเช็งพาเข้าเฝ้าฮ่องเต้ เมื่อบิดาท่านพบฮ่องเต้แล้ว ก็เล่าเรื่องให้ฟัง เสร็จแล้วก็จุดธูป 3 ดอก ลูกจะลงมาจากฟ้าเพื่อถวายของ 3 อย่างก็ประจักษ์แจ้ง  แล้วลูกจะไปที่ปักไห้ เรียกจิวเทียนอ๋วง หยุดรบ เพื่อช่วยให้พี่ชายทั้งสองกลับมาเข้าเฝ้า เพื่อรับเกียรติยศจับไว้ให้ดี ๆ  ร้อยขันติจะสำเร็จจะได้เป็นเซียน

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                        ร้อยขันติ   

                        ร้อยขันติ  :  สำเร็จได้ร้อยขันติ เกียรติปรากฏ (4)

        กงอี้ถามว่า จะไปช่วยพี่ชายที่ปักไห้ได้อย่างไร  เง็กเตียงว่า จิวเทียนอ๋วงก็คือขุนพลปลาไนของข้า ลูกจะนำกลับวัง ทุกอย่างก็สงบ บิดาท่านรีบไปเมืองหลวงอย่าได้ช้าไป พอพูดจบทั้งคนทั้งของวิเศษก็หายไป กงอี้ก็รีบเก็บสัมภาระแล้วออกเดินทางไปเมืองหลวง ผ่านไปสิบกว่าวัน ก็มาถึงเมืองหลวง แล้วมาแวะที่จวนเง็กเช็งก่อน เมื่อคารวะเง็กเช็งแล้ว เง็กเช็งก็พูดว่า ท่านอาเขยเอาของวิเศษมาถวาย หลานจะพาเข้าเฝ้าฮ่องเต้ กงอี้ว่า เข้าเฝ้าฮ่องเต้ขอหลานกรุณาสงสาร ช่วยปกป้องชีวิตข้าด้วย เง็กเช็งว่า หากไม่มีของวิเศษก็ปกป้องยาก กงอี้ว่า ของวิเศษมาจากไหน หวังว่าหลานจะสมเพทเวทนาช่วยเหลือ อย่างน้อยก็ให้เหลือไว้สักคนเพื่อสืบสกุลก็เป็นบุญวาสนาแล้ว เง็กเช็งกลอกลูกตาแล้วกระทืบเท้า ฮ่องเต้ทำลายบ้านท่านไม่เกี่ยวข้องกับข้า เง็กเช็งก็แต่งตัวเตรียมเข้าเฝ้า พอถึงเที่ยงจึงไปเข้าเฝ้า พอมาถึงหน้าประตูต้องห้ามก็เรียกให้กงอี้รออยู่ พอระฆังกับดนตรีดังขึ้น  ขุนนาง  บุ๋นบู๊ก็พากันเข้าเฝ้า เมื่อม่านไข่มุกม้วนขึ้นก็เห็นองค์ฮ่องเต้ชัด เหล่าขุนนางก็ร้องว่า ทรงพระเจริญหมื่นปี 3 ครั้ง ฮ่องเต้ตรัสว่า ขุนนางบุ๋นบู๊ มีกิจธุระให้รายงานมา ถ้าไม่มีก็เลิกได้ ฝ่ายบุ๋นมีตั้งเง็กเช็ง ก็ก้าวออกมารายงานว่า ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทบิดาของจอหงวนคนใหม่ จางกงอี้ที่เก็บของวิเศษขอเข้าเฝ้า เง็กเช็งรายงานต่อว่า วันนี้กงอี้มามือเปล่าทั้งยังให้กระหม่อมพาเข้าเฝ้าฝ่าละอองธุลีพระบาท ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด ฮ่องเต้ว่า กงอี้มีของวิเศษมาถวายก็จะได้รับแต่งตั้งทั้งครอบครัว ถ้าไม่มีของก้ไม่ให้เข้าเฝ้า ขุนนางฝ่ายบู๊คนหนึ่ง
