collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: ร้อยขันติ : คำนำ  (อ่าน 58257 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                      ร้อยขันติ  

               เก้าสิบสี่ขันติ  :  สอนคนไม่ให้แก่งแย่ง

        มีวันหนึ่ง ทันใดก็ให้มีคนแซ่เฮ้ง ชื่อขวยบุ้น บ้านอยู่ใกล้กัน ถือมีดเข้ามาหากงอี้แล้วพูดว่า นายหลี่เซ้งสือ กำลังจะมาตัดต้นไม้ที่ขึ้นอยู่ระหว่างเขตหนึ่งต้น ข้าก็อยากมาขอความเห็นจากท่าน ตนมีความคิดจะไปฆ่ามัน ไม่ทราบว่าท่านจะว่าอย่างไร  กงอี้ว่าต้นไม้แค่ต้นหนึ่งมีราคาค่างวดไม่เท่าไรจะต้องทำโหดเหี้ยมกันหรือ เกรงว่าเป็นเรื่องไม่สมควรเสียหายทั้งคนทั้งทรัพย์ ไฉนจึงเป็นเช่นนั้น นายเฮ้งว่าข้าโกรธจนทนไม่ได้ กงอี้ว่าเมื่อเธอมาถามความเห็นของข้า ก็ขอให้นิ่งฟังข้าพูดโศลกให้ฟังจะดีกว่า กงอี้ก็ร่ายโศลกว่า ""คนมีอารมณ์เจ็ด แม้โทสะยับยั้งยาก โอสถระงับโทสะ ขันติรักษาได้ยอด รักษาช้าเกิน แข็งขืนจะเลวร้าย หากน้ำท่วมหัวชีวิตก็อ่อนระโหย เชื้อไฟที่ลุกไหม้ เริ่มจากจุดเล็ก ๆ หินสองก้อนกระทบกัน ย่อมมีแตกข้างหนึ่ง โทสะเกิดจากความหวั่นไหว ขันติระงับด้วยความสงบ ถ้าโทสะเกิดขึ้น ต้องดับด้วยขันติ คิดดูแค่ต้นไม้แนวเขต ค่าเงินสักเท่าไร หากกระทำโหด เกรงว่าจะรับโทษ อารมณ์ระเบิดสูญทรัพย์ ควรหันหลบโดยใจ  ยอมคนบุญมาก คนอดทนมีปัญญา อดทนถึงที่สุดจะค่อย ๆ จางคลาย  อดทนถึงสามครา คือข้ากงอี้ไงเล่า นายเฮ้งว่า ได้ฟังโศลกดีของท่าน นับว่างามยิ่ง อันต้นไม้ต้นเดียวค่างวดไม่เท่าไร ขอน้อมรับโอวาทของท่าน แล้วกลับบ้านไป ไม่ไปแก่งแย่ง  นี่คือกงอี้สอนคนไม่ให้แก่งแย่ง เป็นขันติที่ 94 ต่อมาภายหลังคนแต่งกลอนให้

เอาปัญญายังประโยชน์เขาทวี             เอาความดีวิจารณ์แก้แย่งชิง
เอาโศลกชี้แนะลึกซึ้งยิ่ง                   โบราณนักศึกษาจึงมีพระคุ้ม    
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27/07/2554, 01:27 โดย jariya1204 »

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                      ร้อยขันติ   

                เก้าสิบห้าขันติ  :  ยอมเสียเพื่อสงสารคนจน

        กล่าวคือ กงอี้ได้ขายวัวตัวหนึ่งราคาสองหมื่นสี่พันอีแปะ เมื่อรับเงินครบแล้ว ผู้ื้ซื้อก็จูงวัวไป พอรุ่งขึ้นอีกวัน วัวตัวนั้นก็ตายลง มีคนเดินถนนเล่าให้กงอี้ฟังเมื่อเจอะกันว่า คนซื้อวัวเมื่อวานนี้กำลังร้องไห้ กับวัวที่ซื้อมา เขาพูดว่าเขามีเงินทุนเพียงเท่านี้ เมื่อวัวตาย คนทั้งบ้านก็ควรตายตามไปด้วย  เมื่อกงอี้ได้ความชัดเจนแล้ว ก็รีบตรงไปยังบ้านของผู้ซื้อวัว ก็เห็นเขานั่งเฝ้าวัวไปร้องไห้ไป กงอี้จึงเข้าไปหาเขาแล้วถามว่า วัวตายแล้วร้องไห้ทำไม ผู้ซื้อเห็นกงอี้เข้ามาก็รีบคุกเข่าต่อหน้าแล้วร้องไห้ว่า ข้ามีเงินแค่วัวตัวนี้เท่านั้น เมื่อวัวตายก็ควรต้องตาย กงอี้ว่าเอาวัวมาแค่คืนเดียวก็ตาย วัวนี้เดิมเป็นของข้า เธอไม่ต้องเศร้าโศก เธอเอาเงินของเธอคืนไป ข้าจะเรียกคนมาเอามันไปฝังกลบเอง เธอสบายใจได้ไม่ต้องติดใจ ว่าแล้วก็เรียกผู้ซื้อไปที่บ้านกงอี้ด้วยกันเพื่อรับเงินคืน ผู้ซื้อจึงว่า ขอบคุณท่านมหาบุญ ข้ายอมรับเงินเพียงแค่กึ่งหนึ่ง กงอี้ไม่เห็นด้วย จึงคืนเงินทั้งหมดไป แล้วก้เรียกคนงานสิบคนไปที่ตลาดเพื่อนำวัวไปฝังกลบให้ลึก กงอี้ถอนหายใจพูดกับคนอื่น ๆ ว่าผู้ซื้อลดหนี้วัวไป วัวก็ลดหนี้ของข้าไป ข้าก็เรียกคนให้นำไปฝังไม่ต้องรับหนี้วัว และก็ไม่เอาหนี้คนซื้อ ชาวบ้านจึงว่ากงอี้ยอมเสียหายเพื่อให้ผู้อื่นได้ประโยชน์ นี่คือคุณธรรมของกงอี้ที่ยอมสละเพื่อผู้อื่น เป็นขันติที่  95 ต่อมาภายหลังมีคนแต่งกลอนให้

