collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: ร้อยขันติ : คำนำ  (อ่าน 57685 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                    ร้อยขันติ   

              หกสิบแปดขันติ  :   รักผู้อื่นเสมือนบุตร

        กล่าวคือวันหนึ่งกงอี้ไปที่ตลาด บนถนนพบเด็กชายอายุประมาณขวบกว่า บนตัวไม่มีหลักฐานอะไร ผู้คนข้างถนนก็พูดกันว่าเป็นเด็กที่ถูกทิ้ง กงอี้จึงอุ้มเด็กน้อยกลับบ้าน อาบน้ำแต่งตัวเลี้ยงดูอยู่ประมาณ 10 วัน  กงอี้ก็เขียนหลักฐานเกี่ยวกับเด็กเพื่อยกให้ อึ้งฮก เป็นบุตร เพราะอึ้งฮกไม่มีบุตร อึ้งฮกรู้ข่าวนี้แล้วแต่ยังคลางแคลงใจอยู่ จึงยังไม่ตัดสินใจว่าจะรับเด็กหรือไม่  กงอี้ก็ยังให้ข้าวสารอีก 20 ถัง แต่อึ้งฮกบังคับให้กงอี้เขียนหนังสือการรับรองการเอาเด็กไปเลี้ยง กงอี้จึงเขียนว่า หนังสือสัญญาอุ้มเด็กไปเลี้ยง  จางกงอี้ยอมให้อุ้มเด็กไปเลี้ยง เพราะทางบ้านไม่สามารถรับเลี้ยงเด็กเล็กได้ จึงยอมให้อึ้งฮกอุ้มเด็กไปเลี้ยงเพื่อสืบสกุล นายอึ้งฮกก็ตั้งชื่อว่า อึ้งกวงเม้ง ยอมให้เรียนหนังสือ เติบโตก็ให้แต่งงาน แม้ต่อมาเกิดมีบุตรชายตนเอง มรดกก็ต้องแบ่งเท่ากัน สองสามีภรรยาจะไม่เห็นแก่ตน ข้ายินยอมยกเด็กให้ แก่อึ้งฮกด้วยความเต็มใจ และขอให้กวงเม้งประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่ เสร็จแล้วก็มอบหนังสือให้อึ้งฮกเก็บไว้ ต่อไปก็จะไม่ถามหาเด็กคนนี้อีก  ต่อมาภายหลังเด็กเติบโตเป็นผู้ใหญ่ครอบครัวก็ร่ำรวย เด็กคนนี้มักจะพูดกับคนอื่นว่า ปู่ของข้ากงอี้ไม่น่าเอาข้าอุ้มออกจากบ้าน บั้นปลายได้กลับมาหากงอี้บ่อย ๆ กงอี้ก็ยังกระทำกับข้าเหมือนลูกตนเอง นี่คือคุณธรรมของกงอี้ เป็นขันติที่ 68 ต่อมาภายหลังคนแต่งกลอนให้

พระคุณแผ่ทุกแห่งหน             กุศลลับยิ่งพิศดาร
โลกเหนือปสันนาการ              ยกเป็นอาจารย์ผู้ยิ่งยง

หมายเหตุ !  ปสันนาการ : น่าเลื่อมใส

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                    ร้อยขันติ   

             หกสิบเก้าขันติ  :   แก้สันดานชั่วด้วยธรรม

        นายเอ็งสือมุ่ย เป็นเพื่อนบ้านที่อยู่ไกลออกไป เป็นผู้มีวาจาหยาบคาย ชอบยุแหย่ให้คุณมีคดีกัน ทั้งยังชอบนินทาผู้หญิง แม้แต่กงอี้ก็ยังถูกข่มเหงอยู่เบื้องหลัง เขาเข้าสอบเป็นข้าราชการแต่สอบไม่ได้หลายครั้ง เขาจึงมาหากงอี้เพื่อถามไถ่ว่า ข้ามีเรื่องอะไรขัดขวางจึงสอบไม่ติด กงอี้ว่า เจ้ามาถามจะไม่ตอบก็ไม่ได้ พูดไปก็เกรงว่าเจ้าจะไม่พอใจ แต่เพื่อชี้ทางหลงให้จะไม่พอใจก็ช่างเถอะ ปกติคนที่เรียนหนังสือเด่นกว่าคนอื่นก็นับว่าเลิศ มีคุณธรรมวาจาดีนิสัยดี ถ้าจะวิจารณ์การกระทำของเจ้าแล้วต้องถือว่าทางชั่วยังไม่หยุด เย่อหยิ่งในความเก่งรังแกคนโง่ยกหางคนฉลาด ผู้ถึงคุณธรรม ชอบยุแหย่คนให้มีคดีความ ชอบนินทาผู้หญิง พูดถึงนิสัย ถ้าไม่แก้ไขให้ปกติ น่าเจ็บใจที่ไม่เคารพตน ไม่หันสู่ความดี เพียงแต่เจ้าพิจารณาดูก็ไม่มีใครเทียบได้ สือมุ้ยจึงว่า สมัยก่อน ตงอึ้ง ได้ฟังความผิดของตนก็ปิติยินดี ข้ารู้สึกว่าท่านพูดตรง ๆ  สอนข้า ฯ ถือเป็นอาจารย์ของข้า  ขอเรียนถามว่ามีวิธีไหนที่จะถ่ายถอนบาปได้ กงอี้ว่า โบราณว่า กุศลกันความผิดได้ ความดีปิดความชั่วได้ ในการุณยธรรมไม่มีโทษ ขยันแก้ไขโทษที่ไม่การุณย์ เพื่อหวนสู่กรุณา โทษก็ไม่มีในธรรม ขยันแก้ไขโทษที่ไม่เป็นธรรม เพื่อหวนสู่ธรรม ตัวอย่างท่านบุ้นเซียงฮ่องเต้กล่าวว่า ทำความดีบ่อย ๆ  ทำบุญลับทุก ๆ อย่าง นี่คือทางแห่งเสนาบดี สือมุ้ยผงกศรีษะขอบคุณว่า ขอบคุณที่สั่งสอน แล้วกลับบ้านตระเตรียมทำใบฏีกาแล้วอ่านต่อหน้าพระเจ้าบุ้นเซียงฮ่องเต้ ตั้งสัตย์สาบานว่า ผู้น้อยสือมุ้ย เมื่อก่อนไม่รู้จึงทำผิดคุณธรรมบ่อย ๆ  ทำเรื่องไม่การุณย์ไม่เป็นธรรม จากวันนี้ไป ความชั่วทั้งหลายไม่ทำ ความดีทั้งหลายให้กระทำ พอขึ้นปีถัดไป เขาก็สอบไล่ได้เป็นข้าราชการ นี่คือกงอี้แก้สันดานคนชั่วด้วยธรรม เป็นขันติที่ 69 ต่อมาภายหลังคนก็แต่งกลอนให้

