collapse

ผู้เขียน หัวข้อ: แรงปณิธานกับแรงบาปเวร : บทบรรณาธิการ  (อ่าน 26459 ครั้ง)

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                             แรงปณิธานกับแรงบาปเวร 

                                      ตอนที่ 4

                              ฐานบัวใหญ่เล็กต่างกัน

        "ฐานบัวเก้าระดับ"  เป็นมาอย่างไร เป็นมาจากคุณธรรมบารมีที่เกิดจากจิตญาณ ไม่ได้หมายความว่า อี๋ก้วนเต้าจึงจะมี "ฐานบัวเก้าระดับ"  บำเพ็ญวิถีศาสตร์อื่น ๆ เขามีเพียงสองระดับ ไม่ใช่อย่างนี้ คุณธรรมบารมี ฯ เพียงพอก็จะมีฐานบัวเก้าระดับได้ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าบำเพ็ญอยู่ในลัทธิศาสนาใด เพียงแต่ว่าในอาณาจักรธรรมของเราดำเนินการปรกโปรดแพร่ธรรมนำมาส่งเสริมได้ ความแตกต่างอยู่ตรงนี้  ผู้น้อยทูลถามอีกว่า "นอกจากดอกใหญ่ของพระอาจารย์แล้วดอกอื่น ๆ ทำไมจึงเล็กบ้างใหญ่บ้างขอรับ" พระองค์โปรดว่า "อันที่จริง พุทธญาณของเราทุกคนล้วนเป็นเช่นเดียวกัน เริ่มจากเมล็ดพันธ์เดียวกัน คือพันธุ์โพธิ"คุณธรรมบารมีของพุทธญาณต่างกันด้วยการบำเพ็ญของแต่ละคน ฉะนั้น เธอบำเพ็ญมาเท่าไร ก็ได้ดอกบัวใหญ่เพียงนั้น ในโลกมีคนประเภทหนึ่ง เมื่อกลับขึ้นเบื้องบนมาจะต้องกลืนไม่เข้าคายไม่ออก คนประเภทไหนรู้ไหม คนประเภทพูดได้แต่ทำไม่ได้ ดีแต่พูด ชอบหลบเลี่ยงงาน ละทิ้งความรับผิดชอบ ภายหน้ากลับมาเบื้องบน ดอกบัวของเขาอาจมีปัณหา  บัวบางดอกติดป้าย ตอนนั้นผู้น้อยกินเจ แต่ยังไม่ได้ถวายปณิธานกินเจ จึงไม่มีป้ายอย่างนั้นติดอยู่ที่ดอกบัว คนที่ถวายแล้วจะมีป้าย "ชิงโข่วหยูซู่  ชำระปากกินเจ"  ยังมีอีกพวกหนึ่งที่ไม่ใช่แขวนป้าย "ชิงโข่วหยูซู่" แต่แขวนป้ายตู้เหยิน นำพาผู้คน"  แสดงว่าปณิธานของเขาคือ หนุนนำผู้คน จะนำพากี่คน ทำอะไร  บางคนได้แสดงปณิธาน ณ เบื้องพระแท่นเบื้องบนก็แขวนป้ายแสดงให้  เมื่อแขวนป้ายแล้ว ก็จะมีเทพพิทักษ์ประชิดติดตาม แม้ดอกบัวจะเป็นอย่างเดียวกัน แต่เมื่อมีแรงปณิธาน จึงจะมีแรงช่วย

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                            แรงปณิธานกับแรงบาปเวร 

                                     ตอนที่ 4

                      ความแตกต่างระหว่างดอกบัว กับ "เซียนเถา" 