ธรรมสลายหนี้โลกโลกีย์             เพื่อคนที่โศกเศร้าอย่างเฉยเมย
มีไม่มีได้เสียสว่างเผย               ไม่ละเลยให้ผู้อื่นเสียหาย

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                     ร้อยขันติ   

               เก้าสิบหกขันติ  :  ดุว่านักพรตที่พูดจาลามก

        วันหนึ่ง กงอี้ไปงานศพที่บ้านญาติ ได้เห็นพวกนักพรตที่ไม่ควบคุมมารยาท ทำแทะโลมกับพวกผู้หญิง กงอี้คิดจะสั่งสอนพวกที่ไม่รู้ เช่นการวิจารณ์ถูกผิดเรื่องของผู้อื่น พูดเรื่องชู้สาวและการด่าทอกัน กงอี้เกล้งพูดว่า อริยเจ้าพูดว่า โจมตีเรื่องที่ผิดโทษนั้นถึงตัว ก็ให้มีนักพรตคนหนึ่งกล่าวว่า ศาสนาของเรามีเหลาจื่อ จะเทียบความผิดได้อย่างไร กงอี้ว่า ท่านเหลาจื่อก็พูดเรื่องผู้หญิงหรือ มีการด่าทอกันไปมาหรือ นักพรตว่า พวกเราขณะทำศาสนกิจก็จะควบคุม แต่เมื่อเลิกงานแล้วก็ไม่ถือสา กงอี้ว่าพระเจ้าอยู่ที่ใจ ธูปเผาในกระถาง คนโบราณว่าเมื่อตรึกคิดให้มีความจงรักภักดี แต่เมื่อเลิกก็ให้ชดเชยที่เสียหาย  ใจต้องศรัทธาซื่อตรง เรื่องสัจธรรมต้องรู้ ค้นคว้าธรรมถึงที่สุด ใจต้องจดจ่ออยู่ที่ปราชญ์อริยะ ต้องไม่ลืมคุณธรรมทุกขณะ การพูดการกระทำไม่ระมัดระวังถือว่าลบหลู่ธรรม ข่มเหงพระเจ้า เป็นการสั่งสมบาป จะพูดว่าเป็นศาสนาของเหลาจื่อได้อย่างไร พวกนักพรตรู้อับอายว่า พวกเรามีความผิดมหันต์ ยินดีรับฟังโอวาทของท่าน ขอเรียนถามท่านว่า การสวดมนต์ปลงศพช่วยเหลือผู้วายชนม์ได้หรือไม่ กงอี้ว่า พนะเจ้าบุ้นตี้พูดว่า การบูชาเทพเจ้าหรือไหว้พระพุทธะ สวดมนต์ไหว้เทพเจ้าเพื่อให้อภัยโทษบาป การสวดมนต์เพื่อบำเพญกุศลชำระความผิดต้องเป็นคนที่ซื่อตรงมาร่ำเรียน ใจก็จะรับพระเจ้าได้ หากเขาเชิญไปทำพิธีสวดมนต์ปลงศพก็เพื่อให้เกิดความรู้สึกต่อลูกหลานญาติมิตรที่คุกเข่าฟังธรรมอยู่หน้าปะรำพิธี การสวดอ่านต้องชัดถ้อยชัดคำให้กระจ่างแจ้งแก่ผู้ฟังรู้ความหมาย มีใจแก้ไขแทนผู้วายชนม์ และทำให้ทาญาติคนรุ่นหลังเข้าใจเกรงกลัวการจากไปนี้ ก็จะได้ผลเต็มที่ หากไม่ใช่ทำได้แบบนี้ก็ไม่ได้บุญกุศลอะไร แถมจะได้รับเคราะห์ด้วย นักพรตว่าฟังคำสั่งสอนนายท่าน หลักธรรมถูกต้องไม่เพี้ยน  ขอเรียนถามเรื่องยมโลก ทำอะไรจึงจะรู้ว่าการสวดมนต์ปลงศพจะได้รับการตอบสนอง กงอี้ว่า ในคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ที่ปราชญ์สืบทอดกันมาว่า ไม่ว่าจะเป็นคัมภีร์ฝ่ายเต๋า หรือ ในพุทธธรรมล้วนมีพูดไว้ละเอียดชัดเจน สามศาสนา หลักธรรมเดียวกันไม่แตกต่าง คุณธรรมห้าเป็นรากที่เพิ่มเติมหากมนุษย์ได้รับวิถีธรรมสมบูรณ์ ไม่ว่าจะทางโลกหรือยมโลก ก็จะสว่างไสวด้วยคุณธรรม นักพรตยังถามต่ออีกว่า ทุกวันนี้ผู้ที่มาเป็นนักพรต ส่วนใหญ่ทำให้ครอบครัวลำบากเพราะอะไร กงอี้ว่า ความร่ำรวยแต่ไหนแต่ไรมาก็มีหลักธรรมเหมือนกัน จะพูดว่าเรียนธรรมพาให้ครอบครัวยากจน บุญล้นสั่งสมได้ด้วยการประหยัด เมื่อกุศลบารมีมากแล้ว ก็จะร่ำรวยได้เอง นักพรตพูดพร้อมกันว่า รู้สึกซาบซึ้งในโอวาทของท่าน นี่คือการชี้แนะธรรมของกงอี้ เป็นขันติที่ 96 ต่อมาภายหลังคนแต่งกลอนให้ว่า

