เที่ยวเมืองนรก
ครั้งที่ 12 วันอาทิตย์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2519
ตอน ท่องนรกย่อยแดนหิวโหย
ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จลงตรัสเป็นกลอน มีความว่า
เพลงเสนาะ กล่อมรับ ใบไม้ผลิ
อุตริ ขยับสะโพก โยกย้ายส่าย
โลกสมัย เต็มไปด้วย หนทางร้าย
บ่วงกรรมข่าย ขึงพืด ดักวิญญาณ
พัศดี : ชาวโลกที่ล้างผลาญข้าวของ ไม่ถนอมรักพืชพันธุ์ธัญญาหาร สุรุ่ยสุร่ายไม่ประหยัด มีเงินใช้ในทางเสพสุขเพื่อตนเอง ไม่ยอมบริจาคแก่คนยากจนหรือทางกิจการสาธารณกุศล หรือผู้ชายที่มีเงินร่ำรวยแล้วก็ทิ้งเมีย แล้วไปสร้างหอรักใหม่ หรือผู้หญิงที่มีชื่อเสียงขึ้นมา เช่น นักร้องในปัจจุบันเมื่อดังแล้วก็เกิดดูหมิ่นสามีตนเอง อยากจะหย่าจากไปรับความมีเกียรติทางลม ๆ แล้ง ๆ ต่าง ๆ นานา บรรดาผู้ที่พอร่ำรวยมียศศักดิ์แล้วก็เกิดแปรเปลี่ยนความนึกคิดความตั้งใจนั้น จึงเป็นการประพฤติที่ต่ำช้าเลวทราม เมื่อตายลงแล้วล้วนต้องตกมาอยู่นรกนี้ รับความทรมาน ใคร่จะหวังว่าผู้ที่ร่ำรวยมีเกียรติสูงส่งในแดนมนุษย์ ควรบริจาคเงินทองส่วนหนึ่งช่วยเหลือผู้อื่น ตัวเองอย่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเกินควร มิเช่นนั้แล้ว เพียงเอาแต่ดื่มกินเสพสุข โชคลาภจะหมดและเคราะห์กรรมจะถึงตัว ในชีวิตนี้ที่ได้มียศศักดิ์และร่ำรวยให้เสพใช้อยู่นั้น ก็เนื่องจากชาติก่อนได้สร้างบุญกุศลไว้ จึงได้รับตอบแทนด้วยบุญวาสนาในทางดี ถ้าสามารถไม่หลงระเริงกับบุญวาสนาแล้วยังสร้างบุญสร้างกุศลอีก ช่วยเหลือผู้ทุกข์ยาก เหมือนส่งถ่านให้ในเวลาหิมะตก (หมายความว่า ช่วยผู้อยู่ในความหนาวด้วยการให้ฟืนไฟ) หรือพิมพ์หนังสือธรรมเพื่อเตือนใจชาวโลก เมื่อสิ้นลมปราณแล้วไม่เพียงแต่มีชื่อเสียงที่ดีงามติดบนฝีปากชาวโลก ยิ่งกว่านั้น วิญญาณยังได้ขึ้นสู่ที่สูงสุด (คือสวรรค์) รับการเซ่นไหว้จากผู้คนทั่วไป
อรหันต์จี้กง : เนื่องจากเวลาจำกัด เราเตรียมตัวกลับสำนักเถิดเจ้าหยางเซิง
พัศดี : ก็ดีเหมือนกัน มีการขาดตกบกพร่องประการใดบ้าง ?. ขอได้โปรดอภัยให้ด้วย
หยางเซิง : ขอขอบคุณที่ท่านพัศดีให้การชี้แจงแถลงไข เราจะกลับสำนักแล้วละ
อรหันต์จี้กง : ขึ้นบนดอกบัวเร็ว ..... ถึงแล้วสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้ง หยางเซิงลงจากดอกบัว วิญญาณกลับเข้าสู่ร่างดังเดิม