ความดีนำสู่จิตฟ้า             เจอะหน้ากล่อมคนได้
หันสู่ความดีสอบไล่ได้       รีบขจัดไปความชั่วเก่า

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                  ร้อยขันติ  

           เจ็ดสิบขันติ  :   แก้บาดหมางกลับถูกกล่าวหา

        วันหนึ่ง ขณะที่กงอี้เดินไปสำรวจนา ระหว่างทางก็เห็นคนหนุ่มอายุ 20 ปีเศษ ในมือถือมีดคม หันมาถามกงอี้ว่า ท่านอยู่ที่นาแถวนี้คงต้องเห็นนายเตี๋ยซิงผ่านมาทางนี้ กงอี้ว่า  ไปไกลแล้วผ่านไปนานแล้วตามคงไม่ทัน  กงอี้เห็นคนนี้กำลังมีอารมณ์ร้ายทั้งยังมีอาวุธในมือ จึงพูดว่าไปไกลแล้ว แล้วก็เรียกคนหนุ่มคนนั้นให้หยุดสักครู่ กงอี้ถามว่ามีเรื่องอะไรกันหรือจึงร้อนรนถึงขนาดนี้ นายโง้วเซยตอบว่า คนที่ผ่านไปชื่อ เตี๋ยซิง เป็นศัตรูของข้า  เมื่อปีที่แล้วมันใส่ความข้าว่าเป็นขโมย มันไปฟ้องที่ศาล ข้าถูกโบยจนต้องยอมรับ  ถูกขังอยู่ 1 ปี พ่อข้าอยู่บ้านกลุ้มใจตาย  จนพ้นกำหนดถูกปล่อยออกมา โชคดีที่แม่และเมียยังอยู่  วันนี้เห็นศัตรู ข้าก็เตรียมอาวุธมาฆ่ามันให้หายแค้น กงอี้ว่า ข้าวปลาอาหารที่บ้านเจ้าบริบูรณ์หรือไม่ โง้วเซย ตอบว่า ทำไมหรือ กงอี้ว่าเจ้าลองคิดดู ถ้าฆ่าเขาตายก็ยากที่จะต้องชดใช้โทษด้วยชีวิต แม่กับเมียเจ้าคงต้องลำบากเป็นแน่ โง้วเซยได้ฟังแล้วก็น้ำตาไหล ว่า ต้องยากแค้นแน่ ๆ  กงอี ก็เตือนว่าให้ยุติแค้นเสีย แล้วปล่อยชีวิตตามลิขิตฟ้า ให้ฟ้าดินไปลงโทษเขา เจ้ากลับบ้านไปขยันทำงานเลี้ยงครอบครัวดูแลแม่ อดออมสร้างครอบครัว โง้วเซยว่า มันกล่าวหาข้าว่าเป็นขโมยรับได้ยาก แต่ก็ไม่ติดตามไปกล่าวฝ่ายนายเตี๋ยซิง ได้ข่าวว่า วันก่อนนายโง้วเซยจะตามฆ่าเขา ถูกกงอี้ตักเตือนไว้ เวลาผ่านไป 3 วัน จึงมาหากงอี้ที่บ้าน เพื่อถามเรื่องราว กำลังจะเริ่มเรื่องก็ให้พอดีนายโง้วเซยก็มาหากงอี้  พอเข้าประตูมาเห็นเตี๋ยซิง ก็เข้าไปขยุ้มที่หน้าอกจะต่อยหน้า โชคดีที่ทั้งสองไม่มีอาวุธอยู่ในมือ กงอี้ต้องเข้าไปห้ามว่า อยู่ที่บ้านข้าห้ามตีกัน ขอให้ทั้งสองนั่งลงก่อน มีเรื่องให้คุยกันอย่าใช้กำลัง ภาษิตว่า สองเสือกัดกันย่อมมีตัวหนึ่งตาย เรื่องต้องเจรจายอมความกันดีที่สุด กงอี้เจรจาให้เตี๋ยซิงจ่ายเงิน 2 พันอีแปะ เพื่อสลายความแค้นต่อไป ทั้งสองฝ่ายก็ให้ดีกัน ภาษิตว่า แค้นให้แก้ไม่ให้ผูก เตี๋ยซิงก็ตอบตกลงยอมความ แต่พูดว่าตอนนี้ข้ายังไม่มีเงิน จึงหันมาขอยืมเงินกงอี้เพื่อให้ไปก่อน กงอี้ต้องการแก้ไขเรื่องนี้ จึงยอมให้เตี๋ยซิงยืมเงินก่อน จึงเตรียมเงิน 2 พันอีแปะ กับเตรียมสุราอาหารมาเลี้ยงเพื่อความปรองดอง เสร็จแล้วต่างคนก็ต่างกลับไป คาดไม่ถึงว่านายเตี๋ยซิง เป็นคนที่ไม่ดี  พอกลับบ้านก็กล่าวหากงอี้กับโง้วเซยวางแผน ช่วยกันด่าว่า ยืมเงินก็ไม่คืนให้  กงอี้ได้ฟังวาจาก็ถอนใจว่า เกรงว่าฟ้าจะไม่อภัยบาปให้ แล้วก็วางเฉย  พอรุ่งขึ้นอีกปีในเดือนเก้า นายเตี๋ยซิงก็ก่อเรื่อง ทั้งสองฝ่ายต่างไม่ยอมกัน  จึงถูกเขาตีตาย นี่คือบาปบุญย่อมมีการตอบสนอง เพียงแต่ช้าหรือเร็ว เพราะฉะนั้นเป็นคนต้องตรง เคารพรักษาความการุณย์ยุติธรรมและคุณธรรม เป็นหนทางที่ดีที่สุด นี่คือกงอี้แก้ไขคดีความ แต่ถูกกล่าวหา เป็นขันติที่ 70 ต่อมาภายหลังคนก็แต่งกลอนให้