คนดื้อไม่รู้จักหลักธรรม             การกระทำถ้าไม่มีความเกรงกลัว
กงอี้สำเร็จการสงเคราะห์คนชั่ว    ยมโลกได้อาศัยไปด้วยกัน

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                       ร้อยขันติ   

                เก้าสิบเจ็ดขันติ  :  กงอี้ปลุกเจ้าพ่อให้กลับใจ

        มีอยู่วันหนึ่ง กงอี้ได้พบผู้มีอิทธิพลคนหนึ่งชื่อ เตียฮ่ง เขาเก่งในการใช้ปากกาต่างมีด รับทำคดีความ ทั้งยังรู้ว่าในตำบนั้นใครมีใครจน เป็นผู้คบหาสมาคมกับข้าราชการในอำเภอ เขาพูดกับกงอี้ว่า คนตั้งอยู่ระหว่างฟ้ากับดิน ควรต้องทำงานมักใหญ่ใฝ่สูง เพื่อมีชื่อเป็นที่รู้จัก คนไม่กล้ามาลบหลู่ กงอี้ว่า ทำงานใหญ่โตอะไรนายฮ่งว่า คนอย่างข้าไม่มีความรู้เข้าออกอำเภอเป็นประจำนานถึง 18 ปี ไม่มีข้าราชการคนไหนที่ไม่ชอบข้า ช่วยเหลือคนให้ชนะคดีมาแล้วสี่ห้าสิบคดี ในละแวกนี้ไม่มีใครที่ไม่รู้จักข้า กงอี้ก็พูดตรง ๆ ว่า คนที่รู้จักเธอก็แต่ในนามของเจ้าพ่ออันตราย ทำไมไม่สร้างชื่อในทางซื่อสัตย์กตัญญูเล่า จะเป็นผู้ทำคุณธรรมของบรรพชนประจักษ์แจ้งในเบื้องสูง ในเบื้องล่างก็ให้ลูกหลานรุ่งเรือง ในเบื้องกลางก็ฉุดช่วยตนเอง อย่างนี้จึงนับว่าไม่เสียชาติเกิด นายฮ่งว่า ข้ามีอายุได้ 60 ปีแล้ว ยังไม่เจ็บป่วยมีลูกชายสาม ลูกสาวสี่ ชีวิตความเป็นมาอยู่ปกติ โบราณมาคนที่ภักดีกตัญญูมันจะมีชีวิตไม่ค่อยอุดมสมบูรณ์นัก พอสำหรับเลี้ยงดูบุตรเท่านั้น กงอี้ว่า ต้องรู้จักความเป็นคน มีอยู่สองแนวทางคือ ความดี ความชั่ว ผู้มีความดีตายแล้วก็ไปรับเป็นเจ้าศักดิ์สิทธิ์  ผู้มีความชั่ว ประชาชนโกรธแค้นมักจะตายไม่ค่อยดี เช่น นายชิ้งคุ่ย นายหลี่ลิ้ม  ปู่นายโจโฉ เป็นต้น ที่มีชื่อเหม็นไปตลอดกาล มีใครน่าอัปยศเท่าในสมัยนั้น ทั้งสามคนใช้อิทธิพลมาก ซึ่งไม่เป็นประโยชฯือะไรต่อมิตรสหาย เป็นคนที่รู้สึกตัวลำบาก หากยินยอมรับฟังผู้อื่น มีกฏระเบียบ มีศีล แก้ไขความผิด กระทำความดีล้วมีหรือจะต้องอัปยศไปนานนับหมื่นชาติ  นายฮ่งว่า การแก้ไขความผิดต้องเริ่มต้นทำอะไร กงอี้ว่า ให้สวดมนต์บทกำเอ่งเพียน คัมภีร์ปลุกโลกของท่านกวนอู และนรก พุทธธรรม จากง่ายไปสู่ที่ลึก ความผิดทั้งหลายไม่ทำ ความดีทั้งหลายน้อมนำ ก็จะสามารถกลับเคราะห์เป็นบุญได้ เมื่อนายฮ่งฟังจบก็พูดขึ้นว่า พร้อมชี้นิ้วไปบนฟ้าแล้วสาบาน แล้วก้ก้มหัวขอบคุณกงอี้ที่ชี้แนะ ตั้งแต่นั้นมา นายเตียฮ่งก็แก้ไขความชั่ว ไปสู่ความเที่ยงธรรม ตั้งใจศึกษาจริงจังในทางความดี นี่ด้วยกงอี้ปลุกคนให้รู้สึกตัวตื่น และแก้ไขกลับตัวเป็นคนดี เป็นขันติที่ 97 ต่อมาภายหลังคนก็แต่งกลอนให้ว่า

