collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: ท่องนรก  (อ่าน 72380 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                    เที่ยวเมืองนรก

                   ครั้งที่ 10 วันอังคารที่ 19 ตุลาคม พ.ศ 2519

                                         ขุมที่ 2

                    ตอน สนทนากับเจ้ายมบาล ขุมที่ 2 "ฉอกังอ๊วง"

                                และเยี่ยมชมโรงแสดงธรรม 

ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จและตรัสเป็นกลอน มีความว่า  : 

        ทั้งสามโลก             ช่วยกอบกู้             เทพผีคน
เครื่องกล                        ในนรก                  ทันสมัย
แม้มนุษย์                        คิดสร้างสม            ห้องลับใน
หาพ้นไม่                        ทิพยเนตร              ราตรีกาล

พระโพธิสัตว์   :  บัดนี้จะเริ่มบรรยายธรรม  " มนุษย์จากบุพกาลมาจนถึงทุกวันนี้ ตาย ๆ เกิด ๆ แม้ว่ารูปร่างตายไปแต่ดวงวิญญาณนั้นไม่ดับสูญ  วิญญาณของพวกเธอทั้งหลายที่ได้มาที่นี้ ในวันนี้ ยังไม่ปลง ภาพหลอกของตัวตนซึ่งเป็นของปลอม จิตใจที่ปราดเปรื่องนั้นจึงเป็นของจริง ทุกรูปนามยากที่จะสลัดความรัก ความใคร่  ไม่ดับกิเลสโกรธหลง  ควรตระหนักภาพในโลกมนุษย์คือความฝัน เหตุผลก่อให้เกิดเป็นญาติโยมหมุนเวียนตอบสนองกัน หักลบกันไป ไม่ควรลุ่มหลงงมงาย ไม่คิดปลง หากว่ายังไม่เลิกความคิดนั้น จิตใจแห่งปุถุชนก็ไม่ดับสูญ เวียนว่ายตายเกิดไม่มีที่สิ้นสุด ปัจจุบันนี้โลกเจริญขึ้น แต่ในมนุษย์ไม่เจริญเหมือนคนโบราณ ฐานปัญญาแห่งดวงวิญญาณอ่อนตื้น ทารกเกิดมาเฉลียวฉลาด แม้ว่าพรสวรรค์จะประทานให้ตั้งแต่แรกเริ่ม แต่เมื่อเทียนไขต้องลมอยู่นานไม่ได้ ดังนั้น วิญญาณที่เจนจัดมาเกิด วิญญาณเดิมที่ดีนั้นสูญหายไป จึงใช้ความชาญฉลาดของตนทำการตัดสิน ไม่เจริญรอยตามรัศมีธรรม ก่อกรรมทำเข็ญ การกระทำที่ขัดต่อศีลธรรมปรากฏอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เลยทำให้โลกมนุษย์ยุ่งเหยิง ศักดิ์ศรีแห่งตนก็ทลายลง พวกเธอก็จะตกลงในเหวลึก แม้เนื้อหนังมังสาจะสูญสิ้น กรรมเวรนั้นติดกาย ควรสังวร เงาตามตัวคน จงอย่าคิดว่าเมื่อไม่มีแสงเงาก็ไม่ปรากฏ ความนึกคิดแต่ละครั้งกลไกแห่งจิตใจก็จะเกิดการปฏิบัติก่อเวรกรรม ๆ ติดกายทันที  ขณะที่ตกลงในนรกยังมีความสำนึกในเรื่องผิดชอบหลงเหลืออยู่ รู้ตัวว่าผิดแล้วควรชำระสะสางบาป บัดนี้ ฉันขอให้พวกเธอสำนึกตัวรับการลงโทษให้มาก ๆ หน่อย จะได้หมดเวรหมดกรรม อดทนต่อความทรมาน อดกลั้นใจที่โกรธแค้น แล้วฉันจะมาช่วยเหลือกอบกู้ให้ตลอดรอดฝั่งเอง"  การบรรยายจบลง

พระอรหันต์จี้กง   :  รีบกราบส่งเสด็จเร็ว

หยางเซิง   :  ขอรับกระผม ขอบพระคุณท่านพระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิมที่ได้ตรัสวาจาสั่งสอน ... วิญญาณผีทั้งหลายล้วนก้มลงกราบส่งเสด็จ มีจำนวนมากที่ร่ำไห้ด้วยความสะเทือนใจ หลังได้รับคำสั่งสอนแล้ว

อรหันต์จี้กง   :  ท่านพระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิมอาวรณ์พวกวิญญาณผี ตรัสวาจาสั่งสอนปรอบเตือน เป็นการแผ่กุศลที่เที่ยงแท้ใหญ่หลวง หวังสัตว์โลกทั้งพิภพจะรู้สำนึก ถ้าผู้ที่ยังอยู่ในร่างมนุษย์ไม่รีบบำเพ็ญธรรม ตายแล้วจะตกนรกรับการทรมานแล้วถึงจะฝึกฝนอบรมใหม่ก็ค่อนข้างจะยากลำบากกว่ากันเวลาจำกัด เจ้าหยางเซิงเตรียมตัวกลับ

นายพล   :  มีสิ่งใดบกพร่อง ขอท่านอาจารย์กับท่านหยางเซิง โปรดให้อภัยด้วย

หยางเซิง   :  ที่ไหนได้ ข้าพเจ้าเป็นชาวปุถุชนไม่กล้าใช้คำให้อภัยนั่นเป็นการลำเลิกมากไปแล้วล่ะ ขอเรียนถามท่านอาจารย์อีกสักนิดหนึ่ง ว่านรกแต่ละขุมล้วนมีโรงแสดงธรรมประกอบอยู่ด้วย ในที่สุดวิญญาณจะหมดโทษ และสำเร็จธรรม

อรหันต์จี้กง   :  โรงแสดงธรรมของทุกขุมล้วนเป็นชั้นประถมทั้งนั้น เมื่อผ่านการทดสอบวิญญาณโทษที่มีความเข้าใจ สำนึกตัวตื้นลึกหนาบางขั้นไหนแล้วจะมีสำนักบำเพ็ญธรรมชั้นสูงอีกต่อหนึ่ง ให้พวกเขาฝึกฝนบำเพ็ญต่อไป ขณะนี้อย่าได้ถามเรื่องเหล่านี้อีกเลย เวลาดึกมากแล้วรีบขึ้นดอกบัวเร็ว เตรียมกลับสำนัก ขอขอบคุณท่านนายพลที่ให้การต้อนรับ  สำนักเซี้ยเฮี้ยตึ้งถึงแล้ว  หยางเซิงลงจากดอกบัว วิญญาณกลับเข้าร่างดังเดิม