        พระองค์จอมชันษาฯ โปรดว่า  "เจ้าจงตามมา" แล้วพระองค์ก็ทรงนำดำเนินต่อไป  ณ  บริเวณนี้ ขวามือของเราคือสระบัว  ซ้ายมือคือสวนต้นท้อเซียน (เซียนเถา) เซียนเถาของเบื้องบนลูกใหญ่มาก ในโลกมนุษย์เล็กเท่ากำปั้น  ตามหลัก (คิดเอง)  มีดอกบัวแสดงบารมีคุณก็พอแล้ว ไม่ต้องมีเซียนเถาอีก พระองค์จอมชันษาฯ โปรดว่า "ดอกบัวแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจ ก่อเกิดปณิธาน ถวายปณิธานคือถวายความตั้งใจ แต่การดำเนินธรรมของเจ้า จะต้องบรรลุปณิธานที่ตั้งไว้ จึงจะได้เซียนเถา บรรลุปณิธานจึงจะได้กินเซียนเถานะ"  ฉะนั้น ไม่ใช่ตั้งปณิธานไว้มากมาย ภายหน้าจะบรรลุมรรคผลใหญ่ได้  ตั้งปณิธานแต่ไม่ได้ไปทำเลย ก็เหมือนบางคนที่รับ  "เทียนมิ่ง"   แล้ว  แรกเริ่มตั้งปณิธานไว้ใหญ่มากจะนำพาสาธุชน แต่มีเวลาดูทีวีอยู่กับบ้านทุกวัน หมดอายุกลับคืนไปก็จะได้พบว่าดอกบัวของตนใหญ่กว่าของคนทั่วไปได้จริง (เฉพาะรับเทียนมิ่ง)  แต่ไม่มีเซียนเถา นี่แสดงถึงอะไร แสดงถึงคนนี้ปากกับใจไม่ตรงกัน ปณิธานกับการกระทำไม่เป็นหนึ่งเดียวกัน  ก่อนที่ผู้น้อยจะได้มาเห็น "เทียนปั่ง  ผังฟ้า"  เดินผ่านสระบัว สวนท้อเท่านั้น  ก็ประมาณได้ว่าตนเองจะยืนอยู่ ณ ตำแหน่งใดแล้ว

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                            แรงปณิธานกับแรงบาปเวร 

                                     ตอนที่  5

                       แจกแจงเกี่ยวกับ "หอคุณธรรมบารมี"

        พระองค์จอมชันษาฯ ดำเนินนำผู้น้อยไปอีกจนถึง "เทียนปั่ง  ผังฟ้า"   "เทียนปั่ง ผังฟ้า"นี้ มีความกว้างใหญ่เท่าไร รู้ไหม  อย่างน้อยใหญ่กว่าเมืองไทเปโดยรอบ บนพื้นที่อันกว้างใหญ่ไพศาล "เทียนปั่ง ผังฟ้า" มีอะไร  มีทั้งถนนหนทาง  ตรอกซอย  ผู้บำเพ็ญทุกคนต่างมีผังฟ้าหนึ่งหลังเฉพาะตน ผังฟ้าไม่ใช่แผ่นป้าย ที่จารึกการลงทะเบียนถวายชื่อเท่านั้น แต่เป็นผังภูมิจากจิตใจของแต่ละคน ซึ่งเบื้องฟ้า  "เทียนปั่ง ผังฟ้า" จะเป็นแต่ละผังภูมิของแต่ละคน เมื่อเดินเข้าไปถึงตรงกลางปริมณฑลของ "เทียนปั่ง ผังฟ้า"   ที่ตรงนั้นมีบ้านสีทองหลังหนึ่ง รูปทรงคล้ายเสลี่ยงเจ้า ประมาณสูงกว่าพระพุทธประทีปองค์กลางของพระแม่องค์ธรรม (ที่ธรรมปราสาทใหญ่) เล็กน้อย  พระองค์จอมชันษา ฯโปรดว่า  "สิ่งที่เก็บไว้ในบ้านหลังนี้ คือกุศลบารมีที่เจ้าบำเพ็ญมา"  ผู้น้อยนัยน์ตาวาว เราไม่กล้าบอกว่า ตนมีกุศลบารมีจากการบำเพ็ญ แทบจะกล้าพูดแต่เพียงว่าเรามีโทษ ผิดบาป  ผู้น้อยจึงไม่รู้ว่าตนเอง ได้ทำอะไรไว้ที่นับได้ว่าเป็นกุศลบารมี  พระองค์โปรดว่า "เจ้าเข้าไปดูเอง"  ผู้น้อยจึงเข้าไป ภายในบ้านหลังนั้น มีกระดาษแผ่นใหญ่มาก จารึกข้อความว่า "เปี่ยวเหวินเฉิงโจ้ว ถวายในคำขอ ฯ"  หน้าแรกเขียนด้วยอักษรจีน ลักษณะศิลปตวัดหาง พูดถึงอักษรมีคนห่วงว่า ไม่ใช่คนจีนรับธรรมะ กลับขึ้นเบื้องบนแล้ว เขาจะเข้าใจไหมนี่  ผู้น้อยคิดว่าเขาต้องเข้าใจ เมื่ออยู่เบื้องโลก อักษรขยุกขยิกอ่านไม่ออกแต่แปลก พอถึงภาวะนั้น ก็อ่านออกได้เอง เบื้องบนจึงไม่มีอุปสรรคเรื่องอักษรภาษา สำหรับจิตญาณแล้ว จะไม่มีปัญหาเหล่านี้