ช่วยไขความสงสัยลุความดี             ผู้หลงโชคดีที่พบจางกงอี้
ผู้รู้ตัวตื่นไม่ต้องใช้มุกมณี               หนึ่งอัคคีแดงหิมะละลายเอง

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                         ร้อยขันติ   

                   เก้าสิบแปดขันติ  :  เพื่อนบ้านตู่เอาลูกหมู

        เพื่อนบ้านทางซ้ายแซ่แปะ ซื้อลูกหมูมาตัวหนึ่ง พอตกดึกลูกหมูก็หลุดจากคอกหมูหายไป เจ้าของเที่ยวหาอยู่นาน 3 วัน นายแปะ มาที่บ้านกงอี้ เห็นที่บ้านกงอี้มีลูกหมูเลี้ยงอยู่ตัวหนึ่ง ดูคลับคล้ายคลับคลากับลูกหมูที่หายไป จึงพูดกับกงอี้ว่า เจ้านาย หมูตัวนี้เป็นลูกหมูที่หายไปของข้า กงอี้ว่า ถ้าหากเป็นของเจ้าก็นำกลับไป นายแปะก็จับลูกหมูกลับไปจริง ๆ คนในบ้านต่างโกรธไม่ยอม กงอี้รีบระงับไว้ว่า ปล่อยให้เขาเอาไป ข้าไม่มีหมูจะเลี้ยง หมูตัวนี้ราคาค่างวดไม่กี่อีแปะ พอนายแปะเอาหมูจับไปไม่กี่เวลา ลูกหมูที่หายไปก็วิ่งออกมาจากราวป่า นายแปะจึงรู้ตัวว่าตนทำผิดมาก มีคนบอกนายแปะให้จัดโต๊ะเลี้ยงอาหารตอบแทนกงอี้เป็นการขอขมา บางคนก็เรียกนายแปะให้เอาหมูไปคืนท่านกงอี้ แล้วนายแปะก็จับหมูไปคืนให้กงอี้แล้วพูดว่า ข้ายอมรับผิด เพราะหมูของข้าหาเจอแล้ว ขอให้เจ้านายยกโทษให้ด้วย กงอี้ว่า เรื่องเล็กน้อยน่า ทำไมต้องพูดแบบนี้ นี่คือการให้อภัยแก่กงอี้ เป็นขันติที่ 98 ต่อมาภายหลังคนก็แต่งกลอนให้ว่า

ใจกว้างจริงให้อภัยไม่ถือสา             ได้ชื่อว่าปราชญืสมปราชญ์หนา
เมฆลอยกระจายทั่วนภา                  มหากรุณาธิคุณฟ้าสดใส

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                      ร้อยขันติ   