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                      เที่ยวเมืองนรก

                     ครั้งที่ 11  วันจันทร์ที่ 25  ตุลาคม พ.ศ. 2519

                         ตอน ท่องนรกย่อยตมอุจจาระ - ปัสสาวะ     

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จลงตรัสเป็นกลอน มีความว่า

        สันติกร        พลิกหน้า        อ่านพระธรรม
จิตดื่มด่ำ              รสพระธรรม      ไร้ยาพิษ
ฝุ่นโคลนตม           บ่เคล้า           ปทุมทิพย์
พุทธพิชิต              หลุดพ้น          การเกิด - ตาย

อรหันต์จี้กง   :  การเกิดหรือตายเป็นเรื่องใหญ่ของมนุษย์ แต่ว่ามนุษย์นั้นหนีไม่พ้นการเกิด - ตาย  "จังจื้อ" (ปราชญ์จีนโบราณ ผู้ได้สำเร็จเป็นเทวดา) กล่าวไว้ว่า  "ฉันเองไม่อยากเกิด ฉับพลันก็เกิดมา ฉันเองไม่อยากตาย ฉับพลันความตายก็มาถึง"  เห็นได้ว่ามนุษย์ไม่สามารถกำหนดการเกิด - ตายได้ แต่ก็ไม่เชิงนักที่คนไม่สามารถกำเนิดการเกิด - ตาย  ก็เพราะเหตุว่าชาวโลกไม่ทราบซึ้งถึงความเป็นแห่งการเกิด - ตาย  เกิดขึ้นมาจากไหน ?.  ตายแล้วไปทางใด ?.  เมื่อไม่รู้แล้วก็ต้องรับการควบคุมจากยมบาล ที่เรียกว่า  "ยมบาลกำหนดให้ตายในเวลาเที่ยงคืน จึงไม่สามารถมีชีวิตจนถึงอรุณ"  ขณะนี้กำลังอยู่ในเทศกาลช่วยวิญญาณต่าง ๆ ถ้ามนุษย์สามารถจดจำหลักธรรมที่แท้จริงกลับคืนสู่ดั้งเดิม เข้าสู่ทางธรรมโดยทั่วหน้ากัน บำเพ็ญตัวและจิตใจ ดวงวิญญาณก็จะหลีกเลี่ยงความตาย อยู่ยงงคงกระพัน ได้ไม่ต้องตกไปทางเวียนว่ายตายเกิดกันอีก มวลมนุษย์ควรที่จะถนอมรักตนเองที่เกิดมาเป็นมนุษย์และอยู่ในเมืองมนุษย์ในยามนี้ สำนึกตัวรู้จักบำเพ็ญธรรมก็ยังไม่สายเกินไป เจ้าหยางเซิงเตรียมท่องนรกได้

หยางเซิง   :  ครับ ครับ  ท่านอาจารย์ไม่หวั่นต่อความยากลำบาก พร่ำอบรมสั่งสอนมวลชน รู้สึกซาบซึ้งใจเป็นยิ่งนัก

อรหันต์จี้กง   :  การช่วยเหลือกอบกู้คนให้ตลอดรอดฝั่ง เป็นหน้าที่ของข้าฯ โดยตรง พระพุทธ เทวดาแผ่เมตตา ก็คือช่วยแก้ทุกข์กอบกู้ชาวมนุษย์อยู่แล้วรีบขึ้นบนดอกบัวเร็ว

หยางเซิง   :  กระผมนั่งเรียบร้อยแล้ว เริ่มได้แล้วครับ

อรหันต์จี้กง   :  ถึงขุมที่ 2 แล้ว ลงจากดอกบัวเร็ว

หยางเซิง   :  ไฉนวันนี้จึงมาที่นี่อีก ?.

อรหันต์จี้กง   :  ไปทำการคารวะท่านยมบาล  "ฉอกังอ๊วง"  ก่อนเถิด แล้วค่อยตรวจชมแดนต่าง ๆ

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                    เที่ยวเมืองนรก

                     ครั้งที่ 11  วันจันทร์ที่ 25  ตุลาคม พ.ศ. 2519

                         ตอน ท่องนรกย่อยตมอุจจาระ - ปัสสาวะ     

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จลงตรัสเป็นกลอน มีความว่า

        สันติกร        พลิกหน้า        อ่านพระธรรม
จิตดื่มด่ำ              รสพระธรรม      ไร้ยาพิษ
ฝุ่นโคลนตม           บ่เคล้า           ปทุมทิพย์
พุทธพิชิต              หลุดพ้น          การเกิด - ตาย

หยางเซิง   :  ท่านยมบาลออกมาอยู่ที่หน้าปราสาทแล้ว เราเข้าไปกันเถิด ... คำนับมายังท่านฉอกังอ๊วง และยมทูตทั้งหลาย

ฉอกังอ๊วง   :  มิต้อง ... ลุกขึ้นเร็ว เชิญท่านอาจารย์กับหยางเซิง เข้ามาพักในปราสาทก่อน

อรหันต์จี้กง   :  เนื่องด้วยเวลาจำกัด อาตมาว่าไม่ต้้องพักแล้วละ พาหยางเซิงชมนรกแดนลงทัณฑ์กันก่อนก็แล้วกัน

ฉอกังอ๊วง   :  ก็ดีเหมือนกัน นายพลนำท่านอาจารย์กับหยางเซิงไปชมดูได้

นายพล   :  ขอรับคำบัญชา ท่านทั้งสองเชิญเดินตามข้าพเจ้ามา

หยางเซิง   :  สถานที่นี่ไฉนจึงมีกลิ่นเหม็นมากนัก กลิ่นมันคล้ายกลิ่นของปัสสาวะอุจจาระ

นายพล   :  ข้างหน้าคือ  "แดนนรกตมอุจจาระปัสสาวะ"  ฉะนั้น กลิ่นไอที่นี่จึงไม่สู้ดีนัก ขออภัยด้วย

หยางเซิง   :  กลิ่นนั้นเหม็นยิ่งนัก รู้สึกการหายใจจะลำบากขึ้น ท่านอาจารย์ครับกระผมทนไม่ไหวแล้ว ! 

อรหันต์จี้กง   :  ไม่ต้องกลัว ฉันมีของวิเศษ เจ้ารีบรับไปเร็ว

หยางเซิง   :  สิ่งนี้เป็นวัตถุอะไรนะ ?.