แก้คดีความให้ปรองดอง             กลับถูกของกล่าวหาทำอัปยศ
มีหรือฟ้าจะยอมคนทรยศ            เป็นกบถถูกฆ่าดูอย่างไร
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11/07/2011, 18:44 โดย jariya1204 »

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                     ร้อยขันติ   

             เจ็ดสิบเอ็ดขันติ  :   ส่งเสริมการศึกษา

       ก็เป็นที่รู้อยู่ว่านิสัยของกงอี้ต้องการให้ลูกหลายชาวบ้านมีความรู้จึงได้เชิญเพื่อน ๆ ที่อยู้ใกล้เคียงกัน 8 คนรวมทั้งตนเองด้วย ให้มาร่วมใจกันส่งเสริมการศึกษาให้แก่บุตรหลานของครอบครัวยากจน ทุกคนเห็นด้วย และตกลงกันว่าแต่ละคนจะออกค่าใช้จ่ายคนละ 2000 อีแปะ กับข้าวสาร 2 ถัง เพื่อตั้งโรงเรียนจ้างครูมาสอนกงอี้เป็นผู้จ่ายก่อน 3 เดือนก็เวียนมาถึงคนอื่น 7 คน ก็จะจ่ายต่อ กงอี้เห็นว่าเป็นจริง จึงค่อยทยอยจ่ายไปหมดแล้ว ที่เหลือ 7 คนไม่ยอมจ่าย เงินก็ไม่ยอมให้ ทั้งยังพูดจาถากถางกงอี้ว่าเป็นผู้ส่งเสริมจอมปลอมหวังจะได้ชื่อเสียง กงอี้ได้ยินแล้วก็โกรธมากจึงเปลี่ยนความคิดว่า ความดีตามแต่ฉันจะทำ บุญสุดแต่ฟ้าจะให้ จึงทำอารมณ์ให้ปกติแล้วพูดกับพวกเขาว่า ปีนี้ถือว่าข้าเป็นผู้ออกก็แล้วกัน ปีหน้าค่อยว่ากันใหม่ ทุกคนก็หัวเราะกัน กงอี้ได้ส่งเสริมการศึกษาติดต่อกันมา 3 ปี และได้ขอร้องผู้มีคุณธรรมช่วยกันบริจาคเงินเพื่อซื้อนาไว้เก็บค่าเช่ามาใช้จ่ายในหมู่บ้าน  ประชาชนได้รับการส่งเสริมจำนวนนับไม่ได้ นี่คือตัวอย่างที่กงอี้ส่งเสริมการศึกษา ซึ่งเป็นธุรกิจอันดับหนึ่งที่คนพึงกระทำ เป็นขันติที่ 71 ต่อมามีคนแต่งกลอนให้

ส่งเสริมการศึกษาอบรมคน            ดวงกมลสูงส่งซึ้งอริยะ
คนโกงไม่ได้รับแม้ขณะ               กงอี้มุ่งมานะได้ศักดินา

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                    ร้อยขันติ   