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                              แรงปณิธานกับแรงบาปเวร 
 
                                     ตอนที่  5

                              นำพากล่อมเกลามีกุศล

        ในเปี่ยวเหวินจารึก  ปี  เดือน  วันเวลา  อิ๋นเป่าซือ  เตี่ยนฉวนซือ  สถานธรรม  ผู้รับธรรมะ   ล่างสุดบันทึกว่าเป็น จอมเซียนพระองค์ใดดูแล   อีกทั้งไปนำพาเขาจากที่ไหน  หมายเหตุบุญกุศล จากการนำพากล่อมเกลา  นำพาคนรับธรรมะ  นำพากล่อมเกลา มีกุศลผลบุญ 

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                              แรงปณิธานกับแรงบาปเวร 

                                        ตอนที่  5 

                               ตักเตือนกล่อมเกลามีกุศล

        จารึกว่า ปี  เดือนใด  ณ  ที่ใด  นำพาคนนั้น ๆ ข้างบน เขียนว่า  "ตักเตือนกล่อมเกลามีกุศล"   อักษรเป็นสีทองทั้งหมด  จึงเห็นได้ว่าการนำพากล่อมเกลาคนเป็นกุศลอันดับหนึ่ง  นำพากล่อมเกลา  กับ  ตักเตือนกล่อมเกลา  ต่างกันตรงไหน  นำพากล่อมเกลา คือ เราไปนำพาคนนี้ เขาได้มารับธรรมะ เรียกว่านำพากล่อมเกลา ไม่ว่าเราจะได้ลงชื่อ เป็นผู้แนะนำรับรองหรือไม่  ลงชื่อก็ได้บุญกุศล  ไม่ได้ลงชื่อแต่เราเป็นคนนำพามาก็ได้บุญกุศลเช่นกัน  ผู้น้อยเห็นข้อความจารึกของตนเอง นำพาคนมามาก  บุญกุศลจากการตักเตือนกล่อมเกลา ยิ่งมากกว่า  รวมแล้วเกือบห้าพันจารึก  อย่างไรเรียกว่า ตักเตือนกล่อมเกลาจารึกก็คือ เราไปนำพาคน สุดท้ายเขาบอกว่า เขาไม่มีบุญสัมพันธ์ทางพุทธะ  ไม่มีแก่ใจทางนี้  ไม่อยากรับธรรมะ  แม้เขาจะไม่ได้มา  แต่เราได้ไปชักชวนนำพา แค่นี้ก็เป็นบุญกุศลแล้ว  เบื้องบนรับเอาจิตใจส่วนนี้ของเรา เพียงแต่เราได้ไปชักชวนนำพาก็มีบุญกุศล เขามาได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับบุญปัจจัยของเขากับบุญบารมีของบรรพบุรุษของเขา มีเพียงพอหรือไม่  เราได้ชักนำเขาแล้ว ก็คือ  "ตักเตือน กล่อมเกลา มีบุญกุศล"  นำพาคนจึงมีกุศลสองอย่าง  ต่อไปเรามองดูบางคน แม้จะไม่ได้พาใครมาได้ แต่เขาก็ได้บุญกุศลไม่อาจประมาณ อย่าดูถูกเขา       
 

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                               แรงปณิธานกับแรงบาปเวร 

