collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: ท่องนรก  (อ่าน 72384 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                      เที่ยวเมืองนรก

                     ครั้งที่ 13  วันพุธที่ 10  พฤศจิกายน  พ.ศ. 2519

                         ตอน ท่องสะพานมรณะ (ไน้ฮ้อเกี้ย) และชมฟลอร์นรก   

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จลงตรัสเป็นกลอน มีความว่า   :
           
        ใต้สะพาน        มรณะ        วิญญาณเกลื่อน
เลือกทางเถื่อน         เลื่อนลงสู่    นรกกล
ทางที่ควร               ต้องบำเพ็ญ สู่มรรคผล
สร้างกุศล               เป็นโล่ป้อง   พ้นพิบัติ

หยางเซิง    :  โอย ! โอย !  ใต้สะพานเต็มไปด้วยงูทั้งนั้น มีจำนวนมากเป็นหมื่น ๆ ตัว น่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก มีงูอยู่ชนิดหนึ่งบางตัวใหญ่เท่ากับต้นเสามังกร อ้าปากแลบลิ้น ผู้ที่ตกอยู่ใต้สะพานนับจำนวนไม่น้อย ส่งเสียงคร่ำครวญร่ำไห้ โดนงูกัดกิน ใจคอมือตีนกระผมอ่อนไปหมดแล้ว มิกล้าชมดู ท่านอาจารย์ครับเรากลับกันเถอะ

นายทหาร   :  ท่านหยางเซิงมิต้องหวาดหวั่น ใต้สะพานมรณะนี้เป็นหนองงูพิษ บรรดาผู้ที่ตายแล้วใจคอชั่วช้า หรือหลอกลวงฉ้อโกงเงินทองของผู้อื่นหรือเรื่องผู้หญิง ยุเหย่หาเรื่อง มุ่งร้ายฆ่าคน เห็นความหายนะของผู้อื่นก็ชอบใจเหล่านี้ นับได้ว่าเป็นคน   "จิตใจอำมหิต"  งูพิษเหล่านี้เกิดมาจากลำใส้อำมหิตของมนุษย์ วิญญาณโทษที่มาถึงที่สะพานนี้ จึงหวั่นกลัวจนมือตีนอ่อน หัวความหน้าม้าก็ผลักให้ตกลงสะพานไป ให้งูพิษกลืนกิน บรรดาคนที่ตกลงสะพานแล้ว ร้องลั่นราวกับพ่อแม่ตายจาก ที่เหยียบอยู่ใต้ตีน ล้วนแต่เป็นงูพิษ พยายามดิ้นรนหนีเอาชีวิตรอด แต่พอตีนขยับเท่านั้นก็ไปเหยัยบเอางูพิษเข้า เลยกลับถูกงูฉกกัดกลืนกิน

หยางเซิง   :  น่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง เพียงแต่เห็นงูตัวเดียว ก็ตกใจกลัวจนเซ่อไปเลย หากว่าผู้ที่ใจเสาะ พวกหัวควายหน้าม้าไม่ต้องผลักลงหรอก พอเดินถึงสะพานมรณะเท่านั้น ต้องตกใจกลัวจนสลบหมดสติสัมปสัญญะ ก็จะตกลงไปเอง

อรหันต์จี้กง   :  เรารีบเดินข้ามสะพานนี้เสีย วันนี้วิญญาณโทษมากเหลือหลาย บนสะพานแออัดเกินไป แต่ละคนร่ำไห้จนเสียงแหบ ใครใช้ให้พวกมันชอบก่อกรรมทำเข็ญในแดนมนุษย์เล่า มาบัดนี้เดินเหินสั่นคลอน เลยตกลงไปใต้สะพานหมดเกลี้ยง ถูกลงโทษด้วยการให้งูพิษกัดกินอย่างทารุณโหดร้าย

หยางเซิง   :  จวนจะถึงทีสุดสะพานแล้ว ในใจกระผมยังหวั่นกลัวมาก สะพานมรณะที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง ข้างสะพานก็ไม่มีราวให้ยึดเหนี่ยว เดินแล้วมืออ่อนตีนอ่อน ยิ่งเห็นฝูงงูเป็นกลุ่ม ๆ ใต้สะพานยิ่งทำให้คนใจสั่นตีนคลอน

อรหันต์จี้กง   :  ใจเสาะเกินไปแล้ว ฉันจะให้ยา  "ยาคุมสติ"  3 เม็ดรีบกินเสีย  ไม่ต้องหน้าเขียวซีดเหงื่อโทรมกายหรอก ..... รีบลานายทหารผู้คุมสะพาน เรายังจะต้องเที่ยวชมแห่งอื่น ๆ อีก 

หยางเซิง   :  ขอบคุณท่านนายทหารที่ให้การแนะนำชี้แจง เนื่องจากเวลาจำกัด ไม่สามารถอยู่ได้นาน

นายทหาร   :  ขอนมัสการส่งท่านอาจารย์

อรหันต์จี้กง   :  เจ้าหยางเซิง รีบขึ้นนั่งบนดอกบัวเร็ว เราจะไปเยี่ยมชมแหล่งอื่น ๆ อีก

หยางเซิง   :  กระผมนั่งเรียบร้อยแล้ว เชิญท่านอาจารย์เริ่มออกเดินทางได้ .....

