collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: ท่องนรก  (อ่าน 86073 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                        เที่ยวเมืองนรก

                     ครั้งที่ 12  วันอาทิตย์ที่ 31  ตุลาคม พ.ศ. 2519

                         ตอน ท่องนรกย่อยแดนหิวโหย     

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จลงตรัสเป็นกลอน มีความว่า

        เพลงเสนาะ        กล่อมรับ        ใบไม้ผลิ
อุตริ                        ขยับสะโพก      โยกย้ายส่าย
โลกสมัย                   เต็มไปด้วย      หนทางร้าย   
บ่วงกรรมข่าย             ขึงพืด             ดักวิญญาณ

พัศดี   :  ชาวโลกที่ล้างผลาญข้าวของ ไม่ถนอมรักพืชพันธุ์ธัญญาหาร สุรุ่ยสุร่ายไม่ประหยัด มีเงินใช้ในทางเสพสุขเพื่อตนเอง ไม่ยอมบริจาคแก่คนยากจนหรือทางกิจการสาธารณกุศล หรือผู้ชายที่มีเงินร่ำรวยแล้วก็ทิ้งเมีย แล้วไปสร้างหอรักใหม่ หรือผู้หญิงที่มีชื่อเสียงขึ้นมา เช่น นักร้องในปัจจุบันเมื่อดังแล้วก็เกิดดูหมิ่นสามีตนเอง อยากจะหย่าจากไปรับความมีเกียรติทางลม ๆ แล้ง ๆ ต่าง ๆ นานา บรรดาผู้ที่พอร่ำรวยมียศศักดิ์แล้วก็เกิดแปรเปลี่ยนความนึกคิดความตั้งใจนั้น จึงเป็นการประพฤติที่ต่ำช้าเลวทราม เมื่อตายลงแล้วล้วนต้องตกมาอยู่นรกนี้ รับความทรมาน ใคร่จะหวังว่าผู้ที่ร่ำรวยมีเกียรติสูงส่งในแดนมนุษย์ ควรบริจาคเงินทองส่วนหนึ่งช่วยเหลือผู้อื่น ตัวเองอย่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเกินควร มิเช่นนั้แล้ว เพียงเอาแต่ดื่มกินเสพสุข โชคลาภจะหมดและเคราะห์กรรมจะถึงตัว ในชีวิตนี้ที่ได้มียศศักดิ์และร่ำรวยให้เสพใช้อยู่นั้น ก็เนื่องจากชาติก่อนได้สร้างบุญกุศลไว้  จึงได้รับตอบแทนด้วยบุญวาสนาในทางดี ถ้าสามารถไม่หลงระเริงกับบุญวาสนาแล้วยังสร้างบุญสร้างกุศลอีก ช่วยเหลือผู้ทุกข์ยาก เหมือนส่งถ่านให้ในเวลาหิมะตก (หมายความว่า ช่วยผู้อยู่ในความหนาวด้วยการให้ฟืนไฟ) หรือพิมพ์หนังสือธรรมเพื่อเตือนใจชาวโลก เมื่อสิ้นลมปราณแล้วไม่เพียงแต่มีชื่อเสียงที่ดีงามติดบนฝีปากชาวโลก ยิ่งกว่านั้น วิญญาณยังได้ขึ้นสู่ที่สูงสุด (คือสวรรค์) รับการเซ่นไหว้จากผู้คนทั่วไป

อรหันต์จี้กง   :  เนื่องจากเวลาจำกัด เราเตรียมตัวกลับสำนักเถิดเจ้าหยางเซิง

พัศดี   :  ก็ดีเหมือนกัน มีการขาดตกบกพร่องประการใดบ้าง ?. ขอได้โปรดอภัยให้ด้วย

หยางเซิง   :  ขอขอบคุณที่ท่านพัศดีให้การชี้แจงแถลงไข เราจะกลับสำนักแล้วละ

อรหันต์จี้กง   :  ขึ้นบนดอกบัวเร็ว ..... ถึงแล้วสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้ง  หยางเซิงลงจากดอกบัว วิญญาณกลับเข้าสู่ร่างดังเดิม

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                        เที่ยวเมืองนรก

                     ครั้งที่ 13  วันพุธที่ 10  พฤศจิกายน  พ.ศ. 2519

                         ตอน ท่องสะพานมรณะ (ไน้ฮ้อเกี้ย) และชมฟลอร์นรก   

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จลงตรัสเป็นกลอน มีความว่า   :
           
        ใต้สะพาน        มรณะ        วิญญาณเกลื่อน
เลือกทางเถื่อน         เลื่อนลงสู่    นรกกล
ทางที่ควร               ต้องบำเพ็ญ สู่มรรคผล
สร้างกุศล               เป็นโล่ป้อง   พ้นพิบัติ

