โศลกท่านเสินซิ่ว :: กาย คือ ต้นโพธิ์ ใจดั่งบานกระจกใส
หมั่นเช็ดถูทุกเวลาไป อย่าให้จับด้วยฝุ่นธุลี ( มีรูปลักษณ์ )
เสินซิ่ว เขียนโศลกเสร็จแล้ว ก็กลับไปที่ห้องพัก คนทั้งวัดไม่มีใครรู้เห็นการนี้ เสินซิ่วกลับถึงห้องพักแล้ว ก็ยังคงคิดคำนึงวกวนไปมาอยู่ว่า "พรุ่งนี้หากพระเถระเจ้าเห็นโศลกนี้แล้วยินดี นั่นก็หมายความว่า เรามีบุญปัจจัยมากับพุทธธรรม แต่หากเห็นว่าใช้ไม่ได้ ก็คือตัวเราเองยังหลงอยู่ในเวรกรรมเก่า อุปสรรคปิดกั้นปัญญาไว้หนาแน่นไม่ตรงต่อพุทธธรรม จิตใจของอริยะพระธรรมาจารย์ ยากจะหยั่งได้แท้เทียว เสินซิ่ว คิดกลับไปกลับมาอยู่ในห้อง นั่งนอนไม่สงบ จนถึงฟ้าสางยามห้า
พระธรรมาจารย์ทราบแต่ต้นแล้วว่า เสินซิ่วยังมิได้เข้าสู่ประตูวิมุตติ ยังมิได้เห็นจิตญาณตนอย่างถึงที่สุด
ความหมาย...พิจารณา...
แต่ในเมื่อทราบแล้วตั้งแต่ต้น เหตุใดจึงยังให้เขียนโศลกอีกนั่นด้วยจิตปรารถนาจะเสริมสร้างให้ศิษย์ "รู้ตน-รู้คน รู้เขา-รู้เราเพื่อเจริญความเพียรให้ยิ่งขึ้น
ฟ้าสาง วันรุ่งขึ้น พระธรรมาจารย์เรียกช่างหลวงเข้าพบ เตรียมการเขียนจิตรกรรมลงบนฝาผนังด้านใต้ของระเบียงทางเดินพลันได้เห็นโศลกนั้น จึงกล่าวแก่ช่างหลวงว่า "ช่างหลวง มิต้องวาดภาพบูชาแล้ว เหนื่อยยากแก่ท่านที่ต้องเดินทางไกลมา พระคัมภีร์ว่า""รูปทั้งหลายทั้งปวงล้วนเป็นมายา"" เพียงเก็บโศลกนี้ไว้ให้ได้สวดท่อง บำเพ็ญตามโศลกนี้ มีคุณประโยชน์ใหญ่หลวง ดังนั้นแล้วจึงสั่งให้ศิษย์จุดธูปบูชา สวดท่องโศลกนี้ ก็จะเห็นจิตญาณตนได้ ศิษย์ต่างสวดท่อง ต่างสาธุการว่าประเสริฐแท้
ความหมาย...พิจารณา...
ความสัตย์จริงมิได้เป็นเช่นนั้น พระธรรมาจารย์กำลังดำเนินกุศโลบายประคองอุ้มชูศิษย์ต่างหาก โศลกนี้แม้จะไม่ถึงที่สุดของการรู้แจ้ง แต่สำหรับศิษย์ผู้น้อยทั้งหลาย โศลกนี้เป็นบันไดเบื้องต้นที่จะเดินก้าวขึ้นไป
พระธรรมาจารย์เรียกเสินซิ่วเข้าพบยามเที่ยงคืนถามว่า "โศลกนี้ท่านเป็นผู้เขียนหรือ" เสินซิ่วตอบว่า "ศิษย์เขียนเองจริงมิกล้าอาจเอื้อมหวังตำแหน่งพระธรรมาจารย์ ขอพระเถระเจ้าได้โปรดพิจารณาว่า ศิษย์นี้มีปัญญาน้อยนิดเพียงไรหรือไม่" พระธรรมาจารย์กล่าวว่า "โศลกของท่านนี้ ยังมิได้เห็นในจิตญาณตน อุปมาดั่งยืนอยู่นอกประตู ยังมิได้ก้าวเข้ามา ความคิดเห็นเช่นนี้ จะแสวงหาอนุตตรโพธิญาณไม่พบเลย" จากนั้น พระธรรมาจารย์ได้โปรดชี้แนะวิธีค้นพบอนุตตรโพธิญาณตนแก่เสินซิ่วต่อไป
ความหมาย...พิจารณา...
การนี้เราจะเห็นได้ว่า กลางวันต่อหน้าคนทั้งหลาย พระธรรมาจารย์โปรดชมเชยเสินซิ่ว เที่ยงคืนยามสงัดปลอดคน กลับเรียกเสินซิ่วเข้าพบ ชี้ให้เห็นทางที่เสินซิ่วเดินหลงไป นี่คือมหาเมตตากรุณาคุณของพระธรรมาจารย์ หากชี้ทางหลงต่อหน้าใคร ๆ เสินซิ่วยังจะมีสถานภาพความน่าเชื่อถือที่จะอรรถาธรรมแก่ใครได้
อนุตตรโพธิญาณ คือ ภาวะรู้อันสูงส่ง พระโพธิสัตวฺทรงรู้แจ้งว่า ทุกคนล้วนมีจิตญาณอันรู้แจ้งได้ จึงบังเกิดปณิธานกอบกู้เวไนยฯ ในขณะที่กอบกู้เวไนยฯ ก็บำเพ็ญพุทธบารมีให้เข้าถึงภาวะอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณไปด้วย นั่นคือภาระศักดิ์สิทธิ์ของ "พุทธโพธิสัตว์"ที่ปฏิบัติบำเพ็ญเป็นเช่นเดียวกันเรื่อยมา