แรงปณิธานกับแรงบาปเวร
วิถีนรกในโรงพยาบาล
ภายหลังที่ส่งเข้ารักษาด่วนที่โรงพยาบาล แพทย์กำลังจะให้เลือด เจาะเส้นเลือดที่ข้อมือ ยังไม่ทันเดินเลือดเส้นตรงนั้น มันต่อต้าน ปูดเป็นลูกโป่งขึ้นมาทันที เดินเลือดไม่ได้ อีกทั้งขณะนั้นเล็บดำแล้ว ตัวเย็นเฉียบแข็งทื่อเพราะเลือดในตัวหยุดไหลเวียน พยาบาลถามแพทย์ว่า " ที่ท้ายทอยมีเส้นเลือดใหญ่เส้นหนึ่งปูดออกมา จะฉีดเข้าเส้นเลือดนี้ตรงสู่หัวใจได้ไหม " " ได้จัดการตามนั้น " น่าจะเป็นเวลายี่สิบสามนาฬิกา จึงรู้สึกตัวชัดเจน หลายครั้งแพทย์ช่วยให้พ้นภาวะฉุกเฉิน เพราะผู้น้อยสลบอยู่จึงไม่ให้ยาสลบ ไม่ได้ฉีดยาชา คว้านแผลกันสด ๆ ที่รู้สึกตัวนั้นก็ด้วยความเจ็บปวด เป็นขณะที่ทำแผลไปได้ครึ่งหนึ่ง มองเห็นแพทย์ถือคีมหนีบห้ามเลือดจะหนีบหลอดเลือดพอดี พอแพทย์เห็นผู้น้อยลืมตาโต ก็หยุดมือ บอกว่า " คุณฟั่น หายใจลึก ๆ ซิ " แล้วคีมหนีบห้ามเลือดก็ทำงานต่อไปในคอหอยของผู้น้อย บอกได้ว่า มันเจ็บจนทนไม่ไหว สบลไปอีก เหงื่อกาฬแตกพลั่ก ชักกระตุกแล้วฟื้นใหม่ ความรู้สึกเหมือนกำลังถูกเชือดเนื้อ ถูกตัดหลอดเลือด เกือบเที่ยงคืน จึงจัดการกับแผลใหญ่เสร็จไปหนึ่งขั้นตอน แพทย์บอกกับคนทางบ้านและผู้น้อยว่า " คุณฟั่นเคราะห์ร้ายแตยังโชคดี จุกปะทะข้างหน้าด้านขวา ปากแผลลึกเข้าไปประมาณสิบกว่าเซนต์ ใกล้กระดูกสันหลัง อย่างนี้เท่ากับถูกตัดคอไปแล้ว อาหญิงของผู้น้อยยืนอยู่ช้าง ๆ ไม่กล้าดู เพราะถ้าเปิดหนังตรงคอ ก็จะเห็นกระดูกสันหลังสีขาว เนื้อสีแดง ปากแผลใหญ่พอที่กำปั้นจะซุกลงไปได้ แพทย์บอกว่า "คุณโชคดีที่หลอดลมไม่ขาด แต่หลอดเลือดดำที่คอขาดไป
หากหลอดเลือดแดงขาด ส่งโรงพยาบาลไม่ถึงสามสิบนาที เสียเลือดเกินกว่า 4,000 ซีซี จะช่วยยาก
หากหลอดลมขาด หัวแช่อยู่ในน้ำ หายใจไม่ออก ประมาณสามสิบนาทีก็จะเสียชีวิต ช่วยได้ยาก
หลอดเลือดดำขาด กระแสเลือดจากหลอดเลือดดำส่งมาถึงสมองแล้วไหลออกไป เลือดดำที่ไหลเข้าสมองจะยิ่งน้อยลง นี่เป็นระบบป้องกันตัวอัตโนมัติของร่างกายเอง ก่อนจะถึงโรงพยาบาล คุณเสียเลือดไปแล้ว ประมาณ 4,000 ซีซี หากเกินกว่านี้จะสลบไม่ตื่น โชคดีแท้ ๆ ถ้าไม่ใช่สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองรักษา ก็คือบรรพบุรุษคุ้มครองรักษา " แพทย์ว่าอย่างนี้ ผู้น้อยคิดว่าเป็นเพราะ " เทียนเอินซือเต๋อ " แน่นอน เพราะผู้น้อยเชื่อว่าบรรพบุรุษของเราคงไม่มีความสามารถขนาดนี้เป็นแน่ แพทย์บอกอีกว่า " หมอจะช่วยจัดการเรื่องแผลนี้ให้ แต่จะต้องรอดูผลอีกสามถึงสี่วันแล้วจึงจะผ่าตัดให้ เพราะแผลสกปรกมาก ตกลงไปในคูน้ำ ดินทรายเข้ามาหมด สามถึงสี่วันแล้วจึงจะผ่าตัดได้ ถ้าคุณอยากจะผ่าตัดทันที จะย้ายโรงพยาบาลก็ได้ ดังนั้น คืนนั้นจึงย้ายไปที่โรงพยาบาลซิ่วฉวน ที่เมืองจังฮว่า ก่อนหน้านี้ ผู้น้อยตื่นแล้ว แพทย์เข้ามาถึงจึงทักทายว่า " คุณฟั่น แผลของคุณสวยจัง " ทำไมจึงพูดอย่างนี้ เพราะเขาเป็นศัลยแพทย์ ถ้าบอกว่า แผลน่าเกลียดจังคือลึกแต่ไม่กว้าง แผลกว้างจัดการง่ายกว่า จึงว่าสวย แพทย์บอกอีกว่า " คืนน้ดึกแล้ว พักผ่อนให้ดี พรุ่งนี้จึงจัดการให้ คืนนี้ตรวจดูก่อน ตรวจดูก็คือ เอ็กซเรย์ตรวจสมอง ตรวจเลือด... ขณะเอ็กซเรย์ พยาบาลช่วยกันประคองมือ เท้าทุกส่วนไว้ แต่ลืมประคองส่วนหัว ฉะนั้น พอจับนั่งหัวก็หักพับ ห้อยไปข้างหลังเหมือนคนหัวขาด พยาบาลตกใจ รีบประคองหัวขึ้นมา จึงหายใจได้ คืนนั้น ทำการตรวจสภาพร่างกาย ผู้น้อยไม่ได้หลับเลยทั้งคืน กลัวแทบตาย วันรุ่งขึ้น จะทำการผ่าตัดแต่เช้า แพทย์ฝึกหัดสวมกางเกงยีนส์คนหนึ่งเข้ามาหาบอกว่า " คุณฟั่น แพทย์เจ้าของไข้ของคุณเป็นแพทย์รับเชิญประจำโรงพยาบาลซิ่วฉวนนี้ มาจากโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยแพทย์ศาสตร์ที่ไทเป ทางโรงพยาบาลของเรา ถ้าเป็นแพทย์รับเชิญจะหยุดวันเสาร์ - อาทิตย์ วันนี้พอดีเป็นวันเสาร์ แพทย์เจ้าของไข้ของคุณพัก การผ่าตัดจะต้องให้แพทย์เจ้าของไข้เซ็นอนุญาตวันนี้เราจึงจะผ่าตัดให้คุณไม่ได้ ท่านสั่งไว้ว่าให้ทำความสะอาดบาดแผล ซึ่งเราจะช่วยทำให้ " ขณะที่แพทย์เปิดปากแผล มันเจ็บมากจนสะดุ้งสุดตัว ทะลึ่งตัวขึ้นนั่งโดยอัตโนมัติ แต่ไม่มีกำลังประคองตัวได้ จึงหงายหลังล้มลงไปอีก คราวนี้ เลือดทะลักไหลท่วมตัว แพทย์ฝึกหัดเริ่มกดกริ่งฉุกเฉิน แพทย์พยาบาลกรูกันเข้ามาห้าถึงหกคน รีบใช้เครื่องช่วยหายใจ ให้เลือดอีกทันที ผู้น้อยเจ็บปวดทุกข์ทรมานมาก เมื่อเครื่องช่วยหัวใจทำงาน ปอดก้เริ่มรับออกซิเจนฉุกเฉิน ... แพทย์ฝึกหัดคนนั้นตกใจจนทำอะไรไม่ถูก เขาเพียงแต่เปิดผ้าเปิดแผลเท่านั้น ทำไมจึงหัวขาด (คงไม่ได้อ่านประวัติผู้ป่วยมาก่อน ) เห็นนอนอยู่บนเตียงดี ๆ ไม่รู้ว่าเปิดผ้าปิดแผลจะรุนแรงถึงเพียงนี้ เขาหน้าตื่นยืนงง ช่วยคนอื่น ๆ รีบช่วยเหตุฉุกเฉินเฉพาะหน้ากันชุลมุน แท้จริงแล้วผู้น้อยเองยิ่งทรมาน เพราะทั้งเครื่องช่วยหายใจ เครื่องให้เลือด แรงอัดของมันทำให้กล้ามเนื้อกระตุกได้ แต่มโนวิญญาณยังชัดเจน รู้ว่าแพทย์เข้าใจปัญหาผิดสักครู่ เมื่อเห็นว่าการเต้นของหัวใจเริ่มปกติ จึงได้ถอดสายออก แล้วแพทย์ก็เริ่มทำแผล ผู้น้อยได้เห็นว่า การทำแผลครั้งนั้น ทั้งน้ำที่ชำระกับเลือดปนกันออกมา มันมีจำนวนมากถึงสองถังใหญ่ (อย่างน้อย 8,000 ซีซี) เท่ากับเปลี่ยนเลือดเก่าทั้งตัวไปจนหมดอย่างน้อย 4.000 ซีซี ทำแผลเสร็จแล้วแพทย์ผู้นั้นบอกว่า " หมอแกรงว่ปากแผลจะติดกัน (จะต้องผ่าตัดในโพลงอีก) จึงต้องเอาสำลีถ่างปากแผลไว้ ผู้น้อยเห็นแพทย์ใช้สำลีมากมายอัดดลงไปในคอของผู้น้อยกว่าจะประจุให้เต็มปากแผล แพทย์ปิดปากแผล เสร็จก็กลับออกไป แพทย์ไปแล้ว ผู้น้อยตัวแข็งทื่อไปหมด พยาบาลเข้ามาเปลี่ยนเสื้อผ้าผ้าปูที่นอนให้ใหม่ ซึ่งบนเตียงเหนียวโชกไปด้วยเลือด