                                       ตอนที่  5

                                 กุศลน้อยนิดไม่ผิดพลาด

        ยังมีกุศลผลบุญจากการให้ทานอีก  เราบริจาคเงินเท่าไร  ที่ไหน  เมื่อไร  เบื้องบนก็โปรดจารึกไว้ ทรัพย์เป็นทานบางกรณี  เรามองไม่เห็นได้ แต่เบื้องบนก็จารึกไว้  มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ผู้น้อยกำลังงกเงิน  เบื้องบนจึงจดบุญกุศลที่ผู้น้อยบริจาคออกมาเป็นตัวเงิน เอานามรูปของเงินออกมาแสดง อันนั้นผู้น้อยดูออกในจำนวนนั้นมีอยู่ข้อหนึ่งคือ  ที่ธรรมปราสาทเมี่ยวซั่นกง จบชั้นประชุมอบรมธรรม เบาะหลังมอเตอร์ไซค์ของผู้น้อยว่างอยู่ เห็นนักธรรมท่านหนึ่งเดินเท้าอยู่ข้างหน้า จึงจอดรถถามว่า "จะซ้อนท้ายไปไหม ผมจะไปส่งที่ป้านรถ"  เขาขึ้นมานั่งซ้อนท้าย ผู้น้อยขี่รถลื่นไถลสบาย ๆ ลงจากภูเขา ไปถึงสถานีรถไฟ ผู้น้อยกลับบ้าน เรื่องนี้ผู้น้อยลืมหมดแล้ว จำไม่ได้ว่าผู้ซ้อนท้ายเป็นใคร ปราศจากความทรงจำ แต่ผลคือเบื้องบนจารึกว่า วันนั้น  คนที่ให้ทรัพย์เป็นทาน0.2 เหรียญ (สองเซ็นต์)  ธรรมปราสาทเมี่ยวซั่นกงอยู่บนภูเขา แค่ปล่อยรถให้ลื่นไถลลงมา เสียน้ำมันไปสองเซ็นต์  สองเซ็นต์ มันจะแค่ไหนกันเชียว แต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ตรวจสอบชัดเจน  ไม่ใช่แค่สองเซ็นต์จะไม่นับ ยังคงเป็นบุญกุศลไม่ประมาณ ไม่ประมาณคือเท่าไรก็ใช่ เบื้องบนจารึกบุญกุศลให้ดูง่าย ๆ จากความจริงใจของเรา  สิ่งนั้นเราไม่ช่วยก็ได้ แต่เรายังช่วย เราเลือกไม่ทำก็ได้ แต่เราก็เลือกที่จะทำ  อย่างนี้ก็คือกุศลผลบุญ ในทางตรงกันข้ามก็คือ โทษ  ผิดบาป  เราเลือกไม่ทำได้ แต่เรากลับเลือกที่จะทำ  ครั้งหนึ่ง ผู้น้อยออกไปซื้อข้าวกล่อง ซื้อเสร็จกลับมาเห็นหน้าบ้านมีสุนัขตัวหนึ่งหิวมา ข้าวกล่องเลยเลี้ยงสุนัขไป  นี่ก็ถูกจารึกว่า สร้างกุศลห้าสิบเหรียญ เลี้ยงสุนัขก็นับว่าให้ทาน ให้ทาน ไม่ว่าจะแก่ญาติธรรม สถานธรรม  ผู้คนหรือเวไนยสัตว์อื่น ๆ เมื่อทำก็คือ มีกุศลผลบุญ  บางคนยึดมั่นถือมั่นว่า จะต้องบริจาคให้สถานธรรมจึงจะนับว่าเป็นบุญ คิดอย่างนี้เพี้ยนห่างไปมาก เท่ากับยึดมั่นถือมั่นเกินไป  วัดและเทวสถานบางแห่ง ยังใช้อาหารเนื้อสัตว์ประกอบพิธีกรรมเซ่นไหว้ การทำบุญแก่วัดหรือเทวสถานนั้น ๆ จะต้องระวังการเกี่ยวกรรมส่วนเงินทุกบาททุกสตางค์ จะบริจาคไปไหน จะต้องชัดเจน   เขาร่วมบุญซื้อธุป เราก็จะต้องเอาไปซื้อธูป จะเปลี่ยนไปใช้อย่างอื่นไม่ได้ จะเท่ากับยึดครองบุญกุศลของเขา ฉะนั้น เบื้องบนจึงจารึกบุญกุศลไว้มากมาย รวมถึงการจัดเรียงเก้าอี้  วันนี้เป็นเวรเธอจัดเรียงเก้าอี้นั่งประชุมธรรม เป็นบุญกุศลเล็ก ๆ คือบริการ  ไม่นับเป็นบุญกุศลอะไรได้ แต่วันนี้ไม่ใช่เวรของเธอเรียงเก้าอี้  แต่เธอกลับมาเองเรียงแต่เช้า มาส่งผ้าเช้ดมือ  เรียงเก้าอี้  บุญกุศลนี้ก็จะใหญ่เชียวล่ะ  เมื่อก่อน ตอนที่ผู้น้อยเข้ามาอยู่ในสถานธรรมค่อนข้างขลาดกลัว  ทุกครั้งทุกคืนเมื่อญาติธรรมเลิกเรียนกลับไปหมดแล้ว ก็จะถูพื้นทั้งหมดจนถึงบันได จากชั้นหกถูลงมาจนถึงชั้นที่หนึ่ง ภายหลัง  "ชมรมโภชนาธรรม"  ย้ายบ้านอีกครั้งหนึ่ง หลังเลิกเรียน ผู้น้อยก็ยังถูจนหมดถึงบันได  ฉะนั้น  นักศึกษารุ่นน้องเลิกเรียนกลับมาที่ชมรม ก็จะเห็นว่า บันได  เชิงพัก  ห้องพัก  ข้างบันไดสะอาดสะอ้านไปหมด  ทุกคนก็จะรู้ว่าผู้น้อยกลับมาถึงก่อนแล้วเพราะเมื่อผู้น้อยกลับมาถึงชมรมฯ สิ่งแรกก็คือ ถูห้องครัว  ต่อจากนั้นก็ห้องข้างบันไดตำหนักพระ  เสร็จแล้วขัดส้วม  ความตั้งใจ ศรัทธาของผู้น้อยตอนนั้นคือ ให้ทุกคนได้รับบริการดีเยี่ยม จากบริเวณที่สกปรกเลอะเทอะที่สุด ให้เป็นสะอาดที่สุด อย่างนี้ก็คือธรรมะของเรา บัดนี้ จึงเพิ่งจะรู้ว่าเบื้องบนล้วนจารึกไว้ผู้น้อยจึงซาบซึ้งยิ่งนัก ญาติธรรมบางคนชอบเช็ดถูตำหนักพระ เข้าใจว่าใกล้ชิดสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากกว่า แต่ไม่ชอบมล้างส้วม แท้จริงนี่คือ ใจยึดมั่นแบ่งแยกเบื้องบนไม่ได้เห็นความแตกต่างต่อสถานที่ที่เราทำ 