อรหันต์จี้กง   :  ศิษย์ในสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้งทุกคน ล้วนตั้งใจบำเพ็ญธรรมอย่างจริงจัง ขยันขันแข็งไม่มีการเกียจคร้าน น้ำใจน่าสรรเสริญยิ่งนัก ในวาระนี้ได้รับเทวโองการให้แต่งหนังสือเรื่อง  "เที่ยวเมืองนรก"  ท่าน  "เง็กเสียงอ๊วงตี่"  ตรัสสั่งครั้งแล้วครั้งเล่า การท่องนรกแต่งหนังสือต้องเป็นหนังสืออมตะสืบต่อไปนับหมื่นนับพันปี คุณธรรมทางปลอบเตือนสือต่อ ๆ กัน หลายชั่วชีวิตคนไม่มีวันสิ้นสุด ดังนั้นฉันจึงมีความยินดีที่จะพาหยางเซิงท่องยมโลก

หยางเซิง   :  ขอขอบคุณท่านอาจารย์ที่ได้กรุณาอบรมสั่งสอนผู้บำเพ็ญธรรมของเราทั้งคณะ ได้ทุ่มเทพลังใจและวัตถุทุกอย่างโดยสิ้นเชิง พยายามที่จะฟื้นฟู ปูวัฒนธรรมแจกจ่ายหนังสือกุศลธรรมให้แก่ผู้คนทั่วไป เพื่อเป็นการกอบกู้ปลดเปลื้องให้ชาวโลก ขอวิงวอนสวรรค์ท่านจงปกป้องคุ้มครองได้โปรดบันดาลให้แก่ศิษย์ทุกคนแคล้วคลาดจากมารและอุปสรรคใด ๆ ทั้งสิ้น

อรหันต์จี้กง   :  ตั้งใจบำเพ็ญธรรม ล้วนเป็นเพราะเหตุสภาพสิ่งแวดล้อมความเป็นอยู่ไม่อำนวยให้ ข้าจะแอบหมุนกลไกแห่งสวรรค์กลับคืน เพื่อจะได้ให้ศิษย์ทั้งหลายโดยสารไปอย่างราบรื่น วันนี้เตรียมท่องนรก เจ้าหยางเซิงรีบขึ้นบนดอกบัวเร็ว

หยางเซิง   :  กระผมนั่งเรียบร้อยแล้ว เริ่มเดินทางได้แล้วครับ

อรหันต์จี้กง   :  ถึงแล้วละ ลงจากดอกบัวเร็ว

หยางเซิง   :  ที่นี่คือสถานที่ใด ?.  ไฉนจึงมีเสียงตะเบ็งร่ำไห้ไม่ขาดสาย เบื้องหน้ามีสะพานหลังหนึ่ง ผู้คนบนสะพานร่วงหล่นลงไปส่งเสียงร่ำไห้อย่างทุกขเวทนาล้นสนั่นฟ้า ! 

อรหันต์จี้กง   :  ที่นี่คือสะพานมรณะ (ไน้ฮ้อเกี้ย) สามัญชนเมื่อตายแล้วผู้ที่มีความผิด ส่วนใหญ่จำต้องผ่านทางสะพานนี้ เราเข้าไปถามนายทหาร เชิญให้อธิบายรายละเอียดต่าง ๆ เถิด

หยางเซิง   :  สะพานนี้แกว่งไกวไม่หยุดยั้ง ราวกับสะพานที่ผูกแขวนไว้ บนสะพานมีหัวความย หน้าม้า พวกยมทูตมากหลายต่างก็คุมวิญญาณโทษ เมื่อเดินถึงกลางสะพานแล้วก็ผลักให้ตกลงไปโหดร้ายจังเลย

นายทหารผู้คุมสะพาน   :  เมื่อครู่นี้ได้รับสารจากท่าน  พระกษิติครรภโพธิสัตว์ ( เจ้าพญามัจจุราช )  ทราบมาว่าท่านอาจารย์นำพาท่านหยางเซิงแห่งสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้ง เมืองไถ่ตงแห่งแดนมนุษย์ ตรวจเยี่ยมสถานที่แห่งนี้ เพื่อลงพิมพ์ในหนังสือ  "เที่ยวเมืองนรก"  ทำการปลดปล่อยชาวโลก ขอแสดงความยินดีด้วยครับผม     

อรหันต์จี้กง   :  พูดอะไรอย่างนั้น !!  รบกวนพวกท่านแล้วละ

นายทหาร   :  ท่านทั้งสองเชิญตามข้าพเจ้ามา ข้าพเจ้าจะนำขึ้นไปยังบนสะพาน

หยางเซิง   :  ข้าพเจ้ามิกล้าขึ้นไป ชมดูอยู่ที่เชิงสะพานนี้ก็แล้วกัน

อรหันต์จี้กง   :  อย่าวิตกไปเลย  ยมทูตหัวควายหน้าม้าสองท่านจะไม่ผลักเจ้าลงไปหรอกน่า

หยางเซิง   :  ก็ได้ครับ  แต่ว่าท่านอาจารย์ต้องดึงมือกระผมไว้ เพราะว่าพื้นสะพานสั่นไหวไม่มั่นคง กลัวจะตกลงไป

