คัมภีร์ธรรมรัตนะบัลลังก์สูตร 3
บทที่ 6 : กราบนิมนต์บุญวาระ
ท่านสิงซือได้รับการถ่ายทอกวิถีจิตอันรู้แจ้งฉับพลันจากพระธรรมาจารย์แล้ว จึงกลับไปยังภูเขาชิงเอวี๋ยน เมืองจ๋โจว เผยแพร่พระธรรมคำสอน ภายหลังเมื่อมรณภาพ ฮ่องเต้้ถวายราชสักการะนามตามไปว่า " พระอภิธยานะอุปการะจารย์ " พระมหาเถระเจ้าสายฌานอีกรูปหนึ่ง ธรรมฉายา ไฮว๋ยั่ง แซ่ตู้ เป็นชาวเมืองจินโจวเบื้องต้น ได้ศึกษาธรรมอยู่กับพระคุณเจ้าหลวง มหาเถระฮุ่ยอัน แห่งซงซันบรรพต พระมหาเถระเจ้าฮุ่ยอัน โปรดส่งมอบให้มากราบนมัสการถวายตัวที่เฉาซี เมื่อท่านไฮว๋ยั่งมาถึง กราบพระธรรมาจารย์แล้ว พระธรรมาจารย์โปรดถามว่า "มาจากที่ใด" ตอบว่า "มาจากซงซันบรรพต" โปรดว่า "สิ่งใด ให้ท่านมา" ตอบว่า "กล่าวขานว่า สิ่งหนึ่งใด ดังนี้ จะไม่ถูกต้อง"
พิจารณา : คำถามขอพระธรรมาจารย์ หากเผิน ๆ เช่นคนทางโลก จะรู้สึกเหมือนเหยียดหยัน แต่แท้จริงพระะรรมาจารย์หยั่งรู้ญาณปัญญาของผู้มาฝากตัว จึงทำการทดสอบด้วยวาจา ซึ่งก็รับทราบได้ ณ บัดนั้นว่า ท่านโฮว๋ยั่งมิใช่ธรรมดา ผู้รู้แจ้งในอนุตตรภาวะอันสูงส่งแยบยลวิเศยิ่ง จะมิอาจกล่าวอ้างได้ในภาวะนั้น เพราะผู้รู้ได้ขาดแล้วซึ่งการยึดหมายในรูปของวาจา รูปแห่งอักษร รูปแห่งการคิดคำนึง จึงไม่อาจเปรียบเทียบอย่างไรเป็น "สิ่งหนึ่งใด" ได้ พระธรรมาจารย์โปรดว่า "ยังจะบำเพ็ญบรรลุผลได้หรือไม่"
พิจารณา : ในเมื่อรู้แจ้งถึงระดับนี้แล้ว ละจากการยึดหมายได้ทั้งหมดเช่นนี้แล้ว ยังจะ (ทำการ) บำเพ็ญให้บรรลุผลได้อีกหรือไม่ ทำการบำเพ็ญคือ ยังมีส่วนรู้หมาย บรรลุผลก้ยังมีส่วนที่รู้หมาย
ท่านไฮว๋ยั่งตอบว่า "บำเพ็ญบรรลุผลมิอาจกล่าวว่าไม่มี แต่จะแปดเปื้อนมิได้"
พิจารณา : ท่านไฮว๋ยั่งรับว่า ยังมีความรู้หมายต่อการบรรลุผลของการบำเพ็ญ บรรลุผลเหมือนมิได้บรรลุ ซึ่งแท้จริงคือ "บำเพ็ญอยู่ทุกขณะ บรรลุผลอยู่ทุกขณะ" พระธรรมาจารย์โปรดว่า "ความมิแปดเปื้อนดังนี้เอง ที่เหล่าพุทธะประคองรักษา ท่านไฮว๋ยั่งเข้าถึงความเป็นเช่นนี้เอง สิ่งที่อาตมาเข้าถึง ก็เป็นเช่นนี้เอง"ท่านปัญญาตาระ ณ พุทธเกษร (พระธรรมาจารย์สมัยที่ยี่สิบเจ็ดแห่งชมพูทวีป) ได้พยากรณ์ไว้ว่า "ท่าน (ไฮว๋ยั่ง) จะมีม้าอาชาไนยใต้เบื้องบาท เหยียบย่ำทำลายคนใต้ฟ้านี้ " คำพยากรณ์นี้ ท่านจงเก็บไว้ในใจ มิพึงเร่งกล่าวไป"
พิจารณา : พระธรรมาจารย์ผู้หยั่งรู้ด้วยญาณอันแก่กล้า ได้กล่าวแก่ท่านไฮว๋ยั่งว่า "จะมีม้าอาชาไนยใต้เบื้องบาท" ก็คือจะได้ศิษย์ผู้มีอินทรีย์แก่กล้า รากฐานบุญสูงยิ่ง "เหยียบย่ำทำลายคนใต้ฟ้านี้" ก็คือปรกโปรดสาธุชนคนหลงมากมายให้ฆ่าทำลายกิเลสตัณหา ฆ่าจิตยึดมั่นถือมั่น ภายหลังพระมหาเถระเจ้าไฮว๋ยั่ง ได้ศิษย์ท่านหนึ่ง ธรรมฉายาว่า "หม่าเต้าอี" หม่า คือ มัา แปลว่า "ม้าตัวนี้จะเผ่นผงาดประกาศธรรมไปควบไวไม่ระย่อ ในยุคสมัยดังกล่าว พระพุทธศาสนาเรืองรุ่งเจริญไกล ตรงตามคำพยากรณ์ของท่านปัญญาตาระ พระธรรมาจารย์สมัยที่ยี่สิบเจ็ด ที่สื่อถึงพระธรรมาจารย์ฮุ่ยเหนิง