                เก้าสิบเก้าขันติ  :  เตือนพี่น้องให้คืนดีกัน

        กล่าวคือ กงอี้มีญาติสนิทคนหนึ่งชื่อ เอี้ยฮู้ยิ้ง มาหาเพื่อขอยืมเงินและก็เรียนเชิญกงอี้ ช่วยพูดเหตุผลให้เขาสามพี่น้องฟัง ด้วยสาเหตุ น้องชายสามคนได้ยืมเงินบำนาญของบิดาไปใช้ แต่ละคนก็ยืมกันไปคนละ 2 หมื่นอีแปะ เขาสามคนฐานะยากจน กงอี้ว่า บ้านของเจ้าร่ำรวย ทำไมต้องมายืมเงินข้าเล่า มาดว่าขอยืมเงินแต่ว่าเมื่อเปรียบเทียบเจ้ากับน้อง ๆ แล้ว เงินกองกลางของบิดาจะสูญเปล่าก็สมเหตุผล ทำไมจึงไปถือสากับพวกน้อง ๆ นายฮู้ยิ้งพูดว่า พวกเรามีบิดาคนเดียวกัน กงอี้จึงตักเตือนว่า หากบ้านมีฐานะร่ำรวย ญาติพี่น้องมาพึ่งพาก็ควรช่วยเหลือ ให้สงสารผู้ยากจนด้วยการเกื้อหนุน นับประสาอะไรที่เป็นพี่น้องคลานตามกันออกมา พวกน้อง ๆ ยากจนเพราะครอบครัวมีคนมากและก็ไม่เป็นคนขี้เกียจ หากเป็นความคิดของข้า ลูกโทนจะไม่เลี้ยงพ่อแม่หรือ  ในโลกนี้มีเหตุผลเหมือนกัน ใครบ้างจะไม่อยากให้ลูก ๆ รักใคร่สนิทสนมกัน มีทุกข์ร่วมทุกข์มีสุขร่วมเสพ ถ้าพี่น้องกล่าวหากัน พ่อแม่ใจไม่สบาย แม้พ่อแม่ตายไปแล้ว วิญญาณก็ไม่สงบสุข ถึงแม้วิญญาณมีอยู่ก็เป็นการทำร้ายวิญญาณ สู้เอาพวกน้อง ๆ มาอยู่รวมกัน ไม่ว่าจะมีเงินหรือไม่มีเงิน ยอมผ่อนปรนกัน ก็สามารถทำให้ใจพ่อแม่สงบ ลูกหลานก็จะปรองดองกัน จะมีประโยชน์ทั้งคนเป็นคนตาย นายฮู้ยิ้งกล่าวว่า จะน้อมรับโอวาทนำไปปฏิบัติ ข้าจะเชิญน้อง ๆ มาพูดให้เข้าใจ พร้อมทั้งเอาเงินมาดำเนินการตามธุระนั้น แล้วกงอี้ก็ตักเตือนพี่น้องกลับมาอยู่ร่วมกัน ต่อมาลูกชายของฮ้งยิ้งก็สอบเข้าราชการได้  นี่คือกงอี้ตักเตือนพี่น้องให้กลับมาคืนดีกันใหม่ มีความรักใคร่สนิทสนมกัน เป็นขันติที่ 99 ต่อมาภายหลังคนก็แต่งกลอนให้ว่า

พี่น้องต้องหนักแน่นรักใคร่             ไม่รักใคร่ก็ฝ่าฝืนธรรมหลาย
ใจมีกตัญญูรักมิตรสหาย                สมมุ่งหมายรวมกันได้สมยศ

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                        ร้อยขันติ  

