ปรัชญาเมิ่งจื่อ : ปราชญ์เมิ่งจื่อ
๒. บทกงซุนโฉ่ว ตอนต้น
ปราชญืเมิ่งจื่อว่า "โอ กล่าวเช่นนี้ได้อย่างไร ครั้งกระนั้น ปราชญ์จื่อก้ง (ศิษย์บรมครู) ถามท่านบรมครูว่า "ท่านบรมครูเป็นอริยปราชญ์ใช่หรือไม่" บรมครูขงจื่อตอบว่า "อริยะนั้น ครูมิอาจรับ ที่เป็นได้คือ ศึกษาไม่รู้หน่าย สอนให้ไม่รู้หนื่อย" (เสวียเอ๋อปู๋เอี้ยน เจียวเอ๋อปู๋เจวี้ยน)
ศิษย์จื่อก้งว่า "ศึกษาไม่รู้หน่าย คือปัญญาธรรม สอนให้ไม่รู้เหนือย คือ กรุณาธรรม ผู้สูงส่งด้วยกรุณาปัญญาธรรมดังนี้ ก็คืออริยเมธีแล้ว" (เสวียปู๋เจวี๋ยน จื้อเอี่ย เจียวปู๋เจวี่ยน เหยินเอี่ย เหยินเฉี่ยจื้อ ฟูจื่อจี้เซิ่งอี่)
(เมิ่งจื่อ) ดูเถิด ระดับท่านบรมครูขงจื่อ ยังไม่ยอมรับฐานะความเป็นอริยะ แล้วศิษย์กล่าวอะไรออกมา" กงซุนโฉ่วว่า "เคยได้ยินมาว่า ปราชญ์จื่อเซี่ย จื่ออิ๋ว จื่อจาง ล้วนได้เรียนรู้ส่วนหนึ่งของความเป็นอริยะ สำหรับหยั่นหนิว หมินจื่อ กับ เอี๋ยนเอวียนนั้น แม้จะได้เรียนความสมบูรณ์ของอริยะ แต่ยังได้แก่ตนไม่มาก ดังนี้แล้ว ครูท่านเห็นเป็นเช่นไร" ตอบว่า "อย่าเพิ่งพูดถึงท่านเหล่านี้เลย" (กงซุนโฉ่วอยากถามบุคคลที่เป็นแบบอย่างเพื่อเจริญรอยตาม) กงซุนโฉ่วถามอีกว่า "ราชบุตรป๋ออี๋ กับ สัตบุรุษอี๋อิ่นล่ะ เป็นเช่นไร" ปราชญ์เมิ่งจื่อตอบว่า "ท่านต่างจากเราคือ หากมิใช่เจ้าเหนือหัวแห่งตน จะไม่สวามิภักดิ์ หากมิใช่พสกนิกรแห่งตน จะไม่ใช้งาน ขณะบ้านเมืองปกติสุข จะออกมารับราชการ หากบ้านเมืองวุ่นวาย จะลาพักราชการอยู่กับบ้าน นี่คือ จุดหมายของการใช้ชีวิต (รักสันโดษ รักสงบ) ของราชบุตรป๋ออี๋" ส่วนสัตบุรุษอีอิ๋นนั้น จุดหมายของการใช้ชีวิตก็คือ ไม่มีพระราชาบ้านเมืองใดที่จะรับใช้ไม่ได้ ไม่มีชาวเมืองใดที่จะใช้งานไม่ได้ บ้านเมืองปกติสุขก็รับราชการอยู่ บ้านเมืองวุ่นวายก็ยังคงรับราชการอยู่ (อะไรก็ได้ อย่างไรก็ได้) นี่คือ อีอิ่น
สำหรับบรมครูนั้น วาระอันควรรับราชการก็รับ วาระอันควรหยุดพักก็หยุด วาระอันควรยาวนานยั่งยืนก็ยั่งยืนต่อไป วาระอันควรเร่งรีบถอดถอนก็ถอดถอน นี่คือจุดหมายการใช้ชีวิตของท่านบรมครู (ไม่ยึดหมาย ให้พิจารณาการอันควร) ทั้งสามท่านนี้ ล้วนอริยชนคนก่อนเก่า ครูเอง (เมิ่งจื่อ) ยังไม่อาจเลียนอย่างท่านได้ แต่ที่ปรารถนานั้น คือ เจริญเรียนตามท่านบรมครูขงจื่อ" กงซุนโฉ่วถามว่า "ป๋ออี๋ อีอิ่น กับบรมครูขงจื่อ อริยชนระดับเดียวกันกระนั้นหรือ" ปราชญ์เมิ่งจื่อ ตอบว่า "มิได้เลย ตั้งแต่มีมนุษยชาติมาจนบัดนี้ ยังไม่มีคุณธรรมความเป็นคนสมบูรณ์แบบที่ยิ่งใหญ่เช่นท่านขงจื่ออีกเลย กงซุนโฉ่วว่า "ถ้าเช่นนั้น ทั้งสามท่านมีอะไรเหมือนกันหรือไม่" ตอบว่า "มี สมมุติหากมีแผ่นดินร้อยลี้ (เล็กมาก) ให้ท่านเป็นกษัตริย์ ท่านสามารถทำให้เจ้าเมืองน้อยใหญ่ทั้งหมดเคารพสยบใจได้ แต่หากจะให้ท่านทำเรื่องผิดต่อมโนธรรมสักเรื่องหนึ่ง หรือสังหารคนไม่มีโทษผิดสักคนหนึ่ง เพื่อให้ได้มหาอำนาจครองโลก ทั้งสามท่านจะไม่ทำเป็นอันขาด นี่คือสิ่งที่เหมือนกัน" กงซุนโฉ่วว่า "ขอบังอาจเรียนถามอีกว่า สิ่งต่างนั้นเช่นไร" ตอบว่า "ปราชญ์ไจหว่อ จื่อก้ง โหย่วยั่ว ทั้งสามท่าน ปัญญาล้วนพร้อมพอต่อการเรียนรู้ได้ในความเป็นอริยะ เชื่อว่าการเรียนรู้ได้และมั่นใจ่ออริยะ จะไม่เกิดจากความคิด จิตลำเอียง หรือเป็นไปตามอารมณ์พอใจยินดีของตนต่อท่านผู้นั้น (ซึ่งเป็นอริยะ) ปราชญ์ไจหว๋อกล่าวว่า "จากการที่ได้พินิจพิจารณาบรมครูขงจื่อ ทุกอย่างที่ท่านทำทุกอย่างที่ท่านเป็น และทุกอย่างที่เป็นท่าน ล้วนเลิศล้ำ งามสง่า ยิ่งกว่าอริยกษัตริน์เหยากับซุ่นอีกมากนัก" ปราชญ์จื่อก้งก็กล่าวว่า " อดีตกษัตริย์แม้ผ่านหายไปามกาลเวลา แต่พิจารณาจากบทบัญญัติจริยประวัติของพระองค์แล้ว ก็จะรู้ได้ว่า การดำเนินการปกครองบ้านเมืองของพระองค์นั้น ดีหรือไม่อย่างไร ฟังลีลาดนตรีที่ท่านประพันธ์ทำนองไว้ ก็จะรู้คุณธรรมความเป็นท่านนั้นเป็นอย่างไร (เจี้ยนฉีหลี่เอ๋อจือฉีจื้อ เหวินฉีเอวี้ยเอ๋อจือฉีเต๋อ)
จากจุดนี้ แม้เนื่องนานผ่านไป กษัตริย์ภายหลังหนึ่งร้อยสมัยพิจารณาตัดสินความเป็นไปของกษัตริย์ก่อนหน้าร้อยสมัย จึงไม่มีผิดพลาดได้แน่นอน