ตั้งสำนักประสิทธิ์วิชา
ปีหลู่เจากงศกที่ ๒๐ (๕๒๒ ก่อนปีคริสตศักราช) ขงจื่ออายุ ๒๙ ปี หากนับตามจีนก็จะมีอายุครบ ๓๐ ปีพอดี ในเวลานั้น ขงจื่อมีความตั้งใจในการศึกษาร่ำเรียนอย่างวิริยะ ดังนั้น จึงมีความเกร่งกล้าในศิลปวิทยาทุกแขนง ไม่ว่าจะเป็นด้านนิติศาสตร์ จริยธรรม รัฐศาสตร์แลคุณธรรม ต่างล้วนมีความแตกฉานอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ ท่านจึงมีปณิธานหมายมั่นว่าจะอุทิศตนรับใช้ชาติให้เป็นที่ประจักษ์ในโลกา แต่จะให้สังคมประจักษ์เลยยอมรับอย่างไรนัน ก็ยังคงเป็นเรื่องที่เลือนลางสำหรับขงจื่อยิ่งนัก สำหรับเหยียนลู่ เองก็มักจะมาล้อมหน้าล้อมหลังสอบถามวิชาความรู้และอ้อนวอนขอกราบขงจื่อเป็นอาจารย์อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน วันหนึ่ง เหยียนลู่ยังคงเกลี้ยกล่อมให้ขงจื่อเปิดสำนักรับลูกศิษย์อย่างไม่ลดละความพยายาม ขงจื่อกล่าวแต่เพียงว่า "หากอยู่ร่วมศึกษาขัดเกลาวิชายังพอทำเนา แต่ถ้าจะให้เปิดสำนักประสาทวิชาแล้ว ก็คงจะวุ่นวายมิใช่น้อย" เหยียนลู่กล่าวว่า "ครั้นครูประสาทวิชา จะก้าวหน้าก็อยู่ที่วิริยา ขอเพียงแต่ท่านสอนเท่านั้น ส่วนพวกลูกศิษย์จะเป็นอย่างไร ก็เป็นเรื่องแต่ละคนจะต้องรับผิดชอบกันเอง" ขงจื่อทำหน้าขึงขังขึ้นมาว่า "เมื่อข้าตั้งใจจะเปิดสอน ก็จะต้องมีความรับผิดชอบต่อลูกศิษย์ พึงรู้ว่าพื้นฐาน อารมณ์และความสามารถของแต่ละคนนั้นร้อยแปดพันเก้า หากจะให้พวกเขาต่างประสบความสำเร็จ ก็จะต้องสอนไปตามจริตของแต่ละปัจเจก" "ท่านอาจารย์กล่าวถูกต้องยิ่งนัก" ครั้นเหยียนลู่พูดจบก็รีบคุกเข่าหมอบกราบว่า "ศิษย์ขอกราบคารวะท่านอาจารย์" ขงจื่อรีบจูงมือเหยียนลู่ขึ้นพลางพูดว่า "น้องรักไยต้องถึงกับพิธีรีตองเช่นนี้ด้วย?" เหยียนลู่กล่าวด้วยความจริงจังว่า "ศิษย์ไหว้ครูไม่ใช้พิธีเช่นนี้ไม่ได้" ขงจื่อกล่าวว่า "หมายความว่าข้าจะต้องรับเจ้าเป็นศิษย์ให้ได้ใช่ไหม?" เหยียนลู่กล่าวว่า "ความจริงข้าได้เป็นศิษย์ของท่านมานานแล้วล่ะ" นับแต่นั้นมา บ้านของขงจื่อจึงได้กลายเป็นสำนักศึกษา โดยมีต้นจามจุรีเก่าแก่ที่หน้าบ้านลานเฉลียงคอยให้ร่มเงา วันหนึ่ง ขณะที่ขงจื่อกำลังสอนลูกศิษย์อยู่นั้น ทันใดได้มีเสียงเคาะประตูบ้านเข้าขัดจังหวะ ข่งหลีหูไวขาเร็วจึงรีบไปเปิดประตูต้อนรับ ปรากฏว่าเป็นชายแปลกหน้าอายุประมาณ ๒๐ กว่าคนหนึ่ง ชายคนนี้มีรูปร่างปานกลาง คิ้วดกตาโต ข่งหลีเพ่งพินิจด้วยความตะลึงอยู่พักใหญ่ จึงถามว่า "ท่านมาหาใคร?" แขกที่มาถามขึ้นอย่างสุภาพว่า "ขอถามว่า ที่นี่คือบ้านของท่านข่งฟูจื่อหรือไม่?" ข่งหลีกล่าวว่า "ใช่ เชิญท่านเข้ามาก่อน" ขงจื่อและเหยียนลู่ได้ยินเสียงจึงรีบตามไปดู ทั้งหมดต่างรวมกันที่ระเบียงบ้าน แขกผู้มาเยือนแนะนำตนว่า ข้าเจิงเตี่ยน (เจิงเตี่ยน เป็นบิดาของเจิงเซิน (เจิงจื่อ) ซึ่งต่อมาก็ได้เป็นศิษย์ของขงจื่อเช่นกัน)ชาวเมืองอู่เฉิง ได้ยินกิติศัพท์ของท่านมาช้านาน วันนี้มาเพื่อขอ ฝากตัวเป็นศิษย์ของท่านฟูจื่อโดยเฉพาะ" ครั้นพูดจบก็มิคอยให้ขงจื่อต้องพูดต่อ เจิงเตี่ยนรีบวางสัมภาระบนไหล่กองกับพื้น จัดแต่งเสื้อผ้าอาภรณ์ให้ดี แล้วหมอบกราบลงทันทีว่า "ศิษย์เจิงเตี่ยนขอกราบคารวะท่านอาจารย์" เจิงเตี่ยนมีฉายาว่าจื่อชี ชาวเมืองอู่เฉิง แคว้นหลู่ เกิดเมื่อปีหลู่เซียงกง ศกที่ ๒๗ (๕๔๖ ปีก่อนคริสตศักราช)