                        ร้อยขันติ  :  สำเร็จได้ร้อยขันติ เกียรติปรากฏ

        วันหนึ่งกงอี้เดินอยู่ริมแม่น้ำ เห็นชาวประมงเหวี่ยงแหติดปลาใหญ่ตัวหนึ่งยาวกว่าศอกหนึ่งเกินสี่นิ้ว มีคลีบหางเป็นคู่ ตาทั้งสองมีน้ำตาไหล มองมาทางกงอี้จึงถามว่า ปลาตัวนี้จะขยไหม ชาวประมงตอบขายก็ได้ ข้ากำลังขาดแคลนอาหาร จะขายหนึ่งพันอีแปะ  ถ้าน้อยกว่านั้นก็ไม่ขาย กงอี้เห้นปลาตัวนี้มีลักษณะพืเศษ จึงซื้อและปล่อยลงน้ำไป ปลานั้นได้กลายเป็นมังกรแล้วทำคลื่นกลบจนไม่เห็นตัว กงอี้กลับถึงบ้านไม่นาน ลูกชายตงหยิ้ง และ ตงหงี กลับมาจากโรงเรียน ก็เข้ามารายงานให้กงอี้ฟังว่า ระหว่างทางได้พบกับผู้หญิงคนหนึ่ง ขอร้องจะมาขอพึ่งอาศัย กงอี้จึงเรียกเข้ามาถามว่า เธอเป็นคนที่ไหน นางตอบว่า บ้านอยู่ที่ปักไห้  อำเภอลิ้มจั๊ว แซ่เล้ง  ชื่อ เง็กเตียง  เพราะพ่อแม่ตายหมดแล้ว ญาติพี่น้องก็ไม่มี จะหนีความลำบากมาถึงที่นี่ ได้ยินว่าท่านกงอี้เป็นผู้มีใจกุศล โปรดรับฉันไว้ด้วย กงอี้เห็นลักษณะของนางไม่ใช่คนสามัญ จึงพูดว่า ก็มาเป็นบุตรสาวบ้านข้าก็แล้วกัน จึงเรียกตงหยิ้งตงหงีและบุตรสาวเล็กในบ้านมาอยู่พร้อมหน้ากันที่ห้องโถง แล้วก็ให้มาเป็นพี่น้องกันกับลูกสาว หญิงทั้งสองอยู่ร่วมห้องด้วยกัน มีความขยันเรียนงานของผู้หญิง  กล่าวถึงหลานชายฝ่ายภรรยา แซ่ตั้ง ชื่อเง็กเช็ง ได้มาที่บ้านกงอี้เพื่อขอยืมเสื้อคลุมกับเงินสักก้อนหนึ่งเพื่อเป็นค่าเดินทางไปสอบเมืองหลวง กงอี้ได้พบกับเง็กเช็ง ถึงแม้เขาจะมีความรู้ แต่เป็นลูกที่ทารุณโหดร้าย ทำให้ครอบครัวล้มสลาย กงอี้ได้สั่งสอนตักเตือนเขาไปหลายครั้งแล้ว เขาก็ยังไม่เชื่อฟัง ดังนั้น กงอี้จึงพูดกับเง็กเช็งว่า เธอได้คิดถึงมรดกที่บรรพบุรุษที่สะสมเหลือไว้ให้เธอบ้างไหม แล้วเธอก็มาเที่ยวใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายเช่นนี้ แล้วมาตอนนี้ซิ เสื้อผ้าเงินทองที่จะเป็นค่าเดินทาง เธอก็ต้องมาขอจากคนอื่น เง็กเช็งได้ฟังวาจาเช่นนั้นก็ไม่ปริปากพูดแล้วก็จากไป  อีกสักครู่ พี่น้องสองคน ตงหยิ้งกับตงหงี ก็เตรียมตัวจะออกเดินทางไปสอบไล่ที่เมืองหลวงเช่นกัน กงอี้จึงพูดกับลูกทั้งสองว่า ลูกพี่ลูกน้องของเจ้าได้เข้ามาเมื่อเช้านี้ จะมาขอยืมเสื้อและเงินค่าเดินทาง ข้าก็ด่าว่าเขาไปหลายคำแต่ก็เป็นการตักเตือนเขา แต่เขาไม่พูดอะไรแล้วก็ออกไป ขอให้ลูกเอาเสื้อผ้าและเงินค่าเดินทางไปให้เขาด้วย แล้วให้รีบ ๆ เดินทางจะได้ไปทันเขาแล้วช่วยพูดให้บิดาด้วย  ทั้งตงหยิ้งและตงหงี รีบเก็บสัมภาระแล้วก็รีบออกเดินทาง ไม่นานนักก็มาทันกับเง็กเช็ง  เมื่อพบหน้ากันก็พูดจาตามที่บิดาบอกเอาไว้ แล้วนำเสื้อผ้ากับเงินค่าใช้จ่ายมอบให้แล้วพูดว่า บิดาของน้องเช้าวันนี้ดื่มสุรามากไปหน่อยจึงพูดจาทำให้พี่โกรธ น้องหวังว่าพี่คงยกโทษให้  ระหว่างเดินทางก็หวังให้พี่ชายช่วยเหลือด้วย เง็กเช็งว่า คนมีเงินมีอำนาจมากจะเป็นไรเล่า ตลอดทาง ตงหยิ้ง ตงหงี ก็เอาอกเอาใจเพื่อชดเชยความโกรธ ตกกลางคืนก็พัก และเดินทางตอนกลางวัน เวลาผ่านไปได้สิบกว่าวัน ก็ลุถึงเมืองหลวง หาที่พักแรมได้แล้วพักอยู่อีกหลายวันก็ถึงวันเข้าสอบ ทั้งสามคนเข้าไปสอบที่พระที่นั่งบุ้นฮั้ว สอบเขียนเรียงความ เมื่อสอบเสร็จก็กลับพักคอยที่โรงแรม  รออยู่นานกว่าเดือนจึงมีพระราชโองการปิดประกาศ ตงหยิ้งสอบได้ตำแหน่งจอหงวน  ตงหงีสอบได้ตำแห่งทำ้ฮวย  และตั้งเง็กเช็งสอบได้พั่งงั้ง  มีพระราชโองการให้ตงหยิ้ง  ตงหงี  เข้าอยู่ที่จวนจอหงวน  ฝ่ายเง็กเช็ง เห็นลูกพี่ลูกน้องได้รับตำแหน่งสูงกว่าเช่นนั้นก็รู้สึกไม่พอใจ จึงนำเอาเงินที่น้องเอามาให้ไปติดสินบนขุนนางเพื่อที่จะได้ถวายงานหน้าพระที่นั่ง ฮ่องเต้อนุญาตแต่งตั้งให้ตั้งเง็กเช็งเป็นหงื้อซือ ประจำหน้าพระที่นั่ง เป็นตำแหน่งสอดส่องความประพฤติของข้าราชการ พอมาถึงตอนนี้เง็กเช็งก็มีอิทธิพลมาก ในใจก็คิดจะหาช่องทางทำลายพี่น้อง ตงหยิ้ง ตงหงี ให้ได้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29/07/2554, 11:26 โดย jariya1204 »

