หลงด้วยใจตน ไม่เห็นจิตญาณภายใน เสาะหาตถตาสามองค์ภายนอก ไม่เห็นสามพุทธาที่มีในกายตน ท่านทั้งหลายจงฟังว่า ให้ท่านทั้งหลายได้เห็นจิตญาณตนอันมีสามพุทธา ร่วมอยู่ในกายตน สามพุทธานี้เกิดในจิตญาณตน มิใช่ได้จากภายนอก เหตุใดจึงได้ชื่อว่า "กายธรรมบริสุทธิ์หมดจด" ก็ด้วยจิตญาณของชาวโลกบริสุทธิ์ หมดจดแต่เดิมที ธรรมทั้งปวงเกิดจากจิตญาณตน ดำริคิดชั่วทั้งปวงจึงเกิดการกระทำชั่ว ดำริคิดความดีทั้งปวงจึงเกิดการกระทำดี
ดังนั้นจึงกล่าวว่า ธรรมทั้งปวงอยู่ในจิตญาณตนดุจฟ้าใสอยู่อย่างนั้น ตะวันเดือนสว่างอยู่เช่นนั้น ถูกเมฆลอยมาบดบัง บนสว่างล่างมืด พอถูกลมพัดพาเมฆฝนกระจาย บนล่างสว่างด้วยกัน ปรากฏการณ์ทุกอย่างล้วนให้ได้เห็น
จิตของชาวโลกมักเคว้งคว้างเลื่อยลอย เหมือนเมฆบนท้องฟ้าปกคลุม ท่านผู้เจริญ จิตปัญญาดุจตะวัน ญาณปัญญาดุจจันทรา จิตปัญญาญาณสว่างอยู่เป็นนิจ แต่หากยึดหมายภายนอก ถูกเมฆแห่งความคิดผกผันฟุ้งซ่านครอบคลุม จิตญาณตนมิอาจกระจ่างใส หากได้พบผู้เจริญธรรม ให้ได้สดับสัทธรรม กำจัดความหลงผกผันฟุ้งซ่านในตนเอง จะสว่างปลอดโปร่งทั้งนอกใน หมื่นธรรมล้วนปรากฏได้ในจิตญาณตน
ความหมาย...พิจารณา...
ผู้เจริญธรรมในวิถีอนุตตรธรรมยุคนี้ พระวิสุทธิอาจารย์แห่งยุค คือ อมตะพุทธจี้กง กับ พระโพธิสัตว์จันทรปัญญา จากการปกโปรดของทั้งสองพระองค์ ประทานปัจจัยเพิ่มพูน สาธุชนมากมายได้สำนึกรู้ตื่น เจริญธรรม "หมื่นธรรมปรากฏได้ในจิตญาณตน" โดยแท้จริง หมื่นธรรมหรือธรรมทั้งปวงมิพ้นจากจิตญาณตน ท่านที่อรรถาธรรมได้เช่นพระธรรมาจารย์ฮุ่ยเหนิง ซึ่งมิต้องการคัมภีร์ มิต้องศึกษาเรียนรู้ท่องจำมา พอขึ้นธรรมาสน์เทศน์ ข้อธรรมก็พรั่งพรูมิขาดสายเป็นสัจธรรมทุกถ้อยคำโดยมิต้องตระเตรียมเรียบเรียง ท่านผู้เข้าถึงภาวะนี้ ท่านเรียกว่า"พุทธกายธรรมบริสุทธิ์หมดจด"
ท่านผู้เจริญ ใจตนพึ่งพาจิตญาณตนเป็นสรณะจึงเท่ากับพึ่งพาพุทธะแท้ ผู้ถือจิตญาณตนเป็นสรณะนั้น จะกำจัดอกุศลในจิตญาณตน กำจัดอิจฉาริษยา ใจที่ยโสโอหัง ใจตนยึดมั่นในตน ใจหลอกลวงฟุ้งซ่านผกผัน ใจดูแคลนคน ใจจองหองเฉยเมย ใจเห็นผิด ใจผยองลำพองตน กับการกระทำไม่งามทุกยามทุกอย่าง มีคำกล่าวว่า "ทันทีที่เกิดอัตตา โทษผิดบาปตามมาไม่ห่าง" ความไม่ดีงามที่กล่าวมาล้วนเริ่มจากมีอัตตาเป็นเหตุ