collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: ท่องนรก  (อ่าน 72398 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                         เที่ยวเมืองนรก

                     ครั้งที่ 15  วันจันทร์ที่ 29  พฤศจิกายน  พ.ศ. 2519

                                         ท่องขุมที่ 3

                            ตอน พบเจ้ายมบาลขุมที่ 3  (ซ่งตี่อ๊วง)

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จปรากฏตัว ตรัสเป็นกลอน มีความว่า   :

     เขียนบททรง        แต่งตำรา        ประกาศธรรม
พระรำพัน                 สิ่งจริงแท้        ยมโลก
ด่านนรก                  รับทรงศีล        อย่าสะทก
ไม่โกหก                  มิต้องกลัว       ยมบาล

อรหันต์จี้กง   :  การท่องนรกในวันนี้ เข้ามาเป็นระยะที่สามแล้ว 10 ขุมในแดนนรก  เราสรรหาเยี่ยมชมแต่ที่มีเอกลักษณ์พิเศษของแต่ละสิ่ง ซึ่งแสดงออกถึงการเป็นแบบอย่างของขุมนั้น ๆ เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว มิเช่นนั้นแล้ว จะเที่ยวชมนรกน้อยให้ทั่วทั้ง 10 ขุม โดยตลอดก็จะต้องใช้เวลาหลายปี ทั้งนี้ก็เพราะเหตุว่าต้องการจะให้หนังสือ  "เที่ยวเมืองนรก"  ออกสู่โลกโดยเร็ว เพื่อช่วยกอบกู้ชักจูงมวลมนุษย์ ดังนั้นจึงเลือกชมแต่สิ่งที่มีความสำคัญเท่านั้น เจ้าหยางเซิง เตรียมท่องนรก รีบขึ้นบนดอกบัวเร็ว

หยางเซิง   :  ขอรับคำบัญชา กระผมนั่งเรียบร้อยแล้วครับท่านอาจารย์ เริ่มเดินทางได้แล้วละ .....

อรหันต์จี้กง   :  ถึงแล้วละ รีบลงจากดอกบัวเร็ว

หยางเซิง   :  เบื้องหน้ามีหอสูงอยู่หลังหนึ่ง คล้ายกับสถานที่ปิดประกาศของเมืองมนุษย์  มีกระดาษสีแดงปิดอยู่บนนั้น พวกข้าราชการยมโลกและยมทูตหลายคนรุมล้อมอ่านกันเสียงขรมอยู่ เราจะเดินหน้าเข้าไปดูบ้างว่าในนั้นได้เขียนอะไรไว้บ้าง

อรหันต์จี้กง   :  ข้ารู้แล้วละ เจ้าอยากชมก็รีบไปเถิด

หยางเซิง   :  พวกข้าราชการของยมโลกและยมทูต เมื่อเห็นเราเดินมา ไฉนแต่ละคนแสดงความหวาดหวั่นประหลาดใจออกนอกหน้า ต่างก็หลบหลีกไป ?

อรหันต์จี้กง   :  พวกยมทูต - ข้าราชการเหล่านี้รู้ว่าเจ้าน่ะเป็นคนในอดนมนุษย์ ในกายได้พกพาเทวโองการมา จึงหลบหลีกไม่กล้าละเมิด ดูซิ ... กระดาษสีแดงที่ประกาศนั้น เขียนว่าอย่างไรกัน ?. 
        ที่แท้คือเทวโองการของท่านเง็กเสียงอ๊วงตี่  เขียนไว้ว่า  :  จอมศาสดาแห่งยมโลก ได้รับเทวโองการจากเง็กเสียงอ๊วงตี่ มีความว่า  ข้าฯ สถิตเบื้องสวรรค์สืบราชสมบัติมาเป็นเวลาสามพันปีแล้ว ทรงอำนาจสิทธิ์ขาดตลอดเก้าชั้นนรก และหกทางแห่งการเกิดของดวงวิญญาณ ย้อนทวนจากวิญญาณเดิมลงมาประทับยังแดนมนุษย์เป็นต้นมา สมัยโบราณกาลนั้น จิตใจของผู้คนละมุนละม่อม ดวงกมลผุดผ่องบริสุทธิ์ ดังนั้นเมื่อเกิดก็เกิดเป็นมนุษย์ เมื่อตายก็ขึ้นสวรรค์ อันความจริงนั้นไม่มีนรก ตราบมาจนสมัยกลาง จิตใจคนเริ่มชั่วช้า ดวงกมลค่อยเคล้าเปื้อนด้วยผงธุลี ความทำนองคลองธรรมเกิดวิปริต ต่างสร้างกำแพงปิดล้อมก็เลยสร้างนรกขึ้นเอง นอกจากปฏิบัติด้วยความซื่อสัตย์สุจริต  กตัญญู  สงวนตัวในทางดี  เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และฝึกตนบำเพ็ญธรรมแล้ว นอกจากที่กล่าวมานี้แล้ว ทุก ๆ คนต้องตกลงในห้วงแห่งเวียนว่ายตายเกิด ขณะนี้เราได้พบกับโลกที่อุบาทว์ สรรพสิ่งวุ่นวายอึกทึก ใจคอของคนกลับโหดร้ายยิ่งขึ้น ก่อกรรมทำชั่วไม่เคยหยุดหย่อน เฉพาะอย่างยิ่งเพลิงแห่งคาวโลกีย์โหมแรงเหลือหลาย วิญญาณดั้งเดิมแห่งความเที่ยงแท้บริสุทธิ์ของฟ้าดินหลุดร่วงหล่นหาย โดยสร้างเคราะห์กรรมให้กับตนเองจึงเกิดฆาตเคราะห์เป็นเนืองนิตย์ สวรรค์ท่านมีความเมตตาไม่อาจทนดูมวลชนตกต่ำ จึงประกาศพระธรรมที่เที่ยงแท้ ในขณะที่มนุษย์ก่อกรรมมหาศาล คอยช่วยผู้คนที่มีบุญสุนทาน บัดนี้สำนักธรรมเซี้ยเฮี้ยงตึ้ง เมืองไถ่ตง ซึ่งขึ้นตรงต่อสวรรค์ด้านใต้แห่งชมพูทวีป  อำมาตย์กวน  ผู้ได้รับเทวโองการให้เปิดทรงวิญญาณประกาศธรรมเพื่อสืบต่อความเมตตาเอื้ออารีจากท่าน  ขงจื้อ - เม่งจื้อ  ในกาลก่อน และรับช่วงธรรมะอันถ่องแท้จากพุทธ เต๋า ในกาลต่อมา เผยแพร่ศีลธรรม วัฒนธรรมกอบกู้ โปรดสัตว์ทั่วแผ่นดินมีผลงานที่เฉิดฉายเจิดจ้า  ข้าฯ ต้องการที่จะให้ชาวโลกทราบถึงความจริงแห่งเมืองนรก จึงได้มีโองการสั่งไปยังสำนักเซี่ยเฮี้ยงตึ้งเขียนแต่งหนังสือมณีพจน์  "เที่ยวเมืองนรก"  ขึ้น  สั่งให้ท่านอรหันต์จี้กงนำพาหยางเซิงนักทรงพู่กันศักดิ์สิทธิ์นำวิญญาณท่องนรกทั้ง 10 ขุม นำเหคุการณ์ในการลงโทษของแต่ละขุมเผยต่อมวลชน และในระหว่างท่องนรกนั้นแสดงออกถึงหลักธรรมอันถ่องแท้เพื่อปลิดทำลายทิ้งความงมงายของชาวโลกด้วย ในระหว่างการแต่งหนังสือ เมื่อท่านอรหันต์จี้กงนำหยางเซิงเสด็จถึงแห่งใดแล้ว  ให้ข้าราชการบริพารของแต่ละขุมทำการต้อนรับช่วยกันเขียนแต่งหนังสือ เพื่อที่มณีพจน์เล่มนี้จะได้เสร็จสิ้นแต่เนิ่น ๆ เมื่อทราบเทวโองการแล้วให้ปฏิบัติตาม หากมีการขัดขืนคำสั่งจะถูกทำโทษอย่างมหันต์ จึงประกาศให้ทราบดังกล่าว ณ  วันที่ 15  กันยายน พ.ศ. 2519  ที่แท้คือเทวโองการของท่านเง็กเสียงอ๊วงตี่ ให้นรกทุกขุมปฏิบัตินั่นเอง

อรหันต์จี้กง   :  ใช่แล้ว  จะแต่งหนังสือ  "เที่ยวเมืองนรก"  นอกจากมีเทวโองการไปยังแดนมนุษย์แล้ว แดนนรกก็ต้องออกประกาศเช่นกัน รีบเดินไปข้างหน้าเถิด ไปเยี่ยมคำนับท่าน  ซ่งตี่อ๊วง  แห่งนรกขุมที่ 3

หยางเซิง   :  นรกขุมที่ 3 ห่างไกลจากที่นี่กี่มากน้อยมิทราบ ?. บนถนนเห็นแต่พวกยมทูตและพวกวิญญาณผีเดินกันไป ๆ มา ๆ ไม่เห็นปราสาทของขุมเลย

อรหันต์จี้กง   :  ไม่ไกลนักจะถึงแล้ว รีบขึ้นดอกบัวเถอะ เพื่อประหยัดเวลา

หยางเซิง   :  เอาละครับ  เริ่มเดินทางได้ .....