ชื่อเตียไตขวย ก้าวออกมารายงานว่า จางกงอี้เข้าเฝ้าย่อมมีสาเหตุ ขอทรงพระกรุณาให้เขาเข้าเฝ้า เพื่อเห็นแก่จอหงวนคนใหม่ จะได้ซักถามให้กระจ่าง จะฆ่าเสียเมื่อไรก็ไม่สาย ฮ่องเต้ว่ามีเหตุผลดี  จึงถ่ายทอดคำสั่งให้พากงอี้เข้าเฝ้า  เหล่าขุนนางเห็นหน้ากงอี้หมองคล้ำ เมื่อมาถึงหน้าพระแท่นก็คารวะกล่าวทรงพระเจริญหมื่นปี 3 ครั้ง แล้ว ฮ่องเต้ตรัสว่า จางกงอี้ได้นำของวิเศษมาถวาย กงอี้รายงานว่า ผู้น้อยเลี้ยงตนด้วยการทำนา ขยันสั่งสอนลูก ๆ ตงหยิ้ง ตงหงี  ได้รับพระมหากรุณาธิคุณเป็นจอหงวน ท้ำฮวย  ทั้งยังรับราชโองการนำทัพไปรบที่ปักไห้ ผู้น้อยยังได้รับราชโองการจากการรายงานของตั้งเง็กเช็งเท่านั้น มือไม้ก็หมดแรงโชคดีที่เจ้าหญิงองค์ที่ 3 ของวังพญานาคที่มาฝากตัวอยู่ที่บ้าน ได้ข่าวว่ามีโองการให้ผู้น้อยถวายของวิเศษ เจ้าหญิงจึงกลับไปที่วังบาดาลเพื่อนำเอาของวิเศษสามอย่างเตรียมพร้อมกับประทานธูป 3 ดอก  เมื่อมาเข้าเฝ้าพระองคืแล้ว ก็ให้จุดธูป 3 ดอก นี้ปักบนกระถางธูป เจ้าหญิงก็จะปรากฏตัว ฮ่องเต้ว่ากงอี้พูดจาส่งเดช เจ้าเป็นคนสามัญชน มีเจ้าหญิงที่ไหนมาอยู่ที่บ้านเจ้า พูดจาเช่นนี้รนหาที่ตายเอง  เตียไต่ขวย รีบคุกเข่าพูดว่า ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทโปรดอย่าพิโจธ เพียงถามว่าธูป 3 ดอกอยู่ที่ไหน กงอี้ก็นำธูปออกมาจากแขนเสื้อแล้วถวายขึ้นไป ฮ่องเต้มองดูแล้วเปลี่ยนพระพักตร์เป็นยิ้ม แล้วสั่งให้เจ้าหน้าที่เอาไปจุดแล้วปักลงกระถางธูป เกิดลมเย็นวูบหนึ่ง เมฆรวมเป็นก้อนทอเป็นบันไดทอง บนเมฆมีนางฟ้ายืนอยู่ เหล่าขุนนางต่างเปล่งเสียง เจ้าหญิงลงมาถึงหน้าที่ประทับแล้วกราบบังคมทรงพระเจริญหมื่นปี 3 ครั้ง แล้วนำของวิเศษทั้ง 3 อย่าง มาบอกให้ฮ่องเต้มาดูของวิเศษทั้ง 3 ด้วยความปิติยินดี เจ้าหญิงตรัสว่า ฝ่าบาทดูของทั้ง 3 แล้วว่าในโลกนี้มีหรือเปล่า ฮ่องเต้ว่า โลกนี้หาได้ยาก วิเศษจริง ๆ ถ้าไม่ใช่วังบาดาลก็หามีไม่  เจ้าหญิงว่าหม่อมฉันได้รับโองการจากฟ้า เหตุด้วยจางกงอี้บิดาท่านเป็นผู้มีเมตตากรุณามาก ความดีซาบซึ้งสวรรค์ หม่อมฉันมาอยู่ที่บ้านท่านเพื่อช่วยเหลือให้สำเร็จคุณธรรม กุศลประจักษ์ ฟ้าปรากฏ มีขุนนางบ้าตั้งเง็กเช็งมารายงานฝ่าบาท เพื่อจะทำลายครอบครัวเขาทั้งหมด มิใช่จะมาช่วยเสริมบารมีของพระองค์ ก็รู้อยู่ว่าของวิเศษนี้ บ้านตระกูลจางไม่มี แม้แต่วังบาดาลก็มีเพียงสอง หากหม่อมฉันไม่ช่วยครอบครัวตระกูลจางก็ถูกทำโทษทั้งหมด หวังให้ฝ่าบาทแยกแยะบุญบาปให้ชัดเจน เพื่อให้สังคมสงบ บุญบารมีฝ่าบาทก็ไร้ขอบเขต ฮ่องเต้ฟังว่่าก็กริ้วจัด ตรัสว่า เกือบทำให้ข้าต้องฆ่าคนดีมีคุณธรรมไปแล้ว จึงเรียกให้องครักษ์ถอดยศตั้งเง็กเช็งแล้วนำออกไปตัดหัว เง็กเช็งร้องเรียกท่านอาเขยช่วยด้วย ทหารพาออกไปแล้วแค่ครู่เดียวเลือดก็ไหลเป็นลิ่ม ๆ  นี่แหละหนาให้ร้ายแก่ท่านร้ายนั้นถึงตัว