อรหันต์จี้กง   :  ที่กรองอากาศละอองผง เจ้ารีบสวมเข้าไปเร็ว อากาศจะสดชื่นขึ้นเอง ไม่ว่ากลิ่นเหม็นใด ๆ ก็จะอันตรธานหายไปหมด

หยางเซิง   :  ใช้การได้ดีจริง ๆ เป็นความจริงที่กลิ่นเหม็นเหล่านั้นสูญหหายไปแล้ว  อ้อ !  ข้างหน้ามีไม้กระดานแผ่นหนึ่งตั้งไว้ ด้านบนเขียนตัวอักษรว่า "นรกแดนอุจจาระ - ปัสสาวะ"  ภายในนั้นมีเสียงร่ำไห้คร่ำครวญน่าเวทนา หัวคนผลุบโผล่ดูสลอน มือสองข้างก็แหวกว่ายไปมาราวกับว่ากำลังไหว้น้ำ

นายพล   :  อันนี้แหละคือ  "นรกแดนอุจจาระ - ปัสสาวะ"  เราขึ้นหน้าไปดูแล้วกัน

หยางเซิง   :  ครับผม ท่านอาจารย์ครับ ท่านไม่ได้กลิ่นเหม็นบ้างเลยหรือครับ 

อรหันต์จี้กง   :  ไม่มีกลิ่น ข้าฯสำเร็จเป็นอรหันต์แล้วสิ่งสกปรกเช่นนี้ อาตมาเห็นแล้วแต่กลับไม่ได้เห็น ได้กลิ่นแต่มิได้สัมผัสกับจมูก ผิดกับเจ้าซึ่งเป็นปุถุชน เมื่อเห็นรูป รส กลิ่น เสียง ก็ถูกมอมเมาหลงไหลแล้ว

หยางเซิง   :  บ่อน้ำนี้กว้างใหญ่มากเหมือนทะเล  ไม่เห็นฝากเห็นฝั่ง ภายในนั้นมีทั้งหญิงชายแก่หนุ่ม ในบ่อมีอุจจาระเป็นทาง ๆ กับน้ำปัสสาวะทั้งนั้น คนเหล่านั้นผลุบโผล่เรียกร้อง พออ้าปากก็กลืนอุจจาระ - ปัสสาวะเข้าไป รู้สึกขยะแขยงใจยิ่ง ท่านอาจารย์ครับ กระผมจะอาเจียน 

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                      เที่ยวเมืองนรก

                     ครั้งที่ 11  วันจันทร์ที่ 25  ตุลาคม พ.ศ. 2519

                         ตอน ท่องนรกย่อยตมอุจจาระ - ปัสสาวะ     

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จลงตรัสเป็นกลอน มีความว่า

        สันติกร        พลิกหน้า        อ่านพระธรรม
จิตดื่มด่ำ              รสพระธรรม      ไร้ยาพิษ
ฝุ่นโคลนตม           บ่เคล้า           ปทุมทิพย์
พุทธพิชิต              หลุดพ้น          การเกิด - ตาย

อรหันต์จี้กง   :  ทำใจให้มั่นคง อย่าให้สิ่งสกปรกมารบกวนบั่นทอนจิตใจเลย

หยางเซิง   :  กระผมทนไม่ไหวจริง ๆ ขอถามท่านนายพลว่า พวกนั้นความจริงแล้วได้ทำความผิดประเภทไหน ?. ไฉนจึงตัดสินให้มารับโทษยังที่นี้?.

นายพล   :  บรรดาหญิ.โสเภณีในแดนมนุษย์ เมื่อครั้งมีชีวิตอยู่ ขายตัวหาเงินสกปรก หรือผู้ที่หลอกลวงผู้หญิงคนดี ๆ ไปขายซ่อง  บังคับให้ขายทั้งร่างกายและจิตใจ หรือผู้ที่มีอาชีพทางขนของเถื่อนหนีภาษี หรือผู้ที่ชอบกิน  "รก"  (เยื่อที่หุ้มห่อตัวเด็กเพิ่งเกิดออกใหม่ ๆ ) เพื่อบำรุงตน หรือในขณะมีชีวิตอยู่ตีนยังไม่ยันพื้น ทำการงานโดยวิธีโกหกหลอกลวงเงินทองของชาวบ้าน หรือผู้ที่ชอบเที่ยวหญิงโสเภณี มั่วโลกีย์มักมากในกาม  บ้างก็เป็นมือปืนในแดนมนุษย์ ทำแบบเกลือจิ้มเกลือ (หันหลังกัน)  บ้างก็เรียกหุ้นเล่นแชร์แล้วล้มมันเสีย  และทำการค้าแล้วเจตนาล้มเพื่อฮุบเงิน  บ้างก็เป็นข้าราชการผู้คอรัปชั่น  เรียกร้องเอาเปอร์เซ็นต์   บ้างก็รับเหมาก่อสร้าง แล้วลักทอนวัสดุและแรงงาน  เพราะเหตุว่าเขาเหล่านั้นมีจิตใจร่างกายสกปรกหรือติดยาเสพติด  ปากไม่สะอาดพอในมนุษยโลก  เมื่อตายลงแล้วก็ตกมายังที่นี่ ให้ชิมสัมผัสกลิ่นรสชนิดนี้ วิญญาณผีที่อยู่ในแดนนรกนี้แสนที่จะทรมาน  การหายใจเข้าออกแต่ละที ล้วนเป็นรสของอุจจาะร - ปัสสาวะ  พออ้าปาก ของสกปรกเป็นกองก็หลุดเข้าไปในท้องในใส้  ทั้งหิวทั้งกระหาย  จะกินก็ไม่มีอะไรให้กิน มันอยู่ในแดนมนุษย์ล้วนกินของสกปรกยังชีพดังนั้นต้องตกนรกรับการสนองตอบสาสมแก่โทษแล้ว เพราะเหตุว่าอุจจาระ - ปัสสาวะ เหลวเป็นโคลนตม เมื่อยิ่งดิ้น ก็ยิ่งจมลง

หยางเซิง   :  น่าสงสารมาก โลกมนุษย์ทุกวันนี้กลายเป็นบ่ออุจจาระเสียแล้ว  พอมีกลิ่นเหม็นเพียงเล็กน้อย ก็ใช้กรดเกลือล้างทำลาย ผู้ที่มั่งมีก็ใช้น้ำหอมพ่นใส่ แต่หากว่าเงินทองที่ได้มาโดยไม่สะอาด ร่างกายแม้จะสวยงามน่าชม แต่ในใจเหมือนราวกับอุจจาระ - ปัสสาวะ  ก็ต้องตกลงมายังนรกนี้ พูดไปแล้วมันก็เหมาะสมดีแล้ว