อรหันต์จี้กง   :  เมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจะจูงมือเจ้า รีบขึ้นบนสะพานเร็ว

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                      เที่ยวเมืองนรก

                     ครั้งที่ 13  วันพุธที่ 10  พฤศจิกายน  พ.ศ. 2519

                         ตอน ท่องสะพานมรณะ (ไน้ฮ้อเกี้ย) และชมฟลอร์นรก   

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จลงตรัสเป็นกลอน มีความว่า   :
           
        ใต้สะพาน        มรณะ        วิญญาณเกลื่อน
เลือกทางเถื่อน         เลื่อนลงสู่    นรกกล
ทางที่ควร               ต้องบำเพ็ญ สู่มรรคผล
สร้างกุศล               เป็นโล่ป้อง   พ้นพิบัติ

หยางเซิง    :  โอย ! โอย !  ใต้สะพานเต็มไปด้วยงูทั้งนั้น มีจำนวนมากเป็นหมื่น ๆ ตัว น่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก มีงูอยู่ชนิดหนึ่งบางตัวใหญ่เท่ากับต้นเสามังกร อ้าปากแลบลิ้น ผู้ที่ตกอยู่ใต้สะพานนับจำนวนไม่น้อย ส่งเสียงคร่ำครวญร่ำไห้ โดนงูกัดกิน ใจคอมือตีนกระผมอ่อนไปหมดแล้ว มิกล้าชมดู ท่านอาจารย์ครับเรากลับกันเถอะ

นายทหาร   :  ท่านหยางเซิงมิต้องหวาดหวั่น ใต้สะพานมรณะนี้เป็นหนองงูพิษ บรรดาผู้ที่ตายแล้วใจคอชั่วช้า หรือหลอกลวงฉ้อโกงเงินทองของผู้อื่นหรือเรื่องผู้หญิง ยุเหย่หาเรื่อง มุ่งร้ายฆ่าคน เห็นความหายนะของผู้อื่นก็ชอบใจเหล่านี้ นับได้ว่าเป็นคน   "จิตใจอำมหิต"  งูพิษเหล่านี้เกิดมาจากลำใส้อำมหิตของมนุษย์ วิญญาณโทษที่มาถึงที่สะพานนี้ จึงหวั่นกลัวจนมือตีนอ่อน หัวความหน้าม้าก็ผลักให้ตกลงสะพานไป ให้งูพิษกลืนกิน บรรดาคนที่ตกลงสะพานแล้ว ร้องลั่นราวกับพ่อแม่ตายจาก ที่เหยียบอยู่ใต้ตีน ล้วนแต่เป็นงูพิษ พยายามดิ้นรนหนีเอาชีวิตรอด แต่พอตีนขยับเท่านั้นก็ไปเหยัยบเอางูพิษเข้า เลยกลับถูกงูฉกกัดกลืนกิน

หยางเซิง   :  น่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง เพียงแต่เห็นงูตัวเดียว ก็ตกใจกลัวจนเซ่อไปเลย หากว่าผู้ที่ใจเสาะ พวกหัวควายหน้าม้าไม่ต้องผลักลงหรอก พอเดินถึงสะพานมรณะเท่านั้น ต้องตกใจกลัวจนสลบหมดสติสัมปสัญญะ ก็จะตกลงไปเอง

อรหันต์จี้กง   :  เรารีบเดินข้ามสะพานนี้เสีย วันนี้วิญญาณโทษมากเหลือหลาย บนสะพานแออัดเกินไป แต่ละคนร่ำไห้จนเสียงแหบ ใครใช้ให้พวกมันชอบก่อกรรมทำเข็ญในแดนมนุษย์เล่า มาบัดนี้เดินเหินสั่นคลอน เลยตกลงไปใต้สะพานหมดเกลี้ยง ถูกลงโทษด้วยการให้งูพิษกัดกินอย่างทารุณโหดร้าย

หยางเซิง   :  จวนจะถึงทีสุดสะพานแล้ว ในใจกระผมยังหวั่นกลัวมาก สะพานมรณะที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง ข้างสะพานก็ไม่มีราวให้ยึดเหนี่ยว เดินแล้วมืออ่อนตีนอ่อน ยิ่งเห็นฝูงงูเป็นกลุ่ม ๆ ใต้สะพานยิ่งทำให้คนใจสั่นตีนคลอน

อรหันต์จี้กง   :  ใจเสาะเกินไปแล้ว ฉันจะให้ยา  "ยาคุมสติ"  3 เม็ดรีบกินเสีย  ไม่ต้องหน้าเขียวซีดเหงื่อโทรมกายหรอก ..... รีบลานายทหารผู้คุมสะพาน เรายังจะต้องเที่ยวชมแห่งอื่น ๆ อีก 

หยางเซิง   :  ขอบคุณท่านนายทหารที่ให้การแนะนำชี้แจง เนื่องจากเวลาจำกัด ไม่สามารถอยู่ได้นาน

นายทหาร   :  ขอนมัสการส่งท่านอาจารย์

อรหันต์จี้กง   :  เจ้าหยางเซิง รีบขึ้นนั่งบนดอกบัวเร็ว เราจะไปเยี่ยมชมแหล่งอื่น ๆ อีก

หยางเซิง   :  กระผมนั่งเรียบร้อยแล้ว เชิญท่านอาจารย์เริ่มออกเดินทางได้ .....