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                        ร้อยขันติ   

                        ร้อยขันติ  :  สำเร็จได้ร้อยขันติ เกียรติปรากฏ (2)

        มีอยู่วันหนึ่ง ฮ่องเต้ออกว่าราชการแต่เช้า ด้วยมีข้าราชการจากชายแดน มีเรื่องด่วนจะขอเข้าถวายรายงาน ความว่า ชายแดนทะเลเหนือ จิงเทียนอ๋องเป็นกบฏฮ่องเต้จึงถามบรรดาขุนนางว่าจะให้ใครเป็นแม่ทัพไปปราบ เง็กเช็งก็ถวายรายงานว่า จอหงวนคนใหม่ เตียตงหยิ้ง เป็นผู้ชำนาญในยุทธวิถีควรให้เป็นแม่ทัพ เง็กเช็งถวายรายงานว่า ท้ำฮวยเตียตงหงี มีความชำนาญในวิชาเพลงอาวุธ  สามารถรับหน้าที่นี้ได้ จึงมีพระราชโองการแต่งตั้งให้ตงหยิ้งเป็นแม่ทัพ และ ตงหงีเป็นทัพหน้านำทหารไปสิบหมื่นให้เตรียมออกศึกภายใน 5 วัน  กล่าวฝ่าย ตงหยิ้ง ตงหงี เกิดความกลัวที่ต้องรับภาระหนักเช่นนี้ จึงมาอำลาเง็กเช็ง เง็กเช็งหัวเราะว่า คนมีเงินเคลื่อนทัพมีอะไรจะทำไม่ได้ ทั้งสองคนพี่น้องกัดฟันโกรธ พอครบวันที่ 5 ก็มาอำลาฮ่องเต้เพื่อออกศึก นำกองกำลังสิบหมื่นเดินทัพไปถึงปักไห้ ตั้งทัพอยู่ที่อำเภอลิ้มจั้ว แล้วเลือกวันเข้าตีจิวเทียนอ๋อง ในที่สุดก็ถูกล้อม  จะเดินหน้าหรือถอยหลังก็ไม่ได้  กล่าวฝ่าย ตั้งเง็กเช็งที่อยู่เมืองหลวง จิตใจโหดเหี้ยมดุจสุนัขจิ้งจอก วางแผนทำลาย ตงหยิ้ง ตงหงี  ยังไม่สะใจ ตอนนี้ก็คิดหาทางทำลายกงอี้ทั้งครอบครัว จึงกราบทูลเท็จต่อฮ่องเต้ว่า ผู้น้อยเป็นคนบ้านเดียวกัน จอหงวนคนใหม่ จึงรู้ว่าบิดาของจอหงวน จางกงอี้มีของวิเศษอยู่ 3 อย่าง ตามเหตุผลแล้วควรนำมาถวายฮ่องเต้จึงจะถูก ของวิเศษ 3 อย่างคือ 1. เสื่อหนวดมังกร  2. พรมหนวดกุ้ง  3. มุกราตรีเม็ดใหญ่  ฮ่องเต้ตรัสว่า เอ้อดีมาก ข้าจะมีราชโองการให้เจ้าเอาไปสู่จางกงอี้เพื่อให้เขานำมาถวายด้วยตนเองจะได้แต่งตั้งยศให้ เง็กเช็งจึงทูลเท็จต่อไปอีกว่า จางกงอี้เป็นคนที่ตระหนี่ เป็นคนไม่ซื่อสัตย์ ชอบกระทำป่าเถื่อน เกราว่าเขาจะไม่เอามาถวาย ฮ่องเต้ตรัสว่าถ้ามีของมาถวายก็็จะแต่งตั้งให้เป็นจอหงวนถวายงานวิเศษ ถ้าไม่ยอมก็ประหารทั้งบ้านให้หมดสิ้น  เง็กเช็งรับพระราชโองการ แล้วกลับไปที่จวนเพื่อเตรียมตัวออกเดินทางในวันรุ่งขึ้นระหว่างทางมาถึงเมืองไหนก็มีเจ้าเมืองมาต้อนรับ มาถึงอำเภอไหนอำเภอนั้นก็ต้อนรับ ตลอดทางก็รีดไถมาได้ไม่น้อย เมื่อมาถึงอำเภอที่ตนอยู่ก็ให้ม้าเร็วรีบรุดหน้ามาแจ้งแก่จางกงอี้ ให้กงอี้ออกมาต้อนรับที่ศาลาสิบลี้  กล่าวฝ่ายกงอี้ ซึ่งไม่ทราบเหตุผลกลใด ที่มีฝูงอีกาบินมาทางทิศใต้ มาลงที่หน้าบ้าน แต่ละตัวปากจะคาบกิ่งไม้มากิ่งหนึ่งแล้วก็ปล่อยลง กระโดดโลดเต้นร้องหนวกหู กงอี้ทั้งตกใจและดีใจ กงอี้กับคนในบ้านพากันมาดู ก็มีคนหนึ่งพูดว่าเพราะท่านกงอี้ปล่อยสัตว์ บุญกุศลซาบซึ้ง พวกนกพิราบบินมาถึงบ้านแล้วคาบกิ่งไม้ลงมา คงเป็นเจ้านายจะได้โชคลาภ ขณะที่ทุกคนกำลังดูอยู่ ก็ให้มีนกเหยี่ยวก็บินมาแต่ทิศใต้ แล้วก็คว้าเอานกพิราบไปตัวหนึ่ง พวกคนงานก็ถือไม้ตีมันไป บังเอิญตีถูกหัวนกมันจึงตกตายอยู่ที่พื้น นกพิราบก็เลยบินหนีไป กงอี้ถอนหายใจว่า ไม่ทำร้ายที่เลวก็ยากที่จะปกป้องที่ดี  ทันใดก้ได้ยินที่หน้าประตู มีเสียงม้าดังอยู่ที่หน้าบ้าน พอออกมาดูกัน ก็เห็นม้าเร็วมาแจ้งให้กงอี้ไปรับราชโองการที่ศาลาสิบลี้ รอต้อนรับขุนนางใหญ่ที่มาจากเมืองหลวง กงอี้เรียกคนในบ้านให้จัดสุราอาหารไว้คอยต้อนรับ แล้วกงอี้ก็แต่งตัวเพื่อเดินทางไปที่ศาลาสิบลี้เพื่อรอต้อนรับ ก็ได้เห็นว่าขุนนางผู้ใหญ่คือหลานชายนั่นเอง กงอี้ดีใจพูดว่า หลานผู้สูงศักดิ์ กงอี้มาต้อนรับเป็นพิเศษ เชิญดื่มสักจอกหนึ่งแล้วค่อยว่ากัน ตั้งเง็กเช็งไม่คารวะตอบ และก็ไม่ลงจากรถด้วย คือทำเป็นไม่สนใจ จนกระทั่งเดินทางมาถึงบ้านของกงอี้จึงลงจากรถ  แล้วออกคำสั่งให้กงอี้จัดโต๊ะบูชา ให้หันหน้าไปทางทิศใต้ แล้วคุกเข่าคารวะสี่ตอนแปดกราบเสร็จแล้วให้คุกเข่ารับราชโองการ แล้วเง็กเช็งก็อ่านราชโองการว่า ตั้งเง็กเช็งได้แจ้งว่าบ้านจางกงอี้ได้เก็บเมื่อหนวดมังกร  พรมหนวดกุ้ง  และมุกราตรีเม็ดใหญ่ทั้งสามอย่างเป็นของวิเศษคู่บ้านเมือง จึงมีโองการให้จางกงอี้ไปเข้าเฝ้าถวายของด้วยตนเอง ก็จะเป็นที่รักใคร่ทั้งครอบครัว จะปูนบำเหน็จแต่งตั้งให้เป็นจอหงวน หากตระหนี่ไม่ยอมมอบให้ก็ต้องอาญาตายทั้งบ้าน  กงอี้กล่าวขอบพระทัยจบแล้วจึงถามเง็กเช็งว่า ของวิเศษบ้านข้ามีที่ไหน เธอรายงานเหนือหัวได้อย่างไร เง็กเช็งไม่ตอบแล้วก็มีคำสั่งให้เดินทางกลับ กงอี้ลั้งไม่อยู่ โกรธจัดจนล้มลง คนในบ้านหามเข้าห้องข้างใน หน้าตาซีดหมองคล้ำ ภรรยาตั้งฮูหยินออกมาถามสามี มีเรื่องอะไร กงอี้ไม่ตอบ ภรรยาเซ้าซี้ถามอยู่หลายครั้ง กงอี้จึงร้องเสียงดังว่า หลานตัวเองของเธอ ตั้งเง็กเช็ง ใจโหดเหมือนเสือ อยากจะทำลายครอบครัวของข้าทั้งหมด ฮูหยินว่า เง็กเช็งหลานชายของข้าถือราชโองการมาถึงที่นี่ ยังไม่ทันพบหน้าก็กลับไปแล้ว คงคิดมุ่งทำร้ายแน่นอน

Tags:
 

มหาปณิธาน

พระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ (地藏王菩薩)

มหาปณิธานพระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ (地藏王菩薩)

“...เพื่อหมู่สัตว์ทั้งหกภูมิผู้มีบาปทุกข์ ข้าพเจ้าจะใช้วิธีการต่างๆ ช่วยให้หลุดพ้นจนหมดสิ้น แล้วตัวข้าพเจ้าจึงจะสำเร็จพระพุทธมรรค”