อรหันต์จี้กง   :  หยางเซิงพูดถูก แต่ละครอบคัวในแดนมนุษย์ ตกแต่งอย่างวิจิตรสง่างาม ตัวคนก็นุ่งห่มอาภรณ์ที่งามหรู มองดูภายนอกก็หมดจดเรียบร้อยดีแต่ในใจนั้นมีกลอุบายร้อยแปดพันประการ คิดแต่จะหาช่องฉวยโอกาส โดยไม่ดำเนินไปในทางที่ชอบ นับได้ว่าดังอุจจาระ - ปัสสาวะที่มีกลิ่น - รูปตรงตามกัน แม้ว่าจะได้เสพสุขตอนที่มีชีวิตอยู่ แต่เมื่อตกลงมาถึงนรกก็จะกลายเป็นคนละเรื่อง กินเอาพวกอุจจาระไปวัน ๆ อย่างสม่ำเสมอ

นายพล   :  ไม่ต้องไปเห็นใจพวกนี้  เหล่านี้ล้วนเป็นตัวหนอนที่อนาถ เป็นหนอนอุจจาระ เติบโตในการกินเฉพาะสิ่งสกปรก  ขอเตือนชาวโลกทั้งหลาย ทำการใดต้องมีจิตเปิดเผยบริสุทธิ์ ยุติธรรม อย่าได้เห็นแก่ได้ (เงิน) โดยฉกฉวยไม่เลือกวิธีการลอบหาเรื่องใส่ร้ายคนหรือยึดอาชีพที่ไม่สุจริต หาเงินสกปรก เมื่อตายลงแล้วต้องมารายงานตัวที่นี่อย่างแน่นอน

หยางเซิง   :  มิทราบว่าวิญญาณโทษเหล่านี้ จะพ้นทุกข์เมื่อใด ?.

นายพล   :  ก็ต้องดูที่โทษหนักเบาแค่ไหน แต่อย่างต่ำที่สุดก็ต้องขังจนกระทั่งเนื้อหนังเน่าเปื่อย เมื่อหมดโทษแล้วก็ส่งไปขุมอื่น เพื่อพิจารณากรรมอื่นที่ก่อไว้

หยางเซิง   :  นรกนั้นน่าสะพรึงกลัวเป็นยิ่งนัก

อรหันต์จี้กง   :  เวลาก็ดึกมากแล้ว ฉันว่าเราท่องชมเท่านี้ก่อนเถิด สำหรัววันนี้ เจ้าหยางเซิงเตรียมตัวกลับสำนัก ขอบคุณมากที่ท่านนายพลช่วยอธิบาย และฝากขอบคุณท่านยมบาลที่ได้กรุณาเอื้อเฟื้อ

หยางเซิง   :  ที่กรองอากาศอันนี้เอาออกได้ไหมครับ ?.

อรหันต์จี้กง   :  นั่งเรียบร้อยบนดอกบัวก่อน ค่อยเอาออก มิเช่นนั้นแล้วเจ้าจะทนไม่ไหว

หยางเซิง   :  กระผมนั่งเรียบร้อยแล้ว

อรหันต์จี้กง   :  เอาออกได้แล้ว เริ่มเดินทางกลับสำนักได้  ลมเย็นโบกโชย กลิ่นเหม็นอบอวล ฝุ่นไอแห่งมนุษย์โลกยาวเหยียดหนาแน่น กลบกลืนแล้วซึ่งวีรบุรูษผู้กล้าหาญจำนวนนับไม่ถ้วน ขอเตือนชักชวนชาวโลกควรรีบบำเพ็ญตนแต่เนิ่น ๆ โดดพ้นนรก มิต้องระทมตรอมใจ ... ถึงเซี้ยเฮี้ยงตึ้งแล้ว  หยางเซิงลงจากดอกบัว วิญญาณกลับเข้าสู่ร่างดังเดิม

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                          เที่ยวเมืองนรก

                     ครั้งที่ 12  วันอาทิตย์ที่ 31  ตุลาคม พ.ศ. 2519

                         ตอน ท่องนรกย่อยแดนหิวโหย     

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จลงตรัสเป็นกลอน มีความว่า

        เพลงเสนาะ        กล่อมรับ        ใบไม้ผลิ
อุตริ                        ขยับสะโพก      โยกย้ายส่าย
โลกสมัย                   เต็มไปด้วย      หนทางร้าย   
บ่วงกรรมข่าย             ขึงพืด             ดักวิญญาณ

อรหันต์จี้กง   :  เร่ร่อนตรากตรำเพื่อแต่งหนังสือ ลำบากยากเข็ญเพื่อใคร ?. วุ่นวายเพื่อใครในแดนมนุษย์ แม้จะมีผู้คนรถราแออัดบนถนน แต่ว่าศีลธรรมสูญหายไปเป็นลำดับ เสียงร่ำร้องวิญญาณผีในแดนนรก สั่นสะเทือนภูเขาเลากา สำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้งได้รับเทวโองการให้แต่งหนังสือ "เที่ยวเมืองนรก" ตลอดทั้งเล่มนอกจากบรรยายถึงสภาพที่โหดร้ายทรมานของแดนนรกอย่างละเอียด ยังใช้ภาพพจน์ปัจจุับันขยายความเป็นจริงให้ทราบด้วย เปิดทางให้มนุษย์ข้ามจากธารน้ำที่หลงใหล ด้วยเหตุนี้แหละหนังสือเล่มนี้จึงมิใช่นวนิยายเพื่อการอ่านเล่นหย่อนอารมณ์ หวังชาวโลกคงเข้าใจรู้สึกตัว หยางเซิงเตรียมท่องนรกได้แล้ว

หยางเซิง   :  กระผมเตรียมการเรียบร้อยแล้ว เชิญท่านอาจารย์เริ่มออกเดินทางได้แล้วครับ

อรหันต์จี้กง   :  ปุถุชนที่ได้นั่งบนดอกบัว ซึ่งเป็นการเอาใจเป็นพิเศษ หวังว่าเจ้าหยางเซิงจงรักถนอมไว้ ... ถึงแล้วละ ลงจากดอกบัวเร็ว คืนนี้จะเยี่ยมชม  "นรกแดนหิวโหย" 

หยางเซิง   :  ที่แห่งนี้เสมือนหนึ่งป่าเปลี่ยว ทุกแห่งหนไม่มีร่องรอยของผู้คนเลย เราจะไปทางทิศใดเล่า ?.