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                      เที่ยวเมืองนรก

                     ครั้งที่ 13  วันพุธที่ 10  พฤศจิกายน  พ.ศ. 2519

                         ตอน ท่องสะพานมรณะ (ไน้ฮ้อเกี้ย) และชมฟลอร์นรก   

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จลงตรัสเป็นกลอน มีความว่า   :
           
        ใต้สะพาน        มรณะ        วิญญาณเกลื่อน
เลือกทางเถื่อน         เลื่อนลงสู่    นรกกล
ทางที่ควร               ต้องบำเพ็ญ สู่มรรคผล
สร้างกุศล               เป็นโล่ป้อง   พ้นพิบัติ

อรหันต์จี้กง   :  ถึงแล้วละ ลงจากดอกบัวเร็ว ตรงหน้าคือ  "นรกฟลอร์เต้นรำ"  อันเป็นแหล่งใหม่ที่ตั้งขึ้นในแดนนรกขึ้นกับขุมที่สองโดยตรง

พัศดี   :  ขอนมัสการต้อนรับท่านอาจารย์กับพู่กันเอกหยางเซิง แห่งสำนักเซี้ยงเฮี้ยงตึ้ง ที่ได้มาเยือนถึงที่นี่ เมื่อครู่นี้ได้รับคำสั่งจากเจ้านายว่าท่านอาจารย์กับหยางเซิงจะมาเยี่ยมชมนรกแห่งนี้ เพื่อแต่งหนังสือเตือนชาวโลก เชิญท่านทั้งสองเข้าไปตรวจชมด้านใน

หยางเซิง   :  ขอขอบคุณท่านพัศดี ขอเรียนถามท่านว่า ไฉนภายในคุกจึงมีแสงสีชมพูเลือนราง และมีเสียงกระโดดโลดเต้นโหยหวนแหวกร้องด้วย

พัศดี   :  ผู้ที่ถูกขังอยู่ในคุกนี้ เป็นพวกพร์ตเน่อร์  นางรำ  ที่ชอบการเต้นรำในแดนมนุษย์  เชิญเข้าไปดูข้างใน ก็จะทราบดีโดยตลอด

หยางเซิง   :  ครับผม ! โอ้ !  ภายในมีหญิงชายแออัดไปหมดมีทั้งแก่หนุ่มชายหญิง แต่งกายภูมิฐานน่าชม ชุดสากลสง่างาม พวกหญิงสวาก็นุ่งผ้าโปร่งฉูดฉาดบาดตาและมีชาวต่างประเทศอยู่ไม่น้อย  แต่ละคนที่ได้เหยียบลงบนพื้นฟลอร์เท่านั้นหวีดร้องขึ้นทันที ทั้งกระโดดโลดเต้นไม่หยุดยั้ง ทั้งหญิงชายออกันเป็นกลุ่ม ขอเรียนถามท่านพัศดีว่า นี่เป็นการลงโทษชนิดใดมิทราบ ?.

พัศดี   :  บรรดาผู้ที่ประกอบอาชีพเป็นนางพาร์ตเนอร์  หรืออาศัยการเต้นรำหาความบันเทิงใจในโลกมนุษย์ เมื่อตายลงแล้วต้องถูกควบคุมตัวอยู่ในคุกนี้ เพื่อให้เขาได้ดื่มรสของฟลอร์เต้นรำอีกครั้งหนึ่ง แต่การมายังที่นี้ ไม่สามารถเสพสุขอย่างเอ้อระเหยลอยไปแบบลืมตัวลืมตน ที่นุ่มนิ่มสุขสวรรค์อีกแล้ว ฟลอร์ในคุกนรกนี้ทำด้วยแผ่นเหล็ก ถูกเผาจนแดงฉาน และเปล่งแสงร้อนแรง หญิงชายเหยียบลงก็จะเกิดความเจ็บปวดขึ้นทันที เลยมีอาการโดดโลดเต้นเป็นการใหญ่ อยู่ในแดนมนุษย์ชอบในทางนี้ เมื่อตายแล้วก็ได้รับการทบทวนอย่างไม่รู้เลือน ไม่สามารถลบเลือนจากหัวใจไป แต่ละคนตีนพองเป็นผื่นบวมเหมือนซาลาเปาไปหมด

หยางเซิง   :  ท่านพัศดีพูดมีเหตุผลมาก ตอนมีชีวิตอยู่ชอบเต้นรำ เมื่อตายแล้วก็ให้มันเต้นให้สบาย  "ตาย"  ไปเลย  หากแต่ว่ากระแสแห่งกาลสมัยมันต่างกันเสียแล้ว การเต้นรำก็มิใช่ว่าเป็นสิ่งเลวร้ายเสียทั้งหมด มันมีคุณค่าส่งเสริมให้จิตใจร่างกายเจริญแข็งแรง  ถ้าผู้เต้นรำแล้วต้องมาถูกทำโทษในแดนนรกอย่างทรมานแล้ว จะถือว่ากฏแห่งยมโลกจะผิดเพี้ยนหรือไม่หนอ ?.