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                            แรงปณิธานกับแรงบาปเวร 

                                   ตอนที่  5

                                บุญกุศลแท้จริง

        ท่านกลัวว่างานที่ทำจะไม่มีใครเห็นหรือเปล่า  ยินดีด้วย เพราะเหตุใด  ไม่มีคนเห็นเรียกว่า บุญกุศลแฝง  เบื้องบนจารึกไว้ชัดเจน  ที่มีคนเห็นนั้นเจตนาให้เขาเห็นเรียกว่า บุญกุศลแจ้ง  มีคนเห็นแล้ว ได้รางวัลชื่นชมไปแล้ว เบื้องบนจารึกไว้น้อยมาก  อะไรที่เบื้องบนเห็นแล้ว เป็นบุญกุศลแท้จริงแน่นอน นั่นก็  คือสิ่งที่บกพร่อง ไม่สมบูรณ์แต่เดิมที  เติมเต็มให้สมบูรณ์  อย่างนี้จะมีบุญกุศล เช่นในการประชุมธรรม  บางครั้งไม่อาจละเว้นสิ่งตำหนิติเตียน เจี่ยงซือบางท่านอาจเสียใจมาก เพราะได้ทุ่มเทมากอยู่ แต่ไม่มีใครยอมรับ เราจะต้องรีบไปปลอบใจ หรือหากรู้ว่าญาติธรรม คนไหนถูกทดสอบ เกิดการสอบแล้ว อารมณ์ไม่ดี เราก็รีบไปปลอบขวัญ  เราทำให้อาณาจักรธรรมเกิดการไม่สมบูรณ์  ให้กลับเป็นสมบูรณ์  นี่ก็คือบุญกุศล

ออฟไลน์ หนึ่งเดียว หลุดพ้น

  • Elder
  • มิตรนักธรรม
  • กระทู้: 6,382
                               แรงปณิธานกับแรงบาปเวร 

                                      ตอนที่  5

                                ช่วยงานธรรมะมีกุศล

        วันหนึ่ง  มีการถ่ายทอดเบิกธรรมที่สถานธรรมส่วนรวม  เดิมทีจัดให้ผู้น้อยส่งผ้าเช็ดมือ แต่เพราะตื่นสายไป  ทำให้ลืมมาส่งผ้าเช็ดมือที่สถานธรรม แต่ก็ยังมา พอมาถึงสถานธรรม น้อง ๆ นักศึกษาได้ช่วยกันส่งผ้าเช็ดมือแล้ว  ผู้น้อยล้างมือเสร็จ  "ซันเจี้ย"  กราบคารวะรายงานตัวเสร็จไม่มีอะไรให้ทำ จึงลงไปที่ห้องบรรยายชั้นล่าง ลงไปถึงเห็นคนรอรับธรรมะสามคนนั่งอยู่ที่นั่น  ดูอย่างกับนั่งคอย จึงนั่งลงเป็นเพื่อน ชวนกินผลไม้ (ปอก หั่นแล้ว) หลังจากเจี่ยงซือมาเชิญให้เขาขึ้นไปฟังปฐมนิเทศธรรม พวกเขาไปกันหมด ผู้น้อยจึงช่วยกินผลไม้ที่เหลือต่อไปจนหมด แล้วก็กลับบ้าน วันนั้น  ไปสถานธรรมไม่ได้ทำอะไรเลยไม่ได้ส่งผ้าไม่ได้ร่วมอาราธนา ไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง ผลงานหนึ่งเดียวคือกินผลไม้ที่เหลือจนหมด (ไม่ต้องเสียของ) ปรากฏว่าเบื้องบนจารึกว่า "มีกุศลมาช่วยงานธรรมะ" ทำไมจึงว่ามีกุศลจากการช่วยงานธรรมะ ก็เพราะไม่มีใครต้อนรับดุแล เราเข้าไปช่วยต้อนรับดูแล  แต่ก่อนท่านเหล่าเฉียนเหยินเคยกล่าวว่า "เธออยู่ในอาณาจักรธรรม ปฏิบัติบำเพ็ญ ไม่เป็นคุณก็เป็นโทษ  ไม่ใช่สุขวาสนาก็เป็นการลบล้างบุญวาสนา"  เราไม่ได้ทุ่มเทใจให้ก็เป็นลบล้างบุญวาสนา ผู้น้อยตั้งใจจะบริการรับใช้ แต่ตื่นสายไป กลายเป็นรับบริการ เราไม่มีบุญกุศลยังรับบริการเสียอีก  ฉะนั้น  เราปฏิบัติบำเพ็ญอยู่ในอาณาจักรธรรม จะต้องเอาจริงเอาจังจริง ๆ จะต้องทันท่วงที  ทันการ  เพราะ "มีงานสร้งบุญได้ง่าย  ไม่มีงานสร้างบุญได้ยาก"  เราไม่ได้สร้างบุญ บุญกุศลก็จะไม่พอ เราก็ยากที่จะจิตใจใสสว่าง อันนี้มันแน่นอน  เรามักจะจำคนที่รับธรรมะที่สถานธรรมได้แม่นยำ แต่กับคนที่ไม่ได้มารับธรรมะที่สถานธรรมเรามักจะลืมเขา ผู้น้อยไม่รู้ว่าตนเองเคยได้ถามคนมาห้าพันคนกว่าคนแล้ว เพื่อเชิญเขามารับธรรมะที่สถานธรรม ถ้าหากให้ท่านไปถามใครอย่างนี้ วันละหนึ่งคนสิบปีก็พึ่งจะถามได้สามพันหกร้อยคน ตอนนั้น  ผู้น้อยรับธรรมะยังไม่ถึงสิบปี แต่ก้ได้ถามเพื่อนำพาเขามารับธรรมะแล้วถึงห้าพันคน  เราปฏิบัติบำเพ็ญธรรมจะต้องจับเวลาไว้ให้มั่น  ไม่ให้เสียโอกาส ถ้าถึงเวลาต้องทำการงานรับผิดชอบครอบครัวแล้ว จะไม่มีเวลาร่วมงานธรรมได้มาก ฉะนั้น เมื่อยังทำได้ ได้ทำ  ทุกเวลาจะต้องจับไว้ให้มั่น ร่วมงานได้  ร่วมให้เต็มที่ ไม่ต้องกลัวคนทางบ้านจะขัดขวางต่อต้าน ถ้าเราไม่ทะยานตนออกมา การถูกทดสอบจากทางบ้านก็จะใหญ่มากขึ้น จึงต้องหาทางไปร่วมงานจับโอกาสเวลาทุกขณะที่จะร่วมงานได้ไว้ให้มั่น พอผ่านการทดสอบแล้ว พลังจะเพิ่มพูนยิ่งขึ้น 

Tags:
 

มหาปณิธาน

พระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ (地藏王菩薩)

มหาปณิธานพระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ (地藏王菩薩)

“...เพื่อหมู่สัตว์ทั้งหกภูมิผู้มีบาปทุกข์ ข้าพเจ้าจะใช้วิธีการต่างๆ ช่วยให้หลุดพ้นจนหมดสิ้น แล้วตัวข้าพเจ้าจึงจะสำเร็จพระพุทธมรรค”