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                     ร้อยขันติ

                     ร้อยขันติ  :  สำเร็จได้ร้อยขันติ เกียรติปรากฏ (5)

        เจ้าหญิงก็อำลาฝ่าบาทและกงอี้ กลับขึ้นบนก้อนเมฆ ชั่วแพลบเดียวก็หายไป บรรดาขุนนางต่างพูดว่า ฮ่องเต้มีบุญกุศลมหาศาล  ฮ่องเต้ตรัสกับเตียไต่ขวยว่าข้าจะแต่งตั้งเจ้าเป็นขุนนางประจำหน้าพระแท่นแทนตั้งเง็กเช็ง ไต่ขวยกราบขอบคุณพระมหากรุณา แล้วก็ปูนตำแหนงให้แก่ครอบครัวจางกงอี้ แล้วรับสั่งให้บรรดาขุนนางช่วยกันไปส่งจางกงอี้ที่จวนจอหงวน กงอี้ก็จัดโต๊ะเลี้ยงแขก เตี่ยไต่ขวยกับกงอี้เกี่ยวดองเป็นอาหลานกัน เมื่องานเลี้ยงจบก็พากันกลับไป ทุกคนพอใจอย่างยิ่งกล่าวถึงตงหยิ้ง  ตงหงี ไปปราบกบฏเสร็จแล้วก็กลับมารายงานที่วังหลวง ฮ่องเต้ถึงกับออกมาต้อนรับด้วยพระองค์เอง แล้วบรรดาญาติของกงอี้พากันเข้ามาเมืองหลวง แล้วสั่งออกว่าราชการในวันรุ่งขึ้นเพื่อปูนบำเหน็จ ทั้งหมดมาพักอยู่ที่จวนจอหงวน ครึกครื้นกันทั้งคืน กงอี้ถามตงหยิ้ง  ตงหงี ว่า ไปปราบกบฏทำไมจึงเสร็จแล้ว ตงหยิ้งว่า โชคดีที่พบน้องเง็กเตียงมาหาลูกที่ตั้งทัพ มาเล่าความจริงให้ทราบว่านำของวิเศษมาถวายเพื่อช่วยเหลือบิดาเพื่อขจัดกังฉิน บอกให้ลูกรีบเดินทางกลับ เง็กเตียงก็ไปหาจิวเทียนอ๋วงตามให้กลับไปที่วังบาดาล ความสงบเกิดขึ้นด้วยบุญบารมีของบิดาท่านคุ้มครอง จึงไม่มีเรื่อง รอจนตี 5 เข้าเฝ้าฮ่องเต้ กงอี้ก็พาครอบครัวทั้งหมดเข้าเฝ้าฮ่องเต้ ๆ ตรัสว่า ตำแหน่งของกงอี้อยู่เหนือซำกง ส่วนฮูหยิน ได้รับแต่งตั้งเป็นท่านผู้หญิงอันดับหนึ่ง