            เจ็ดสิบสองขันติ  :   กงอี้สร้างกุศลบริจาคโลงศพ

        เพื่อนบ้านที่ไกลออกไปคนหนึ่งชื่อ โง้วเจี่ยฮวด ได้มาหากงอี้แล้วแจ้งว่ามีคนตายอยู่ข้างถนน อยากจะขอร้องให้กงอี้บริจาคโลงศพ แล้วตนเองจะนำไปฝังเองกงอี้ได้ยินก็พูดด้วยความปิติว่า นี่เป็นงานกุศลจึงให้เงินค่าโลงศพแก่เจี่ยฮวด แล้วให้เขาจัดการฝังกลบให้เรียบร้อย เจี่ยฮวดเรียกคนหามศพไปที่อื่นแล้วโยนศพลงแล้วก็กลับไป กงอี้รู้เข้าก้เรียกให้คนท้องที่ช่วยเหลือฝังกลบ ชาวบ้านพูดกันว่าควรเรียกเจ้าหน้าที่มาชันสูตรศพก่อนค่อยฝัง เพื่อป้องกันคดีความ กงอี้จึงเชิญเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นมาตรวจสอบแล้วฝังกลบ เสร็จแล้วก็จัดอาหารสุราเลี้ยงพวกเขา พวกอาวุโสก็พูดว่า โง้วเจี่ยฮวด ไม่มีน้ำใจบอกให้กงอี้ไปต่อว่าเขา กงอี้ว่า การบริจาคโลงศพเพื่อไม่ให้ร่างกายต้องเปิดเผย การที่โง้วเจี่ยฮวดไม่มีน้ำใจก็ช่างเถอะ ข้าเข้าใจคุณธรรมดีจึงไม่ถือสา แต่น่าเสียดายบุญกุศลนี้ กล่าวถึงโง้วเจี่ยฮวด ภายหลังรู้ว่ากงอี้ไม่ถือสาเขา ทั้งยังพูดอวดตัว ได้ยินว่ากงอี้เป็นคนฉลาดยังตกหลุมพลางของเขา ภรรยาของเขาก็พูดต่อว่า ทำร้ายคนอื่นในที่สุดก็ทำร้ายตนเอง นายเจี่ยฮวดได้ยินภรรยาพูดเช่นนั้นไม่ดี จึงโกรธจัดเลยคว้าไม้ตะพตตีภรรยา ฝ่ายภรรยาถูกตีก็ยิ่งพูดจาเลอะเทอะ นายเจี่ยฮวดก็ยิ่งตีใหญ่ พอตกกลางคืนภรรยาก็ผูกคอตาย ชาวบ้านได้ยินว่าภรรยาถูกเขาตีจนตาย จึงไปร้องเรียนที่อำเภอ ในที่สุดบ้านนายเจี่ยฮวดก็บ้านแตกสาแหรกขาดหมดตัว คติว่า โชควาสนาไม่มีสองครั้ง  เคราะห์ภัยไม่มีหนเดียว เจี่ยฮวดเจ็บป่วยจึงไปหากินไม่ได้ ในที่สุดก็อดอยากจนตาย นี่แหละหนา เคราะห์ภัยโชคลาภไม่มาเอง คนต่างหากหามาเอง นี่คือกงอี้บริจาคโลงศพ เป็นขันติที่ 72  ต่อมาภายหลังคนก็แต่งกลอนให้

วางแผนเล่ห์เหลี่ยมคนโกงรับ             ควรรู้ว่าฟ้าปรับขับเคราะห์ให้
ผู้มีคุณธรรมมีมงคลรับได้                  กรรมใดใครก่อรับไปเอง

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                       ร้อยขันติ   

                เจ็ดสิบสามขันติ  :   สงสารสัตว์

        ประมาณเดือนมีนาคม กงอี้ออกไปสำรวจนา มองเห็นนาข้าวของเพื่อนบ้านชื่อ เอี้ย มีน้ำแห้ง มีลูกกุ้งจำนวนมากจะถูกแดดเผา กำลังจะตาย กงอึ้จึงพูดว่า สมัยก่อนต้าซ้ง เสี่ยงซ้ง ยังสร้างสะพานไผ่ช่วยเหลือมด ช่วยชีวิตนับหมื่น ข้าเองก็สร้างสะพานหากไม่ช่วยก็ไม่ดี ว่าแล้วก็เอาตะกร้า แล้วลงไปในนาแล้วจับพวกกุ้งลงไปปล่อยในแม่น้ำ เด็กน้อยบ้านเอี้ยเห็นแล้วก็ร้องด่าว่าขโมยต้นข้าว กงอี้วางเฉย ต่อมานายเอี้ยก็มาที่นาข้าว เห็นกงอี้จับกุ้งไปปล่อยที่แม่น้ำจึงถามว่า ทำไมจึงรักชีวิตกุ้งนัก  กงอี้ว่า แม้ชีวิตกุ้งจะเล็ก แต่ฟ้าก็เมตตาให้มาเกิด ข้าเห็นว่ากุ้งมันกำลังขาดน้ำจึงจับมันปล่อยที่แม่น้ำ นายเอี้ยพูดว่า การกระทำของท่านรักชีวิตสัตว์จริงๆกงอี้ว่า โดยเฉพาะคนทำนายิ่งต้องรักสัตว์มาก ๆ  นายเอี้ยว่า ดีใจที่ได้ยินเช่นนี้ กงอี้ว่า เห็นสัตว์ไม่ถูกทำลายก็ว่ารักสัตว์ เห็นงูไม่ตี เห็นมดไม่เหยียบ เห็นพิราบไม่เอาตะข่ายดัก เห็นปลาสัตว์น้ำแม้ชีวิตจะเล็กไม่จับ เห็นสัตว์ป่าไม่จับ ทั้งหมดนี้ ถือว่าเป็นผู้รักชีวิตสัตว์ เวลาไปทำนาเดินเข้าเดินออก ตาไม่เห็นไปเหยียบสัตว์โดยไม่ตั้งใจ ฟ้าก็ไม่ลงโทษ นายเอี้ยว่าถ้ารักชีวิตสัตว์จะมีประโยชน์อันใด เป็นการช่วยให้ฟ้าดินสำเร็จเป็นมหากุศล ได้ประโยชน์ตามแต่ฟ้าจะประทาน ตามที่พระเจ้าบุ้นเซียงว่า เวลาเดินเห็นมดเห็นหนอนไม่ให้เหยียบ ช่วยดับไฟไม่ให้เผาป่า สัตว์บกสัตว์น้ำควรปล่อย อย่าจับมากักขัง ควรปล่อยเสีย ในคัมภีร์กำเอ่งเพียนว่า ไม่ฆ่างูฆ่าเต่า เรียกได้ว่าผู้รักสัตว์ นายเอี้ยว่า รู้สึกซาบซึ้งคำสอนของท่าน ที่ทำให้รู้จักรักชีวิตสัตว์ นี่คือขันติที่  73 ต่อมาภายหลังคนแต่งกลอนให้