อรหันต์จี้กง   :  ถึงแล้วละ ลงจากดอกบัวเร็ว ข้างหน้าคือขุมที่ 3  รีบเข้าไปทำความเคารพท่านยมบาลซ่งตี่อ๊วง  และตุลาการทั้งฝ่ายพลเรือน - ทหาร  ได้พร้อมกันออกจากปราสาทมาต้อนรับเราแล้ว

หยางเซิง   :  ขอรับกระผม  คำนับมายังท่านซ่งตี่อ๊วงและเทวทูตทั้งหลาย วันนี้เรารับเทวโองการให้ท่องนรกแต่งหนังสือ ขอได้โปรดให้การแนะนำชี้แจงด้วย   

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                        เที่ยวเมืองนรก

                     ครั้งที่ 15  วันจันทร์ที่ 29  พฤศจิกายน  พ.ศ. 2519

                                         ท่องขุมที่ 3

                            ตอน พบเจ้ายมบาลขุมที่ 3  (ซ่งตี่อ๊วง)

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จปรากฏตัว ตรัสเป็นกลอน มีความว่า   :

     เขียนบททรง        แต่งตำรา        ประกาศธรรม
พระรำพัน                 สิ่งจริงแท้        ยมโลก
ด่านนรก                  รับทรงศีล        อย่าสะทก
ไม่โกหก                  มิต้องกลัว       ยมบาล

ซ่งตี่อ๊วง   :  เชิญลุกขึ้นเถิดมิต้องมีพิธีมากนัก ทราบมานานแล้วว่าสำนักของท่านตั้งใจประกาศเผยแพร่ศาสตร์อันศักดิ์สิทธิ์มาก และได้ชักนำผู้คนบำเพ็ญธรรม จนบรรลุผลบุญเป็นจำนวนมาก รู้สึกเลื่อมใสศรัทธามานานหนักหนา เชิญท่านทั้งสองเข้ามานั่งพักในปราสาทข้างในสักครู่เพื่อพบปะสังสรรค์กัน

หยางเซิง   :  ขอขอบคุณ ท่านยมบาลที่ชมเชย กระผมมิอาจกล้ารับด้วยความอาย สำนักของกระผม ภายใต้การนำของท่าน คู  และศิษย์ทั้งหลายร่วมแรงร่วมใจกัน ช่วยสวรรค์ท่านประกาศแนะนำ ก็เพื่อทำตามหน้าที่ของตนที่พึงมี มิกล้าเอื้อมอาจว่ามีคุณธรรมใหญ่ยิ่งประการใดเลย

อรหันต์จี้กง   :  ไม่ต้องเกรงใจ เราเข้าไปพักในปราสาทเถิด

ซ่งตี่อ๊วง   :  เชิญท่านทั้งสองนั่งตามสบาย โต๊ะม้าที่ทำด้วยไม้อันหยาบกระด้างนี้ ไม่นุ่มนิ่มเหมือนโซฟาของแดนมนุษย์ นายพลรีบถวายน้ำชาท่านทั้งสองเร็ว

นายพล   :  ขอรับคำบัญชา ท่านทั้งสองเชิญดื่มน้ำชาครับ

หยางเซิง   :  ขอขอบพระคุณมาก ห้องรับแขกห้องนี้ตกแต่งแบบวิจิตรโบราณ สะอาดมาก บนฝาผนังมีภาพศิลป์แขวนอยู่มากหลาย อบอวลด้วยบรรยากาศแห่งวรรณคดี

ซ่งตี่อ๊วง   :  ถูกต้องแล้ว ข้าราชบริพารของขุมนี้จะมาดื่มน้ำชาสังสรรค์ในยามว่างอยู่เสมอ ๆ เพราะเหตุว่าข้าราชการในแดนนรก ล้วนได้รับการเลือกเฟ้นเลื่อนขึ้นมาจากผู้สร้างบุญกุศลของโลกมนุษย์ ดังนั้นจึงอยู่ในสถานที่ที่สะดวกสบายแห่งนี้ได้ มิใช่ว่าแดนนรกล้วนแต่มีความทุกข์ทรมานก็หาไม่ แดนนรกก็เปรียบเสมือนคุกตะรางของแดนมนุษย์ ผู้ที่ได้รับทุกข์เข็ญล้วนเป็นพวกที่ต้องโทษ ดังนั้นผู้ช่วยซ้ายขวาของข้าพเจ้า ก็เหมือนกับข้าราชการพนักงานในเรือนจำของแดนมนุษย์ เดินเหินก็เป็นอิสระเสรี  ด้วยเหตุนี้หากจิตใจไม่ขาดกุศลบุญ ทำความดีสร้างบุญในแดนมนุษย์ เมื่อวิญญาณลอยมายังยมโลก ข้าพเจ้าก็ต้อนรับด้วยอัธยาศัยที่ดี  ข้อนี้ขอให้ชาวโลกทั้งหลายจงเข้าใจด้วย หากว่าตอนนี้อยู่ในโลกมนุษย์มีใจคอชั่วช้าฉ้อฉล  ความประพฤติชั่วร้ายโหดเหี้ยม ไม่ประกอบอาชีพที่สุจริต  เมื่อตายแล้วตกมายังแดนนรก มือต้องร้อยด้วยโซ่เหล็ก   หัวต้องใส่ขื่อคา  แส้หนังแส้เหล็กเฆี่ยนตี  จะมีความสุขสบายอย่างนี้ได้อย่างไรกัน

อรหันต์จี้กง   :  วันนี้เวลาหมดแล้ว เจ้าหยางเซิงเตรียมตัวกลับสำนัก ขอบคุณมากที่ท่านยมบาลให้การแนะนำ วันอื่นมีโอกาสจะได้มาเยี่ยมใหม่

หยางเซิง   :  ขอบพระคุณท่านยมบาล และท่านนายพลมาก ที่ได้ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นดียิ่ง เพราะว่าเวลาจำกัด เราจะกลับแล้วล่ะ ขอลาท่านทั้งหลายครับ   

ซ่งตี่อ๊วง   :  มิต้องมีการคารวะ ขอส่งท่านทั้งสองหวังว่ามาเที่ยวอีกครั้ง

อรหันต์จี้กง   :  รีบออกจากปราสาทเร็ว เตรียมกลับสำนัก

หยางเซิง   :  ฉุกละหุกวุ่นวายมาก เวลามันน้อยเสียจริง ๆ

อรหันต์จี้กง   :  อย่าได้พูดอะไรมาก เรารีบออกเดินทางกลับสำนัก ... ถึงสำนักแล้ว  หยางเซิงลงจากดอกบัว วิญญาณกลับเข้าสู่ร่างดังเดิม

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                เที่ยวเมืองนรก

              ครั้งที่ 16  วันศุกร์ที่  9  พฤศจิกายน  พ.ศ. 2519

                        ตอน ท่องแดนควักตานรกน้อย

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จปรากฏตัว ตรัสเป็นกลอน มีความว่า   :

        ทางนรก        หวาดหวั่น        หนาวสั่นนัก
มิได้พัก                 ร้องครวญคราง   หวั่นไหวจิต
ประพฤติชั่ว            เนื่องอารณ์        เพียงคิดผิด
แม้น้อยนิด             ยากปกปิด        ในนรก

อรหันต์จี้กง   :  กระแสลมหนาวมาเยือนแล้ว อากาศหนาวจัดหาที่เสมอเหมือนมิได้ แต่ศิษย์ทั้งหลายของสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้งต่างก็ร้อนรนอุ่นอุรา ไม่มีวี่แววแห่งความหนาวเหลืออยู่เลย ทำให้ฉันรู้สึกสะเทือนอารมณ์เป็นอย่างยิ่ง  หากว่าหนังสือ "เที่ยวเมืองนรก" ได้เขียนแต่งสมบูรณ์แล้ว จะแพร่หลายสืบต่อไปนับหมื่นปี  ศิษย์ทั้งหลายก็จะรับเกียรติยศชื่อเสียงตลอดกาลไปด้วย เจ้าหยางเซิงเตรียมท่องนรกในวันนี้

หยางเซิง   :  วันนี้อากาศหนาวจัดมาก หนทางแห่งยมโลกวิเวกหนาวเย็น ขอให้ทานอาจารย์ประทานยาทิพย์ให้กระผมสักเม็ดเพื่อบำรุงพลกำลัง มิทราบว่าอาจารย์จะมีความเห็นประการใด ?.

อรหันต์จี้กง   :  ได้ซี ฉันจะให้ยา "ยาวิเศษอุ่นกายบำรุงใจ"  เจ้าอีก 3 เม็ด กลืนกินเร็วเพื่อช่วยสร้างพละกำลังอันอบอุ่นสะดวกในการท่องนรก

หยางเซิง   :  ขอบคุณท่านอาจารย์มาก ... กระผมกลืนลงแล้วรู้สึกอบอุ่นทั่วทั้งกาย ได้นั่งลงบนดอกบัวเรียบร้อยแล้ว เชิญอาจารย์เริ่มเดินทางได้แล้ว ...

อรหันต์จี้กง   :  ถึงแล้วล่ะ เจ้าลงจากดอกบัวเร็ว

หยางเซิง   :  ที่นี่เป็นสถานที่ใด?. บันไดหินเบื้องหน้าที่ผู้คนแต่งแบบนายทหารกำลังเดินมา

อรหันต์จี้กง   :  บนบันไดหินนั้นคือนรกขุมที่ 3 เป็นเขตปกครองของท่านยมบาล ข้างบนนั้นเป็นคุกตะรางที่ยาวเหยียดไม่มีที่สิ้นสุด รีบเข้าไปทำความเคารพท่านนายทหารเถิด

หยางเซิง   :  ขอแสดงความคารวะต่อท่านเทวทูตทั้งหลาย เราศิษย์อาจารย์ได้รับเทวโองการแต่งหนังสือ วันนี้ท่องเที่ยวมายังที่นี่ ขอท่านเทวทูตได้โปรดให้การชี้แจงโดยละเอียดด้วยเถิด

นายทหาร   :  มิต้องคารวะ เชิญท่านอาจารย์และหยางเซิงเข้านั่งพักข้างในสักครู่ ที่นี่คือที่ทำการควบคุมของคุกทั้งหลาย ซึ่งขึ้นต่อขุมที่ 3  ข้างหลังที่ทำการนี้ก็คือคุกต่าง ๆ

อรหันต์จี้กง   :  เพราะเหตุว่าเวลาจำกัด อาตมาว่ามิต้องนั่งพักแล้ว ช่วยพาหยางเซิงตรวจชมคุกต่าง ๆ ก็แล้วกัน

นายทหาร   :  ก็ได้ครับ สำนักของท่านได้รับเทวโองการแต่งหนังสือ "เที่ยวเมืองนรก"  ข้าพเจ้าทั้งหลายทราบมานานแล้วและวันนี้ก็ได้รับสาส์นจากท่านอาจารย?ด้วย ทราบว่าท่านศิษย์อจารย์จะมาเยี่ยมชมสถานที่นี้ เชิญท่านทั้งสองตามข้าพเจ้าเดินไปทางซ้ายเถิด

หยางเซิง   :  โอย ! สนามนี้กว้างใหญ่เสียจริง ๆ มีห้องหอที่สร้างด้วยไม้ทั้งนั้น ที่ใกล้ ๆ นี้ได้มีเสียงครวญครางกระจายมา ข้างหน้ามีคุกอยู่คุกหนึ่ง ด้านบนนั้นเขียนว่า  "แดนควักตานรกน้อย" 

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                เที่ยวเมืองนรก

              ครั้งที่ 16  วันศุกร์ที่  9  พฤศจิกายน  พ.ศ. 2519

                        ตอน ท่องแดนควักตานรกน้อย

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จปรากฏตัว ตรัสเป็นกลอน มีความว่า   :

        ทางนรก        หวาดหวั่น        หนาวสั่นนัก
มิได้พัก                 ร้องครวญคราง   หวั่นไหวจิต
ประพฤติชั่ว            เนื่องอารณ์        เพียงคิดผิด
แม้น้อยนิด             ยากปกปิด        ในนรก

นายทหาร   :  วันนี้นำพวกท่านเยี่ยมชม  แดนควักตานรกน้อย"  เข้ามาในห้องนี้ก่อน ข้าพเจ้าจะไปรายงานให้พัศดีทราบ

พัศดี   :  ยินดีต้อนรับท่านทั้งสอง ได้มาเยี่ยมชมถึงที่นี่ ข้าพเจ้าจะพาท่านไปตรวจชมภายในสักพัก ถ้ามีสิ่งใดไม่เข้าใจก็ขอเชิญท่านหยางเซิงถามได้โดยไม่ต้องเกรงใจ

หยางเซิง   :  โอย ! นักโทษในคุกนี้ ลูกตาล้วนถูกควักเลือดสด ๆ ไหลพราก แต่ละคนร่ำไห้โหยหวนใช้มือทั้งสองข้างอุดปิดเป้าตาที่มีเลือดไหลอยู่ ดหดร้ายทารุณเสียจริง ๆ ชายวัยกลางคนผู้อยู่ด้านซ้ายคนนั้นกำลังถูกยมทูตเอาง่ามเหล็กควักตาอยู่ เขาดิ้นรนไม่หยุดยั้ง ตะโกนด้วยเสียงดังเจ็บปวด ตาข้างซ้ายถูกควักออกเสียแล้วเลยสลบไป ถูกล่ามติดอยู่กับเสา ได้แต่ก้มหน้าลง ยมทูตก็ควักตาข้างหนึ่งออก กระผมไม่กล้าดูแล้ว  การกระทำเช่นนี้ช่างทารุณเสียจริง ๆ

อรหันต์จี้กง   :  หยงเซิง เจ้าอย่าตกใจพูดมากเลย นี่แหละยมกฏสนองตอบล่ะ ไฉนจึงพูดจาไม่สุภาพ ?. เสียมารยาทมากไปแล้ว

นายทหาร   :  เราไม่ว่าอะไรหรอก ขอให้ท่านหยางเซิงอย่ากังวลใส่ใจเลย มีความข้องใจก็ถามได้

หยางเซิง   :  ขออภัยในการพูดจาไม่เหมาะสมต่อท่านพัศดีและนายทหารด้วย ขอถามท่านพัศดีว่า คุกนรกควักตามีสภาพการลงโทษอย่างไร?. จะอธิบายชี้แจงสักนิดได้หรือไม่ประการใด ?.

พัศดี   :  ได้ครับ บรรดานักโทษที่ถูกตัดสินให้ตกมายังคุกนี้ เมื่อตกเข้ามาแล้วล่ามติดอยู่กับต้นเสาเสียก่อน เสร็จแล้วก็ควักลูกตาทั้งสองข้างวิญญาณนั้นต้องเจ็บปวดทรมานส่งเสียงหวีดร้องสลบไสลไป แต่ละวันทำโทษสามครั้งก่อนจะทำโทษก็เอาลูกตายัดใส่กลับที่เดิม แล้วใช้น้ำคืนชีพล้างเพียงทีเดียว วิญญาณโทษก็จะคืนสติขึ้นมาทันที และแล้วจึงทำการลงโทษอีกหน ทำกันอย่างนี้ถึงจะให้มันรู้สึกความเจ็บปวดทรมาน

หยางเซิง   :  มิทราบว่าต้องโทษประการใดจึงต้องตกมายังคุกนี้ ?.

พัศดี   :  ข้าพเจ้าจะให้วิญญาณโทษเล่าเรื่องของตัวเอง ที่จะสะท้อนความจริงออกมาดีกว่า ให้นายทหารเอาลูกตาใส่คืน ให้วิญญาณสามตนที่อยู่ข้างหน้านี้ รดน้ำคืนชีพให้ เพื่อให้เล่าแจ้งแถลงไขถึงบาปที่ตนก่อไว้ในโลกมนุษย์ ลงในหนังสือธรรมเพื่อปลอบเตือนชาวโลก

นายทหาร   :  ได้ทำตามคำบัญชาแล้วครับ วิญญาณตนนี้ได้เล่าก่อนว่า ตอนมีชีวิตอยู่ได้ทำผิดอย่างไรต่อท่านมนุษย์ผู้นี้?.  และสภาพการถูกทำโทษภายหลังจากตายลงแล้ว โดยให้ท่านหยางเซิงทำการขยายความในใจของเจ้าแทน เพื่อปลอบเตือนชาวโลก

วิญญาณโทษ   :  โอย ! โอย !  ตาฉันเจ็บปวดแสนที่จะทรมานจนทนไม่ไหว จะให้ฉันฑุดอะไรเล่า

พัศดี   :  นายทหาร ให้น้ำมนต์ชะล้างเร็ว เพื่อให้มันสงบลง

อรหันต์จี้กง   :  มิต้อง  ดูฉันแสดงอิทธิฤทธิ์เถิด ...   

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                 เที่ยวเมืองนรก

              ครั้งที่ 16  วันศุกร์ที่  9  พฤศจิกายน  พ.ศ. 2519

                        ตอน ท่องแดนควักตานรกน้อย

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จปรากฏตัว ตรัสเป็นกลอน มีความว่า   :

        ทางนรก        หวาดหวั่น        หนาวสั่นนัก
มิได้พัก                 ร้องครวญคราง   หวั่นไหวจิต
ประพฤติชั่ว            เนื่องอารณ์        เพียงคิดผิด
แม้น้อยนิด             ยากปกปิด        ในนรก

วิญญาณโทษ   :  บัดนี้สบายขึ้นบ้างแล้ว ขอบพระคุณพระรูปนี้ช่วยแก้ไขมาก ฉันตอนมีชีวิตอยู่นั้นมีนิสัยเย่อหยิ่งจองหองมาก เพราะว่าฉันได้เรียนสำเร็จจากมหาวิทยาลัยและเกิดในครอบครัวที่ร่ำรวย ดังนั้นจึงดูแคลนพวกคนจนและพวกมีการศึกษาน้อย ใช้อารมณ์ท่าทียะโสใส่ผู้อื่น ใช้สายตาที่ไม่ยี่หระเมินเฉยใส่ผู้อื่นเป็นประจำ เมื่ออยู่ในแดนมนุษย์แม้จะเสพสุขอย่างผู้ดีรวยเงินคบค้าสมาคมกับพวกมีอำนาจราชศักดิ์ เมื่อตายลงแล้วได้ถูกยมบาลตัดสินลงโทษโดยตัดสินว่า ฉันมีสายตาสูงเกินควร ดูถูกคนธรรมดาทั่วไป ว่าฉันเป็นคนที่เห็นแก่อำนาจและผลประโยชน์ ฉันมาอยู่คุกนี้ได้สองปีกับสามเดือนเศษและยังเหลือโทษอีกสองปีกว่าจึงจะพ้นโทษ แต่ว่าตอนมีชีวิตอยู่นั้นยังทำความผิดอีกมาก เมื่อพ้นออกจากคุกแล้วอนาคตจะโชคร้ายมากกว่าโชคดี ขอนักบุญผู้นี้ได้โปรดตักเตือนชาวโลกให้มาก ๆ หน่อย  ผู้ที่มีเงินรวยอำนาจอย่าได้เป็น "ตาสุนัขมองคนต่ำ"  ดูถูกเหยียดหยามผู้อื่นเป็นประจำนั้น เมื่อตายแล้วก็จะต้องรับผลเช่นเดียวดังตัวฉันแหละ เชิญท่านนักบุญช่วยขอท่านยมบาลลดโทษให้ฉันด้วย

หยางเซิง   :  ขอถามท่านนายทหาร วิญญาณโทษท่านนี้ได้ร่วมมือด้วยการบอกเล่าความเป็นไปแห่งความผิดและช่วยตักเตือนชาวโลกถือว่ามีความชอบอยู่บ้าง จะลดหย่อนผ่อนโทษให้เขาจะได้หรือไม่ประการใด ?.

นายทหาร   :  กระผมไม่มีอำนาจ

พัศดี   :  เรื่องนี้ข้าำพเจ้าจะกลับไปรายงานต่อเจ้านาย คิดว่าคงจะลดให้มันได้บ้าง แล้วพาอีกสองตนออกมาพร้อมกัน ให้สารภาพถึงเหตุการณ์ความผิดที่ตนก่อไว้

นายทหาร   :  ขอรับคำบัญชา ได้คุมสองคนใหม่ออกมาแล้ว และได้ให้น้ำมนต์ล้างสะอาดแล้ว ล้วนได้กลับเป็นอิสระกันแล้ว ให้ผู้อยู่ด้านขวานี้สารภาพการทำความผิดตอนอยู่ในโลกมนุษย์อย่างเปิดเผยก่อน ต่อท่านหยางเซิงแห่งเมืองมนุษย์

วิญญาณโทษ   :  กระผมอยู่ในเมืองมนุษย์ชอบเรื่องผู้หญิง โลกมนุษย์ในปัจจุบันนี้มีสารพัดสิ่งแปลกประหลาดนับไม่ถ้วน นอกจากชอบแอบดูสาวและหญิงข้างบ้านอาบน้ำแล้ว ยังเคยถูกเพื่อนพาไปดูหนังลามก ยังที่แห่งหนึ่งภายในบ้านที่ซอมซ่อโกโรโกโส หลังจากนั้นแล้วจึงติดใจเป็นอย่างยิ่ง โดยออกค้นหาความตื่นเต้น กระตุ้นประสาทด้วยตนเอง เมื่อเร็ว ๆ นี้ได้มีเพื่อนชักนำพาไปยังโรงแรมแห่งหนึ่ง โดยมีแม่สื่อจัดการเอานางทางโทรศัพท์มาแสดงระบำเปลือยกายมาหาความสนุก เมื่อปีก่อนนี้กระผมตายเพราะอุบัติเหตุรถ วิญญษณตกถึงยมโลกซึ่งเป็นวาระอายุขัยหมดลง จึงถูกยมบาลตัดสินให้เข้ามายัง "นรกควักตา"  แต่ละวันรับทรมานจากการควักตาอย่างเจ็บปวดยิ่ง  สภาพที่อเนจอนาถนี้ลูกหลานในแดนมนุษย์ไม่มีใครรู้ด้วยเลย จะสำนึกตัวเสียใจก็สายเสียแล้ว ขอท่านนักบุญผู้นี้เมื่อกลับไปยังโลกมนุษย์แล้วให้ประกาศตักเตือนชาวโลกทราบว่า ที่กระทำอยู่ในแดนมนุษย์นั้น อย่าคิดว่าปิดบังผีสางเทวดาได้หารู้ไม่ว่าเมื่อตายลงแล้วฉายต่อกระจกกรรมวิเศษ ความเลวร้ายน่าอัปยศต่างปรากฏออกโดยสิ้นเซิง

นายทหาร   :  อ้ายแก่ไม่มียางอาย อ้ายเฒ่าตัณหากลับ ตอนอยู่ในโลกมนุษย์มีเงินติดตัวอยู่บ้างไม่รู้จักเก็บไว้ให้ดีเพื่อใช้กินในวัยชราจนหมดอายุขัย กลับไปรักชอบเรื่องต่ำช้าเจาะจงในเรืื่องลามก ลูกตาไร้ศีลธรรม ดังนั้นจึงตกลงในนรกควักลูกตาออกมาล้างให้สะอาด เปลี่ยนตัววิญญาณโทษข้างซ้ายนี้อีกคน รีบเล่าเรื่องตอนมีชีวิตอยู่ได้ทำความชั่วอะไรบ้าง

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                  เที่ยวเมืองนรก

              ครั้งที่ 16  วันศุกร์ที่  9  พฤศจิกายน  พ.ศ. 2519

                        ตอน ท่องแดนควักตานรกน้อย

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จปรากฏตัว ตรัสเป็นกลอน มีความว่า   :

        ทางนรก        หวาดหวั่น        หนาวสั่นนัก
มิได้พัก                 ร้องครวญคราง   หวั่นไหวจิต
ประพฤติชั่ว            เนื่องอารณ์        เพียงคิดผิด
แม้น้อยนิด             ยากปกปิด        ในนรก

วิญญาณโทษ   :  ผมถูกตัดสินมานรกนี้ ความชั่วที่ทำไว้คือระหว่างเป็นนักเรียนอยู่ เคยทำการคดโกงด้วยกลอุบายแอบดูคำตอบของผู้อื่นและหนังสือ กับชอบอ่านหนังสือพวกลามก  ภาพโป๊  และหนังลามกต่าง ๆ เมื่อตายลงแล้วถูกยมบาลตัดสินให้มาลงโทษที่คุกนี้ ผมถูกทำโทษมาครึ้งปีเศษจึงจะพ้นออกจากคุก

หยางเซิง   :  นั่นน่ากลัวเสียจริง ๆ กระผมตอนเรียนหนังสืออยู่นั้น เวลาสอบก็เคยลักดูคำตอบของผู้อื่นแต่ไม่ได้เจอครูอาจารย์จับได้ เมื่อตายแล้วต้องมาถูกลงโทษที่นี่ด้วยหรือไฉน ?.

อรหันต์จี้กง   :  การคดโกงด้วยกลอุบายก็ผิดระเบียบของโรงเรียนอยู่แล้ว แต่เจ้าไฉนจึงต้องหวาดหวั่น สวรรค์ท่านมิลงโทษผู้ที่สำนึกตัวในความผิด เจ้าได้สละตนเข้าอยู่ในสำนักทรงเจ้าทำการแพร่ธรรมช่วยมวลชน เป็นทูตแห่งสวรรค์  มีบุญกุศลยิ่งใหญ่มหาศาลเอาความดีชดเชยความเลว ย่อมไม่ต้องมาที่นี่โดยปริยาย

พัศดี   :  นายทหารรีบคุมวิญญาณโทษกลับเข้าคุกไปเร็ว มีสิ่งใดบกพร่อง ขอท่านอาจารย์กับท่านหยางเซิงโปรดอภัยด้วย

หยางเซิง   :  ที่ไหนได้ ! 