ตงหยิ้งได้เป็นราชบุตรเขย ตงหงีได้เลื่อนขั้นหนึ่งขั้น ที่เหลือก็ได้เป็นข้าราชการ ทั้งหมดกล่าวขอบพระมหากรุณาธิคุณฮ่องเต้ ฮ่องเต้สั่งให้จัดโต๊ะเลี้ยงแล้วรับสั่งถามกงอี้ว่าเธอทำดีตลอดชีวิตทั้งบ้านได้ดิบได้ดีไปหมด เธอมีความพอใจหรือไม่ กงอี้ว่า ครอบครัวของกระหม่อมได้รับความเมตตาจากพระองค์ ใจมีความพอเพียงแล้ว แต่การทำกุศลยังไม่หมด ฮ่องเต้ตรัสว่า เป็นคนดีที่จริงแท้ สถาปนาให้ครอบครัวเธอมีบุญวาสนาเพื่อจะได้ทำกุศลให้สำเร็จ กงอี้คุกเข่าขอบพระทัย หลังงานเลี้ยงฮ่องเต้กลับเข้าราชวังขุนนางทั้งหลายก็แยกย้ายกันกลับไป กงอี้พำนักอยู่ที่จวนจอหงวนนานเป็นแรมเดือน   มีวันหนึ่ง กงอี้ก็เขียนใบฏีกาต่อฮ่องเต้ว่า ขอลากลับบ้านเพื่อใช้ชีวิตที่เหลือ ฮ่องเต้แปลกใจ จึงเรียกเตียไต่ขวยมาซักถามว่า จางกงอี้เจริญทั้งหมดปรากฏชัดแล้ว หรือข้าปูนบำเหน็จน้อยไป วันนี้มีฏีกาขอกลับบ้านทำไมหรือ ไต่ขวยตอบว่า ทั้งครอบครัวของเตียกงอี้ล้วนเป็นคนดี อาจจะไม่คุ้นเคยกับชีวิตในเมืองหลวง ขอให้ฝ่าบาทอนุญาตตามที่ขอเถิด พวกเขาอยู่ที่เมืองหลวงไม่มีงานกุศลให้ทำ คงไม่มีเรื่องอื่นหรอก ฮ่องเต้ว่ากงอี้เตือนข้าว่าดูแลเขาน้อยไปมั้ง ไต่ขวยตอบว่า ดีจังเลย ฮ่องเต้อนุญาตให้กงอี้เข้าเฝ้า อนุญาตให้ราชบุตรเขยกลับไปพร้อมกัน  พร้อมทั้งประทานทองคำหนึ่งหมื่นสองพันตำลึง แพรต่วนและของมีค่าอีกมากมายนับไม่หมด ทั้งฮ่องเต้และขุนนางพากันมาส่ง ฮ่องเต้จับมือกงอี้แล้วตรัสว่า ข้าดูแลเจ้าน้อยไป กลับไปก็ขยันบำเพ็ญมหากุศลต่อ กงอี้คุกเข่าถวายบังคมลา ฮ่องเต้ก็เสด็จกลับเข้าวังไปพร้อมกับข้าราชบริพาล