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                       เที่ยวเมืองนรก

                     ครั้งที่ 13  วันพุธที่ 10  พฤศจิกายน  พ.ศ. 2519

                         ตอน ท่องสะพานมรณะ (ไน้ฮ้อเกี้ย) และชมฟลอร์นรก   

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จลงตรัสเป็นกลอน มีความว่า   :
           
        ใต้สะพาน        มรณะ        วิญญาณเกลื่อน
เลือกทางเถื่อน         เลื่อนลงสู่    นรกกล
ทางที่ควร               ต้องบำเพ็ญ สู่มรรคผล
สร้างกุศล               เป็นโล่ป้อง   พ้นพิบัติ

พัศดี   :  ข้าพเจ้าจะอธิบายโดยละเอียดให้ทราบ ผู้ที่มารับการลงโทษอยู่ที่นี่ ก็ไม่เชิงในจำนวนทั้งหมดของผู้ที่ชอบเต้นรำหรอก ที่ถูกลงโทษในแดนนรกนั้น เป็นพวกที่อาศัยเสพสุขจากการเต้นรำในแดนมนุษย์โดยไม่ใช่เพื่อการออกกำลังกาย แต่เป็นการลุ่มหลงในกาม ฝ่ายหญิงก็เป็นสาวสังคมให้เขารัดกอดโดยไม่เลือกหน้า เพื่อจะได้มาซึ่งเงินทอง เมื่อเลิกจากเต้นรำแล้ว ก็ถูกหิ้วออกไปดำเนินการทางเพศอีก หรือผู้ที่ไม่เชื่อฟังการสั่งสอนของพ่อแม่เมื่อตอนอยู่ในโลกมนุษย์ ไม่ไปสถานที่ถูกต้องตามทำนองครองธรรมที่ให้คุณประโยชน์แก่จิตใจ ร่างกายแห่งการร่ายรำต่าง ๆ ที่รักชอบการเต้นรำ มักมากในกาม ไม่รักนวลสงวนตัว หากที่เต้นไปนั้นเป็นการทำให้เนื้อเอ็นไขข้อเกิดการเคลื่อนไหว ซึ่งเป็นการเต้นที่ถูกต้องมีประโยชน์ต่อจิตใจ ร่างกาย พวกเหล่านี้แดนนรกนี้จะไม่ลงโทษ ที่ถูกตัดสินให้ตกลงมาแดนนรกนี้ เป็นผู้ที่ทำการซื้อขายในเรื่องกาม  เป็นที่เสื่อมเสียประเพณีเป็นที่ตั้ง จึงขอเตือนชาวโลกให้ใช้พลังทรัพย์ในทางบันเทิงที่ถูกทำนองคลองธรรม มิเช่นนั้นตายลงแล้วต้องมารับความทรมานใน  "ฟลอร์นรก"

หยางเซิง   :  พูดอย่างนี้จึงสมเหตุสมผล มิเช่นนั้นกาลสมัยมันเปลี่ยนแปลง มีทั้งแบบนิยมใหม่จากต่างประเทศ ประเทษเรามีศีลประจำชาติ แห่งการออกกำลังกายดำเเนินการอยู่ ชาวต่างประเทศก็ใช้การเต้นรำเป็นการเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรง โดยถือเป็นการกีฬา แต่ดำเนินการในทางยั่วยวน

อรหันต์จี้กง   :  คืนนี้เวลาหมดลง เราศิษย์ - อาจารย์กลับสำนักเถอะ ขอขอบคุณท่านพัศดีที่ได้ให้ความชี้แจงอธิบาย หยางเซิงขึ้นบนดอกบัวเร็ว

หยางเซิง   :  ขอรับกระผม  ขอบคุณท่านพัศดีมาก กระผมนั่งเรียบร้อยแล้ว

อรหันต์จี้กง   :  เริ่มเดินทางกลับสำนัก ... ถึงแล้วสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้ง หยางเซิงลงจากดอกบัว วิญญาณกลับเข้าสู่ร่างเดิม

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                        เที่ยวเมืองนรก

                     ครั้งที่ 14  วันเสาร์ที่ 20  พฤศจิกายน  พ.ศ. 2519

                         ตอน ท่องสระน้ำแข็งนรกน้อย   

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จลงตรัสเป็นกลอน มีความว่า   :

        ลมหนาวโกรก        ซาบซ่าน        เหน็บกระดูก
บาปบุญปลูก                 เปรียบเสมือน   สนหินเกย
ขุนเขาเขียว                   หิมะโปรย       เปลี่ยนขาวเลย
ต้นไผ่ - เหมย                ยืนตระหง่าน    บ่หวั่นไหว

อรหันต์จี้กง   :  ฤดูใบไม้ร่วงค่อย ๆ จากไป ฤดูหนาวก็ต่อเนื่องเข้ามาอากาศเปลียนแปลงมากหลาย ชาวโลกเกิดการเจ็บป่วยขึ้นเป็นเนืองนิตย์ ก็เพราะเหตุว่าไม่สามารถปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของอากาศ วันนี้ฉันจะพาหยางเซิงท่อง  "นรกน้ำแข็ง"  มาเจอกับลมหนาวโกรกโชยหนาวจับกระดูกนี้อีก มิรู้ว่าหยางเซิงจะทนไหวหรือไฉน ?.

หยางเซิง   :   ท่านอาจารย์ครับ !  ผมเพิ่งหายจากเป็นหวัด วันนี้อากาศก็หนาวจัดอย่างนี้ ผมว่าวันอื่นค่อยไป  "นรกน้ำแข็ง"  กันเถิด ไปเที่ยวชมแห่งอื่นก่อนนะครับ  มิทราบว่าท่านอาจารย์มีความเห็นประการใด ?.

อรหันต์จี้กง   :  เป็นไปได้อย่างไร ?. ได้สั่งให้จัดการท่องชม  "นรกน้ำแข็ง"  ไปแล้ว จะเกิดการเปลี่ยนแปลงกลางคันไม่ได้ หากว่ากลัวทนต่อความหนาวไม่ไหว ข้าจะให้  "ยาวิเศษอุ่นกาย  บำรุงใจ"  3 เม็ด กินเข้าไปเร็ว อย่าได้ประวิงเสียเวลา

หยางเซิง   :  ขอขอบคุณท่านอาจารย์ประทานยาทิพย์ ผมกลืนลงแล้ว โอย !  รู้สึกร้อนไปทั่วกาย ความหนาวหายไปโดยสิ้นเชิงไม่เหลือหลอ

อรหันต์จี้กง   :  รีบขึ้นบนดอกบัวเร็ว

หยางเซิง   :  กระผมนั่งเรียบร้อยแล้ว

อรหันต์จี้กง   :  ถึงแล้วละ ลงจากดอกบัวเร็ว

หยางเซิง   :  เบื้องหน้าไฉนจึงไม่มีร่องรอยคนแม้แต่นิดเดียว ?. เพียงเห็นแต่ขาวโพลนไปหมดทั่วภูเขาราวกับว่าหิมะตก ไม่เห็นมีเมฆไม้ที่เขียวชอุ่มเลยมีแต่ซากไม้ ซากกิ่งอยู่โหรงเหรง ที่นี้หรือที่ใดมิทราบ ?.

อรหันต์จี้กง   :  ที่นี้ใกล้ชิดกับ  "นรกน้ำแข็ง"  ภูเขานี้ได้รับความเย็นจากน้ำแข็งที่เย็นจัด มีหิมะตกตลอดปี จึงหนาวจัดผิดปรกติ เรามิได้เดินทางในยมโลก ฉะนั้นจึงไม่เห็นวี่แววของผู้คน เพราะว่านั่งอยู่บนดอกบัว เป็นการเหาะเหินเดินอากาศ เจ้าตามฉันเดินเลียบตามเชิงเขาข้างซ้าย ก็จะบรรจบถึง  "นรกน้ำแข็ง" 

หยางเซิง   :  สถานที่เปล่าเปลี่ยนเช่นนี้ปราศจากถนนหนทาง ต้นไม้ต้นไร่ล้วนถูกความหนาวครอบตายจนหมด ปรากฏเป็นภาพตายซากเดียวดาย ยิ่งใกล้เข้ายิ่งรู้สึกหนาวเย็นจับใจ ชะรอยยาทิพย์ 3 เม็ดนั้นจะค่อยเสื่อมพลังยาลงแล้วกระมัง ?.   

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                         เที่ยวเมืองนรก

                     ครั้งที่ 14  วันเสาร์ที่ 20  พฤศจิกายน  พ.ศ. 2519

                         ตอน ท่องสระน้ำแข็งนรกน้อย   

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จลงตรัสเป็นกลอน มีความว่า   :

        ลมหนาวโกรก        ซาบซ่าน        เหน็บกระดูก
บาปบุญปลูก                 เปรียบเสมือน   สนหินเกย
ขุนเขาเขียว                   หิมะโปรย       เปลี่ยนขาวเลย
ต้นไผ่ - เหมย                ยืนตระหง่าน    บ่หวั่นไหว

อรหันต์จี้กง   :  พลังยามิได้เสื่อมคลายลง เป็นเพราะยาทิพย์เกิดการหมุนเวียนของกำลังยา สักครู่จะเกิดความอบอุ่นไปทั่วตัว 3 วันเต็ม ๆ ยังไม่เสื่อมคลาย เจ้าจงวางใจได้ ฉันจะไม่ปล่อยให้เจ้าหนาวตายดอก

หยางเซิง   :  ข้างหน้ามีบ้านช่องอยู่แถวหนึ่ง ล้วนสร้างด้วยไม้ทาด้วยสีดำ บนหลังคายังมีหิมะปกคลุม หน้าบ้านมีเสาไม้ 2 อันตั้งโด่งอยู่ มีไม้อันหนึ่งแขวนอยู่ตรงกลาง บนนั้นเขียนว่า  "นรกน้ำแข็ง"  ข้างหน้าคุกนรกมีทางเล็กอยู่ทางหนึ่งตรงเข้าไปในบ้าน ไฉนการตกแต่งจึงซอมซ่อสิ้นดี ?.

อรหันต์จี้กง   :  เพราะเหตุว่าคุกนี้ถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็ง วิญญาณโทษล้วนถูกแช่จนแข็งกระด้างไปหมด ไม่สามารถหลบหนีได้ การตกแต่งก็เลยทำอย่างลวก ๆ

หยางเซิง   :  บนถนนมียมทูต 2 - 3 คนคุมตัวหญิงชายสิบกว่าคน มิทราบว่าไปรับการลงโทษที่คุกนั้นหรือไฉน ?.

อรหันต์จี้กง   :  ใช่แล้ว พัศดีกับนายทหารเดินมาอยู่ข้างหน้าแล้ว เจ้าหยางเซิงเตรียมการเข้าพบแสดงความคารวะ

หยางเซิง   :  ขอแสดงความคารวะต่อท่านพัศดีกับนายทหาร  เราทั้งสองได้รับเทวโองการท่องนรก ขอได้โปรดชี้แจงอธิบายด้วยเถิด

พัศดี   :  ท่านอาจารย์และหยางเซิงจงอย่าได้มีพิธีคารวะเลย เมื่อครู่นี้ได้รับคำสั่งจากเจ้าฉอกังอ๊วง ทราบว่าท่านอาจารย์และหยางเซิงแห่งสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้งเมืองมนุษย์จะมาเยี่ยมชมคุกนรกแห่งนี้ นำเอาความจริงไปตีพิมพ์ใน  "เที่ยวเมืองนรก"  เพื่อกระตุ้นเตือนกอบกู้ช่วยชาวโลก เชิญท่านทั้งสองตามข้าพเจ้าเข้าไปปตรวจชมข้างใน

หยางเซิง   :  ขอบคุณมาก .....

อรหันต์จี้กง   :  เราจะเข้าไปชมดูใน  "นรกน้ำแข็ง"  โดยตรงไม่ต้องเข้าไปในบ้านละ

พัศดี   :  ก็ดีครับ

หยางเซิง   :  "สระน้ำแข็งนรก"  อยู่ในท่ามกลางระหว่างภูเขา  2 ลูก ภายในคล้ายกับสระว่ายน้ำของแดนมนุษย์ แบ่งออกเป็นหลายพันบ่อ มองจากทางไกลไม่สู้แจ่มชัดนัก ภายในสระมีทั้งหญิงและชาย บนกายนุ่งใส่เสื้อชั้นในเท่านั้น ท่อนล่างของร่างกายส่วนมากมองไม่เห็น ถูกล้อมรอบด้วยน้ำแข็งทุกคนมีสีหน้าเขียวอื้อ ริมฝีปากดำมือไม้สั่นเทา ไม่สามารถแม้จะส่งเสียงร่ำร้อง เพียงแต่ครวญครางอย่างหมดเรี่ยวหมดแรง ผู้เฒ่า 2 คนที่อยู่ต่อหน้านั้น ใช้สายตาวิงวอนเพ่งมายังกระผม ประหนึ่งว่ามีอะไรจะพูดด้วย ขอเรียนถามท่านอาจารย์ว่า จะช่วยกู้มันขึ้นมาเพื่อพ้นจากความทรมานด้วยการถูกแช่น้ำแข็งจะได้ไหม?.

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                       เที่ยวเมืองนรก

                     ครั้งที่ 14  วันเสาร์ที่ 20  พฤศจิกายน  พ.ศ. 2519

                         ตอน ท่องสระน้ำแข็งนรกน้อย   

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จลงตรัสเป็นกลอน มีความว่า   :

        ลมหนาวโกรก        ซาบซ่าน        เหน็บกระดูก
บาปบุญปลูก                 เปรียบเสมือน   สนหินเกย
ขุนเขาเขียว                   หิมะโปรย       เปลี่ยนขาวเลย
ต้นไผ่ - เหมย                ยืนตระหง่าน    บ่หวั่นไหว

พัศดี   :  ข้าพเจ้าจะให้วิญญาณโทษ 2 - 3 ตนขึ้นมาบนฝั่ง ท่านถามได้เลย

หยางเซิง   :  ดีซีครับ ขอถามผู้เฒ่าผู้นี้  ท่านรู้สึกรสชาติที่อยู่ที่นี้เป็นอย่างไรบ้าง ?.

วิญญาณโทษ   :  น้ำแข็งมืดฟ้ามัวดิน เสื้อผ้าแบบบางนุ่งเพียงกางเกงชั้นใน กระผมไม่มีเรี่ยวแรงที่จะพูดได้แล้ว ทั่วกายจากศรีษะจนถึงปลายมือปลายเท้าหนาวจนแข็งทื่อหมด ใกล้จะวายปราน .....

พัศดี   :  นายทหาร รีบเอาน้ำขิงมาให้มันกินเสียเพื่อช่วยเพิ่มพลังกายกำลังวังชา

นายทหาร   :  กินเข้าเร็ว แล้วจงสารภาพรายละเอียดที่เจ้าได้ทำบาปอย่างไรในแดนมนุษย์ทั้งหมดมา เพื่อลงตีพิมพ์ในหนังสือปลอบกล่อมช่วยกอบกู้ผู้คนอย่าได้เอาแบบอย่างของเจ้า จะได้มิต้องตกลงคุกนรกนี้เมื่อหลังจากตายแล้ว

วิญญาณโทษ   :  ขณะที่กระผมอยู่ในโลกมนุษย์ ชอบในการสะสมแสตมป์และเหรียญตราโบราณต่าง ๆ ตอนมีอายุได้ 45 ปี ได้รู้จักเพื่อนคนหนึ่งที่มีรสนิยมตรงกัน เราทั้งสองในยามว่างก็มีการสังสรรค์ดื่มน้ำชากัน สนิทสนมราวกับเป็นพี่น้องร่วมสาบาน อยู่มาวันหนึ่ง เราจะออกเดินทางไกลไปต่างประเทศโดยเกรงว่าพวกแสตมป์และเหรียญโบราณที่มีราคาค่างวดแสนแพงซึ่งตนสะสมอยู่นั้นถูกขโมยจึงได้ไปฝากไว้กับกระผม เพราะว่ากระผมเกิดความละโมบขึ้นมาในชั่วขณะหนึ่ง  จึงยักย้ายเอาของที่ฝากไว้นั้นไปยังแหล่งอื่น ต่อเมื่อเขาได้กลับมาแล้วทวงถามเอาสิ่งของที่ได้ฝากไว้คืน กระผมบอกเขาไปว่า "ต้องขอโทษเป็นอย่างยิ่ง เมื่อครึ่งเดือนก่อนที่ผ่านมานี้โดยขโมยขึ้นบ้านพลอยทำให้ของวัตถุโบราณที่มีราคาแพงทั้งหมด ถูกขนไปจนหมดเกลี้ยง"  เพื่อนผู้สนิทได้ยินแล้วจึงเจ็บซ้ำน้ำใจอาลัยอาวรณ์อย่างสุดซึ้ง ในเมื่อถูกขโมยเอาไปแล้วก็ไม่มีทางที่จะเอาคืนมาได้ ก็เลยตามเลย ตอนกระผมมีอายุได้  59 ปีเกิดเป็นมะเร็งในตับ เมื่อตายแล้ววิญญาณล่องลอยมายังยมโลก หารู้ไม่ว่ายมโลกได้มีการบันทึกข้อมูลความฉ้อฉลในทางปรพฤติชั่วของกระผมอยู่ก่อนแล้ว เมื่อผ่านการฉายปรากฏร่างเดิมต่อหน้ากระจกวิเศษแล้วในที่สุดก็ต้องก้มหน้ารับสารภาพผิด โดยถูกเจ้ายมบาลขุมที่สองตัดสันให้เข้ามาอยู่ใน  "แดนนรกสระน้ำแข็ง"  มีกำหนดโทษ 5 ปี  แต่ละวันถูกปิดทับด้วยน้ำแข็ง ตัวเย็นเนื้อแข็งแสนที่จะทรมาน จะสำนึกตัวได้มันก็สายเกินไปเสียแล้ว ขอท่านได้โปรดขอความกรุณาต่อพัศดีให้แก่กระผมด้วย ขอให้ยกโทษกระผมเสียเพื่อพ้นทุกข์ไปก่อนกำหนดจะได้ไหม ?.

หยางเซิง   :  ขอท่านพัศดีลดโทษให้เล็กน้อยจะได้หรือไ่ม่ประการใด ?.

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                         เที่ยวเมืองนรก

                     ครั้งที่ 14  วันเสาร์ที่ 20  พฤศจิกายน  พ.ศ. 2519

                         ตอน ท่องสระน้ำแข็งนรกน้อย   

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จลงตรัสเป็นกลอน มีความว่า   :

        ลมหนาวโกรก        ซาบซ่าน        เหน็บกระดูก
บาปบุญปลูก                 เปรียบเสมือน   สนหินเกย
ขุนเขาเขียว                   หิมะโปรย       เปลี่ยนขาวเลย
ต้นไผ่ - เหมย                ยืนตระหง่าน    บ่หวั่นไหว

พัศดี   :  นั่นเป็นการตัดสินจากยมกฏ หากมิได้รับคำสั่งของท่านยมบาล ข้าพเจ้าก็มิมีอำนาจใดที่จะเปลี่ยนแปลงได้  ขณะนี้ให้มันกินน้ำขิงแก้หนาวก็นับว่าให้การเลี้ยงดูที่ดีแล้ว อย่าได้มีการขอร้องอะไรอีกเลย ท่านจะถามยายแก่นางนี้ที่ต้องตกมาอยู่คุกนรกนี้โดยเหตุอันใดอีกไหม ?.

หยางเซิง   :  ยายแก่นางนี้ถูกความหนาวคลอบจนทนไม่ไหวอยู่แล้ว  ล้มอยู่กับพื้นจะให้เธอตอบได้อย่างไร ?.  ท่านนายทหารขอน้ำขิงให้เธอกินบ้างเพื่อแก้หนาว เพื่อช่วยกระตุ้นให้ฟื้นคืนสติเถิด

นายทหาร   :  ก็ได้ รีบดื่่มเร็ว จงตอบคำถามของท่านหยางเซิง ท่านนี้ให้ดี ๆ นะ มิเช่นนั้นจะถูกทำโทษเพิ่มขึ้นอีก

วิญญาณโทษ   :  โอย !  ฉันทุกข์ทรมานเหลือเกิน น้ำแข็งหนาวจัดชนิดนี้คล้ายกับโรงเก็บศพ หรือหอตั้งศพที่แช่เย็นศพ โดยเฉพาะฉันนั้น ท่านเห็นทั่วกายออกสีเขียวคล้ำไม่มีสีเลือดแม้แต่น้อย ตอนฉันอยู่ในแดนมนุษย์ ได้เปิดซ่องนางโลมตั้งตนเป็นแม่เล้า อยู่บ้านต่ำ ๆ สับปะรังเค รับซื้อเด็กสาวไว้สิบกว่านาง ในจำนวนนั้นมีพวกชนเผ่าบนภูเขา พวกผู้หญิงคนดีตามบ้าน  นักเรียนสาวที่หนีการเรียนบ้าง ให้รับแขกทุกวัน ถ้าผู้ใดไม่ทำตามคำสั่งก็ถูกคุมขังหรือให้พวกแมงดาข่มขู่จัดการ ได้เงินสกปรกก้อนโต ในจำพวกโสเภณีนั้น แม้จะมีแขกหรือญาติทางบ้านจะขอไถ่ตัวไปช่วยออกจากความขมขื่นนี้ กลับตัวเป็นอิสรเสรี เมื่อได้โอกาสใหญ่นี้ก็เรียกร้องเงินทองเป็นจำนวนมหึมา บางคนก็ไม่มีเงินพอที่จะไถ่ตัว จึงต้องให้ความสดสาวจมปลักลงไปตลอดชีพ ดิ้นรนกลิ้งเกลือกอยู่ในซ่อง ตอนฉันอายุได้ 51 ปี เนื่องจากร่ำสุรายาเมามากจัดตลอดเวลา ทำให้เกิดเส้นโลหิตในสมองแตกถึงแก่ความตาย  เมื่อตายแล้วจึงรู้ว่าถูกท่านยมบาลตัดอายุขัยไป 10 ปี  เพราะเหตุที่ก่อกรรมทำเข็ญไว้มากล้นเหลือ ถูกตัดสินให้เข้าไปอยู่  "นรกอุจจาระ - ปัสสาวะ"  5 ปี ครบการลงโทษแล้วจึงย้ายมาถูกตัดสินเข้า  "นรกน้ำแข็ง"  อีก 31 ปี เมื่อครบโทษแล้วยังไม่รู้จะต้องถูกส่งไปขุมไหนลงโทษอะไรอีก !  ตั้งแต่ตายลงจนถึงปัจจุบันนี้ได้รับความทุกข์ทรมานจากอุจจาระ - ปัสสาวะ  น้ำแข็ง ความทุกข์ในอนาคตยังมีอีกมาก เป็นการทรมานอย่างแสนสาหัสที่แท้จริง ทั้งนี้ต้องโทษตัวเองที่สร้างบาปสร้างเวรมากเกินเท่านั้น

พัศดี   :  เปลี่ยนวิญญาณโทษหญิงคนสุดท้ายนี้ให้เล่าสารภาพความผิดตอนที่อยู่ในแดนมนุษย์นั้นมีสภาพเช่นไรโดยเร็ว นายทหารรีบให้น้ำขิงเพื่อคืนสติ เพื่อที่จะสะดวกในการบอกเล่าพูดจา

นายทหาร   :  ขอรับคำบัญชา ..... ได้ให้กินแก้หนาวไปแล้ว

หยางเซิง   :  ขอถามสุภาพสตรีผู้นี้  ไฉนเธอจึงได้ตกมายัง  "นรกน้ำแข็ง"

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                      เที่ยวเมืองนรก

                     ครั้งที่ 14  วันเสาร์ที่ 20  พฤศจิกายน  พ.ศ. 2519

                         ตอน ท่องสระน้ำแข็งนรกน้อย   

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จลงตรัสเป็นกลอน มีความว่า   :

        ลมหนาวโกรก        ซาบซ่าน        เหน็บกระดูก
บาปบุญปลูก                 เปรียบเสมือน   สนหินเกย
ขุนเขาเขียว                   หิมะโปรย       เปลี่ยนขาวเลย
ต้นไผ่ - เหมย                ยืนตระหง่าน    บ่หวั่นไหว

วิญญาณโทษ   :  เมื่อพูดแล้วมีความอายระคนความแค้น (ทั้งอายทั้งแค้น) ขณะที่ดิฉันมีอายุ 18 ปีได้ร่วมกับคณะละครรำคณะหนึ่ง ได้ติดตามคณะออกไปแสดงทั่วทุกทิศ ขณะแสดงนั้นได้มีการแสดงเปลื้องผ้าเป็นประจำเพื่อดึงดูดความสนใจของผู้ชม ต่อมาเพราะเหตุกิจการไม่เจริญ คณะละครสลายตัวเลยเปลี่ยนอาชีพมาเป็นนางทางโทรศัพท์ (โสเภณีชั้นสูง) ถูกเรียกตัวไปรับแขกเป็นประจำ หรือแสดงการเปลื้องผ้าให้แขกชมตามรายการ ก็เลยรู้จักสนิทสนมกับแขกคนหนึ่งซึ่งเป็นพ่อค้ามีเงินกินอยู่ด้วยกันตามลำพังในฐานะเมียน้อย ครั้นตกมาถึงตอนอายุ 36 ปี เราสองคนเกิดมีความคิดเห็นขัดแย้งกัน ก็เลยแยกทางกันไป ในขณะที่คิดไม่ตกเลยกลืนยาพิษฆ่าตัวตาย แล้วก็เลยตกไปอยู่ "เมืองผีตายโหง"  ถูกคุมขังอยู่ 5 ปี ต่อมาถูกตัดสินให้เข้ามาอยู่ "นรกน้ำแข็ง"มาจนทุกวันนี้  เป็นเวลา 3 ปีแล้วและยังเหลือโทษอีก 12 ปี จึงจะหมดการลงอาญารับความทุกข์ทรมานยิ่งนัก แต่ละวันโดนทับอยู่ใต้น้ำแข็ง แม้นขาแข้งชาหนาวเย็นเสียดใจจะสำนึกตัวได้ก็สายเสียแล้ว จึงขอเตือนสตรีเพศในโลกมนุษย์ อย่าได้เอาเยี่ยงอย่างดิฉันที่หลงในทางผิดเป็นอันขาด

พัศดี   :  วิญญาณโทษผู้นี้ ขณะอยู่ในโลกมนุษย์ไม่ประกอบอาชีพสุจริต เลือกแสดงทางระบำลามกเปลื้องผ้าโดยเฉพาะทำลายประเพณีอันดีงาม เมื่อตอนมีชีวิตอยู่ไม่ชอบนุ่งห่มเสื้อผ้า ตายแล้วต้องถูกตัดสินให้ตกลง  "นรกน้ำแข็ง" ทันที ให้มันหาเสื้อผ้ากันหนาวก็ไม่มีทางจะหาได้ ทำเองรับเอง สมควรแก่โทษแล้ว วิญญาณนี้ยังมีโทษอื่นเหลืออยู่อีก เมื่อครบกำหนดโทษแล้วต้องส่งต่อไปให้ขุมอื่น ขอให้หญิงในโลกมนุษย์จงจำแบบอย่างจากนี้เถิด นายทหารรีบนำวิญญาณโทษทั้ง 3 ลงไป

หยางเซิง   :  ทั้วทั้งนรกหมอกขาวเหมือนควัน รู้สึกมีความหนาวอยู่บ้าง

อรหันต์จี้กง   :  นั่นคือการกระจายออกของควันเย็นไอหนางละ

พัศดี   :  บรรดาชาวโลกที่ได้รับฝากทรัพย์สินเงินทองจากผู้อื่นแล้ว จัดการแปรเปลี่ยนอย่างลับ ๆ หรือโกงเอาเสียเลย หรือเปิดซ่องค้าประเวณี และไม่ยอมให้หญิงโสเภณีไถ่ตัว หรือผู้ที่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเกินควร  สุรุ่ยสุร่าย  ดูหมิ่นสินค้าที่ผลิตขึ้นในประเทศของตนที่สวมใส่ต้องเป็นอาภรณ์ที่ส่งมาจากต่างประเทศ เพื่อที่จะอวดแสดงว่าตนเองร่ำรวยมีเงิน ไม่รู้จักใช้เงินทองที่เหลือใช้นั้นซื้อสินค้า  เสื้อผ้า - ผ้าห่มแจกจ่ายคนจนให้รอดพ้นในฤดูหนาว หรือพวกสตรีที่ชอบแสดงตัวในที่สาธารณะนุ่งกระโปงสั้น - เปิดหลัง  เจตนาเปิดเผยร่างกายเพื่อยั่วยุให้คนหลงรักนั้น ไอ้การที่ไม่กลัวหนาว และชอบประดับประดาสวยงามเหล่านี้ เมื่อตายลงแล้วตัดสินให้ตกเข้าไป "นรกน้ำแข็ง"  ให้มันได้รับรสชาติแห่งความเย็นฉ่ำ

อรหันต์จี้กง   :  คืนนี้เวลาหมดลง เราจะกลับสำนักละ

หยางเซิง   :  ขอขอบคุณท่านพัสดี กับนายทหารที่ให้การแนะนำชี้แจง ลาก่อนละ

พัศดี   :  ขอนมัสการส่งท่านอาจารย์

อรหันต์จี้กง   :  เจ้าหยางเซิงรีบขึ้นดอกบัวเร็ว

หยางเซิง   :  กระผมนั่งเรียบร้อยแล้วครับ ท่านอาจารย์

อรหันต์จี้กง   :  กลับสำนักได้แล้ว  ถึงสำนักแล้ว หยางเซิงลงจากดอกบัว วิญญาณกลับเข้าสู่ร่างดังเดิม

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
        นรกขุมที่สอง     ดัดสันดาน        ผีดื้อด้าน     
มีหลักฐาน                ที่ทำผิด           ต้องชำระ     
แช่โคลนตม              อุจจาระ           ปัสสาวะ     
คนตะกละ                 คอร์รัปชั่น        เอาเปอร์เซ็นต์
        อีกล้มแชร์        หลอกลวงหญิง   ไปขายช่อง
กินเงินทอง               ของสกปรก       ได้คล่องคอ   
คงต้องให้                 ลองลิ้มรส         ขี่เยี่ยวหนอ
คงจะพอ                   กับความผิด       ที่ริทำ
        พวกพ่อค้า         กินฟุ่มเฟือย       ภัตตาคาร
สวัสดิการ                 กับคนงาน         ยิวแสนยิว
กิจการ                    งานกุศล           ก็บิดพริ้ว
ยมบาลกริ้ว               ตกนรก            แดนหิวโหย

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                 นรกขุมที่สาม

     ขุมที่สาม        แดนนรก        สุดอักโข
พวกยะโส            เหยียดหยามคน บ่นอิจฉา
ชอบดูถูก            ดูแคลน           เขาเรื่อยมา
ถูกควักตา           ให้ถลน            ชดใช้กรรม

      อีกขอทาน     หน้าทน        งานไม่ทำ
ชอบลูบคลำ        ทำหน้าด้าน    ลวนลามหญิง
ตกนรก              เหล็กขูดหน้า   เจ็บปวดยิ่ง
กรรมเป็นสิ่ง        ที่ตนก่อ         จะโทษใคร

     ส่วนพวกที่        ลืมตน        ลืมฐานะ
ไม่มีกาล               เทศะ         ที่ต่ำสูง
พอชีพดับ              ตกนรก       ถูกลากจูง
ขึ้นที่สูง               แขวนหัวทิ่ม  เจาะอุ้งตีน