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                      เที่ยวเมืองนรก

                     ครั้งที่ 13  วันพุธที่ 10  พฤศจิกายน  พ.ศ. 2519

                         ตอน ท่องสะพานมรณะ (ไน้ฮ้อเกี้ย) และชมฟลอร์นรก   

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จลงตรัสเป็นกลอน มีความว่า   :
           
        ใต้สะพาน        มรณะ        วิญญาณเกลื่อน
เลือกทางเถื่อน         เลื่อนลงสู่    นรกกล
ทางที่ควร               ต้องบำเพ็ญ สู่มรรคผล
สร้างกุศล               เป็นโล่ป้อง   พ้นพิบัติ

อรหันต์จี้กง   :  ถึงแล้วละ ลงจากดอกบัวเร็ว ตรงหน้าคือ  "นรกฟลอร์เต้นรำ"  อันเป็นแหล่งใหม่ที่ตั้งขึ้นในแดนนรกขึ้นกับขุมที่สองโดยตรง

พัศดี   :  ขอนมัสการต้อนรับท่านอาจารย์กับพู่กันเอกหยางเซิง แห่งสำนักเซี้ยงเฮี้ยงตึ้ง ที่ได้มาเยือนถึงที่นี่ เมื่อครู่นี้ได้รับคำสั่งจากเจ้านายว่าท่านอาจารย์กับหยางเซิงจะมาเยี่ยมชมนรกแห่งนี้ เพื่อแต่งหนังสือเตือนชาวโลก เชิญท่านทั้งสองเข้าไปตรวจชมด้านใน

หยางเซิง   :  ขอขอบคุณท่านพัศดี ขอเรียนถามท่านว่า ไฉนภายในคุกจึงมีแสงสีชมพูเลือนราง และมีเสียงกระโดดโลดเต้นโหยหวนแหวกร้องด้วย

พัศดี   :  ผู้ที่ถูกขังอยู่ในคุกนี้ เป็นพวกพร์ตเน่อร์  นางรำ  ที่ชอบการเต้นรำในแดนมนุษย์  เชิญเข้าไปดูข้างใน ก็จะทราบดีโดยตลอด

หยางเซิง   :  ครับผม ! โอ้ !  ภายในมีหญิงชายแออัดไปหมดมีทั้งแก่หนุ่มชายหญิง แต่งกายภูมิฐานน่าชม ชุดสากลสง่างาม พวกหญิงสวาก็นุ่งผ้าโปร่งฉูดฉาดบาดตาและมีชาวต่างประเทศอยู่ไม่น้อย  แต่ละคนที่ได้เหยียบลงบนพื้นฟลอร์เท่านั้นหวีดร้องขึ้นทันที ทั้งกระโดดโลดเต้นไม่หยุดยั้ง ทั้งหญิงชายออกันเป็นกลุ่ม ขอเรียนถามท่านพัศดีว่า นี่เป็นการลงโทษชนิดใดมิทราบ ?.

พัศดี   :  บรรดาผู้ที่ประกอบอาชีพเป็นนางพาร์ตเนอร์  หรืออาศัยการเต้นรำหาความบันเทิงใจในโลกมนุษย์ เมื่อตายลงแล้วต้องถูกควบคุมตัวอยู่ในคุกนี้ เพื่อให้เขาได้ดื่มรสของฟลอร์เต้นรำอีกครั้งหนึ่ง แต่การมายังที่นี้ ไม่สามารถเสพสุขอย่างเอ้อระเหยลอยไปแบบลืมตัวลืมตน ที่นุ่มนิ่มสุขสวรรค์อีกแล้ว ฟลอร์ในคุกนรกนี้ทำด้วยแผ่นเหล็ก ถูกเผาจนแดงฉาน และเปล่งแสงร้อนแรง หญิงชายเหยียบลงก็จะเกิดความเจ็บปวดขึ้นทันที เลยมีอาการโดดโลดเต้นเป็นการใหญ่ อยู่ในแดนมนุษย์ชอบในทางนี้ เมื่อตายแล้วก็ได้รับการทบทวนอย่างไม่รู้เลือน ไม่สามารถลบเลือนจากหัวใจไป แต่ละคนตีนพองเป็นผื่นบวมเหมือนซาลาเปาไปหมด

หยางเซิง   :  ท่านพัศดีพูดมีเหตุผลมาก ตอนมีชีวิตอยู่ชอบเต้นรำ เมื่อตายแล้วก็ให้มันเต้นให้สบาย  "ตาย"  ไปเลย  หากแต่ว่ากระแสแห่งกาลสมัยมันต่างกันเสียแล้ว การเต้นรำก็มิใช่ว่าเป็นสิ่งเลวร้ายเสียทั้งหมด มันมีคุณค่าส่งเสริมให้จิตใจร่างกายเจริญแข็งแรง  ถ้าผู้เต้นรำแล้วต้องมาถูกทำโทษในแดนนรกอย่างทรมานแล้ว จะถือว่ากฏแห่งยมโลกจะผิดเพี้ยนหรือไม่หนอ ?.