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                       เที่ยวเมืองนรก

                     ครั้งที่ 12  วันอาทิตย์ที่ 31  ตุลาคม พ.ศ. 2519

                         ตอน ท่องนรกย่อยแดนหิวโหย     

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จลงตรัสเป็นกลอน มีความว่า

        เพลงเสนาะ        กล่อมรับ        ใบไม้ผลิ
อุตริ                        ขยับสะโพก      โยกย้ายส่าย
โลกสมัย                   เต็มไปด้วย      หนทางร้าย   
บ่วงกรรมข่าย             ขึงพืด             ดักวิญญาณ

อรหันต์จี้กง   :  ห่างจากนี้ไม่ไกลนัก ผ่านภูเขาน้อยลูกหนึ่งก็จะถึง "นรกแดนหิวโหย"

หยางเซิง   :  เมื่อไม่มีแม้แต่วี่แววของคน แล้ววิญญาณผีจะเข้านรกในทางใดเล่า ?.

อรหันต์จี้กง   :  เจ้ามองไปทางด้านซ้ายก็จะรู้ถึงแก่น

หยางเซิง   :  อ้อ !  ด้านซ้ายมีทางเล็ก ๆ อยู่ทางหนึ่งจริง ๆ ด้วย บนทางมียมทูตหัวความยหน้าม้า 2 - 3  ตนคุมวิญญาณโทษเดินอยู่

อรหันต์จี้กง   :  เราเดินไปทางซ้าย เดินตามพวกเขาไป

ผู้คุมหัวควาย   :  ปุถุชนแห่งใด ?. เข้ามานี้โดยพลการได้อย่างไร ?.

อรหันต์จี้กง   :  เจ้าจงเปิดตาดูให้ชัดแจ้งก่อน ค่อยตวาดยังไม่สายเกินการ ! 

หยางเซิง   :  ผู้คุมหัวควายผู้นี้ แลดูน่าเกลียดน่ากลัวซ้ำในมือถือโซ่เหล็กง่ามเหล็กอีกด้วย ท่าทัดุดันเขาจะใช้กำลังกับเราหรือไฉน ?.

อรหันต์จี้กง   :  มิต้องหวั่น อาตมาจะอธิบายให้มันเข้าใจได้

ผู้คุมหัวควาย   :  ท่านทั้งสองคือผู้ใด บอกมาเร็ว มิเช่นนั้นจะจับกุมตัวไปให้เจ้านายชำระโทษ

อรหันต์จี้กง   :  ผู้คุม ท่านเป็นยมทูตมานานเท่าไหร่แล้ว ไฉนจึงไม่รู้จักฉัน ?.

ผู้คุมหัวควาย   :  ข้าพเจ้าทำหน้าที่ยมทูตมาได้ 2 เดือนเศษ ทุกสิ่งทุกอย่างทำตามหน้าที่ บรรดาผู้ที่ไม่มีป้ายอนุญาต ล้วนต้องถูกจับกุม นี้แหล่ะคือหน้าที่ของข้าพเจ้า

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                         เที่ยวเมืองนรก

                     ครั้งที่ 12  วันอาทิตย์ที่ 31  ตุลาคม พ.ศ. 2519

                         ตอน ท่องนรกย่อยแดนหิวโหย     

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จลงตรัสเป็นกลอน มีความว่า

        เพลงเสนาะ        กล่อมรับ        ใบไม้ผลิ
อุตริ                        ขยับสะโพก      โยกย้ายส่าย
โลกสมัย                   เต็มไปด้วย      หนทางร้าย   
บ่วงกรรมข่าย             ขึงพืด             ดักวิญญาณ

อรหันต์ขี้กง   :  อาตมาคือพระอรหันต์จี้กง ผู้นี้คือนักทรงเอกสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้ง เมืองไถ่ตงแห่งเมืองมนุษย์ เป็นศิษย์ของพระเจ้ากวนอู ได้รับเทวโองการให้มาเที่ยวเมืองนรก แต่งหนังสือเตือนชาวโลก คืนนี้จะไป  "นรกแดนหิวโหย"  ผ่านมาทางนี้ ท่านผู้คุมควรทราบว่าเรามีพระบรมราชโองการติดตัวอยู่ ห้ามการกีดขวาง มิเช่นนั้นท่านจะต้องถูกลงโทษ

ผู้คุมหัวควาย   :  ต่อหน้าพระบรมราชโองการ ขอกราบไหว้คารวะ ที่แท้ท่านก็คือผู้ที่ชาวโลกร่ำลือกันว่าพระสติเฟื่อง "จี้กง"  นั่นเอง เพราะเหตุนี้ข้าพเจ้าจากโลกมนุษย์ไปนาน ไม่เคยเห็นท่านอรหันต์  ขอให้ท่านและท่านหยางเซิงอภัยให้ด้วย ถ้าจะไป  "นรกแดนหิวโหย"  บุกผ่านภูเขาเล็กข้างหน้านี้ก็ถึงแล้ว ข้าพเจ้าจะพาท่านทั้งสองไปเอง

หยางเซิง   :  ก็ดีอยู่ !  ทางเล็กนี้ล้วนปูด้วยเศษหินและเป็นหลุมอยู่ไม่น้อย ทั้งยังมีน้ำขังอยู่ด้วย เวลาเดินผ่านทรมานยิ่งนัก ราวกับถูกแทงด้วยเข็มแหลมอย่างนั้น ข้างหน้ามีนายทหารอีก ๒ ท่าน ช่วยกันคุมผู้หญิงคนหนึ่ง ผู้หญิงคนนี้แต่งกายคล้ายเศรษฐินี แต่ถูกร้อยด้วยโซ่ตรวน หล่อนต้องโทษอันใดมิทราบ ?.

