สิบอัครสาวก
พระสุภูติเถระ
ผู้เป็นเอตทััคคะในด้าน อรณวิหารธรรม
บูรพเหตุ (มโนปณิธาน)
นับถอยหลังไปหนึ่งแสนกัป ท่านกำเนิดเป็นบุตรของพราหมณ์มหาศาล มีชื่่อว่า "นันทมาณพ" บุคคลที่ได้เกิดในตระกูลพราหมณ์ จะต้องศึกษาวิชาไตรเพท เมื่อศึกษาวิชาไตรเทพเจนจบ นันทมาณพพิจารณาว่า ไตรเพทไม่มีสาระประโยชน์ จึงคิดหาสิ่งที่เป็นสาระประโยชน์ต่อชีวิตของท่าน ทั้งที่เป็นปัจจุบันและอนาคต ท่านจึงได้นำพาเหล่ามาณพบริวาร ๘๔,๐๐๐ พัน อกบวชเป็นฤาษี ครั้งบำเพ็ญพรตตามหลักของดาบสในอดีตแล้ว นันทดาบสก็ได้สำเร็จสมาบัติ ๘ และอภิญญา ๕ จากนั้นก็ได้ออกกรรมฐานแก่ศิษย์ของท่าน และทำให้ศิษย์เหล่านั้นได้ฌานด้วยในไม่ช้า
ในกาลนั้น พระปทุมุตตรสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ทรงอุบัติขึ้นในโลก และได้ทรงเห็นอุปนิสัยของนันทดาบสและเหล่าอันเตวาสิกในขณะตรวจสัตว์โลก จึงได้เสด็จไปทางอากาศ ไปถึงหน้าบรรณศาลาของนันทดาบส นันทดาบสทรงรู้ถึงความเป็นพระพุทธเจ้า จึงได้แต่งอาสนะถวายพระปทุมุตตรสัมมาสัมพุทธเจ้า เวลานั้น ดาบสทั้ง ๘ หมื่น ๔ พัน ได้กลับมาจากป่านำเอาผลไม้น้อยใหญ่ อันมีรสโอชามาถึง นันทดาบสจึงได้กล่าวให้เหล่าอันเตวาสิก ได้รับรู้ถึงความยิ่งใหญ่ของพระพุทธเจ้า โดยเปรียบกับตนว่าเสมือนเปรียบเทียบกับภูเขาสิเนรุ ซึ่งสูงได้ ๖ ล้าน ๘ แสนโยชน์ กับเมล็ดผักกาดกระนั้น จากนั้น ก็ได้ให้เหล่าศิษย์ทั้งหลายล้างผลไม้แล้วตนนำมาใส่บาตรของพระปทุมุตตรสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อนั้น พระพุทธเจ้าได้มีดำริขึ้นว่า "ขอพระภิกษุสงฆ์จงมาสู่สถานที่นี้" เมื่อนั้นพระภิกษุทั้งหนึ่งแสนรูป ผู้ล้วนเป็นพระอรหันต์ จึงเหาะมาถวายบังคมแล้วยืนอยู่ในที่อันควร
ครั้นดาบสได้เห็นพระภิกษุหนึ่งแสนรูป มาสู่ที่อยู่ของท่านเช่นนั้น จึงบอกให้ศิษย์ทั้งหลายช่วยกันแต่งอาสนะด้วยดอกไม้ เมื่อจัดแต่งอาสนะเสร็จแล้วจึงได้เชิญพระพุทธเจ้าและพระภิกษุสงฆ์ประทับอาสนะ และต่างก็เข้าถึงนิโรธสมาบัติ เมื่อทรงเข้านิโรธสามบัติกันตลอด ๗ วันนั้น โดยที่นันทดาบสไม่ได้ออกไปเที่ยวภิกกขาจารเลย ได้ยืนกั้นเศวตฉัตรดอกไม้อยู่ด้วยปิติสุขตลอด ๗ วัน และเมื่อทรงออกจากนิโรธสมาบัติแล้ว พระปทุมุตตรสัมมาสัมพุทะเจ้าได้เรียกภิกษุผู้เป็นอรณวิหารธรรม และ ภิกขุไณยบุคคลคือผู้ควรรับไทยธรรมนี้ ได้เป็นผู้กระทำการอนุโมทนาซึ่งอาสนะดอกไม้แก่หมู่ดาบสเหล่านั้น จากนั้น พระปทุมุตตรสัมมาสัมพุทะเจ้า ได้ทรงแสดงธรรม ดาบสทั้งหมดก็ได้สำเร็จอรหันต์ ยกเว้นแต่นันทดาบสเพียงผู้เดียว เพราะท่านมีจิตที่มิได้แน่วแน่ในธรรมเทศนาเพราะใจมัวแต่คิดถึงพระสาวกรูป ที่ได้รับมอบหมายให้แสดงธรรมอนุโมทนา จึงได้กราบทูลตั้งความปรารถนาว่า "ด้วยอธิการกุศลที่ข้าพระองค์ยืนกั้นเศวตฉัตร อยู่ตลอด ๗ วัน ข้าพระองคต์ไม่ปรารถนาสมบัติอย่างอื่น ขอให้ข้าพระองค์ได้เป็นพระสาวกผู้ประกอบด้วยคุณสมบัติ ๒ ประการ ในพระพุทธศาสนาของพระพุทธเจ้า พระองค์ใดพระองค์หนึ่ง ซึ่งจะเสด็จอุบัติขึ้นในอนาคตกาล เหมือนกับพระสาวกรูปนี้ด้วยเถิดพระเจ้าข้า"
เมื่อนั้น พระปทุมุตตรสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ตรัสพยากรณ์รับรองในปณิธานนี้ ว่าความปรารถนาของท่านจะสำเร็จในสำนักของพระสมณโคดมพระพุทธเจ้าจากชาตินั้นมา ก็ได้ไปเกิดเป็นพระอินทร์ ๘๐ ชาติ เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ หนึ่งพันชาติ เป็นพระราชาเฉพาะประเทศอันไพบูลย์อยู่นับไม่ถ้วนชาติ ตลอดเวลาหนึ่งแสนกัปมา ท่านไม่เคยได้ตกลงสู่ทุคติอีกเลยตราบจน กระทั่งสำเร็จเป็นพระอรหันต์ในชาติปัจจุบัน
"กุฏิของเรามุงดีแล้ว มีเครื่องป้องกันสบายดีแล้ว
ฝนจงตกลงมา ตกลงมาตายสบายเถิด
จิตของเราตั้งมั่นดีและ หลุดพ้นดีแล้ว
เราเป็นผู้มีความเพียรอยู่ ฝนจงตกลงมาเถิด"