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                       เที่ยวเมืองนรก

                     ครั้งที่ 13  วันพุธที่ 10  พฤศจิกายน  พ.ศ. 2519

                         ตอน ท่องสะพานมรณะ (ไน้ฮ้อเกี้ย) และชมฟลอร์นรก   

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จลงตรัสเป็นกลอน มีความว่า   :
           
        ใต้สะพาน        มรณะ        วิญญาณเกลื่อน
เลือกทางเถื่อน         เลื่อนลงสู่    นรกกล
ทางที่ควร               ต้องบำเพ็ญ สู่มรรคผล
สร้างกุศล               เป็นโล่ป้อง   พ้นพิบัติ

พัศดี   :  ข้าพเจ้าจะอธิบายโดยละเอียดให้ทราบ ผู้ที่มารับการลงโทษอยู่ที่นี่ ก็ไม่เชิงในจำนวนทั้งหมดของผู้ที่ชอบเต้นรำหรอก ที่ถูกลงโทษในแดนนรกนั้น เป็นพวกที่อาศัยเสพสุขจากการเต้นรำในแดนมนุษย์โดยไม่ใช่เพื่อการออกกำลังกาย แต่เป็นการลุ่มหลงในกาม ฝ่ายหญิงก็เป็นสาวสังคมให้เขารัดกอดโดยไม่เลือกหน้า เพื่อจะได้มาซึ่งเงินทอง เมื่อเลิกจากเต้นรำแล้ว ก็ถูกหิ้วออกไปดำเนินการทางเพศอีก หรือผู้ที่ไม่เชื่อฟังการสั่งสอนของพ่อแม่เมื่อตอนอยู่ในโลกมนุษย์ ไม่ไปสถานที่ถูกต้องตามทำนองครองธรรมที่ให้คุณประโยชน์แก่จิตใจ ร่างกายแห่งการร่ายรำต่าง ๆ ที่รักชอบการเต้นรำ มักมากในกาม ไม่รักนวลสงวนตัว หากที่เต้นไปนั้นเป็นการทำให้เนื้อเอ็นไขข้อเกิดการเคลื่อนไหว ซึ่งเป็นการเต้นที่ถูกต้องมีประโยชน์ต่อจิตใจ ร่างกาย พวกเหล่านี้แดนนรกนี้จะไม่ลงโทษ ที่ถูกตัดสินให้ตกลงมาแดนนรกนี้ เป็นผู้ที่ทำการซื้อขายในเรื่องกาม  เป็นที่เสื่อมเสียประเพณีเป็นที่ตั้ง จึงขอเตือนชาวโลกให้ใช้พลังทรัพย์ในทางบันเทิงที่ถูกทำนองคลองธรรม มิเช่นนั้นตายลงแล้วต้องมารับความทรมานใน  "ฟลอร์นรก"

หยางเซิง   :  พูดอย่างนี้จึงสมเหตุสมผล มิเช่นนั้นกาลสมัยมันเปลี่ยนแปลง มีทั้งแบบนิยมใหม่จากต่างประเทศ ประเทษเรามีศีลประจำชาติ แห่งการออกกำลังกายดำเเนินการอยู่ ชาวต่างประเทศก็ใช้การเต้นรำเป็นการเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรง โดยถือเป็นการกีฬา แต่ดำเนินการในทางยั่วยวน

อรหันต์จี้กง   :  คืนนี้เวลาหมดลง เราศิษย์ - อาจารย์กลับสำนักเถอะ ขอขอบคุณท่านพัศดีที่ได้ให้ความชี้แจงอธิบาย หยางเซิงขึ้นบนดอกบัวเร็ว

หยางเซิง   :  ขอรับกระผม  ขอบคุณท่านพัศดีมาก กระผมนั่งเรียบร้อยแล้ว

อรหันต์จี้กง   :  เริ่มเดินทางกลับสำนัก ... ถึงแล้วสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้ง หยางเซิงลงจากดอกบัว วิญญาณกลับเข้าสู่ร่างเดิม

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                        เที่ยวเมืองนรก

                     ครั้งที่ 14  วันเสาร์ที่ 20  พฤศจิกายน  พ.ศ. 2519

                         ตอน ท่องสระน้ำแข็งนรกน้อย   

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จลงตรัสเป็นกลอน มีความว่า   :

        ลมหนาวโกรก        ซาบซ่าน        เหน็บกระดูก
บาปบุญปลูก                 เปรียบเสมือน   สนหินเกย
ขุนเขาเขียว                   หิมะโปรย       เปลี่ยนขาวเลย
ต้นไผ่ - เหมย                ยืนตระหง่าน    บ่หวั่นไหว

อรหันต์จี้กง   :  ฤดูใบไม้ร่วงค่อย ๆ จากไป ฤดูหนาวก็ต่อเนื่องเข้ามาอากาศเปลียนแปลงมากหลาย ชาวโลกเกิดการเจ็บป่วยขึ้นเป็นเนืองนิตย์ ก็เพราะเหตุว่าไม่สามารถปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของอากาศ วันนี้ฉันจะพาหยางเซิงท่อง  "นรกน้ำแข็ง"  มาเจอกับลมหนาวโกรกโชยหนาวจับกระดูกนี้อีก มิรู้ว่าหยางเซิงจะทนไหวหรือไฉน ?.

หยางเซิง   :   ท่านอาจารย์ครับ !  ผมเพิ่งหายจากเป็นหวัด วันนี้อากาศก็หนาวจัดอย่างนี้ ผมว่าวันอื่นค่อยไป  "นรกน้ำแข็ง"  กันเถิด ไปเที่ยวชมแห่งอื่นก่อนนะครับ  มิทราบว่าท่านอาจารย์มีความเห็นประการใด ?.

อรหันต์จี้กง   :  เป็นไปได้อย่างไร ?. ได้สั่งให้จัดการท่องชม  "นรกน้ำแข็ง"  ไปแล้ว จะเกิดการเปลี่ยนแปลงกลางคันไม่ได้ หากว่ากลัวทนต่อความหนาวไม่ไหว ข้าจะให้  "ยาวิเศษอุ่นกาย  บำรุงใจ"  3 เม็ด กินเข้าไปเร็ว อย่าได้ประวิงเสียเวลา

หยางเซิง   :  ขอขอบคุณท่านอาจารย์ประทานยาทิพย์ ผมกลืนลงแล้ว โอย !  รู้สึกร้อนไปทั่วกาย ความหนาวหายไปโดยสิ้นเชิงไม่เหลือหลอ

อรหันต์จี้กง   :  รีบขึ้นบนดอกบัวเร็ว

หยางเซิง   :  กระผมนั่งเรียบร้อยแล้ว

อรหันต์จี้กง   :  ถึงแล้วละ ลงจากดอกบัวเร็ว

หยางเซิง   :  เบื้องหน้าไฉนจึงไม่มีร่องรอยคนแม้แต่นิดเดียว ?. เพียงเห็นแต่ขาวโพลนไปหมดทั่วภูเขาราวกับว่าหิมะตก ไม่เห็นมีเมฆไม้ที่เขียวชอุ่มเลยมีแต่ซากไม้ ซากกิ่งอยู่โหรงเหรง ที่นี้หรือที่ใดมิทราบ ?.

อรหันต์จี้กง   :  ที่นี้ใกล้ชิดกับ  "นรกน้ำแข็ง"  ภูเขานี้ได้รับความเย็นจากน้ำแข็งที่เย็นจัด มีหิมะตกตลอดปี จึงหนาวจัดผิดปรกติ เรามิได้เดินทางในยมโลก ฉะนั้นจึงไม่เห็นวี่แววของผู้คน เพราะว่านั่งอยู่บนดอกบัว เป็นการเหาะเหินเดินอากาศ เจ้าตามฉันเดินเลียบตามเชิงเขาข้างซ้าย ก็จะบรรจบถึง  "นรกน้ำแข็ง" 

หยางเซิง   :  สถานที่เปล่าเปลี่ยนเช่นนี้ปราศจากถนนหนทาง ต้นไม้ต้นไร่ล้วนถูกความหนาวครอบตายจนหมด ปรากฏเป็นภาพตายซากเดียวดาย ยิ่งใกล้เข้ายิ่งรู้สึกหนาวเย็นจับใจ ชะรอยยาทิพย์ 3 เม็ดนั้นจะค่อยเสื่อมพลังยาลงแล้วกระมัง ?.   

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                         เที่ยวเมืองนรก

                     ครั้งที่ 14  วันเสาร์ที่ 20  พฤศจิกายน  พ.ศ. 2519

                         ตอน ท่องสระน้ำแข็งนรกน้อย   

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จลงตรัสเป็นกลอน มีความว่า   :

        ลมหนาวโกรก        ซาบซ่าน        เหน็บกระดูก
บาปบุญปลูก                 เปรียบเสมือน   สนหินเกย
ขุนเขาเขียว                   หิมะโปรย       เปลี่ยนขาวเลย
ต้นไผ่ - เหมย                ยืนตระหง่าน    บ่หวั่นไหว

อรหันต์จี้กง   :  พลังยามิได้เสื่อมคลายลง เป็นเพราะยาทิพย์เกิดการหมุนเวียนของกำลังยา สักครู่จะเกิดความอบอุ่นไปทั่วตัว 3 วันเต็ม ๆ ยังไม่เสื่อมคลาย เจ้าจงวางใจได้ ฉันจะไม่ปล่อยให้เจ้าหนาวตายดอก

หยางเซิง   :  ข้างหน้ามีบ้านช่องอยู่แถวหนึ่ง ล้วนสร้างด้วยไม้ทาด้วยสีดำ บนหลังคายังมีหิมะปกคลุม หน้าบ้านมีเสาไม้ 2 อันตั้งโด่งอยู่ มีไม้อันหนึ่งแขวนอยู่ตรงกลาง บนนั้นเขียนว่า  "นรกน้ำแข็ง"  ข้างหน้าคุกนรกมีทางเล็กอยู่ทางหนึ่งตรงเข้าไปในบ้าน ไฉนการตกแต่งจึงซอมซ่อสิ้นดี ?.

อรหันต์จี้กง   :  เพราะเหตุว่าคุกนี้ถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็ง วิญญาณโทษล้วนถูกแช่จนแข็งกระด้างไปหมด ไม่สามารถหลบหนีได้ การตกแต่งก็เลยทำอย่างลวก ๆ

หยางเซิง   :  บนถนนมียมทูต 2 - 3 คนคุมตัวหญิงชายสิบกว่าคน มิทราบว่าไปรับการลงโทษที่คุกนั้นหรือไฉน ?.

อรหันต์จี้กง   :  ใช่แล้ว พัศดีกับนายทหารเดินมาอยู่ข้างหน้าแล้ว เจ้าหยางเซิงเตรียมการเข้าพบแสดงความคารวะ

หยางเซิง   :  ขอแสดงความคารวะต่อท่านพัศดีกับนายทหาร  เราทั้งสองได้รับเทวโองการท่องนรก ขอได้โปรดชี้แจงอธิบายด้วยเถิด

พัศดี   :  ท่านอาจารย์และหยางเซิงจงอย่าได้มีพิธีคารวะเลย เมื่อครู่นี้ได้รับคำสั่งจากเจ้าฉอกังอ๊วง ทราบว่าท่านอาจารย์และหยางเซิงแห่งสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้งเมืองมนุษย์จะมาเยี่ยมชมคุกนรกแห่งนี้ นำเอาความจริงไปตีพิมพ์ใน  "เที่ยวเมืองนรก"  เพื่อกระตุ้นเตือนกอบกู้ช่วยชาวโลก เชิญท่านทั้งสองตามข้าพเจ้าเข้าไปปตรวจชมข้างใน

หยางเซิง   :  ขอบคุณมาก .....

อรหันต์จี้กง   :  เราจะเข้าไปชมดูใน  "นรกน้ำแข็ง"  โดยตรงไม่ต้องเข้าไปในบ้านละ

พัศดี   :  ก็ดีครับ

หยางเซิง   :  "สระน้ำแข็งนรก"  อยู่ในท่ามกลางระหว่างภูเขา  2 ลูก ภายในคล้ายกับสระว่ายน้ำของแดนมนุษย์ แบ่งออกเป็นหลายพันบ่อ มองจากทางไกลไม่สู้แจ่มชัดนัก ภายในสระมีทั้งหญิงและชาย บนกายนุ่งใส่เสื้อชั้นในเท่านั้น ท่อนล่างของร่างกายส่วนมากมองไม่เห็น ถูกล้อมรอบด้วยน้ำแข็งทุกคนมีสีหน้าเขียวอื้อ ริมฝีปากดำมือไม้สั่นเทา ไม่สามารถแม้จะส่งเสียงร่ำร้อง เพียงแต่ครวญครางอย่างหมดเรี่ยวหมดแรง ผู้เฒ่า 2 คนที่อยู่ต่อหน้านั้น ใช้สายตาวิงวอนเพ่งมายังกระผม ประหนึ่งว่ามีอะไรจะพูดด้วย ขอเรียนถามท่านอาจารย์ว่า จะช่วยกู้มันขึ้นมาเพื่อพ้นจากความทรมานด้วยการถูกแช่น้ำแข็งจะได้ไหม?.

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                                       เที่ยวเมืองนรก

                     ครั้งที่ 14  วันเสาร์ที่ 20  พฤศจิกายน  พ.ศ. 2519

                         ตอน ท่องสระน้ำแข็งนรกน้อย   

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จลงตรัสเป็นกลอน มีความว่า   :

        ลมหนาวโกรก        ซาบซ่าน        เหน็บกระดูก
บาปบุญปลูก                 เปรียบเสมือน   สนหินเกย
ขุนเขาเขียว                   หิมะโปรย       เปลี่ยนขาวเลย
ต้นไผ่ - เหมย                ยืนตระหง่าน    บ่หวั่นไหว

พัศดี   :  ข้าพเจ้าจะให้วิญญาณโทษ 2 - 3 ตนขึ้นมาบนฝั่ง ท่านถามได้เลย

หยางเซิง   :  ดีซีครับ ขอถามผู้เฒ่าผู้นี้  ท่านรู้สึกรสชาติที่อยู่ที่นี้เป็นอย่างไรบ้าง ?.

