สิบอัครสาวก
พระอานนทเถระ
ผู้เป็นเอตทัคคะด้าน "พหูสูต"
มหาสังคยนา
หลังจากพระพุทธเจ้า ได้เสด็จดับขันธ์ปรินิพพานแล้ว พระอานนทเถระได้เที่ยวไปในชมพูทวีป ผลงานที่จัดว่าเป็นเอกที่สุด และมีผลสืบเนื่องมายังปัจจุบัน คือ การได้รับมอบหมายจากการประชุมของภิกษุสงฆ์ ๗ แสนรูป ในวันแบ่งพระบรมสารีริกธาุตุของพระพุทธเจ้า โดยให้ท่านเป็นผู้วิสัชนาพระไตรปิฏกถึง ๒ ปิฏก คือ พรสูตตันตปิฏก และ พระอภิธรรมปิฏก แต่พระอานนท์มีอุปสรรค ในการร่วมสังฆกรรม เพื่อกระทำการปฐมสังคยนา คือ ท่านเองยังไม่ได้เป็นพระอรหันต์ตามที่ได้กำหนดในที่ประชุมคือผู้ได้วิชชา ๓ ปฏิสัมภิทา ๔ อภิญญา ๖ ประการ ประมาณ ๕๐๐ รูป แต่คัดเหลือเพียง ๔๙๙ รูป คงเหลือไว้ให้พระอานนท์อยู่อีกรูปหนึ่ง
ในขณะนั้น เมื่อพระอานนท์มาถึงเมืองสาวัตถี เมื่อผู้คนทราบว่าพระอานนท์มาถึง จึงถือของหอมและดอกไม้มาต้อนรับร้องไห้รำพันระลึกถึงพระผู้มีพระภาคเจ้า กล่าวกันว่า "พระอานนท์ผู้เจริญ เมื่อก่อนพระคุณเจ้ามากับพระผู้มีพระภาคเจ้า วันนี้ พระคุณเจ้าเก็บพระผู้มีพระภาคเจ้าไว้เสียที่ไหน จึงมาแต่ผู้เดียว" การร้องไห้มีขึ้นอย่างใหญ่หลวง เหมือนในวันดับขันธ์ปรินิพพานของพระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อพระอานนท์สั่งสอนมหาชนให้เข้าใจซาบซึ้งด้วยธรรมะอันเหมาะแล้วท่านก็เข้าสู่พระเชตุวันมหาวิหาร ทำความสะอาดที่ต่าง ๆ กระทำการทั้งปวง เหมือนครั้งที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระชนม์ชีพอยู่ และขณะทำกิจต่าง ๆ ท่านก็รำพันไปพลาง เช่น พูดว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า เวลานี้เป็นเวลาทรงสรงน้ำ เวลานี้เป็นเวลาทรงแสดงธรรม เวลานี้เป็นเวลาประทานโอวาทแก่พระภิกษุเป็นต้น เหตุที่เป็นเช่นนี้ ด้วยว่าท่านมีความเคารพรัก มั่นคงในพระผู้มีพระภาคเจ้า และยังไม่ได้เป็นอรหันต์ จึงเป็นผู้ที่มีจิตใจอ่อนโยนที่เกิดขึ้นโดยชอบ ด้วยความที่เคยอุปการะช่วยเหลือกันมานับแสนชาติทีเดียว
เมื่อวันสังคยนาใกล้เข้ามา พระมหากัสสปเถระ พระวัชชรีบุตร ต่างก็ได้พากันมาเตือนพระอานนท์ให้กระทำการอุตสาหะ เพื่อบรรลุธรรมให้ได้ แต่ก็ยังมีภิกษุบางรูปกล่าวเหน็บแนมท่านว่า มีภิกษุรูปหนึ่งที่เที่ยวส่งกลิ่นเหม็นอยู่ พระอานนท์จึงได้ไปเดินจงกลมอยู่ตลอดเวลา ส่วนมากของราตรี แต่ในเวลาย่ำรุ่งของราตรีนั้น ท่านลงจากที่จงกลมไปสู่วิหาร เอนกายลงด้วยตั้งใจจะพักผ่อน เพราะท่านไม่สามารถจะกระทำความเพียรมากเกิน จึงเกิดความฟุ้งซ่าน ต่อจากนั้นจึงได้คิดว่า ต่อจากนี้จะกระทำความเพียรอย่างสม่ำเสมอให้พอเหมาะพอควร เมื่อพระอานนท์คิดได้เช่นนี้้จึงลงจากที่จงกลม ยืนล้างเท้าแล้วจึงเข้าไปในวิหาร ขึ้นนั่งบนเตียงด้วยคิดว่าเราจะพักผ่อนสักชั่วเวลาเล็กน้อย แล้วเอนกายลงบนเตียง พอเท้าทั้งสองพ้นจากพื้น ศรีษะยังไม่ถึงหมอน ในระหว่างเวลานี้จิตของท่านก็พลันหลุดพ้นจากกิเลสอาสวะทั้งหลาย ไม่มีอุปทานความยึดมั่นถือมั่น สำเร็จเป็นอรหันต์
ครั้นพระมหากัสสปะ แลเห็นพระอานนทเถระที่บรรลุเป็นอรหันต์แล้ว ได้เข้ามาสู่สมาคม จึงบังเกิดความรู้สึกขึ้นว่า พระอานนท์ได้บรรลุอรหันต์แล้วช่างงามจริงหนอ หากพระบรมศาสดายังทรงมีพระชนม์อยู่ คงจะพึงประทานสาธุการ คือการกล่าวยกย่องสรรเสริญ ตามที่พระบรมศาสดาควรประทานแก่พระอานนท์ แล้วท่านก็ได้ให้สาธุการแก่พระอานนท์ขึ้น ๓ ครั้ง
หมวดธรรมที่พระอานนท์ได้ ตรัสวิสัชนามีพระสูตตันตปิฏก และ พระอภิธรรมปิฏก โดยหมวดพระสูตตันตปิฏกนั้น จะเป็นการเล่าถึงสถานที่ ที่เกิดพระสูตรนั้น บุคคลในขณะนั้น เรื่องราวที่เกิดขึ้น และหลักธรรมคำสอนในขณะนั้น ซึ่งมีทีฑนิกายเป็นสูตรขนาดยาว ๓๔ สูตร มัชโมนิกาย ๑๕๒ พระสูตร สังยุตตนิกายมี ๗,๗๖๒ สูตร อังคุตตรนิกาย ๙,๕๕๗ สูตร ขุททกนิกาย ๑๕ คัมภีร์ รวมแล้วได้ ๒๑,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ หลังจากนั้นก็ได้สังคยานาพระอภิธรรมปิฏก อีก ๔๒,๐๐๐ ปิฏก ซึ่งพระอานนท์สามารถตอบปัญหาต่าง ๆ ที่พระมหากัสสปเถระถามได้อย่างถูกต้องทั้ง ๒ ปิฏก จนเป็นที่ยอมรัยของพระอรหันต์สาวกทั้ง ๔๙๙ รูป