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                        ร้อยขันติ   

                        ร้อยขันติ  :  สำเร็จได้ร้อยขันติ เกียรติปรากฏ (6)

        กงอี้ขึ้นรถกลับภูมิลำเนาเดิมอย่างสมเกียรติ เมื่อมาถึงบ้านญาติมิตรก็พากันมาแสดงความยินดี กงอี้จัดโต๊ะเลี้ยงอาหารกันอย่างครึกครื้นอยู่หลายวัน ญาติมิตรต่างสรรเสริญถึงคุณธรรมความดีของกงอี้เป้นที่ซาบซึ้งสวรรค์ คือได้รับผลตอบสนองเต็มสมบูรณ์ กงอี้ว่า มนุษย์เกิดท่ามกลางฟ้าดิน ทำความดีมีความสุขที่สุด มีการสร้างเหตุที่ดีก็จะได้ผลตอบสนองที่ดี ถ้าสร้างเหตุที่ชั่วก็ย่อมได้ผลตอบสนองที่เลว การตอบสนองดีชั่วเหมือนเงาตามตัวไม่ใช่ไม่ตอบสนอง เพียงแต่เวลายังไม่ถึงเรื่องผลกรรมตอบสนองเป็นเรื่องจริง สมมุติว่าบ้านตระกูลจางไม่สร้างประโยชน์แก่ผู้อื่นและยอมรับความอัปยศต่าง ๆ และการซื้อสัตว์ปลดปล่อยแล้ว จะมีเกียรติยศอย่างวันนี้หรือ ชาวบ้านว่าต่างถูกต้องแล้ว เมื่อการเลี้ยงสิ้นสุดลง เวลาผ่านไปสิบกว่าวัน ตกค่ำมีพระสงฆ์รูปหนึ่งมาหาแล้วพูดกับยามประตูว่า ให้บอกคุณจางผู้ใจบุญว่าข้านอกมีสงฆ์รูปหนึ่งขอเข้าพบ ยามประตูจึงเข้ามารายงานกงอี้ว่ามีอาจารย์พบรูปหนึ่งขอเข้าพบ  กงอี้ว่าเชิญท่านเข้ามา ยามประตูจึงนำพระสงฆ์เข้ามาถึงห้องโถงกลางกงอี้เห็นหน้าตาอัปลักษณ์เหลือเกิน กงอี้ถามว่าท่านพระอาวุโสมาถึงที่นี่มีธุระอันใด พระสงฆ์ตอบว่า เกือบมืดแล้วจะขอค้างคืนสักคืนหนึ่งและยังจะขอร้องอีกเรื่องหนึ่ง ขอท่านใจบุญอย่าตระหนี่เลย กงอี้ว่าเรื่องอะไร  พระสงฆ์ว่า ตลอดชีวิตของสงฆ์ยังไม่เคยแต่งงาน อยากขอให้บุตรีของท่านเป็นเพื่อนนอนสักคืน อมิตตพุทธ !  กงอี้ได้ยินเช่นนั้นก็พิโรธขึ้น แล้วหันกลับเข้าด้านใน ใบหน้ากังวล ฮูหยินตั้งเห็นหน้าไม่ดีของสามี จึงถามว่า นายท่านมีเรื่องอะไรจึงหน้าตาเศร้ากังวลเช่นนี้  กงอี้ว่า บังเอิญมีสงฆ์รูปหนึ่งออกปากขอคุณหนูนอนเป็นเพื่อนคืนหนึ่ง ข้าเห็นลามกจกเปรตจึงบันดาลโทสะ ฮูหยินได้ยินก็ฉงนจึงบอกให้สามีทำใจให้กว้างคิดรอบคอบ หนังสือร้อยขันติจดมาถึง 99 เรื่องแล้ว เพียงอดทนอีกครั้งเดียวก็จะครบร้อย เกรงว่าจะเป็นเซียนพุทธะแปลงกายมาสอบ กงอี้พยักหน้าว่าใช่แล้ว ฮูหยินกล่าวว่า ธรรมดาสงฆ์ทั่วไปมีหรือจะขาดหลักธรรม กงอี้ว่าตามความเห็นของฮูหยินจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร ฮูหยินว่า ให้ฉันปรึกษากับคุณหนูลับ ๆ กลไกเซียนเปิดเผยไม่ได้ บอกคุณหนูให้รู้ตัว ให้คุณหนูเรียกสาวใช้มาแต่งตัวเป็นคุณหนู แล้วไปที่ห้องนอนเป็นเพื่อนสงฆ์คืนหนึ่ง  ดูสิว่าผลจะออกมาอย่างไร กงอี้ว่า ฮูหยินรีบ ๆ ทำไปตามแผน แล้วกงอี้ก็ออกมาที่ห้องโถงอีกครั้ง พร้อมกับเตรียมน้ำชามาถวาย สงฆ์นั้นไม่แตะต้องเลย นั่งพูดคุยจนถึงตี 2