วิญญาณโทษ   :  น้ำแข็งมืดฟ้ามัวดิน เสื้อผ้าแบบบางนุ่งเพียงกางเกงชั้นใน กระผมไม่มีเรี่ยวแรงที่จะพูดได้แล้ว ทั่วกายจากศรีษะจนถึงปลายมือปลายเท้าหนาวจนแข็งทื่อหมด ใกล้จะวายปราน .....

พัศดี   :  นายทหาร รีบเอาน้ำขิงมาให้มันกินเสียเพื่อช่วยเพิ่มพลังกายกำลังวังชา

นายทหาร   :  กินเข้าเร็ว แล้วจงสารภาพรายละเอียดที่เจ้าได้ทำบาปอย่างไรในแดนมนุษย์ทั้งหมดมา เพื่อลงตีพิมพ์ในหนังสือปลอบกล่อมช่วยกอบกู้ผู้คนอย่าได้เอาแบบอย่างของเจ้า จะได้มิต้องตกลงคุกนรกนี้เมื่อหลังจากตายแล้ว

วิญญาณโทษ   :  ขณะที่กระผมอยู่ในโลกมนุษย์ ชอบในการสะสมแสตมป์และเหรียญตราโบราณต่าง ๆ ตอนมีอายุได้ 45 ปี ได้รู้จักเพื่อนคนหนึ่งที่มีรสนิยมตรงกัน เราทั้งสองในยามว่างก็มีการสังสรรค์ดื่มน้ำชากัน สนิทสนมราวกับเป็นพี่น้องร่วมสาบาน อยู่มาวันหนึ่ง เราจะออกเดินทางไกลไปต่างประเทศโดยเกรงว่าพวกแสตมป์และเหรียญโบราณที่มีราคาค่างวดแสนแพงซึ่งตนสะสมอยู่นั้นถูกขโมยจึงได้ไปฝากไว้กับกระผม เพราะว่ากระผมเกิดความละโมบขึ้นมาในชั่วขณะหนึ่ง  จึงยักย้ายเอาของที่ฝากไว้นั้นไปยังแหล่งอื่น ต่อเมื่อเขาได้กลับมาแล้วทวงถามเอาสิ่งของที่ได้ฝากไว้คืน กระผมบอกเขาไปว่า "ต้องขอโทษเป็นอย่างยิ่ง เมื่อครึ่งเดือนก่อนที่ผ่านมานี้โดยขโมยขึ้นบ้านพลอยทำให้ของวัตถุโบราณที่มีราคาแพงทั้งหมด ถูกขนไปจนหมดเกลี้ยง"  เพื่อนผู้สนิทได้ยินแล้วจึงเจ็บซ้ำน้ำใจอาลัยอาวรณ์อย่างสุดซึ้ง ในเมื่อถูกขโมยเอาไปแล้วก็ไม่มีทางที่จะเอาคืนมาได้ ก็เลยตามเลย ตอนกระผมมีอายุได้  59 ปีเกิดเป็นมะเร็งในตับ เมื่อตายแล้ววิญญาณล่องลอยมายังยมโลก หารู้ไม่ว่ายมโลกได้มีการบันทึกข้อมูลความฉ้อฉลในทางปรพฤติชั่วของกระผมอยู่ก่อนแล้ว เมื่อผ่านการฉายปรากฏร่างเดิมต่อหน้ากระจกวิเศษแล้วในที่สุดก็ต้องก้มหน้ารับสารภาพผิด โดยถูกเจ้ายมบาลขุมที่สองตัดสันให้เข้ามาอยู่ใน  "แดนนรกสระน้ำแข็ง"  มีกำหนดโทษ 5 ปี  แต่ละวันถูกปิดทับด้วยน้ำแข็ง ตัวเย็นเนื้อแข็งแสนที่จะทรมาน จะสำนึกตัวได้มันก็สายเกินไปเสียแล้ว ขอท่านได้โปรดขอความกรุณาต่อพัศดีให้แก่กระผมด้วย ขอให้ยกโทษกระผมเสียเพื่อพ้นทุกข์ไปก่อนกำหนดจะได้ไหม ?.

หยางเซิง   :  ขอท่านพัศดีลดโทษให้เล็กน้อยจะได้หรือไ่ม่ประการใด ?.

 

มหาปณิธาน

พระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ (地藏王菩薩)

มหาปณิธานพระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ (地藏王菩薩)

“...เพื่อหมู่สัตว์ทั้งหกภูมิผู้มีบาปทุกข์ ข้าพเจ้าจะใช้วิธีการต่างๆ ช่วยให้หลุดพ้นจนหมดสิ้น แล้วตัวข้าพเจ้าจึงจะสำเร็จพระพุทธมรรค”