องค์กุศลเป็นความประสงค์จิตฟ้า             ด้วยเมตตารักสัตว์ชั่วชีวา
ย่อมได้รับผลสนองไม่มุสา                    เร็วหรือช้าย่อมได้รับครบถ้วน

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                   ร้อยขันติ   

              เจ็ดสิบสี่ขันติ  :   ใจกว้างไม่ทวงจอบ

        กล่าวคือ วันหนึ่งกงอี้ออกไปข้างนอก มองเห็นที่ข้างถนนมีต้นหนามล้ำทางออกมา จะเกี่ยวถูกคนได้ง่ายเกิดอันตราย ทำให้ผู้สัญจรไม่สะดวก จึงเอามีดตัดฟันและใช้จอบขุดเอารากออก พอถึงเที่ยงวัน้นั่งพักอยู่ใต้ต้นไม้ มีคนแก่คนหนึ่งเดินผ่านมา เห็นที่ถนนมีจอบวางอยู่เล่มหนึ่ง รู้สึกดีใจจนออกนอกหน้า แล้วพูดเปรย ๆ กับตนเองว่า สวรรค์ช่วยให้จอบแก่ข้า ข้ากำลังขาดแคลนจอบอยุ่พอดี เครื่องมือทำมาหากิน พูดจบก็มองดูรอบ ๆ เห็นไม่มีคนอยู่จึงยกจอบขึ้นพาดบ่าแล้วรีบวิ่งออกไป กงอี้ได้ยินทุกคำชัดเจน อยากจะเรียกคนแก่คนนั้นให้หยุด แล้วทวนคืดขึ้นมาว่า เขามีอายุเกือบเจ็ดสิบ บ้านก็ยากจน ใบหน้าก็ไม่มีราศี สู่ยอมเสียจอบเล่มหนึ่งช่วยให้เขาไปทำมาหาเลี้ยงชีวิต เสียจอบเล่มหนึ่งสามารถช่วยคนหิวได้หนึ่งคน จึงไม่ติดตามให้เขาตกใจ ปล่อยให้เขาเอาไป นี่คือความใจกว้างของกงอี้ เป็นขันติที่ 74 ต่อมาภายหลังคนก้แต่งกลอนให้

ซ่อมถนนถือว่ามีเกียรติใหญ่             ใจกว้างไม่ถือสาให้เขาไป
ถากถางเสร็จเป็นถนนใหญ่               ชาวประชาหน้าใสไปมาสะดวก

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                     ร้อยขันติ   

               เจ็ดสิบห้าขันติ  :   สร้างโป๊ะข้ามคลองให้คนไปมา

        มีอยู่วันหนึ่ง ต้องการข้ามไปทางใต้ของคลอง เห็นเรื่อเอกชนลำใหญ่รับส่งผู้โดยสารไปมา แ่ต่เรือลำใหญ่และหนัก ผู้โดยสารไปมาไม่สะดวก จึงมีใจเป็นหัวหน้าขอบริจาคจากคนร่ำรวย รวมทั้งตนเองเป็นสิบคน เพื่อสร้างโป๊ะชักลอกไปมาง่าย ทุกคนช่วยกันออกเงินหนึ่งหมื่นอีแปะ ตอนงานสร้างโป๊ะเสร็จมีคนหนึ่ง แซ่ถั้ง ไม่ยอมให้เงินที่รับปากจะบริจาค แถมยังด่าใส่กงอี้ด้วย ผู้บริจาคทั้งหลายรู้เรื่องเข้าก็พากันไม่พอใจ บอกให้กงอี้ไปฟ้องศาล ทุกคนพร้อมจะไปเป็นพยาน กงอี้ว่าพวกท่านหวังดีต่อข้า แต่สำหรับคุณถั้งแล้ว ตอนที่ข้าไปขอให้บริจาคเขาไม่ยอมรับปาก แต่เพราะข้าพร่ำพูดขอร้อง ในที่สุดเขาจึงยินยอมบริจาคเพราะทนเสียไม่ได้ตอนนี้ข้าจะไปรับเงินจากเขา อาจกดดันเขาก็ได้ อีกอย่างเขาก็กำลังเมาสุรา เป็นเพราะข้าไม่รู้จักกาละเทศะไปให้เขาด่าเอง เรื่องนี้ไม่เป็นไร หากไม่ยอมออกเงินก็อาจมีเคราะห์ได้ ทุกท่านคิดดู เมื่อก่อนโน้น นักพรตเซงโคยเต้าหยิน มีเพลงสั่งสมบุญว่า เฮย !  คนสมัยนี้รู้จักแต่ทรัพย์ปัจจุบัน หารู้ไม่ว่าทรัพย์นั้นสั่งสมบุญมาแต่อดีตชาติ วันนี้ฉันจะพูดให้ผู้สั่งสมบุญรู้ เตือนโลกที่เห็นเงินสำคัญ ต้องสั่งสมบุญก่อน มีบุญก็มีเงินเอง บุญไม่มีก็เหนื่อยเปล่า ถ้าบ้านมีทรัพย์ส่วนหนึ่ง ย่อมมีบุญส่วนหนึ่ง บุญหนักกุศลมาก กุศลมากเกินก็มีเอง  ดังนั้น ผู้สุรุ่ยสุร่ายนั้น คือผู้เอาบุญที่สั่งสมไปใช้ผิดศีลธรรม ไปเสพกาม  ดังนั้น ผู้หยิ่งผยองก็เพราะเอาบุญที่สั่งสมไปข่มเหงคนจน ดังนั้น ผู้โง่เขลา คือ ผู้นำเอาบุญที่สั่งสมไปวางแผนหลอกลวงโดยไม่รู้จักเบื่อ ดังนั้น คนตระหนี่ถี่เหนียว แม้จะมีบุญสั่งสมแต่สละเงินเหมือนตัดเนื้อ ไม่ยอมปลูกเนื้อนาบุญ ยอมที่จะเป็นทาสของลูกหลาน เหลือเงินให้ลูกหลาน ตายแล้วมือว่างเปล่า แล้วก็ไปร้องไห้กับยมบาล ข้านี้สงสารชาวโลก ทั้งบอกทั้งย้ำ อย่าได้วางแผนให้ลูกหลาน ลูกหลานก็มีบุญของเขาเอง สู้มองให้ทะลุเงินทอง รีบบำเพ็ญบุญ ลูกหลานก็ได้บุญได้ยาวนานและเสวยสุขได้ยาวนาน เมื่อเพลงนี้พูดจบ ทุก ๆ คนก็รู้จักการสั่งสมบุญเป็นบ่อเกิดของความร่ำรวย ข้ายินยอมออกเงินอีกหมื่นอีแปะ จะไม่ไปถือสากับนายถั้งแล้วทุกคนก็ดีใจกันถั่วหน้า แล้วต่างก็พูดกันว่า ท่านผู้มีบุญมาก โป๊ะข้ามคลองก็สำเร็จลุล่วงยังความสะดวกให้แก่ผู้สัญจรไปมา ผู้คนรู้สึกซาบซึ้งบุญคุณไม่จบสิ้น ทุก ๆ คนต่างพูดกันว่า ท่านปู่กงอี้ดำริสร้างโป๊ะข้ามคลองให้ประโยชน์แก่ประชาชน มีบุญกุศลมาก กล่าวถึงคนแซ่ถั้ง  เวลาผ่านไปอีก 5 ปี ก็สิ้นชีวิตลง พวกลูก ๆ แย่งสมบัติกัน น้องตีพี่ตายเกิดคดีใหญ่ขึ้น น่าสงสารแซ่ถั้งที่เป็นเศรษฐีต้องสูญสลาย มีประโยชน์อันใด ขอเตือนทุกคน ทุกคนที่ทำเพื่อลูกหลาน แผนที่ยาวนานสำคัญที่สั่งสมบุญ การสั่งสมบุญคือ สร้างประโยชน์ให้แก่สาธารณะ ดังคำว่า อยากให้เขาได้ดี ตนเองก็ได้ดี  นี่แหละ เป็นพื้นฐานของการสั่งสมบุญ นี่คือการสั่งสมบุญของกงอี้ เป็นขันติที่ 75 ต่อมาภายหลังคนแต่งกลอนให้

โป๊ะแพสร้างขึ้นด้วยใจเถิด             ใจเปิดกว้างทำแพสะดวกคน
ช่วยชนไปมาเหมือนช่วยตน           บุญกุศลสร้างไว้คนหลังต่อ

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                         ร้อยขันติ   

                   เจ็ดสิบหกขันติ  :   แนะนำให้แก้ไขความผิด

        กล่าวคือ มีคนชื่อ เอี้ยเคียม ฉายา โม่งใช้  เข้าสอบข้าราชการนับสิบครั้งแแต่สอบไม่ได้ ในใจคงคิดว่าตนเองต้องมีอกุศลกรรมอยู่ วันหนึ่งจึงมาที่บ้านของกงอี้ เพื่อขอคำปรึกษาวิธีมุ่งสู่ทางกุศล กงอี้ว่า การกระทำของท่านขอให้พูดความจริง นายเคียมกล่าวว่า ข้าเรียนหนังสือตั้งแต่เยาวัยทำวจีกรรมไว้มาก ชอบนินทาเขา ว่ากล่าวสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ดูถูกอาจารย์ เขียนเรียงความข่มขู่เพื่อน เบียดบังเงิน ไม่ถนอมรักตัวหนังสือ ไม่เคารพยำเกรงบิดามารดา วางแผนเอาผลประโยชน์จากพี่น้อง เห็นพ่อแม่พี่สาวน้องสาวของชาวบ้านก็พูดจาหัวเราะเยาะ เห็นผู้หญิงใจเกิดกามราคะ เย่อหยิ่ง ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย ของกินของใช้ฟุ่มเฟือย ฆ่าสัตว์ก็มี ยุยงให้คนเขามีคดีความ ขัดขวางการทำกุศลของผู้อื่น หากเป็นเมื่อก่อนถือว่าเป็นผู้มีโทษบาปมหันต์  ดีที่ได้รับการศึกษา ตอนนี้หวนคิดถึงความผิดในอดีตแล้วรู้สึกเสียใจอย่างยิ่งที่พูดมาทั้งหมดนี้พูดจากใจของข้าทั้งหมด หวังว่าท่านจะประทานวิธีแก้ไขได้อย่างไร  กงอี้ว่า ผู้ร่ำเรียนหนังสือมีโรคนิสัยแบบนี้ไม่น้อย สำหรับท่านตอนนี้ก็เข้าใจในคุณธรรม รู้สึกละอายบาปแล้ว เพื่อต้องการแก้ไขจิตฟ้า เพื่อแก้ไขให้ได้ในเวลาอันสั้น นับว่าลำบากมาก อริยเจ้าโบราณว่า ฟ้าสร้างกรรมขัดขืนได้ ตนเองสร้างกรรมชีวิตอยู่ไม่ได้ มันเป็นเช่นนี้ ชาวโลกหลงใหลมีมาก วุ่นวายทั้งชีวิต เมื่อยังไม่รู้สึกตัวเวลามาเกิดก็เมามัว เวลาตายก็เหมือนฝัน มากมายนับไม่ถ้วน ส่วนท่านต้องการแก้ไขความผิดในอดีต ควรต้องปลูกฝังคุณสัมพันธ์ห้า แล้วสวดมนต์กำเอ่งเพียน อ่านบทชะตาลิขิต และกั๊กซี่เก็ง แล้วนำไปปฏิบัติ บาปทั้งหลายไม่ทำ กุศลทั้งปวงน้อมนำ นาน ๆ ไปย่อมได้มงคล ที่ว่าเปลี่ยนจากฆาตเคราะห์เป็นโชควาสนา ในพุทธสูตรว่า  ชาติหนึ่งตักเตือนคนด้วยวาจา ร้อยชาติตักเตือนคนด้วยหนังสือ เหมือนท่านรู้สำนึกบาปในอดีต ก็ให้เอาสิ่งที่ตนทำชั่วไว้เขียนเป็นหนังสือให้คนอ่าน ก็จะไม่ลำบากที่จะชำระล้างบาป แก้ไขต้องใช้ใจเย็นดุจน้ำแข็ง อย่างที่อริยเจ้าว่า ภายหลังตายแล้วก็จะได้รับ นายเคียม ขอบคุณกงอี้ที่สั่งสอนชี้แนะ หลังจากลากลับบ้านแล้ว ก็ปฏิบัติตามวิธีนานถึง 3 ปี พอถึงคราวสอบข้าราชการก็ไปสอบกับเขา ก็ได้รับคัดเลือก ภายหลังได้รับเลื่อนตำแหน่งเป็นขุนนางไท่ลั่ง  นี่ก็เพราะใจได้เปลี่ยนแปลงเป็นคนซื่อตรง นี่คือการหวนกลับสู่ฝั่ง นี่ก็เป็นเพราะกงอี้ชี้แนะคนมาสู่ทางกุศล เป็นขันติที่ 76 ต่อมาภายหลังคนก็แต่งกลอนให้

เอาคุณธรรมบ่มเพาะให้อุดม             ใจสว่างสมดั่งจุดประทีปญาณ
ดูประหนึ่งกำลังเจริญแตกฉาน            ขุนนางรับสนองพระบาทในวัง

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                         ร้อยขันติ   

                  เจ็ดสิบเจ็ดขันติ  :   หลักธรรมกล่อมเกลาคนพาล

        มีอยู่วันหนึ่ง กงอีได้ไปงานเลี้ยงของญาติใกล้เคียงได้พบพวกนักเลงหัวไม้กลุ่มหนึ่ง ซึ่งก็อยู่ในงานเลี้ยงด้วย พวกเขาได้สนทนากับกงอี้ พูดจาไม่เข้ากัน จึงมีคนหนึ่งแซ่เชา ชื่ออาซิง พูดขึ้นมาว่า สภาพสังคมปัจจุบันต้องแน่จริง ต้องมีพรรคพวกที่เข้มแข็ง มีฝีไม้ กงอี้ก็พูดว่า การปฏิบัติต่อสังคมต้องเอาสัจธรรม การุณยธรรม เป็นหลักเบื้องต้น บริการด้วยคุณธรรมจะเอาอำนาจบาดใหญ่ มีฝีไม้ไปวางอำนาจได้อย่างไร อาซิงได้ยินวาจาก็หันมาขมึนตา แล้วร้องด่าว่าไอ้ฉิบหาย กล้าที่จะมาต่อคำพูดกู พวกอันธพาล 5 - 6 คน ก็ลุกขึ้นช่วยกันร้องด่า กงอี้หัวเราะว่า คนเขายกย่องอาซิงว่าเป็นนักเลง น่าจะรู้ว่าใช่เช่นนั้น อาซิงก็ร้องห้ามลูกน้อง ไม่ให้พูดให้ข้าคนเดียวไปถามเขา แล้วจึงเรียกจางกงอี้ว่า ปากของเอ็งมาเคราะห์แท้ ๆ ไม่ใช่ว่าพวกข้าจะมาด่าเอ็ง ทำไม่ได้ยินเขาด่าแล้วยังมาหัวเราะ กงอี้ว่า ก็มีเรื่องดีมาจะไม่ให้หัวเราะหรือ  อาซิงว่า เรื่องดีอะไร กงอี้ว่า พวกท่าน 5 - 6 คนด่าข้า แล้วข้าคนเดียวไม่โต้ตอบ เป็นการรับบุญจาก 5 - 6 คนของพวกท่าน ข้าได้รับมาคนเดียวเต็ม ๆ จะไม่ใช่ว่าเรื่องดีหรือ เอ็งไม่เสียหน้าเมื่อถูกด่า แล้วบุญจะมาจากไหน กงอี้ว่า พวกท่านกว่าครึ่งก็หัวแหลมนี่จะไม่รู้หรือว่าบุญมาจากขันติ ท่านลองฟังให้ดี ๆ ข้าจะพูดให้ฟัง เป็นฟ้าก็มีคนด่า ฟ้าก็ไม่ตกต่ำ เป็นดินก็มีคนด่า ดินก็ไม่เห็นจะบางเบา  เป็นเจ้าก็มีคนด่า ตำแหน่งก็มีคนนับถือ เป็นขุนนางก็มีคนด่า ตำแหน่งยิ่งกลับใหญ่ขึ้น เป็นทหารก็มีคนด่า ก็ยังเป็นครอบครัวข้าราชการ เป็นประชาชนคนด่าทนได้บุญก็มา พวกท่านลองคิดดู ฟ้าดินก็มีคนด่าเหมือนกัน  ฟ้าทนได้ดินทนได้คนทนได้  บุญก็มาจากฟ้า  ทรัพย์ก็เกิดจากดิน มันจะไม่มาหาข้าหรือ ได้รับความอัปยศอดสูสามรถรับได้ ใครมีคุณธรรมกว่าเล่า ทั้งยังมีกรรมตอบสนอง  มีเทพคอยกำกับดูแล การตอบสนองมีเวลา โอวาทตังงักบ้อฮุ้งว่า แม้คนไม่เห็น เทพก็รู้แต่แรก ทำระยำที่ลับ ตาเทพดุจไฟฟ้า ตรวจดูผู้ถูกรังแก เทพศักดิ์สิทธิ์นัก มีหรือจะไม่รายงานแ่สรรค์หรือยมบาล เจ้าแห่งยมบาลฉลาดศักดิ์สิทธิ์ ยุติธรรมตรงดุจเทพ คนทำงานในโลก เทพก็ชั่งตวงบนฟ้า ที่ชั่วร้ายก็ลดอายุลดทรัพย์สมบัติ ลูกหลานตัดขาด ผู้ทำกุศลก็เอาบุญกุศลอายุของคนชั่วเพิ่มให้ เพราะฉะนั้นข้าจึงรู้ว่า บุญมาพร้อมขันติ เมื่ออาซิงฟังจบสีหน้าขาวซีด หันมาเรียกสมุนรวมกัน 18 คน  มาคุกเข่าต่อหน้ากงอี้ พร้อมกล่าวว่า พวกเราต่างไม่รู้ความกระทำผิดต่อท่าน วันนี้ได้รับการสั่งสอนยินยอมความขอขมา เสียใจในความผิดที่ผ่านมาจักแก้ไขเป็นคนดี ข้อหนึ่งจะไม่ล่วงประเวณี ข้อสองจะไม่เดินทางชั่วจะปฏิบัติจริยธรรม สาบานไม่ทำผิด เช้า - เย็น จะฟังคำสอนของท่าน กงอี้รีบพยุงเขาลุกขึ้นให้พวกเขานั่ง แล้วพูดธรรมะให้ฟัง พูดเรื่องคุณสัมพันธ์ห้า คือ ราชากับข้าราชบริพาร  บิดามารดากับบุตร  ธรรมระหว่างสามีกับภรรยา  ธรรมะระหว่างพี่กับน้อง  และธรรมระหว่างมิตร   คุณธรรมห้าก็มี  ความการุณยธรรม  ยุติธรรม  จริยธรรม  ปัญญาและสัจธรรม พวกเขาต่างพากันสรรเสริญ อาซิงว่า พวกแกไม่ได้เรียนโคลงกลอน ไม่รู้ว่าฟ้าดินเทพศักดิ์สิทธิ์ มีผลกรรมตอบสนอง วันนี้ยินดีที่ท่านพูดให้ฟังทำให้พวกเราไม่เสียชาติเกิด มิฉะนั้น ข้างหน้าคงต้องรับกรรม นี่คือหลักธรรมของกงอี้ ที่ฉุดช่วยพวกอันธพาล เป็นขันติที่ 77 ต่อมาภายหลังคนแต่งกลอนให้

สามคุณวิสัยธรรมเพิ่มเติมบุญ             ผลสนองหลักธรรมหนุนไม่แก้
จะตามใจคนต้องเอาธรรมแท้             ก็มีแต่ปิยะวาจากงอี้เอย   

Tags: