collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: ท่องนรก  (อ่าน 86001 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                         เที่ยวเมืองนรก

                     ครั้งที่ 14  วันเสาร์ที่ 20  พฤศจิกายน  พ.ศ. 2519

                         ตอน ท่องสระน้ำแข็งนรกน้อย   

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จลงตรัสเป็นกลอน มีความว่า   :

        ลมหนาวโกรก        ซาบซ่าน        เหน็บกระดูก
บาปบุญปลูก                 เปรียบเสมือน   สนหินเกย
ขุนเขาเขียว                   หิมะโปรย       เปลี่ยนขาวเลย
ต้นไผ่ - เหมย                ยืนตระหง่าน    บ่หวั่นไหว

พัศดี   :  นั่นเป็นการตัดสินจากยมกฏ หากมิได้รับคำสั่งของท่านยมบาล ข้าพเจ้าก็มิมีอำนาจใดที่จะเปลี่ยนแปลงได้  ขณะนี้ให้มันกินน้ำขิงแก้หนาวก็นับว่าให้การเลี้ยงดูที่ดีแล้ว อย่าได้มีการขอร้องอะไรอีกเลย ท่านจะถามยายแก่นางนี้ที่ต้องตกมาอยู่คุกนรกนี้โดยเหตุอันใดอีกไหม ?.

หยางเซิง   :  ยายแก่นางนี้ถูกความหนาวคลอบจนทนไม่ไหวอยู่แล้ว  ล้มอยู่กับพื้นจะให้เธอตอบได้อย่างไร ?.  ท่านนายทหารขอน้ำขิงให้เธอกินบ้างเพื่อแก้หนาว เพื่อช่วยกระตุ้นให้ฟื้นคืนสติเถิด

นายทหาร   :  ก็ได้ รีบดื่่มเร็ว จงตอบคำถามของท่านหยางเซิง ท่านนี้ให้ดี ๆ นะ มิเช่นนั้นจะถูกทำโทษเพิ่มขึ้นอีก

วิญญาณโทษ   :  โอย !  ฉันทุกข์ทรมานเหลือเกิน น้ำแข็งหนาวจัดชนิดนี้คล้ายกับโรงเก็บศพ หรือหอตั้งศพที่แช่เย็นศพ โดยเฉพาะฉันนั้น ท่านเห็นทั่วกายออกสีเขียวคล้ำไม่มีสีเลือดแม้แต่น้อย ตอนฉันอยู่ในแดนมนุษย์ ได้เปิดซ่องนางโลมตั้งตนเป็นแม่เล้า อยู่บ้านต่ำ ๆ สับปะรังเค รับซื้อเด็กสาวไว้สิบกว่านาง ในจำนวนนั้นมีพวกชนเผ่าบนภูเขา พวกผู้หญิงคนดีตามบ้าน  นักเรียนสาวที่หนีการเรียนบ้าง ให้รับแขกทุกวัน ถ้าผู้ใดไม่ทำตามคำสั่งก็ถูกคุมขังหรือให้พวกแมงดาข่มขู่จัดการ ได้เงินสกปรกก้อนโต ในจำพวกโสเภณีนั้น แม้จะมีแขกหรือญาติทางบ้านจะขอไถ่ตัวไปช่วยออกจากความขมขื่นนี้ กลับตัวเป็นอิสรเสรี เมื่อได้โอกาสใหญ่นี้ก็เรียกร้องเงินทองเป็นจำนวนมหึมา บางคนก็ไม่มีเงินพอที่จะไถ่ตัว จึงต้องให้ความสดสาวจมปลักลงไปตลอดชีพ ดิ้นรนกลิ้งเกลือกอยู่ในซ่อง ตอนฉันอายุได้ 51 ปี เนื่องจากร่ำสุรายาเมามากจัดตลอดเวลา ทำให้เกิดเส้นโลหิตในสมองแตกถึงแก่ความตาย  เมื่อตายแล้วจึงรู้ว่าถูกท่านยมบาลตัดอายุขัยไป 10 ปี  เพราะเหตุที่ก่อกรรมทำเข็ญไว้มากล้นเหลือ ถูกตัดสินให้เข้าไปอยู่  "นรกอุจจาระ - ปัสสาวะ"  5 ปี ครบการลงโทษแล้วจึงย้ายมาถูกตัดสินเข้า  "นรกน้ำแข็ง"  อีก 31 ปี เมื่อครบโทษแล้วยังไม่รู้จะต้องถูกส่งไปขุมไหนลงโทษอะไรอีก !  ตั้งแต่ตายลงจนถึงปัจจุบันนี้ได้รับความทุกข์ทรมานจากอุจจาระ - ปัสสาวะ  น้ำแข็ง ความทุกข์ในอนาคตยังมีอีกมาก เป็นการทรมานอย่างแสนสาหัสที่แท้จริง ทั้งนี้ต้องโทษตัวเองที่สร้างบาปสร้างเวรมากเกินเท่านั้น

พัศดี   :  เปลี่ยนวิญญาณโทษหญิงคนสุดท้ายนี้ให้เล่าสารภาพความผิดตอนที่อยู่ในแดนมนุษย์นั้นมีสภาพเช่นไรโดยเร็ว นายทหารรีบให้น้ำขิงเพื่อคืนสติ เพื่อที่จะสะดวกในการบอกเล่าพูดจา

นายทหาร   :  ขอรับคำบัญชา ..... ได้ให้กินแก้หนาวไปแล้ว

หยางเซิง   :  ขอถามสุภาพสตรีผู้นี้  ไฉนเธอจึงได้ตกมายัง  "นรกน้ำแข็ง"

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                      เที่ยวเมืองนรก

                     ครั้งที่ 14  วันเสาร์ที่ 20  พฤศจิกายน  พ.ศ. 2519

                         ตอน ท่องสระน้ำแข็งนรกน้อย   

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จลงตรัสเป็นกลอน มีความว่า   :

        ลมหนาวโกรก        ซาบซ่าน        เหน็บกระดูก
บาปบุญปลูก                 เปรียบเสมือน   สนหินเกย
ขุนเขาเขียว                   หิมะโปรย       เปลี่ยนขาวเลย
ต้นไผ่ - เหมย                ยืนตระหง่าน    บ่หวั่นไหว

วิญญาณโทษ   :  เมื่อพูดแล้วมีความอายระคนความแค้น (ทั้งอายทั้งแค้น) ขณะที่ดิฉันมีอายุ 18 ปีได้ร่วมกับคณะละครรำคณะหนึ่ง ได้ติดตามคณะออกไปแสดงทั่วทุกทิศ ขณะแสดงนั้นได้มีการแสดงเปลื้องผ้าเป็นประจำเพื่อดึงดูดความสนใจของผู้ชม ต่อมาเพราะเหตุกิจการไม่เจริญ คณะละครสลายตัวเลยเปลี่ยนอาชีพมาเป็นนางทางโทรศัพท์ (โสเภณีชั้นสูง) ถูกเรียกตัวไปรับแขกเป็นประจำ หรือแสดงการเปลื้องผ้าให้แขกชมตามรายการ ก็เลยรู้จักสนิทสนมกับแขกคนหนึ่งซึ่งเป็นพ่อค้ามีเงินกินอยู่ด้วยกันตามลำพังในฐานะเมียน้อย ครั้นตกมาถึงตอนอายุ 36 ปี เราสองคนเกิดมีความคิดเห็นขัดแย้งกัน ก็เลยแยกทางกันไป ในขณะที่คิดไม่ตกเลยกลืนยาพิษฆ่าตัวตาย แล้วก็เลยตกไปอยู่ "เมืองผีตายโหง"  ถูกคุมขังอยู่ 5 ปี ต่อมาถูกตัดสินให้เข้ามาอยู่ "นรกน้ำแข็ง"มาจนทุกวันนี้  เป็นเวลา 3 ปีแล้วและยังเหลือโทษอีก 12 ปี จึงจะหมดการลงอาญารับความทุกข์ทรมานยิ่งนัก แต่ละวันโดนทับอยู่ใต้น้ำแข็ง แม้นขาแข้งชาหนาวเย็นเสียดใจจะสำนึกตัวได้ก็สายเสียแล้ว จึงขอเตือนสตรีเพศในโลกมนุษย์ อย่าได้เอาเยี่ยงอย่างดิฉันที่หลงในทางผิดเป็นอันขาด

พัศดี   :  วิญญาณโทษผู้นี้ ขณะอยู่ในโลกมนุษย์ไม่ประกอบอาชีพสุจริต เลือกแสดงทางระบำลามกเปลื้องผ้าโดยเฉพาะทำลายประเพณีอันดีงาม เมื่อตอนมีชีวิตอยู่ไม่ชอบนุ่งห่มเสื้อผ้า ตายแล้วต้องถูกตัดสินให้ตกลง  "นรกน้ำแข็ง" ทันที ให้มันหาเสื้อผ้ากันหนาวก็ไม่มีทางจะหาได้ ทำเองรับเอง สมควรแก่โทษแล้ว วิญญาณนี้ยังมีโทษอื่นเหลืออยู่อีก เมื่อครบกำหนดโทษแล้วต้องส่งต่อไปให้ขุมอื่น ขอให้หญิงในโลกมนุษย์จงจำแบบอย่างจากนี้เถิด นายทหารรีบนำวิญญาณโทษทั้ง 3 ลงไป

หยางเซิง   :  ทั้วทั้งนรกหมอกขาวเหมือนควัน รู้สึกมีความหนาวอยู่บ้าง

อรหันต์จี้กง   :  นั่นคือการกระจายออกของควันเย็นไอหนางละ

พัศดี   :  บรรดาชาวโลกที่ได้รับฝากทรัพย์สินเงินทองจากผู้อื่นแล้ว จัดการแปรเปลี่ยนอย่างลับ ๆ หรือโกงเอาเสียเลย หรือเปิดซ่องค้าประเวณี และไม่ยอมให้หญิงโสเภณีไถ่ตัว หรือผู้ที่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเกินควร  สุรุ่ยสุร่าย  ดูหมิ่นสินค้าที่ผลิตขึ้นในประเทศของตนที่สวมใส่ต้องเป็นอาภรณ์ที่ส่งมาจากต่างประเทศ เพื่อที่จะอวดแสดงว่าตนเองร่ำรวยมีเงิน ไม่รู้จักใช้เงินทองที่เหลือใช้นั้นซื้อสินค้า  เสื้อผ้า - ผ้าห่มแจกจ่ายคนจนให้รอดพ้นในฤดูหนาว หรือพวกสตรีที่ชอบแสดงตัวในที่สาธารณะนุ่งกระโปงสั้น - เปิดหลัง  เจตนาเปิดเผยร่างกายเพื่อยั่วยุให้คนหลงรักนั้น ไอ้การที่ไม่กลัวหนาว และชอบประดับประดาสวยงามเหล่านี้ เมื่อตายลงแล้วตัดสินให้ตกเข้าไป "นรกน้ำแข็ง"  ให้มันได้รับรสชาติแห่งความเย็นฉ่ำ

อรหันต์จี้กง   :  คืนนี้เวลาหมดลง เราจะกลับสำนักละ

หยางเซิง   :  ขอขอบคุณท่านพัสดี กับนายทหารที่ให้การแนะนำชี้แจง ลาก่อนละ

พัศดี   :  ขอนมัสการส่งท่านอาจารย์

อรหันต์จี้กง   :  เจ้าหยางเซิงรีบขึ้นดอกบัวเร็ว

หยางเซิง   :  กระผมนั่งเรียบร้อยแล้วครับ ท่านอาจารย์

อรหันต์จี้กง   :  กลับสำนักได้แล้ว  ถึงสำนักแล้ว หยางเซิงลงจากดอกบัว วิญญาณกลับเข้าสู่ร่างดังเดิม

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
        นรกขุมที่สอง     ดัดสันดาน        ผีดื้อด้าน     
มีหลักฐาน                ที่ทำผิด           ต้องชำระ     
แช่โคลนตม              อุจจาระ           ปัสสาวะ     
คนตะกละ                 คอร์รัปชั่น        เอาเปอร์เซ็นต์
        อีกล้มแชร์        หลอกลวงหญิง   ไปขายช่อง
กินเงินทอง               ของสกปรก       ได้คล่องคอ   
คงต้องให้                 ลองลิ้มรส         ขี่เยี่ยวหนอ
คงจะพอ                   กับความผิด       ที่ริทำ
        พวกพ่อค้า         กินฟุ่มเฟือย       ภัตตาคาร
สวัสดิการ                 กับคนงาน         ยิวแสนยิว
กิจการ                    งานกุศล           ก็บิดพริ้ว
ยมบาลกริ้ว               ตกนรก            แดนหิวโหย

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                 นรกขุมที่สาม

     ขุมที่สาม        แดนนรก        สุดอักโข
พวกยะโส            เหยียดหยามคน บ่นอิจฉา
ชอบดูถูก            ดูแคลน           เขาเรื่อยมา
ถูกควักตา           ให้ถลน            ชดใช้กรรม

      อีกขอทาน     หน้าทน        งานไม่ทำ
ชอบลูบคลำ        ทำหน้าด้าน    ลวนลามหญิง
ตกนรก              เหล็กขูดหน้า   เจ็บปวดยิ่ง
กรรมเป็นสิ่ง        ที่ตนก่อ         จะโทษใคร

     ส่วนพวกที่        ลืมตน        ลืมฐานะ
ไม่มีกาล               เทศะ         ที่ต่ำสูง
พอชีพดับ              ตกนรก       ถูกลากจูง
ขึ้นที่สูง               แขวนหัวทิ่ม  เจาะอุ้งตีน                     

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                         เที่ยวเมืองนรก

                     ครั้งที่ 15  วันจันทร์ที่ 29  พฤศจิกายน  พ.ศ. 2519

                                         ท่องขุมที่ 3

                            ตอน พบเจ้ายมบาลขุมที่ 3  (ซ่งตี่อ๊วง)

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จปรากฏตัว ตรัสเป็นกลอน มีความว่า   :

     เขียนบททรง        แต่งตำรา        ประกาศธรรม
พระรำพัน                 สิ่งจริงแท้        ยมโลก
ด่านนรก                  รับทรงศีล        อย่าสะทก
ไม่โกหก                  มิต้องกลัว       ยมบาล

อรหันต์จี้กง   :  การท่องนรกในวันนี้ เข้ามาเป็นระยะที่สามแล้ว 10 ขุมในแดนนรก  เราสรรหาเยี่ยมชมแต่ที่มีเอกลักษณ์พิเศษของแต่ละสิ่ง ซึ่งแสดงออกถึงการเป็นแบบอย่างของขุมนั้น ๆ เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว มิเช่นนั้นแล้ว จะเที่ยวชมนรกน้อยให้ทั่วทั้ง 10 ขุม โดยตลอดก็จะต้องใช้เวลาหลายปี ทั้งนี้ก็เพราะเหตุว่าต้องการจะให้หนังสือ  "เที่ยวเมืองนรก"  ออกสู่โลกโดยเร็ว เพื่อช่วยกอบกู้ชักจูงมวลมนุษย์ ดังนั้นจึงเลือกชมแต่สิ่งที่มีความสำคัญเท่านั้น เจ้าหยางเซิง เตรียมท่องนรก รีบขึ้นบนดอกบัวเร็ว

หยางเซิง   :  ขอรับคำบัญชา กระผมนั่งเรียบร้อยแล้วครับท่านอาจารย์ เริ่มเดินทางได้แล้วละ .....

อรหันต์จี้กง   :  ถึงแล้วละ รีบลงจากดอกบัวเร็ว

หยางเซิง   :  เบื้องหน้ามีหอสูงอยู่หลังหนึ่ง คล้ายกับสถานที่ปิดประกาศของเมืองมนุษย์  มีกระดาษสีแดงปิดอยู่บนนั้น พวกข้าราชการยมโลกและยมทูตหลายคนรุมล้อมอ่านกันเสียงขรมอยู่ เราจะเดินหน้าเข้าไปดูบ้างว่าในนั้นได้เขียนอะไรไว้บ้าง

อรหันต์จี้กง   :  ข้ารู้แล้วละ เจ้าอยากชมก็รีบไปเถิด

หยางเซิง   :  พวกข้าราชการของยมโลกและยมทูต เมื่อเห็นเราเดินมา ไฉนแต่ละคนแสดงความหวาดหวั่นประหลาดใจออกนอกหน้า ต่างก็หลบหลีกไป ?

อรหันต์จี้กง   :  พวกยมทูต - ข้าราชการเหล่านี้รู้ว่าเจ้าน่ะเป็นคนในอดนมนุษย์ ในกายได้พกพาเทวโองการมา จึงหลบหลีกไม่กล้าละเมิด ดูซิ ... กระดาษสีแดงที่ประกาศนั้น เขียนว่าอย่างไรกัน ?. 
        ที่แท้คือเทวโองการของท่านเง็กเสียงอ๊วงตี่  เขียนไว้ว่า  :  จอมศาสดาแห่งยมโลก ได้รับเทวโองการจากเง็กเสียงอ๊วงตี่ มีความว่า  ข้าฯ สถิตเบื้องสวรรค์สืบราชสมบัติมาเป็นเวลาสามพันปีแล้ว ทรงอำนาจสิทธิ์ขาดตลอดเก้าชั้นนรก และหกทางแห่งการเกิดของดวงวิญญาณ ย้อนทวนจากวิญญาณเดิมลงมาประทับยังแดนมนุษย์เป็นต้นมา สมัยโบราณกาลนั้น จิตใจของผู้คนละมุนละม่อม ดวงกมลผุดผ่องบริสุทธิ์ ดังนั้นเมื่อเกิดก็เกิดเป็นมนุษย์ เมื่อตายก็ขึ้นสวรรค์ อันความจริงนั้นไม่มีนรก ตราบมาจนสมัยกลาง จิตใจคนเริ่มชั่วช้า ดวงกมลค่อยเคล้าเปื้อนด้วยผงธุลี ความทำนองคลองธรรมเกิดวิปริต ต่างสร้างกำแพงปิดล้อมก็เลยสร้างนรกขึ้นเอง นอกจากปฏิบัติด้วยความซื่อสัตย์สุจริต  กตัญญู  สงวนตัวในทางดี  เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ และฝึกตนบำเพ็ญธรรมแล้ว นอกจากที่กล่าวมานี้แล้ว ทุก ๆ คนต้องตกลงในห้วงแห่งเวียนว่ายตายเกิด ขณะนี้เราได้พบกับโลกที่อุบาทว์ สรรพสิ่งวุ่นวายอึกทึก ใจคอของคนกลับโหดร้ายยิ่งขึ้น ก่อกรรมทำชั่วไม่เคยหยุดหย่อน เฉพาะอย่างยิ่งเพลิงแห่งคาวโลกีย์โหมแรงเหลือหลาย วิญญาณดั้งเดิมแห่งความเที่ยงแท้บริสุทธิ์ของฟ้าดินหลุดร่วงหล่นหาย โดยสร้างเคราะห์กรรมให้กับตนเองจึงเกิดฆาตเคราะห์เป็นเนืองนิตย์ สวรรค์ท่านมีความเมตตาไม่อาจทนดูมวลชนตกต่ำ จึงประกาศพระธรรมที่เที่ยงแท้ ในขณะที่มนุษย์ก่อกรรมมหาศาล คอยช่วยผู้คนที่มีบุญสุนทาน บัดนี้สำนักธรรมเซี้ยเฮี้ยงตึ้ง เมืองไถ่ตง ซึ่งขึ้นตรงต่อสวรรค์ด้านใต้แห่งชมพูทวีป  อำมาตย์กวน  ผู้ได้รับเทวโองการให้เปิดทรงวิญญาณประกาศธรรมเพื่อสืบต่อความเมตตาเอื้ออารีจากท่าน  ขงจื้อ - เม่งจื้อ  ในกาลก่อน และรับช่วงธรรมะอันถ่องแท้จากพุทธ เต๋า ในกาลต่อมา เผยแพร่ศีลธรรม วัฒนธรรมกอบกู้ โปรดสัตว์ทั่วแผ่นดินมีผลงานที่เฉิดฉายเจิดจ้า  ข้าฯ ต้องการที่จะให้ชาวโลกทราบถึงความจริงแห่งเมืองนรก จึงได้มีโองการสั่งไปยังสำนักเซี่ยเฮี้ยงตึ้งเขียนแต่งหนังสือมณีพจน์  "เที่ยวเมืองนรก"  ขึ้น  สั่งให้ท่านอรหันต์จี้กงนำพาหยางเซิงนักทรงพู่กันศักดิ์สิทธิ์นำวิญญาณท่องนรกทั้ง 10 ขุม นำเหคุการณ์ในการลงโทษของแต่ละขุมเผยต่อมวลชน และในระหว่างท่องนรกนั้นแสดงออกถึงหลักธรรมอันถ่องแท้เพื่อปลิดทำลายทิ้งความงมงายของชาวโลกด้วย ในระหว่างการแต่งหนังสือ เมื่อท่านอรหันต์จี้กงนำหยางเซิงเสด็จถึงแห่งใดแล้ว  ให้ข้าราชการบริพารของแต่ละขุมทำการต้อนรับช่วยกันเขียนแต่งหนังสือ เพื่อที่มณีพจน์เล่มนี้จะได้เสร็จสิ้นแต่เนิ่น ๆ เมื่อทราบเทวโองการแล้วให้ปฏิบัติตาม หากมีการขัดขืนคำสั่งจะถูกทำโทษอย่างมหันต์ จึงประกาศให้ทราบดังกล่าว ณ  วันที่ 15  กันยายน พ.ศ. 2519  ที่แท้คือเทวโองการของท่านเง็กเสียงอ๊วงตี่ ให้นรกทุกขุมปฏิบัตินั่นเอง

อรหันต์จี้กง   :  ใช่แล้ว  จะแต่งหนังสือ  "เที่ยวเมืองนรก"  นอกจากมีเทวโองการไปยังแดนมนุษย์แล้ว แดนนรกก็ต้องออกประกาศเช่นกัน รีบเดินไปข้างหน้าเถิด ไปเยี่ยมคำนับท่าน  ซ่งตี่อ๊วง  แห่งนรกขุมที่ 3

หยางเซิง   :  นรกขุมที่ 3 ห่างไกลจากที่นี่กี่มากน้อยมิทราบ ?. บนถนนเห็นแต่พวกยมทูตและพวกวิญญาณผีเดินกันไป ๆ มา ๆ ไม่เห็นปราสาทของขุมเลย

อรหันต์จี้กง   :  ไม่ไกลนักจะถึงแล้ว รีบขึ้นดอกบัวเถอะ เพื่อประหยัดเวลา

หยางเซิง   :  เอาละครับ  เริ่มเดินทางได้ .....

อรหันต์จี้กง   :  ถึงแล้วละ ลงจากดอกบัวเร็ว ข้างหน้าคือขุมที่ 3  รีบเข้าไปทำความเคารพท่านยมบาลซ่งตี่อ๊วง  และตุลาการทั้งฝ่ายพลเรือน - ทหาร  ได้พร้อมกันออกจากปราสาทมาต้อนรับเราแล้ว

หยางเซิง   :  ขอรับกระผม  คำนับมายังท่านซ่งตี่อ๊วงและเทวทูตทั้งหลาย วันนี้เรารับเทวโองการให้ท่องนรกแต่งหนังสือ ขอได้โปรดให้การแนะนำชี้แจงด้วย   

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                        เที่ยวเมืองนรก

                     ครั้งที่ 15  วันจันทร์ที่ 29  พฤศจิกายน  พ.ศ. 2519

                                         ท่องขุมที่ 3

                            ตอน พบเจ้ายมบาลขุมที่ 3  (ซ่งตี่อ๊วง)

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จปรากฏตัว ตรัสเป็นกลอน มีความว่า   :

     เขียนบททรง        แต่งตำรา        ประกาศธรรม
พระรำพัน                 สิ่งจริงแท้        ยมโลก
ด่านนรก                  รับทรงศีล        อย่าสะทก
ไม่โกหก                  มิต้องกลัว       ยมบาล

ซ่งตี่อ๊วง   :  เชิญลุกขึ้นเถิดมิต้องมีพิธีมากนัก ทราบมานานแล้วว่าสำนักของท่านตั้งใจประกาศเผยแพร่ศาสตร์อันศักดิ์สิทธิ์มาก และได้ชักนำผู้คนบำเพ็ญธรรม จนบรรลุผลบุญเป็นจำนวนมาก รู้สึกเลื่อมใสศรัทธามานานหนักหนา เชิญท่านทั้งสองเข้ามานั่งพักในปราสาทข้างในสักครู่เพื่อพบปะสังสรรค์กัน

หยางเซิง   :  ขอขอบคุณ ท่านยมบาลที่ชมเชย กระผมมิอาจกล้ารับด้วยความอาย สำนักของกระผม ภายใต้การนำของท่าน คู  และศิษย์ทั้งหลายร่วมแรงร่วมใจกัน ช่วยสวรรค์ท่านประกาศแนะนำ ก็เพื่อทำตามหน้าที่ของตนที่พึงมี มิกล้าเอื้อมอาจว่ามีคุณธรรมใหญ่ยิ่งประการใดเลย

อรหันต์จี้กง   :  ไม่ต้องเกรงใจ เราเข้าไปพักในปราสาทเถิด

ซ่งตี่อ๊วง   :  เชิญท่านทั้งสองนั่งตามสบาย โต๊ะม้าที่ทำด้วยไม้อันหยาบกระด้างนี้ ไม่นุ่มนิ่มเหมือนโซฟาของแดนมนุษย์ นายพลรีบถวายน้ำชาท่านทั้งสองเร็ว

นายพล   :  ขอรับคำบัญชา ท่านทั้งสองเชิญดื่มน้ำชาครับ

หยางเซิง   :  ขอขอบพระคุณมาก ห้องรับแขกห้องนี้ตกแต่งแบบวิจิตรโบราณ สะอาดมาก บนฝาผนังมีภาพศิลป์แขวนอยู่มากหลาย อบอวลด้วยบรรยากาศแห่งวรรณคดี

ซ่งตี่อ๊วง   :  ถูกต้องแล้ว ข้าราชบริพารของขุมนี้จะมาดื่มน้ำชาสังสรรค์ในยามว่างอยู่เสมอ ๆ เพราะเหตุว่าข้าราชการในแดนนรก ล้วนได้รับการเลือกเฟ้นเลื่อนขึ้นมาจากผู้สร้างบุญกุศลของโลกมนุษย์ ดังนั้นจึงอยู่ในสถานที่ที่สะดวกสบายแห่งนี้ได้ มิใช่ว่าแดนนรกล้วนแต่มีความทุกข์ทรมานก็หาไม่ แดนนรกก็เปรียบเสมือนคุกตะรางของแดนมนุษย์ ผู้ที่ได้รับทุกข์เข็ญล้วนเป็นพวกที่ต้องโทษ ดังนั้นผู้ช่วยซ้ายขวาของข้าพเจ้า ก็เหมือนกับข้าราชการพนักงานในเรือนจำของแดนมนุษย์ เดินเหินก็เป็นอิสระเสรี  ด้วยเหตุนี้หากจิตใจไม่ขาดกุศลบุญ ทำความดีสร้างบุญในแดนมนุษย์ เมื่อวิญญาณลอยมายังยมโลก ข้าพเจ้าก็ต้อนรับด้วยอัธยาศัยที่ดี  ข้อนี้ขอให้ชาวโลกทั้งหลายจงเข้าใจด้วย หากว่าตอนนี้อยู่ในโลกมนุษย์มีใจคอชั่วช้าฉ้อฉล  ความประพฤติชั่วร้ายโหดเหี้ยม ไม่ประกอบอาชีพที่สุจริต  เมื่อตายแล้วตกมายังแดนนรก มือต้องร้อยด้วยโซ่เหล็ก   หัวต้องใส่ขื่อคา  แส้หนังแส้เหล็กเฆี่ยนตี  จะมีความสุขสบายอย่างนี้ได้อย่างไรกัน

อรหันต์จี้กง   :  วันนี้เวลาหมดแล้ว เจ้าหยางเซิงเตรียมตัวกลับสำนัก ขอบคุณมากที่ท่านยมบาลให้การแนะนำ วันอื่นมีโอกาสจะได้มาเยี่ยมใหม่

หยางเซิง   :  ขอบพระคุณท่านยมบาล และท่านนายพลมาก ที่ได้ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นดียิ่ง เพราะว่าเวลาจำกัด เราจะกลับแล้วล่ะ ขอลาท่านทั้งหลายครับ   

ซ่งตี่อ๊วง   :  มิต้องมีการคารวะ ขอส่งท่านทั้งสองหวังว่ามาเที่ยวอีกครั้ง

อรหันต์จี้กง   :  รีบออกจากปราสาทเร็ว เตรียมกลับสำนัก

หยางเซิง   :  ฉุกละหุกวุ่นวายมาก เวลามันน้อยเสียจริง ๆ

อรหันต์จี้กง   :  อย่าได้พูดอะไรมาก เรารีบออกเดินทางกลับสำนัก ... ถึงสำนักแล้ว  หยางเซิงลงจากดอกบัว วิญญาณกลับเข้าสู่ร่างดังเดิม

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                เที่ยวเมืองนรก

              ครั้งที่ 16  วันศุกร์ที่  9  พฤศจิกายน  พ.ศ. 2519

                        ตอน ท่องแดนควักตานรกน้อย

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จปรากฏตัว ตรัสเป็นกลอน มีความว่า   :

        ทางนรก        หวาดหวั่น        หนาวสั่นนัก
มิได้พัก                 ร้องครวญคราง   หวั่นไหวจิต
ประพฤติชั่ว            เนื่องอารณ์        เพียงคิดผิด
แม้น้อยนิด             ยากปกปิด        ในนรก

อรหันต์จี้กง   :  กระแสลมหนาวมาเยือนแล้ว อากาศหนาวจัดหาที่เสมอเหมือนมิได้ แต่ศิษย์ทั้งหลายของสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้งต่างก็ร้อนรนอุ่นอุรา ไม่มีวี่แววแห่งความหนาวเหลืออยู่เลย ทำให้ฉันรู้สึกสะเทือนอารมณ์เป็นอย่างยิ่ง  หากว่าหนังสือ "เที่ยวเมืองนรก" ได้เขียนแต่งสมบูรณ์แล้ว จะแพร่หลายสืบต่อไปนับหมื่นปี  ศิษย์ทั้งหลายก็จะรับเกียรติยศชื่อเสียงตลอดกาลไปด้วย เจ้าหยางเซิงเตรียมท่องนรกในวันนี้

หยางเซิง   :  วันนี้อากาศหนาวจัดมาก หนทางแห่งยมโลกวิเวกหนาวเย็น ขอให้ทานอาจารย์ประทานยาทิพย์ให้กระผมสักเม็ดเพื่อบำรุงพลกำลัง มิทราบว่าอาจารย์จะมีความเห็นประการใด ?.

อรหันต์จี้กง   :  ได้ซี ฉันจะให้ยา "ยาวิเศษอุ่นกายบำรุงใจ"  เจ้าอีก 3 เม็ด กลืนกินเร็วเพื่อช่วยสร้างพละกำลังอันอบอุ่นสะดวกในการท่องนรก

หยางเซิง   :  ขอบคุณท่านอาจารย์มาก ... กระผมกลืนลงแล้วรู้สึกอบอุ่นทั่วทั้งกาย ได้นั่งลงบนดอกบัวเรียบร้อยแล้ว เชิญอาจารย์เริ่มเดินทางได้แล้ว ...

อรหันต์จี้กง   :  ถึงแล้วล่ะ เจ้าลงจากดอกบัวเร็ว

หยางเซิง   :  ที่นี่เป็นสถานที่ใด?. บันไดหินเบื้องหน้าที่ผู้คนแต่งแบบนายทหารกำลังเดินมา

อรหันต์จี้กง   :  บนบันไดหินนั้นคือนรกขุมที่ 3 เป็นเขตปกครองของท่านยมบาล ข้างบนนั้นเป็นคุกตะรางที่ยาวเหยียดไม่มีที่สิ้นสุด รีบเข้าไปทำความเคารพท่านนายทหารเถิด

หยางเซิง   :  ขอแสดงความคารวะต่อท่านเทวทูตทั้งหลาย เราศิษย์อาจารย์ได้รับเทวโองการแต่งหนังสือ วันนี้ท่องเที่ยวมายังที่นี่ ขอท่านเทวทูตได้โปรดให้การชี้แจงโดยละเอียดด้วยเถิด

นายทหาร   :  มิต้องคารวะ เชิญท่านอาจารย์และหยางเซิงเข้านั่งพักข้างในสักครู่ ที่นี่คือที่ทำการควบคุมของคุกทั้งหลาย ซึ่งขึ้นต่อขุมที่ 3  ข้างหลังที่ทำการนี้ก็คือคุกต่าง ๆ

อรหันต์จี้กง   :  เพราะเหตุว่าเวลาจำกัด อาตมาว่ามิต้องนั่งพักแล้ว ช่วยพาหยางเซิงตรวจชมคุกต่าง ๆ ก็แล้วกัน

นายทหาร   :  ก็ได้ครับ สำนักของท่านได้รับเทวโองการแต่งหนังสือ "เที่ยวเมืองนรก"  ข้าพเจ้าทั้งหลายทราบมานานแล้วและวันนี้ก็ได้รับสาส์นจากท่านอาจารย?ด้วย ทราบว่าท่านศิษย์อจารย์จะมาเยี่ยมชมสถานที่นี้ เชิญท่านทั้งสองตามข้าพเจ้าเดินไปทางซ้ายเถิด

หยางเซิง   :  โอย ! สนามนี้กว้างใหญ่เสียจริง ๆ มีห้องหอที่สร้างด้วยไม้ทั้งนั้น ที่ใกล้ ๆ นี้ได้มีเสียงครวญครางกระจายมา ข้างหน้ามีคุกอยู่คุกหนึ่ง ด้านบนนั้นเขียนว่า  "แดนควักตานรกน้อย" 

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                เที่ยวเมืองนรก

              ครั้งที่ 16  วันศุกร์ที่  9  พฤศจิกายน  พ.ศ. 2519

                        ตอน ท่องแดนควักตานรกน้อย

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จปรากฏตัว ตรัสเป็นกลอน มีความว่า   :

        ทางนรก        หวาดหวั่น        หนาวสั่นนัก
มิได้พัก                 ร้องครวญคราง   หวั่นไหวจิต
ประพฤติชั่ว            เนื่องอารณ์        เพียงคิดผิด
แม้น้อยนิด             ยากปกปิด        ในนรก

นายทหาร   :  วันนี้นำพวกท่านเยี่ยมชม  แดนควักตานรกน้อย"  เข้ามาในห้องนี้ก่อน ข้าพเจ้าจะไปรายงานให้พัศดีทราบ

พัศดี   :  ยินดีต้อนรับท่านทั้งสอง ได้มาเยี่ยมชมถึงที่นี่ ข้าพเจ้าจะพาท่านไปตรวจชมภายในสักพัก ถ้ามีสิ่งใดไม่เข้าใจก็ขอเชิญท่านหยางเซิงถามได้โดยไม่ต้องเกรงใจ

หยางเซิง   :  โอย ! นักโทษในคุกนี้ ลูกตาล้วนถูกควักเลือดสด ๆ ไหลพราก แต่ละคนร่ำไห้โหยหวนใช้มือทั้งสองข้างอุดปิดเป้าตาที่มีเลือดไหลอยู่ ดหดร้ายทารุณเสียจริง ๆ ชายวัยกลางคนผู้อยู่ด้านซ้ายคนนั้นกำลังถูกยมทูตเอาง่ามเหล็กควักตาอยู่ เขาดิ้นรนไม่หยุดยั้ง ตะโกนด้วยเสียงดังเจ็บปวด ตาข้างซ้ายถูกควักออกเสียแล้วเลยสลบไป ถูกล่ามติดอยู่กับเสา ได้แต่ก้มหน้าลง ยมทูตก็ควักตาข้างหนึ่งออก กระผมไม่กล้าดูแล้ว  การกระทำเช่นนี้ช่างทารุณเสียจริง ๆ

อรหันต์จี้กง   :  หยงเซิง เจ้าอย่าตกใจพูดมากเลย นี่แหละยมกฏสนองตอบล่ะ ไฉนจึงพูดจาไม่สุภาพ ?. เสียมารยาทมากไปแล้ว

นายทหาร   :  เราไม่ว่าอะไรหรอก ขอให้ท่านหยางเซิงอย่ากังวลใส่ใจเลย มีความข้องใจก็ถามได้

หยางเซิง   :  ขออภัยในการพูดจาไม่เหมาะสมต่อท่านพัศดีและนายทหารด้วย ขอถามท่านพัศดีว่า คุกนรกควักตามีสภาพการลงโทษอย่างไร?. จะอธิบายชี้แจงสักนิดได้หรือไม่ประการใด ?.

พัศดี   :  ได้ครับ บรรดานักโทษที่ถูกตัดสินให้ตกมายังคุกนี้ เมื่อตกเข้ามาแล้วล่ามติดอยู่กับต้นเสาเสียก่อน เสร็จแล้วก็ควักลูกตาทั้งสองข้างวิญญาณนั้นต้องเจ็บปวดทรมานส่งเสียงหวีดร้องสลบไสลไป แต่ละวันทำโทษสามครั้งก่อนจะทำโทษก็เอาลูกตายัดใส่กลับที่เดิม แล้วใช้น้ำคืนชีพล้างเพียงทีเดียว วิญญาณโทษก็จะคืนสติขึ้นมาทันที และแล้วจึงทำการลงโทษอีกหน ทำกันอย่างนี้ถึงจะให้มันรู้สึกความเจ็บปวดทรมาน

หยางเซิง   :  มิทราบว่าต้องโทษประการใดจึงต้องตกมายังคุกนี้ ?.

พัศดี   :  ข้าพเจ้าจะให้วิญญาณโทษเล่าเรื่องของตัวเอง ที่จะสะท้อนความจริงออกมาดีกว่า ให้นายทหารเอาลูกตาใส่คืน ให้วิญญาณสามตนที่อยู่ข้างหน้านี้ รดน้ำคืนชีพให้ เพื่อให้เล่าแจ้งแถลงไขถึงบาปที่ตนก่อไว้ในโลกมนุษย์ ลงในหนังสือธรรมเพื่อปลอบเตือนชาวโลก

นายทหาร   :  ได้ทำตามคำบัญชาแล้วครับ วิญญาณตนนี้ได้เล่าก่อนว่า ตอนมีชีวิตอยู่ได้ทำผิดอย่างไรต่อท่านมนุษย์ผู้นี้?.  และสภาพการถูกทำโทษภายหลังจากตายลงแล้ว โดยให้ท่านหยางเซิงทำการขยายความในใจของเจ้าแทน เพื่อปลอบเตือนชาวโลก

วิญญาณโทษ   :  โอย ! โอย !  ตาฉันเจ็บปวดแสนที่จะทรมานจนทนไม่ไหว จะให้ฉันฑุดอะไรเล่า

พัศดี   :  นายทหาร ให้น้ำมนต์ชะล้างเร็ว เพื่อให้มันสงบลง

อรหันต์จี้กง   :  มิต้อง  ดูฉันแสดงอิทธิฤทธิ์เถิด ...   

 

มหาปณิธาน

พระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ (地藏王菩薩)

มหาปณิธานพระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ (地藏王菩薩)

“...เพื่อหมู่สัตว์ทั้งหกภูมิผู้มีบาปทุกข์ ข้าพเจ้าจะใช้วิธีการต่างๆ ช่วยให้หลุดพ้นจนหมดสิ้น แล้วตัวข้าพเจ้าจึงจะสำเร็จพระพุทธมรรค”