ร้อยขันติ
เก้าสิบสี่ขันติ : สอนคนไม่ให้แก่งแย่ง
มีวันหนึ่ง ทันใดก็ให้มีคนแซ่เฮ้ง ชื่อขวยบุ้น บ้านอยู่ใกล้กัน ถือมีดเข้ามาหากงอี้แล้วพูดว่า นายหลี่เซ้งสือ กำลังจะมาตัดต้นไม้ที่ขึ้นอยู่ระหว่างเขตหนึ่งต้น ข้าก็อยากมาขอความเห็นจากท่าน ตนมีความคิดจะไปฆ่ามัน ไม่ทราบว่าท่านจะว่าอย่างไร กงอี้ว่าต้นไม้แค่ต้นหนึ่งมีราคาค่างวดไม่เท่าไรจะต้องทำโหดเหี้ยมกันหรือ เกรงว่าเป็นเรื่องไม่สมควรเสียหายทั้งคนทั้งทรัพย์ ไฉนจึงเป็นเช่นนั้น นายเฮ้งว่าข้าโกรธจนทนไม่ได้ กงอี้ว่าเมื่อเธอมาถามความเห็นของข้า ก็ขอให้นิ่งฟังข้าพูดโศลกให้ฟังจะดีกว่า กงอี้ก็ร่ายโศลกว่า ""คนมีอารมณ์เจ็ด แม้โทสะยับยั้งยาก โอสถระงับโทสะ ขันติรักษาได้ยอด รักษาช้าเกิน แข็งขืนจะเลวร้าย หากน้ำท่วมหัวชีวิตก็อ่อนระโหย เชื้อไฟที่ลุกไหม้ เริ่มจากจุดเล็ก ๆ หินสองก้อนกระทบกัน ย่อมมีแตกข้างหนึ่ง โทสะเกิดจากความหวั่นไหว ขันติระงับด้วยความสงบ ถ้าโทสะเกิดขึ้น ต้องดับด้วยขันติ คิดดูแค่ต้นไม้แนวเขต ค่าเงินสักเท่าไร หากกระทำโหด เกรงว่าจะรับโทษ อารมณ์ระเบิดสูญทรัพย์ ควรหันหลบโดยใจ ยอมคนบุญมาก คนอดทนมีปัญญา อดทนถึงที่สุดจะค่อย ๆ จางคลาย อดทนถึงสามครา คือข้ากงอี้ไงเล่า นายเฮ้งว่า ได้ฟังโศลกดีของท่าน นับว่างามยิ่ง อันต้นไม้ต้นเดียวค่างวดไม่เท่าไร ขอน้อมรับโอวาทของท่าน แล้วกลับบ้านไป ไม่ไปแก่งแย่ง นี่คือกงอี้สอนคนไม่ให้แก่งแย่ง เป็นขันติที่ 94 ต่อมาภายหลังคนแต่งกลอนให้
เอาปัญญายังประโยชน์เขาทวี เอาความดีวิจารณ์แก้แย่งชิง
เอาโศลกชี้แนะลึกซึ้งยิ่ง โบราณนักศึกษาจึงมีพระคุ้ม