ตงหยิ้งก็มาพาสงฆ์ไปนอน พอเข้าห้องสงฆ์ก็เห็นมีคุณหนูรออยู่จึงปิดประตูห้องนอนแล้วดับเทียน พอรุ่งเช้าตงหยิ้งเห็นสงฆ์ยังไม่ตื่น จึงไปที่ห้องนอนก็ไม่เห็นสงฆ์เลย เห็นแต่ทองคำเต็มเตียงไปหมด จึงถามหญิงใช้ สาวใช้ตอบว่า ตอนขึ้นเตียงนอนลมหนาวพัดเข้ามา ฉันก็นอนหันหน้าเข้าฝา ยังไม่เห็นสงฆ์เลย ตงหยิ้งจึงเรียกบิดามารดามาดูก็เห็นทองคำเต็มเตียงพร้อมตัวอักษรว่า ""กวนอิมขันติเต็ม"" กงอี้สะดุ้งพูดว่าสงฆ์ที่มาเมื่อคืนคือ พระโพธิสัตว์กวนอิมแปลงกายเป็นสงฆ์มาส่งเสริมข้าให้ครบร้อยขันติ จึงเตรียมอาหารเจ ดอกไม้ ธูป เทียน จัดโต๊ะบูชาแล้วกราบไหว้ พร้อมกล่าวว่าท่านโพธิสัตว์กวนอิมและบรรดาเซียนพุทธะที่คอยกำกับดูแลศิษย์กงอี้ตลอดชีวิต ที่กระทำโดยมีใจคออดทนผ่อนปรน เวทนาสงสารผู้ยากไร้ บาปทั้งหลายไม่ทำ บุญทั้งหลายให้สร้าง ปฏิบัติมาได้ 99 ครั้งเมื่อคืนยังได้รับการทดสอบ มีฮูหยินตั้งช่วยเหลือฉันให้สำเร็จเป็สร้อยขันติ คติว่า """บุญถึงจิตญาณ"" ขอบคุณโพธิสัตว์ อีกบรรดาเซียนพุทธะที่ส่งเสริมให้บ้านจางจนสำเร็จ แล้วก็หันหน้าสู่ทิศใต้กราบร้อยครั้ง เสร็จแล้วก็พูดกับคนในบ้านว่า เป็นคนพึงปฏิบัติต่อโลก เอาข้าเป็นแบบอย่าง ข่มตนให้ประโยชน์เขาคือกุศล คนเสียหานตนได้ประโยชน์คือบาป  การตอบสนองไม่ผิดเพี้ยน ผู้ฝืนทำผิดคือเคราะห์ อดทนผ่อนปรนคือบุญวาสนา ความชั่วทั้งหลายผิดประเวณีชั่วที่สุดความดีทั้งหลายกตัญญูเป็นที่หนึ่ง สืบทอดจากโบราณเป็นเช่นนี้ จากการสำรวจผู้ปฏิบัติต่อโลกที่ผ่าน ๆ มา มนุษย์ที่ทำบาปทำบุญย่อมได้รับการตอบสนองทั้งนั้นเพียงแต่จะช้าหรือเร็วเท่านั้น ไม่ใช่ทำชั่วแล้วไม่ตอบสนองเป็นเพราะเวลายังไม่ถึง จงระมัดระวัง นี่คือโอวาทของบ้านจาง หนังสือร้อยขันติใช้ถ่ายทอดครอบครัว"" ภายหลังท่านกงอี้ก้ไปที่เขาเม้งซัวไปเยี่ยมเพื่อนค้นหาปราชญ์ อาจรย์และกัลยาณมิตร ถือศีลเจ เรียนพุทธธรรม ตระกูลเราจางที่หยิ้งเรียนอย่างปราชญ์จัดทำหนังสือคัดลอก ทำเป้นเล่ม เพื่อให้สังคมใช้เป็นหลักการเป็นแบบอย่าง ภายหลังได้เล่าเพิ่มเติมว่า กงอี้กับเซียนท่องเที่ยวด้วยกันและมีชีวิตยืนยาวถึง 9 ชั่วโคตรหลุดพ้นทั้งตระกูล ได้ตำแหน่งเซียนพุทธะเป็นประจักษ์ที่สืบทอดกันมา หนังสือร้อยขันตินี้ภายหลังคนก็แต่งกลอนสรรเสริญคุณธรรมกงอี้ว่า

หนังสือคัดเป็นเล่มร้อยขันติ             ร้อยขันให้ท่านสำเร็จสมบูรณ์
ใจกว้างบารมีมากเพิ่มพูน               เยาว์แววปราชญ์เฒ่าเพิ่มคูณยิ่งปราชญ์
ทั้งเรือนพร้อมใจให้ผ่อนปรน           เกียรติระบือสืบมาหมื่นกาล

                                 จบบริบูรณ์

Tags: