เยือนเหลาจื่อเรียนจริยธรรม 5
ขงจื่อกล่าวว่า "ขงชิวรู้สึกชื่นชมท่านมานาน วันนี้จึงมาพร้อมด้วยลูกศิษย์จิ้งสู เพื่อขอคำชี้แนะจากท่านโดยเฉพาะ จึงขอให้ท่านอาวุโสได้โปรดกรุณา" เหลาจื่อกล่าวว่า "ในเมื่อท่านทั้งสองต่างให้เกียรติ ข้าจะต้องนำสิ่งที่รู้ทั้งหมดถ่ายทอดให้อย่างแน่นอน เพียงแต่ข้าพอมีความรู้ในด้านคุณธรรมและจริยธรรมเท่านั้น หากเป็นเรื่องของคีตะก็หาได้เจาะลึกมาก่อนไม่ เอาไว้จะแนะนำเพื่อนข้าที่ชื่อฉางหงให้รู้จัก เพราะบรรพชนของเขาได้รับราชการฝ่านดนตรีมาถึงสามชั่วอายุคน เชื่อว่าคงจะเป็นที่พอใจของท่านทั้งสองเป็นแน่" ขงจื่อกล่าวว่า "ถ้าเช่นนั้นก็จักดียิ่ง แต่ขอถามท่านอาวุโส ในปัจจับันผู้คนต่างกล่าวว่าจริยธรรมในสมัยนี้หาอาจสู้จริยธรรมในสมัยก่อนไม่ จึงขอให้ท่านได้โปรดชี้แนะจริยธรรมในสมัยก่อนให้ฟังด้วยเถิด" เหลาจื่อกล่าวว่า "ทั้งหมดนั้นเพราะราชสำนักเริ่มเสื่อมโทรม เหล่าเจ้าเมืองต่างพากันแก่งแย่งชิงดี จริยธรรมสมัยก่อนล้วนเป็นจารีตที่โจวกงได้ทรงบัญญัติไว้เมื่อสมัยที่ทรงถวายงานกษัตริย์โจวอู่หวังและโจวเฉิงหวัง ในสมัยที่ราชสำนักแห่งราชวงศ์โจวเรืองบารมี จริยระเบียบล้วนพร้อมพรั่ง ทุก ๆ ฝ่ายต่างนำพาไม่ขัดฝืน แต่หลังจากราชวงศ์โจวตะวันออก* เป็นต้นมา ราชสำนักเริ่มระส่ำระสาย ความบ้าอำนาจของเหล่าขุนนางศักดินาเริ่มทวีความรุนแรง จริยธรรมแต่โบราณจึงถูกทำลายจนหมดสิ้น แต่โชคยังดีที่ในท้องพระโรง ศาลบูชาบรรพชนและตามวัดวาศาลเจ้ายังพอมีให้เห็นอยูบ้าง โบราณกล่าวว่า สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น ในเมื่อท่านทั้งสองประสงค์เรียนรู้บูรพจริยา ข้าก็จะพาท่านทั้งสองไปชมศาลบูชาฟ้าดินและศาลบูชาบรรพชนต่าง ๆ พอท่านดูแล้วก็จะเข้าใจได้เอง" ครั้นพูดจบก็นำหน้าขงจื่อและหนังกงจิ้งสูเข้าสู่ศาลบูชาบรรพชน
หมายเหตุ : ๑. แต่เดิมราชวงศ์โจว ได้ตั้งราชธานีไว้ที่ฝั่งตะวันตกของประเทศจีน แต่เนื่องจากราชสำนักเริ่มเสื่อมอำนาจ กอปรกับการถูกรุกรานจากเหล่าอริราชศัตรู ราชวงศ์โจวจึงต้องถอยร่นย้ายราชธานีไปที่ฝั่งตะวันออกของประเทศจีน ดังนั้นจึงเรียกว่า โจวตะวันออก
หมายเหตุ ๒. พระเจ้าเหยา (๒๓๕๓ - ๒๒๓๓ ปีก่อนคริสตศักราช) เป็นกษัตริย์ผู้ทรงธรรมที่ก่อตั้งราชวงศ์ถังสมัยโบราณ พระองค์ทรงส่งขุนนางสี่คนกระจายออกไปในดินแดนทั้งสี่ทิศเพื่อสำรวจงานด้านดาราศาสตร์ จากนั้นได้ทรงกำหนดวันวสันตวิษุวัต ราววันที่ ๒๐ มี.ค.) ศารทวัตษุวั ราววันที่ ๒๓ ธ.ต.) จากนั้นได้ทรงใช้วันที่ ๔ เหล่านี้มาคำนวณหาจำนวนวันในหนึ่งปีได้เท่ากับ๓๖๕.๒๕ วัน (มีความใกล้เคียงกับปฏิทินแบบสุริยคติในปัจจุบันมาก) ทั้งนี้ยังทรงมีผลงานด้านการปกครองแบบจัดสรรหน้าที่การบริหาร ทรงเลือกใช้ปราชญ์บัณฑิตทั่วแผ่นดินมาบริหาราชการ จึงทำให้บ้านเมืองร่มเย็นเป็นสุข จนได้กลายเป็นสังคมอุดมคติที่ชนรุ่นหลังมักกล่าวขวัญถึงเสมอ แต่พระราชกรณียกิจที่ผู้คนต่างยกย่องสรรเสริญเป็นอย่างยิ่งก็คือ พระองค์ทรงเป็นกษัตรย์พระองค์แรกที่ทรงยกราชบัลลังก์ให้กับปราชญ์ผู้ทรงคุณธรรมที่สุดในแผ่นดิน โดยทรงยกราชสมบัติให้กับซุ่น และต่อมาพระเจ้าซุ่น (ราชวงศ์อวี๋) ได้ทรงยกให้อวี๋ (ราชวงศ์เซี่ย) นับแต่อวี๋แล้วก็เป็นการสืบราชสมบัติแบบยกให้ทายาท ซึ่งก็ยังคงใช้อยู่นานกว่า ๔,๐๐๐ ปี จนถึงราชวงศ์ชิง