พัศดี   :  บรรดาผู้คนในแดนมนุษย์ที่มีสายตาไม่บริสทธิ์ ชอบมองแต่ผู้หญิง  หนังสือลามก  หรือชอบมองคนด้วยสายตาเหยียดหยาม  และไม่ชอบหน้าเหล่านี้ เมื่อตายลงแล้วต้องตกลง "นรกควักตา"  รับการทำโทษ หากอ่าน "เที่ยวเมืองนรก"  แล้วสำนึกกลับตัวใหม่และตั้งอธิษฐานพิมพ์แจกหนังสือช่วยเหลือกอบกู้ชาวโลก เมื่อนั้นโทษทางนี้ก็จะได้ลบล้างสูญไป

อรหันต์จี้กง   :  วันนี้เวลาดึกมากแล้ว เราศิษย์อาจารย์จะกลับกันแล้ว ขอขอบคุณท่านพัศดีและนายทหาร เจ้าหยางเซิงจงรีบกล่าวคำขอบคุณต่อท่านทั้งสอง และออกจากคุกเตรียมตัวกลับสำนัก

หยางเซิง   :  ขอขอบคุณท่านพัศดีและนายทหารที่ให้การแนะนำชี้แจง ขอลาละครับ

พัศดี   :  ขอนมัสการส่งท่านอาจารย์กับท่านหยางเซิง

อรหันต์จี้กง   :  หยางเซิงรีบขึ้นดอกบัวเร็ว เตรียมกลับสำนัก

หยางเซิง   :  กระผมนั่งเรียบร้อยแล้ว

อรหันต์จี้กง   :  ถึงสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้งแล้ว  หยางเซิงลงจากดอกบัว วิญญาณกลับสู่ร่างดังเดิม

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                  เที่ยวเมืองนรก

              ครั้งที่ 17  วันพฤหัสบดีที่  19  พฤศจิกายน  พ.ศ. 2519

                        ตอน ท่องแดนเหล็กขูดหน้านรกน้อย

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จปรากฏกาย ตรัสเป็นกลอน มีความว่า   :

        กามตัณหา        แผ่ขยาย        อนาถนัก
โทษฐานนั้น              ร้ายแรงยิ่ง       ดุจสิงห์เสือ
ขอฝากเพื่อ                ผู้ลุ่มหลง        กามล้นเหลือ
หากไม่เบื่อ                ลดและเลิก     กรรมตามทัน

อรหันต์จี้กง   :  หนทางแห่งแดนมนุษย์ขรุขระกันดาร ผู้บำเพ็ญธรรมต้องผจญกับยักษ์มารครั้งแล้วครั้งเล่า ผู้ใดหนอสามารถขึ้นสู่สวรรค์โดยปราศจากการขวางกั้น ตั้งจิตใจให้แน่วแน่ แม้จะตายก็ไม่คลาย ถึงจะสังเวยพลีกายในทางธรรม แต่ดวงวิญญาณได้สถิตสู่สุดยอด ยิ่งประสบอุปสรรคยิ่งต้องพยายาม ขบกรามให้แน่น ไม่หวั่นเกรงต่อยักษ์มารทั้งหลาย ปราชญ์โบราณท่านกล่าวว่า "เห็นสิ่งแปลกประหลาด แต่ไม่รู้สึกว่าประหลาด สิ่งประหลาดนั้นก็จะดับไปเอง คือเมื่อเห็นผี แต่ไม่กลัวผี ผีนั้นจะหายตัวไปเอง"  หนทางขรุขระขวางกั้น จงชูดาบซึ่งเปี่ยมด้วยปัญญาฟันฝ่ากลุ่มเส้นไหมอันยุ่งเหยิงให้มันขาดกระจุยไปเลย  เมื่อผ่านพ้นความหนาวอันจับใจไปได้แล้ว ก็ต้องให้ดอกเหมยหอมที่จับจิตอย่างแน่นอน การท่องนรกในวันนี้เตรียมตัวได้แล้ว เจ้าหยางเซิงจงปลุกประสาทให้พร้อมเพรียง - กระฉับกระเฉงขึ้นหนทางนี้เลิศล้ำมิใช่ธรรมดา  เมื่อสามารถบรรลุถึงปลายทาง (สุดทาง) แล้ว จึงสมกับคำที่ว่า "ผู้อดทนในทางธรรม"

หยางเซิง   :  ขอขอบคุณท่านอาจารย์ที่ได้ปลอบโยนตักเตือน ต่างรู้ว่ากรรมหนักแต่ไม่แสวงบำเพ็ญเพียร ยากจะรอดพ้นจากการรังควานของพวกมารปีศาจ ขอท่านอาจารย์วางใจเถิด กระผมได้นั่งเรียบร้อยแล้ว ตามท่านอาจารย์ท่องนรก .....

อรหันต์จี้กง   :  ถึงแล้วละ รีบลงจากออกบัวเร็ว  วันนี้เราศิษย์อาจารย์จะเที่ยวชม  "แดนนรกเหล็กขูดหน้า" 

หยางเซิง   :  อ้อ !  พัศดีกับนายทหารได้ออกมาอยู่ข้างหน้าแล้ว ขอแสดงความคารวะต่อท่านเทวทูตทั้งหลาย กระผมคือศิษย์สำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้ง วันนี้ท่านอาจารย์ได้นำเยี่ยมชมคุกนรกของท่าน เพื่อเขียนลงในหนังสือ "เที่ยวเมืองนรก"  ปลอบกล่อมกอบกู้ชาวโลกเพื่อให้ทราบถึงเหตุการณ์แต่ละคุกแห่งยมโลกที่ลงโทษทัณฑ์ต่อพวกนักโทษ ขอท่านเทวทูตทั้งหลายได้โปรดให้ความสะดวกด้วย

พัศดี   :  ที่ไหนได้ ท่านเกรงใจมากเกินไปแล้ว มิต้องคุกเข่ารีบลุกขึ้นเถิด ขอต้อนรับท่านกับอาจารย์ที่มาเยี่ยมคุกนี้ เชิญตามข้าพเจ้าเข้าไปตรวจสอบภายใน

นายทหาร   :  คุกนี้คือ  "นรกเหล็กขูดหน้า"  ที่ลงโทษผู้คนในแดนมนุษย์ที่ไม่รู้จักเรื่องเหนียมอาย ไม่ถนอมรักหน้าตา (ไม่รักเกียรติ)  เชิญท่านทั้งสองรีบเข้ามา

หยางเซิง   :  ที่หน้าคุก ยมทูตหัวควายหน้าม้า ต่างคุมตัววิญญาณโทษมากหลาย มีทั้งหญิงทั้งชาย ต่างวัยต่างอายุ แต่ละคนคอพับคอตกถอนหายในระทดระทวย สีหน้าประหวั่นพรั่นพรึง ถูกคุมอยู่ข้างประตูคุกก่อน เพื่อทำการรายงานตัว และแล้วจึงถูกคุมเข้าไปในคุกติดต่อกันไป

อรหันต์จี้กง   :  ไม่ต้องดูให้มาก รีบตามพัศดีกับนายทหารเข้าไปชมดูภายใน

หยางเซิง   :  โอ้โฮ !! เสียงตะเบ็งอย่างเจ็บปวดส่งมาจากภายในห้องขัง ... นักโทษแต่ละคนถูกล่ามติดเสาเหล็ก ยมทูตหน้าควายกำลังจัดการลงโทษ ใช้มีดเหล็กหรือมีดทองเหลืองขูดเอาผิวหน้าคนออก ราวกับว่าการขูดลอกผิวหนังหมูออกในโรงฆ่าสัตว์ฉันนั้น วิญญาณโทษแต่ละตนส่งเสียงร่ำไห้อย่างเจ็บปวดเวทนา เห็นแต่เลือดเนื้อเกรอะกรังไปหมด ส่งเสียงหวนไห้น่าสังเวช  เปรอะเปื้อนเลอะเทอะไปทั่วหน้า เมื่อผิวหนังถูกขูดออกแล้ว บนหน้าเห็นแต่เนื้อสีแดงช้ำ ๆ เละ ๆ ลักษณะทารุณมาก ขอถามท่านพัศดี พวกวิญญาณโทษเหล่านี้ทำกรรมชั่วอะไรบ้าง ?. ไฉนจึงถูกตัดสินให้มารับโทษที่นี้ ?.

พัศดี   :  มันพูดยากครับ ข้าพเจ้าจะเรียกมันออกมาสัก 2 - 3 คน ให้ท่านถามมันเองจะรู้ละเอียดกว่า

หยางเซิง   :  อย่างนี้ก็ยอดเลยครับ จะได้มีหลักฐานให้พิสูจน์ได้

นายทหาร   :  วิญญาณตนนี้ออกมาเร็ว นำเอาการทำชั่วเมื่อตอนอยู่แดนมนุษย์ สารภาพให้ชาวโลกมนุษย์หยางเซิงผู้นี้ฟัง

หยางเซิง   :  ขอถามท่านสุภาพบุรุษผู้นี้ ที่ตกลงมายังคุกนรกนี้ด้วยเหตุใดมิทราบ ?. 

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                 เที่ยวเมืองนรก

              ครั้งที่ 17  วันพฤหัสบดีที่  19  พฤศจิกายน  พ.ศ. 2519

                        ตอน ท่องแดนเหล็กขูดหน้านรกน้อย

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จปรากฏกาย ตรัสเป็นกลอน มีความว่า   :

        กามตัณหา        แผ่ขยาย        อนาถนัก
โทษฐานนั้น              ร้ายแรงยิ่ง       ดุจสิงห์เสือ
ขอฝากเพื่อ                ผู้ลุ่มหลง        กามล้นเหลือ
หากไม่เบื่อ                ลดและเลิก     กรรมตามทัน

วิญญาณโทษ   :  เพราะเหตุว่าผมกำพร้าพ่อแม่ตั้งแต่เด็ก จึงรับการศึกษาน้อย เป็นลูกจ้างเขา รู้สึกลำบากมาก ใจก็คิดว่าสู้เปลี่ยนอาชีพเป็นขอทานดีกว่าหากสามารถขอได้บ้านละเหรียญ แต่ละวันยื่นมือขอได้ร้อยบ้าน ก็จะยังชีพได้ ไม่ต้องลงทุน งานก็เบา แต่รูปร่างผมมันล่ำสันแข็งแรง เกรงว่าผู้คนจะไม่ยอมทำทานให้ ดังนั้นจึงทำการอดอาหารสักสองเดือนก่อน แต่ละวันกินเพียงข้าวต้มกับน้ำ ร่างกายก็กลายเป็นผอมแห้ง อ่อนแอดังคาดหมาย แล้วก็ใช้ดินทรายทาหน้า ใส่เสื้อขาดวิ่น แกล้งทำ้เป็นขาเสีย (พิการ)  ออกขอเงินทั่วทุกทิศ ขอความเมตตาจากผู้คน และพร่ำพูดถึงความคับแค้นน่าสงสารของตนเองว่าไม่มีพ่อแม่พี่น้อง  ขาก็พิการ  หลายคนเขาเห็นสภาพแล้วก็สงสารให้เงิน ด้วยเหตุนี้แต่ละเดือนได้เงินถึง  4 - 5 พัน กลับไปยังบ้านแอบภูมิใจตัวเองที่ได้เงินโดยง่าย ๆ พอตกกลางคืนก็เปลี่ยนใส่เสื้อผ้าใหม่ ไปดื่มกินอย่างไม่อั้น ตามเหลา ตามร้าน หรือเข้าไปหาความสุขในเขตคาวโลกีย์ และบ่อยครั้งไปดื่มกินเสพสุรายังภัตตาคาร  โรงแรม  ต่อมาใจนึกอยากได้เงินมาก ต้องเค้นขอเงินจากผู้อื่นให้มากขึ้น ถ้าให้เหรียญเดียว ถึงสามเหรียญ ก็จะไม่รับ อย่างน้อยที่สุดต้องสิบเหรียญ  จึงมีบ่อยครั้งโดนผู้ให้ทานที่ขี้เหนียวแช่งด่าเสียหายไปเลย หรือไม่ก็ไม่ให้เลย  เมื่อตายลงแล้วถูกยมบาลตัดสินให้เข้ามาในคุกนี้รับการลงโทษ ทำโทษด้วยการขูดหน้านั้น เจ็บปวดทรมานยิ่งนัก จะสำนึกตัวได้ก็สายเสียแล้ว

พัสดี   :  ไอ้เวร !  พูดถึงคนนี้ ชาติก่อนไม่ทำความดี เกิดมาในครอบครัวที่อับโชค โดยไม่คิดว่าอาศัยความหนุ่มแน่นแข็งแรงทำงานเลี้ยงชีพ แต่กลับแกล้งทำเป็นคนพิการ  ทำหน้าด้านไปขอกิน ผู้ที่มีความทรนงนั้น ไม่ตกถึงขั้นสิ้นไร้ไม้ตอก ใครเล่าที่จะบากหน้าไปยื่นมือของเขากิน ?. และนี่ยังทำมากกว่านี้อีก ยังถลุงเงินทองที่ได้มาจากการขอทานไปใช้ในสถานที่เริงรมญ์ด้วย ผิดอย่างฉกาจฉกรรจ์ใหญ่หลวงนััก เมื่อตอนมีชีวิตอยู่ไม่รักหน้า (คือหน้าด้าน)  ตายลงแล้วก็ให้มันไม่มีหน้าไปเลย โดนทำโทษขูดหน้า ชาวโลกจงจำไว้เป็นที่เตือนใจ กลับเข้าไปในคุกโดยเร็ว !  ข้าพเจ้าจะเรียกวิญญาณออกมาอีกคนหนึ่ง  ท่านหยางเซิงจะถามอีกก็ย่อมได้

หยางเซิง   :  ขอบคุณท่านนายทหารมาก ขอถามสุภาพบุรุษผู้นี้ ฉันมองดูท่านแล้วอายุก็เพียง 30 ปีเศษ ไฉนจึงตายลงตอนอายุยังน้อยเช่นนี้ ?. แล้วยังถูกตัดสินให้มาลงโทษในคุกนี้อีก ?.

วิญญาณโทษ   :  พูดแล้วเป็นที่หน้าอับอายขายหน้า ข้าผู้น้อยทำให้เสื่อมเสียถึงบรรพบุรุษด้วย เมื่อตอนฉันมีอายุ 17 - 18 ปี เรียนอยู่ชั้นมัธยมปลายนั้นได้นัดกับเพื่อนฝูงไปเที่ยวที่สวนสาธารณะเสมอ ๆ พบเห็นหญิงสาวก็จะต้องเข้าหยอกล้อจีบเล่น หรือกล่าวคำต่ำช้าสามานย์ โดนผู้หญิงแช่งด่า  "ไอ้จิ๊กโก๋" หรือ  "ไม่มีการศึกษา  ไอ้หน้าด้าน"  ก็บ่อยครั้ง แต่ฉันถูกด่าแล้วในใจกลับทวีความสนุกสนาน บางครั้งอยู่ที่เปลี่ยวมืด ก็ฉวยโอกาสลวนลามผู้หญิง หรือพุ่งเข้าสวมกอดผู้หญิงโดยเธอไม่ทันรู้ตัว หรือบางครั้งขี่จักรยานเฉียดไปก็เอื้อมมือไปจับต้องตัวผู้หญิง และเคยข่มขืนหญิงสาวคนหนึ่ง แม้ว่าตอนนั้นมิได้ถูกตำรวจจับไปดำเนินคดี แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งระหว่างขี่จักรยานอยู่ได้ใช้กลเก่าอีก คือเอื้อมมือไปทำการมิดีมิร้ายนั้น หญิงผู้นั้นร้องตะโกนลั่นขึ้น ฉันเกิดความกลัวลนลานจักรยานที่ขี่อยู่เลยตกลงไปในคูน้ำถึงแก่ความตาย ท่านยมบาลพิโรธมากหาว่าฉันไม่ละนิสัยชั่วร้ายเลยหักอายุขัยไป 10 ปี  ต่อมาก็ตัดสินให้ตกเข้ามารับความทรมานในคุกนี้ ถึงปัจจุบันนี้เป็นเวลา 5 ปีเศษแล้ว และยังเหลือโทษอีก 13 ปี จึงพ้นจากคุก นอกนั้นยังมีความผิดอย่างอื่นอีก ต้องส่งให้ขุมอื่นพิจารณาตัดสิน เป็นเรื่องน่าอนาจใจยิ่ง ขอให้ท่านหยางเซิง (นักบุญ) ผู้นี้ทำการแทนตัวฉัน ขอร้องยมบาลลดโทษให้ฉันบ้างเถิด

พัศดี   :  อย่างพูดมาก ใครใช้ให้เอ็งประพฤติตัวเหลวแหลก ไม่สำรวมตัวในแดนมนุษย์เล่า ไม่รู้กระทั่งความเหนียมอาย  มารยาท  คุณธรรมต่าง ๆ  การบ้ากามนับเป็นสิ่งที่สุดยอดของความชั่วร้ายทั้งหลาย สมควรที่ได้โทษสนองแล้ว  เสียเวลาที่ได้ร่ำเรียนไปเปล่า ๆ ทำให้อับอายถึงพ่อแม่ เมื่อเป็นมนุษย์ไม่รักหน้า ตายแล้วก็ต้องรับการสนองแบบนี้ ส่วนโทษที่ไปข่มขืนเขา เมื่อหมดโทษทางนี้แล้ว จะส่งไปขุมอื่นลงโทษอย่างนัก นายทวาร ! รีบคุมวิญญาณนี้เข้าห้องขังไป

นายทหาร   :  ขอรับคำบัญชา

อรหันต์จี้กง   :  เวลาดึกมากแล้ว เราศิษย์อาจารย์เตรียมกลับสำนัก เจ้าหยางเซิงออกจากคุกไปกันเถอะ

พัศดี   :  สิ่งใดที่บกพร่อง ขอท่านอาจารย์กับท่านหยางเซิง โปรดให้อภัยด้วย

หยางเซิง   :  มิกล้า !  ขอบคุณมากที่ท่านพัศดีและนายทหารที่ช่วยเหลือในหน้าที่แต่งหนังสือของเรา ขอลาท่านทั้งสองละ

อรหันต์จี้กง   :  รีบขึ้นบนดอกบัวเร็ว

หยางเซิง   :  กระผมนั่งเรียบร้อยแล้ว ท่านอาจารย์กลับสำนักได้แล้ว 

อรหันต์จี้กง   :  สำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้งถึงแล้ว  หยางเซิงลงจากดอกบัว วิญญาณกลับเข้าสู่ร่างดังเดิม   

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                               เที่ยวเมืองนรก

              ครั้งที่ 18  วันพุธที่  29  พฤศจิกายน  พ.ศ. 2519

                      ตอน ท่องนรกน้อยแดนแขวนหัวทิ่ม

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จปรากฏกาย ตรัสเป็นกลอน มีความว่า   :

        ทั่วปฐพี        เกลื่อนตลบ        ซากศพเลือด
ไหลนองกลบ         จับเกาะ             หญ้ามากมาย
ศีลธรรม                ในครอบครัว        ถูกทำลาย
เวรกรรมร้าย           ตกทอด             สู่ลูกหลาน

อรหันต์จี้กง   :  กระแสลมหนาวโชยมา รู้สึกหนาวเป็นระลอก ๆ พวกผู้ดีมีเงินในบ้านพร้อมด้วยเครื่องทำความอุ่น บนกายก็ประดับแต่งด้วยเสื้อหนังขนสัตว์รับประทานอาหารร้อน ๆ ในหม้อ กลับมาดูในบ้านของคนจน ทั้งครอบครัวใส่เสื้อผ้ากันหนาวที่แนบบาง หนาวจนกรามกระทบเสียงดังกึก ๆ แสนที่อนาถใจชาติก่อนไม่เคยสร้างบุญไว้ ชาตินี้เลยต้องเดียวดาย เมื่อถึงหน้าหนาว ก็ขาดความอบอุ่น จึงหวังให้ชาวโลกผู้มีอันจะกินมีความเป็นอยู่สบาย จงมีเมตตาธรรมเหมือนส่งถ่านให้ในยามหิมะตก ช่วยเหลือผู้ยากจน สร้างบุญทำกุศลไว้ให้มาก ๆ ชาติหน้าจะได้รับสนองตอบด้วยโชคลาภต่าง ๆ นา ๆ มิเช่นนั้นแล้วเมื่อโชควาสนาหมดลง ชาติหน้าจะหมุนเวียนมาเกิดในครอบครัวยากจน ผู้มีสติปัญญาปราดเปรื่องแลเห็นการณ์ไกล ไม่ควรที่จะไม่เตรียมการเอาไว้แต่เนิ่น ๆ  วันนี้เตรียมท่องนรก เจ้าหยางเซิงรีบขึ้นดอกบัวเร็ว

หยางเซิง   :  กระผมได้นั่งเรียบร้อยแล้ว เชิญท่านอาจารย์เริ่มออกเดินทางเถิด ...

อรหันต์จี้กง   :  ถึงแล้วละ เจ้าหยางเซิงลงไปเร็ว

หยางเซิง   :  อื้อฮือ !!  ข้างหน้วแว่วเสียงถวิลไห้ราวกับเพชฌฆาตกำลังมัดหมู เตรียมจะนำส่งไปโรงฆ่าในชนบทอย่างนั้นแหละ

อรหันต์จี้กง   :  อย่าพูดมากไปเลย พัสดีและนายทหารได้มาแล้ว รีบเข้าไปทำความเคารพเถิด

หยางเซิง   :  ขอแสดงความคารวะท่านพัศดีกับนายทหาร ข้าพเจ้ากับท่านอาจารย์มีพระราชโองการให้มาท่องนรก แต่งหนังสือ "เที่ยวเมืองนรก"  เพื่อเตือนชาวโลก ขอได้โปรดชี้แจงให้ละเอียดด้วย

พัศดี   :  มิกล้า  ได้ยินและเลื่อมใสชื่อเสียงของสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้งมานานนักหนาแล้ว สำนักของท่านประทับทรงบรรยายธรรม พิมพ์แจกหนังสือธรรม  คัมภีร์  โปรดเวไนยสัตว์  ช่วยกอบกู้ชาวโลก  น้ำใจอันประเสริฐที่กล่อมเกลาอบรมผู้คนนั้น สั่นสะเทือนไปทั่วทั้งสามแดน ได้ช่วยปลอบกล่อมจนพวกที่ประพฤติเหลวไหล ผู้ลุ่มหลงกลับตัวเป็นคนดีก็ไม่น้อย ความชอบที่ช่วยเสริมกฏหมายแห่งแดนมนุษย์ที่ปกคลุมไม่ทั่วถึงนั้น ได้ผลเป็นอย่างมาก วันนี้มีบุญวาสนามาพบท่าน เชิญท่านอาจารย์และหยางเซิงตามข้าพเจ้าเข้าไปเยี่ยมชมภายในคุกเถิด

หยางเซิง   :  ขอบคุณครับ ที่แท้ที่นี่ก็คือ  "นรกแขวนหัวทิ่ม"  (คือแขวนหัวลงดินตีนชี้ฟ้า)  บนประตูได้เขียนบอกไว้แล้ว

อรหันต์จี้กง   :  ใช่แล้ว  เราจะเยี่ยมชม  "นรกแขวนหัวทิ่ม"  รีบตามพัศดีกับนายทหารเข้าไปในคุกเร็ว

หยางเซิง   :  เสียงคร่ำครวญเป็นทอด ๆ ราวกับว่าบิดามารดาตายฉันนั้น ในนั้นมีสนามกว้างบนพื้นสนามต้นหญ้าสีแดงงอดเต็มไปหมด

พัศดี   :  นี่แหละคือ  "นรกแขวนหัวทิ่ม"  อยู่ในความปกครองของขุมที่ 3

หยางเซิง   :  เบื้องหน้าปรากฏภาพเป็นสนามลงโทษที่มองเห็นอย่างชัดแจ้ง ในสนามกว้างติดตั้งเสาเหล็กเป็นแถว ๆ ด้านบนร้อยเอาเส้นเหล็กกล้าเต็มไปหมด วิญญาณโทษแต่ละตนถูกแขวนเอาหัวทิ่มลงบนพื้นดิน เส้นเหล็กกล้าร้อยเจาะอุ้งตีนทั้งสองข้าง หัวคนทิ่มลง บริเวณตีนเลือดสด ๆ ไหลพราก บ้างก็ร้องด้วยความเจ็บปวด บ้างก็ดิ้นรน แต่ยิ่งดิ้นก็ยิ่งเจ็บ บ้างก็มีเลือดไหลออกทางหูตาปากจมูก หยุดนิ่งไม่ไหวติง วิญญษณโทษแขวนอยู่บนราวสูง คล้ายกับตากเส้นหมี่อย่างนั้น  ขอเรียนถามท่านพัศดี ไฉนจึงมีวิญญาณโทษจำนวนมากถูกลงโทษเช่นนี้ ?.

พัศดี   :  มนุษย์ชาวโลก ทำเอาอันดับศักดิ์สิทธิ์สูงต่ำของสังคมกลับตาลปัตร ศีลธรรมเสื่อมสลาย  ดูหมิ่นก้าวร้าวครูบาอาจารย์  ไม่รู้จักสัมมาคารวะ (ไม่รู้จักที่สูงที่ต่ำ)  ดังนั้นวิญญาณโทษที่ถูกจำขังในคุกนี้จึงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ วิญญาณโทษที่ถูกลงโทษเลือดสด ๆ ไหลลงหยดอยู่บนพื้นดิน ก็เลยงอกต้นหญ้าสีแดง เพราะเหตุว่าเลือดนั้นสีแดงสด เมื่อนอนแช่พื้นดินเป็นเวลานาน ๆ ก้เลยงอกต้นหญ้าสีแดงขึ้นโดยธรรมชาติ เหมือนดังที่โลกมนุษย์เพาะปลูกเห็ดฟางในทุกวันนี้ เลือดของวิญญาณโทษไม่สะอาดพอ เมื่อบ่มแล้วก็เกิดงอกของชนิดนี้ขึ้น

หยางเซิง   :  กลิ่นคาวเลือดตลบกลบจมูกไปหมด ยากที่จะทนทานได้ คิดจะอาเจียนเสียเหลือเกิน

อรหันต์จี้กง   :  ทำจิตใจให้สงบ เพื่อไม่ให้กระทบต่อหน้าที่การแต่งหนังสือ

พัศดี   :  ข้าพเจ้าจะเรียกวิญญาณโทษบางตนลงมา ให้มันเล่าความเป็นมาในการทำผิดว่ามีสภาพอย่างไรให้ท่านฟัง

หยางเซิง   :  ขอขอบคุณท่านพัศดีมาก

พัศดี   :  นายทหารเอาวิญญาณโทษที่แขวนอยู่ข้างหน้าปลดลงมาตนหนึ่ง เพื่อสะดวกในการบอกเล่าด้วยตนเองถึงเหตุการณ์ที่ได้ทำผิดต่อหน้าหยางเซิงเอง

นายทหาร   :  ขอรับคำบัญชา ..... ปลดลงมาแล้ว

หยางเซิง   :  ขอถามบุรุษผู้นี้ ไฉนจึงมาถูกแขวนตากลมเย็น ณ ที่นี้ ?.

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                              เที่ยวเมืองนรก

              ครั้งที่ 18  วันพุธที่  29  พฤศจิกายน  พ.ศ. 2519

                      ตอน ท่องนรกน้อยแดนแขวนหัวทิ่ม

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จปรากฏกาย ตรัสเป็นกลอน มีความว่า   :

        ทั่วปฐพี        เกลื่อนตลบ        ซากศพเลือด
ไหลนองกลบ         จับเกาะ             หญ้ามากมาย
ศีลธรรม                ในครอบครัว        ถูกทำลาย
เวรกรรมร้าย           ตกทอด             สู่ลูกหลาน

วิญญาณโทษ   :  โฮ !โฮ ! โฮ ! ฉันเจ็บปวดทรมานมาก เท้าทั้งสองข้างยืนไม่ค่อยติด เจ็บเหลือหลายถูกแขวนหัวทิ่มจนท้องไส้ทั้งหมดจะอาเจียนออกหมด ฉันอยู่เมืองไถ่หน้ำ ตอนมีชีวิตอยู่เพราะเหตุว่า อาฉันไม่มีลูก ฉันเลยถูกอารับเอาไปเลี้ยงตั้งแต่วัยเยาว์ เรียกกอาเป็นพ่อได้รับการชุบเลี้ยงจากท่าน และได้รับการศึกษาถึงชั้นมัธยม ท่านเปิดร้านสรรพสินค้าอยู่ในบ้านท่านเอง มีเด็กผู้ชายเพียงฉันคนเดียว อาจึงรักใคร่ฉันมาก ฉันมีอำนาจเต็มบริหารกิจการของบริษัททั้งหมด ต่อมาเมื่อฉันมีอายุได้ 37 ปี มีเพื่อนบ้านคนหนึ่ง บอกฉันว่าตัวฉันมิใช่ลูกที่แท้จริงของอา  ในใจจึงเกิดความคิดไม่สุจริตขึ้นมาทันที ว่าถ้าได้กลับไปอยู่ข้างตัวของบิดาบังเกิดเกล้าแล้วน่าจะดีมาก จากนั้นก็แอบขนย้ายเงินทองไปยังบ้านบิดาบังเกิดเกล้า บิดาผู้บังเกิดเกล้าก็มิได้ห้ามปรามแต่อย่างไร แล้วยุยงให้ขายเลหลังสินค้าส่วนใหญ่ในบริษัทอีกด้วย และให้เซ็นเช็คไปเป็นจำนวนมาก แล้วก็หลบหนีจากบ้านของอากลับไปอยู่กับบิดาบังเกิดเกล้าเสพสุขอย่างผู้ดีมีเงิน เมื่ออาได้รู้เห็นเหตุการณ์นี้แล้ว ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเจ็บซ้ำน้ำใจ ด่าสะบั้นหั่นแหลก เมื่อเช็คครบกำหนดเวลาสั่งจ่ายจึงไม่สามารถจ่ายให้เขาไปแม้แต่ฉบับเดียว เจ้าหน้าที่มาทวงตามหนี้ถึงบ้านกันชุลมุลกันหมด เพราะเช็คที่จ่ายไปอยู่ในนามของอา  อาถูกเร่งรัดไม่มีทางออกถึงกับฆ่าตัวตายด้วยความแค้น วิญญาณล่องไปแดนนรกไปฟ้องร้องต่อท่านยมบาล กล่าวหาโทษฉันกับบิดา ท่านยมบาลรับเรื่องไว้พิจารณา หลังจากตายไปแล้วหนึ่งปี ฉันและบิดาเกิดป่วยไข้ขึ้นพร้อมกัน ทรัพย์สมบัติใช้จ่ายหมดเกลี้ยง อาการป่วยหนักจนถึงแก่ความตาย วิญญาณตกถึงยมโลก ฉันจึงรู้ว่าโดนหักอายุขัย ยมบาลขุมที่ 3 พิโรธยิ่งนัก ตัดสินให้ฉันตกอยู่ใน  "นรกแขวนหัวทิ่ม"  ได้ยินว่าบิดาบังเกิดเกล้าก็ถูกตัดสินให้เข้าไปรับโทษที่คุกอื่น

พัสดี   :  ไอ้สัตว์ทรยศ !  อาชุบเลี้ยงจนเติบใหญ่ ไม่รู้จัดทดแทนบุญคุณ กลับมาเปลี่ยนใจในกลางทาง กลับตาลปัตร อันดับศักดิ์ศรีแห่งทำนองคลองธรรมของโลกมนุษย์ ดังนั้นจึงตัดสินให้มารับโทษที่นี่  แล้วจะพูดอะไรอีก ให้ทหารคุมตัวกลับไปทำโทษ ปลดวิญญาณโทษสองตนด้านซ้ายนั้นลงเสีย ให้สารภาพต่อท่านหยางเซิงเพื่อนเขียนลง "เที่ยวเมืองนรก" 

นายทหาร   :  ขอรับคำบัญชา ..... เอาตัววิญญาณโทษมาแล้ว

พัศดี   :  รีบบรรยายความชั่วที่ได้ก่อไว้ต่อท่านหยางเซิง แห่งสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้ง แห่งเมืองมนุษย์เสีย 

วิญญาณโทษ   :  ขณะนี้ตัวข้าพเจ้าแสนที่จะเจ็บปวดทรมาน ถูกทำโทษด้วยการแขวนเอาหัวทิ่มทุก ๆ วัน มีปากก็พูดไม่ออก นัยน์ตาทั้งสองข้างจวนจะถลนออกนอกเบ้าแล้ว ข้าพเจ้าเกิดที่เมืองไถ่ตง มีครอบครัวแล้ว ต่อมาได้รู้จักสนิทสนมกับหญิงสาวนางหนึ่ง และเกิดมีการสมสู่ได้เสียกันขึ้น จากความลับกลายมาเป็นความเปิดเผย เนื่องจากหญิงสาวผู้นั้นบิดาเสียชีวิตไปแล้ว มีเพียงมารดาที่มีอายุเพียง 40 ปีเศษ ๆ อยู่เท่านั้น รูปร่างหน้าตาก็หมดจดพอไปวัดไปวาได้ ข้าพเจ้าคอยหาโอกาสไปบ้านของเธอ ใช้วาจาอันอ่อนหวนกล่อมเกี้ยว เมื่อโดนข้าพเจ้าโน้มน้าวเร้าโลมต่าง ๆ นา ๆ  ก็เสียความเป็นแม่หม้ายที่สงวนตัวสงวนใจ ตกเป็นของข้าพเจ้าไป ไหน ๆ มันก็เป็นไปแล้วก้เลยให้มันเลยไป จึงค่อย ๆ กลายเป็นเรื่องเปิดเผยขึ้น ได้เสพสุขสารพัดทุกอย่าง เพราะการหลงใหลในทางคาวโลกีย์จนถอนตัวไม่ขึ้น หลังจากนั้นเกิดอุบัติเหตุทางรถขึ้น จักรยานยนต์ที่ข้าพเจ้าขี่อยู่นั้นถูกชนจนแหลกละเอียด ตัวข้าพเจ้าสลบหมดสติไป ระหว่างสลบไสลนั้นถูกทหารหัวควายหน้าม้าเอาโซ่เหล็กล่ามตัวคุมส่งยมโลกผ่านกระจก (กรรม) วิเศษ ปรากฏร่างเดิมลักษณะอุบาทว์น่าเกลียดน่าอายเป็นยิ่งนัก ท่านยมบาลพิโรธมากตัดสินให้ตกเข้า  "นรกแขวนหัวทิ่ม"  30 ปี  ขณะนี้รับโทษมาเพียง 2 ปีเศษ วันข้างหน้ายังยืดยาวมาก ไม่รู้ว่าวันไหนจึงจะพ้นทุกข์

พัศดี   :  ไอ้สัตว์ !  คนกลายเป็นไก่เป็นหมา ไม่รู้จักพ่อแม่ เรื่องบ้ากามเป็นเรื่องสุดยอดแห่งความชั่วร้ายทั้งหมด การไปมั่วหญิงสาวโทษนั้นก็ไม่เบาอยู่แล้ว ยังบังอาจล่วงล้ำคืบเข้าไปอีก ทำลายแม่หม้ายที่รักษาเนื้อรักษาตัวอย่างถูกต้องตามทำนองคลองธรรม ทำให้แม่ลูกร่วมกันมั่วกาม โทษนี้สมควรให้ตายเป็นพันครั้ง เมื่อครบการลงโทษแล้วจะต้องตกเข้าไป  "นรกโลกันตร์"  ไม่มีวันผุดวันเกิดตลอดไป

อรหันต์จี้กง   :  ไม่รักษาวัฒนธรรมอันดีงามของมนุษย์ 5 ประการ  ทำลายศีลธรรมของชาวโลก  ถ้าไม่รู้จักเคารพครูบาอาจารย์  ใช้คำหยาบคายต่อผู้ใหญ่  หรืออกตัญญูต่่อบิดามารดา  หรือทำให้แม่ลูกมั่วในกามเดียวกัน  "นรกแขวนหัวทิ่ม"  เพียงเป็นที่ลงทัณฑ์แห่งน้อย ๆ เท่านั้น  "นรกอาปี" (นรกโลกันตร์)  จึงจะเป็นที่ฝังตัวที่แท้จริง ชาวโลกควรสำนึกตัวโดยเร็ว เพื่อที่จะไม่ต้องมาตกลงในนรกนี้ วันนี้หมดเวลาแล้ว เราศิษย์อาจารย์จะกลับละ

หยางเซิง   :  ขอขอบคุณที่ท่านพัสดีและนายทหารให้การแนะนำมาก เราจะกลับสำนักกันแล้ว ขอลาท่านทั้งสองละ

พัสดี   :  มิกล้า สิ่งใดไม่รอบคอบ ขอท่านอาจารย์และท่านหยางเซิงโปรดอภัยด้วย

อรหันต์จี้กง   :  ไม่ต้องเกรงใจ หยางเซิงรีบเตรียมตัวกันเถอะ

หยางเซิง   :  กระผมนั่งเรียบร้อยแล้ว เชิญท่านอาจารย์กลับเถิดครับ

อรหันต์จี้กง   :  สำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้งถึงแล้ว  หยางเซิงลงจากดอกบัว วิญญาณกลับเข้าร่างดังเดิม