อรหันต์จี้กง   :  เมื่อตอนอยู่แดนมนุษย์เป็นผู้ที่มั่งคั่งมียศศักดิ์ได้เสพสุขมากมาย ไม่รักถนอมข้าวรักพืชธัญญาหาร ทิ้งขว้างอาหารต่าง ๆ นั่นคือ กินอิ่มมากเกินไป ดังนั้นจึงถูกคุมมายัง  "นรกแดนหิวโหย"  ให้มันอดเสียบ้าง

หยางเซิง   :  ภูเขาน้อยลูกนี้ไม่สูงนัก ต้นไม้ต้นไร่เขียวชอุ่มและยังมีต้นอ้อกับพวกเถาวัลย์พืชผลมากมาย เหมือนกับฮุบเขาในแดนมนุษย์ไม่มีผิด ในภูเขามีทางเดินขนาด ๓ คนผ่านได้อยู่ทางหนึ่ง

อรหันต์จี้กง   :  ผ่านภูเขาน้อยลูกนี้แล้ว เจ้าจะมองเห็นข้างหน้านั้น คือ  "นรกแดนหิวโหย"  ตั้งอยู่ที่เซิงเขา

หยางเซืง   :  กระผมเห็นแล้ว ตลอดทั้งผืนล้วนสร้างขึ้นด้วยโครงเหล็กกล้า และมีหลังคาออกสีคล้ำ มาถึงเชิงเขาแล้ว

ผู้คุมหัวควาย   :  พวกท่านรออยู่ที่นี่ก่อน ข้าพเจ้าจะไปรายงานแจ้งให้เจ้านายทราบ

หยางเซิง   :  ตัวอักษร  "นรกน้อยแดนหิวโหย"  ใช้ไม้กระดานแกะเป็นรอยบุ๋ม แต่ไม่สู้ชัดเจนนัก ข้างในมีทหารเฝ้ารักษาการณ์แข็งแรง หญิงผู้ถูกคุมตัวข้างหน้านั้นได้ผ่านเข้าไปด้วยใบเบิกทางแล้ว

ผู้คุมหัวควาย   :  ข้าพเจ้าได้เข้าไปในคุกรายงานต่อท่านพัสดีแล้ว (หัวหน้าผู้คุม)  แล้ว ท่านทั้งสองเชิญตามข้าพเจ้าเข้าไปได้

พัสดี   :  ขอต้อนรับท่านอาจารย์และหยางเซิงแห่งสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้งที่ให้เกียรติมายังที่นี่ ขออภัยในการต้อนรับล่าช้าเกินควร

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                          เที่ยวเมืองนรก

                     ครั้งที่ 12  วันอาทิตย์ที่ 31  ตุลาคม พ.ศ. 2519

                         ตอน ท่องนรกย่อยแดนหิวโหย     

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จลงตรัสเป็นกลอน มีความว่า

        เพลงเสนาะ        กล่อมรับ        ใบไม้ผลิ
อุตริ                        ขยับสะโพก      โยกย้ายส่าย
โลกสมัย                   เต็มไปด้วย      หนทางร้าย   
บ่วงกรรมข่าย             ขึงพืด             ดักวิญญาณ

อรหันต์จี้กง   :  พูดอะไรอย่างนั้น การที่มารบกวนนี้ เนื่องจากทางสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้งได้รับเทวโองการให้แต่งหนังสือ  "เที่ยวเมืองนรก"  อาตมาจึงนำพาวิญญาณของหยางเซิงล่องลงสู่ยมโลก ตรวจชมรายละเอียดซึ่งเป็นกรณีพิเศษ เพื่อที่เป็นข้อมูลตักเตือนชาวโลก การมาในวันนี้ขอท่านพัสดีได้โปรดให้คำชี้แจงโดยละเอียดด้วย

พัสดี   :  คุกนี้ขึ้นกับคุมที่ 2 เป็นนรกแดนหิวโหย ข้าพเจ้าพาท่านหยางเซิงตรวจชมเอง ท่านอาจารย์เชิญนั่งพักจิบน้ำชาก่อนครับ

หยางเซิง   :  ตกลง ข้าพเจ้าจะตามพัสดีไป ..... ห้งขังแถวนี้ ห้องพักกว้างประมาณ 3 เมตร ผู้ที่อยู่ภายในนั้น แม้จะแต่งกายสวยงามโสภา แต่ไฉนจึงหน้าตาซีดเหลืองผอมแห้งครวญครางอยู่ร่ำไป ?.

พัสดี   :  พวกนี้ส่วนมากเป็นพ่อค้าวาณิช ในแดนมนุษย์ กินอยู่อย่างสมบูรณ์พูนสุขใช้เงินครั้งละเป็นพันไม่รู้สึกเสียดายเลย แต่ทำกับพวกคนจนหรือพวกขอทานยาจก กลับไม่มีความเมตตาแม้แต่นิดเดียว เมื่อตายแล้ว ล้วนตกลงมาคุกนี้ ข้าพเจ้าจะเรียกวิญญาณโทษตนหนึ่งออกมา  ท่านจะซักถามเขาได้เลย

หยางเซิง   :  ขอถามท่านสุภาพบุรุษท่านนี้ ไฉนท่านจึงต้องมารับโทษที่นี่ ?.

วิญญาณโทษชาย   :  ผมทำกิจการโรงงานในแดนมนุษย์ เพราะเหตุกิจการเจริญตลอดมามีกำไรมหาศาล เนื่องจากการค้าขายต้องคบค้าสมาคมกันทุกวันขึ้นภัตตาคารร้านอาหารต่าง ๆ กินดีสนุกเฮฮา โต๊ะหนึ่ง ๆ แม้จะมีค่าเป็นหมื่น ๆ เหรียญก็ไม่รู้สึกเสียดาย แต่สวัสดิการของพนักงานคนทำงานกลับยิวแสนยิว พวกพนักงานบ่นว่าผูกใจเจ็บอยู่เสมอ หากพวกสมาคมมูลนิธิการกุศลมาเรี่ยไรเพื่อสาธารณกุศล อย่างมากที่สุดก็จะบริจาคเพียงห้าร้อยเหรียญ ไม่มีน้ำใจในเรื่องบุญกุศลเลย หากพวกขอทานหรือญาติมิตรผู้ยากจนมาขอหยิบยืมเงินทองก็สั่งคนใช้ให้บอกว่าไม่ได้อยู่บ้าน ไม่เพียงแต่เท่านั้น ในบ้านมีอาหารการกินชนิดราคาแพง ๆ มากมายก่ายกอง ไม่เคยจะประหยัดเลย และนอกบ้านนั้นยังเลี้ยงเมียเก็บอีกหลายคน สร้างหอรักให้ตัวน้อย ๆ เก็บตัวอยู่อย่างสบาย แต่ละเดือนต้องสิ้นค่าใช้จ่ายหลายหมื่นให้พวกหญิงบำเรอเหล่านี้  เมื่อ 2 ปีก่อนตายลงด้วยโรคความดันโลหิตสูง จึงถูกตัดสินให้มายัง  " นรกแดนหิวโหย"  แม้จะแต่งกายแบบสากล แต่ไม่มีอาหารชั้นสูงเลิศรสกิน ในสัปดาห์หนึ่งได้กินข้าวต้มกับผักเพียงมื้อเดียวประมาณ 3 วันก็หิวจนสลบไสล หัวควายหน้าม้าก็ใช้น้ำคืนวิญญาณสาดให้ฟื้น เป็นที่ทรมานยิ่งนัก หิวโหยเสียจนแสนที่จะทนทานได้  ท่านมีของกินอะไรบ้างไหม ?. ขอให้ทานผมด้วยเพื่อบรรเทาความหิวโหย

พัสดี   :  ไอ้เวร !!! เข้าไปเร็ว ! อย่าละเมิดนะ แกทำเองรับสนองเอง เสพสุขมากไปแล้ว อย่ามาคร่ำครวญสะอื้นไห้  สั่งให้วิญญาณโทษหญิงผู้นั้นออกมาแล้วรีบรายงานตัวต่อหยางเซิงผู้นี้ว่า เมื่ออยู่แดนมนุษย์นั้นทำผิดประการใดบ้าง ?.

วิญญาณนักโทษหญิง   :  ดิฉันเมื่อครั้งมีชีวิตอยู่ เป็นเมียของคนรวยเพราะว่าสามีทำกิจการงานก่อสร้าง  รับก่อสร้างบ้านเรือนต่าง ๆ โดยเฉพาะ ร่ำรวยมหาศาล จากการอยู่บ้านหลังเล็ก ๆ ไปอยู่ในอาคารใหญ่โตมโหฬารเพราะเหตุว่ามีเงินมาก เลยติดนิสัยไม่ดีฝึกการเล่นไพ่นกกระจอก ลุ่มหลงในการเล่นการพนันทั้งวันทั้งคืน ไม่ใส่ใจดูแลบ้านซ่องการงาน และนัดเพื่อนฝูงไปที่ฟลอร์เต้นรำเป็นประจำ หรือกินอาหารโต้รุ่ง ในชีวิตดื่มกินอย่างฟุ่มเฟือยทั้งสิ้น ไม่เคยประหยัดเงินทองเลย แต่กลับการให้ทานผู้ยากจนหรือกิจกรรมการกุศลก็เหนียวจนไม่ยอมบริจาคแม้สตางค์แดงเดียว เสพสุขตลอดชีพ เมื่อตายลงท่านยมบาลไม่มีการปราณี ตัดสินให้ดิฉันมารับโทษที่คุกนี้ ขณะนี้หิวโหยเหลือที่จะทนได้

หยางเซิง   :  วิญญาณโทษหญิงผู้นี้ บนใบหน้าแสดงถึงความทุกข์ทรมาน เอามีดยัดเข้าไปในปากขบกัดราวกับว่าหิวจนไม่สามารถทนอยู่ต่อไปได้

พัสดี   :  กลับเข้าคุกเร็ว !

หยางเซิง   :  ขอให้ท่านพัสดีอธิบาย บรรดาวิญญาณโทษที่ถูกขังไว้แต่ละห้องที่ข้าพเจ้าเห็นไม่ว่าหญิงชาย แม้การแต่งตัวจะไม่เลว แต่ไฉนจึงเหมือนพวกขอทานริมถนนนอนกลิ้งครวญครางอยู่บนพื้น ผมเผ้ายุ่งเหยิงรุงรัง แบมือขอกิน ?.

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                        เที่ยวเมืองนรก

                     ครั้งที่ 12  วันอาทิตย์ที่ 31  ตุลาคม พ.ศ. 2519

                         ตอน ท่องนรกย่อยแดนหิวโหย     

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จลงตรัสเป็นกลอน มีความว่า

        เพลงเสนาะ        กล่อมรับ        ใบไม้ผลิ
อุตริ                        ขยับสะโพก      โยกย้ายส่าย
โลกสมัย                   เต็มไปด้วย      หนทางร้าย   
บ่วงกรรมข่าย             ขึงพืด             ดักวิญญาณ

พัศดี   :  ชาวโลกที่ล้างผลาญข้าวของ ไม่ถนอมรักพืชพันธุ์ธัญญาหาร สุรุ่ยสุร่ายไม่ประหยัด มีเงินใช้ในทางเสพสุขเพื่อตนเอง ไม่ยอมบริจาคแก่คนยากจนหรือทางกิจการสาธารณกุศล หรือผู้ชายที่มีเงินร่ำรวยแล้วก็ทิ้งเมีย แล้วไปสร้างหอรักใหม่ หรือผู้หญิงที่มีชื่อเสียงขึ้นมา เช่น นักร้องในปัจจุบันเมื่อดังแล้วก็เกิดดูหมิ่นสามีตนเอง อยากจะหย่าจากไปรับความมีเกียรติทางลม ๆ แล้ง ๆ ต่าง ๆ นานา บรรดาผู้ที่พอร่ำรวยมียศศักดิ์แล้วก็เกิดแปรเปลี่ยนความนึกคิดความตั้งใจนั้น จึงเป็นการประพฤติที่ต่ำช้าเลวทราม เมื่อตายลงแล้วล้วนต้องตกมาอยู่นรกนี้ รับความทรมาน ใคร่จะหวังว่าผู้ที่ร่ำรวยมีเกียรติสูงส่งในแดนมนุษย์ ควรบริจาคเงินทองส่วนหนึ่งช่วยเหลือผู้อื่น ตัวเองอย่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเกินควร มิเช่นนั้แล้ว เพียงเอาแต่ดื่มกินเสพสุข โชคลาภจะหมดและเคราะห์กรรมจะถึงตัว ในชีวิตนี้ที่ได้มียศศักดิ์และร่ำรวยให้เสพใช้อยู่นั้น ก็เนื่องจากชาติก่อนได้สร้างบุญกุศลไว้  จึงได้รับตอบแทนด้วยบุญวาสนาในทางดี ถ้าสามารถไม่หลงระเริงกับบุญวาสนาแล้วยังสร้างบุญสร้างกุศลอีก ช่วยเหลือผู้ทุกข์ยาก เหมือนส่งถ่านให้ในเวลาหิมะตก (หมายความว่า ช่วยผู้อยู่ในความหนาวด้วยการให้ฟืนไฟ) หรือพิมพ์หนังสือธรรมเพื่อเตือนใจชาวโลก เมื่อสิ้นลมปราณแล้วไม่เพียงแต่มีชื่อเสียงที่ดีงามติดบนฝีปากชาวโลก ยิ่งกว่านั้น วิญญาณยังได้ขึ้นสู่ที่สูงสุด (คือสวรรค์) รับการเซ่นไหว้จากผู้คนทั่วไป

อรหันต์จี้กง   :  เนื่องจากเวลาจำกัด เราเตรียมตัวกลับสำนักเถิดเจ้าหยางเซิง

พัศดี   :  ก็ดีเหมือนกัน มีการขาดตกบกพร่องประการใดบ้าง ?. ขอได้โปรดอภัยให้ด้วย

หยางเซิง   :  ขอขอบคุณที่ท่านพัศดีให้การชี้แจงแถลงไข เราจะกลับสำนักแล้วละ

อรหันต์จี้กง   :  ขึ้นบนดอกบัวเร็ว ..... ถึงแล้วสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้ง  หยางเซิงลงจากดอกบัว วิญญาณกลับเข้าสู่ร่างดังเดิม

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
                                        เที่ยวเมืองนรก

                     ครั้งที่ 13  วันพุธที่ 10  พฤศจิกายน  พ.ศ. 2519

                         ตอน ท่องสะพานมรณะ (ไน้ฮ้อเกี้ย) และชมฟลอร์นรก   

        ท่านอรหันต์จี้กงเสด็จลงตรัสเป็นกลอน มีความว่า   :
           
        ใต้สะพาน        มรณะ        วิญญาณเกลื่อน
เลือกทางเถื่อน         เลื่อนลงสู่    นรกกล
ทางที่ควร               ต้องบำเพ็ญ สู่มรรคผล
สร้างกุศล               เป็นโล่ป้อง   พ้นพิบัติ

อรหันต์จี้กง   :  ศิษย์ในสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้งทุกคน ล้วนตั้งใจบำเพ็ญธรรมอย่างจริงจัง ขยันขันแข็งไม่มีการเกียจคร้าน น้ำใจน่าสรรเสริญยิ่งนัก ในวาระนี้ได้รับเทวโองการให้แต่งหนังสือเรื่อง  "เที่ยวเมืองนรก"  ท่าน  "เง็กเสียงอ๊วงตี่"  ตรัสสั่งครั้งแล้วครั้งเล่า การท่องนรกแต่งหนังสือต้องเป็นหนังสืออมตะสืบต่อไปนับหมื่นนับพันปี คุณธรรมทางปลอบเตือนสือต่อ ๆ กัน หลายชั่วชีวิตคนไม่มีวันสิ้นสุด ดังนั้นฉันจึงมีความยินดีที่จะพาหยางเซิงท่องยมโลก

หยางเซิง   :  ขอขอบคุณท่านอาจารย์ที่ได้กรุณาอบรมสั่งสอนผู้บำเพ็ญธรรมของเราทั้งคณะ ได้ทุ่มเทพลังใจและวัตถุทุกอย่างโดยสิ้นเชิง พยายามที่จะฟื้นฟู ปูวัฒนธรรมแจกจ่ายหนังสือกุศลธรรมให้แก่ผู้คนทั่วไป เพื่อเป็นการกอบกู้ปลดเปลื้องให้ชาวโลก ขอวิงวอนสวรรค์ท่านจงปกป้องคุ้มครองได้โปรดบันดาลให้แก่ศิษย์ทุกคนแคล้วคลาดจากมารและอุปสรรคใด ๆ ทั้งสิ้น

อรหันต์จี้กง   :  ตั้งใจบำเพ็ญธรรม ล้วนเป็นเพราะเหตุสภาพสิ่งแวดล้อมความเป็นอยู่ไม่อำนวยให้ ข้าจะแอบหมุนกลไกแห่งสวรรค์กลับคืน เพื่อจะได้ให้ศิษย์ทั้งหลายโดยสารไปอย่างราบรื่น วันนี้เตรียมท่องนรก เจ้าหยางเซิงรีบขึ้นบนดอกบัวเร็ว

หยางเซิง   :  กระผมนั่งเรียบร้อยแล้ว เริ่มเดินทางได้แล้วครับ

อรหันต์จี้กง   :  ถึงแล้วละ ลงจากดอกบัวเร็ว

หยางเซิง   :  ที่นี่คือสถานที่ใด ?.  ไฉนจึงมีเสียงตะเบ็งร่ำไห้ไม่ขาดสาย เบื้องหน้ามีสะพานหลังหนึ่ง ผู้คนบนสะพานร่วงหล่นลงไปส่งเสียงร่ำไห้อย่างทุกขเวทนาล้นสนั่นฟ้า ! 

อรหันต์จี้กง   :  ที่นี่คือสะพานมรณะ (ไน้ฮ้อเกี้ย) สามัญชนเมื่อตายแล้วผู้ที่มีความผิด ส่วนใหญ่จำต้องผ่านทางสะพานนี้ เราเข้าไปถามนายทหาร เชิญให้อธิบายรายละเอียดต่าง ๆ เถิด

หยางเซิง   :  สะพานนี้แกว่งไกวไม่หยุดยั้ง ราวกับสะพานที่ผูกแขวนไว้ บนสะพานมีหัวความย หน้าม้า พวกยมทูตมากหลายต่างก็คุมวิญญาณโทษ เมื่อเดินถึงกลางสะพานแล้วก็ผลักให้ตกลงไปโหดร้ายจังเลย

นายทหารผู้คุมสะพาน   :  เมื่อครู่นี้ได้รับสารจากท่าน  พระกษิติครรภโพธิสัตว์ ( เจ้าพญามัจจุราช )  ทราบมาว่าท่านอาจารย์นำพาท่านหยางเซิงแห่งสำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้ง เมืองไถ่ตงแห่งแดนมนุษย์ ตรวจเยี่ยมสถานที่แห่งนี้ เพื่อลงพิมพ์ในหนังสือ  "เที่ยวเมืองนรก"  ทำการปลดปล่อยชาวโลก ขอแสดงความยินดีด้วยครับผม     

อรหันต์จี้กง   :  พูดอะไรอย่างนั้น !!  รบกวนพวกท่านแล้วละ

นายทหาร   :  ท่านทั้งสองเชิญตามข้าพเจ้ามา ข้าพเจ้าจะนำขึ้นไปยังบนสะพาน

หยางเซิง   :  ข้าพเจ้ามิกล้าขึ้นไป ชมดูอยู่ที่เชิงสะพานนี้ก็แล้วกัน

อรหันต์จี้กง   :  อย่าวิตกไปเลย  ยมทูตหัวควายหน้าม้าสองท่านจะไม่ผลักเจ้าลงไปหรอกน่า

หยางเซิง   :  ก็ได้ครับ  แต่ว่าท่านอาจารย์ต้องดึงมือกระผมไว้ เพราะว่าพื้นสะพานสั่นไหวไม่มั่นคง กลัวจะตกลงไป

อรหันต์จี้กง   :  เมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจะจูงมือเจ้า รีบขึ้นบนสะพานเร็ว